พี่ยักษ์ที่รัก [14]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-4-10 05:12ลุงสินกับป้าปู มาหาที่บ้านพี่ยักษ์ตั้งแต่เช้าและเรียกพี่ยักษ์ลงไปคุยข้างล่าง
ไม่รู้ทำไมเหมือนกันตอนนั้นเราก็รู้สึกได้นะว่าต้องเป็นเรื่องของเราแน่ๆ ...
ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ ...
ลุงสินต่อว่าพี่ยักษ์ใหญ่เลย ว่าทำไมต้องทำให้มันเป็นปัญหาด้วย
เพราะเดิมทีก็มีปัญหากับบ้านของยายเรามากพออยู่แล้วทำไมต้องเอาเรามาเลี้ยงให้กลายเป็นปัญหาหนักกว่าเดิมอีก
เราได้ยินแค่พี่ยักษ์ตอบกลับไปว่า “ผมรู้ผมจะรับผิดชอบเอง”
“เรื่องของน้องขอให้ผมเป็นคนจัดการเอง” แค่ประโยคพวกนี้ซ้ำๆ
และก่อนที่ลุงสินกับป้าปูจะออกไป เราได้ยินที่ลุงเขาพูดทิ้งท้ายว่า
“เอาลูกเขามาเลี้ยงสุดท้ายยังไงพ่อแม่เขาก็ต้องมารับไปอยู่ดี แล้วถ้าเขาไปคืนดีกับพวกพี่ป้าน้าอาเขา
มึงก็จะเป็นหมา... เด็กมันจะไปรู้อะไร พูดดีกับมันเข้าหน่อยมันก็หายโกรธแล้ว...ไอ้ดินเอ้ย...หาเรื่องใส่ตัวจริงๆ”
ซึ่งคำพูดของลุงสินนั้น มันไม่จริงเลย...ถึงเราจะเป็นเด็กในตอนนั้นแต่เราก็จดจำได้ทุกความทรงจำได้ดี
เราว่าผู้ใหญ่หลายๆคนในตอนนั้นหรือในกระทั่งยุคนี้เอง ก็ยังมีคนที่ความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับเด็กอยู่
ไม่ใช่ว่าเห็นเขาเป็นแค่เด็กแล้วจะทำอะไรก็ได้ เขาก็เป็นคนและมีสมองเหมือนกัน
เขาสามารถบันทึกและจดจำเรื่องราวได้เป็นอย่างดียิ่งถ้าเรื่องนั้นมันส่งผลต่อความรู้สึกเขาไม่ว่าจะเป็นเรื่องดี...หรือร้าย
หลังจากลุงสินและป้าปูกลับไปแล้ว พี่ยักษ์ก็เดินกลับเข้ามาในห้องด้วยใบหน้าที่ยิ้มกว้างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ถึงตอนนั้นเราจะเป็นเด็กแต่เราก็รู้นะว่าพี่เขาเองก็รู้สึกแย่กับเหตุการณ์ที่มันเกิดขึ้นพอสมควร
แต่พี่เขาพยายามเก็บความรู้สึกและยิ้มให้เราเหมือนกับว่าไม่มีอะไร
“ทำไมทำหน้าแบบนั้นละครับหมาน้อย? หืมมมม” พี่ยักษ์เดินมายืนหยุดอยู่ตรงหน้า
แล้วขยี้หัวเราเบาๆคงเพราะพี่เขาคงสังเกตุเห็นว่าเราทำสีหน้าไม่ค่อยดีตอนเห็นหน้าพี่เขา
“พี่ยักษ์...ผมขอโทษนะฮะ”
“ขอโทษเรื่องอะไรเหรอ?”
“ขอโทษที่ทำให้พี่ยักษ์เจ็บตัว…แล้วก็โดนลุงสินดุ เพราะผม...”
“แนะ!ไอ้ดื้อ...แอบฟังผู้ใหญ่คุยกันมันไม่ดีนะ”พูดจบพี่เขาทุบหัวเราเบาๆ
“ผมไม่ได้แอบฟังนะฮะ...ก็มันได้ยินเอง...”
“...เดี๋ยวนี้เถียงเก่งซะด้วย ไหน...มันเป็นยังไงนะ หืมมมม...หรือว่าไม่ได้โดนกำหราบนาน เริ่มดื้ออีกแล้วเหรอ?”
พูดเสร็จพี่เขาก็ยกตัวเราไปนอน แล้วก็ขึ้นมานอนทับร่างของเราไว้แล้วเอาหนวดแข็งของพี่เขาซุกไซร้ไปมาตามซอกคอ
“อ๊าา..าา..อื้ออออออ...ห...หนักฮะ”มันทั้งรู้สึกเสียว และรู้สึกหนักเพราะพี่เขาเล่นทิ้งตัวมาทับเราเต็มที่เลย
เราพยายามดันตัวพี่เขาออกแต่ว่าตอนที่มือเราไปสัมผัสกับบริเวณแผงอกของพี่เขาก็เห็นว่ามีรอยที่โดนจิกโดนข่วนตรงนั้นด้วย...
“พี่ยักษ์...เจ็บมั้ยฮะ?”
“หืม? แผลพวกนี้อ่ะหรอ จิ๊บๆ ไม่เจ็บสักนิดเลย” พี่ยักษ์ถอนหน้าออกมา
แล้วก้มลงมองตรงที่มือเราลูบไปที่รอยแผลของพี่เขาที่ยังดูสดๆ ใหม่ๆ อยู่
“แต่พี่เจ็บใจมากกว่า...ที่รู้ว่าหนูโดนพวกเขาตีตอนที่พี่ไม่อยู่...พี่ขอโทษนะ...” พูดจบพี่เขาก็ซุกหน้ามาตรงซอกคอของเราต่อ
“ผมก็ขอโทษเหมือนกันฮะ...”เราได้แต่เอามือสัมผัสลูบไปมาเบาๆ ตรงท้ายทอยของพี่เขาเหมือนเป็นการปลอบและขอโทษ
“หนู...ลูบหัวให้พี่หน่อยสิครับ...พี่เอง...ก็อยากให้หนูลูบหัวให้เหมือนกันนะ...”
พอพี่เขาพูดจบ เราก็เอี้ยวหน้าหันไปมองพี่เขานิดนึง เพราะรู้สึกแปลกใจ
ไม่คิดว่าผู้ใหญ่อย่างพี่เขาก็จะชอบโดนลูบหัวให้เหมือนกัน
จากนั้นมือของเราค่อยๆ เลื่อนขึ้นมาสัมผัสที่เส้นผมที่แข็งและหนาของพี่เขา
ก่อนจะค่อยๆ ลูบลงไปบนหัวพี่เขาเบาๆ
พี่ยักษ์สูดลมหายใจเข้าออกช้าๆ ขณะที่นอนเอาหน้าซุกอยู่ตรงซอกคอเราอยู่อย่างนั้น
เหมือนพี่เขาเองก็จะรู้สึกผ่อนคลายเหมือนกัน ที่เราลูบหัวให้พี่เขา
สักพักพี่เขาก็ดันตัวขึ้นแล้วก้มมองมาที่หน้าเรา
“พี่ขอบคุณมากนะ เมื่อวานที่ช่วยพี่...แต่ว่า...หนูอย่าทำแบบนั้นอีกนะ
พี่ไม่อยากให้คนอื่นมองว่าหนูเป็นเด็กไม่น่ารัก เป็นเด็กก้าวร้าวเข้าใจมั้ยครับหมาน้อย”
พี่ยักษ์พูดพร้อมกับยกมือมาลูบตรงกระหม่อมเราไปมา
“เข้าใจแล้วครับ” เรายิ้มให้
“ดีมาก คนเก่งของพี่”
“...แล้วอีกอย่างรอยแผลพวกนี้ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกเพราะถ้าพี่เอาจริง
เมื่อวานพี่ปล่อยหมัดน็อคเข้าไปพวกเขาได้สลบหยอดน้ำข้าวต้มกันหมดแล้ว”
พี่เขาพูดพลางลุกขึ้นนั่งแล้วทำท่าชกมวยปล่อยหมัดให้เราดู
ทำเอาขำชอบใจ พอนึกถึงภาพพวกป้าๆ โดนพี่ยักษ์ต่อยร่วงก็เป็นแถว ก็รู้สึกสะใจอยู่ไม่น้อย
“ชอบๆ ทำขำ ไอ้ลูกหมาเอ้ย!”
“ป่ะ ไปอาบน้ำ ล้างหน้าแปรงฟันเดี๋ยวจะได้ไปซื้อของมาทำกับข้าวกินกัน”
“พี่ยักษ์จะพาไปไหนหรอฮะ?” เราสงสัย เพราะปกติถ้าเป็นวันเสาร์-อาทิตย์ตอนเช้าเราไม่ต้องอาบน้ำนี่หน่า แค่ล้างหน้าแปรงฟันเฉยๆ
“พาหนี…” พูดจบพี่เขาก็ยิ้มแล้วยักคิ้วให้เราหนึ่งที
----------
ขณะที่เรากำลังนั่งกินข้าวเช้ากันอยู่พี่เมฆก็ขี่รถเข้ามาพอดี
“ไง...คุณพ่อลูกติด อ่วมเลยดิมึง” พี่เมฆเอ่ยแซวขึ้นทันทีที่เห็นหน้าพี่ยักษ์
“อ่วมอะไร... ขี้ประติ๋ววะ... แผลแค่นี้... จะทำอะไรกูได้วะ”
พี่ยักษ์ตอบกลับไปด้วยสีหน้ากวนๆ พอเห็นพี่เขาดูท่าทางไม่เป็นอะไรเราก็รู้สึกสบายใจขึ้น
“เออ...งั้นเย็นนี้แดกเหล้ากันมั้ย? เดี๋ยวกูไปตามไอ้จอมกับไอ้โชคมาให้ดูท่าจะมีเรื่องคุยกันยาวเลยวะ”
“ยังดีกว่าวะ...เอาไว้วันหลังแล้วกัน วันนี้กูขอพักก่อน”
“ตามใจมึงนะ แล้ว...วันนี้ไปจับปลากับกูอีกเปล่า?
เมื่อวานกูก็ว่ามารับน้อง ทำไมมึงหายไปตั้งนาน... ไอ้ห่า ทิ้งกูอยู่คนเดียว
ปลาก็ไม่ได้จับ แถมยังขนของกลับมาคนเดียวอีก”
พี่เมฆบ่นยาวเหยียด น่าจะเพราะเรื่องเมื่อวาน พี่ยักษ์ก็เลยไม่ได้กลับไปหาพี่เมฆทิ้งให้พี่เขาอยู่คนเดียว จนต้องกลับมาเอง 55555
“ฮ่า โทษทีวะ เอาไว้คราวหน้าแล้วกัน วันนี้กูว่าจะไปขี่รถเที่ยวกับน้องมันสักหน่อย...”
“ไปที่ไหนวะ?”
“ไม่รู้วะ...ก็ขี่ไปเรื่อยๆ ดูโน่นดูนี่ ปล่อยหัวสมองให้มันคิดอะไรเรื่อยเปื่อย...”
“ไอ้ยักษ์ มึงไม่เป็นไรแน่นะ? มีอะไรบอกกูได้นะโว้ย” พี่เมฆเดินมาข้างหลังแล้วแตะบ่าพี่ยักษ์เบาๆ
“อืมมม...กูไม่เป็นไร ขอบใจมาก”
ถึงแม้พี่ยักษ์จะตอบกลับพี่เมฆออกไปว่าไม่เป็นไร
แต่เราก็สังเกตุเห็นสีหน้าของพี่เขาเหมือนจะครุ่นคิดอะไรอยู่ตลอดเวลา...
จนอดคิดไม่ได้ว่านี่เรากำลังทำอะไรที่ทำให้พี่เขาลำบากใจหรือเปล่านะ...
“เออ...ไม่เป็นไรก็ดีแล้ว...งั้นกูไปล่ะว่าจะมาชวนแดกเหล้าสักหน่อย”
“ไงไอ้ตัวเล็ก นั่งเงียบเลย ไม่พูดไม่จา”พี่เมฆหันมาทักทายเรา
ที่กำลังนั่งกินข้าวแล้วก็นิ่งเงียบฟังพวกพี่เขาคุยกันไปด้วยทำให้เราได้แต่ยิ้มให้เฉยๆ ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“โห่ เสียดาย...เมื่อวานอดลงไปเล่นน้ำจับปลากับพวกพี่เลย”
“เดี๋ยววันหลังค่อยไปใหม่ก็ได้ฮะ” เรายิ้มแล้วตอบกลับไป
“แหม... ตอบเหมือนกันกับพ่อเอ็งเลยเนอะ” พูดจบพี่เมฆก็มายืนข้างหลังเรา ทำให้เราหันไปมองว่าพี่เขามายืนทำไม
“แต่ไม่เป็นไร อยู่บนบกก็จับปลาได้เหมือนกันนะโว้ย”
“หือ! มีปลาอยู่บนบกด้วยหรอฮะ?” เราทำสีหน้าสงสัย เพราะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ามีปลาที่อยู่บนบกได้ด้วย
“ก็ปลาช่อนพ่อยักษ์ไง” พี่เมฆแสยะยิ้มก่อนจะก้มลงมาเอื้อมมือเราไปจับที่ท่อนเอ็นพี่ยักษ์
ซึ่งพี่เขานั่งท่าขัดสมาธิ ตอนกำลังนั่งกินข้าวอยู่ ทำให้มือเราไปโดนเข้าเต็มๆ
พอท่อนเอ็นของพี่ยักษ์โดนมือเรา พี่เขาถึงกับสะดุ้ง จนช้อนข้าวเกือบหลุดมือ
“ไอ้เหี้ยเมฆ! พาน้องทำจัญไรแต่เช้าเลยนะมึงเดี๋ยวมึงโดน... ไอ้ห่านี่”
“อะไรว้า... ให้น้องมันจับนิดจับหน่อยเป็นไรไปวะเผื่อโตขึ้นน้องมันอาจจะเปลี่ยนใจ อยากมีดุ้นใหญ่ๆ แบบพี่ยักษ์ไง”
“พอเลยๆ ...” พี่ยักษ์เริ่มทำเสียงดุพอเห็นพี่เมฆเริ่มจะเปลี่ยนประเด็นเข้าเรื่องของเรา
“กูสบายใจละ...ไปดีกว่า ฮิฮิ”
หลังจากนั้นพี่เมฆก็รีบวิ่งแจ้นไปที่มอเตอร์ไซค์แล้วขี่ออกไปทันที
“ไอ้ห่านี่แม่ง...โรคจิต คนอยู่ดีๆ ก็มากวนอารมณ์แต่เช้า” พี่ยักษ์ยังไม่วายนั่งบ่นอุบอยู่คนเดียว
“อ้าว...แล้วนี่ก็ขำใหญ่… ทำชอบใจ เดี๋ยวก่อน...เดี๋ยวโดนนนนฮึ่ม...” พี่ยักษ์หันมาทุบหัวเราเบาๆทีนึงก่อนจะนั่งกินข้าวต่อ
พอเห็นเขามีท่าทีที่ดูเหมือนเขินๆ มันทำให้เรารู้สึกชอบใจจริงๆ นะ...
--------
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อยก็ พี่ยักษ์ก็พาเราขึ้นมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไปตามทาง
แต่ก่อนออกมาจากบ้านพี่ยักษ์ก็ห่อข้าวใส่กล่อง และเอาเสื่อติดมาด้วยผืนนึง
ซึ่งตอนนั้นเราเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เขาจะพาไปที่ไหน
เราสังเกตุว่าทางที่พี่เขาพาเราไปมันคนละเส้นทางกับที่พาเข้าไปในเมืองวันนั้น
พี่ยักษ์พาเราขี่มอเตอร์ไซค์สักพักใหญ่ จนไปถึงในตัวอำเภออีกอำเภอหนึ่งเลย
จากนั้นเขาก็พาแวะที่ร้านขายของร้านหนึ่งด้วยความที่เป็นร้านขายของในตัวอำเภอ
ก็เลยจะมีขนมให้และของอย่างอื่นให้เลือกเยอะแยะมาก
พี่เขาบอกให้เลือกขนมได้ตามใจชอบเลยเราก็เลยวิ่งหยิบทั่วทั้งร้าน
แต่ก่อนที่จะจ่ายเงินเหมือนพี่เขาจะถามหาบุหรี่กับเจ้าของร้านด้วยทำเอาเรารู้สึกแปลกๆ นิดหน่อย
คิดว่าพี่เขาจะเลิกสูบมันแล้วซะอีก...
“จะไปไหนกันหรอไอ้หนุ่ม?” คุณลุงเจ้าของร้านเอ่ยทักขึ้นขณะที่เอาขนมใส่ถุงให้เรา
“ยังไม่รู้เลยครับลุง พอดีขี่รถเที่ยวไปเรื่อยๆแต่ยังหาที่ถูกใจไม่ได้”
“อ้อ งั้นไปบึงใกล้ๆ นี่มั้ยละ ต้นไม้เยอะร่มรื่นน่านั่งเล่นดีแถมพาลูกเอ็งไปเล่นน้ำได้ด้วย
แต่ว่ามันไม่ค่อยจะมีคนหรอกนะ ถ้าไม่กลัว...ก็พากันไปเที่ยวก็ได้”
พอได้ยินคนว่าเล่นน้ำ แน่นอนว่าเรายิ้มแล้วพยักหน้าให้พี่ยักษ์เป็นการใหญ่เหมือนจะบอกว่าไปที่นี่กันเถอะ!
หลังจากนั้นพี่ยักษ์ก็สอบถามเส้นทางกับลุงเจ้าของร้านพอเสร็จแล้วก็พาเรามุ่งหน้าไปยังเป้าหมายทันที
----------
หลังจากขี่ออกมาสักพักไม่นาน ก็เห็นหนองน้ำใหญ่ข้างหน้าอยู่ไม่ไกล
มันดูกว้างใหญ่มาก พอไม่เห็นมีคนอยู่เลยสักคนแบบนี้มันก็รู้สึกวังเวงชอบกลเหมือนกันนะ...
ตรงขอบของหนองน้ำฝั่งหนึ่งมันติดกับถนนที่เราวิ่งอยู่ด้วย และมีศาลารอรถตั้งอยู่
ตอนแรกเราคิดว่าพี่ยักษ์จะจอดพักตรงนี้ แต่พี่เขาดันขี่เข้าไป
เพราะที่บริเวณรอบๆของหนองน้ำจะมีถนนเป็นเส้นเล็กๆ หรือถ้าเรียกกันภาษาชาวบ้านตอนนั้นก็คือเรียกว่า “ทางเกวียน”
เพราะเส้นทางที่วิ่งเข้าไปมันดูเป็นรอยเหมือนกับถูกล้อของเกวียนทั้งสองข้างทับไปตลอดทาง
สองข้างทางที่วิ่งเข้าไปนั้น มีต้นไม้ปกคลุมตลอดทั้งสองฝั่งเลยทำให้รู้สึกร่มรื่นสุดๆ
ตามระหว่างทางที่เข้าไปจะมีเหมือนเป็นบันไดปูนซีเมนต์อยู่เป็นระยะๆ
บันไดนี้มันทอดลงไปเหมือนจะลึกอยู่ใต้น้ำประมาณหนึ่งเลย
อย่างนี้เองสินะที่ลุงเขาบอกว่ามันสามารถลงไปเล่นน้ำได้
เพราะเหมือนเขาทำที่ไว้ให้ลงไป แต่สภาพของมันก็คือขี้ตะไคร้สีเขียวเกาะหนาเตอะเหมือนจะไม่ได้มีคนมาใช้งานมันตั้งนานแล้ว...
พี่ยักษ์พาเราขี่เข้ามาลึกพอสมควร พอเราหันไปมองข้างๆอีกที
ก็ปรากฎว่าเราอยู่อีกฝั่งตรงข้ามของศาลารอรถริมถนนนั่นแล้ว!
“อ่า... เอาตรงนี้แล้วกัน เงียบดี ไม่มีคนมากวนใจ” พี่เขาจอดรถตรงที่ใกล้กับแท่นบันไดปูนที่ตั้งอยู่แถวนั้น
ทำไมต้องพามาไกลขนาดนี้ด้วยนะ...ยังไงก็เห็นๆ อยู่ว่ามันไม่มีคนอยู่แล้ว
ถึงจะตอนกลางวันแต่อยู่ท่ามกลางต้นไม้ล้อมรอบแล้วบรรยากาศเงียบสงัดจนได้ยินแต่เสียงลมพัดแบบนี้
มันน่ากลัวเหมือนกันนะ!!
พี่เขาเอาเสื่อออกมาปูใต้ร่มไม้ใกล้ๆ ตรงที่เราจอดรถนั่น
จากนั้นเราก็พักกินข้าวกลางวันกัน ที่พี่เขาห่อข้าวมาคงเพราะแบบนี้เอง
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย พี่ยักษ์ก็หยิบบุหรี่ออกมาจากซอง
จังหวะที่พี่เขาจะจุดไฟแช็ค...ตอนนั้นไม่รู้เราคิดยังไงถึงได้เอามือไปจับพี่เขา
“หืมมมม ทำไมเหรอครับหมาน้อย?”พี่ยักษ์หันมายิ้มให้พลางขมวดคิ้ว พี่เขาคงสงสัยว่าเราไปจับมือเขาไว้ทำไม
“พี่ยักษ์...ไม่สูบบุหรี่ได้มั้ยฮะ?...”
“อ้อๆ ขอโทษที พี่ลืมเลย งั้นเดี๋ยวพี่ออกไปยืนสูบตรงนู้นนะ”
“ไม่ใช่ฮะ...ผมไม่อยากให้พี่ยักษ์สูบเลย...”
“ทำไมล่ะ? หืมม...”
“ก็มันไม่ดี...มันอันตราย...แล้วมันก็ไม่ดีต่อสุขภาพด้วยนี่ฮะ...”เราบอกออกไป
ทั้งที่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าพี่เขาจะดุเหมือนว่าเราไปยุ่งอะไรกับพี่เขามากเกินไปแบบนี้หรือเปล่า...
พี่ยักษ์เลยวางบุหรี่และไฟแช็คลง ก่อนจะยิ้มให้แล้วอุ้มเราไปนั่งบนตัก
“พี่ไม่สูบก็ได้ครับ...ทำไมล่ะเรา เป็นห่วงพี่ด้วยเหรอ? หืออไอ้เจ้าดื้อ” พี่ยักษ์พูดพร้อมกับยกมือมาบี้จมูกเราเบาๆ
“ก็...ต้องเป็นห่วงสิฮะ...”
“งั้นเหรอ? แต่ว่า…อย่างนี้...ถ้าหนูไม่อยู่กับพี่แล้วใครจะคอยห้ามไม่ให้พี่สูบบุหรี่ล่ะ”
พี่ยักษ์ยิ้มกริ่มสีหน้าพี่เขาดูเจ้าเล่ห์มาก
“หะ...ต้องคอยห้ามตลอดเลยหรอฮะ...ผมนึกว่าขอแค่ทีเดียวแล้วจะเลิกสูบเลย”
“อ้าว... ก็เวลาพี่เครียด หรือทำงานเหนื่อยๆ มาพี่ก็ต้องสูบเป็นประจำอยู่แล้ว
แต่...ถ้าหนูอยู่ด้วยพี่ก็จะไม่สูบแต่จะทำแบบนี้แทน...”พูดจบพี่ยักษ์ก็ระดมหอมแก้มเราไปมาทั้งสองข้างรัวๆ
จนเรารู้สึกจั๊กจี้เพราะหนวดพี่เขามันตำเข้าที่แก้มด้วย เลยหัวเราะออกมา
“อ่า...พี่ชอบเวลาที่หนูยิ้มแล้วก็หัวเราะให้พี่ที่สุดเลยครับหมาน้อย” พี่ยักษ์ถอนหน้าออก
พร้อมกับพูดประโยคเมื่อกี้แล้วมองมาที่เราตรงๆมันทำให้เรารู้สึกเขินขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ยักษ์...ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ยฮะ?”
“หือ...ได้สิครับ อะไรเหรอ?”
“ทำไม...พี่ยักษ์ถึงเอาผมมาเลี้ยงหรอฮะ?แล้วทำไม...ถึงอยากให้ผมอยู่ด้วยละฮะ?”
เราเริ่มถามคำถามที่เราเองก็สงสัยมาสักพักแล้วว่าทำไมพี่เขาถึงอยากให้เราอยู่ด้วยขนาดนั้น
“ก็...เพราะว่าหนูเป็นเด็กดีของพี่ไง หนูเป็นเด็กน่ารักพี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจที่สุด
เวลากลับมาถึงบ้านแล้วเห็นหนูถือน้ำเย็นๆ มาให้พี่กินพี่แทบจะหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งเลย...”
“พี่เองก็ชอบนะเวลาที่หนูคอยเอาอกเอาใจ และคอยดูแลพี่...”
“พี่ก็แค่…รู้สึกว่าถ้าหลังจากนี้หนูไม่อยู่กับพี่แล้ว พี่คงจะเหงาน่าดู...ไม่มีหมาน้อยไว้คอยนอนกอดแล้ว ฮ่า”
พอพี่เขาพูดจบก็หัวเราะออกมา แต่เราก็รู้สึกได้ว่าพี่เขาไม่ได้รู้สึกว่ามันเป็นเรื่องตลกหรือขำเลย
เพียงแต่พี่เขาคงไม่อยากให้เราคิดมากมั้ง
พูดตามตรงนะ ว่าตอนที่ยังเป็นเด็ก มันเลือกยากมากจริงๆอยู่กับพี่เขามันก็รู้สึกดีมากๆ
แต่...อีกใจหนึ่งเราก็คิดถึงพ่อกับแม่มากเหมือนกัน
ทำให้ตอนนั้นเราได้แต่ทำหน้าจ๋อยๆ แล้วนิ่งเงียบไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“งั้น...พี่ขอถามอะไรกลับบ้างสิ… ที่จริงเรื่องนี้พี่ก็อยากรู้… และอยากได้ยินจากปากหนูมากกว่า
แต่ไม่รู้ว่าถามไปหนูจะโกรธหรือเกลียดพี่มั้ย?”
“อะไรหรอฮะ?”เราสงสัยว่าพี่เขาจะถามอะไรกันนะ ทำไมถึงต้องกลัวเราโกรธเกลียดเขาด้วย?
“คือ...เอ่อ...หนูไม่ได้อยากเป็นผู้ชายเหมือนกับพี่ใช่มั้ย?...”
พอเราได้ยินคำถามนั่น มันก็ทำให้เรานิ่งเงียบไปสักพักหนึ่ง
เพราะใจหนึ่งก็รู้สึกกลัวนะว่าถ้าบอกไป แล้วพี่เขาจะเรียกเราว่าอีตุ๊ด อีกะเทยเหมือนที่ผู้ใหญ่บางคนชอบล้อหรือเปล่า...
“อ้าว...เงียบเลย...เอ่อ...ถ้าไม่อยากตอบก็ไม่เป็นไรพี่ขอโทษ อ่ะๆ งั้นเปลี่ยนเรื่องคุยก็ได้...”
“ไม่เป็นไรฮะ...”
“...มันก็ใช่ฮะ ผมไม่อยากโตขึ้นแล้วเป็นผู้ชายไว้ผมสั้น...แล้วก็มีกล้ามใหญ่แบบพี่ยักษ์
ผมอยากเป็นผู้หญิง อยากไว้ผมยาวใส่กระโปรงเหมือนกับพี่บัว...” เราตอบไปแต่ในใจมันเริ่มสั่น และอยากจะร้องไห้
เพราะเรารู้สึกไม่ชอบใจมาตลอดเลย...
ทำไมเราต้องเกิดมามีไอ้จู๋ด้วย ทำไมเราต้องคอยโดนให้ตัดผมสั้นแล้วใส่กางเกงไปโรงเรียน...
ทั้งที่เราเองก็อยากไว้ผมยาว และใส่กระโปรงเหมือนเด็กผู้หญิงคนอื่นเหมือนกันนะ...
เพราะแบบนี้แหละพอพูดถึงเรื่องนี้ทีไรมันเหมือนจี้ใจดำที่ว่าทำไมเราไม่ได้เกิดมาเป็นเด็กผู้หญิงเหมือนคนอื่นๆ
ก็เลยรู้สึกจุกในอกจนอยากจะร้องไห้
“โอ๋ๆ ไม่ต้องทำหน้าเหมือนจะร้องแบบนั้นก็ได้...พี่ไม่ได้จะว่าอะไรหนูสักหน่อย พี่ก็แค่อยากรู้...ขอโทษนะครับ”
พี่ยักษ์ดึงตัวเราเข้าไปกอดแล้วลูบหัวเราเบาๆ
“แล้ว...”
“แล้วอย่างพี่เนี่ย...พอจะเป็นผู้ชายแบบที่หนูชอบ...อะไรแบบนั้นมั้ย?” พี่เขายิ้มเขินๆ
พอได้ยินเราก็รู้สึกอึ้งๆ นิดหน่อย ผู้ชายแบบที่ชอบหมายถึงอะไรกันนะ
ตอนนั้นด้วยความที่ยังเด็กเราเลยไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่
“ผู้ชายแบบที่ชอบ...คือยังไงหรอฮะ?”
“ฮ่า ไม่เข้าใจสินะ...ไม่เป็นไร ช่างมันเถอะ”พี่ยักษ์ยิ้มให้แล้วลูบหัวเราเบาๆ
หลังจากนั้นพี่เขาก็เล่าเรื่องของเขาให้ฟังบ้าง...
พี่ยักษ์บอกว่าตัวเขาน่ะเรียนจบแค่ม.3 เอง เพราะตอนเด็กพี่เขาค่อนข้างเกเรและติดเพื่อนมากก็คือพวกพี่เมฆนั่นแหละ
ด้วยความที่เขาตัวโตกว่าเพื่อน ก็เลยไม่เคยกลัวใคร เวลามีปัญหาหรือมีคนมาหาเรื่องก็พร้อมใช้กำลังตลอด
จนป้าปูต้องมาขอร้องให้ทำตัวให้ดีจนกว่าจะเรียนจบม.3 ได้มั้ยหลังจากนั้นอยากทำอะไรก็ไม่ว่าเลย
หลังจากนั้นพอมีปัญหาเรื่องที่ต้องแต่งงานกับพี่พลอยพี่ยักษ์ก็เลยต้องหนีไปอยู่กรุงเทพฯ
โดยอาศัยพ่อกับแม่ของเราช่วยเหลือพี่เขานั่นแหละในช่วงแรกๆ
เพราะทางฝั่งญาติเขาก็ไม่มีใครเอาเลย กลัวว่าพี่เขาจะไปอยู่ด้วยแล้วจะทำอะไรให้เดือดร้อน
ด้วยชื่อเสียงในตอนเด็กของพี่เขาก็ดูออกไปทางพวกเลือดร้อน เหมือนนักเลงหัวไม้อะไรทำนองนี้ด้วย
ตรงนี้ทำให้เรารู้ว่าพี่เขาเองก็มีปัญหาเรื่องญาติพี่น้องเหมือนกันกับเราเลยสินะ...
ช่วงที่พี่เขาหางานทำ ในตอนนั้นเราอายุได้สอง-สามขวบแล้ว
พี่เขาก็เลยช่วยแม่เราเลี้ยงคอยเล่นกับเรา... เขาไม่คิดเลยว่าเด็กคนนั้นจะได้มาอยู่กับเขาในตอนนี้
พอตั้งแต่ที่พ่อกับแม่เราเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯ แล้วฝากยายเลี้ยงไว้
พี่เขาเฝ้าดูเรามาตลอดเขาเห็นมาตลอดว่าไอ้โหน่งกับไอ้เหน่งแกล้งเรา
แถมเห็นด้วยว่าบางทีเราก็ต้องหุงข้าวทำกับข้าวกินเองเขารู้สึกสงสารมาก
แต่เขาก็ช่วยอะไรไม่ได้เลย...เพราะเรื่องในอดีตทำให้พี่เขามีปัญหากับบ้านยายเรา
พอจังหวะแม่เราฝากนาไว้ให้ป้าปูดูแล พอป้าปูมาบอกพี่เขาให้ช่วยดูให้หน่อย
พี่เขาก็เลยรีบตกลงทันที ตอนนั้นแหละที่เขาคิดว่าน่าจะชวนเราออกมาอยู่กับเขาได้บ้าง
แต่พอเรามาอยู่กับเขาจริงๆ เขาเองก็รู้สึกไม่อยากให้เรากลับไปแล้วเหมือนกัน
...แต่ไม่คิดว่ามันจะบานปลายไปได้ขนาดนี้
“ส่วนเรื่องที่พี่ทำรุนแรงกับหนูก่อนหน้านี้...พี่ขอโทษนะ...พี่ผิดเองที่คุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้...”
“...หมายถึงเรื่องที่พี่ยักษ์จะเอาอันนั้น...ยัดเข้ามา ทำให้ผมเจ็บหรอฮะ?”เรานั่งนึกก่อนจะถามกลับไป
เพราะถ้าพูดถึงเรื่องที่พี่เขาขอโทษเราก่อนหน้านี้ก็คงจะมีแต่เรื่องนี้เรื่องเดียวละมั้ง
“ใช่... ฮ่า...ถ้าหนูโตขึ้นไปแล้วเข้าใจอะไรมากขึ้นมองย้อนกลับมา หนูอาจจะเกลียดพี่ไปเลยก็ได้นะ...”
เราได้นั่งเอียงคอสงสัย ทำไมเราต้องเกลียดพี่เขาด้วยละในเมื่อเขาขอโทษแล้วไม่ทำอีก ก็พอแล้วนี่
อีกอย่างพี่เขาไม่ได้เป็นคนหยาบคายร้ายกาจเท่าพวกญาติๆของเราด้วยซ้ำ...
“แล้วทำไม...พี่ยักษ์ถึงอยากยัดอันนั้นเข้าไปในตูดผมละฮะ?มันมีอะไรหรือเปล่า? ถ้าเข้าไปจนสุดแล้วมันจะเป็นยังไงต่อหรอฮะ?”
“ถ้าเอาเข้าไปจนสุด มันยังไม่เสร็จวิธีการหรอกนะมันมีต่อจากนั้นอีก
...ส่วนที่พี่อยากเอาเข้าไป… เพราะพี่มันเห็นแก่ตัวอยากให้หนูเป็นของพี่คนเดียวไง” พี่ยักษ์ยิ้มและลูบหัวเราไปมา
เราได้แต่ขมวดคิ้วสงสัย เพราะถึงพี่เขาจะตอบกลับมาเราก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าพี่เขาพูดมันหมายถึงอะไร...
“ทำงง...คิ้วชนกันหมดแล้วไอ้ลูกหมาเอ้ย! ช่างเถอะ...หนูไม่เข้าใจก็ดีแล้วล่ะ...เอาไว้โตขึ้นหนูจะเข้าใจทุกอย่างเอง”
“วันนี้พี่รู้สึกเหนื่อยจังเลย ขอนอนพักหนุนตักหนูหน่อยได้มั้ยครับ...” หลังจากนิ่งเงียบไปสักพัก
พี่เขาพูดขึ้นพร้อมกับทำท่าเอาหัวเอนลงมาบนตักเราทำให้เราต้องนั่งยืดขาเพราะพี่เขาจะได้วางหัวไว้บนต้นขาเราได้สะดวก
“หนักมั้ยครับหมาน้อย?” พี่ยักษ์ถามขึ้นหลังจากที่หัวของพี่เขาสัมผัสกับหน้าขาของเรา
“ไม่ฮะ...”
หลังจากนั้นพี่เขาก็ยิ้มแล้วนอนหลับตาพี่เขาจับมือเราขึ้นมาแล้ววางไว้บนหน้าผากเขา แล้วก็ลากมือเราลูบไปมา
จังหวะนั้นเราก็รับรู้ได้ว่าพี่เขาคงอยากให้เราลูบหน้าผากให้ เราก็เลยลูบต่อไปจนพี่เขาวางมือลง
หลังจากที่พี่เขานอนไปได้สักพัก...จากที่เอ่อตอนแรกก็รู้สึกว่าไม่หนักนะ
แต่ทำไมพอนานไปมันรู้สึกหนักเหมือนกันจนเราต้องกระดุกกระดิกขานิดนึงเพราะรู้สึกเหมือนจะเริ่มชาๆ แล้ว
“เริ่มหนักแล้วละสิ ฮ่า...”
“ไม่เป็นไรฮะ พี่ยักษ์นอนต่อเลย...”
“อืมมมมม มานอนด้วยกันดีกว่า” พูดจบพี่เขาก็ยกหัวขึ้นแล้วดึงตัวเราไปนอนให้หนุนกับแขนของพี่เขา
“แล้วเวลาที่ผมนอนหนุนแขน พี่ยักษ์ไม่เมื่อยหรอฮะ?” เราถามขึ้นเพราะสงสัยเหมือนกันที่ปกติเวลาเรานอนด้วยกัน
พี่เขาจะให้เราหนุนแขนเขาต่างหมอนแทบทุกคืน เขาไม่เมื่อยบ้างหรอ
“ไม่เมื่อยเลยครับ ก็หนูตัวแค่นี้!ไอ้ลูกหมาเอ้ย!!” พูดจบพี่เขาก็ยิ้มนอนหลับตาแล้วนอนตะแคงยกขาขึ้นมาก่ายเรา
ถึงมันจะอึดอัดไปนิดแต่ก็รู้สึกว่าชอบที่จะให้พี่เขานอนกอดแบบนี้ซะแล้ว
ในที่นี้มันเงียบสงบดีจริงๆ เหมือนกับว่าตรงนี้จะมีแค่เราสองคน...
นานๆ ถึงจะเห็นรถสักคันวิ่งผ่านจากถนนที่อยู่อีกฝั่งนู้น
ได้ยินแค่เสียงลมที่พัดใบไม้กระทบกันไปมาเป็นวันที่อากาศเหมาะแก่การนอนเล่นใต้ต้นไม้สุดๆ
---------
ตอนแรกก็ว่าจะนอนเล่นเฉยๆ แต่ไปมาๆ กลายเป็นว่าเราทั้งคู่นอนหลับกันเป็นจริงเป็นจัง
เราสะดุ้งตื่นมาก่อนเลยปลุกให้พี่เขาลุกขึ้นมา เพราะเราน่าจะหลับกันไปพักใหญ่แล้ว
กลัวมันจะเย็นมากกว่านี้แล้วจะกลับบ้านยาก เพราะพี่เขาก็พาเราขี่ออกมาไกลมากกว่าจะถึงที่นี่
“ป่ะ ลงเล่นน้ำก่อนกลับกันดีกว่า”พี่ยักษ์ชวนพร้อมกับยกเลิ่กเสื้อขึ้นแล้วถอดออก เรารีบพยักหน้าทันที ชวนเล่นน้ำแบบนี้มีหรอจะไม่เล่น!
พี่เขาค่อยๆ ลงไปก่อนเพื่อวัดระดับความลึกของน้ำ ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเราลงไป
เพราะขี้ตะไคร้ตรงบันไดที่ลงไปในน้ำมันขึ้นหนามาก ถ้าเดินไม่ดีอาจจะลื่นได้
“ลองว่ายไปตรงนู้นกันดูมั้ย?”พี่ยักษ์ชี้ไปตรงที่ไกลออกไป
“แต่ว่าผมว่ายน้ำไม่เป็นนี่ฮะ...”
“ไม่เป็นไร งั้นเกาะบ่าพี่ไว้แน่นๆ เดี๋ยวพี่พาไปเอง” เราพยักหน้ารับเพราะมันก็ดูน่าสนุกไม่เบา
หลังจากที่เราจัดท่าทางกันเรียบร้อยพี่ยักษ์ก็พาว่ายออกไปโดยที่มีเราเกาะหลังอยู่แบบนั้น
เรารู้สึกสนุกและชอบใจมาก เพราะเราขอให้พี่เขาพาไปตรงนู้นที ตรงนี้ที พี่เขาก็พาไปเราเล่นกันอยู่สักพักจนพี่เขาเริ่มเหนื่อยหอบ
เลยพากันกลับมาที่ฝั่งที่เราจอดมอเตอร์ไซค์ไว้
“นี่พวกเขาตีหนูแรงขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย...เป็นรอยแดงช้ำเต็มหลังไปหมดเลย” พี่ยักษ์พูดพร้อมกับยกตัวเราไปนั่งบนตกเขา
“เจ็บมั้ยครับ?”
“ไม่เจ็บฮะ...อ...อ่ะ อ๊าาา”เรารู้สึกถึงริมฝีปากของพี่เขาที่สัมผัสกับหลังของเรา มันทำให้รู้สึกเสียวมากๆ
“เป็นอะไร ฮ่าา”
“พี่ยักษ์ทำอะไรฮะ...มันเสียวนะ...”
“ก็รักษาแผลให้หนูไง...อืมมมม ว่าแต่เมื่อเช้าใครหัวเราะชอบใจที่พี่โดนแกล้งน้า?ทำโทษหน่อยดีกว่า”
พูดจบเราก็สัมผัสได้ว่าครั้งนี้ไม่ใช่แค่ริมฝีปากแต่มันคือลิ้น...ลิ้นของพี่เขาค่อยๆ ชโลมเลียลงไปที่แผ่นหลังของเรา
“อื๊อออ...อื๋อ อ๊าาา..าาา” เรารู้สึกเสียวมากจนต้องบิดตัวไปข้างหน้าดีที่ว่าแขนพี่เขากอดรัดเราไว้แน่นเลยไม่ตกลงไปในน้ำ
“หนูอย่าทำเสียงแบบนี้สิครับ พี่จะอดใจไว้ไม่ไหวแล้วนะ...”
“ก็พี่ยักษ์อย่าทำแบบนี้สิฮะ! ผมเสียวนะ!!”
“อ้าวว ขึ้นเสียงกับพี่เหรอ? เริ่มดื้อกับพี่อีกแล้วเหรอได้เลย!”
เราสัมผัสได้ว่าพี่เขาอ้าปากแล้วงับมาเบาๆ ที่ต้นคอของเราจากนั้นพี่เขาก็ใช้ลิ้นไชรัวๆ ตรงบริเวณนั้น
“อื๊อออออออ อ๊ะ... อ๊าาาาาาาาา”เราเริ่มครางเสียงกระเซ่าหนักกว่าเดิม
เพราะมันรู้สึกเสียวซ่านจนเรารู้สึกเกร็งท้องน้อยเริ่มปวดไปหมด
“ไงล่ะ… เดี๋ยวถ้าวันหลังดื้ออีกจะโดนแบบนี้ฮ่า”
เราได้แต่หันไปมองค้อนพี่เขาเบาๆ คิดหาวิธีที่จะแกล้งเขาคืนบ้าง
จังหวะนั้นเรารู้สึกว่าท่อนเอ็นของพี่เขาคงเริ่มแข็งตัวแล้วเพราะมันกระตุกเบาๆ อยู่ตรงที่เรานั่งทับนั่น
“พี่ยักษ์...ถอดกางเกงในออกสิฮะ...”
“หืออออ ทำไมเหรอ?”
“ถอดออกก่อนนนน”
“แน่ะ คิดจะแกล้งพี่คืนละสิท่า” พี่ยักษ์ยิ้มมุมปากเหมือนรู้ทัน
ทำให้เราได้ทำหน้างอนตุ๊บป่อง...ไม่สำเร็จหรอเนี่ย...
“อ่ะๆ ก็ได้ พี่ให้แกล้งคืนก็ได้ จะได้หายกัน...” พูดจบพี่ยักษ์ก็ยกตัวแล้วถอดกางเกงในออกโยนขึ้นไปไว้บนฝั่ง
ทันใดนั้นเจ้าท่อนเอ็นของพี่เขาก็โผล่แทรกขึ้นมาระหว่างขาเรา
เราไม่รอช้าเลยรีบเอามือไปตะครุบจับไว้ทันที
“อึ๊กกกกกกก!...อ่าาาาา หนูจะทำอะไร...ทำไมต้องจับแรงขนาดนั้นด้วย ฮะ ฮ่าาา”
ใช่จริงๆ ด้วย...
ตอนนั้นเราเริ่มรู้แล้วว่า แค่เราจับท่อนเอ็นของพี่เขาพี่เขาก็จะครางออกมาเหมือนกัน...
“จับปลาช่อนก็ต้องจับแน่นๆ สิฮะ ไม่งั้นมันจะดิ้นหนีได้นะ!”
“อ้าว เป็นปลาช่อนไปซะแล้วเหรอ? วันก่อนยังบอกของพี่เป็นปลิงทะเลอยู่เลยนี่”
“ก็นี่มันไม่ใช่ทะเลนี่ฮะ ปลิงทะเลอยู่ไม่ได้หรอกก็ต้องเป็นปลาช่อนอ่ะ ถูกแล้วววว”
“แสนรู้จริงนะ ไอ้ตัวแสบ อะ... อ่าาาาา”
เรานวดและบีบมันไปมา จนพี่เขาเริ่มครางออกมาเรื่อยๆ
“จะเล่นแบบนี้ใช่มั้ย? ได้...งั้นไอ้ช่อนของพี่จะสู้มือหนูแล้วนะ”
พูดจบพี่ยักษ์จับต้นขาของเราทั้งสองข้างมาชนกัน
จนมันแนบชิดกับท่อนเอ็นของพี่เขาที่อยู่ตรงกลางระหว่างขาเรา
จากนั้นพี่เขาก็ค่อยๆ ขยับบั้นท้ายขึ้นลงจนหัวของท่อนเอ็นพี่เขามันขึ้นลง
ผลุบๆโผล่ๆ อยู่ตรงระหว่างขานั่น
เราจับทันบ้างไม่ทันบ้าง ตอนนั้นมันรู้สึกสนุกมาก
เพราะเหมือนได้เล่นเกมตีหัวตัวตุ่นตามที่เป็นตู้เกมหยอดเหรียญตามห้างยังไงอย่างนั้นเลย
ในที่สุดมีจังหวะที่พี่เขาแทงขึ้นมา แล้วเขาเผลอดึงลงช้า ทำให้เราตะครุบแล้วจับไว้ได้ทัน
เราใช้สองมือบีบจับมันไว้แบบนั้น
“นี่! ผมจับได้แล้ว”
“อึกกกกกกกก! ซี๊ดดดดด”
“ได้...งั้นจับมันไว้อย่างนั้นก่อนนะ เดี๋ยวพี่ให้ดูอะไร”
หลังจากนั้นพี่เขาก็เหมือนกระตุกขึ้นลงตัวเบาๆ เป็นระยะ โดยที่เรายังกำมือจับท่อนเอ็นของพี่เขาไว้แน่นแบบนั้น
“อึกกกกกกกกกก”
ตอนนั้นเรารู้สึกได้เลยว่าท่อนเอ็นของพี่เขามันกระตุกหงึกๆ อยู่ในมือเรา
ก่อนจะมีนมข้นสีขาวของพี่เขาไหลเป็นสายออกมาลอยอยู่ใต้น้ำ
“พี่ยักษ์จะ ให้ดูอะไรฮะ?”
“ก็นี่ไง ให้ดูไข่ปลาช่อน ปลาช่อนพี่วางไข่เสร็จแล้ว…”
เราเลยใช้มือช้อนมันขึ้นมา
“ก็คือนมข้นของพี่ยักษ์ไม่ใช่หรอฮะ?”เราหันหน้าไปถามพี่เขา
“ใช่จ้า อ้าว...ก็หนูบอกว่าของพี่เป็นปลาช่อนพอมันออกมาก็ต้องเป็นไข่ปลาช่อนสิ ไม่ใช่เหรอ? ฮ่า”
เราได้แต่ขมวดคิ้วทำหน้าสงสัย สรุปแล้วมันคืออะไรกันแน่...
“อ้าว งงอีก...เข้าใจยากจริงไอ้ตัวแสบนี่” พี่เขาทุบหัวเราหนึ่งทีก่อนที่จะพาขึ้นฝั่งแล้วใส่เสื้อผ้าแต่งตัวเตรียมตัวกลับบ้านกัน
“ป่ะ...กลับบ้านเรากันดีกว่า เดี๋ยวเย็นกว่านี้แล้วกลับยาก”
“ฮะ”
พี่ยักษ์ยกตัวเราขึ้นมอเตอร์ไซค์ก่อนจะพาเราขี่ออกไปไม่น่าเชื่อเลยว่าเราอยู่กันมาตั้งนาน
มันไม่มีคนอื่นมาที่นี่เลยจริงๆนอกจากพวกเรา
คงเพราะมันไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวด้วยละมั้ง
แต่ก็...เห็นมีบันไดปูนซีเมนต์ถูกทำไว้อยู่เป็นระยะๆแปลว่าแต่ก่อนมันคงมีคนมาเล่นน้ำเยอะละมั้ง
เขาถึงได้ทำเป็นบันไดไว้ให้คนลงไป...
แต่สิ่งหนึ่งที่เรารู้สึกได้ในตอนนั้นก็คือ เวลาที่เราอยู่กับพี่เขาแค่สองคนมันรู้สึกสนุกมีความสุข และไม่เคยน่าเบื่อเลย
เราก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าทำไมถึงได้เป็นแบบนี้
ทั้งที่ถ้าเป็นปกติเราจะอยากไปวิ่งเล่นกับเพื่อนและอยากนอนดูทีวี ดูการ์ตูนอยู่ที่บ้านมากกว่า
แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นว่าเราจะไปที่ไหนก็ได้ ขอแค่มีพี่เขาไปกับเราเท่านั้นเอง...
เมื่อวานขอโทษด้วยจ้าาา
ตอนแรกว่าจะอัพแหละ... แต่พอตื่นเช้ามาเคลียร์งานบ้านต่างๆ เสร็จก็นอน...นอนพักยาวยันเย็น
ออกไปหาอะไรกินกัน กลับมาหัวเหนียวไปอีก...
พอสระผมเสร็จนั่งไดร์ผม แถมโดนแอร์เย็นๆ ไปด้วยตาจะปิด...
สรุปก็คือกินเสร็จกลับมาก็อาบน้ำแล้วนอนต่อนั่นเอง คือลืมเรื่องที่จะอัพเรื่องเล่าไปเลย 5555555
ที่จริงคือนึกขึ้นได้แล้วนะตอนจะนอน...แต่คือมันพร้อมจะหลับแล้วอ่ะขี้เกียจลุกมาเปิดคอมพ์ อิอิ
...
ใกล้วันหยุดยาวแล้ว ช่วงนี้ถ้าใครจะไปเที่ยวต่างจังหวัดก็ระมัดระวังกันด้วยน้า
ขอให้ขับขี่เดินทางโดยสวัสดิภาพ
เดินทางไป-กลับปลอดภัยกันทุกคนเลยจ้า
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ของคุณครับ อยู่ดูแลกันมาตั้งแต่เด็กๆเป็นคู่ที่น่าอิจฉาจริง^^ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ช่วงเวลาที่คุณมินกับคุณดินอยู่ด้วยกันเพียงสองคน ผมสามารถสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นและความสุขของทั้งสองคนจริง ๆ ราวกับอยู่ในนิยายชวนฝัน แต่ความจริงของชีวิตอีกด้านในโลกภายนอกก็ช่างโหดร้ายเหลือเกิน เพราะโครงสร้างสังคมไทยที่ไม่สมประกอบ ทำให้เกิดปัญหาต่าง ๆ มากมายในระดับครอบครัว ทั้งเศรษฐกิจ ความสัมพันธ์ การใช้ความรุนแรง ฯลฯ ไม่อยากจะคิดเลย ว่าถ้าคุณมินไม่มีคุณดินคอยให้ความอบอุ่นและประคับประคอง ชีวิตของ ด.ช.มิน จะเป็นเช่นไรหนอ
ผมจะคอยเป็นอีกหนึ่งกำลังใจ และติดตามเรื่องราวของของคุณมินกับพี่ยักษ์ของคุณมินไปเรื่อย ๆ นะครับ สุขสันต์วันสงกรานต์นะครับ ตามต่อ ขอบคุณครับ ครับ ขอบคุณครับ อิจฉาจัง อยากได้แบบนี้บ้าง {:5_137:} เย้ๆๆ มาแล้วววววว
ตอนนี้คือตอนเติมความหวานซินะ
ช่วงเทศกาลเจ้าของกระทู้กับพี่ยักษ์ไปเที่ยวให้สนุกและรักษาตัวด้วยนะครับ
กลับมาเล่าภาคแยกช่วงเทศกาลด้วยนะ รออ่านครับ
ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ
ขอบคุณครับ {:4_110:}