เรื่องของพี่ดิน [5]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-7-1 22:42พอรู้ว่าได้เข้าทำงานที่โรงงานเป็นที่แน่นอนแล้วพี่ดินกับพี่เมฆก็พากันไปหาห้องเช่าทันที
ซึ่งเรื่องนี้พี่เมฆเองก็ไม่พลาดที่จะเลือกห้องเช่าที่มันใกล้กับผู้หญิงคนที่พี่ดินชอบ
โดยไปตามสืบมาแล้วว่าทางตัวผู้หญิงคนนั้นเองก็เช่าห้องอยู่กับเพื่อนเช่นเดียวกัน
ก็เลยลองไปติดต่อห้องเช่าตรงนั้น ปรากฏว่าในห้องเช่าแถวเดียวกันนั้นมีห้องว่างอยู่
ด้วยความที่เป็นห้องแถวชั้นเดียว ขนาดห้องไม่ใหญ่มากมีห้องน้ำในตัวและมีพื้นที่ด้านหลังไว้ตากผ้าอีกเล็กน้อย
แถมราคาถือว่าไม่แพงถ้าหารกันสองคนแล้วถือว่าอยู่ได้สบายมาก
พี่ดินบอกว่าเป็นห้องเช่าเปล่าๆ ไม่มีอะไรให้เลยแม้แต่อย่างเดียว
ความที่เป็นผู้ชายบ้านนากันทั้งคู่ ก็เลยไม่ได้ติดอะไรแค่มีเสื่อผืนหมอนใบก็นอนได้แล้ว
พอได้ทำงานโรงงานจริงๆ พี่เขารู้สึกว่ามันเหนื่อยกว่าตอนทำงานเป็นกรรมกรพอสมควร
เพราะเหมือนมันต้องทำงานเต็มชั่วโมงติดต่อกันยาว
ตอนเป็นกรรมกรมันทำทั้งวันก็จริงแต่จะมีพักห้านาที สิบนาทีบ้าง
แต่พอมาทำโรงงานทุกอย่างมันเป็นระบบ
หลังจากปรับตัวได้ก็ชินแถมค่าแรงที่เป็นเงินเดือนรู้สึกมันเป็นเงินก้อนที่จับต้องได้
พอได้เงินเดือน เดือนแรก พี่ดินก็เริ่มเขียนจดหมายกลับไปหาพ่อกับแม่เพราะตอนนี้ได้ทำงานที่โรงงานแล้วรู้สึกว่ามีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่ง
คงจะสามารถติดต่อกับพ่อแม่ของพี่เขาได้ผ่านทางจดหมายนี้ละ
แล้วการที่ได้อยู่ห้องเช่าแถวเดียวกัน ก็ทำให้พี่ดินได้มีโอกาสคุยกับผู้หญิงคนนั้นมากขึ้นจนเริ่มสนิทและคุ้นเคยกัน ก็เริ่มถามชื่ออีกฝ่าย
ผู้หญิงคนนั้นชื่อว่า ‘สาว’(จากตรงนี้เราขอเรียกเขาว่าพี่สาวแล้วกัน) ก็มาทำงานโรงงานที่นี้โดยอาศัยอยู่ที่ห้องเช่ากับเพื่อนเหมือนกัน
ซึ่งพี่สาวก็ถามทำนองว่าก่อนหน้านี้เห็นทำงานอยู่ที่แคมป์ก่อสร้างอยู่เลยทำไมถึงมาทำโรงงานได้
พี่ดินก็เลยตอบตามความจริงไปว่า ก็มาตามจีบสาว แบบตรงๆเลย (ตรงนี้เราเองเป็นคนอยากรู้ว่าพี่ดินจีบแฟนยังไง เพราะสถานะของเรากับพี่เขามันไม่เหมือนกันไงรู้สึกเหมือนตัวเองไม่เคยโดนพี่เขาจีบ 55555)
จากนั้นพี่ดินก็เดินหน้าจีบพี่สาวเต็มที่ ถึงแม้จะมีคนมาชอบมาจีบพี่สาวเยอะเหมือนกัน
แต่พี่ดินก็อาศัยความเอาใจใส่บางครั้งพี่สาวออกกะดึกๆ ก็ไปนั่งรอรับเพื่อพี่สาวจะได้มีเพื่อนเดินกลับไม่ต้องกลัวอันตราย
พอเงินเดือนออกก็ซื้อของมาฝาก หรือชวนไปกินข้าวบ้าง แน่นอนว่าพี่เขาเลี้ยงอยู่แล้วก็ป๋าซะขนาดนี้...
พอพี่เขาจีบกันไปได้สักพักใหญ่ พี่เมฆก็ยุให้พี่ดินลองขอพี่สาวเป็นแฟนปรากฎว่าพี่สาวก็ตกลง พี่ดินก็ดีใจมาก
เพราะรู้สึกว่าชอบผู้หญิงคนนี้จริงๆด้วยรูปร่างหน้าตาและลักษณะนิสัยที่คุยกันถูกคอด้วย
แล้วยิ่งพี่สาวมีคนมาจีบเยอะแต่กลับเลือกคบกับพี่ดินเขา พี่เขาเลยรู้สึกว่าเหมือนตัวเองโชคดีสุดๆที่ได้ผู้หญิงคนนี้เป็นแฟน
หลังจากนั้นพี่เมฆก็เลยอาสาย้ายออกจากห้อง เพื่อให้พี่ดินได้อยู่กับพี่สาว
ที่กรุงเทพฯ ในสมัยนั้นเอง การที่หนุ่มสาวมาอยู่กินด้วยกัน โดยที่ยังไม่ได้แต่งงานถือว่าไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
ไม่ได้มีขนบธรรมเนียมเยอะเหมือนตอนที่อยู่บ้านที่ต่างจังหวัดค่อนข้างจะเป็นวิถีชีวิตที่ต่างคนต่างอยู่
ไม่ค่อยได้มีใครมาสนใจชีวิตคนอื่นสักเท่าไหร่คงเพราะแถวนั้นเป็นสังคมคนโรงงานซะส่วนใหญ่
เวลาทำงานก็ต่างคนต่างเข้ากะทำให้แทบจะไม่ได้เจอหน้ากัน
กระทั่งตัวพี่เมฆเอง พี่ดินก็แทบไม่ค่อยได้เจอหน้าถึงแม้พี่เมฆจะย้ายไปอยู่ที่ห้องข้างๆก็ตาม
นอกซะจากว่าจะเข้ากะตรงกันแล้วได้มีเวลาพักพร้อมกัน ถึงได้ออกมานั่งคุยเล่นกันตามภาษาเพื่อนสนิท
อีกทั้งช่วงนั้นพวกพี่เขาทั้งคู่ต่างคนต่างก็มีแฟน และพี่ดินก็ติดพี่สาวมากด้วยทำให้แทบจะไม่ได้สนใจสิ่งอื่นรอบตัวเลย
แน่นอนว่าการที่พี่เขามีแฟนแล้วอยู่ห้องเดียวกันสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือเรื่องเซ็กส์
แต่ถึงจะมีอะไรกับแฟนตัวเองแต่พี่สาวก็ให้พี่ดินป้องกันและใส่ถุงยางทุกครั้งที่มีอะไรกันอยู่ดีเพราะไม่อยากตั้งท้อง รู้สึกยังไม่พร้อม
ตอนนั้นตัวพี่ดินเองรู้สึกเสียใจนิดหน่อยเพราะพี่เขารู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้คือคนที่ใช่สำหรับพี่เขามาก และอยากใช้ชีวิตครอบครัวแบบพ่อแม่ลูกด้วยกันต่อจากนี้
พี่ดินได้แต่อดทนรอ พยายามเข้าใจว่า พี่สาวคงไม่พร้อมจริงๆอาจเพราะด้วยระยะเวลาที่ยังคบกันไม่นาน
พี่สาวเลยกลัวท้องแล้วพี่ดินอาจจะทิ้งไปพี่เขาก็พยายามหาเหตุผลต่างๆ เพื่อจะได้เข้าใจในมุมของพี่สาวมากขึ้น
-----------
ส่วนฉายาว่า ‘ยักษ์’ พี่ดินก็ได้ตอนอยู่ที่โรงงานนี่แหละเพราะตอนนั้นมีคนชื่อดินเยอะ
แล้วตัวพี่เขาก็เริ่มหนาใหญ่คงเพราะได้กินอิ่มมากขึ้นบวกกับความสูงและสีหน้าที่ดูดุๆ หัวหน้าเลยเรียก ‘ไอ้ยักษ์ๆ’
คนอื่นก็เลยพลอยเรียกตามด้วยรวมถึงพี่เมฆก็ด้วย
เพราะถ้าพูดถึงคนชื่อ ‘ยักษ์’คนส่วนใหญ่ก็จะเข้าใจทันทีว่าหมายถึงพี่เขานี่แหละ
คงเข้าใจง่ายกว่าที่เรียกพี่เขาว่าดิน ที่มีชื่อซ้ำกับคนอื่นหลายคนละมั้ง
พอมาอยู่ในสังคมโรงงาน พี่เขาก็รู้สึกว่าตัวเองคุยเก่งมากขึ้นเริ่มพูดเล่นพูดล้อกับคนอื่นได้
ปกติพี่เขาจะคุยเล่นแต่กับพี่เมฆเท่านั้นนั่นเลยทำให้เขาได้มีโอกาสคุยเล่นกับผู้หญิงหลายคน
ก็มีหลายครั้งที่ผู้หญิงในโรงงานที่เคยคุยเล่นกันชอบแวะมาหาพี่ดินตอนที่พี่สาวเข้ากะไปทำงาน
พี่ดินบอกว่าก็ดูออกว่าผู้หญิงที่มาหานั้นต้องการอะไร
เพราะพี่เขาก็ไม่ได้ใสซื่อขนาดว่ามองมารยาหญิงไม่ออกขนาดนั้น
แต่พี่เขาก็ต้องหักห้ามใจ ถึงแม้ในใจจะรู้สึกอยากจะให้ผู้หญิงพวกนั้นเขามาในห้องมากก็ตาม
พี่ดินบอกว่า ตอนนั้นพี่เขาเป็นคนติดเซ็กส์มาก แล้วยิ่งมีแฟนเนี่ย
พี่เขารู้สึกเหมือนกับว่าอยากมีอะไรด้วยตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันแต่พี่สาวจะไม่ค่อยอยากมีอะไรกับพี่ดินเท่าไหร่
อ้างว่าเหนื่อยบ้างแต่สิ่งที่พี่ดินรู้สึกเสียใจที่สุดคือพี่สาวบอกว่าเจ็บ ไม่อยากทำ
ถึงแม้พี่ดินจะพยายามทำอย่างเบาที่สุดแล้ว แต่พี่สาวก็จะบ่ายเบี่ยงตลอด ทำให้นานๆทีพวกพี่เขาถึงจะได้มีอะไรกันสักครั้งหนึ่ง
อาจจะเดือนละ 2-3 ครั้งแค่นั้น(อันนี้พูดตามตรงว่าสงสารนะ เข้าใจเลยว่าเวลาที่มีอารมณ์แล้วอีกคนไม่เล่นด้วยเป็นความรู้สึกที่...พูดยากจริงๆ)
ก็เลยพยายามหาทางบอกปัดหรือปฏิเสธไป ไม่ให้ผู้หญิงที่มาหาเข้ามาในห้อง เพราะถือว่าตัวเองมีแฟนแล้ว
แน่นอนว่าเวลามีผู้หญิงมาหา ก็ต้องมีคนเห็น เพราะห้องมันอยู่ติดกันหมดก็มีคนเอาไปบอกพี่สาว
เลยทำให้พี่ดินกับพี่สาวทะเลาะกันบ่อย
จนตอนหลังพี่เขาตัดปัญหาเวลามีใครมาหาถ้าไม่ใช่พี่เมฆ ก็จะไม่เปิดประตูออกไปคุยด้วยเลย
----------
พอใกล้ถึงช่วงปีใหม่ พี่ดินก็อยากจะชวนพี่สาวกลับไปที่บ้าน เพื่อเปิดตัวกับพ่อแม่ว่ามีแฟนแล้วนะ
พาว่าที่ลูกสะใภ้ไปไหว้สักหน่อยแต่พี่สาวเองก็อยากกลับบ้านเหมือนกัน พี่ดินก็เลยอยากไปด้วยกะจะไปเปิดตัวกับทางนู้นก่อนก็ได้
แต่พี่สาวก็อ้างว่ายังไม่พร้อม เอาไว้รออีกสักหน่อยก่อนค่อยไป
พร้อมกับแบ่งเงินให้พี่ดินไว้ใช้ไม่เยอะเท่าไหร่เพราะพี่สาวบอกกลัวพี่ดินเอาไปกินเหล้ากับเพื่อนหมด
ตรงนี้พี่ดินบอกว่า เงินเดือนทุกบาททุกสตางค์ พอได้มาพี่ดินให้พี่สาวหมดเลยนะ
คือแบบให้ผู้หญิงถือเงินหมดเลย พี่ดินจะมีเงินใช้เท่าไหร่ ก็แล้วแต่พี่สาวจะให้เลยทำตัวเป็นพ่อบ้านที่ดีมาก...
สรุปว่าปีใหม่ปีนั้น... ทั้งพี่ดินและพี่สาวต่างก็แยกย้ายกลับไปที่บ้านต่างจังหวัดของตัวเอง
พี่ดินบอกว่ารู้สึกไม่ดีเหมือนกัน ที่เงินที่พี่สาวแบ่งให้มันไม่เยอะเท่าไหร่
ทำให้ไม่ได้ซื้อของติดไม้ติดมือไปฝากพ่อกับแม่และไม่ได้มีเงินที่ได้จากการทำงานไปให้พวกเขาเลย
แต่เหมือนป้าปูกับลุงสินจะไม่ได้ว่าอะไรเลย ที่พี่เขาไม่ได้หอบเงินทองมาให้ พวกเขาคงคิดแค่ว่าลูกชายกลับมาหาก็ดีใจมากแล้ว
ถึงแม้ว่าการที่พี่เขาจากบ้านไปนานหลายปี แต่สิ่งที่คนในหมู่บ้านนั้นยังพูดถึงเมื่อเห็นหน้าพี่เขาก็คือ...เรื่องงานแต่งกับพี่พลอย
แต่คราวนี้พี่เขารู้สึกว่าตัวเองโตมากแล้ว ก็บอกปฏิเสธไปว่าตัวเองมีแฟนแล้ว
แน่นอนว่าตอนนั้นก็โดนลุงน้อย ที่เป็นลุงของเรา พูดจาถากถางเพราะคิดว่าพี่ดินคงไม่ได้มีแฟนจริง เพราะไม่เห็นพามา
แต่พี่ดินเองก็ไม่ได้อยากจะต่อความยาวและไม่ได้อยากมีปัญหาอะไร ก็เลยไม่ได้ใส่ใจทำหน้าเฉยๆ คนพวกนั้นก็เริ่มไม่กล้าตอแยแล้ว
(สีหน้าเรียบเฉยของพี่เขาคือดูดุพอบวกกับขนาดตัวที่ใหญ่ทำให้ดูน่ากลัวมากเลยนะ)
และการกลับบ้านของพี่ดินครั้งนั้น ก็ทำให้คนเริ่มเรียกพี่เขาว่า ‘ยักษ์’ มากขึ้น เพราะพี่เมฆก็กลับไปด้วยและเรียกพี่ดินว่า ไอ้ยักษ์ๆ
ทำให้คนในหมู่บ้านเริ่มเรียกพี่ดินเขาว่า ยักษ์ตามที่พี่เมฆเรียกตั้งแต่นั้นมา
-----------
หลังจากกลับมาทำงาน ทุกอย่างก็ดำเนินไปตามปกติ แต่ด้วยระยะเวลาที่คบกันมาได้นานพอสมควรเวลามีอะไรกันกับพี่สาว
พี่ดินก็เริ่มที่จะขอไม่ใส่ถุงยาง ช่วงแรกพี่สาวก็อิดออด
แต่พี่ดินก็อ้างว่ามันเปลือง เงินไม่พอซื้อถุงยาง ต่างๆนานา ทำให้พี่สาวยอม...
ในที่สุดก็เหมือนว่าพี่สาวก็เหมือนจะตั้งท้อง... เพราะเห็นบ่นว่าประจำเดือนไม่มาสักพักแล้ว
ตอนนั้นพี่ดินก็ดีใจใหญ่เลย ว่าจะปีใหม่รอบนี้จะมีลูกไปให้พ่อกับแม่เขาอุ้มแล้ว
ตรงนี้พี่ดินสังเกตุเห็นว่าพี่สาวดูเหมือนไม่ดีใจเลย สีหน้าดูกังวลแปลกๆ แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร คิดว่าท้องแรกพี่สาวคงกังวลเป็นธรรมดา...
แล้วหลังจากนั้นไม่นาน จู่ๆ พี่ชายของพี่สาวก็มาเยี่ยมหาที่ห้อง
พี่ดินก็รู้สึกดีใจนะที่ได้เจอญาติของแฟนตัวเองครั้งแรกพร้อมกับฝากตัวเป็นน้องเขยใหญ่เลย
แต่เห็นเหมือนพี่ชายเขาจะไม่ค่อยรู้สึกยินดีด้วยสักเท่าไหร่ออกไปทางสีหน้าเคร่งเครียดด้วยซ้ำ...
พี่ชายของพี่สาวมาเที่ยวหาอยู่ด้วยกันที่ห้องของพี่ดินเกือบอาทิตย์ถึงกลับไป
ช่วงนั้นก็เริ่มมีคนมาบอกพี่ดินหลายคนว่า พี่ชายของพี่สาวทำตัวแปลกๆแถมเวลาอยู่ห้องกันสองคน
สองคนนี้จะปิดล็อคห้องเงียบตลอดเลย
กระทั่งตัวพี่เมฆก็มาบอกว่าตอนเขาอยู่ในห้องแล้วเห็นสองคนนี้เดินผ่านเหมือนเดินโอบกันด้วย อย่างกับเป็นแฟนกันไม่เหมือนพี่น้องเลย
ก็เลยอยากให้พี่ดินลองคุยกับพี่สาวดูว่าผู้ชายคนนั้นเป็นอะไรกับพี่สาวกันแน่...
สุดท้ายพอพี่ดินลองไปถามก็ทะเลาะกันพี่สาวหาว่าพี่ดินไปฟังคนอื่นจนเอาเรื่องพวกนี้มาทะเลาะกับเขา
ทะเลาะกันจนขนาดที่ว่าพี่ดินรู้สึกว่าตัวเองเป็นฝ่ายผิดเลยที่เอาเรื่องนี้ไปถาม
และสิ่งที่ทำให้พี่ดินรู้สึกช็อคยิ่งกว่านั้นก็คือ วันนั้นที่ทะเลาะกันพี่สาวก็หลุดปากออกมาว่า ลูกของพวกเขาน่ะแท้งไปแล้ว...
พี่ดินรู้สึกงุนงงและทำตัวไม่ถูกเข้าไปใหญ่ ตั้งใจจะมาถามแค่เรื่องพี่ชายทำไมเขาถึงได้รับรู้ข่าวร้ายอะไรแบบนี้ด้วย...
----------
ตอนนั้นพี่ดินเริ่มรู้สึกว่า ภาพครอบครัวที่เขาวาดไว้กับพี่สาวมันเริ่มไม่เหมือนอย่างที่คิด
ลูกของพี่เขาที่จะเกิดขึ้นมานั้นไม่มีอีกแล้ว...พี่เขาก็ไม่เข้าใจ ไม่รู้ว่าทำไม และมันเกิดขึ้นได้ยังไง
พี่สาวไม่ได้อธิบายอะไรเลย บอกแค่ว่าลูกแท้งไปแล้ว...
ความสัมพันธ์ของพี่ดินกับพี่สาว อยู่ๆมันก็เริ่มแย่ลงหลังจากที่ต่างคนต่างกลับบ้านไปตอนปีใหม่ จนมันหนักเข้า
พอเวลาว่างมันตรงกันกับพี่เมฆ พี่ดินก็เลยมานั่งปรับทุกข์กับเพื่อนของเขา
และก็ได้รับรู้เรื่องราวที่ไม่คาดคิดจากปากพี่เมฆอีกที...
พี่เมฆเล่าให้ฟังว่า เพื่อนของพี่สาวที่อาศัยอยู่กับพี่สาวตอนแรกน่ะ
คนนั้นเขาเป็นคนบ้านเดียวกันกับพี่สาว แล้วเข้ามาทำงานที่กรุงเทพฯด้วยกัน
เขามาบอกพี่เมฆว่า พี่ชายของพี่สาวที่มาหาน่ะ ไม่ใช่พี่ชายหรอก นั่นน่ะผัวเขาต่างหาก
ตอนแรกที่มาทำงาน พี่สาวเองก็ทะเลาะกับผัว แล้วหนีมาทำงานที่กรุงเทพฯ
ตัวเพื่อนพี่สาวเอง ก็คิดว่าทางนั้นเขาคงจะเลิกกันแล้ว เพราะเห็นพี่สาวมาคบกับพี่ดิน
แต่ต่อมาตอนที่กลับบ้านไปตอนปีใหม่เห็นเขากลับไปอยู่กับผัวเขาทางนู้น
แถมนี่ยังพากันมาหลอกพี่ดินอีก ว่าผัวเป็นพี่ชาย
เพื่อนของพี่สาวเองก็รู้สึกสงสารและเห็นใจพี่ดิน แต่ก็ไม่กล้าบอกตรงๆ
เลยมาบอกพี่เมฆที่เป็นเพื่อนสนิทแทน คิดว่าพี่เมฆคงคุยกับพี่ดินได้ดีกว่า
พี่ดินบอกว่า พอพี่เมฆเล่าจบ พี่เขาพูดอะไรไม่ออกเลย ไม่รู้จะพูดอะไรต่อทุกอย่างมันสับสนงุนงงไปหมด
พี่เขารู้สึกตามไม่ทันไม่รู้ว่าเรื่องทุกอย่างมันเป็นอย่างนี้ได้ยังไง...
----------
หลังจากนั้นพี่ดินก็กลับมาคิดทบทวนดูว่าจะเอายังไงต่อไปดีใจหนึ่งเขาก็อยากจะเชื่อพี่เมฆ
แต่อีกใจก็ไม่อยากเชื่อความรู้สึกพี่เขาตอนนั้นคืออยากได้ความจริงจากปากพี่สาวมากกว่า...
แต่เท่าที่ดูแล้วพี่สาวคงไม่พูด เพราะถ้าเอาเรื่องนี้ไปคุยกัน ก็จะกลายเป็นว่าทะเลาะกันอีก
พอเวลาที่พี่สาวออกไปทำงาน พี่ดินเริ่มรื้อค้นของใช้ส่วนตัวของพี่สาว
ซึ่งปกติพี่เขาจะไม่เคยยุ่งกับของพวกนี้เลย เพราะเขาไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัว
จนพี่เขาไปเจอพวกจดหมายที่พี่สาวชอบเขียนส่งกลับไปที่บ้านพี่ดินเคยคิดมาตลอดว่าพี่สาวเขียนจดหมายหาพ่อกับแม่ เหมือนที่พี่เขาทำ
แต่ไม่ใช่เลยพี่สาวเขียนหาผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเนื้อความในจดหมายดูยังไงก็เป็นเหมือนคนรักที่เขียนถึงกัน
แล้วมันมีจดหมายฉบับหนึ่งที่ใจความเขียนไว้ทำนองว่า...ถ้าเก็บเงินสร้างบ้านเสร็จแล้ว พี่สาวก็จะย้ายกลับไปอยู่ที่บ้านแล้ว...
พี่ดินก็เริ่มสงสัยว่าเงินสร้างบ้าน...ถึงขนาดนั้นแล้วแต่วินาทีนั้นในใจลึกๆพี่ดินก็ยังหวังว่าให้เป็นบ้านของพวกเขาสองคน ไม่ใช่บ้านของคนอื่น...
ยิ่งพอพี่ดินไปดูสมุดบัญชีเงินฝากของพี่สาว ความรู้สึกพี่เขามันยิ่งชาเหมือนมันชาไปทั้งสมอง
เพราะในบัญชีพี่สาวนั้นมีเงินอยู่ไม่กี่พันบาทเอง ซึ่งมันเป็นไปไม่ได้เพราะตลอดเวลาพี่ดินเขาก็ให้เงินเดือนกับพี่สาวทุกเดือน
ทำไมในบัญชีพี่สาวถึงแทบไม่มีเงินติดบัญชีอยู่แบบนี้...
ในหัวของพี่ดินตอนนั้นเหมือนมันมีแต่คำว่าทำไมๆ เต็มไปหมด...
---------
ถึงแบบนั้น พี่ดินก็ยังทนอยู่กับพี่สาว เพราะพี่เขาเองเป็นคนประเภทที่ว่าถ้าไม่เห็นกับตา...พี่เขาจะยังไม่เชื่อทั้งหมด
พี่เขาไม่อยากรู้สึกว่าตัวเองกำลังปรักปรำพี่สาว แต่ตอนนั้นพี่เขาก็ยังไม่มีวิธีที่จะจับให้ได้คาหนังคาเขา(พอพี่เขาเล่ามาถึงตรงนี้เรานี่ขนลุกซู่เลย)
พี่ดินยังคงอยู่ด้วยกันกับพี่สาว และให้เงินเขาทุกเดือนๆแต่ว่าทุกครั้งที่มีอะไรกันต่อจากนี้ มันไม่มีความนุ่มนวลอีกแล้ว
มันมีแต่ความรุนแรงเหมือนทำเพื่อบำบัดความใคร่มากกว่าจะเป็นการแสดงความรักต่อกัน
จนช่วงหลังๆ พี่สาวเริ่มไม่ค่อยยอมมีอะไรกับพี่ดิน
พี่เขาบอกว่าพอมองย้อนกลับไป ตอนนั้นไม่รู้ทำไมเหมือนกัน
ถึงไม่ยอมเลิกพี่เขาก็ไม่เข้าใจตัวเอง...ทั้งๆที่มีผู้หญิงเข้าหาพี่เขาหลายคนแต่พี่เขาไม่สนใจเลย
ตอนนั้นพี่ดินเหมือนคนที่กำลังสองจิตสองใจอีกใจหนึ่งก็รู้สึกเชื่อเรื่องที่พี่เมฆเล่าให้ฟังไปแล้ว
แต่อีกใจหนึ่งก็ยังไม่อยากเชื่อเพราะเรื่องพวกนี้ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
สุดท้ายพอทุกอย่างมันมาใกล้ถึงช่วงสิ้นปีอีกครั้งพี่ดินก็ยังอยากลองใจพี่สาวดูทำนองว่า ขอไปบ้านพี่สาวด้วยได้มั้ย อยากไปไหว้พ่อกับแม่
แน่นอนว่าพี่ดินก็พอจะเดาคำตอบได้อยู่แล้ว ว่ายังไงพี่สาวก็คงบอกว่าไม่ให้ไป...ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ...
ปีใหม่ปีนั้นพี่ดินไม่ได้นั่งรถกลับบ้านไปกับพี่เมฆ แต่พี่เขาเดินทางไปตามที่อยู่ในจดหมายนั่น
มันเป็นที่อยู่จังหวัดเดียวและอำเภอเดียวกันกับของพี่สาว เพียงแต่ว่ามันอยู่คนละตำบล
เราก็สงสัยนะว่าทำไมพี่เขาไม่ชวนพี่เมฆไปด้วย
พี่เขาก็บอกว่าไม่รู้สิ...สภาพจิตใจตอนนั้นเหมือนมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัวแล้ว มันคิดอะไรไม่ออก
เหมือนคนที่ทั้งอยากรู้ความจริง และกลัวความจริงในเวลาเดียวกัน
หรืออีกอย่างที่พี่เขาคิดไว้ในใจก็คืออย่างน้อยถ้าไปถึงก็เดินเข้าไปหาแล้วถามกันตรงๆเลย ถ้ามีญาติพี่น้องของพี่สาวอยู่ด้วยก็ดี
ทุกคนในตอนนั้นจะได้เป็นพยานกันหมดว่าผู้ชายคนนี้คือใครกันแน่โผล่ไปแบบไม่ให้ทันตั้งตัวนี่แหละ ทางนั้นจะได้ไม่ต้องเตี๊ยมอะไรกัน
แล้วถ้าเกิดผู้ชายคนนั้นเป็นผัวของพี่สาวจริงๆพี่ดินกลัวว่ามันจะมีเรื่องมีราวอะไร ก็เลยไม่อยากให้พี่เมฆไปด้วยเดี๋ยวจะซวย
ถึงแม้ในใจลึกๆจะไม่อยากให้ความจริงมันเป็นอย่างที่ว่ามาก็เถอะ...
---------
พอไปถึงที่อำเภอตามที่อยู่ในจดหมายของพี่สาวพี่ดินก็เหมารถโดยสารประจำทางแล้วเอาที่อยู่ให้เขาดูทันที
ตลอดทางพี่ดินบอกว่าเหงื่อออกเต็มมือไปหมดได้แต่คิดในใจว่าขอให้ทุกอย่างไม่เป็นไปอย่างที่พี่เขาคิดด้วยขอให้สองคนนั้นเป็นแค่พี่น้องกันจริงๆ
พอมาถึงปลายทางที่เป็นบ้านปูนชั้นเดียว แต่ถึงจะเป็นบ้านแค่ชั้นเดียวแต่ดูใหญ่โตกว้างขวางมาก
พี่ดินยืนนิ่งอยู่หน้าบ้านสักพัก ก่อนจะตัดสินใจทำใจดีสู้เสือแล้วเดินเข้าไปยกมือไหว้ทุกคนที่อยู่ในบ้าน
พร้อมกับบอกว่าตัวเองเป็นแฟนของพี่สาว
วินาทีนั้นพี่ดินรู้สึกได้เลยว่า พี่เขากำลังน่าจะได้รับข่าวร้ายตามมาแน่ๆ
เพราะสีหน้าของทุกคนในบ้านดูตกใจและเคร่งเครียดมากกว่าจะรู้สึกยินดีที่เห็นหน้าพี่ดิน...
และทันทีที่พี่สาวออกมาจากบ้าน แล้วเห็นพี่ดินยืนอยู่ตอนนั้นความชุลมุนก็เกิดขึ้นเมื่อพี่สาวรีบปฎิเสธทันทีว่าไม่รู้จักพี่ดิน
บอกว่าพี่ดินเป็นแค่คนที่ตามจีบแล้วพอผู้ชายคนนั้นที่บอกว่าพี่ชายของพี่สาวตามออกมา
ก็รีบพูดสมทบพี่สาวทันทีว่าพี่ดินเนี้ยตามจีบพี่สาวอยู่ไม่ได้เป็นอะไรกันจริงๆ
ตอนนั้นพี่ดินรู้สึกอึ้งและทำตัวไม่ถูกเลยพอความจริงมันปรากฎและเป็นอย่างที่พี่เขาคิดน้ำตามันก็พาลจะไหล
พอฟังถึงตรงนี้...เราได้แต่เอาเอื้อมไปจับมือพี่เขาแล้วกำแน่นๆ
แต่พี่เขาบอกว่ามันยังไม่จบแค่นั้นนะ หนูอยากฟังต่อมั้ย? พี่เขาก็ถามนะ
เราก็เลยถามว่าพี่ไหวมั้ย ถ้าพี่ไม่ไหวก็ไม่เป็นไร คือเล่าเท่านี้มันก็เพียงพอแล้วเราก็จับใจความได้แล้วว่าพี่เขาเจออะไรมาบ้าง
แต่พี่เขาก็บอกว่าไม่เป็นไร มันนานมาแล้ว ที่พี่เขาอยากเล่าให้เราฟัง
เพราะเราจะได้รู้ไง ว่าเหตุผลที่พี่เขาอยากอยู่กับเรามันเพราะอะไร...
จากนั้นพี่ดินก็เล่าต่อว่า ตอนแรกพวกผู้ใหญ่ก็มาพาตัวพี่ดินไป ขอให้ออกไป
อย่าทำให้บ้านเขาแตกหักเลย พี่สาวเองก็มีผัวแถมมีลูกแล้วด้วยยิ่งได้ยินประโยคพวกนี้
จิตใจของพี่เขายิ่งรับแทบจะไม่ได้ ในสมองเขาแวบแรก
อดคิดไม่ได้เลยว่าพี่สาวแอบไปทำแท้งลูกของเขามายิ่งพี่เขาคิดยิ่งแทบจะคลั่งเหมือนคนจะเป็นบ้า
วินาทีนั้นเหมือนพี่เขาจะเข้าใจแล้วว่าคนที่เป็นบ้า มันเป็นยังไง...
พี่ดินบอกว่าตอนนั้นเหมือนคุมสติไม่อยู่เลยได้แต่พยายามฝ่าคนที่กั้นเดินเข้าไปหาพี่สาว
ถามว่าทำไม ทำไมทำแบบนี้ทำไมต้องหลอกเขา คือทุกอย่างมันมีแต่คำถามเต็มไปหมด
สักพักเหมือนผู้ชายคนนั้นก็ตะโกนเรียกให้คนมาช่วย บอกว่ามีโรคจิตตามมาจากกรุงเทพฯจะมาเอาพี่สาวไปอยู่ด้วย
พอผู้ชายคนนั้นพูดจบเท่านั้นแหละ ไม่รู้คนแถวนั้นแห่มาจากไหนมาช่วยกันรุมทึ้งดึงพี่ดินให้ออกจากบ้านหลังนั้น
พี่ดินก็ยังอยากจะไปคุยกับพี่สาวอยู่ดี สุดท้ายพอยื้อกันอยู่นานพอมีคนเอาไม้พวกด้ามจอบ ด้ามเสียมมาทุบพี่ดิน
คราวนี้ทุกคนต่างก็รุมตีพี่ดินใหญ่เลย พอพี่เขาล้มก็โดนฝ่าเท้าอีกนับไม่ถ้วนรุมยำจนหมดสภาพ...
เราเลยดึงตัวพี่เขามากอดไว้ แล้วบอกว่า ‘ถ้าหนูอยู่ด้วย… คนพวกนั้นต้องตายทั้งหมด’
พี่ดินก็เลยหัวเราะออกมาแล้วพี่เขาก็เลยบอกว่า ‘ถ้าคนพวกนั้นทำอะไรหนูพี่ก็ไม่ปล่อยไว้เหมือนกัน’
แล้วพี่เขาก็ลูบหัวเราไปมาเราก็มองหน้ากันแล้วหัวเราะออกมา ก็เลยทำให้พี่เขาดูผ่อนคลายจากเรื่องเล่าไปได้บ้าง
พี่ดินบอกว่าที่เขาไม่สู้ ไม่ใช่เขาสู้ไม่ได้นะ แต่ตอนนั้นมันไม่มีแรงสู้จริงๆมันเหมือนคนหมดแรง
หลังจากโดนรุมยำสักพักใหญ่จนพี่ดินลุกขึ้นมาเดินแทบไม่ได้แล้ว พี่เขาก็โดนลากตัวไปทิ้งไว้กลางถนน
โชคดีที่สมัยนั้นมันยังไม่มีรถเยอะ แล้วมันก็เป็นแค่ถนนในหมู่บ้านเลยไม่ได้มีรถยนต์วิ่งผ่านไปมา
มีแค่เพียงเสียงรถมอเตอร์ไซค์ที่ชะลอดูแล้วก็ขี่ผ่านไป
ไม่มีใครสักคนเดียวที่จะช่วยพยุงพี่เขาให้ลุกขึ้น...
หลังจากที่นอนร้องไห้แบบหมดสภาพอยู่อย่างนั้น พอตั้งสติได้พี่ดินก็ค่อยๆพยุงตัวเองแล้วหันไปมองทางบ้านพี่สาวครั้งสุดท้าย
ก่อนจะเดินย้อนกลับไปตามเส้นทางที่รถโดยสารพาเข้ามาท่ามกลางเสียงก่นด่าของคนแถวนั้นที่ไล่ตามหลังมา ต่างๆนานา...
---------
พี่ดินบอกว่า พี่เขาเดินไปเรื่อยๆ เดินไปจนถึงถนนใหญ่ไม่มีแม้กระทั่งจุดหมายปลายทางในเวลานั้น
แม้ฟ้าจะเริ่มมืดแต่พี่ดินก็ยังไม่หยุดเดิน พี่เขาเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆในหัวมันว่างเปล่าไปหมด
ตอนนั้นพี่เขารู้สึกว่าอยากให้รถสิบล้อที่วิ่งไปมาเฉี่ยวชนเข้าก็คงดี
จนในที่สุดพี่เขาก็หมดแรงและเดินต่อไปไม่ไหวแล้วตัดสินใจทิ้งตัวลงนอนข้างถนนแบบนั้น พี่เขานอนร้องไห้จนเผลอหลับไป
รู้สึกตัวอีกทีก็มีเท้าของคนมาเขี่ยๆ แล้วเรียกพี่เขาเหมือนทำนองว่าพี่เขายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่า อะไรทำนองนี้
ก็ปรากฏว่าเป็นพี่คนขับสิบล้อคนหนึ่ง ซึ่งรถของพี่จอดอยู่ข้างหน้าออกไปสักหน่อย
คิดว่าเขาคงเห็นพี่ดินนอนอยู่ริมถนนแล้วตัดสินใจวิ่งมาดูเผื่อว่าเป็นอะไรจะได้ช่วยทัน
ก็นั่งคุยกันสักพัก พี่คนขับสิบล้อก็เอาน้ำให้ล้างหน้าล้างตา
บอกว่าให้ติดรถเขาไปลงที่ตัวอำเภอก็ยังดี นอนข้างถนนแบบนี้มันอันตราย พี่ดินก็เลยตกลง
พอถึงตัวอำเภอพี่ดินก็ไหว้ขอบคุณพี่เขาเสร็จ ก็มานั่งอยู่ที่ชานชาลาพี่เขาบอกตอนนั้นคิดอะไรไม่ออกเลยว่าจะไปไหน
จะทำอะไรต่อไปดีสุดท้ายพี่ดินก็ตีตั๋วแล้วนั่งรถไปเรื่อยๆ ไม่มีจุดหมายปลายทาง ค่ำไหนนอนนั่น
ซื้อเหล้ากินแล้วก็หาที่นอนข้างทาง น้ำท่าไม่ได้อาบ เสื้อผ้าก็ไม่ได้เปลี่ยนพี่เขาบอกว่าเข้าห้องน้ำส่องกระจกทีนี่คิดว่าตัวเองเป็นคนบ้า
จนกระทั่งเงินใกล้จะหมดนั่นแหละ พี่เขาเลยตัดสินใจนั่งรถกลับไปที่บ้าน
เพราะไม่อยากกลับไปทำงานต่อแล้ว ไม่อยากเข้าไปในห้องไม่อยากเห็นภาพความทรงจำที่เคยมีพี่สาวอยู่ด้วย
ไม่อยากได้ของจากห้องนั้นกลับมาสักชิ้นเดียว และไม่อยากคิดอะไรเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีกแล้ว...
---------
พอกลับมาอยู่บ้าน พี่เขาบอกว่าก็แทบไม่ทำอะไรเลย นอกจากกินเหล้าเมาแล้วก็นอนร้องไห้ อยู่แค่นั้น
พอนานวันเข้าก็เริ่มเดินเตร็ดเตร่ หมกตัวอยู่แต่กับพวกคนที่กินเหล้า
(ช่วงนั้นพี่เมฆเหมือนจะกลับไปทำงานแล้ว คือพอพี่ดินกลับมาบ้าน
พี่เมฆก็คงกลับไปทำงานก่อนแล้วเพราะระยะเวลาวันหยุดมันค่อนข้างน้อยก็เลยน่าจะไม่ทันได้เห็นกัน)
แล้วเหมือนมีอยู่วันหนึ่ง ที่ในวงเหล้านั้นดันมีลุงน้อยลุงของเรา เดินมานั่งร่วมวงกินด้วย
พอต่างคนต่างเมาได้ที่ด้วยความที่เคยมีประเด็นกันอยู่แล้ว ลุงน้อยก็ทั้งแขวะทั้งแซะพี่ดินเรื่องที่ถูกเมียทิ้ง
ถูกเมียสวมเขาต่างๆ นานาพูดไปหัวเราะไปเหมือนเยาะเย้ย
ด้วยที่พี่ดินเมาอยู่แล้ว แน่นอนว่าอารมณ์โมโหจะขึ้นง่ายกว่าปกติแถมสติก็ไม่ค่อยมีควบคุมอารมณ์ไม่อยู่
ก็เลยหยิบขวดเหล้าฟาดไปที่หัวลุงน้อยเต็มๆจนเลือดอาบไปทั้งตัวตอนนั้นเขาก็เลยมีเรื่องมีราวกันใหญ่โต
หลังจากที่จัดการปัญหาเสร็จ ลุงสินก็เลยไล่ให้พี่ดินไปอยู่ที่บ้านของพี่เด่น
ที่ตอนนั้นมันยังเป็นบ้านที่สร้างไม่เสร็จมีแค่โครงไม้ และมีหลังคาสังกะสีเพียงแค่นั้น
ลุงสินบอกว่าถ้าไปมีเรื่องมีราวอีก คราวนี้จะไม่ช่วยแล้ว จะให้ตำรวจจับไปเลย
พอถึงตรงนี้พี่ดินบอกว่า
พี่เมฆเล่าให้ฟังว่าป้าปูให้ที่บ้านพี่เมฆเขียนจดหมายไปบอกพี่เมฆหน่อยว่าพี่ดินอยู่ๆก็เป็นแบบนี้
อยากให้พี่เมฆกลับมาช่วยดู ช่วยพูดกับพี่ดินหน่อย เผื่อจะดีขึ้น
พอถึงช่วงสงกรานต์พี่เมฆก็เลยลาออกจากงาน แล้วก็พาแฟนของพี่เมฆกลับมาอยู่ที่บ้านด้วย
แต่เพราะว่าพี่เมฆเองตอนนั้นเขาก็มีแฟนมาด้วย เลยจะมาอยู่กับพี่ดินได้ไม่เต็มที่
ได้แค่แวะมาคุยมาพูดด้วย ถามไถ่สารทุกข์สุขดิบเฉยๆ...
----------
พี่ดินบอกว่า ถึงพี่เมฆมาชวนคุย แต่ทุกอย่างมันก็ไม่ได้ดีขึ้นมันพอคลายเหงาได้บ้าง
แต่สุดท้ายพอตกกลางคืนพี่เขาก็รู้สึกแย่และนอนร้องไห้อยู่ดี
ยิ่งวันไหนอยู่คนเดียว พอว่างเข้าหน่อยก็ไปซื้อเหล้ามากินจนนอนเมาหลับอยู่แถวหน้าบ้านนั่นแหละ
พี่เขาใช้ชีวิตแบบนั้นมาเรื่อยๆเพราะตัวพี่เขาก็ไม่รู้จะทำยังไงจริงๆ ให้หลุดพ้นจากความรู้สึกแย่แบบนี้
เพราะถ้าไม่เมาจนหลับไป พอหัวสมองว่างๆ พี่เขาก็จะเอาแต่คิดถึงเรื่องของพี่สาวตลอด ถึงพี่เขาจะไม่อยากคิดถึงมันเลยก็ตาม
จนวันหนึ่งที่พี่เขานอนเมาอยู่หน้าบ้าน ซึ่งมันก็ปกติอยู่แล้วที่เวลาเขาเมามากๆมันก็จะร้องไห้ระบายออกมา
เพราะพี่เขารู้สึกว่าการทำแบบนี้มันเป็นวิธีเดียวที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้บ้าง
ถึงใครจะมองว่าพี่เขาเหมือนคนบ้าก็ตาม พี่เขาก็ไม่สนใจคำพูดของใครอีกแล้ว
วันนั้นเขาเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กๆ คนหนึ่งมาเขย่าตัวเขา แล้วถามเขาว่า ‘น้าๆ น้าเป็นอะไรรึเปล่าฮะ’
ถึงพี่เขาจะเมาแต่มันก็ยังพอคุมสติได้ พี่เขาลืมตาเห็นเด็กผู้ชายตัวเล็กผิวขาวตากลม ดูน่ารัก
พี่เขาก็สงสัยนะว่าเด็กที่ไหนเพราะเด็กแถวนี้ไม่น่าจะผิวพรรณแบบนี้
ซึ่งด้วยความที่พี่เขาเมาอยู่ ตอนนั้นก็พาลคิดไปถึงเรื่องลูก ที่พี่สาวเคยทำแท้งไป
เพราะพี่ดินก็เคยจินตนาการเกี่ยวกับใบหน้าของลูกเขาไว้บ้างเหมือนกัน
ถึงแม้จะยังไม่รู้ก็ตามว่าเด็กคนนั้นจะเกิดมาเป็นเพศอะไร
พี่เขาได้แต่คิดไว้แล้วว่าลูกของเขาจะต้องหน้าตาน่ารักน่าชัง คงมีผิวขาวเหมือนกับแม่ผู้ให้กำเนิดเขาแน่ๆ
แต่สุดท้ายแล้วลูกของพี่เขาก็ไม่ทันได้ลืมตาดูโลก...
พอพี่ดินเห็นเด็กคนนั้น วินาทีนั้นด้วยความเมาด้วยละมั้ง
พี่เขาก็เลยเผลอคิดว่านี่อาจจะเป็นวิญญาณลูกชายของเขา มาหาเขาก็ได้พี่ดินก็เลยกอดพร้อมกับร้องไห้ออกมา
เพราะพอฝ่ามือของเด็กคนนั้นสัมผัสที่หัวของเขาตรง แล้วลูบไปมามันทำให้พี่เขารู้สึกดีมากๆ
มันยิ่งทำให้พี่เขาร้องไห้หนักเข้าไปอีก พี่เขากอดเด็กคนนั้นเอาไว้สักพัก
พอตั้งสติได้ ก็มองหน้าเด็กคนนั้นที่กำลังทำสีหน้างุนงงจ้องพี่เขากลับมาเด็กคนนี้ยังอยู่...งั้นแปลว่าไม่ใช่วิญญาณลูกพี่เขา...
พี่ดินคิดในใจพร้อมกับรู้สึกเขินนิดหน่อยที่ร้องไห้โฮต่อหน้าเด็กแบบนี้ก็เลยทำทีลุกขึ้นไป
แล้วไปทิ้งตัวลงนอนต่อตรงแคร่ใต้ถุนบ้านพร้อมกับชำเลืองมองเห็นว่าเด็กคนนั้นยังยืนอยู่สักพัก ถึงได้วิ่งไป
----------
พี่ดินบอกว่าได้เห็นเด็กคนนั้นอีกที จังหวะที่ไปร้านขายของชำพอดีเห็นเด็กคนนั้นกำลังเลือกขนมอยู่ พี่เขาก็รู้สึกดีใจที่รู้ว่าเด็กคนนี้มีตัวตนจริงๆ
ก็เลยเดินเข้าไปกะจะเลี้ยงขนมสักหน่อย แต่เด็กนั่นก็เอาแต่หลบสายตาพี่เขาไม่ยอมมองหน้าพี่เขาเลย
พอพี่เขายื่นขนมส่งให้ก็ยกมือไหว้บอกว่า ‘ขอบคุณครับ’ แล้วก้มหน้างุดจะเดินหนีไป
พี่ดินก็เลยถามว่า ไอ้หนูเอ็งเป็นลูกเต้าของใคร ทำไมไม่เคยเห็นพอเด็กคนนั้นตอบมาว่า ‘ลูกของแม่อรครับ’ แล้วก็วิ่งจู๊ดหนีไปเลย
พี่เขาได้แต่มองตามแล้วก็ยิ้ม เพราะไม่คิดว่าเราที่พี่เขาเคยเห็นเมื่อตอนตัวเล็กๆ จะโตขนาดนี้แล้ว
พอพี่เขาเล่าถึงตรงนี้เราก็ยิ้มๆ รู้สึกเขินนิดหน่อย
จากนั้นพี่เขาก็ตามไปดู ก็ได้รู้ว่าแม่ของเราได้พาเราย้ายกลับมาอยู่ที่นี่แล้วแต่ด้วยความที่พี่เขาเอาแต่เมาตลอดและไม่ได้สนใจเรื่องของใครเลย
ก็เลยไม่รู้หรือบางทีพี่เมฆอาจจะบอกแล้ว แต่จำไม่ได้ก็ไม่ได้ เพราะไม่ได้ใส่ใจใครจริงๆ
พอมีจังหวะสบโอกาสที่ยายเราไม่อยู่บ้าน ก็เข้าไปไหว้ทักทายแม่เราตามภาษาแต่ส่วนใหญ่ตอนนั้นเวลาที่พี่เขาแวะไปก็ไม่ค่อยเจอเราหรอก
จะเห็นอีกทีก็นู่นวิ่งเล่นตากแดดหน้าแดงกับเพื่อนพอเห็นหน้าพี่เขาทีไรก็วิ่งหนีทุกที ไม่รู้ทำไม
ตอนนั้นเองที่พี่เขาก็เริ่มรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขกับการได้แกล้งเรา...
ตรงที่พอเราเห็นหน้าเขาเราก็จะวิ่งหนีทุกที มันทำให้พี่เขารู้สึกขำกับท่าทางของเรามาก
หรือบางทีก็แกล้งให้พี่เมฆเรียกเราให้ไปเอาเงินไปซื้อขนมเพราะพี่เขารู้สึกว่าเรากล้าคุยเล่นกับพี่เมฆมากกว่า
แล้วพอสักพักก็จะหลอกบอกว่านู้นเงินอยู่กับพี่ยักษ์ให้เดินไปเอาเราก็จะก้มหน้างุดๆ แล้วเดินเดินไปหาพี่ดิน
พี่ดินบอกว่าตลกมาก อะไรจะกลัวขนาดนั้น คืออยากได้เงินนะ แต่ก็กลัว... 55555
หลังจากนั้นพี่ดินก็เริ่มกลับมาใช้ชีวิตตามปกติ แต่ก็ยังคงกินเหล้าเหมือนเดิมแต่ก็ไม่ได้ถึงกับเมาหัวราน้ำเหมือนแต่ก่อนแล้ว
พอมีเวลาว่างได้แกล้งเราทำหน้าดุใส่เรา หรือให้พี่เมฆเรียกเรามาคุยเล่น
พี่เขาบอกว่าการได้แกล้งหรือเล่นกับเรานั้นน มันทำให้พี่เขาคลายความรู้สึกแย่จากเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นไปได้บ้าง
พี่ดินเลยชอบชวนพวกพี่เมฆไปตั้งวงเหล้าตรงร้านชำ ที่อยู่ใกล้บ้านเรา
เพราะถ้าวันไหนเราเลิกเรียน หรือไปวิ่งเล่นแล้วกลับมา จะผ่านตรงพอดีพี่ดินก็จะชอบให้พี่เมฆเรียกเรามาแกล้ง
ทำนองว่าถามปัญหาเชาว์แน่นอนว่าเด็กตอนนั้นมันตอบไม่ได้หรอก
แต่พี่เขาชอบมองหน้าพี่เวลาครุ่นคิดแบบเป็นจริงเป็นจัง หน้าเรามันดูตลกดี
แต่สุดท้ายถึงจะตอบไม่ได้ แต่พี่เขาก็ให้เงินไปซื้อขนม หรือพาไปซื้อขนมอยู่ดี
พี่เขาคอยเฝ้ามองเราอยู่แบบนั้น มันเป็นความสุขเล็กๆ ของผู้ชายคนหนึ่งที่ใฝ่ฝันว่าตัวเขาเองก็อยากมีลูกแบบนี้บ้าง...
----------
แล้วตอนที่พี่เขาเห็นว่าเราแอบร้องไห้แล้ววิ่งเข้าบ้านไปตอนแม่เราขึ้นรถโดยสารเพื่อกลับไปทำงานที่กรุงเทพฯ
เพราะวันนั้นพี่เขาก็มาส่งแม่เราเหมือนกัน
พี่เขายิ่งรู้สึกสงสาร อยากไปปลอบ แต่ทำไม่ได้
เพราะตัวพี่ดินเองก็มีปัญหากับที่บ้านยายเราอยู่แล้ว ถ้ามายุ่งย่ามกับเรามากไปเดี๋ยวจะมีปัญหาขึ้นมาอีก
พี่เขาก็เลยทำได้แค่รอเวลาแล้วอาศัยจังหวะเราเดินไปโรงเรียน แล้วเดินห่างออกจากบ้านมาสักระยะ
ก็อาสาพาไปส่ง พี่ดินบอกว่าตอนนั้นต้องหลอกเราว่า พี่จะผ่านหน้าโรงเรียนพอดีเราถึงจะยอมไปด้วย
เพราะว่าเราดูกลัวพี่เขามากเลย ถ้าบอกตรงๆว่าจะไปส่งเราคงไม่ไปแน่ๆ
จากนั้นถ้าพี่เขาว่าง ก็จะทำทีไปรับ ไปส่งเราตลอดเพราะพี่เขาสังเกตุเห็นบางทีเวลากลับบ้านพอลับตาคนทีไร
เราจะโดนไอ้โหน่งกับไอ้เหน่งแกล้งตลอด
พี่เขาก็ไม่รู้จะช่วยยังไง... อึดอัดใจอยากจะลั่นกบาลไอ้สองคนนั้นมากแต่ก็ทำไม่ได้
ถ้ามีเรื่องมีราวขึ้นมาอีก เดี๋ยวพี่เขาจะทะเลาะกับลุงสินอีกแน่ๆซึ่งพี่เขาก็ไม่อยากมีปัญหาอะไรที่ทำให้เหนื่อยใจอีกแล้ว
เลยพยายามหาจังหวะว่างๆ แกล้งผ่านหน้าโรงเรียนเราตอนเลิกเรียน แล้วรับเรากลับมาด้วยดีกว่า
พอเวลาผ่านไปด้วยความที่เราไม่ใช่เด็กผู้ชายจริงๆ อ่ะเนอะอาการมันก็แสดงออกว่าดูตุ้งติ้งอ้อนแอ้นเหมือนเด็กผู้หญิงมากกว่า
พอตั้งวงเหล้ากันทีไร พี่เมฆก็ชอบแซวเราในวงเหล้าทำนองว่า ‘ถ้าโตมาแล้วน้องมันเป็นกะเทยหรือแปลงเพศเป็นผู้หญิงนะมึงเอ้ยกูจะขอ xxx สักที หน้าหวานๆ ตัวขาวๆ งี้ กูชอบ’ พอพี่เมฆพูดจบทุกคนก็ดูจะสนุกสนานเฮฮา ไม่ได้คิดอะไร
แต่พี่ดินกลับรู้สึกไม่ชอบใจ และกลัวใจว่าพี่เมฆจะทำอะไรไม่ดีกับเราจริงๆ...
เพราะตอนนั้นพวกพี่เขาก็เริ่มใช้วิธีการมีเซ็กส์กับกะเทยในหมู่บ้าน
หรือหมู่บ้านข้างๆ แก้อาการหื่นกระหายกันไปก่อน ก็เป็นประสบการณ์ได้ที่ไปเรียนรู้มาตอนอยู่กรุงเทพฯ นั่นแหละ
พี่เขาบอกว่าก็ต้องเอาคนที่คุยกันรู้เรื่อง แล้วเก็บเป็นความลับ
ไม่เอาเรื่องนี้ไปป่าวประกาศต่อให้คนในหมู่บ้านรู้...
อย่างน้อยวิธีนี้มันก็ไม่ได้มีปัญหาพวงตามมาเหมือนเวลาไปมีอะไรกับผู้หญิงในหมู่บ้าน
ที่พอมีอะไรกันเสร็จต้องรับผิดชอบและแต่งงานอยู่กินกันเลย...
พี่ดินบอกว่าตอนนั้นยังไม่อยากมีแฟนจริงๆ รู้สึกอยากอยู่ตัวคนเดียวแบบนี้ไปก่อน
แต่ความหื่นกระหายมันก็ห้ามกันไม่ได้นี่นะ...
(เหมือนช่วงนั้นพี่เมฆเลิกกับแฟนแล้ว แฟนของพี่เมฆจะอยู่ด้วยไม่ได้ เพราะแม่กับพี่สาวพี่เมฆขี้บ่น
คืออารมณ์ประมาณว่าสาวโรงงานจะไม่ค่อยทำงานบ้านหรอกทำงานมาก็เหนื่อยก็พัก ไว้เวลาว่างจริงๆ ค่อยทำ
แต่ทีนี้พอมาอยู่กับพี่เมฆมันไม่ต้องทำงานไง แต่แฟนพี่เมฆเขาก็ไม่ทำงานบ้านอยู่ดีสุดท้ายเลยทะเลาะกันอยู่ไม่ได้
แฟนพี่เมฆก็เลยหนีไป พี่เมฆก็ไม่รู้จะทำยังไงก็แฟนเขาไม่ทำงานบ้านไม่ช่วยงานแม่กับพี่สาวเขาจริงๆ ก็เลยต้องปล่อยไปตามนั้น
พี่เมฆเองก็ดูจะเสียใจแต่ว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่แฟนพี่เมฆหนีไป พี่เมฆตามกลับมาหลายรอบแล้ว
แต่สุดท้ายมาทะเลาะกันแค่เรื่องงานบ้านเรื่องเดิมๆ แล้วแฟนพี่เขาไม่ยอมทำจริงๆ พอหนีไปอีกก็เลยทำใจ ต้องยอมปล่อยไป...)
ทีนี้พอจังหวะช่วงปีนั้นที่เกิดเรื่องที่แม่เราหาคนเฝ้าน้ำในนาให้ไม่ได้เพราะช่วงนั้นมรสุมเข้าฝนจะตกหนักเกือบทุกวัน
เพราะญาติๆ ไม่มีใครรับอาสาเลย ถ้าจะให้เขาเฝ้าให้ก็ต้องจ่ายค่าจ้างเป็นรายวันซึ่งแม่เราเองก็ไม่ได้มีเงินทองมากมายมาจ่ายค่าจ้างขนาดนั้น
ก็เลยต้องรบกวนฝากป้าปู ให้ช่วยบอกพี่ดินให้หน่อยว่าถ้าช่วงไหนฝนตกหนักให้แวะไปดูน้ำที่นาให้ด้วย
ถ้าใช้จอบขุดระบายน้ำไม่ไหวให้ไปเช่าเครื่องสูบน้ำได้เลยให้ติดเป็นชื่อแม่เราไปก่อน แล้วพอแม่เรากลับมา
จะมาเคลียร์เรื่องค่าเช่าเครื่องกับค่าแรงพี่ดินเอง
พี่ดินเองก็รับอาสาให้ทันที เพราะยังไงแม่เราก็เคยช่วยเหลือพี่เขาไว้อยู่แล้วและแน่นอนว่านั่นก็เป็นโอกาสที่จะตีสนิทกับเรา
ให้เรามาอยู่ใกล้ๆ กับพี่เขาด้วยเขาจะได้ดูแลเราได้สะดวก ปลอดภัยจากการคุกคามของพี่เมฆ
แต่ว่า...สิ่งที่พี่เขาคิดไม่ถึงก็คือ กลายเป็นว่าพี่เขาจะมาลงมือทำเรื่องอย่างว่ากับเราซะเอง...
วันนั้นที่พี่เขาที่บ้านเรา ก็ทำทีว่าไปหาของนั่นแหละแต่ความจริงตั้งใจจะชวนเรานอนเล่นที่กระท่อมด้วย
เราจะได้คุ้นเคยกับพี่เขา วันนั้นที่กระท่อมพี่เขาเองก็ไม่ได้คิดอะไรเลยเถิดกับเราเลยทีแรก
ก็คิดว่าจะแกล้งเล่นเฉยๆ แต่ปรากฏว่าตอนที่พี่เขาแกล้งแหย่เล่นหัวนมเรากับตอนที่พี่เขา เอามือเราไปจับไอ้จ้อนของพี่เขา พี่เขาดันมีอารมณ์จริงๆ
ยิ่งตอนนอนแล้วหัวเราเกยบนไหล่เขาแล้วลมหายใจเรามันโดนหัวนมพี่เขายิ่งรู้สึกเสียวสุดๆจนพี่เขาอดใจไว้ไม่อยู่ทำเลยเถิดกับเราไป...
ตอนนั้นเหมือนพี่เขามีอารมณ์กามที่พร้อมปะทุอยากจัดเต็มแบบนี้มานานแล้วเพราะตอนที่พี่เขามีอะไรกับกะเทย
เขาก็แค่กล้าอย่างมากแค่แบบมีการสอดใส่เข้าไปในก้นเฉยๆ ไม่ได้จูบปากดูดนมอะไรยังไม่กล้าทำขนาดนั้น
แต่พอเป็นเรา ยิ่งเห็นผิวขาวๆ แล้วในปากเราจะหอมกลิ่นยาสีฟันเด็ก ไหนจะเสียงร้องครางเวลาที่พี่เขาสัมผัสร่างกายเราอีกทุกอย่างพอรวมกันแล้ว
ตอนนั้นพี่เขารู้สึกว่าเราดูน่าบดขยี้ ไม่รู้ว่าตอนนั้นเขาเป็นพวกซาดิสม์อะไรแบบนี้หรือเปล่าแต่ว่าการกระทำแบบนั้นพอได้ทำกับเรา
พี่เขารู้สึกปลดปล่อยทางอารมณ์มากๆ
พอพี่เขาพูดจบเราได้แต่อมยิ้มมุมปากแบบมีเลศนัยเหมือนจะพูดว่า ‘อ้อจ้า’ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปพี่เขาก็เลยทุบหัวเราหนึ่งทีแก้เขิน 55555
แต่หลังจากที่เขาได้รู้สึกตัวว่าตัวเองเริ่มทำการเกินเลยคือพยายามจะสอดใส่เข้ามาในก้นเรา แล้วเราร้องไห้ออกมา
พี่ดินก็เริ่มรู้สึกผิดและดึงสติตัวเองกลับมาได้ประมาณหนึ่งพี่เขาได้แต่เก็บเอามานอนคิดว่าทำไมถึงทำกับเราแบบนั้น
ทั้งๆที่เขาเองก็รู้สึกเอ็นดูเราเหมือนเด็กคนหนึ่งแท้ๆ
แต่พอหลังจากที่ได้ไปเที่ยวกับเรา พี่เขารู้สึกว่า เขารู้สึกกับเราต่างจากเด็กคนอื่นๆ
พี่เขาก็รู้สึกว่ามีความสุขมากเวลาที่อยู่ด้วยกันแค่ได้ยินเสียงหัวเราะ เห็นรอยยิ้มของเราเขาก็ชื่นใจแล้ว
พี่เขาไม่เคยรู้สึกเหงาอีกเลยตั้งแต่มีเวลาเราไว้นอนกอดตอนกลางคืนมันเป็นความรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก
ถ้าจะพูดว่าเขาหลงรักเด็กตัวแค่นี้มันก็รู้สึกอายเหมือนกัน
แต่พี่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคือความรู้สึกอะไร รู้แค่ว่ามันรู้สึกดีมากๆ...ตั้งแต่มีเรามาอยู่กับพี่เขา
พี่ดินเขาเคยคิดนะว่ามันเป็นความรู้สึกที่อยากให้เราโตไวๆ พี่เขาจะรับผิดชอบเราทุกอย่างและอยู่กับเราแบบนี้ตลอดไป
แต่อีกใจก็อยากให้เราเป็นเจ้าตัวเล็กของเขาแบบนี้ไปเรื่อยๆ แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว...
หลังจากนั้นพี่เขาก็อยากจะใช้สถานะความเป็นพ่อคนหนึ่งที่คอยอุปถัมภ์เลี้ยงดูเราให้เติบโตมาอยู่กับร่องกับรอยมากที่สุด
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะตอนเด็กพี่เขาเคยทำแบบนั้นกับเราหรือเปล่า
พอเราโตขึ้นมาพอที่จะเข้าใจอะไรมากขึ้น เราถึงต้องการมีเซ็กส์กับพี่เขา...
ถึงพี่เขาจะรู้สึกผิดและรู้สึกละอายใจอยู่เหมือนกันนะ ทั้งที่คิดไว้ว่าอยากจะเป็นพ่ออีกคนหนึ่งของเราแท้ๆ
แต่พี่เขากลับเป็นคนที่มามีเซ็กส์กับเราซะเองตอนแรกเขาก็แค่ตั้งใจจะสอนอยากให้เราเรียนรู้ไว้
แต่ไม่คิดว่าจะทำให้เราติดใจและกลายเป็นว่าอยากให้พี่เขามีอะไรด้วยตลอด...
พี่ดินบอกว่าเขาก็รู้สึกไม่ชอบตัวเองอยู่เหมือนกันทั้งที่จะรักเราเหมือนเป็นลูกคนหนึ่ง
แต่พอมีอะไรกับเราแล้วมันกลับรู้สึกดีและมีความสุขสุดๆเป็นเซ็กส์ที่เข้ากันได้ดี
จนพี่เขาแทบปฏิเสธไม่ได้เลย ทุกครั้งที่เราชวนให้พี่เขามีอะไรด้วย
พอเราโตมาจนเรียนจบนั่นแหละ เขาถึงได้ตัดสินใจขอเราเป็นแฟนรู้สึกว่าพออยู่ในสถานะคนรักกัน มันรู้สึกสบายใจกว่า
ไม่ค่อยรู้สึกผิดกับตัวเองด้วย ถึงแม้มันจะดูค้านความรู้สึกสำหรับคนอื่นๆที่อยู่รอบตัวพวกเราสองคนก็ตาม
----------
ที่วันนั้น...เราคุยกันแล้วพี่เขาร้องไห้ออกมาก็คงเพราะเรื่องนี้ด้วย
การที่เราอยู่กับใครคนหนึ่งมานานมากๆ นานจนกลัวว่าสักวันหนึ่งจะเสียเขาไป
เราเข้าใจความรู้สึกของพี่เขาดีเพราะเราเองก็กลัวเหมือนกัน...
เราได้แต่บอกว่า ‘หนูไม่มีวันทิ้งพี่แน่นอน สิ่งเดียวที่จะทำให้เราไม่ได้อยู่ด้วยกันก็คือวันที่หนูไม่ได้อยู่บนโลกนี้แล้ว’
เราไม่ได้จะแช่งตัวเองหรือพูดให้เป็นลางอะไรนะ แต่มันคือความเป็นจริงที่เราทุกคนก็ต้องยอมรับ
เราถึงพยายามทำทุกวันให้มีค่าและมีความสุขที่สุด ถ้าถึงวันนั้นจริงๆ
เราไม่อยากมานั่งรู้สึกเสียใจทีหลังว่าตอนมีเวลาอยู่ด้วยกันทำไมไม่ทำให้ดีที่สุด
นี่ก็เลยเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เราไม่ค่อยจะเล่นมือถือสักเท่าไหร่ตามที่พี่เขาขอ พยายามหางานอดิเรกอื่นๆทำ
ยิ่งตอนนี้มีน้องภูมิมาอยู่กับพ่อกับแม่เราแล้วด้วย ถ้าเสาร์-อาทิตย์ไหนว่างๆ พี่ดินกับเราก็จะไปรับน้องภูมิกับพ่อแม่เราแล้วพาไปเที่ยวตลอดเลย
หรือบางทีก็เอาหลานมาค้างที่ห้องบ้าง เป็นการเพิ่มบรรยากาศในห้องให้มีเสียงหัวเราะของเด็กก็ดูสนุกสนานไปอีกแบบ
---------
สุดท้ายเรื่องของพี่ดิน ก็ขอปิดท้ายไว้แค่ตรงนี้แล้วกัน ก็ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ตามอ่านกันมาถึงตรงนี้ด้วยน้าขอบคุณมากจริงๆ สำหรับทุกกำลังใจที่มีให้กัน
เดี๋ยวเอาไว้ตอนหน้าๆ ก็คงกลับไปเล่าเรื่องในวัยเด็กต่อเพราะยังมีเรื่องราวอีกเยอะเลยที่อยากเล่า
ไว้ใจกันใหม่ตอนหน้านะบับบัยยย
ชอบครับ ความรักของคนสองคนที่ดูขัดแย้งแต่สุดท้ายเป็นความรักที่ยิ่งใหญ่ ผมก็เคยมีความรักแบบนี้ครับ จากที่เป็นพี่น้องกันจนเลยเถิดเป็นรักกันแบบมีเรื่องอย่างว่ามาเกี่ยวข้อง แล้วสุดท้ายก็จบลงเพราะน้องเขาเลือกที่จะเดินแบบคนทั่วไป (ผมมีอารมชอบกับน้องเขาคนเดียวนะครับกับผู้ชายคนอื่นนี้ไม่ได้สนใจเลย) แต่สุดท้ายน้องเขาก็จากไปแล้วครับ ไม่มีวันกลับมาแล้ว น้องเขาอยู่ในความทรงจำผมตลอดครับ ทุกวันนี้แทบไม่มีใครเลยอยู่คนเดียวมาตลอด ไม่กล้ารักใครอีก ไมาอยากสูญเสียใครไปอีกวันที่น้องเขามาถึงบ้าน ได้แต่มองหน้าเขา ที่อยู่ในที่ที่เขานอน อยากจะร้องแต่ไม่กล้า จนจัดงานให้เขาเสร็จ เขาเป็นทุกอย่าจริงๆ น้องที่รักที่สุดในชีวิต เป็นลูก เป็นคนรัก ขอบคุณครับสำหรับเรื่องราวดีดี ที่เล่าให้ฟัง เหมือนได้ย้อนไปในอดีต และต่อเติมเรื่องราวในอนาคตที่ผมไม่มีทางเป็นไปได้ ขอบคุณจริงๆ ในเรื่องของพี่สาวที่เราพยายามข้ามๆ ไป ไม่ลงรายละเอียดมากนะ
เพราะสุดท้ายก็ไม่ได้คำตอบที่แน่ชัดอยู่ดีว่าพี่สาวทำแบบนั้นกับพี่ดินทำไม
แต่ที่แน่ๆ ที่เรารู้อย่างหนึ่งก็คือเขาได้เงินไปสร้างบ้านเนี้ยแหละ
พอพูดถึงตรงนี้ ส่วนตัวเรารู้สึกแปลกนะที่ผัวพี่สาวก็ยอมรับได้ด้วย ที่เมียตัวเองมามีผัวอีกคนตอนทำงานอยู่กรุงเทพฯ
เพราะฟังจากที่พี่ดินเล่าแปลว่าผู้ชายคนนั้นก็ต้องรู้สิว่าพี่สาวกับพี่ดินมีความสัมพันธ์แบบไหนกัน
ก็แปลกดี...
ตอนพี่เขาเล่า เรารู้สึกสงสารพี่เขามากเลย ถึงมันจะผ่านมานานมากแล้ว
แต่พอได้ฟังจากน้ำเสียงเราก็รู้สึกเลยว่าตอนนั้นพี่เขาคงเจ็บปวดมากๆ
ขนาดเราฟังไปเราต้องคอยจับมือพี่เขาตลอด ถึงแม้ในเวลานั้นเราจะยังไม่ได้อยู่ด้วย แต่ก็ไม่อยากให้พี่เขารู้สึกโดดเดี่ยวอีกแล้วเวลาที่นึกถึงเรื่องนี้
ท้ายนี้สำหรับเพื่อนๆ ที่ติดตามกันมานาน(รู้ตัวอีกทีก็อยู่ในเว็บนี้มาจะครึ่งปีแล้ววว)
อยากจะบอกว่าเรียกเราว่า มิน ก็ได้นะ ถือว่าเราเป็นเพื่อนคนหนึ่งก็ได้
มันเป็นชื่อเล่นตอนเด็กของเราจริงๆ แหละ ซึ่งตอนนี้คนที่ยังเรียกชื่อนี้อยู่ก็มีแค่พ่อกับแม่เราเท่านั้น
ซึ่งคนรู้จักคนอื่นจะไม่มีใครรู้จักเราด้วยชื่อ มิน นี้แล้ว เพราะฉะนั้นปลอดภัยแน่นอน ไม่มีใครรู้จักเราหรอก 5555555
ส่วนพี่ดินเอง ก็มีแค่เราและคนรู้จักที่สนิทกันสมัยอยู่ต่างจังหวัดเท่านั้นถึงจะรู้ว่าพี่เขามีชื่อเล่นว่าดินด้วย
เพราะคนที่ทำงานพี่เขา จะเรียกชื่อพี่เขาด้วยชื่อจริงมากกว่าจ้า
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ น่าสงสารจริงๆ โดนสาวหลอก ขอบคุณครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับผม อ่านตอนพี่สาวแล้ว ตอนนั้นพี่ดินน่าจะจัดวันละหลายดอกหน่อย เอาให้ผัวเค้าใส่แล้วไม่รู้้สึกอะไรไปเลย {:5_137:} ขอบคุณครับ
โอ้ยเจ็บแทนมากกก แต่ตอนท้ายก็เข้าใจแล้วว่าทำไมพี่เค้าถึงได้รักเจ้าของกระทู้ขนาดนี้ คนที่ดึงพี่เค้าขึ้นมาจากหลุมดำ
อยากรู้ว่าทำไมวันนั้นถึงได้วิ้งไปหาพี่เค้าที่นอนเมาอยู่ (เจ้าของกระทู้อาจจะจำไม่ได้55555)
มีความหวงเจ้าของกระทู้จากเพื่อนรักของตัวเองนะ 55555555 ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ อ่านถึงตอนที่พี่ดินไปบ้านของพี่สาวแล้วรู้สึกจุกแทนเลย ถ้าเจอกับตัวก็เสียศูนย์เหมือนกัน555 ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ อดีตน้าก็แบบผิดหวังมาเยอะจนมาเจอพี่และตอนนี้กลายเป็นมนุษย์ลุงเต็มตัวแล้ว -_- {:4_110:} คิดถูกละที่ไม่อ่านตอนกลางคืน กลัวนอนไม่หลับหงะ/ขนาดว่าทำใจไว้แล้วว่าอารมณ์ดิ่งแน่ๆ กระทู้นี้แต่พออ่านแล้ว...โน่นดิ่งลึกใจกลางโลกเลยคร๊าบ /ชีวิตพี่เค้าช่วงนั้นน่าจะหนักสุดๆ เลยเนาะเจอไอ้โน่นไอ้นี่เข้ามาติดๆ ...ดีใจกับพี่ดินด้วยน๊าที่ได้มินมาเติมเต็มชีวิตเค้าจนทุกวันนี้{:5_135:} อยากจะตกนางสาวสักทีนึงครับ ขอบคุณครับ.