พี่ยักษ์ที่รัก [16]
“ไอ้หนู... พ่อเอ็งอยู่หรือเปล่า?” เสียงที่ไม่คุ้นเคยเอ่ยถามขึ้น ขณะที่เรากำลังยืนหุงข้าวอยู่ลุงเขาถามถึงพ่อ...สงสัยจะหมายถึงพี่ยักษ์ละมั้ง
“ไม่อยู่ฮะ...ไปบ้านป้าปู เดี๋ยวก็คงกลับมา...ลุงมีอะไรหรือเปล่าฮะ?”
“อ้อ...งั้นฝากบอกพ่อเอ็งหน่อยนะ ว่ามะรืนนี้ลุงขอแรงให้ไปช่วยยกของเตรียมจัดงานแต่งหน่อย
บอกว่าลุงพันเขารบกวนหน่อยนะ ขอบใจมากไอ้หนู… ลุงไปล่ะ”
...สมัยนั้นเวลาบ้านหลังไหนมีจัดงาน ไม่ว่าจะงานแต่ง งานบวช งานศพหรืองานอะไรก็แล้วแต่
เขามักจะใช้คำว่าขอแรงมากกว่าใช้คำว่าจ้าง แต่ถึงจะบอกว่าขอแรงก็เถอะ
แต่เจ้าภาพมักจะมีเหล้าเบียร์และอาหารรวมถึงของกินต่างๆเตรียมไว้ให้เสมอเป็นการตอบแทน
ถ้าบ้านไหนมีเงินหน่อยก็ถึงขั้นใจปล้ำยกเหล้าเบียร์ให้กลุ่มคนที่ไปช่วยงานเป็นลังๆ
แน่นอนว่างานแบบนี้ ย่อมมีพวกขี้เหล้าเนียนเข้าไปช่วยหยิบจับประหนึ่งว่าตัวเองก็มาช่วยงานนะ เพื่อที่จะได้เหล้าเบียร์กินฟรีๆ ด้วย...
จนตอนนี้ก็สงสัยเหมือนกันนะ ว่าทำไมถึงไม่ให้เงินไปเลยน้า จะได้จบๆ
---------
พอถึงวันนั้นเวลาเลิกเรียนพี่ยักษ์ก็มารับเหมือนปกติแต่คราวนี้พี่เขาไม่ได้พาเราไปที่บ้านงานของลุงพันเลย แต่กลับพามาที่บ้านก่อน
“เปลี่ยนเสื้อก่อนเลยไอ้ลูกหมาเดี๋ยวไปวิ่งเล่นกับเพื่อนเสื้อนักเรียนเลอะหมด มันจะซักยาก”
พี่เขาน่าจะเห็นเรายืนคุยกับพวกพี่บัวที่หน้าโรงเรียนแน่เลย... ก็เลยรู้ว่าพวกเราจะต้องนัดไปวิ่งเล่นกันในละแวกพื้นที่บ้านงานของลุงพันแน่ๆ
เพราะเวลามีงานแบบนี้ นี่มันงานรวมตัวของเด็กชัดๆ !
แล้วอีกอย่างตั้งแต่เรามาอยู่กับพี่เขา พี่เขาจะเป็นคนซักเสื้อผ้าให้เราด้วย
ถ้าเสื้อนักเรียนมันเลอะ ก็จะกลายเป็นงานยากของพี่เขาทันที...
“แหะๆ” เราหันไปยิ้มแหยๆ ให้พี่เขาก่อนจะปลดกระดุมแล้วถอดเสื้อนักเรียนออก เพื่อเปลี่ยนไปใส่เสื้อยืดแทน
“เอ้อ...วันนี้ที่โรงเรียนได้กินนมรึยัง?” จู่ๆพี่ยักษ์ก็เอ่ยถามขึ้นตอนที่เราถอดเสื้อออกแล้วเอาไปวางในตะกร้าใส่ผ้า
“กินแล้วฮะ”
“งั้นเหรอ?...อืมมมม....แต่พี่ยังไม่ได้กินนมเลย อยากกินจัง...ทำไงดีน้า?”
“ถ้างั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ ผมเก็บไว้ให้นะฮะ”
“หึ...ไม่ต้องหรอกครับ พี่ไม่ได้อยากกินนมโรงเรียน...” พี่ยักษ์แสยะยิ้ม ก่อนจะมาอุ้มตัวเราไปวางบนที่นอน
“พี่อยากกินนมนักเรียนมากกว่า”พูดจบพี่เขาก็เอาหน้าซุกไซร้หนวดเคราของพี่ถูไถบริเวณหน้าอกเรา
ก่อนที่พี่เขาจะอ้าปากแล้วชโลมเลียตรงหัวนมน้อยๆของเรา
“อ๊า มันจั๊กจี้ เสียววววว”เราพยายามเอามือทั้งสองข้างดันหัวพี่ยักษ์ออก แต่พี่เขาก็เงยหน้ามายิ้ม
ก่อนจะจับมือเรารวบไว้เหนือหัว แล้วก็ก้มหน้าซุกพร้อมกับดูดนมเราต่อ
“อ่า ชื่นใจที่สุด…”พี่ยักษ์เงยหน้าขึ้นมาจากการซุกไซร้บริเวณหัวนมเราแล้วยิ้มให้
“ทำไมพี่ยักษ์ถึงชอบดูดนมผมหรอฮะ?...มันจะมีน้ำนมออกมาเหมือนกับที่เวลาดูดนมแม่หรือเปล่า?”
ตอนนั้นมันก็อดสงสัยไม่ได้จริงๆ นั่นแหละ ว่าทำไมพี่เขาถึงได้ชอบดูดนมเรานัก
“อ้อ...ไม่มีนมออกมาหรอกแต่ว่าตัวหนูหอมเหมือนกลิ่นนมโรงเรียนไง พอดูดแล้วก็รู้สึกเหมือนได้กินนมไปด้วยฮ่า”
เรามองหน้าพี่เขาแล้วขมวดคิ้ว ไม่เห็นจะเกี่ยวกันสักนิดเลย...
“งั้น…”
“ผมขอดูดนมพี่ยักษ์บ้างได้มั้ยฮะ?…”เราอมยิ้มรู้สึกเขินนิดๆ ที่เราไปขอดูดนมพี่เขาตรงๆเพราะปกติจะแอบดูดเวลาที่พี่เขาหลับมากกว่า...
ก็พี่ยักษ์ตอนนั้นน่ะ... นมใหญ่ซะขนาดนั้น!แถมชอบถอดเสื้อนอนบ่อยๆ เห็นแล้วมันน่าดูดจริงๆ นะ... 55555
“หืออ…อืมมมม ได้สิ อ่ะ…เอาเลย”พูดจบพี่ยักษ์ก็พลิกตัวมานอนหงายแล้วจับให้เรานอนทับตัวพี่เขาอีกที
เราลุกขึ้นนั่งทับตัวพี่เขาก่อนจะค่อยๆ ถกเสื้อพี่เข้าขึ้นไปจนถึงราวนม
ซึ่งพี่ยักษ์กำลังนอนเอามือสองข้างประสานท้ายทอยอย่างสบายใจ พร้อมกับก้มหน้ามองดูท่าทีของเรา
พอถูกมองแบบนั้นก็เขินๆ นิดหน่อย แต่ก็ถกเสื้อพี่เขามาจนเห็นหัวนมแล้วนี่นะ...
หลังจากนั้นเราก็โน้มตัวลงไปนอนทับให้หน้าเราตรงกับบริเวณแผงหน้าอกของพี่เขาทันที
ตอนนั้นก็สงสัยเหมือนกันนะ ทำไมนมพี่ยักษ์ถึงได้ใหญ่ขนาดนี้…
ถึงจะใหญ่คนละแบบกับหน้าอกของผู้หญิง แต่เราว่าเราชอบแบบของพี่เขามากกว่า!!
หลังจากที่เราทั้งดูดเลียหัวนมพี่เขาเล่น มันรู้สึกเพลินมากๆจนรู้สึกอยากจะหลับไปเลย
สักพักพี่ยักษ์ก็เอามือทั้งสองข้างมากอดรัดตัวเราไว้แล้วก็กระแทกเป้าเข้ามาบริเวณก้นของเราจังๆ
ทำให้เราถึงกับละจากหน้าอก แล้วเงยมองหน้าพี่เขาด้วยความแปลกใจ
“อ้าว งงอะไร ก็พี่ให้หนูดูดนมเล่นแล้วไง...ก็ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนสิ อีกอย่างพี่ไม่ได้ทำให้หนูเจ็บ ก็ไม่เป็นไรใช่มั้ยละ...”
พี่ยักษ์ยิ้มหวานก่อนจะกอดหัวเราให้ซุกเข้ากับหน้าอกพี่เขาแล้วก็กระแทกเป้ามาที่ก้นเรารัวๆ
พูดตามตรงตอนนั้นก็ไม่รู้เหมือนกันว่าพี่เขาทำอะไร แต่เป้าของพี่เขามันเริ่มแข็งมาก
ด้วยความที่ตอนพี่เขากระแทกมา เราใส่กางเกงอยู่ทั้งคู่ ทำให้ไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร
แต่กลับรู้สึกเพลินแปลกๆ...
ด้วยความนึกสนุกเราเลยแกล้งพี่เขาคืนด้วยการดูดนมแล้วดึงปากขึ้นให้พี่หัวนมพี่เขายืดขึ้นมา
“อึ๊ก! แกล้งพี่หรอไอ้ตัวแสบ!!” พี่ยักษ์ยกบั้นท้ายกระแทกเข้ามาให้แรงและถี่มากขึ้นกว่าเดิมซึ่งจังหวะที่กระแทกแรง เราก็ดูดนมพี่เขาแรงขึ้นไปด้วย
หลังจากนั้นเราก็นอนเล่นกันอยู่แบบนั้นสักพัก พี่ยักษ์ก็นอนพักหายใจหอบทำเอาเราหัวเราะชอบใจมาก
“ทำขำ เดี๋ยวโดนๆ...”
“พี่ทำแบบนี้ หนูเจ็บหรือเปล่า?...”
“ไม่ฮะ...” เราละจากหน้าอกของพี่เขาพลางเงยหน้าขึ้นไปตอบ
“เหรอ... แล้วหนูชอบมั้ยล่ะ?”
เราส่ายหัวเบาๆ ได้แต่อมยิ้ม ไม่ตอบอะไรกลับไป
“ไม่ตอบ...งั้นแปลว่าชอบสินะ...”
ก็ไม่รู้ว่าเหมือนกันว่าถ้าตอบไปว่าชอบ... พี่ยักษ์จะหาว่าเราทะลึ่งอีกมั้ย
เพราะตอนที่เรานอนบนตัวพี่เขา แล้วพี่เขายกเป้าขึ้นมากระแทก ตรงหน้าท้องพี่เขาจะแข็งเกร็งไปด้วย
ตอนนั้นมันพูดไม่ถูกเหมือนกัน แต่มันก็ชอบความรู้สึกเวลาที่ได้สัมผัสหน้าท้องแข็งๆของพี่เขาแบบนี้
“ป่ะ ไปบ้านลุงพันกันดีกว่า พี่ต้องไปช่วยงานเขาอีกนี่ก็แวบออกมานานแล้ว เอาไว้...คืนนี้...เราค่อยมาเล่นกันต่อนะ”
พี่ยักษ์ยิ้มกริ่มก่อนจะลุกขึ้นนั่งแล้วมองหน้าเราอย่างมีเลศนัย
“ฮะ…”
หลังจากนั้นเราก็ค่อยๆ ลุกขึ้นจากตัวของพี่เขา มันรู้สึกเขินนิดหน่อยเพราะพี่เขาเอาแต่มองหน้าเราแล้วยิ้มไม่หุบเลย...
เราลุกไปใส่เสื้อเพื่อเตรียมตัวไปวิ่งเล่นกับเพื่อนๆ
จะว่าไปแล้ว...เล่นกับพี่เขาแบบนี้ก็สนุกดีเหมือนกันนะ
---------
หลังจากนั้นพี่ยักษ์ก็พาเราขี่มอเตอร์ไซค์มาที่บ้านลุงพัน
อ้อ...ถึงว่า ว่าทำไมเราถึงไม่ค่อยคุ้นหน้าลุงเขานักแล้วลุงเขาก็ไม่รู้ว่าเราไม่ใช่ลูกพี่ยักษ์เพราะลุงเขาอยู่คนละหมู่บ้านกับเรานี่เอง
แต่ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านละแวกใกล้เคียงกันแล้วคนหนุ่มที่สามารถใช้แรงงานประเภทแบกหามได้ก็มีไม่มาก
ลุงพันเขาก็เลยน่าจะรู้มาว่า สามารถขอแรงจากพี่ยักษ์และเพื่อนๆ เขาได้
เพราะคนรุ่นพี่เขา บางคนก็ไม่รับงานประเภทนี้ จะทำแต่นาอย่างเดียว
หรือบางประเภทก็คือไม่เอาการเอางานอะไรเมาหัวราน้ำทั้งวัน จนกลิ่นเหงื่อที่ออกมานี่มีแต่กลิ่นเหล้าขาวทั้งนั้น....
“ไอ้ยักษ์ ไอ้ห่า ไปซะนาน ไปนอนมารึไงเขารอมึงมาช่วยขยับเต๊นท์ไปฝั่งนู้นอยู่เนี่ย”
พี่ยักษ์ยิ้มแหยๆ ก่อนจะยกมือเหมือนขอโทษขอโพยไปทางพวกลุงๆ น้าๆ ที่เขานั่งรอกันอยู่
ก่อนจะหันมากำชับเราว่าไม่ให้วิ่งเล่นไกลจากบริเวณบ้านลุงพันมากนักก่อนที่พี่เขาจะเดินไป เพื่อช่วยเตรียมงานต่อ
ที่บ้านของลุงพันมีเต๊นท์ประมาณหกถึงเจ็ดตัววางรายล้อมอยู่รอบบ้าน
โดยใช้พื้นที่ถนนของหมู่บ้านในการวางเต๊นท์ ด้วยความที่สมัยก่อนไม่ค่อยจะมีรถยนต์มาวิ่งสักเท่าไหร่
ถ้าไปทำเรื่องของกับผู้ใหญ่บ้านนั้นๆ ก็จะไม่มีปัญหาอะไรสามารถพอที่จะยืมใช้ถนนของหมู่บ้านเพื่อจัดงานได้
ดูทรงแล้วเจ้าบ่าวที่มาสู่ขอลูกสาวลุงพันน่าจะเป็นคนมีเงินมากแน่ๆเพราะในพื้นที่ที่เราอยู่
ยิ่งถ้าบ้านไหนจัดงานแต่งลูกสาวได้ใหญ่โตจะเสมือนเป็นการอวดไปในตัว ว่าลูกสาวของตัวเองนั้นได้ว่าที่สามีที่ดี
ได้ลูกเขยเป็นคนรวยอะไรประมาณนั้น...
หลังจากเราวิ่งเล่นกับพวกพี่บัวสักพักใหญ่ๆ เราก็ขอตัววิ่งกลับมาดูว่าพี่ยักษ์ทำงานเสร็จหรือยัง
ก็เห็นพี่เขากำลังนั่งพักอยู่กับพวกพี่เมฆตัวนี่เหงื่อท่วมไปหมด
ด้วยความที่เต๊นท์ตัวหนึ่งมีแต่เหล็กตันทั้งนั้นกว่าจะประกอบเสร็จ กว่าจะย้ายให้เข้าที่ ก็น่าจะเล่นเอาเหนื่อยเลยแหละ
เราเลยวิ่งไปเอาผ้าขนหนูผืนเล็กที่มอเตอร์ไซค์ ที่เราเอาติดมาด้วย
แล้วไปตักน้ำเย็นราดแล้วบิดให้หมาดๆแล้วเอาไปส่งให้พี่ยักษ์ เพื่อให้พี่เขาเช็ดเหงื่อแล้วก็จะได้สบายตัว
“โอ๊ะ ขอบใจจ้ะ...หนูเช็ดให้พี่หน่อยสิมือพี่เลอะคราบสนิมเหล็กไปหมดเลย” พี่ยักษ์พูดจบก็ย้ายตัวจากที่นั่งบนแคร่อยู่
ลงมานั่งยองๆ กับพื้นเพื่อให้เสมอกับตัวเรา จะได้เช็ดให้พี่เขาได้ถนัดๆ
“โห ดีจังเลยโว้ยยยย อยากมีคนเอาผ้าเย็นๆ มาเช็ดหน้าเช็ดตัวให้บ้างจัง” พี่เมฆ ทักแซวขึ้นทันที
ทำเอาพวกพี่ๆและพวกป้าๆ ที่ช่วยกันหั่นผัก หั่นเนื้อ อยู่บริเวณนั้นพากันหัวเราะชอบใจ
“เจ้ายักษ์ เอ็งรักเด็กขนาดนี้ทำไมไม่หาเมียสักคนละวะจะได้มีลูกมีเต้าเป็นของตัวเอง ไม่ต้องเอาลูกหลานเขามาเลี้ยงให้มันมีปัญหาแบบนี้”
ป้าคนหนึ่งในกลุ่มนั้น พูดแซวขึ้นมา เอาเข้าจริงแล้วเราว่าป้าเขาตั้งใจแขวะพวกญาติๆ เราที่นั่งช่วยงานอยู่ใกล้ๆ กันมากกว่า...
ถึงแม้ว่างานแต่งของลูกสาวลุงพันพวกญาติๆ เราจะมาช่วยงานเหมือนกัน
แต่เราก็เลี่ยงที่จะเผชิญหน้าพวกเขา และพวกเขาเองก็ไม่กล้าที่จะทำตัวมีปัญหา
เพราะที่นี่กำลังจะมีงานมงคลถ้าหากมาทำตัวมีปัญหาคงไม่ใช่เรื่องที่ดีกับพวกเขาเท่าไหร่นัก
แล้วพวกผู้ใหญ่ในสมัยนั้นก็ชอบเป็นแบบนี้ ไม่ใช่เรื่องของตัวเองสักหน่อย แต่ชอบแซะชอบแขวะไปเรื่อย
ขนาดตอนนั้นเราที่เป็นเด็กได้ยินยังรู้สึกไม่ค่อยดีเลยทำไมต้องเอามาพูดต่อ ทำไมไม่ให้มันจบๆ ไปสักที...
“ไม่มีปัญหาอะไรเลย ป้า... เรื่องมันจบไปแล้ว… ผมว่าป้าอย่าพูดถึงมันดีกว่า ไม่เห็นแก่ผม ก็ถือว่าเห็นแก่น้องมันเด็กมันจะไปรู้เรื่องอะไรด้วย”
พอพี่ยักษ์พูดจบก็พาเราเดินออกจากตรงนั้น แล้วพาไปบนแคร่อีกตัวหนึ่งที่ห่างออกไป
หลังจากนั้นพี่ยักษ์ก็ให้เรานั่งรอ ก่อนจะเดินไปเอาข้าวและกับข้าวที่บ้านลุงพันเตรียมไว้เลี้ยงสำหรับคนที่มาช่วยงาน
(ที่จริงข้าวและกับข้าวพวกนี้แค่เดินเข้าไปในบริเวณบ้านเขา ใครก็สามารถเดินไปตักกินเองได้แล้วนะถ้าเกิดคนคนนั้นไม่มีความเกรงใจละก็นะ...)
เรานั่งกินข้าวกับพี่ยักษ์อยู่ โดยมีพี่บัวและพวกต้อง ตามมาล้อมวงนั่งกินด้วย
“ไอ้ยักษ์ คืนนี้...ไปวางเบ็ดกันป่าว?” พี่เมฆก็เดินมาเลียบๆ เคียงๆ ก่อนจะพูดชวนขึ้น
“อืม...เออ...ก็ดีเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวกูกลับไปอาบน้ำอาบท่าที่บ้านก่อนแล้วสักสองทุ่มเจอกันที่นาพ่อกูนะ”
พี่เมฆพยักหน้ารับ ก่อนจะเดินกลับไปที่วงเหล้าต่อ
ข้าวปลาไม่เคยจะกิน กินแต่ยอดข้าวจริงๆ พี่เมฆเนี่ย...
----------
“งั้นหนูนอนดูทีวีไปก่อนนะ เดี๋ยวพี่ออกไปวางเบ็ดก่อนแล้วจะรีบกลับมา... จะได้มีปลาไว้ทำกับข้าวให้หนูกิน”
พี่ยักษ์หันไปมองนาฬิกา ก่อนจะบอกเราแล้วลูบหัวไปพลาง
พูดตามตรงนะตอนนั้นถึงจะเวลาแค่สองทุ่มแต่มันบรรยากาศโดยรอบมันก็เงียบเชียบมากเลยทีเดียว
แถมรอบบ้านพี่ยักษ์ก็มีแต่ต้นไม้แบบนี้ ต่อให้มีทีวีให้ดูยังไงการอยู่คนเดียวมันก็น่ากลัวอยู่ดี...
“พี่ยักษ์...คือ...ผมไปด้วย...ได้ไหมฮะ?”
“หือออ… เดี๋ยวพี่ก็มา เถียงนาตอนกลางคืนมันเดินลำบากนะแถมโดนหญ้าทิ่มอีก มันจะคันเอา ต้องกลับมาอาบน้ำใหม่อีกรอบนะ...”
“แต่ว่า...ผมกลัว…ผี”
“กลัวทำไมผี บ้านพี่ไม่มีผีหรอก เอานะ... หนูนอนดูทีวีไปแป๊ปเดียว เดี๋ยวพี่ก็กลับมาแล้ว...”
“ผมขอไปด้วยไม่ได้หรอฮะ...” เรารู้ดีว่าการที่ร้องขออะไรแบบนี้มันดูไม่ดีมันดูไม่น่ารักเลย เหมือนเด็กที่ไม่ยอมเข้าใจอะไร แต่ว่ามันกลัวจริงๆ นี่...
พี่ยักษ์ทำสีหน้าครุ่นคิด ก่อนจะยิ้มแห้งๆ
“งั้น...ไม่เป็นไรฮะ...ผมไม่ไปก็ได้...แต่พี่ยักษ์ต้องรีบๆ กลับมานะ ผมกลัว...”
“เฮ้อออออ ไอ้ลูกหมาเอ้ย...ดูทำหน้าเข้า... เอ้า ป่ะ!ไปก็ไป แต่เดี๋ยวถ้าบ่นง่วงนอนจะทุบหัวให้”
เราอมยิ้มแล้วรีบกระโดดลงจากที่นอนวิ่งไปปิดทีวีทันที
---------
พี่ยักษ์พาเราขี่มอเตอร์ไซค์มาสักพักก่อนจะถึงที่นาของลุงสิน ซึ่งอยู่ห่างออกไปจากที่นาของแม่เราพอสมควรเลย
ถึงแม้ว่าจะเป็นการตกเบ็ดหาปลาตามธรรมชาติ แต่ว่าเราจะสามารถปักเบ็ดได้แค่ในพื้นที่นาของตัวเองเท่านั้น
ถ้าปักในที่นาของคนนั้นจะถือว่ามีความผิดฐานขโมย ถ้าเจ้าของนารู้เข้าจะไปแจ้งกับผู้ใหญ่บ้านให้เอาผิดได้
(สมัยนั้นมีเรื่องอะไรถ้าไม่ใช่เรื่องใหญ่โตถึงขั้นต้องขึ้นโรงพัก จะให้แจ้งผู้ใหญ่บ้านก่อนเสมอเขาจะเป็นคนจัดการให้)
“อ้าวเฮ้ย! ไอ้ยักษ์ มึงพาไอ้ตัวเล็กมาทำไมละวะนั่น?” เสียงพี่เมฆที่จอดรถมอเตอร์ไซค์รออยู่ตรงข้างทางหน้าทางเข้านาลุงสิน ร้องทักขึ้นทันทีที่เห็นหน้าเราไปด้วย
“เออ ก็น้องมันยังไม่หลับนี่หว่าแถมปล่อยให้อยู่คนเดียวไม่ได้ด้วย กลัวผีอีก”พี่ยักษ์หันมาทางเราก่อนจะทุบหัวเราเบาๆ หนึ่งที
“แล้ว...มึงไม่ไปกับพวกกูหรอ?”
“คงไม่ล่ะ...พวกมึงไปกันเถอะ เดี๋ยวปักเสร็จกูก็กลับบ้านไปนอนละ”
“เออๆ งั้นตามใจมึงแล้วกันนะ... งั้นกูไปล่ะ”พี่เมฆขึ้นมอเตอร์ไซค์ก่อนจะสตาร์ทรถแล้วขี่ออกไป
“อ้าว...พี่ยักษ์ฮะ ไม่ใช่ว่าพี่เมฆเขาชวนมาวางเบ็ดหรอฮะ? แล้วนั่นพี่เขาไปไหนอ่ะ??”
“เอ่อ...อ้อ!มันก็ไปปักเบ็ดแถวที่นาของมันน่ะสิ ถ้ามาเดินตามตูด ปักเบ็ดด้วยกันมันจะได้ปลาได้ยังไงเล่าฮ่า”
พี่ยักษ์หัวเราะร่วนก่อนจะหันไปเตรียมอุปกรณ์แล้วก็เอาไฟฉายคาดหัว เดินนำหน้าเราไป
โดยที่มีเราเดินตามไปติดๆ ชนิดที่ว่าแทบจะเกาะขาพี่เขาอยู่แล้ว...
ก็ใครจะไปรู้ล่ะ ตอนนั้นคิดว่าจะมีพี่เมฆเดินด้วยเป็นเพื่อนกัน อย่างน้อยให้พี่เขาเดินปิดท้ายให้ก็ยังดีแบบนี้ข้างหลังเรามันไม่มีใครเลยน่ะสิ!
---------
ด้วยความที่มันเป็นชนบทแค่เวลาสองทุ่มก็กว่าๆ มันเงียบสนิทมาก ถึงขนาดได้ยินเสียงเพลงแว่วๆ
ที่เปิดผ่านเครื่องขยายเสียงจากบ้านของลุงพันเลยทีเดียว ขนาดว่าอยู่ไกลกันมากเลยนะ
บรรยากาศรอบข้างมีแต่เสียงแมลงและเสียงกบร้องระงมดังแข่งกันไปหมด
“โหวววว ดาวเต็มท้องฟ้าเลยฮะพี่ยักษ์” ถึงแม้จะเป็นหน้าฝนแต่วันที่ท้องฟ้าเปิดแบบนี้
เราก็จะเห็นกลุ่มดาวเต็มท้องฟ้าไปหมด ด้วยความที่บรรยากาศรอบๆมันมืดด้วยแหละมั้ง
มันเลยยิ่งทำให้เราเห็นกลุ่มดาวบนท้องฟ้าได้ชัดมากๆ
“ใช่แล้ว ถ้าวันไหนฟ้าเปิดโล่ง จะเห็นดาวเต็มไปหมดแบบนี้เลย หนูชอบมั้ยละ?”
“ชอบฮะ! มันสวยมากเลย”
“ถ้าหนูอยู่กับพี่ พี่จะพาหนูออกมาดูดาวบ่อยๆเลย ที่กรุงเทพฯ ไม่มีดาวให้ดูหรอกนะจะบอกให้ หึ...”
“อ้าว ทำไมที่กรุงเทพฯ ถึงไม่มีดาวละฮะ?” นั่นสิ... เราลืมสังเกตุเลยว่าตอนกลางคืนที่กรุงเทพฯ เราแทบจะไม่เห็นดาวเต็มท้องฟ้าแบบนี้เลย
“อืมมมม พี่เคยได้ยินมานะ เขาบอกว่าที่กรุงเทพฯ มีแสงไฟจากตึกและบ้านคนเยอะแยะไปหมดแสงไฟพวกนั้นมันกลบหมด ก็เลยจะไม่เห็นดาว ต้องเป็นบรรยากาศมืดสนิทแบบนี้เท่านั้นถึงจะเห็นได้ง่าย”
หือ...อย่างนี้นี่เอง
หลังจากนั้นเราก็เดินตามพี่ยักษ์ปักเบ็ดไปเรื่อยๆ โดยที่พี่เขาจะส่งเสียงฮัมเพลงคลอไปเบาๆพี่เขาคงไม่อยากให้บรรยากาศมันเงียบจนเรารู้สึกกลัวละมั้ง
“เอ่อ...พี่ยักษ์ฮะ ผมถามอะไรหน่อยได้มั้ย?” ขณะที่เดินตามพี่เขาอยู่นั้น เราก็มีคำถามผุดขึ้นมาในหัว
“หือ? อะไรเหรอ?”
“คือ...”
“คือว่า...ถ้าผมไปอยู่กับพ่อแม่แล้ว... พี่ยักษ์จะทำยังไงต่อหรอฮะ?”
“หืออออ ยังไงนะ...ทำยังไงต่อ...คืออะไรเหรอ? ฮ่า” พี่ยักษ์ถึงกับหยุดเดินแล้วหันหน้ามาถามเรา
“ก็คือ...แบบว่า พี่ยักษ์จะมีเมียมีลูก...อะไรแบบนั้นรึเปล่าฮะ...”
คำพูดของป้าคนนั้นที่ได้ยินเมื่อตอนเย็น มันผุดขึ้นมาในหัวของเรา จนเราเองเกิดความรู้สึกสงสัยขึ้นมา
“อ้อ โธ่เอ้ย! พี่ก็นึกว่าอะไร ฮ่า”
“ก็...คงมีอยู่แล้วแหละ พี่เอง...ก็อยากมีลูกที่หน้าตาน่ารักน่าชังแบบหนูเหมือนกันเอาไว้นอนกอดตอนที่หนูไม่ได้อยู่กับพี่แล้ว”
พอพี่ยักษ์พูดจบ บอกตามตรงว่าตอนนั้นมันรู้สึกเจ็บและแน่นในอกไปหมด
เรารู้สึกจุกข้างในแปลกๆ มันรู้สึกเหมือนกับว่าไม่อยากให้พี่เขามีเมียมีลูกเลย
เรารู้สึกหวงแหนความรักจากผู้ชายคนนี้ เราอยากให้พี่เขารักเราแบบนี้แค่คนเดียว...
แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้ ถ้าเราไปอยู่กับพ่อและแม่แล้ว เราก็คงห่างกัน พี่เขาเองก็คงจะลืมเราไปในที่สุด
ในตอนนั้นเราไม่ได้ตอบอะไรกลับไป ได้แต่ฝืนยิ้มและพยักหน้ากลับไปให้
“เอ้า! เป็นอะไรละนั่น ทำไมทำหน้าเหมือนจะร้องไห้แบบนั้น”
ไฟฉายที่คาดบนหัวของพี่เขา สาดลงมาที่ใบหน้าของเรา จนทำให้พี่เขาเห็นและจับสังเกตุได้
เราได้แต่สายหัวไปมาเบาๆ เพราะตอนนั้นมันพูดไม่ได้จริงๆ
ถ้าพูดอะไรออกไปแม้แต่คำเดียวเสียงมันจะต้องสั่นและเผลอร้องไห้ออกไปแน่ๆ
“แนะ เป็นอะไรไม่ยอมบอกพี่แล้วนะ ไอ้ขี้ดื้อ” พี่ยักษ์ย่อตัวลงมานั่งยองๆ ก่อนจะจับแก้มเราแล้วหยิกเบาๆ
“คือผม...”
“ผม...” พี่ยักษ์พูดทวนคำพูดของเรา
“ผมไม่อยากให้พี่ยักษ์มีเมียมีลูก!” พอพูดออกไปมันก็เผลอร้องไห้ออกมาจนได้
“โธ่เอ้ย! ไอ้ขี้แยแค่นี้ก็ต้องร้องไห้ด้วย ฮ่า” พี่ยักษ์ดึงตัวเราไปกอดแล้วลูบหัวไปมาเบาๆพลางหัวเราะชอบใจไปด้วย
“เงียบๆ ไม่ร้องนะคนเก่ง...ก็หนูถามพี่มาแบบนั้น... พี่ก็ตอบตามจริง ผิดอีก!”
“แต่ว่า...” พี่ยักษ์เว้นวรรคไปนิดหนึ่งแล้วดึงตัวเราออกก่อนจะมองหน้าเราด้วยสีหน้าแววตาที่ดูอ่อนโยน
“ถ้าหนูอยู่กับพี่ละก็ พี่ไม่มีลูกมีเมียก็ได้นะ...” ภายใต้แสงไฟที่ฉายอยู่บนหัวของพี่เขาสะท้อนให้เห็นรอยยิ้มที่จริงใจนั่น
จนตอนนั้น...เราแทบจะเลือกได้เลยว่าเราจะอยู่กับพี่เขา เพราะเราเองก็ไม่อยากให้พี่เขามีลูกมีเมียนี่หน่า!
---------
หลังจากนั้นเราก็เดินปักเบ็ดกันไปเรื่อยๆ จนเบ็ดที่พี่เขาพกมามันหมด
ด้วยความที่ระยะห่างของคันเบ็ดคันหนึ่ง มันก็ต้องทิ้งระยะให้ห่างกันราวสิบเมตร
กว่าเบ็ดจะหมดก็รู้สึกว่าเดินมาไกลพอสมควรเลยจนเราเริ่มรู้สึกล้า และรู้สึกเย็นๆ เพราะน้ำค้างน่าจะลงหัวด้วย เลยเริ่มรู้สึกง่วงขึ้นมา...
“ป่ะ ปักหมดแล้ว กลับบ้านกัน หนูง่วงรึยัง?”
เราฝืนส่ายหัวให้พี่เขา ถึงแม้ว่าลูกตาจะปรือจนลืมแทบไม่ขึ้นแล้วก็ตาม
“โห... ไม่ต้องมาไม่ง่วงเลย สีหน้าพร้อมจะหลับขนาดนั้น...มานี่มาไอ้ขี้ดื้อ”
“อ่ะ ขี่คอพี่ไว้” พี่ยักษ์ย่อตัวลงให้เราขี่คอพี่เขาขึ้นไปก่อนจะแกะผ้าขาวม้าที่พี่เขาพันไว้ที่เอวสองผืนออกมา
ผืนหนึ่งพี่เขาคลี่ตรงกลางให้บานออก แล้วเอามาหุ้มบริเวณก้นเราไว้ก่อนจะเอาปลายผ้าทั้งสองข้างไปผูกไว้ตรงบริเวณหน้าท้องพี่เขา
ส่วนอีกผืน พี่เขาอ้อมมันไปด้านหลังเรา แล้วพาดเฉียงกับบ่าของเขาก่อนจะผูกมันที่บริเวณหน้าอก
“เอาล่ะ แค่นี้ก็เรียบร้อย... เผื่อระหว่างทางเดินกลับ แล้วหมาน้อยมันผล็อยหลับจะได้ไม่ร่วงหล่นลงไปในคูนา ฮ่า”
พอพี่เขาพูดจบเท่านั้น... เราก็เอามือเกาะไหล่แล้วซบลงทันที
ถึงแม้ว่าพี่เขาจะเอาผ้าขาวม้ามาพันกันเราร่วงไว้แล้วก็ตาม
แต่มือทั้งสองข้างก็ยังมาประคองไว้ที่ก้นเราอยู่ ทำให้เรารู้สึกปลอดภัยแล้วหลับง่ายขึ้นไปอีก
ระหว่างทางเดิน พี่ยักษ์ก็ยังคงฮัมเพลงไปเรื่อยๆ เสียงเพลงนี้เหมือนจะเป็นการกล่อมให้เราหลับสนิทยิ่งกว่าเดิม
แผ่นหลังของพี่ยักษ์ไม่ว่าจะหนุนกี่ทีก็ยังคงรู้สึกถึงความแข็งแกร่งและอบอุ่นเสมอเลย...
หายไปนานเลย /ขอบคุณครับ ความสัมพันธ์ค่อยๆไปเรื่อยๆ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ดีจัง สนิทกันแบบนี้ ขอบคุณครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รอตามต่อครับ ขอบคุณมากครับ หายไปนานเลย อ่านแล้วรู้สึกได้เลยว่าเรื่องราวของคุณมินกับพี่ดิน จะต้องเป็นเรื่องราวที่ประทับใจมาก ๆ ถึงจดจำเหตุการณ์ได้ขนาดนี้ ถ้าเป็นผมละก็ มัวแต่เล่นซนอย่างเดียว ตอนวัยพอ ๆ กับคุณมิน เรื่องที่ผมจำได้ ก็น่าจะเป็นเรื่องกินนี่แหละครับ 555
หายไปนานเลย /ขอบคุณครับ ใจจ้ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย koth2 เมื่อ 2022-5-14 07:09
มาแล้วมาแล้ว ขอบคุณครับ
ขอตอบเจ้าของกระทู้เรื่องที่ไม่ให้เป็นเงินไปเลย ตามความเข้าใจของตัวเองนะครับคือ ถ้าให้เป็นเงินมันจะเหมือนนายจ้างกับลูกจ้าง แต่ถ้าให้เป็นสิ่งของมันจะเป็นสินน้ำใจ และผู้ให้ก็จะได้เครดิตว่าจัดงานแล้วเลี้ยงคนมาช่วยงานดีมัย ผู้รับก็จะได้เครดิตว่ามาช่วยงาน ชอบช่วยเหลือโดยไม่เรียกร้องอะไรที่ได้มาคือเจ้าภาพให้ มันก็จะถูกเก็บเป็นข้อมูลของคนในหมู่บ้านไว้ว่าถ้าเกิดบ้านนี้มีงานเค้าก็จะมานั้งคิดกันว่าที่ผ่านมาเคยจัดงานมัยแล้วให้อะไร หรือมาช่วยงานมัยทำอะไรมากแค่ใหน
เนียเราถามเค้าแล้วหึงเค้าเอง แล้วก็ไปนอยเค้าอีก ช่วงนี้พี่ยักษ์ต้องทำคะแนนความเห็นใจเพื่อจะได้ไม่ได้แยกจากกัน 5555555555555
ขอตินิดนึง ตรงที่คุยกลับพี่เมฆเสร็จ แล้วมีที่ขั้นแล้วมาบทพูดหน้าที่วี ก่อนบทพูดอย่าให้มีเกลิ่นซักนิดว่า พี่ยักษ์พาเรากลับจากช่วยงานมาที่บ้านเพื่อเตรียมของไปวางเบ็ด อะไรทำนองนี้อะครับ 555555555 รู้ว่ามีที่ขั้นให้แล้วแต่ฉากในหัวมันเปลี่ยนไม่ทันจริงๆๆ ฉากในหัวคือพี่เมฆกลับไปวงเหล้า แล้วอ่าวภาพตัดเลย {:5_132:}{:5_132:}
ขอบคุณครับ ตอนท้ายนี่ทำให้อบอุ่นหัวใจจัง พี่ยักษืน่ารักมากเลยอะ อิจฉา{:5_137:} ขอบคุณนะครับ รอพี่ยักษ์กับเจ้าตัวเล็กทุกวันเลย ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ รออ่านเรื่องราวของทั้งคู่ตลออเลย ชอบมากครับ