มันบอกผมว่าเป็นชายแท้ (ตอนที่ 18) – เมื่อผมหนีเหี้ย มาเจอเหี้ย(กว่า)
มันบอกผมว่าเป็นชายแท้ (ตอนที่ 18) – เมื่อผมหนีเหี้ย มาเจอเหี้ย(กว่า)รุ่งขึ้นก็ได้เวลาที่พี่เนทจะออกจากโรงพยาบาลกลับหอซึ่งพี่มันเปลี่ยนชื่อเสร็จสรรพว่าเป็นรังรักของมันกับผมนี่ถ้าไม่ติดว่าแผลมันยังมีให้เห็นอยู่ผมมียันโครมไปแล้ว คุณลุงภาคภูมิพ่อของพี่เนทกลับมาทันครับ มาหาพวกเราตั้งแต่เช้าเลยสีหน้าแกดูเหนื่อยล้าอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ยังยิ้มแย้มอยู่เสมอพี่เนทมันก็ไม่ปั้นปึ่งใส่ลุงแกอีกแล้ว เห็นแบบนี้ผมก็สบายใจขึ้นเยอะพี่น้ำกับพี่ลินไม่ได้มาด้วยเพราะมีเรียนเช้ากันพวกเราเลยนั่งรถคุณลุงกลับมาที่หอพักกัน
มาถึงก็เจอกับพี่เฟมที่พอเห็นสภาพของพี่เนทมันก็เข้ามาสอบถามด้วยความตกใจแต่ไอ้พี่เนทมันหยิ่งครับ มันไม่ตอบอะไรพี่เฟมสักนิด ผมเลยต้องจำใจเป็นคนตอบไปสั้นๆ ให้แค่พอรู้เรื่อง ผมล่ะไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าพี่มันจะอะไรกับพี่เฟมนักหนาเพราะตั้งแต่พี่เนทแสดงท่าหวงก้างออกไปคราวนั้นพี่เฟมก็แทบจะไม่เข้าหาผมอีกเลยด้วยซ้ำ
คุณลุงพ่อพี่เนทเองก็ตามมาส่งพี่เนทถึงห้องนี่เป็นครั้งแรกเลยที่คุณลุงเขาได้มาเห็นสภาพความเป็นอยู่ของลูกชายแกดูตื่นเต้นจนลืมเหนื่อยไปเลยล่ะครับ โชคดีที่ห้องมันสะอาดเรียบร้อยดีเพราะพี่เนทมันเจ้าระเบียบครับ ตื่นมามันก็จัดการเก็บข้าวเก็บของ กวาดพื้นกวาดบ้านเอากันเสร็จมันก็จัดการทำความสะอาดเก็บซากไปทิ้งให้เสร็จหมดนู่นแหละถึงจะนอนได้ส่วนผมอ่ะเหรอ...นอนกระดิกตีนเป็นกำลังใจให้มันครับ ฮ่าๆๆ
“อยู่กันสองคนอึดอัดไหมเนท? พ่อหาคอนโดใกล้ๆ มหาลัยให้ได้นะ” พ่อพี่เนทพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง“โอ๊ย...ไม่ต้องหรอกพ่อ ที่นี่ผมก็อยู่ได้ สบายดีออก”พี่มันบอกปัดแบบไม่สนใจเลยสักนิดเดียว
จริง ๆ ผมก็พอจะสังเกตได้อยู่หรอกว่าครอบครัวพี่เนทมีฐานะกันพอสมควรอาจจะไม่ได้รวยล้นฟ้าอะไรขนาดนั้น แต่ก็อยู่สบายไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ซึ่งถ้าดูภายนอกก็แทบดูไม่ออกเลยครับเพราะพี่มันชิลมาก ไม่ติดหรู ไม่ชอบอวดสิ่งของ มันก็อยู่ของมันแบบนี้แหละผมล่ะคิดไม่ออกเลยว่าถ้าพี่มันอวดรวยขึ้นมาจริง ๆ ผมคงหมั่นไส้มันยิ่งกว่านี้อ่ะ
“งั้นเหรอ...” พ่อพี่เนทพูดแต่สายตาก็ยังคงมองไปรอบ ๆ ห้องสายตาแกไม่ได้รังเกียจหรอกครับ แต่หอพักมันก็หอพักนักศึกษาทั่ว ๆ ไปไม่ได้กว้างไม่ได้ขวาง คนเป็นพ่อเป็นแม่ที่ก็คงจะอดห่วงไม่ได้หรอกครับซึ่งผมก็ดูออกแหละว่า คุณลุงแกคงจะทำอะไรสักอย่าง เพราะท่าทางดูดื้อ ๆแบบนี้เหมือนไอ้ลูกครึ่งข้าง ๆ ผมเป๊ะ
“เอ้อ...เดี่ยวแม่เขามา เราไปกินข้าวด้วยกันไหมที่บ้านชวนพีทไปด้วยกันเลย เดี๋ยวพ่อทำอาหารเอง” พ่อพี่เนทพูดออกมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดวงตาเป็นประกายเลยล่ะครับ ผมที่ได้ยินชื่อตัวเองด้วยเลยตกใจตาโตนี่ผมจะไปเป็นขัดเวลาครอบครัวเขารึเปล่าวะเนี่ย
“ไม่ต้องนับผมก็ได้ครับคุณลุง นาน ๆ ทีครอบครัวจะได้อยู่ด้วยกัน”ผมรีบพูดขึ้นด้วยความเกรงใจ จนโดนพี่เนทมันตบกะโหลกไปทีหนึ่งผมหันไปมองพี่มันตาขวาง แต่ก็เจอกับพี่เนทที่ขมวดคิ้วมองผม“ไม่นับเหี้ยไร มึงเป็นแฟนกู ก็เหมือนเป็นคนในครอบครัวกูนั่นล่ะถ้ากูไปมึงก็ต้องไปด้วย”
พี่มันนับผมเป็นคนในครอบครัวด้วยเหรอ?...อีกอย่าง นี่มันพูดต่อหน้าพ่อมันเลยนะ!
จู่ ๆ ผมก็เขินขึ้นมาทันทีหน้าผมคงแดงจนพี่มันเลิกขมวดคิ้วแล้วหันไปตอบพ่อตัวเอง “เคครับ นาน ๆทีก็ดีเหมือนกัน”
คุณลุงยิ้มกว้างก่อนจะรีบเปิดโทรศัพท์ตัวเองเช็คเมนูอาหารอย่างกระตือรือร้นก่อนจะรีบลุกแล้วขอตัวกลับบ้านอย่างรวดเร็ว ทำเอาผมอดยิ้มขำด้วยความเอ็นดูไม่ได้พอหันไปมองหน้าพี่เนทมันก็มีสีหน้าไม่ต่างกับผมเท่าไรเห็นพ่อลูกเขากลับมาดีกันแบบนี้ผมก็พลอยรู้สึกดีไปด้วย คิดแล้วก็ตื่นเต้นนะฮะครอบครัวผมไม่เคยกินข้าวพร้อมหน้าพร้อมตากันมาก่อนเลย ได้ไปกินพร้อมกับครอบครัวพี่เนทก็น่าจะดี
...................................................................
และแล้วฤดูกาลสอบมิดเทอมก็เริ่มต้น และมันก็กำลังจะจบลงแล้วครับ!ไวใช่ไหมล่ะ? เพราะผมมันเทพน่ะสิ!แต่จริง ๆแล้วมันเป็นเพราะผมกับเพื่อน ๆ ร่วมหัวกันติวแบบจริงจังสุดฤทธิ์ พวกพี่รหัสก็มาช่วยกันอย่างเต็มที่สอบมิดเทอมครั้งแรกของพวกผมก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่ได้มีอะไรน่ากังวล
“เชี่ยยย จบสักทีเว้ยย”ไอ้ฮาร์ทยืดตัวบิดขี้เกียจทันทีที่ออกจากห้องสอบ ผมที่ออกมาก่อนแล้วก็เงยหน้าไปมองมัน
ตอนนี้ไอ้ฮาร์ทมันเปลี่ยนไปเยอะครับผมมันจากที่สีแดงแปร๊ดก็ซีดจนกลายเป็นสีชมพูไปแล้ว แถมหลังจากเข้าชมรมบาสมันก็ได้ออกกำลังกายอย่างหนัก ซ้อมบาสทุกเย็น จนตอนนี้จากรูปร่างเพรียว ๆมันเริ่มมีกล้ามเนื้อ เริ่มตัวหนาขึ้นมานิดหน่อยแล้วด้วย ทำเอาเสื้อนักศึกษาที่มันใส่ประจำเริ่มคับขึ้นมาซะแล้วล่ะผมเห็นสายตาของพี่ ๆ น้อง ๆ ในคณะมองมันตาเป็นมัน
“ไงมึง ทำได้ป่ะ” ผมถามไอ้ฮาร์ทที่เดินมานั่งลงตรงข้ามผมพร้อมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาพิมพ์ยุกยิก ๆ ของมัน ซึ่งไม่ต้องเดาหรอกครับ มันแชทคุยกับพี่เยี่ยมเมียมันเหมือนเดิมแหละ
“มึงกำลังคุยกับใครครับพีทนี่กูนะครับ กูฮาร์ทนะคร้าบบ มีอะไรที่ผมทำไม่ได้ด้วยเหรอ” มันพูดโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์ด้วยซ้ำน้ำเสียงอวดเบ่งสุดตีนจนอยากจะประเคนตีนให้มันงาม ๆ สักหนึ่งดอก
ผมเบะปากใส่หน้ามันไปทีหนึ่งก่อนที่มันจะเงยหน้าขึ้นมา ทำเอาผมรีบเปลี่ยนสีหน้าแทบไม่ทัน
“เออ หยุดอาทิตย์หนึ่งนี่มึงจะไปไหนวะ”“อาทิตย์หน้าแม่พี่เนทมาก็คงไปกินข้าวบ้านพี่มันละก็วันศุกร์กูมีเวิร์คช็อปชมรมหนังสั้นที่ชะอำอ่ะ”“แหมมม เผลอแปปเดียวก็ไปเจอแม่ผัวเลยนะมึงหมั่นไส้ว่ะ”“แหมมมมมมึงไม่น่าหมั่นไส้เลยมั้งไอ้สัด ตัวติดกันซะจนกูคิดว่าเอาเข็มเย็บติดกันไว้”
ผมแซวมันกลับ แต่คิดเหรอครับว่าคนอย่างไอ้ฮาร์ทมันจะสะทกสะท้านมันตอบมาด้วยน้ำเสียงซึม ๆ ปนเสียดายหน่อย ๆ “ถ้า ‘เย็บ’ ได้ทั้งวันกูก็อยากจะ ‘เย็บ’ทั้งวันอยู่หรอก แต่พี่เยี่ยมอ่ะดิ ไม่ค่อยมีเวลาให้กูเลย”
ทำไมผมคิดว่าที่มันอยากจะพูดไม่ใช่คำว่า เย็บ แต่เป็นคำว่า เย็ด วะ...
จริง ๆ สอบเสร็จแล้วพวกผมก็ชิลแล้วล่ะแต่ไอ้ฮาร์ทมันนั่งรอพี่เยี่ยมที่สอบอีกวิชาหนึ่งอยู่ ผมก็เลยนั่งรอเป็นเพื่อนมัน เสร็จแล้วค่อยไปหาพี่เนทมันที่คณะสักพักพวกพี่เขาก็สอบเสร็จแล้วก็พากันลงมา แน่นอนว่ามากันเป็นแพ็ค 3 คนเหมือนเดิม ทั้งพี่เยี่ยม พี่โม แล้วก็...พี่ฮัท
พี่ฮัทมองมาเห็นผม รอยยิ้มกวน ๆ ที่คุยเล่นกับเพื่อนก็หายไปแว้บหนึ่งก่อนพี่มันจะรีบปรับสีหน้ากลับมาร่าเริงเหมือนเดิมแล้วยิ้มให้ผมทั้งสามคนเดินเข้ามาหา พอไอ้ฮาร์ทเห็นพี่เยี่ยมก็รีบดี๊ด๊าลุกไปอ้อนเป็นลูกแมวครางหงิง ๆ ตอแหลว่าข้อสอบยากอย่างนู้นอย่างนี้ คนละเรื่องกับที่บอกผมไปเมื่อกี้แบบคนละโลก
ตอแหลได้เสมอต้นเสมอปลายจริง ๆ นะมึง
“สอบเป็นไงบ้างพีท?วันนี้วันสุดท้ายแล้วหนิ” พี่โมเข้ามาถามผม พร้อมกับพี่ฮัทที่นั่งลงตรงข้ามโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำ มีแต่รอยยิ้มบาง ๆ ที่ดูฝืน ๆ ยังไงชอบกล“ใช่ครับ ถ้าไม่ได้พวกพี่ช่วยติวพวกผมแย่แน่ ๆ ขอบคุณมาก ๆ เลยนะฮะ”
จริงครับ ถ้าไม่ได้พวกพี่เยี่ยมพี่ฮัท พี่โมช่วยติวให้พวกผม พวกผมก็คงได้แต่นั่งงมอ่านหนังสือกันเอาเอง แล้วก็คงไม่สอบชิลกันขนาดนี้หรอกถึงตอนติวพี่ฮัทมันจะแค่มีหน้าที่เติมเสบียงให้กับทุกคนก็เถอะ
“สบายมากน่าพี่น้องกันยังไงก็ช่วยกันอยู่แล้ว เนอะ ไอ้ฮัท”“อ...เออๆ พี่น้องกันอ่ะเนอะ”พี่ฮัทมันเสียงแผ่ว ๆ ลงตรงคำว่าพี่น้อง แถมพี่มันยังดูสติไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัวด้วย
ผมเองก็ไม่ได้ไร้เดียงสาขนาดที่จะไม่รู้เรื่องรู้ราวหรอกนะครับจากที่พี่มันพูดไปเมื่อวันก่อนที่โรงพยาบาล ตอนพี่เนทขอผมเป็นแฟนผมก็พอจะเดาได้อยู่แล้วว่า พี่มันคงไม่ได้คิดกับผมแค่ FWB แน่ ๆ แต่ปัญหาก็คือ ผมมีพี่เนทแล้วและอีกเรื่องคือผมไม่ได้คิดกับพี่ฮัทเกินกว่านั้นตั้งแต่แรกแล้วด้วยอ่ะดิ
พี่โมมองหน้าพี่เนทงง ๆแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก ก่อนที่พวกผมทั้งหมดจะได้ยินเสียงกรี๊ดดังขึ้นมาจากทางข้างหลังซึ่งตามปกติแล้วเวลาสอบแบบนี้มันแทบจะไม่มีเสียงอะไรเลยด้วยซ้ำ ผมเลยหันหลังไปมองแล้วก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความตกใจ เพราะท่ามกลางบรรดาสาว ๆแล้วก็เกย์ทั้งหลายที่รุมล้อมอยู่ คือคนที่ผมไม่อยากเจอหน้ามากที่สุด
ไอ้แม็กซ์ครับ
มันอยู่ในชุดหล่อเลยล่ะครับ เหมือนเพิ่งเดินออกมาจากซีรีส์ที่มันเล่นยังไงอย่างนั้นใบหน้าหล่อตามสมัยนิยม กับรูปร่างที่แทบจะเรียกได้ว่าสมบูรณ์แบบ เสื้อที่ปลดกระดุมลงมาจนเห็นแผงอกสีขาวไม่แปลกหรอกฮะที่จะมีคนตามกรี๊ดมันขนาดนั้นมันชะเง้อชะแง้มองซ้ายมองขวาเหมือนจะหาอะไรบางอย่างอยู่ ผมรู้ตัวทันทีว่าผมจะอยู่ที่นี่ไม่ได้เลยตัดสินใจรีบลุกขึ้น ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นมองผมอย่างงุนงงทันทีที่จู่ ๆ ผลุนผลันขึ้นมาแต่มันไม่ทันที่พวกเขาจะได้ทัก เสียงของไอ้แม็กซ์ก็ดังขึ้นมาซะก่อน
“พีท! พีทใช่ป่ะ?! อย่าเพิ่งไป รอแม็กซ์ก่อน”
ควยเอ้ย!
ผมชะงักก่อนจะสบถอย่างขัดใจ แล้วรีบคว้ากระเป๋าเดินออกจากโต๊ะทันทีท่ามกลางสายตาของไอ้ฮาร์ท และพวกพี่ ๆ ที่มองผมด้วยความตกใจ และงงผสมกันเพราะไอ้แม็กซ์มันเรียกผม และทำท่าเหมือนจะรู้จักผมซะด้วย แล้วก็คงจะเหมือนกับซีรีส์ที่ไอ้แม็กซ์มันเล่นนั่นล่ะครับที่พระเอกมักจะตามนายเอกทันเสมอ ผมไม่ทันจะก้าวพ้นโต๊ะด้วยซ้ำก็ถูกมันจับแขนรั้งเอาไว้ซะแล้ว
“รอกันก่อนสิครับพีท แม็กซ์มาหาพีทนะ”มันยังคงใช้น้ำเสียงอ้อน ๆ แฝงความเอาแต่ใจ แบบที่ชอบพูดกับผมเมื่อก่อนไม่มีผิดผมเคยแพ้ให้กับอะไรแบบนี้จนโงหัวไม่ขึ้นเลยล่ะครับ
ผมหลับตาพยายามควบคุมอารมณ์ แล้วดึงแขนตัวเองออกมาก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับมันด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“มีอะไร”
“โธ่...อย่าเย็นชากันขนาดนี้สิครับ แม็กซ์คิดถึงไงเลยมาหานี่!...แม็กซ์เอามาให้พีทด้วยนะ”มันพูดพร้อมกับยื่นดอกคาเนชั่นสีชมพูมาให้ เสียงกรี๊ด และเสียงฮือฮาดังขึ้นมา พร้อมกับบรรดาแฟนคลับของมันที่ยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูปถ่ายคลิปกันยกใหญ่
ดอกคาเนชั่นสีชมพู ดอกไม้ที่ผมเคยบอกมันว่าผมชอบเพราะเป็นดอกไม้สำหรับคนเกิดวันพฤหัสบดี วันเกิดของผม แถมความหมายของมันยังหมายถึงความรักที่กำลังผลิบาน ด้วย
มันยังจำได้...
ผมมองดอกไม้ในมือมันด้วยความรู้สึกปั่นป่วนเงยหน้าขึ้นไปก็เห็นมันยิ้มมาให้ ยิ้มแบบที่มันยิ้มให้ผมในวันแรกที่เราเจอกันตอนนั้นผมตื่นเต้นจนทำอะไรไม่ถูก ใจสั่นจนแทบจะเป็นลม แต่วันนี้มันไม่ใช่แล้ว...แค่เห็นหน้ามันผมก็รู้สึกเจ็บไปหมดทั้งหัวใจ
จังหวะที่น้ำตาของผมเริ่มคลอขึ้นมาเพราะภาพในอดีตของผมกับมันย้อนกลับมาอีกครั้งแขนผมก็ถูกดึงไปข้างหลัง ผมหันไปก็เจอกับร่างสูงหนาของพี่ฮัทที่ยืนมองผมด้วยสายตาเป็นห่วงพอเห็นน้ำตาผมที่คลอหน่วงขึ้นมา พี่มันก็หันไปจ้องไอ้แม็กซ์อย่างเอาเรื่องก่อนจะหันกลับมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่ฟังก็รู้ว่ากำลังควบคุมอารมณ์อยู่
“พีทต้องรีบไปหาไอ้เนทไม่ใช่เหรอรีบไปสิครับ เดี๋ยวมันรอนะ”
ใช่...ผมต้องรีบไปหาพี่เนท พี่เนทเป็นแฟนผมพี่เนทเป็นปัจจุบันของผมไม่ใช่อดีตเหมือนไอ้แม็กซ์
ผมพยักหน้าขอบคุณพี่ฮัทแล้วรีบหันหลังเดินออกมาทันทีไอ้ฮาร์ทเห็นท่าทางผมไม่สู้ดีมั้งครับ มันเลยรีบขอพี่เยี่ยมเดินตามมาด้วย ผมสับเท้าเดินอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเสียงตะโกนเรียกของไอ้แม็กซ์ที่ดังตามหลังมาตอนแรกผมก็ไม่ตะงิดใจเท่าไรหรอก ที่มันบอกว่าจะมาหาที่คณะตอนก่อนที่จะแยกกันเมื่อครั้งเจอมันที่งานนิทรรศการ ตอนนี้ผมคาใจแล้วว่ามันรู้ได้ไงว่าผมเรียนที่นี่เพราะตอนมันบอกเลิกผม มันตัดขาดผมทุกช่องทาง ตอนนั้นผมยังไม่ได้ที่เรียนเลยด้วยซ้ำ
ไอ้ฮาร์ทมันดึงผมไปนั่งบนรถมัน แล้วมันก็เริ่มถามว่าเกิดอะไรขึ้น?ผมเป็นอะไร? ผมเลยเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดให้ฟัง ไอ้ฮาร์ทมันก็นั่งฟังผมไปเงียบๆ จากสีหน้านิ่ง ๆ ก็เริ่มกลายเป็นโมโหขึ้นเรื่อย ๆ จนผมเล่าจบมันก็สบถ เหี้ยออกมาอย่างสุดกลั้น
“เห็นในซีรีส์ในโซเชียลดูลุคคนดีชิบหายจริง ๆ แม่งโคตรเห็นแก่ตัวเลยนี่หว่า เหี้ยสัด” มันด่าไอ้แม็กซ์ครับ ซึ่งก็จริงอย่างที่ไอ้ฮาร์ทมันว่านั่นล่ะครับคาแร็กเตอร์ส่วนใหญ่ที่ไอ้แม็กซ์มันได้ในซีรีส์คือเป็นพระเอก ไม่ก็พระรองผู้แสนดี มีความไนซ์ยิ้มแล้วโลกสดใส ใครเห็นก็มีความสุข เทคแคร์คนอื่นตลอดเวลา
ซึ่งตอนมันที่ผมคิดว่ามันรักผมมันก็เป็นแบบนั้นละครับ จนกระทั่งมันเลิก ‘คิดจะรัก’ผมแล้วนั่นล่ะ...
“ดีละที่มึงออกมาจากมันได้ ถ้ามันเสือกมาที่นี่อีกกูจัดการให้เอง” ไอ้ฮาร์ทพูดกับผมด้วยน้ำเสียงจริงจัง ผมมองหน้ามันด้วยความซึ้งใจ
“ขอบใจมากนะมึง”
“เออ ไม่เป็นไร มึงเพื่อนกูยังไงกูก็ต้องช่วยมึง แล้วก็เลิกทำหน้าเศร้าได้ละสัด เดี๋ยวกูพาไปหาผัวมึงเอง”มันปลอบผมด้วยปากหมา ๆ ของมันเสร็จ แล้วก็สตาร์ทรถผมยิ้มให้กับความห่วงใยที่มันมีให้ รู้สึกดีใจที่เด็กต่างจังหวัดที่ตัดสินใจเข้ามาเรียนในกรุงเทพฯตัวคนเดียวได้เจอกับเพื่อน กับรุ่นพี่ที่หวังดีกับผมขนาดนี้
จริง ๆ ก่อนที่จะตัดสินใจมาเรียนที่นี่ผมกลัวมากๆ เลยนะครับ กลัวว่าคนที่นี่เขาจะเข้ามาหลอกผมเหมือนที่ไอ้แม็กซ์ทำไว้แต่พอผมได้เจอพี่เนท ไอ้ฮาร์ท พี่เยี่ยม พี่โม พี่ฮัท พี่น้ำ พี่ลิน แล้วก็คนอื่นๆ รอบตัวผม ผมก็รู้ได้เลยว่าผมโชคดีมาก ๆ ที่รอบตัวผมมีแต่คนที่ดีและห่วงใยในตัวผมจริง ๆ พวกเขาทำให้ผมรู้ว่าคนที่นี่ไม่ได้เลวร้ายเหมือนไอ้แม็กซ์กันทุกคน
...............................................................
ผมลงจากรถไอ้ฮาร์ทเมื่อมันจอดลงที่หน้าคณะสถาปัตย์ฯก่อนมันจะวนกลับไปรับพี่เยี่ยมที่คณะนิเทศ ผมผ่อนลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ปรับอารมณ์ตัวเองให้กลับมาปกติมากที่สุดแล้วเดินเข้าคณะพี่เนทไป ตอนนี้พี่เนทมันยังสอบไม่เสร็จหรอกครับ แต่ผมคุ้นเคยกับคณะนี้แล้วการเข้าไปนั่งรอมันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกกระดากอะไรเท่าไร แต่พอผมเดินเข้าไป ผมก็เห็นคนๆ นั่งกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์อยู่ตรงโต๊ะแถว ๆ โต๊ะประจำที่ผมมานั่งรอพี่เนทเขาดูโดดเด่นจากคนอื่น ๆ เพราะสวมชุดไปรเวททั่วไป ดูยังไงก็รู้ว่าไม่ใช่นักศึกษาแน่นอนผมรู้สึกคุ้น ๆ หน้าคน ๆ นี้ยังไงก็ไม่รู้สิ
เหมือนเขาจะรู้ที่ผมมองอยู่เขาเลยเงยหน้าขึ้นมาสบตากับผม ใบหน้านิ่ง ๆ นั้นเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มทันทีแต่เป็นรอยยิ้มที่ผมไม่รู้สึกเลยว่าเขากำลังยิ้มออกมาจากใจ เพราะดวงตาของเขาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยสักนิดมันเป็นดวงตาที่ไร้ความรู้สึกซะจนผมเดาไม่ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่เขาลุกขึ้นเดินเข้ามาหาผม ผมมองทุกการเคลื่อนไหวนั้นด้วยแววตาไม่ไว้วางใจ
“ใช่น้องที่มากับเนทที่งานแสดงภาพวันนั้นรึเปล่าครับ?”เขาเอ่ยทักผมเสียงนุ่ม ผมขมวดคิ้วมองด้วยความงง ก่อนจะถึงบางอ้อ นี่มัน...พี่เซนต์!“ใช่ครับ” ผมตอบไปด้วยความรู้สึกที่ไม่ไว้ใจยิ่งกว่าเดิม
เป็นไปตามที่พี่น้ำเตือนพี่เนทเป๊ะ ๆว่า อย่าเพิ่งเข้ามาคณะช่วงนี้ เพราะพี่เซนต์มันคอยมาหาอยู่ตลอด
พอได้ยินที่ผมตอบไป พี่เซนต์มันก็ยิ้มอีกครั้งแต่คราวนี้แววตามันดูอันตรายยิ่งกว่าเดิมมันจ้องมาที่ผมจนผมรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม เลยเผลอก้าวถอยออกมา มันยิ้มขำให้กับท่าทางกลัวๆ ของผม
“ฮ่าๆๆไม่ต้องกลัวพี่ขนาดนั้นหรอกครับ พี่ก็มาหาเนทเหมือนกัน พอดีคิดถึงน่ะ”มันพูดด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ แต่ผมไม่รู้สึกสบายไปกับมันเลยสักนิดความโมโหที่รู้สึกเหมือนโดนปั่นหัวเริ่มก่อตัวขึ้นมา
ถึงผมจะกลัวแต่ผมก็ไม่ใช่คนที่ยอมใครซะด้วยสิยิ่งเป็นคนที่มาทำร้ายคนสำคัญของผมอีกผมยิ่งไม่ยอม
“บังเอิญจังเลยนะครับ ผมก็มาหาพี่เนทแฟนผมเหมือนกัน” ผมเน้นที่คำว่าแฟน บวกกับท่าทางของผมก็ข่มความกลัวลงไป ก่อนจะยืดตัวพูดพร้อมจ้องหน้าพี่เซนต์กลับอย่างไม่ยอมแพ้
ได้ผลครับ ใบหน้าสบาย ๆ ยิ้มระรื่นของมันหายวับแต่ก็แค่ชั่วครู่เดียว เพราะมันกลับมายิ้มมุมปาก
“แฟน...งั้นเหรอครับ?”“ใช่ครับ ผมกับพี่เนทเป็นแฟนกันผมนึกว่าพี่รู้อยู่แล้วนะครับเนี่ย” ผมยืมวิชาตอแหลศาสตร์ของไอ้ฮาร์ทมาใช้ทำหน้าใสซื่อตอบกลับไปด้วยความบริสุทธิ์ใจ“หึหึ...งั้นน้องก็คงไม่รู้ว่าเนทมันเคยเป็นแฟนพี่...ไม่สิ พี่กับเนทเราเป็นทั้งผัวทั้งเมียให้กันและกันเลยล่ะ”มันพูดด้วยน้ำเสียงที่มันคิดว่ามันเอาชนะผมได้แล้ว
มึงไม่รู้อะไรซะแล้วววว....
“เหมือนผมกับพี่เนทเลยครับ!” ผมตอบพร้อมกับยิ้มกว้างในเมื่อมันพูดออกมาอย่างหน้าไม่อาย ผมก็ไม่มีอะไรจะต้องอายมันเหมือนกัน
พี่เซนต์จ้องผมกลับมา แววตากับสีหน้าของมันเริ่มแสดงความโกรธขึ้นมาเรื่อยๆ จนผมเริ่มรู้สึกหวั่น ๆ ว่านี่กูกวนตีนมันเกินไปเปล่าวะ แต่แล้วจู่ ๆมันก็กลับไปยิ้มหน้าเป็นของมันเหมือนเดิม เชี่ย...ผมเริ่มจะกลัวแม่งแล้วนะคนอะไรสับเปลี่ยนอารมณ์ได้โคตรน่ากลัวขนาดนี้วะ
“ใช้ได้นี่ครับน้อง ชื่ออะไรล่ะ?พี่ชื่อเซนต์นะ”“พีทครับ”ผมพยายามตอบด้วยความใจดีสู้เสือ ผมจะมาหงอตอนนี้ไม่ได้นะ!
มันพยักหน้าให้ ก่อนจะเลิกจ้องหน้าผมแล้วยืดตัวก้มมองนาฬิกาตัวเอง แล้วหันมาพูดกับผมด้วยน้ำเสียงที่แฝงความท้าทาย “หวังว่าเราคงจะได้เจอกันอีกนะครับฝากบอกเนทด้วยล่ะว่าพี่คิดถึง”
มันพูดเสร็จก็เดินผ่านผมออกนอกคณะไปผมมองตามไป ความรู้สึกไม่ชอบขี้หน้าพุ่งปรี๊ดทะลุปรอท มันจงใจประกาศศัตรูกับผมชัดๆ
ได้เลยพี่เซนต์! พีทจัดให้!!
ไม่ทันที่สมองของผมจะได้วางแผนตอบโต้อะไรในขั้นตอนต่อไปผมก็หันมาเจอกับพี่เนทที่มีสีหน้าตกใจผสมกับความโกรธ สายตาของมันมองไปทางเดียวกับผมเมื่อกี้ซึ่งก็คือพี่เซนต์ที่เพิ่งเดินออกไป แววตามันเต็มไปด้วยความเกลียดชังแบบไม่คิดจะปกปิดใดๆ ทั้งสิ้น จนมันได้สตินั่นล่ะเลยรีบวิ่งเข้ามาหาผม จับเนื้อจับตัวผมพลิกไปมา เหมือนสำรวจหาร่องรอยว่าผมโดนทำร้ายอะไรหรือเปล่า?
“ไอ้เซนต์มันทำอะไรมึงรึเปล่าพีท?มึงไม่เป็นไรใช่ไหม?” พี่มันถามผมด้วยน้ำเสียงร้อนรน จนผมต้องจับบ่ามันให้ใจเย็น ๆเหลือบไปก็เห็นพี่น้ำที่เดินตามมามองผมด้วยสายตาเป็นห่วงเหมือนกัน
“ผมไม่เป็นไรพี่ แค่คุยกันนิดหน่อย”ผมตอบด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้มันวางใจได้มากที่สุด แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผลเพราะพี่เนทมันขมวดคิ้วแน่น
“คุย?”
“ก็พี่เขาเข้ามาทัก ว่าจำผมได้ แล้วก็พล่ามอะไรไม่รู้โคตรเพ้อเจ้อเรื่องอดีตของพี่กับเขาแต่ผมจัดการสวนกลับไปละ เขาเลยหงอยจนต้องถอยกลับไปนั่นล่ะ” พูดจบผมก็ยืดอกด้วยความภาคภูมิใจหวังจะให้พี่เนทมันชมว่าผมเก่งมาก
แต่เปล่าเลยครับ เส้นควบคุมอารมณ์ของพี่มันขาดผึงมันทำท่าจะวิ่งตามพี่เซนต์ไป จนผมต้องรีบคว้าแขนมันไว้ จะเรียกว่าคว้าก็ไม่ถูกเพราะผมกอดแขนมันไว้แน่น พร้อมกับพี่น้ำที่เข้ามาดึงแขนพี่เนทมันด้วยอีกแรง
“ปล่อยกูพีท กูจะไปจัดการมันที่เสือกมายุ่งกับมึง!”
“ไม่เอาพี่ อยู่กับผมก่อน” ผมเอาน้ำเย็นเข้าลูบซึ่งได้ผลกับพี่เนทเสมอ มันสงบลงแล้วหันมาหาผม ผมยิ้มกลับไปให้พี่เนทที่มองผมด้วยสายตาที่ยังแสดงความโกรธอยู่แต่ในแววตานั้นก็มีความห่วงใยผมที่ผมสัมผัสได้ชัดเจน “แค่นี้ไม่ต้องถึงมือพี่หรอกผมจัดการได้สบายมาก ยังไงผมก็อยู่ข้างพี่เสมอนะ”
มันจ้องตาผม ผมก็มองกลับไปแสดงความมั่นใจให้มันเห็นมันหลับตาลงสงบสติอารมณ์ แล้วถอนหายใจออกมา ก่อนจะพยักหน้าให้ผมเปลี่ยนมาจับมือใหญ่ ๆ ของพี่มันแล้วเอามาวางบนหัว พร้อมกับเอาหัวไถมือเป็นเชิงอ้อนให้มันลูบหัวผมจนมันหลุดยิ้มแล้วลูบหัวผมด้วยความเอ็นดู
“ถ้ามันทำอะไรมึงมึงต้องรีบบอกกูเลยนะ กูเป็นห่วงมึงนะรู้ไหม” พี่เนทมันพูดพร้อมกับมองเข้ามาในดวงตาผมแววตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วงอย่างชัดเจน“ได้เลยครับ” ผมตอบรับไปอย่างเต็มใจ
“หวานเว้ยยยกูไม่ได้อยู่ตรงนี้เลยม้างงง กูเป็นอากาศไปแล้วม้างงงง” เสียงพี่น้ำโวยขึ้นมาดึงผมกับพี่เนทออกมาจากโลกของเราสองคน
ผมกับพี่เนทที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังมีพี่น้ำอยู่แถวนี้ด้วยก็สะดุ้งจนพี่เนทดึงมือกลับไป แล้วผมถอยห่างออกมา หน้าผมนี่หน้าร้อนไปหมดด้วยความเขินที่เผลอสวีทกับพี่เนทไปต่อหน้าคนอื่นพอเงยหน้าไปหาพี่เนทก็เห็นพี่มันหน้าแดงอยู่เหมือนกันแต่ก็หันไปโวยวายใส่พี่น้ำกลบเกลื่อน ผมยิ้มขำให้กับท่าทางนั้น แล้วหลุดหัวเราะอย่างมีความสุข
ตอนนั้นผมก็คิดแหละว่าแค่พี่เซนต์เองมันจะสักแค่ไหนกันเชียวแต่หลังจากนั้นผมก็ได้รู้ว่า...ผมคิดผิด
...................................................................
= ฮัทเล่า = ผมทิ้งตัวลงบนเตียงของตัวเองอย่างเหนื่อยล้าทั้งกาย และใจเลยล่ะครับ วันนี้เป็นวันสอบมิดเทอมวันสุดท้ายของผม ความเหนื่อยที่ทุ่มตัวอ่านหนังสือมาตลอดก็สิ้นสุดลงแล้วแต่ที่ใจน่ะสิครับ มันเหมือนจะไม่ดีขึ้นง่าย ๆ เลยแฮะ
ผมยังจำวันแรกที่เห็นไอ้ตัวเล็กนั่นได้อยู่เลยครับท่าทางซื่อ ๆ ใส ๆ กับความเป็นมิตรที่ทำให้มันเจิดจ้ายิ่งกว่าใครในหมู่เด็กปีหนึ่งตอนแรกผมก็แค่อยากจะเต๊าะน้องมันเล่น ๆ ตามประสาคนแบบผม แต่ผ่านไปเรื่อย ๆความน่ารักของน้องมันก็ค่อย ๆ เข้ามาครอบครองพื้นที่ในใจผมเรื่อย ๆ จนวันเลี้ยงสายรหัสนั่นผมตัดสินใจทำเรื่องที่ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ผมก็คงจะไม่ทำ
ในตอนนั้นผมหวังแค่ว่า อย่างน้อยก็ขอแค่ให้น้องมันได้ใกล้ชิดกับผมจะเป็นในฐานะไหนก็ได้ ผมไม่สนใจเลย
แต่ก็นั่นล่ะครับ อย่างที่ทุกคนเห็นกันไปว่าจริง ๆ แล้วในหัวใจของพีทมันไม่เคยมีผมอยู่เลยสักนิดเดียวมันมีคนอื่นอยู่ในใจอยู่แล้ว โดยที่มันไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำแต่ผมก็ดีใจนะที่ในที่สุดน้องมันก็ได้รู้ใจตัวเองสักทีผมคงทำอะไรไม่ได้นอกจากจะต้องยอมรับ และโทษตัวเองที่ไม่คิดจะจริงจังให้เร็วกว่านี้
เสียงโทรศัพท์เรียกสติผมให้กลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริงอีกครั้งผมหยิบขึ้นมาอย่างหมดอาลัยตายอยาก กดรับโดยที่ไม่ได้มองหน้าจอด้วยซ้ำ เสียงปลายสายดังมาเป็นเสียงแหลมๆ จนผมต้องนิ่วหน้า เสียงแบบนี้มีคนเดียวเท่านั้นล่ะครับ
“เฮียยยยย สอบเสร็จรึยางงงง”เสียงแหลม ๆ ของน้องสาวตัวน้อยของผมดังมา“เสร็จแล้ววว โฮปมีอะรายยยย” ผมตอบเสียงยานๆ กวนน้องมันกลับไป“เฮียอย่ามาล้อโฮปนะ!”เสียงของยัยตัวแสบทำเป็นดุใส่ผม ทำเอาผมหลุดขำออกมาก่อนที่น้องมันจะพูดต่อ “ม๊าชวนมากินข้าวที่บ้านอ่ะ มามั้ยๆ”
พอได้ยินเสียงอ้อนแบบนี้ผมจะปฏิเสธลงได้ยังไงล่ะ“ได้ดิ เดี๋ยวเย็น ๆ เฮียเข้าไปนะ”
เสียงเย้ดังมาจากน้องสาวผมเราคุยกันต่ออีกนิดหน่อยแล้วก็วางสายกันไป บางทีการได้เปลี่ยนบรรยากาศไปใช้เวลาอยู่กับครอบครัวบ้างก็น่าจะดีผมเลยมองเวลาว่ายังเหลืออยู่อีกหลายชั่วโมง เลยตัดสินใจลุกขึ้นเปลี่ยนชุดไปฟิตเนสที่คอนโดสักหน่อยแล้วค่อยเข้าไปที่บ้านช่วงเย็น ๆ
................................................................
ผมขับรถมาจอดอยู่หน้าบ้านหลังใหญ่ที่ผมไม่ได้กลับมาบ่อยหรอกครับรอสักแปปหนึ่งเด็กรับใช้ในบ้านก็มาเปิดประตูให้ ผมก็ขับกลับเข้าไปจอด มันเป็นบ้านที่ผมอยู่มาตั้งแต่เด็กครับแต่ผมไม่ค่อยอยากจะอยู่เท่าไรหรอก เพราะนอกจากม๊า กับโฮปแล้วมันก็ไม่ได้มีความทรงจำดี ๆ อะไรเหลือให้ผมเท่าไร พูดมาขนาดนี้คงจะเดาได้สินะครับว่าครอบครัวผมมันไม่ได้อบอุ่น หรือสดใส เหมือนที่บุคลิกผมแสดงออกมาให้เห็นหรอก
ไม่ทันที่ผมจะลงจากรถเรียบร้อย เสียงแหลมๆ ของยัยตัวแสบก็ดังมา พร้อมกับเด็กผู้หญิงตัวสูงไม่พ้นอกผมที่วิ่งเข้ามากอดเอวผมเข้าเต็มรักทำเอาผมต้องถอยเท้าไปก้าวหนึ่งเพื่อตั้งหลัก
“คิดถึงเฮียจังเลยยยย”
ผมหัวเราะแล้วจัดการอุ้มยัยเด็กตัวเบาหวิวนี่ขึ้นมา“กินข้าวบ้างป่ะเนี่ย ทำไมตัวเท่าคราวที่แล้วที่เจอกันเลยอ่ะ”โฮปทำแก้มป่องใส่ผมอย่างงอน ๆแล้วตอบกลับมา “ใครจะบวมเอาบวมเอาเหมือนเฮียอ่ะ”“บวมตรงไหน?เขาเรียกว่ากล้ามเนื้อต่างหาก” ผมว่าพลางก็จัดการเบ่งกล้ามให้น้องมันดู มันจิ๊ปากอย่างขัดใจ
“มาแล้วเหรอลูก” เสียงใจดีของผู้หญิงที่ผมรักที่สุดดังขึ้นพร้อมกับใบหน้ายิ้มแย้มที่แววตาแฝงด้วยความเศร้าอยู่เสมอมองมาที่ผมผมจัดการวางโฮปลงแล้วเข้าไปกอดแม่ทันที“คิดถึงคุณนายจังเลยยย”“แหม...ตัวใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกใช่ไหมเนี่ย”แม่แซวผม แต่ถึงผมจะตัวใหญ่กว่าเดิมขนาดไหนผมก็ยังอ้อนแม่เหมือนตอนอายุ 3 ขวบอยู่ดีนั่นแหละ
ก่อนที่แม่จะผละตัวผมออก แล้วสีหน้ายิ้มแย้มเมื่อกี้ก็เปลี่ยนไปกลายเป็นความลำบากใจผมขมวดคิ้วแล้วหันไปมองยัยโฮปที่เข้าไปเกาะแขนแม่ สายตาน้องดูเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัดผมว่ามันมีอะไรไม่ปกติล่ะ
“มีอะไรเหรอครับแม่”
แม่เงยหน้าขึ้นมามองผมแล้วพูดเสียงไม่ค่อยมั่นใจ เหมือนกับกลัวว่าผมจะรู้สึกแย่ “วันนี้พ่อเขาจะมากินข้าวที่บ้านเราด้วยนะเขาจะพาน้องเรามาด้วย”
ถ้าคุณคิดว่าชีวิตของผมช่วงนี้มันแย่แล้วมันยังแย่ได้ยิ่งกว่านั้นอีกครับ
อย่างที่บอกล่ะครับว่าครอบครัวของผมมันไม่ได้อบอุ่นหรือสดใสเหมือนบุคลิกที่ผมแสดงออกตอนอยู่กับเพื่อนๆ เพราะจริง ๆ แล้ว พ่อกับแม่ผมเขาแยกทางกันครับ พ่อเขามีครอบครัวใหม่ และเราเพิ่งจะมารู้กันตอนยัยโฮปเกิดขึ้นมาแล้วแถมในอีกครอบครัวนั้น พ่อยังมีลูกชายอีกคน เขาอายุน้อยกว่าผมแค่ปีเดียวเองครับตั้งแต่เด็กผมเลยต้องพยายามทำตัวเป็นพี่ที่เข้มแข็ง ให้กับแม่และน้องสาว ต้องพยายามร่าเริงเพื่อที่จะเป็นความสบายใจให้พวกเขา
สำหรับผมแล้ว ความสุขของพวกเขาคือสิ่งที่สำคัญที่สุด
พอได้รู้ว่ามื้อเย็นวันนี้ผมจะต้องเจอกับอะไรมันก็อดจะรู้สึกแย่ไม่ได้หรอกครับ แต่เพื่อแม่และโฮป แค่นี้ผมทนได้อยู่แล้วผมเลยตัดสินใจยิ้มออกมาเพื่อให้แม่สบายใจ “ครับผม ถ้าแม่กับโฮปโอเค ฮัทก็โอเคครับ”
แม่มีสีหน้าโล่งอกขึ้นมานิดหน่อยส่วนยัยโฮปก็เข้ามากอดแขนผมอย่างดีใจ แต่โลกก็ไม่ปล่อยให้เราดีใจได้นานครับ เพราะตอนนั้นเองเสียงประตูรั้วถูกเลื่อนเปิดก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงรถยนต์ที่ดังตามมา ผมถอนหายใจออกมานิดหน่อย แต่ก็เดินพายัยโฮปออกไปหน้าบ้านถึงผมจะเจ็บปวดกับการกระทำของพ่อ แต่สำหรับผมเขาก็ยังเป็นพ่อของผมอยู่ดี
ผู้ชายวัยกลางคนในชุดสูทภูมิฐานลงมาจากรถที่มีคนขับมาให้ใบหน้าใจดีในกรอบแว่นนั้นยิ้มออกมา พร้อมกับอ้าแขนกว้าง ยัยตัวเล็กข้างตัวผมเห็นแบบนั้นก็รีบวิ่งเข้าไปกอดชายวัยกลางคนตรงหน้าทันทีแต่อย่างที่แม่บอกครับว่าคราวนี้พ่อเขาไม่ได้มาคนเดียว ประตูรถอีกข้างหนึ่งเปิดออกพร้อมกับเด็กรุ่นใกล้ๆ ผมที่เดินลงมา น้องเขาเดินมายืนข้าง ๆ พ่อของผม ผมเปลี่ยนจากสีหน้ายิ้มแย้มเป็นขมวดคิ้วทันที
“แม็กซ์ นั่นพี่ฮัท หวัดดีพี่เขาสิ”พ่อหันไปพูดกับเด็กคนนั้น มันหันไปมองหน้าพ่อผมแล้วหันกลับมามองผม มันเองก็ขมวดคิ้วแล้วมีสีหน้าไม่พอใจที่แสดงออกมาให้เห็นชัดแต่ก็ยอมยกมือไหว้ผม ผมรับไหว้ไปตามมารยาท
ครับ... ไอ้เด็กหน้าใส ๆหล่อสไตล์พิมพ์นิยม รูปร่างที่จัดว่าเกือบจะสมบูรณ์แบบ มันคือ แม็กซ์คนเดียวกับที่มาหาพีทวันนี้ที่คณะ จนผมต้องเข้าไปช่วยไอ้ตัวเล็กที่อยู่ในอาการไม่สู้ดีทำท่าจะร้องไห้จนผมใจหล่นวูบ ทำเอาผมพอจะเดาได้ว่ามันต้องมีอดีตอะไรกับพีทแน่ ๆ
ผมอาจจะเป็นมิตรกับทุกคนแต่ถ้าคนนั้นมันทำให้คนที่สำคัญสำหรับผมต้องเสียน้ำตาผมไม่มีทางถูกชะตากับมันแน่นอน.
.
.
.
.
.
.................................................................................
อย่างที่บอกไปล่ะครับว่า 17 ตอนที่ผ่านมามันแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้นเองหลังจากนี้จะเข้มข้นยิ่งกว่าเดิมมาก แล้วก็จะมีการสลับไปเล่าเรื่องในมุมของคนอื่น ๆ ที่ไม่ใช่ไอ้พีทกับพี่เนทมากขึ้นด้วยรับประกันความเผ็ชได้เลย
.
.
.
ปล.ช่วงนี้ผมอาจจะมาอัปเดตช้าหน่อยนะครับ พอดีสุขภาพเริ่มกลับมาย่ำแย่อีกแล้ว 5555ฝากเอ็นดูดูเอ็นไอ้พวกนี้มันด้วยนะครับ ขอบคุณค้าบบบ
ขอบคุณ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ. อยากรู้เลย พีทจะรับมือกับพี่เซนต์ยังไง รอๆ ฮัทคุงเริ่มเลอจับเย็ดเลยยเดะรอปล่อยคลิป มาต่ออีกเร็วๆนะครับ ขอบคุณมากนะครับ
ขอบคุณครับ รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อย่ามัวแต่ดูเอ็นเยอะเกินไป 555555555 ขอบคุณครับ เซนต์จะมาไม้ไหนเนี่ยยย
ปล.รักษาสุขภาพด้วยนะครับ อยากให้ฮัทมีคู่จังครับ ดูเป็นตัวละครที่น่าสงสารมาก(ไม่นับFWBกับพีท) รุกonlyพี่ฮัทห้ามเป็นรับเด็ดขาด TTTTT ตัวร้ายกลับมาอีกแล้ววววแต่ใดๆคือสงสารพี่ฮัท ลองเพิ่มตัวละครที่เป็นสาวสองแบบเนียนนีเป็นตัวหลักดูบ้างไหมครับคือตั้งแต่อ่านนิยายเกย์มายังไม่เคยเจอตัวละครสาวสองเลยมีก็เป็นแค่ตัวประกอบที่ชอบทำตัวแปลกๆไม่เหมือนชาวบ้านชาวช่อง ขอบคุณค้าบบบ รอๆๆๆ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ แก๊งแฟนเก่านี่มันไม่มีคนเอาแล้วเหรอ ถึงได้วนเวียนเป็นสัมภเวสีอย่างนี้ โลกมันกลมนะครับ วนเวียนพาอดีตมาปัจจุบัน รอดูว่าจะวุ่นวายขนาดไหนครับ