ลูกเสือ เขาไม่จับมือขวา ยื่นซ้ายมาจับ... (1)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Glazia เมื่อ 2022-8-19 23:27ลูกเสือ เขาไม่จับมือขวา ยื่นซ้ายมาจับ...(1)
เหตุการณ์ ย้อนกลับไปสมัย ม.3
ช่วงวัย ม.3 อายุ 14-15 ปี เป็นวันคึกคะนองทั้งอารมณ์ วุฒิภาวะ การตัดสินใจที่ส่งผลถึง “ความอยากรู้อยากลอง”ประกอบกับเป็นวัยที่เพื่อนเป็นบุคคลที่สำคัญ มีอิทธิพบต่อแนวทางการดำเนินชีวิต
แน่นอนว่ารวมถึง “อารมณ์ทางเพศ” ย้อนไปสมัยนั้น ผมมีเพื่อนคนหนึ่งไม่สนิทมาก แต่ก็รู้จักอยู่เพราะเรารู้เรียนห้องเดียวกันสมัย ป.5-6 พอสมัยมัธยมเรามาเรียนต่อที่โรงเรียนเดียว แต่อยู่คนละห้อง เลยห่างเหินกันไป แต่จะทักทายกันบ้างเวลาเจอหน้ากัน มันชื่อ “ท็อป” เป็นลูกคนจีน ตาชั้นเดียวแต่ตาโต และผิวไม่ขาว แต่ผิวสีแทนจากแดด เพราะมันชอบเล่นเตะบอลหลังเลิกเรียน มันสูงกว่าผมนิดหน่อย ประมาณ 176-177 ซม. ได้
ไอ้ท็อป มันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากเพื่อนร่วมรุ่น เพราะต่างคนต่างห้องเรียนทำให้เราจะสนิทกับเพื่อนร่วมห้องกันเป็นปกติ แต่จะมีคาบวิชา “ลูกเสือ” ที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวทั้งหมดที่จะเล่าให้ทุกคนได้ฟัง
สำหรับโรงเรียนของผม วิชาลูกเสือก็จะเป็นวิชาบังคับให้นักเรียนเพศชาย เรียนตั้งแต่ ม.1 ถึง ม.3 เวลาถึงคาบเรียนก็จะให้รวมตัวแยกกันเรียนจากยุวกาชาด เนตรนารี ผู้บำเพ็ญประโยชน์ ทำให้การรวมหมู่ของลูกเสือของโรงเรียน จะยุบสองห้องจับคู่เข้าด้วยกัน และแน่นอนว่าห้องของผมและไอ้ท็อปได้อยู่หมู่เดียวกัน
แต่เรื่องของเรื่องมันเริ่มเกิดขึ้นในช่วงปลายเทอม 2 ของชั้น ม.2 ที่โรงเรียนจะพาไปเข้าค่าย โดยค่ายนี้จะมีเฉพาะนักเรียนที่เรียนวิชาลูกเสือและเนตรนารี
ปีนั้นทางโรงเรียนของผมพาไปเข้าค่ายพักแรมที่ลานสนามฟุตบอลโรงเรียนประจำอำเภอแห่งหนึ่งที่มีเขื่อนขนาดใหญ่ และทำกิจกรรมเดินทางไกลขึ้นเขา และเดินลัดเลาะกลับที่พักตามถนนรอบๆ เขื่อน
เป็นค่ายพักแรมที่ทำให้ชีวิตวัยรุ่น ม.ต้น ของผมสนุกและเสียวไปพร้อมๆ กัน รวมทั้งเปิดโลกที่ผมไม่เคยรู้จักมาก่อนด้วย
เมื่อถึงที่พักแรมในช่วงเช้าก็มีพิธีเปิด คุณครูชี้แจง กฎระเบียบ นัดหมายเวลา จากนั้นก็สั่งให้ทุกคนแยกย้ายจับจองพื้นที่ในสนามฟุตบอลเพื่อกางเต็นท์ โดยแยกฝั่งนักเรียน คุณครูชายและหญิง
ผมเองก็อาศัยนอนเต็นท์ของเพื่อนห้องเดียวกันที่หอบมา หลังใหญ่พอสมควรนอนได้ 4 คนแบบไม่เบียดกัน และพอจะมีที่ว่างวางสำภาระและให้เพื่อนมานอนด้วยกันได้อีกหนึ่งที่เหลือๆ โดยโซนรอบๆ เต็นท์ผมก็จะเป็นเพื่อนห้องเดียวกัน และเพื่อนที่อยู่หมู่ลูกเสือด้วยกัน รวมทั้ง “ไอ้ท็อป” ที่นอนกับเพื่อนๆ ห้องของมัน
จากนั้นช่วงสายๆ ก็นัดรวมพล แล้วแยกย้ายกันเป็นหมู่เข้าฐานกิจกรรมต่างๆ ทั้งเปื้อนน้ำเปื้อนโคลน เละเทะกันทั้งเสื้อกางเกง รองเท้า สภาพดูไม่ได้เลย
จนมาถึงฐานหนึ่งที่ทุกคนต้องลอดแนวรั้วหนามที่สร้างขึ้นให้สูงแค่ขนาดตัวคน ให้ได้ใช้ลำตัวถูไถไปกับดินโคลนจากจัดเริ่มต้นไปยังเส้นชัย หลังจากคุณครูอธิบายเสร็จ ทุกคนก็เข้าเป็นสองแถวต่อกันเพื่อลอดผ่านฐานนี้ ด้วยความบังเอิญที่ว่าผมต่อแถวเดียวกันกับไอ้ท็อป แล้วยังเป็นคิวถัดจากมันอีกด้วย
ระหว่างนั้นทุกคนก็เล่นและพยายามตะเกียกตะกายเอาตัวลอดผ่านกันอย่างสนุกสนาน แต่ก็จะมีบางคนที่ขนาดตัวใหญ่หน่อย ทำให้เสื้อไปเกี่ยวกับลวดหนามบ้าง จนทำให้การจราจรบนดินโคลนติดขัด เดือดร้อนครูที่ต้องมาช่วยแกะออกให้ สภาพเสื้อก็ขาดไปตามสภาพ แต่ครูก็เน้นบอกให้ใส่เสื้อใส่แล้วทิ้งได้เลยเข้าร่วมกิจกรรมฐานของวันนี้
ซึ่งเหตุการณ์จราจรติดขัดนี้ก็เกิดขึ้นตอนที่ผมกำลังแนบหน้าอยู่กับโคลนนี้แหล่ะครับ แค่นั้นยังไม่พอ คุณครูยังสร้างสถานการณ์ไม่ให้หัวแถวลุกออกมาจากปลายทางเข้าสู่เส้นชัยได้ง่ายๆ แถมยังสร้างเงื่อนไขให้ลูกเสือในหมู่ครึ่งหนึ่งเข้าไปอยู่ใต้เขตรั้วลวดหนามให้ได้ก่อน หัวแถวถึงจะได้เริ่มลุกทะยอยออกมา
สภาพรั้วมันก็ยาวและกว้างประมาณเกือบสองคนคลานขนานพร้อมกันได้อยู่ครับ แต่จำนวนครึ่งหนึ่งของคนในหมู่ที่จะยัดมาอยู่ด้วยกัน อันนี้แหล่ะครับที่ยาก
จนทำให้คนที่อยู่หัวและกลางๆ ของแถว ซึ่งมีผมอยู่ด้วย ต้องขยับเบียดๆ กัน เพื่อให้มีพื้นที่สำหรับเพื่อนที่จะมุดลอดเข้ามาเพิ่ม ท่ามกลางเสียงโวกเวกและเสียงหัวเราะของความสนุกสนานนั้น
ผมก็หันไปมองเพื่อนคนอื่นๆ และเพื่อนอีกแถวหนึ่ง ด้วยความสนุก ความตลก แต่แล้วต้องมาสตั้นท์ตกใจเมื่อหันตะแคงข้างมองฝั่งขวาของตัวเอง แล้วพบกับช่วงกลางลำตัวของไอ้ท็อปที่อยู่บริเวณใบหน้าของผมพอดี ที่แทบจะชนกับใบหน้าของผมอยู่แล้ว
แต่ว่า...เชี่ยยย ทำไมกางเกงมันเป็นแนวพาดชัดเจนอะไรแบบนั้น แม้จะมีโคลนที่เปรอะเปื้อนตามกางเกงวอร์มพละสีดำของมันก็ตาม ผมเลยได้แต่คิดในใจว่า “เชี่ยเอ้ย! กลางวันนะมึง แถมยังอยู่ระหว่างฐานที่ทุกคนกำลังสนุกสนาน”
“ปรี๊ดดด...หัวแถวออกมาได้”
เสียงนกหวีดของคุณครูปลุกผมของจากภวังค์ แต่ได้แค่ชั่วครู่ เพราะพอทุกคนเริ่มขยับไถตัวเองไปข้างหน้าต่อ ไอ้ท็อปเองก็เช่นกัน แต่การเคลื่อนไหวของมันดันทำให้ “อะไรที่เกือบชน กลับชนเข้าที่หน้าผมเต็มๆ” แล้วยังเป็นการชนที่มีแรงเบียดเสียดผ่านออกไปทางศีรษะ
“เจริญแล้วหัวผม อยู่ๆ ก็ได้ของดีมาเจิมหัวซะงั้น” ผมได้แต่บ่นภายในใจ
แล้วก็ลอดคลานตามมันออกไปจนถึงเขตสิ้นสุดลวดหนาม ซึ่งพอเงยหน้าขึ้นไปกำลังจะใช้ฝ่ามือดันตัวเองให้ลุกขึ้น กลับเจอมือขวาของมันยื่นออกมาข้างหน้า
“มา...ส่งมือมาสิ เดี๋ยวกูช่วย” ไอ้ท็อปนั่นเอง
“ไม่! ลูกเสือเขาไม่ให้จับมือขวา” ผมตอบพลางบ่นๆ กวนๆ มันออกไป
“งั้น ถ้าไม่อยากจับมือขวา...”
พอมันพูดจบ จู่ๆ ก็ก้มลงมาพูดกระซิบเบาๆ ให้ได้ยินกันแค่สองคนว่า
“งั้นอยากจับอย่างอื่นไหมล่ะ ดมอย่างเดียวอาจไม่พอ”
ไอ้เชี่ยยยย ผมได้แต่อุทานในใจ พร้อมเบิกตาตกใจกับคำพูดสองแง่สองง่ามของมัน พร้อมได้แต่จ้องมอฝแผ่นหลังของมันที่หันหลังเดินไปสมทบกับเพื่อนร่วมห้องของมัน ที่ยืนหลบแดดหลบที่ใต้ต้นไม้กัน
ป.ล.ฝากคอมเม้นท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะ หรือมีคำผิดตรงไหนแจ้งได้เลย ถ้ามีคนรอคนติดตามอ่านเยอะๆ จะรีบหาเวลาว่างมาลงตอนต่อไปให้ได้อ่านกัน
ขอบคุณครับ รอติดตามครับ ขอบคุณครับ รออ่านต่อนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ. เริ่มเรื่องสนุกน่าติตดามดีครับ สนุกมากครับ รอเลยๆ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ เล่าได้สนุกมากๆ รีบมาต่อนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ติดตามต่อ ขอบคุนคับ