รักพ่อดินที่สุดในโลกเลย ♥ [5]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-8-20 22:56เท่าที่จำได้ช่วงนั้นคืออีกช่วงหนึ่งที่เรารู้สึกว่าวันเวลาผ่านไปช้าและในแต่ละวันเราผ่านไปได้ยากมาก
แค่คิดถึงตอนที่ต้องไปเอากับข้าวกับป้าปูเรารู้สึกกล้ำกลืนจนบอกไม่ถูก เราแทบจะไม่กล้ามองหน้าป้าเขาเลย...
ตอนที่เราโดนดุนั้น พูดตามตรงว่าเราก็ไม่กล้าโยนความผิดไปให้สองซะทีเดียวคือใจหนึ่งก็สงสารเพื่อน
เพราะลำพังแค่นี้พ่อกับแม่มันก็แทบจะไม่ให้มาเล่นกับพวกเราแล้วถ้าเกิดรู้ว่าเรื่องนี้สองเป็นตัวต้นเรื่อง
แน่นอนว่าถ้าป้าปูไปต่อว่าพ่อแม่ของสองคงจะไม่ยอมหรอก เขาก็ต้องปกป้องลูกเขา
สุดท้ายคนที่ซวยก็คือสองคงไม่มีโอกาสได้มาเล่นกับพวกเราอีกแน่ๆ
ในใจก็นึกโกรธสองนะที่ทำให้เราโดนป้าปูดุ แต่อีกใจก็อยากปกป้องเพื่อนเพราะเราจำแววตานั้นได้
แววตาที่สองนั่งดูมันไม่ได้มีความลามกหรืออะไรมันเหมือนมีแต่ความอยากรู้ไปหมด ซึ่งมันคล้ายกับตัวเราในตอนนั้นเลย...
แต่ด้วยความเป็นเด็ก เราไม่รู้จะสรรหาคำพูดมาอธิบายยังไงให้ป้าปูเข้าใจก็เลยได้แต่นิ่งเงียบให้ป้าเขาดุดีกว่า
บางทีถ้าเป็นพ่อดิน เราอาจจะคุยกันรู้เรื่องก็ได้เราคิดว่าพ่อดินเขาคงรับฟังที่เราพูดทุกอย่าง
เหมือนพ่อเขากลายเป็นที่พึ่งทางใจของเราไปแล้ว คิดถึงน้ำเสียงของพ่อเขาเวลาที่เราคุยกัน
คิดถึงเวลาที่เรานอนกอดกัน เป็นสิ่งที่ทำให้เรารู้สึกอบอุ่นและรู้สึกดีมากที่สุดแล้ว...
พอไปถึงโรงเรียนเราก็แทบจะไม่มีอารมณ์ทำอะไร มันรู้สึกเหงาๆ แทบจะนับวันรอได้เลย
อีกอย่างวันที่พ่อเขาบอกไว้มันก็ไม่แน่ชัดอาจจะไวกว่านั้นหรืออาจจะช้ากว่านั้นก็ได้...
แถมการเล่นกับเพื่อนๆ ก็ไม่รู้สึกสนุกเหมือนทุกที ทำให้เราแยกตัวออกมาความรู้สึกมันเหงาและอ้างว้างในใจแปลกๆ
ถึงก่อนหน้านี้เราจะเคยอยู่คนเดียวตอนที่พ่อกับแม่ไปทำงาน แต่มันก็ไม่ได้รู้สึกว้าเหว่และเฝ้าคอยขนาดนี้แต่นี่เราแทบคิดถึงพ่อดินเขาทุกนาทีเลย
เราได้แต่ไปนั่งเล่นตรงม้าหินใต้ต้นไม้ที่หันหน้าไปทางถนนที่ติดกับถนนใหญ่
ในใจก็หวังลึกๆ ว่าบางทีนั่งมองแบบนี้อาจจะได้เห็นพ่อดินตอนกลับมา...คิดถึงพ่อดินจังอยากจะเจอแล้ว
“ทำไมหลบมานั่งคนเดียวอ่ะมิน...ยังไม่หายโกรธเราหรอ?”สองทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ แล้วถามขึ้น
“ป่าว...” เราตอบกลับไปสั้นๆเพราะไม่รู้จะพูดอะไร อันที่จริงก็ยังมีความรู้สึกโกรธบ้างเหมือนกันแต่มันก็ไม่เกี่ยวกับสองทั้งหมดหรอก
พอเรารู้สึกเหงาเพราะคิดถึงพ่อดินมันก็เลยรู้สึกอะไรรอบตัวดูเซ็งๆ ไปหมด...
“ดีกันนะ...เราขอโทษ...หรือจะให้เราไปบอกป้าเขาว่าเราเป็นคนเปิด...” สองพูดขึ้นเหมือนจะพยายามมองหน้าแล้วสบตากับเรา
“เฮ้อ ไม่ต้องหรอกถ้าทำแบบนั้นแล้วป้าปูเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อกับแม่สองจะเป็นยังไง...”
พอเราตอบกลับไปสองก็ก้มหน้ามองพื้นแล้วนิ่งเงียบไป ไม่ได้ตอบอะไร
“เราถามอะไรหน่อยสิ แล้วทำไมถึงเอาหนังโป๊มาเปิดให้เราดูด้วยละ”เราหันกลับไปถาม เพราะนี่ก็เป็นอีกหนึ่งที่เรายังคาใจ
และไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรสองถึงเอาหนังโป๊มาเปิดให้เราดู
“ก็...เราเห็นว่ามินน่าจะไม่บอกใคร แล้วคิดว่าถ้าเปิดให้ดูมินอาจจะรู้ก็ได้ว่าผู้ใหญ่เขาดูหนังโป๊ทำไมเพราะเห็นว่ามินเหมือนดูฉลาดดี...”
เราหน้าเหวอรู้สึกอึ้งกับเพื่อนคนนี้เหมือนกัน ไม่รู้ว่าในตอนนั้นสองมันมองว่าเราเป็นยังไง
แต่เราเองก็เป็นเด็กเหมือนกันกับเขาถึงเราจะหัวไวแต่มันก็ไม่ได้หมายความว่าเรารู้เรื่องอะไรมากกว่าคนอื่นสักหน่อย!
“เอ่อ...เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้ใหญ่เขาดูหนังโป๊กันทำไม? แล้วสองไปเอาหนังโป๊ของพี่มาแล้วทำไมสองไม่ถามพี่ดูละ...”
“เฮ้ย! เราก็โดนพี่เตะเอาดิ!! เขาก็รู้สิว่าเราแอบดูเขา...”
เออเนอะ ลืมไปเลย
“ช่างมันเถอะสอง แต่ต่อไปไม่ต้องเอามาเปิดให้เราดูแล้วนะ…”
“อือ ได้ๆ สรุปมินไม่ได้โกรธเราแล้วใช่ป่ะ”
เราพยักหน้าตอบกลับไป สองเอามือมาแตะบ่าเราเบาๆเหมือนเป็นการขอบใจและปลอบใจเรา ก่อนจะวิ่งกลับไปเล่นกับเพื่อนคนอื่นๆ
---------
ในตอนบ่ายเราเข้าเรียนด้วยความรู้สึกเบื่อ พอยิ่งนึกถึงตอนเย็นทีไรก็รู้สึกหดหู่ทุกที...
“มินๆ พี่ยักษ์กลับมาแล้วนิ เมื่อกี้ตอนข้ากลับจากห้องน้ำ เห็นพี่ยักษ์เดินผ่านหน้าโรงเรียนเราด้วย” ต้องรีบวิ่งมาสะกิดด้วยสีหน้าตาตื่น
“หืออออ จริงหรอ?!” เราหันกลับไปถามด้วยสีหน้าเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง
“จริงดิ ลองวิ่งไปดู” พอต้องตอบมาแบบนั้นเรารีบขออนุญาตครูไปเข้าห้องน้ำบ้าง
ที่จริงจะวิ่งไปดูทางหน้าโรงเรียนแหละว่าพ่อดินเขากลับมาแล้วจริงหรือเปล่า...
แต่พอเราวิ่งออกไปบนถนนนั้นว่างเปล่า ไม่เจอใครเลยเราแอบวิ่งไปจนถึงหลังโรงเรียนเพื่อหวังว่าพอมองไปบนถนนจนสุดทาง
เผื่อจะได้เห็นหลังของพ่อเขาเดินอยู่บนถนนที่ไกลๆ บ้าง...
ความรู้สึกมันแบบก็ไม่อยากจะเชื่อไอ้ต้องหรอก แต่ก็อดที่จะหวังไม่ได้ว่าพ่อเขาจะกลับมาจริงๆ
ไอ้ต้องนะไอ้ต้องทำไมต้องมาแกล้งกันด้วย!!
---------
พอถึงเวลาเลิกเรียนเราเดินกลับบ้านแบบไม่สนใจใครทั้งนั้นพูดตามตรงก็คือพาลนั่นแหละ
เราโกรธต้องมากที่มาโกหกเราเรื่องที่พ่อดินกลับมาแล้วมันก็เลยพาลทำให้เราไม่อยากคุยกับใครอีกเลย
จนกระทั่งพอเดินออกมาแล้วมองไปที่หน้าประตูโรงเรียนสายตาเราปะทะเข้ากับร่างร่างหนึ่ง
ร่างของผู้ชายที่เรารู้สึกคุ้นเคยเป็นอย่างดี...ก็ในแถบนี้ไม่มีใครสูงเท่าพ่อเขาอีกแล้ว!
พ่อดิน จริงๆด้วย!!
“เห็นป่ะ ข้าบอกแล้วว่าไม่ได้โกหก”ต้องรีบเดินมาสะกิดที่หลังเรา
เราทำได้แต่หันไปยิ้มอ่อนๆ ให้กับต้องที่เดินตามหลังมาเหมือนเป็นการขอโทษเรื่องเมื่อตอนบ่าย ที่ไปว่ามันโกหกแล้วรีบวิ่งไปหาพ่อเขาทันที...
“พ่อดิน สวัสดีครับ พ่อดินกลับมาตอนไหนฮะ?” เรายกมือไหว้พ่อเขาแล้วเข้าไปกอดทันที
“พ่อกลับมาถึงตั้งแต่บ่ายแล้ว เพราะคิดถึงลูกหมามันทนไม่ไหวหืมมม ทำไมตาหนูดูบวมๆ เหมือนร้องไห้?”
เราได้แต่ยิ้มแหยๆ ...ก็ร้องไห้จริงแหละ
เพราะตอนบ่ายวิ่งออกมาแล้วไม่เจอพ่อเขาอย่างที่ไอ้ต้องมันบอกนี้น้ำตาร่วงยิ่งกว่าเผาเต่าซะอีก 555555
พ่อดินอุ้มเราขึ้นพร้อมกับจับแก้มเบาๆ ก่อนจะหอมฟอดใหญ่ เราเองก็เผลอตัวหอมแก้มพ่อเขาคืนเหมือนกันคือลืมไปเลยว่าเพื่อนๆ ยืนล้อมอยู่
“โอยยยย โตแล้วยังอ้อนพี่ยักษ์เขาอยู่ได้ไม่อายเพื่อนเลยไอ้มิน” เสียงไอ้ต้องแซวขึ้นขัดจังหวะ
ทำให้เรารู้สึกเขินนิดหน่อย ก็เลยให้พ่อเขาปล่อยเราลง
หลังจากนั้นพ่อดินก็เลยพาพวกเราไปบรรดารถขายของที่อยู่หน้าโรงเรียนเรียกได้ว่าเพื่อนเรานี่อิ่มกันถ้วนหน้า
“ไอ้ตัวแสบหนูอย่ากินเยอะนะ เดี๋ยวจุก เดี๋ยวกินต่อไม่ไหว” พ่อดินลูบหัวเราเบาๆ ขณะที่เรากำลังกินไอติมอยู่
“ทำไมหรอฮะ?”
“เดี๋ยววันนี้พ่อพาไปเดินตลาดนัดในอำเภอกัน ไปมั้ยครับ?”
“ไปฮะๆ ป่ะๆ พ่อดินฮะไปกันเลย”เรารีบตอบกลับทันควัน เรื่องเที่ยวนี่ขอให้บอกเถอะ!
“อ่ะ ป่ะๆ งั้นเดี๋ยวกลับไปเก็บกระเป๋าที่บ้านแล้วเปลี่ยนเสื้อก่อนเดี๋ยวพ่อพาไป”
พอพ่อดินพูดจบก็จ่ายเงินให้เหล่าบรรดาร้านค้าๆที่พวกเพื่อนเราไปต่อแถวอยู่แล้วก็พาเรากลับไปที่บ้าน
ตอนนั่งซ้อนท้ายพ่อเขาเรานี่กอดเอวแน่นเลยแถมแอบเอาหน้าซุกหลังแล้วดมกลิ่นเสื้อของพ่อเขาด้วย คิดถึงกลิ่นนี้ที่สุดเลย!
หลังจากที่เราเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พ่อเขาก็พาเราไปแวะที่บ้านป้าปูก่อนไปถามว่าป้าปูจะเอาอะไรหรือเปล่า เหมือนทุกทีที่พ่อเขาขี่รถเข้าเมือง
ตอนเจอหน้าป้าปูเราได้แต่ก้มหน้าหลบสายตา เราแทบไม่กล้าสู้หน้าป้าเขาจริงๆนะแล้วไม่รู้ว่าป้าเขาบอกเรื่องที่เราแอบดูหนังโป๊กับพ่อดินเขารึยัง...
---------
ตลาดตอนเย็นที่อำเภอนี่ดูใหญ่กว่าตอนเช้าอีก ของขายละลานตาเต็มไปหมด ทั้งของกินของใช้รวมถึงของเล่นด้วย!
เรานี่รีบเดินจูงมือพ่อดินแล้วเดินนำหน้าเลย พอได้สัมผัสกับฝ่ามือหนาใหญ่ที่คิดถึงมาตลอดนี่มันรู้สึกดีจริงๆนะ
แต่เรารู้สึกสังเกตเห็นอย่างหนึ่ง ตัวของพ่อเขาดูเหมือนจะดูซูบลง ที่สำคัญตัวดำมากกกหน้านี่มืดมาเลย
ถึงจะห่างกันแค่สิบกว่าวันนิดๆ แต่มันก็สังเกตเห็นได้เลยถึงความแตกต่าง
สงสัยงานที่ไปทำครั้งนี้ต้องหนักมากแน่ๆเลย คงจะตากแดดแทบทั้งวัน
พอคิดแล้วก็สงสารพ่อเขาเหมือนกันทำให้เราไม่กล้าที่จะอ้อนเอาอะไร แค่อยากจูงมือพ่อเขาเดินเล่นในตลาดเฉยๆ
“หนูไม่อยากได้อะไรหรอครับ หืมมมม ไอ้ตัวแสบเดินนำหน้าอย่างเดียวเลย”
“ไม่ฮะ...” เราเงยขึ้นไปมองหน้าพ่อดินแล้วยิ้มให้มันไม่รู้สึกอยากได้อะไรจริงๆ
ก็แค่ได้เดินเล่นกับพ่อเขาแบบนี้ก็พอแล้ว แล้วยิ่งพอคิดไปถึงตอนกลับบ้านแล้วได้นอนกอดพ่อเขาไว้ทั้งคืน...เท่านี้ก็มีความสุขจะแย่แล้ว!
พ่อดินก็เลยพาเดินไปซื้อของเอากลับไปฝากป้าปูและลุงสิน ส่วนใหญ่ก็จะเป็นของกินแบบแห้งพวกหมูหยองกุนเชียง อะไรทำนองนี้
หลังจากนั้นพ่อเขาก็พาเราเดินมาจนถึงท้ายตลาด ก็ไม่ค่อยมีของอะไรขายแล้ว
พ่อดินเลยพาเราเดินไปนั่งพักแถวนั้นก่อน จะได้เช็คดูของด้วยว่าที่ป้าปูฝากซื้อครบรึยัง
ในตอนนั้นเราก็เห็นลุงคนหนึ่งนั่งขายกระปุกออมสินอยู่ที่มุมมืดๆ เป็นจุดท้ายตลาดแล้วไฟก็ส่องไปไม่ถึง...
คุณลุงเขานั่งอยู่คนเดียวสีหน้าดูเหงาๆ แววตาดูหมองมาก พอเห็นแบบนั้นก็รู้สึกสงสารเราก็เลยเดินไปดู
“อยากได้กระปุกออมสินเหรอครับไอ้หมาน้อย” พ่อดินเดินตามมาพร้อมกับลูบหัวเราไปมาเบาๆ
เราเลยเงยหน้าไปมองพ่อเขาแล้วยิ้มให้เหมือนเป็นสัญญาณว่าอยากได้
ก็ไม่ได้คิดว่าจะซื้อหรอก แต่สงสารคุณลุงเขา บวกกับนึกขึ้นได้ว่าเรายังไม่มีที่เก็บเงินด้วย
พวกเหรียญเวลาที่เหลือมาจากโรงเรียนก็เอาไปกองๆไว้บนหัวนอน
เราเลือกกระปุกออมสินที่เป็นตัวลูกหมาหูตกสีน้ำตาล เพราะเห็นแวบแรกก็ถูกชะตาเลย
นึกถึงว่าถ้าตัวเองเป็นลูกหมาน้อยแบบที่พ่อดินชอบเรียกเราเราก็คงหน้าตาอ้อนๆแบบตุ๊กตาออมสินตัวนี้ละมั้ง 55555
“ขอบคุณมากนะลูก นึกว่าวันนี้ลุงจะขายไม่ได้ซะแล้ว ไอ้หนูขอให้โชคดีๆเป็นเด็กดีของพ่อแม่นะลูกเอ้ย”
คุณลุงให้พรก่อนที่จะยื่นถุงใส่ตุ๊กตาออมสินให้เราคำพูดของลุงมันทำให้เรารู้สึกชะงักไปนิดหน่อย แปลว่าวันนี้ทั้งวันลุงพึ่งจะขายได้เพราะเราสินะ...
“พ่อดินฮะ...ผมขออะไรหน่อยได้มั้ยฮะ?” หลังจากที่เดินออกมาได้สักระยะเรารู้สึกว่าเหมือนมันมีอะไรติดค้างในใจ
ถ้ากลับบ้านไปทั้งแบบนี้ต้องรู้สึกไม่สบายใจแน่ๆ
“หืมมม หนูอยากได้เอ่ย?”
“คือ...ผมขอเงินไปซื้อข้าวกล่องกับน้ำไปให้ลุงคนนั้นได้มั้ยฮะ...เหมือนลุงเขาพึ่งจะขายได้
พอมาคิดว่าวันนี้ทั้งวันลุงเขาอาจจะยังไม่ได้กินข้าวเลยก็ได้ ผมเลยอยากซื้อข้าวไปให้ลุงเขา...”
“โอ้โห พ่อพระจริงๆเลยพ่อคุณ เอาสิครับเอางั้นหนูวิ่งไปซื้อนะเดี๋ยวพ่อจะรออยู่ตรงนี้ จำร้านที่ขายข้าวกล่องได้ใช่มั้ย?”
“ขอบคุณครับพ่อดิน! จำได้ฮะ… งั้นเดี๋ยวผมมานะ!!” เราไหว้ขอบคุณพ่อดินที่ยื่นแบงค์ร้อยออกมาให้ก่อนจะรีบวิ่งแจ้นไปหาร้านข้าวกล่องทันที
พอเราซื้อเสร็จก็เอาไปให้ลุงเขา คุณลุงเขาถึงกับยกมือไหว้ขอบคุณเลย
ทำให้เราตกใจมากรีบยกมือไหว้กลับอย่างเร็วเพราะกลัวอายุสั้น (ตอนนั้นพวกผู้ใหญ่ชอบพูดแบบนี้กันจริงๆนะ 55555)
ระหว่างนั้นพ่อดินก็เอามือมาลูบหัวเราไปมาเป็นระยะๆ พวกเรามองหน้ากันพร้อมกับยิ้มให้กันเวลาแบบนี้ช่างรู้สึกดีและมีความสุขจริงๆ
พ่อแม่ของเราเองก็ไม่ได้ร่ำรวยอะไรก็เลยพอจะเข้าใจถึงความยากลำบาก
สิ่งที่เราทำคงไม่ได้ทำให้คุณลุงสุขสบายอะไรขึ้นมากมายอย่างน้อยก็ขอแค่ได้เห็นว่าคุณลุงเขาได้กินข้าวอิ่มสักหน่อยก็ยังดี
แล้วยิ่งรู้สึกดีตรงที่พ่อดินเขาก็ให้เงินเราไปซื้อด้วยเพราะทีแรกก็กลัวนะว่าพ่อเขาจะว่าเอารึเปล่า
เหมือนเราขอเงินเขาไปซื้อของให้คนอื่น แต่พ่อเขากลับเต็มใจให้อีกซะงั้นยิ่งรู้สึกรักเข้าไปใหญ่ ♥
คืนนี้เราก็คงกลับบ้านไปนอนแบบไม่ต้องรู้สึกค้างคาแล้ว
“หิวหรือยังครับหมาน้อย?” พ่อดินถามขึ้นในตอนที่พวกเราเดินมาถึงรถมอเตอร์ไซค์
“ก็เริ่มหิวแล้วฮะ แหะๆ...”เรายิ้มแห้งๆ ซื้อข้าวให้ลุงเขากินแต่ลืมไปเลยว่าเราเองก็เริ่มหิวเพราะได้เวลากินข้าวเย็นแล้วเหมือนกัน
“งั้นป่ะ ไปกินข้าวกันดีกว่า”
---------
หลังจากนั้นพ่อดินก็พาเราขี่รถมอเตอร์ไซค์ ออกจากตลาดในตัวอำเภอแล้วไปที่บึงใหญ่ใกล้ๆกับตัวอำเภอ
ที่ตรงนั้นจะมีร้านอาหารตั้งขายอยู่ริมน้ำด้วยทีแรกก็นึกว่าพ่อเขาหมายถึงจะพากลับไปกินข้าวที่บ้านซะอีก
เราเดินเข้าไปด้วยท่าทีเกร็งๆ นิดหน่อย เพราะไม่เคยเข้าร้านอาหารแบบนี้มันก็ไม่ได้เป็นร้านอาหารที่ดูหรูอะไร
เพียงแต่พ่อกับแม่ไม่เคยพาเราเข้ามากินร้านอาหารก็เลยรู้สึกแปลกๆ
ที่ร้านเป็นซุ้มเต็นท์ใหญ่ๆ ตั้งอยู่ข้างบึงน้ำ มีลูกค้าอยู่บ้างประปรายส่วนใหญ่ก็จะเป็นผู้ใหญ่นั่นแหละที่มานั่งกินกัน
เราเลือกที่นั่งที่ติดริมน้ำทันที ถึงจะไม่ได้ลงเล่นแต่ขอนั่งใกล้ๆ ก็ยังดี 55555
“อ่ะ หนูอยากกินอะไรสั่งได้เลยนะครับ” พ่อดินบอกพร้อมกับยื่นเมนูให้
“พ่อดินฮะ...คือว่า...มันแพงรึเปล่าฮะ มันไม่มีราคาบอกผมไม่กล้าสั่ง” หลังจากที่เราเปิดเมนูเสร็จก็เห็นว่ามันมีแค่ชื่อเมนูอาหารและรูปประกอบ
แต่ไม่มีราคาบอก ก็เลยเดินไปกระซิบข้างหูพ่อเขาที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามกับเรา
“เอ้า! ไอ้ลูกหมาขี้งกเอ้ย!! สั่งเลย หนูจะกินอะไร เดี๋ยวพ่อจ่ายเอง”พูดจบก็ตบที่กระเป๋าตังค์ในกางเกง
เหมือนให้เราได้ยินเสียงว่ากระเป๋าตังค์พ่อเขาแน่นมาก...
ถึงจะบอกอย่างนั้นก็เถอะ ก็ไม่กล้าสั่งอยู่ดี สุดท้ายพ่อดินก็เลยสั่งมาให้เพราะพ่อเขาถามว่าเราอยากกินอะไร
เราเลยบอกไปว่า ‘กุ้ง’ พ่อเขาเลยเลือกเมนูที่เกี่ยวกับกุ้งมาให้ รวมไปถึงต้มยำทะเลรวมหม้อไฟ!คือตอนนั้นอ่ะมันตื่นตามากเลยนะ
ไอ้ต้มยำหม้อไฟนี่มันให้ความรู้สึกหวือหวามากมันค่อนข้างจะเป็นเมนูพิเศษที่เราไม่เคยได้กินมาก่อน
(ก็เคยกินต้มยำกุ้งที่แม่ทำให้อยู่หรอกแต่กุ้งที่เรากินก็จะตัวน้อยๆ ไม่ใหญ่มาก 5555)
แล้วด้วยความที่เราตัวเล็กอ่ะเนอะ...ร้านอาหารเขาก็คงทำมาสำหรับคนโตแหละ
ช่องว่างระหว่างโต๊ะกับเก้าอี้มันค่อนข้างสูงพอสมควร ทำให้เรากินไม่ถนัดสุดท้ายก็พ่อดินก็ต้องอุ้มเราไปนั่งบนตัก แล้วนั่งกินอยู่ดี
“แล้วพ่อดินจะกินได้หรอฮะ? ให้ผมมานั่งแบบนี้” เราหันไปถาม เพราะหัวเราจะบังพ่อเขารึเปล่า...
“เอาเลยจ้า หนูกินได้พ่อก็ดีใจแล้ว กินให้อิ่มเลยน้า อันนี้เป็นมื้อพิเศษพ่อไม่ได้พามากินทุกวัน ฮ่า”
แปลกจริงๆ ด้วย... มีแต่พ่อดินที่ยอมกินกับข้าวต่อจากเราโดยไม่ถือสาอะไรเลย
ขนาดพ่อกับแม่เราก็ไม่ได้เลยนะ ถ้าเราจะกินก่อนก็ต้องตักใส่แบ่งจานออกมาต่างหาก
“พ่อดินฮะ...ไปทำงานรอบนี้ ได้เงินมาเยอะหรอฮะ?” เรารู้สึกสงสัยนิดหน่อย
เพราะถึงแม้ปกติพ่อเขาจะชอบซื้ออะไรมากินที่บ้านกับเราบ่อยๆแต่ก็ยังไม่เคยถึงขั้นพามาร้านอาหารแบบนี้
หลังจากนั้นพ่อดินก็เริ่มเล่าให้ฟังว่า งานมันค่อนข้างหนักเป็นงานปูนซะส่วนใหญ่
พ่อเขาบอกว่าพอไปถึงเหมือนคนงานชุดก่อนอ่ะทิ้งผู้รับเหมา เขาเลยต้องรีบหาคนมาทำ
จากที่พ่อเขาเล่าก็คือเหมือนงานจะโหดนะ เพราะเริ่มทำตั้งแต่เจ็ดโมงเช้าเวลาเลิกงานคือห้าโมงเย็นก็จริง
แต่ผู้รับเหมาก็ขอร้องกึ่งบังคับให้ทำโอทีต่ออีกทีจนเลิกทุ่มสองทุ่มเกือบทุกวัน
สภาพของพ่อเขาก็เลยเป็นแบบที่เห็น ดูซูบๆ เหมือนน้ำหนักน่าจะลงไปประมาณสี่ถึงห้าโลได้เลยแหละผิวนี่ดำไหม้ไปหมด อดสงสารไม่ได้เลย
แล้วพ่อเขาก็บอกว่าเมื่อตอนเช้าก็มีเก็บงานอีกนิดหน่อย พอทำเสร็จผู้รับเหมาก็จ่ายค่าแรงให้ทั้งโอทีและมีเงินพิเศษให้อีก เพราะถือว่างานเสร็จไว
ที่จริงตอนเย็นผู้รับเหมาเขาจะพาไปเลี้ยงที่ร้านอาหารแถวนั้นแหละ แต่พ่อดินบอกว่าคิดถึงเรามากอยากกลับบ้านจะแย่แล้ว
พอรับเงินแล้วก็ขอตัวกลับก่อนเลย แต่พี่เมฆอ่ะยังอยู่ต่อเพราะอยากไปกินเลี้ยง 555555
“พ่ออยากมานั่งกินข้าวกับหนูแบบนี้มากกว่า ถ้าไปนั่งกินกับเขาก็คงไม่สนุกอยู่ดีคิดถึงไอ้ลูกหมามันนอนเหงาอยู่บ้านคนเดียว”
พอพ่อเขาพูดมาแบบนี้เราก็รู้สึกเขินเลยรีบแกะกุ้งป้อนพ่อเขาทันที...
จากนั้นพ่อเขาก็ถามเขาว่าเราเป็นยังไงบ้าง อยู่คนเดียวกลัวหรือเปล่า ต่างนานาเราก็เลยเล่าให้พ่อเขาฟังบ้าง
จนมาถึงเรื่องที่สองเปิดหนังโป๊ให้ดูนั่นแหละ...
เราก็ไม่ได้อยากปิดบังอะไรนะ ถึงในใจเราจะรู้สึกว่าพ่อเขาคงเข้าใจที่เราบอก
แต่ยังไงมันก็กลัวอยู่ดี เราก็เลยยังไม่ได้เล่า รอกลับไปบอกพ่อที่บ้านดีกว่า
พวกเรานั่งกินข้าวแล้วก็คุยเล่นกันไปเรื่อยๆ ไม่รู้ทำไมเหมือนกันเวลาที่ห่างกันแค่สิบกว่าวัน
แต่เหมือนมีเรื่องที่อยากเล่าให้ฟังมากมายเหลือเกิน
ตลอดเวลาที่นั่งกินกันดูเหมือนว่ามีแต่เราที่กินคนเดียวมากกว่าจนเราต้องหันไปป้อนพ่อเขาเป็นระยะๆ
เพราะพ่อเขาเอาแขนมากอดที่ท้องเราไว้ พร้อมกับเอาคางถูไถไปมาที่หัวเราไปมา
เหมือนคลอไปกับเสียงเพลงของทางร้านเป็นแนวเพลงช้าซะส่วนใหญ่ที่แฝงความหมายดีๆเอาไว้
พอเห็นว่าพ่อเขาชอบและดูผ่อนคลาย เราเองก็รู้สึกดีเหมือนกัน
เอาไว้กลับไปถึงบ้านค่อยเหยียบหลังแล้วก็นวดให้พ่อเขาแล้วกัน...
จนกระทั่งเท่าที่เราจำความได้ ในตอนที่เรากำลังกินข้าวอยู่นั้น
หนึ่งในเพลงที่ทางร้านเปิดมันรู้สึกกินใจเราจนเราถึงกับต้องหยุดฟังแล้วหันไปมองหน้าพ่อเขา เนื้อเพลงนั้นมันฝังอยู่ในใจเรามาจนถึงตอนนี้เลย
‘เป็นวิมานอยู่บนดิน ให้เธอได้พักพิงอิง และนอนหลับใหล เก็บดาวเก็บเดือนมาร้อยมาลัยเก็บหยาดน้ำค้างกลางไพร มาคล้องใจเราไว้รวมกัน’
ตั้งแต่ท่อนแรกๆแล้วพอได้ยินเนื้อเพลงเรารู้สึกนึกถึงพ่อดินเขาขึ้นมาก่อนเลย
“หืมมมม มีอะไรหรอไอ้ตัวแสบ ทำไมมองหน้าพ่อแบบนั้น?”
“เพลงนี้ชื่อเพลงอะไรหรอฮะ?”
“เอ่อ...พ่อก็ไม่รู้เหมือนกัน ฮ่า แต่มันน่าจะเป็นเพลงเก่าแล้วนะหนูชอบหรอ?”
“ชอบฮะ...พอฟังแล้ว...นึกถึงพ่อดินขึ้นมาเลย”เราตอบแบบอายๆ พอต้องตอบแบบนี้ก็รู้สึกเขินเหมือนกัน
“จ้า ปากหวานเหลือเกินไอ้ลูกหมาของพ่อ!” พอพ่อดินพูดจบก็กอดรัดตัวเราไว้แน่นพร้อมก้มมาหอมแก้มเรา พร้อมทำเสียงเหมือนชื่นใจ
เราเองก็ชื่นใจเหมือนกัน คิดถึงอะไรแบบนี้ที่สุด
“แล้วก็...นอกจากจะนึกถึงพ่อดินแล้ว พอฟังไปฟังมาผมก็คิดถึงที่นอนด้วยฮะ...” เราหันไปบอกเหมือนเป็นสัญญาณให้พ่อเขารู้ว่าเราเริ่มจะง่วงแล้ว
“ฮ่า กะแล้วเชียว เห็นตาเริ่มแดงๆ อ่ะๆ รีบกินให้เสร็จจะได้กลับบ้านไปนอนกันครับ”
“ฮะ!”
หลังจากนั้นเราก็เปลี่ยนท่านั่งเป็นหันข้างแล้วป้อนข้าวให้พ่อเขากินบ้างเพราะเหมือนพ่อเขาจะไม่ค่อยได้กินเท่าไหร่มีแต่เรากินอยู่คนเดียว
...
ขอบคุณนะฮะพ่อดินที่รีบกลับมาหาผม เพราะผมก็คิดถึงพ่อดินมากๆ และดีใจที่สุดเลย
ส่วนเพลงนั้นพอโตมาเราถึงได้รู้ว่า มันคือเพลง 'วิมานดิน' แล้วก็เป็นหนึ่งในเพลงที่เราชอบเปิดฟังกับพี่เขาบ่อยๆ ไปโดยปริยาย
หรือต่อให้เราบังเอิญไปได้ยินเพลงนี้ที่ไหน ก็จะเห็นหน้าพี่เขาขึ้นมาก่อนทันทีเลย
สำหรับเราเพลงนี้เหมือนเป็นเพลงประจำตัวของพี่เขาไปแล้ว ได้ยินเมื่อไหร่เป็นต้องคิดถึงตลอดดดดด
แถมชื่อเพลงก็มีคำว่าดิน ที่เป็นชื่อเล่นของพี่เขาอีก 5555555 ขอบคุณครับ หวานซะมดขึ้นตอมแล้ว อิจฉา {:5_137:} สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ตอนนี้อบอุ่นซะงั้น ผ่านเรื่องร้ายๆ ไปในตอนที่แล้ว ตอนนี้เรื่องดีๆๆเริ่มกลับมาแล้ว 55555
แต่ๆๆๆ ยังไม่ถึงตอนกลับบ้านเล่าเรื่องหนังโป้เลย แอบมีหวังว่าจะได้อ่านในตอนนี้
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ เย้ !!! พี่เค้ากลับมาแล้วได้อยู่กับคนที่เรารักเนี้ยหละสุขสุดๆ เลยเนาะ /กิน-เที่ยวสนุกเลยตอนนี้ อิ๊ๆ {:5_132:} น่ารัก ห่วงใยกัน ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณ Happy มีความสุขตามกันเลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ. ขอบคุนครับ อ่านแล้ว อบอุ่นมาก ชอบที่พี่พูดว่า กุ้งตัวน้อย 55555 ฟังแล้วรู้สึกดีมากๆ รู้สึกแบบเด็กๆดีครับ
เพลงกับความรักไม่ว่ารักแบบไหนเป็นสิ่งคู่กันจริงๆครับเล่าเรื่องราวในอดีต ระลึกความทรงจำเก่าๆได้จริงๆ เพลงที่ผมเคยฟังกับเจ้าตัวเล็กของผม ผมยังเก็บไว้ทุกเพลงไม่ว่าในรถ หรือโทรศัพท์ของตัวเล็กที่ผมเก็บไว้ ไว้ทุกที่เลย 555
ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีดีครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ