พี่ยักษ์ที่รัก [17]
“พี่ยักษ์ฮะ…พรุ่งนี้ผมขอให้พวกพี่บัวมาเล่นที่บ้านได้มั้ย?...” เราลองถามพี่เขาดู ขณะที่เรานั่งกินข้าวเช้ากันอยู่ก็นอกจากที่โรงเรียนแล้วก็แทบไม่ได้เล่นกับเพื่อนเลย...พอถึงวันเสาร์-อาทิตย์ทีไร
ถ้าพี่เขาไปไหนมาไหนก็มักจะหอบเอาเราไปด้วยเสมอ ซึ่งเราก็เข้าใจเหตุผลตรงนั้นนะ...
เพราะพี่เขาไม่อยากให้เราอยู่ห่างจากเขา กลัวเกิดเหตุการณ์เหมือนวันนั้นอีก
แต่ถ้าให้เราไปวิ่งเล่นในหมู่บ้าน เดี๋ยวบังเอิญเจอหน้าญาติๆ เรา กลัวจะโดนพวกเขาด่าหรือทุบตีมาอีก
ซึ่งพอพี่เขาอธิบายให้ฟัง เราก็เลยเข้าใจและไม่ได้งอแงอะไร
แต่...อาทิตย์หน้าก็จะสิ้นเดือนแล้ว ถ้าหากว่าพ่อกับแม่มารับไปอยู่ด้วยจริงๆเราก็คงจะไม่ได้เล่นกับพวกพี่บัวอีกแล้วสิ...
“หืมมมม มันจะวิ่งเล่นได้หรอ?”
“ได้ฮะๆ นู่นตรงสวนมะม่วงมีที่ร่มไม้ตั้งเยอะ แถมผมไม่ต้องออกไปวิ่งเล่นตากแดดด้วย”
เรารีบพูดเสริมต่อทันที อย่างน้อยพี่ยักษ์ก็จะไม่ได้มีข้ออ้าง เรื่องที่เราไปวิ่งเล่นตากแดด
“อ่า...ดูพูดเข้า แปลว่าเล็งที่ตรงนั้นกันไว้อยู่แล้วสินะร้ายนักนะเรา จะพาเพื่อนมายึดบ้านพี่เหรอ?”
พี่ยักษ์พูดจบก็ขยี้หัวเราเหมือนรู้ทัน ทำเอาเรายิ้มแก้มปริเลย
“เอาๆ งั้นรีบกินข้าวเข้าเดี๋ยวก่อนไปโรงเรียนพี่จะพาเดินไปดูว่าวิ่งเล่นได้มั้ย?”
“ฮะ!”
หลังจากที่เรากินข้าวเช้ากันเสร็จเรียบร้อย พี่ยักษ์ก็พาเราเดินไปดูบริเวณฝั่งที่เป็นสวนมะม่วง
ด้วยความที่ช่วงนี้มันเป็นหน้าฝนด้วยแหละมั้ง แถมพอร่มไม้มันค่อนข้างหนาเวลาแดดออก แดดก็ส่องไม่ค่อยจะถึงพื้น
อีกอย่างพวกใบมะม่วงที่มันร่วงเต็มพื้นไปหมดพี่เขาก็ไม่เคยกวาดเลย เหมือนปล่อยให้มันเป็นปุ๋ยใต้ต้นอยู่แบบนั้น...
ถ้าเราจะมาเล่นที่ตรงนี้กัน ก็น่าจะต้องช่วยกันกวาดใบไม้และกวาดหน้าดินในส่วนที่มันเละๆ ออก ถึงจะพอวิ่งเล่นได้
(เราก็ไม่รู้ว่าดินแบบนั้นเขาเรียกว่าดินอะไร แต่หน้าดินเวลามันโดนฝนจะเละๆ หน่อย
ถ้าเกิดเอาไม้กวาดทางมะพร้าวมากวาดหน้าดินที่มันเละออก แล้วเอาน้ำราดข้างล่างมันก็จะเป็นพื้นดินแข็งๆ ทำให้วิ่งเล่นได้ไม่เฉอะแฉะเลอะเทอะ)
“ไงล่ะ น่าวิ่งเล่นมั้ย? ไอ้ตัวแสบ หืมมม”
“น่าวิ่งเล่นฮะ!”เราพยักหน้ารับแล้วยิ้มให้ทันที เพราะอย่างน้อยเราก็รู้วิธีแก้เรื่องพวกนี้แล้ว
เพียงแต่เรากับเพื่อนๆ น่าจะต้องเหนื่อยกันหน่อย ก่อนจะได้วิ่งเล่น
“แหม ทีอย่างนี้ล่ะรีบตอบเสียงใสเชียวนะ” พี่ยักษ์ก้มลงมามองพร้อมกับยิ้มให้ แล้วทุบหัวเราหนึ่งที
เอ้า ก็มันน่าวิ่งเล่นจริงๆ นิหน่า
หลังจากนั้นพี่ยักษ์ก็พาเดินไปจนสุดพื้นที่ของบ้านพี่เขาซึ่งฝั่งของท้ายสวนมะม่วงจะติดกับถนนพอดี
แล้วฝั่งตรงข้ามถนนจะเป็นท้องนาทอดยาวออกไปเพราะบ้านพี่เขาอยู่หลังสุดท้ายก่อนสุดเขตหมู่บ้านเรา
แถมตั้งห่างจากบ้านของคนอื่นตั้งไกลด้วย
“แล้วต้นไม้ใหญ่ ต้นนี้เป็นของบ้านพี่ยักษ์ด้วยรึเปล่าฮะ?” เราเดินเข้าไปใกล้ต้นไม้ใหญ่ ที่ตั้งอยู่ท้ายสวนจนเกือบติดถนนของหมู่บ้าน
แล้วหันไปถามพี่เขา
“อ๋อ ต้นก้ามปูนี่น่ะเหรอ?... ใช่สิ หืมมมมอย่าบอกนะว่ามาอยู่บ้านพี่ตั้งนาน หนูไม่รู้ว่าต้นนี้มันเป็นของบ้านพี่น่ะไอ้ตัวแสบ”
“ไม่รู้ฮะ...ก็ผมเห็นมันตั้งอยู่ติดกับถนนนึกว่าไม่ใช่ของบ้านพี่ยักษ์ซะอีก แหะๆ”
“แต่ต่อให้มันเป็นของบ้านพี่ก็ห้ามมาปีนเล่นเด็ดขาดนะรู้มั้ย? ถ้าตกต้นไม้แล้วแข้งขาหักขึ้นมา พี่จะทุบหัวให้”
“แหะๆ” เราได้แต่ยิ้มแหยๆ กลับไป...ห้ามอะไรกัน ก็ไอ้ต้นนี้นะก่อนหน้านี้เรากับพวกเพื่อนๆ มาปีนป่ายเล่นกันประจำ55555
เพราะต้นก้ามปูต้นนี้ที่พวกเราแอบมาปีนเล่นกัน ลักษณะลำต้นของมันจะใหญ่
และมีบางกิ่งจะสูงจากพื้นไม่มากถ้าวัดความสูงจากกิ่งที่อยู่ใกล้พื้นที่สุดก็ประมาณสองเมตรกว่าๆ
พอขึ้นไปนั่งข้างบนแล้วมองลงมาจะไม่รู้สึกว่ามันสูงจนน่าหวาดเสียวอะไร
แถมแต่ละกิ่งก็ใหญ่และหนามาก ขนาดที่ว่าพอขึ้นไปใครที่ทรงตัวเก่งๆสามารถเดินบนกิ่งของต้นก้ามปูยังได้เลย
เป็นต้นไม้อีกต้นหนึ่งที่เรารู้สึกว่ามันปีนขึ้นง่ายมาก ขนาดว่าเราเป็นคนที่ปีนต้นไม้ไม่เก่งนะ
“พี่ยักษ์ฮะ...แล้วถ้าต้นนี้เป็นของบ้านพี่ยักษ์เราทำบ้านต้นไม้ได้มั้ยฮะ?”
“หือ? บ้านต้นไม้ คือ...ตัดต้นไม้มาทำเป็นบ้าน อย่างงี้เหรอ?”
“ไม่ใช่ฮะ! หมายถึงสร้างบ้านบนต้นไม้ไงฮะที่เป็นเหมือนกระท่อมบนต้นไม้ เหมือนในหนังอ๊า!! หูยยยยพี่ยักษ์ไม่รู้จักบ้านต้นไม้ได้ยังไง”
“อ๋อๆ ฮ่า ก็เห็นบอกทำบ้านต้นไม้พี่ก็นึกว่าจะเอาต้นไม้มาทำเป็นบ้านซะอีก...”
“ได้สิ ก็ต้นไม้ของบ้านพี่นี่หน่า ทำไมล่ะ... หนูอยากได้เหรอ?”
“ใช่ฮะๆ” เราพยักหน้าตอบกลับทันทีพร้อมกับทำสายตาออดอ้อนไปให้พี่เขา
เราคิดว่าเพื่อนๆหลายคนในนี้ตอนเด็กก็น่าจะใฝ่ฝันอยากมีบ้านต้นไม้เหมือนกับเราแน่ๆ
“อืมมมม…ถ้าหนูอยากได้ พี่ทำให้ก็ได้นะแต่...มันต้องใช้เวลาเนี่ยสิ อาทิตย์หน้าพ่อกับแม่หนูก็จะมารับแล้ว พี่น่าจะทำให้ไม่ทัน...”
พี่ยักษ์ย่อตัวนั่งลงพร้อมกับหยิกแก้มเราไปมาพอพูดถึงเรื่องอาทิตย์หน้าแล้วเราได้แต่ทำหน้าตุ่ยๆ แล้วก็นิ่งเงียบไป
นั่นสินะอาทิตย์เดียวพี่เขาคงทำให้ไม่ทันหรอก...
“ไม่เห็นต้องทำหน้าเศร้าเลย ก็...ถ้าเกิดพ่อกับแม่มารับหนูก็บอกว่าขออยู่กับพี่ต่อสิ...
พี่จะได้ทำบ้านต้นไม้ให้ไง แล้ววันไหนว่างๆเดี๋ยวค่อยชวนให้ไอ้เมฆมาช่วยทำอีกแรง บ้านต้นไม้ของหนูจะได้เสร็จไวๆ ดีมั้ยครับคนเก่ง?”
“ก็…ดีฮะ...”เราตอบกลับไปแบบอ้ำๆ อึ้งๆ เพราะพอวนกลับมาเรื่องพ่อกับแม่ทีไรเราก็ไม่สามารถให้คำตอบพี่เขาได้อย่างหนักแน่นสักที
คงเพราะความเป็นเด็กด้วยมั้ง ถึงจะอยากอยู่กับพี่เขามากแค่ไหน
แต่ในใจลึกๆยังไงเด็กในวัยนั้นยังไงก็อยากอยู่ใกล้พ่อกับแม่มากกว่าอยู่ดี...
“ก็ดี…นี่หมายความว่ายังไงน้า? ดูทำหน้าเข้า...ฮ่าๆ พี่ไม่แซวแล้ว ป่ะๆ ไปโรงเรียนกันดีกว่าเดี๋ยวสายจะโดนครูตีตูดเอาพี่ไม่รู้ด้วยนะ”
หลังจากนั้นพี่ยักษ์ก็จูงมือเราเดินออกจากตรงนั้นแต่ขณะเดินไปเราก็อดที่จะเหลียวหลังหันมามองไม่ได้
ก็รู้สึกเสียดายอยู่เหมือนกันเพราะมันไม่ใช่ว่าต้นไม้ทุกต้นนะที่จะสร้างบ้านข้างบนได้
ถ้าไปอยู่กรุงเทพฯเราคงไม่มีโอกาสได้บ้านต้นไม้แบบนี้แน่ๆ...
-----------
หลังจากที่เราคุยกับพี่ยักษ์เรื่องขอให้พวกเพื่อนๆ มาเล่นที่บ้าน พี่เขาก็อนุญาต
แต่ก็ได้ทำข้อตกลงกับเรานิดหน่อยว่าไม่ให้เราและเพื่อนๆ ปีนขึ้นไปบนต้นมะม่วงหรือปีนต้นไม้เล่นเด็ดขาด
เพราะถ้าหากพลาดตกลงมา พี่เขาจะโดนพวกผู้ใหญ่ว่าเอา ว่าไม่ดูแลเด็ก
และหากเป็นแบบนั้นพี่ยักษ์ก็จะไม่อนุญาตให้เราก็พาเพื่อนมาเล่นที่บ้านอีก...
เราตบปากรับคำพี่เขาอย่างดี พอไปถึงโรงเรียนก็รีบเอาเรื่องนี้ไปบอกเพื่อนๆทำให้ทุกคนดีใจกันใหญ่
ในที่สุดก็จะมีที่ไว้วิ่งเล่นโดยที่ไม่มีผู้ใหญ่มาคอยไล่แห่แล้ว!
พอถึงวันเสาร์พี่บัวรีบมาหาเราที่บ้านพี่ยักษ์แต่เช้าเลย
พร้อมกับขนหม้อชามรามไหใบเล็กๆ ที่พวกเราเอาไว้เล่นขายของกันใส่ถุงมาเต็มไปหมด
“เฮ้ยยยย! อะไรวะนั่นเอ็งจะย้ายบ้านเรอะไอ้บัว” พี่ยักษ์ตะโกนแซวทันทีที่เห็นพี่บัวหอบข้าวของมาพะรุงพะรังเต็มไปหมด
เรารีบกินข้าวเช้าให้เสร็จ แล้วเอาจานไปแช่ ก่อนพาพี่บัวไปดูที่ทางว่าจะตั้งร้านใต้ต้นไม้ต้นไหนดี
“ไอ้ตัวแสบมานี่ก่อน…”เสียงเรียกของพี่ยักษ์ที่ไล่ตามหลังมาทำให้เราต้องหันหลังแล้วรีบวิ่งไปหาพี่เขาทันที
“ห้ามพากันก่อไฟเล่นนะ แล้ว...ก็อย่าพากันปีนต้นไม้เล่นเด็ดขาด...เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่จะแวะกลับมากินข้าวที่บ้าน
แล้วถ้าพี่เห็นว่าหนูไม่ได้ทำตามที่ตกลงกันไว้...หนูจะโดนทำโทษนะเข้าใจมั้ยไอ้ดื้อ!”
พี่ยักษ์เสยผมข้างหน้าของเราขึ้นที่ตอนนี้มันเริ่มยาวปิดหน้าผากได้เล็กน้อย พร้อมกับลูบไปมา
“ฮะ!”เราพยักหน้าพร้อมกับยิ้มให้พี่เขา
“ดีมาก งั้นเดี๋ยวพี่จะเตรียมตัวไปทำงานก่อนมา...หอมก่อนพี่จะได้มีกำลังใจ” พอพี่ยักษ์พูดจบพี่เขาก็เอี้ยวหน้าลงมาใกล้ๆ
เรารีบหอมพี่เขาทันที โดยทีหลังๆเราแทบจะไม่มีความเขินอายแล้ว
เพราะพี่เขาให้เราหอมแก้มเขาประจำหรือไม่บางทีพี่เขาก็หอมแก้มเราคืน ครั้งนี้ก็ด้วย
หลังจากที่พี่ยักษ์ออกไปทำงานแล้ว เรากับพี่บัวก็เริ่มเอาไม้กวาดทางมะพร้าวและคราด
มาช่วยกันเก็บกวาดใบมะม่วงที่เน่าเปื่อยและเปียกแฉะอยู่ใต้ต้นออก
หลังจากนั้นพอสายๆ หน่อยพวกเพื่อนคนอื่นๆ ก็ทยอยตามมา
ระหว่างที่พวกเราช่วยกันเก็บกวาดทั่วบริเวณนั้น ก็เจอทั้งลูกตะขาบ และพวกลูกแมงป่องที่หลบอยู่ใต้กองใบไม้ชื้น
แต่ด้วยความเป็นเด็กชนบทกันก็จะเคยชินกับแมลงพวกนี้อยู่แล้วเลยไม่ได้มีใครกรี๊ดกร๊าดหรือโวยวายอะไร
ก็แค่กวาดมันออกไปให้ไกลๆ เท่านั้นเอง
เสร็จแล้วพวกเราก็ช่วยกันไปขนน้ำมาราดพื้นดินที่เละๆ ออกเอาน้ำมาราดตั้งหลายสิบรอบแนะ
กว่าจะได้หน้าดินที่มันแข็งๆพอที่จะพาวิ่งเล่นแล้วไม่เลอะเทอะได้
จังหวะช่วงที่พี่ยักษ์เข้ามาพักกินข้าวเที่ยงบ้านพี่เขาชมใหญ่เลยว่าพากันเก็บกวาดได้สะอาดมาก
แต่ก็นั่นแหละ...กว่าจะเก็บกวาดกันเสร็จก็กินเวลานานหลายชั่วโมงทำให้เรายังไม่ทันได้เล่นอะไรกัน
หลังจากที่พวกเพื่อนๆ แยกย้ายกันเพื่อไปกินข้าวที่บ้านของตัวเอง ก็ถึงเวลาที่พวกเราจะได้เล่นกันแล้ว
ด้วยความที่พอทำความสะอาดเสร็จ ทำให้เรามีพื้นที่กว้างมากพอที่จะทำกิจกรรมการละเล่นได้หลากหลายมากขึ้น
ทำให้ไม่มีใครเล่นขายของกันเลยวันนั้น 55555
พวกเพื่อนผู้ชายบางคนก็รบเร้าให้เราพาขึ้นไปเปิดซีดีดูการ์ตูนหน่อย
เพราะเราเคยเล่าอวดให้เพื่อนฟังบ่อยๆว่าพี่ยักษ์เปิดการ์ตูนให้เรื่องนั้นเรื่องนี้สนุกดี
แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ขออนุญาตพี่เขาเอาไว้ก่อนว่าจะพาเพื่อนเข้าไปในห้องแล้วเปิดซีดีให้เพื่อนดู ก็เลยต้องปฏิเสธไป
ถึงจะอยากตามใจเพื่อนแค่ไหนก็ตาม แต่เราก็ยังรู้สึกเกรงใจพี่เขามากกว่าอยู่ดี...
----------
“โอโห้! อะไรวะเนี่ยไอ้ยักษ์ มึง…โดนเด็กยึดบ้านแล้วมั้ยละ” พี่เมฆทักแซวพวกเราทันทีที่ลงจากรถมอเตอร์ไซค์
แถมมีขวดเบียร์ห้อยติดมาด้วยสามถึงสี่ขวดถ้าพี่เมฆมากินเบียร์ด้วยแบบนี้แปลว่างานนี้เสร็จแล้วแน่ๆ ...
“วันนี้ผมไม่ได้ก่อไฟเลยนะฮะแล้วก็ไม่ได้ให้เพื่อนปีนต้นไม้ด้วย!”พอเห็นพี่ยักษ์กลับมาจากทำงานแล้ว เราเลยรีบวิ่งแจ้นไปรายงานพี่เขาทันที
“เก่งมากเลยครับ” พี่ยักษ์ลูบแก้มเราเบาๆก่อนจะยิ้มให้
“อ้าว...เฮ้ยไม่กลับบ้านกลับช่องกันรึไงน่ะ! ไปๆ กลับบ้านได้แล้วเดี๋ยวมืดค่ำพ่อแม่พวกเอ็งจะถือไม้เรียวรอนะเฮ้ย!!”
พอพวกเพื่อนๆ ได้ยินเสียงพี่ยักษ์ตะโกนไป ทุกคนก็หยุดชะงักแล้วค่อยๆเดินมาหาเราก่อนจะขอตัวกลับ
แล้วต่างคนต่างปั่นจักรยานของตัวเองออกไป...
“เดี๋ยวๆ ไอ้บัว เอ็งไม่เอาหม้อชามพวกนั้นกลับไปด้วยเรอะ”พี่ยักษ์ถามขณะที่พี่บัวเดินมายกรถจักรยานขึ้น
โดยที่ไม่เอาพวกสัมภาระที่เล่นขายของกลับไปด้วย
“คะ? อ้าว ไม่ใช่พี่ยักษ์ให้พวกหนูมาเล่นที่นี่ได้แล้วหรอ?”
“ก็ให้มาเล่นได้ แต่เอ็งก็เอาของกลับไปด้วยสิ จะเอาไว้ที่นี่ทำไม?”
“พรุ่งนี้เดี๋ยวหนูก็มาเล่นกับมินอีกอ่ะ”
“พรุ่งนี้พี่จะพามินไปที่ทำงานด้วย แล้วอาทิตย์หน้าพ่อกับแม่น้องก็จะมารับแล้วเอ็งจะทิ้งของไว้ทำขี้เกลืออะไรล่ะ”
“อ้าว...หนูนึกว่ามินจะอยู่กับพี่ยักษ์ต่อซะอีก...”
“เออๆ วันนี้เอ็งเก็บของกลับบ้านไปก่อนเอาไว้ถ้าน้องมันอยู่ต่อค่อยขนมาใหม่แล้วกัน”
พี่บัวเกาหัวแกรกๆ ก่อนจะเดินไปเก็บของ เสร็จแล้วก็ขี่รถจักรยานออกไป
“พี่ยักษ์ฮะ ทำไม...พรุ่งนี้ต้องพาผมไปที่ทำงานด้วยหรอฮะ?” เราทำน้ำเสียงงอแงเล็กๆ เพราะวันนี้ตอนบ่ายพึ่งได้เล่นกับเพื่อนเองยังไม่หนำใจเลย...
“พรุ่งนี้พี่ต้องไปทำที่อีกหมู่บ้านหนึ่ง มันอยู่ไกล พี่กลับมากินข้าวเที่ยงไม่ได้...พี่ไม่อยากทิ้งให้หนูอยู่คนเดียวพี่เป็นห่วง เข้าใจมั้ยคร้าบบบ”
“…เข้า...ใจ...ครับ”เราตอบกลับด้วยสีหน้าเจื่อนๆ
“แล้วพรุ่งนี้ขากลับพี่จะพาหนูแวะไปตัดผมด้วย เนี่ยผมยาวแล้วเดี๋ยวพ่อกับแม่กลับมาเห็น จะหาว่าพี่ไม่ดูแลอีก ฮ่า”
“หะ...ตัดผมด้วยหรอฮะ?...”เราทำสีหน้าเศร้ายิ่งกว่าเดิม เพราะไม่อยากตัดผมเลย
ถึงแม้จะต้องตัดเป็นประจำทุกเดือนก็เถอะแต่พอจะโดนตัดทีไรเหมือนน้ำตามันปริ่มจะไหลทุกทีเลย...อยากไว้ผมยาวไม่อยากโดนตัดผม!
“ดูทำหน้าเข้า ไอ้ลูกหมาเอ้ย! ฮ่า”พูดจบพี่เขาก็จูงมือเราไปที่แคร่ ที่มีพี่เมฆนั่งซดเบียร์อย่างสบายใจเฉิบรอพี่ยักษ์อยู่
พร้อมกับจัดแจงเทกับข้าวกับปลา จนเต็มไปหมด...
---------
วันรุ่งขึ้นหลังจากกินข้าวเช้ากันเสร็จเรียบร้อย พี่ยักษ์ก็พาเราซ้อนมอเตอร์ไซค์พาไปที่ทำงานของพี่เขา
คราวนี้เป็นที่ที่อยู่อีกคนละตำบลกัน พวกเราใช้เวลาเดินทางราวๆครึ่งชั่วโมงน่าจะถึงเห็นจะได้
มันก็ไม่ได้ไกลมากหรอก เพียงแต่ถ้าหากตีระยะทางจากที่บ้านพี่เขาทั้งไป-กลับก็น่าจะกินเวลาเป็นชั่วโมงเลย
ด้วยอาชีพรับจ้างทั่วไปของพี่เขา งานมันก็จะไม่ได้มีแค่ในหมู่บ้าน และหมู่บ้านใกล้ๆเท่านั้น
ซึ่งคนสมัยก่อนเหมือนจะรู้จักกันหมดแบบวงกว้างแล้วยิ่งพี่เขาเป็นคนตัวใหญ่ยักษ์ด้วยยิ่งโดดเด่นและเป็นที่จดจำได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ
อีกทั้งเกี่ยวกับการทำงาน พี่เขาทำงานเต็มแรงเสมอ คนที่จ้างส่วนใหญ่ก็จะรอที่จะใช้บริการพวกพี่ยักษ์มากกว่า
อย่างน้อยก็การันตีว่าไม่กินแรงและงานเสร็จไวเป็นที่พึงพอใจของผู้ว่าจ้าง
(คนที่นั่นจะไม่ค่อยจ่ายค่าจ้างเป็นราคาเหมานะ แต่จะคิดค่าจ้างให้เป็นรายวันซะมากกว่า
เพราะเขารู้สึกว่าถ้าให้เหมาแล้วงานเสร็จไว กลัวว่าคนที่เขาว่าจ้างมาจะได้กำไรมากเกินไป...
ใช่ คนแถบที่เราอาศัยอยู่ตอนเด็กนั้น เขามีความคิดกันแบบนี้จริงๆ นะ
ทีนี้ถ้าเกิดจ้างเป็นรายวัน ถ้าเจอคนอู้งานทำงานเช้าชามเย็นชาม กว่างานจะเสร็จ ก็กินค่าแรงไปได้หลายตังค์เลย
เพราะแบบนี้งานจ้างทั่วๆไป ถ้าไม่ใช่งานรีบร้อนอะไรส่วนใหญ่ก็จะตกมาอยู่กับพวกพี่ยักษ์ซะมากกว่า)
ที่จริงก่อนหน้านี้พี่เขาก็เคยหิ้วเราไปทำงานนอกหมู่บ้านด้วยหนหนึ่งแล้ว
เราก็เลยพอจะรู้ว่ามันค่อนข้างน่าเบื่อเพราะเราก็ทำได้แค่นั่งๆ นอนๆ รออย่างเดียว...
แต่ก็นะ...จะทำไงได้ ที่พี่เขาทำแบบนี้เพราะเป็นห่วงเรานี่หน่า
เราก็เลยเตรียมเอาหนังสือภาษาไทยไปด้วย เพราะเป็นหนังสือเรียนเพียงอย่างเดียวที่มันมีอะไรที่น่าอ่านเล่นที่สุด
ด้วยความที่หนังสือภาษาไทยระหว่างบทมันจะมีเนื้อเรื่องต่างๆ ก็เลยมีอะไรให้อ่านเล่นแก้เหงาได้
พี่ยักษ์เองก็เตรียมเอาเสื่อและเปลติดใส่เบาะรถไปพร้อมเหมือนกัน เอาไว้ไปผูกให้เรานอนเล่นรอพี่เขา...
ก็สมัยนั้นมันไม่มีโทรศัพท์มือถือมากดเล่นนี่!
----------
พอถึงช่วงเวลาเลิกงาน พี่ยักษ์ไม่ลืมที่จะพาเราขี่แวะไปทางร้านตัดผมตามที่พี่เขาบอกเมื่อวาน
พอไปถึงที่ร้าน เรายืนหน้าบูดนิดๆก่อนจะเดินตามพี่เขาเข้าไป
...เดี๋ยวคอยดูนะ แล้วช่างอ่ะชอบตัดซะสั้นเลย ตัดแบบนี้…โกนไปเลยดีกว่ามั้ง!!
พอตัดเสร็จเราลงจากเก้าอี้ พร้อมกับน้ำตาปริ่มๆ ปากเบะๆเหมือนคนที่กำลังจะร้องไห้
ทำเอาพี่ยักษ์หัวเราะชอบใจไปอีก ที่เห็นเราทำหน้าแบบนี้
“ผมเริ่มยาวรุงรังแล้วเหมือนกัน ตัดด้วยดีกว่า” จู่ๆ พี่เขาก็เดินไปนั่งที่เก้าอี้ตัดผม แล้วหันไปบอกช่าง
“เอารองทรงเหมือนเดิมนะ” ช่างเอาผ้ามาคลุมให้พี่ยักษ์ก่อนจะหันไปเปลี่ยนแบตเตอร์เลี่ยน
“อืมมม ไม่ล่ะครับ วันนี้ผมตัดสั้นเลยดีกว่า”
“สั้นขนาดไหน?”
“ก็...เอาเท่าทรงนักเรียนเหมือนน้องมันเลยละกันครับ” พอพี่ยักษ์พูดจบเราได้แต่มองหน้าพี่เขาด้วยความรู้สึกสงสัย
ทำไมพี่เขาถึงอยากตัดสั้นขนาดนี้ด้วยนะ...
หลังจากที่พี่ยักษ์ตัดเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับโกนหนวดโกนเคราออกจนหมด
พอเห็นหน้าพี่เขาแล้ว เราอดที่จะอมยิ้มแล้วกลั้นหัวเราะไม่ได้
ทำไมพอพี่ยักษ์ตัดทรงเดียวกับเรา และบนหน้าพี่เขาไม่มีหนวดเคราแล้วนั้น...
หัวพี่เขาดูกลมมาก!
เราได้แต่ยืนมองเพราะไม่เคยเห็นพี่เขาในแบบนี้มาก่อน
พี่ยักษ์ตัดผมสั้นเหี้ยนไปเลยถ้าพูดให้เห็นภาพก็ทรงสกินเฮดในสมัยนี้นั่นแหละ
เพราะถ้าเป็นทรงนักเรียนของเด็กมันจะมีข้างหน้าและส่วนบนหัวหนานิดนึง
แต่ทรงผมพี่ยักษ์คือเหมือนทิดพึ่งสึกใหม่ที่ผมกำลังขึ้น...
“เอ้า! ทำไมมองหน้าพี่แล้วอมยิ้มแบบนั้น” พี่ยักษ์ถามขึ้นขณะที่พวกเรากำลังเดินไปที่รถมอเตอร์ไซค์
“ปะ...เปล่าฮะ...” เราพูดไปอมยิ้มไป เพราะยังไม่รู้สึกชินตากับพี่เขาในแบบนี้สักเท่าไหร่...
“โห่ แล้วหนูขำทำไมอ่ะ...พี่ไม่หล่อเหรอ?”
“หล่อฮะ! หล่อมากเลย!!” เรารีบตอบกลับทันที เพราะพอเห็นพี่เขายิ้มแหยๆ ยกมือเกาหัว แล้วเรารู้สึกไม่ค่อยดีเหมือนกันไม่รู้เราขำพี่เขามากไปรึเปล่า...
“เหรออออ...ถ้าพี่หล่อ...งั้นหอมแก้มก่อน” พี่ยักษ์ย่อตัวลงให้เรายื่นหน้าเข้าไปหอม
สัมผัสตอนที่โดนหน้าพี่เขาแล้วไม่มีหนวดเคราเป็นตอนี่ก็รู้สึกแปลกไปอีกแบบเหมือนกันแหะ...
----------
ในตอนเย็นขณะที่เรากำลังอาบน้ำกันอยู่นั้น ด้วยความที่วันนี้พอเห็นพี่เขาดูเหนื่อยๆเราก็เลยอาสาเป็นคนอาบให้...
ความคิดในตอนนั้นคือจะได้อาศัยจังหวะนี้ถูไอ้ท่อนนั้น ให้น้ำสีขาวไหลออกมาอีก!
เพราะช่วงหลังๆ พี่ยักษ์ตื่นก่อนเรา หรือตื่นพร้อมเราบ่อยมากทำให้เราแทบไม่ค่อยได้ตื่นมาจับ มารีดน้ำสีขาวเล่นเลย
คือตอนนั้นมันไม่รู้ ว่าน้ำสีขาวขุ่นเนี่ยมันคืออะไรกันแน่...เพราะพี่เขาไม่ยอมบอกความจริง
บอกว่าเป็นน้ำนมข้นบ้าง อะไรบ้างซึ่งเราก็ไม่เชื่อหรอก แต่เราไม่รู้ว่ามันคืออะไรเนี่ยสิ
พอมีจังหวะ ถ้าเราตื่นก่อนแล้วดูท่าทีว่าพี่เขาเหมือนน่าจะหลับลึก
เราก็จะแอบควักออกมาถูไถเล่นประจำซึ่งที่เรารู้อย่างเดียวคือมันไม่ใช่ฉี่แน่ๆ
แต่ที่สนุกที่สุดก็คงเป็นตอนที่เราเห็นมันพุ่งออกมาเนี่ยแหละ บางทีก็พุ่งแรงบางทีก็ไม่ค่อยพุ่งเท่าไหร่ แต่จะไหลล้นทะลักออกมา
พูดตามตรงว่าตอนนั้นเราก็แอบจับของตัวเองดูเหมือนกันว่ามันจะมีน้ำสีขาวไหลออกมามั้ย
คงเพราะยังเด็กด้วยละมั้ง มันเลยไม่มีอารมณ์ มันก็เลยไม่ได้แข็งตัวอะไรเวลาที่จับของตัวเองรู้สึกจั๊กจี้ซะมากกว่า
ทีนี้พอได้จังหวะ เราเห็นแล้วว่าพอเราเริ่มเอามือถูสบู่ไปตามลำตัวให้พี่เขา เจ้าท่อนเอ็นนั้นมันจะแข็งตั้งขึ้น
พอเลื่อนมือไปถึงบริเวณนั้น เราก็ค่อยๆ ถูไป ถูมา อย่างลืมตัว...
“หืมมมม ทำไมมาถูของพี่แบบนั้นล่ะ ไม่กลัวมันแล้วเหรอ?”
ทันทีที่พี่ยักษ์พูดมาแบบนั้นทำให้เราถึงกับสะดุ้ง แล้วรีบดึงมือออก
พอเห็นเราไม่ตอบ พี่เขาก็ยิ้มกริ่มพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างมายกตัวเราไปนั่งบนตักก็นั่งทับท่อนเอ็นของพี่เขาด้วยนั่นแหละ...
“เอ่...หรือว่าแอบจับของพี่จนชินมือแล้วรึเปล่าน้า?...” พี่ยักษ์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ พร้อมกับเอามือข้างหนึ่งล็อคไว้ที่ด้านหลังของหัวเรา
เพื่อไม่ให้เราหันหน้าหนีเขา
“ผม...ผมหนาวแล้ว ป่ะ!เรารีบอาบให้เสร็จดีกว่าฮะ!!” ไม่รู้ทำไมตอนเด็กพอโดนพี่เขายิ้มทำสีหน้าเหมือนรู้ทันเรา
เราต้องเขินหน้าแดงจนทำตัวไม่ถูกทุกทีเลย
“เหรออออออ ไอ้ตัวแสบบบ” พี่ยักษ์ยิ้มหวานให้ก่อนจะค่อยๆยกตัวเราขึ้นนิดหน่อยเพื่อที่พี่เขาจะได้ซุกไซร้เราได้สะดวก
ถึงพี่เขาจะไม่มีหนวดแล้วแต่เวลาโดนไซร้แล้วลมหายใจของพี่เขาปะทะเข้ากับตามร่างกายเราก็จั๊กจี้จนอดที่จะดิ้นไปดิ้นมาไม่ได้
“อ้า ชื่นใจ”
“...ว่าแต่ช่วงนี้หนูได้อึบ้างหรือเปล่า?”
“ฮะ?...ก็ไม่ได้อึหลายวันแล้ว” เรามองหน้าพี่เขาด้วยสีหน้างุนงงทำไมจู่ๆ ก็มาถามเรื่องนี้
“หึ...งั้นเดี๋ยวพี่จะทำให้อึออกก่อนดีกว่าคืนนี้จะได้นอนอย่างสบายใจ ไม่มีลูกหมามาปลุกให้ตื่นมาเข้าห้องน้ำเป็นเพื่อนกลางดึก”
พอพี่เขาพูดจบเราก็แอบอมยิ้มนิดๆ
“พี่ยักษ์จะเอานิ้วแหย่ให้อีกหรอฮะ?”
“...พี่มีอีกวิธี...หนูกอดคอพี่ไว้แน่นๆ นะ”พูดจบเราก็เอามือทั้งสองข้างคล้องคอพี่เข้าไว้
พี่ยักษ์หันไปถูสบู่ ก่อนจะยกตัวเราขึ้นแล้วเอานิ้วแหวกตรงแถวรูก้นให้เปิดกว้างออก
“หือ!พี่ยักษ์จะเอาอันนั้นใส่เข้าไปหรอฮะ ไม่เอานะ! ผมเจ็บ!!”พอส่วนหัวบริเวณท่อนเอ็นของพี่ยักษ์มาจ่อ เราถึงกับสะดุ้งตัวและจะดีดตัวออกทันที
“ไม่ๆๆ ไม่ใช่ พี่รู้แล้วว่าหนูเจ็บพี่จะใส่เข้าไปทำไมเล่าไอ้เบื๊อก!”
พอพี่เขาบอกมาแบบนั้นเราก็เลยนิ่งแล้วรอดูว่าพี่เขาจะทำอะไรต่อไป
พี่ยักษ์ยกตัวเราขึ้นแล้วเอามือทั้งสองข้างแหวกตรงบริเวณก้นเราออก
แล้วเอาหัวของท่อนเอ็นถูไถไปมาอยู่แบบนั้น
พอบริเวณนั้นมันลื่นฟองสบู่ บางทีมันก็จะรู้สึกเหมือนหัวนั่นมันจะผลุบเข้ามาในตูดเราได้เลย...น่ากลัวจริงๆ
“ไง...ปวดอึรึยัง?”
“ไม่ปวดฮะ...มันจั๊กจี้มากกว่า”
“อืม...ถ้างั้นกอดคอพี่แน่นๆ นะ เดี๋ยวพี่จะเอายาทาให้หนูจะได้อึง่ายๆ”
พูดแล้วพี่ยักษ์ก็เอามือหนึ่งกอดตัวเราไปจนชิดตัวของพี่เขา แล้วใช้อีกมือหนึ่งไปจับที่ท่อนเอ็นของพี่เขาแล้วเขย่าขึ้นลงเป็นจังหวะตรงบริเวณใต้ตูดเรา
พร้อมกับโยกตัวไปมาเพื่อให้รูก้นเราสัมผัสหัวท่อนเอ็นของเขา
สักพักพี่ยักษ์ก็กอดตัวเราไว้แน่น ลำตัวของพี่เขาเกร็งกระตุกเล็กน้อย
ก่อนที่บริเวณรูก้นเราจะสัมผัสได้ว่าของเหลวพุ่งมาเลอะเปรอะบริเวณนั้นเต็มไปหมด
“อ่า...ทายาให้เรียบร้อย เดี๋ยวหนูก็จะอึง่ายแล้วทีนี้”พี่ยักษ์ค่อยๆ คลายมือออก แล้ววางตัวเราลงบนตักเขา
ด้วยความสงสัยเราเลยเอามือไปสัมผัสบริเวณที่โดนของเหลวนั่น
พร้อมกับเอามาดู แต่ด้วยความที่มันมืดมองไม่ค่อยเห็นเราเลยเอามาดมใกล้ๆ...
“พี่ยักษ์หลอกผมอีกแล้ว!นี่มันนมข้นพี่ยักษ์นิฮะ!!”
“เอ้า จำกลิ่นได้ด้วยเหรอ แอบดมของพี่บ่อยละสิท่า!ไอ้ตัวแสบ”
“อะ...เอ่อ...รีบอาบน้ำดีกว่า ผมหนาวแล้ว ง่วงด้วยยยย” พอพี่เขาปล่อยมือออกจากตัวเราเลยรีบลุกขึ้นแล้วตักน้ำมาอาบด้วยความเขิน
พี่เขาพูดมาแบบนี้จะรู้รึเปล่านะ...ว่าเราตื่นเช้ามาแอบเล่นของพี่เขาบ่อยๆ
--------
ตอนที่นอนดูทีวีกันอยู่ เราชอบแอบหันมามองหน้าพี่ยักษ์ พูดตามตรงว่ามันไม่ชินจริงๆกับทรงผมและใบหน้าไร้หนวดเครานี้ของพี่เขา
แต่ว่านะ...พอพี่เขาตัดผมด้วยแบบนี้ มันกลับทำให้เราลืมความรู้สึกแย่ ที่เราต้องตัดผมไปเลย
ไม่รู้สิ... มันเหมือนกับว่าเราไม่ได้เป็นคนที่ผมสั้นที่สุดในบ้านหลังนี้ 55555
สำหรับเราไม่ว่าพี่ยักษ์จะตัดผมทรงอะไร พี่เขาก็ดูหล่อที่สุดโลกเลย!
ก่อนนอนถึงแม้ว่าพี่เขาจะปิดไฟไปแล้ว เราก็รอให้สายตาชินกับความมืดซะก่อน
แล้วลืมตามามองดูพี่เขาอีกครั้ง พอไม่มีผมไม่มีหนวดเคราแบบนี้แล้ว พี่เขาดูน่ารักจัง
หัวพี่ยักษ์กลมเหมือนลูกชิ้นเลย...
พี่ยักษ์ฮะ ยาอันนั้นทาข้างนอกน่าจะไม่ได้ผลนะ ลองเอาเข้าไปทาลึกๆจะดีกว่านะ {:5_137:} ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
อยากอ่านตอนต่อไปเร็วๆๆแล้วอยากรู้ว่าเราตัดสินใจยังไงแล้วเรื่องเป็นยังไงต่อ
สงสารพี่ยักษ์ อ่อยทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน 555555555
พี่เค้าตัดผมเป็นเพื่อนยังจะบูลี่อีก นี้เราบูลี่ขนาดนี้ พวกพี่เมฆจะบูลี่พี่ดินขนาดใหนเนียยยยยย สงสาร{:5_139:}{:5_139:}{:5_139:}{:5_139:} ขอบคุณนะครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ {:5_135:} 555 วิธีการทายาที่เยี่ยมยอดจริง 555 {:5_135:} ขอบคุณครับ. ขอบคุณครับ ขอบคุณ น่ารักอ่ะ {:4_110:} Congratulations เย้ตอนใหม่มาแล้ว!!!/ พี่ยักษ์ไม่ทำให้ผิดหวังอีกแล้ว ... แทบจะยกป้ายเชียร์ 555{:4_106:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ