รักพ่อดินที่สุดในโลกเลย ♥ [7]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-9-10 21:14จำได้ว่าช่วงนั้น พี่นวลจะทำกับข้าวแล้วเอามาให้พ่อดินบ่อยมากแทบทุกวันเลยแหละ
ส่วนใหญ่พี่นวลจะอ้างว่าช่วงนี้ที่นาของพ่อดินปลาค่อนข้างชุกลุงมั่นก็เลยมักจะดักปลาได้บ่อยๆ
ก็เลยให้พี่นวลทำกับข้าวแล้วเอามาแบ่งให้พ่อดินเขาในฐานะของเจ้าของนา
ถ้าเป็นแบบนั้นมันก็คงดูไม่แปลกอะไร...
แต่กับข้าวบางวันที่เอามาให้ก็ไม่ได้ทำจากปลา บางทีก็เป็นเนื้อหมูและไก่จนพ่อดินต้องเอ่ยปากว่าไม่ต้องทำมาให้ก็ได้เพราะเกรงใจ
อันที่จริงถ้าพูดกันตามตรง ฐานะของบ้านพี่นวลนั้นถือว่าไม่ได้มีกินอะไรมากนัก
แล้วยิ่งต้องซื้อของมาทำกับข้าวเผื่อให้พ่อดินในแต่ละมื้อด้วยมันยิ่งเป็นการสิ้นเปลืองเข้าไปใหญ่
จนพ่อเขาต้องให้เงินค่ากับข้าวคืนกลับไป เพราะจะรับกับข้าวไว้เฉยๆก็รู้สึกยังไงอยู่
ซึ่งการที่พ่อดินให้เงินพี่นวลไปนั้น มันยิ่งทำให้พี่นวลทำกับข้าวมาให้พ่อดินบ่อยขึ้นมากกว่าเดิม
จนถึงขนาดที่ว่าบางวันที่พ่อเขาทำงานในละแวกหมู่บ้านพี่นวลปั่นจักรยานเอาไปให้ตอนกลางวันด้วยนะ
จนชาวบ้านเริ่มพูดกันว่าพ่อดินกับพี่นวลอาจจะกำลังคบหาดูใจกัน
เพราะเวลาที่พี่นวลไปซื้อของมาทำกับข้าวที่ร้านชำ พี่นวลก็ชอบบอกป้าที่ร้านขายของหรือคนอื่นๆว่า
‘ซื้อของไปทำกับข้าวให้พี่ยักษ์’, ‘พี่ยักษ์ชอบกินกับข้าวฝีมือพี่นวลมาก ถึงขนาดว่าให้เงินมาซื้อของไปทำกับข้าวทุกวันเลย’อะไรทำนองนี้...
ซึ่งพ่อเขาไม่ได้ให้เงินไปซื้อของมาทำกับข้าวให้เขา แต่ให้เงินค่ากับข้าวคืนเพราะเกรงใจ!!
และพอคำพูดเหล่านี้มันออกไปปากต่อปากคนเขาก็เริ่มซุบซิบนินทากัน
ว่าพ่อดินกับพี่นวลอาจจะมีอะไรกันหรือเปล่าเพราะเห็นพี่นวลมาหาพ่อดินที่บ้านบ่อยๆ
กระทั่งว่าเวลาเราเดินไปซื้อขนมที่ร้านขายของคนเดียว เวลาคนในหมู่บ้านเจอเรารวมถึงป้าเจ้าของร้านเองด้วย
ก็ชอบหลอกถาม ทำนองว่าที่บ้านมีอะไรกันหรอทำไมพี่นวลถึงชอบไปหา
เราก็ได้แต่ตอบไปตามตรงว่า ‘ไม่มีอะไรฮะพี่นวลแค่แวะเอากับข้าวไปให้ แล้วก็ออกไป’
ไม่ว่าใครจะถามอะไรเรายังไง ก็ยังยืนยันคำเดิมว่าไม่มี ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่!
แต่ที่เราตอบไปแบบนั้นก็คือเรื่องจริงนะ เพราะส่วนใหญ่จะไม่ค่อยมีบทสนทนาระหว่างสองคนนี้มากนักหรอก
ถ้าไม่ใช่เรื่องที่นาพ่อดินก็แทบจะไม่มีอะไรคุยกับพี่นวลเลย
ก็เลยทำให้เวลาพี่นวลเอากับข้าวมาให้ ใช้เวลาไม่นานก็จะกลับออกไปทันที
แต่ทีนี้พอมีข่าวลืออะไรประมาณนี้ออกไป แน่นอนว่าต้องมาถึงหูป้าปูกับลุงสินอยู่แล้ว...
“แม่รู้สึกไม่สบายใจเลยนะดินที่มันเป็นแบบนี้ถ้าดินไม่ได้รู้สึกอะไรก็ไม่ต้องให้นวลมันมาหาที่บ้านแล้วก็ได้ตอนนี้คนอื่นเขาเริ่มพูดกันแล้ว
เดี๋ยวก็ได้แต่งเมียแบบไม่รู้ตัวหรอก” ป้าปูมานั่งคุยกับพ่อดินด้วยสีหน้าเคร่งเครียด น้ำเสียงของป้าเขาออกไปในทางไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่
“ครับ... แม่ไม่ต้องห่วงหรอก ดินกับนวลไม่ได้มีอะไรจริงๆ เดี๋ยวยังไง...ดินคุยกับนวลเอง”
หลังจากนั้นป้าปูก็ยังนั่งคุยกับพ่อดินอีกสักพัก เหมือนจะเป็นเรื่องออกเรือนแต่งเมียอะไรทำนองนี้
เพราะพ่อดินในตอนนั้นก็อายุประมาณยี่สิบสาม-ยี่สิบสี่ปีในยุคนั้นก็ถือว่าโตเป็นผู้ใหญ่มากพอจะมีลูกมีเมียได้แล้ว
แล้วยิ่งพอเป็นโสดแบบนี้ก็จะมีผู้หญิงมาเข้าหาเรื่อยๆ แล้วด้วยความที่เหลือลูกชายเพียงคนเดียว
ป้าปูเขาก็คงอยากให้ได้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆและสมฐานะกับพ่อดินเขาสักคน...
พูดตามตรงถึงตอนนั้นเราจะเป็นเด็ก แต่ก็พอจะจับใจความได้ว่าป้าปูเองเขาก็คงรู้สึกว่าพี่นวลเหมือนมาจับลูกชายเขาหวังที่จะได้มีที่นาทำกิน
เพราะเท่าที่รู้มาประมาณว่าบ้านพี่นวลจะไม่มีที่นาเลยมีแค่ที่ปลูกบ้านในหมู่บ้านเฉยๆ
พูดง่ายๆก็คือฐานะค่อนข้างยากจนเลยแหละนั่นหมายความว่าถ้าพี่นวลจับพ่อดินให้แต่งงานด้วยได้
ก็จะช่วยยกระดับชีวิตครอบครัวตัวเองได้พอสมควร...
พอพ่อดินคุยกับป้าปูสักพักใหญ่ พี่นวลก็ปั่นจักรยานเข้ามาพอดี...เป็นเวลาที่เอากับข้าวมาให้ในตอนเย็นเหมือนทุกวัน
เราที่นอนทำการบ้านอยู่บนแคร่ ถึงกับลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปทางพ่อดิน
เพราะสัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ค่อนข้างตึงเครียดจากป้าปูที่กำลังมองไปทางพี่นวล
“หนูเอาการบ้านขึ้นไปทำข้างบนก่อนนะ”
พ่อดินเดินเข้ามาช่วยเราเก็บหนังสือกับสมุดแล้วดันหลังให้เราเดินขึ้นไปบนบ้านก่อน
“ฮะ...” เราพยักหน้าแล้วทำตามแต่โดยดีพอขึ้นมาด้วยความที่บริเวณรอบบ้านมันก็เงียบอยู่แล้ว
เลยได้ยินเสียงป้าปูรัวคำถามใส่พี่นวลถามว่าพี่นวลได้พูดแบบนี้หรือเปล่า
ที่ทำนองว่าพ่อดินเขาอยากกินกับข้าวฝีมือพี่นวลหรืออะไรที่ทำให้คนเขาเข้าใจผิดว่าพ่อดินกับพี่นวลเป็นอะไรกัน
แล้วก็ได้ยินเสียงพี่นวลที่สั่นเครือเหมือนคนกำลังจะร้องไห้หรือร้องไห้ไปแล้วตอบกลับไปอย่างเดียวว่า ‘เปล่าจ้ะๆหนูไม่ได้พูด’
ไม่รู้ว่าร้องไห้เพราะตกใจกลัวป้าปูหรือเพราะโดนบี้เอาความจริงจากปากกันแน่
จังหวะนั้น แน่นอนแหละว่าด้วยความอยากรู้อยากเห็นนิดหน่อย(หรอ 55555)
เราก็พยายามหาช่องหรือรูเล็กๆ ที่พอจะส่องเห็นความเคลื่อนไหวของสถานการณ์ข้างล่างได้บ้าง
ก็เลยพอจะเห็นภาพที่พี่นวลเอาแต่ยืนตัวสั่นน้ำตาไหลพราก ไม่ได้เถียงอะไรกลับไป
ป้าปูก็เลยลดน้ำเสียงลงให้กลับมาอยู่ในโทนเสียงที่ปกติ แล้วก็พูดกับพี่นวลทำนองว่า
ไม่ได้คิดจะเอาพี่นวลมาทำลูกสะใภ้เลยแล้วพ่อดินก็ไม่ได้คิดอะไรกับพี่นวลด้วย
ก็เป็นบทสนทนาที่เรียบง่ายและพูดกันอย่างตรงไปตรงมา ไม่ได้มีการใส่อารมณ์แต่อย่างใด
ป้าปูบอกอีกว่า อยากให้บ้านพี่นวลติดต่อกับพ่อดินในฐานะผู้เช่านากับเจ้าของนาแค่เพียงเท่านั้น
อย่าพยายามทำอะไรให้มันไปไกลกว่านี้ ที่พ่อดินเขาให้บ้านพี่นวลเช่าทำนา
เพราะสงสารและเห็นว่าไม่มีที่ทางทำมาหากินก็เท่านั้นเอง
แต่ถึงป้าปูจะพูดด้วยน้ำเสียงที่ปกติ แต่ใจความที่เราได้ฟังขนาดตอนนั้นเราเป็นเด็กเองยังรู้สึกหวิวๆเลย
ในใจมันรู้สึกสงสารพี่นวลอย่างบอกไม่ถูก ด้วยความเป็นเด็กอ่ะเนอะ เห็นใครร้องไห้ก็รู้สึกใจอ่อนสงสารเขา
แต่อีกใจหนึ่งมันก็รู้สึกโล่งอกเพราะต่อจากนี้พี่นวลก็คงจะไม่กล้ามายุ่งกับพ่อดินเขาอีกแล้ว
และสุดท้ายก่อนที่บทสนทนาจะสิ้นสุดลง ป้าปูก็กำชับทิ้งท้ายไว้ว่าไม่ให้พี่นวลมาติดต่อกับพ่อดินอีก
และไม่ต้องทำกับข้าวมาให้อีกแล้ว ขอให้ต่างคนต่างอยู่เหมือนทุกที
เราที่แอบดูอยู่จากช่องเล็กๆก็เห็นพ่อดินเหมือนรีบตัดบทแล้วเดินไปส่งพี่นวลที่จักรยานแล้วให้รีบปั่นออกไป
คงกลัวว่าป้าปูอาจจะพูดอะไรต่อ เหมือนพ่อเขาจะรู้ว่าถ้าขืนยืนอยู่ต่อนี่ยาวแน่ๆ
พ่อเขาคงไม่อยากให้เป็นปัญหาอะไรมากไปกว่านี้ละมั้ง
จากนั้นพ่อดินก็โดนป้าปูบ่นยาวเรื่องทำไมถึงไม่ยอมมีครอบครัวเป็นฝั่งเป็นฝาสักที
ก็เห็นพ่อเขานั่งฟังนะแต่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไปได้แต่นั่งถอนหายใจยาวเป็นช่วงๆ
จนกระทั่งได้ยินเสียงรถมอเตอร์ไซค์พี่เมฆขี่เข้ามา เราคิดว่านี่น่าจะเหมือนเป็นเสียงสวรรค์สำหรับพ่อเขาเลย
เพราะป้าปูก็หยุดบ่นแต่เพียงเท่านั้น
...แต่ก่อนที่ป้าปูจะเดินจากไปก็ไม่วายบ่นทิ้งท้ายไว้อีกว่า ‘ก็เพราะเอาแต่พากันกินเที่ยวกันแบบนี้ไง ถึงไม่ได้มีลูกมีเมียเหมือนคนอื่นเขาสักที’
ทำเอาพี่เมฆที่พึ่งมาถึง ถึงกับยกมือขึ้นเกาหัวแกรกๆ
สักพักพ่อดินกับพี่เมฆก็พากันขึ้นมาข้างบนเราก็เลยทำทีเป็นแกล้งนอนเขียนการบ้านต่อ
“อ้าว ทำไมไม่เปิดทีวีดูละไอ้ตัวแสบ นอนทำการบ้านนิ่งเชียว” พ่อดินเดินมาก่อนจะตบตูดเราดังเพี๊ยะ
เราสะดุ้งตัวก่อนจะหันไปมองหน้าพ่อเขาด้วยสีหน้าตาตื่น
เหมือนกับจะถามพ่อเขาว่า อะไรหรอฮะผมไม่รู้เรื่องเลยนะ อะไรประมาณนี้ 555555
“แอบฟังพ่อคุยกันหรอ หืมมม ไอ้ตัวแสบ”พ่อดินยิ้มกริ่มก่อนจะย่อตัวลงมาแล้วเขกหัวเราเบาๆ หนึ่งทีเหมือนรู้ทันก่อนจะเดินไปเปิดทีวีดู
“นอนเกะกะขวางทางจังโว้ย!” พี่เมฆที่เดินตามหลังบ่นโวยวายทันทีที่เห็นเรานอนขวางทางอยู่กลางห้อง
เอ่อก็ไม่ได้จะขวางหรอก แต่พอดีตรงแถวนั้นมันมีช่องเล็กๆ พอจะสอดส่ายตาเห็นข้างล่างได้ แหะๆ
“หมั่นไส้วะ นั่งทับแม่ง” พูดจบพี่เมฆก็ทิ้งตัวลงนั่งทับเข้าช่องกลางหลังเราทันทีพี่เขานั่งหันข้างนะ
ไม่ใช่นั่งขี่คร่อมกลางหลังเดี๋ยวจะคิดกันไปไกลอีกกกก
“ฮื๊อ! พี่เมฆ มันหนักกกกกก” เราร้องแล้วหันไปทางพอดินกะจะให้เขาช่วยที่หันมามองแล้วก็หัวเราะชอบใจกับภาพที่เห็น
“ไอ้เมฆ ไอ้ห่า ไปแกล้งน้องมันตัวยิ่งเล็กๆอยู่ เดี๋ยวก็ไม่โตกันพอดี ฮ่า” พอดีพูดจบก็หัวเราะต่อ... นี่พ่อจะห้ามเขา หรือชอบใจกันแน่!
แต่พอเห็นพ่อดินหัวเราะได้แบบนี้ เราก็รู้สึกโล่งใจขึ้นมาหน่อย
เพราะเมื่อกี้ที่ป้าปูมาแล้วพ่อเขาโดนบ่นจนเอาแต่ถอนหายใจอย่างเดียวเราที่แอบดูอยู่ ก็รู้สึกไม่ดีไปด้วย
เพราะเราเองด้วยความเป็นเด็กเวลาที่เห็นพ่อเขาไม่สบายใจหรือทุกข์ใจแล้วเราช่วยอะไรไม่ได้เนี่ย...มันรู้สึกแย่มากจริงๆนะ...
---------
“นี่มิน...พี่ถามอะไรหน่อยสิ” พี่บัวเขยิบเข้าใกล้แล้วพูดกึ่งกระซิบที่ข้างหูเราหลังจากที่พวกเรานั่งกินข้าวกลางวันที่โรงเรียนเสร็จ
“หือ อะไรหรอพี่บัว?”
“ไอ้สองมันคอยตามแกล้งมินหรือเปล่าพี่สังเกตเห็นหลายทีแล้วนะ มันชอบตามมินตลอดเลย มีอะไรบอกพี่ได้นะ”
พี่บัวหันซ้ายหันขวา พอเห็นว่าไอ้สองไม่อยู่ตรงนั้นก็เลยถามออกมา
“หือ...อือ...ก็...ไม่นะพี่บัว…” เราตอบพี่บัวกลับไปแบบนั้น ถึงแม้เราจะไม่ค่อยชอบใจที่เวลาอยู่ที่โรงเรียน
แล้วไอ้สองมันชอบทำตัวตามติดเราก็ตาม แต่ก็ต้องยอมรับว่ามันก็ไม่ได้แกล้งเราเลย
ถ้าไปบอกว่าโดนมันแกล้งก็เหมือนใส่ร้ายเพื่อนไปอีก...
“ไม่ได้แกล้งจริงๆนะ...” พี่บัวถามย้ำคงเพราะสังเกตุเห็นสีหน้าเราตอนตอบดูตะกุกตะกัก
ก็แหงล่ะ...เราก็ไม่รู้จะบอกเขายังไงนี่ ถ้าอธิบายเรื่องทั้งหมดไป กลัวว่าพี่บัวจะตกใจแล้วตื่นตูมกันไปใหญ่
“อือ...มันไม่ได้แกล้งจริงๆ...” เราพยายามยิ้มตอบกลับพี่บัวให้เขาสบายใจ
ก็แค่ทนรำคาญไอ้สองมันนิดหน่อย คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง...
จำได้ว่าช่วงนั้นเหมือนจะเป็นช่วงที่พายุเข้าฝนจะตกค่อนข้างหนัก เลยทำให้ห้องเรียนของเราที่อยู่ชั้นล่างของเราโดนน้ำท่วม
ก็ไม่ได้ท่วมสูงอะไรมาก แต่อยู่ในห้องเรียนสูงก็ประมาณข้อขาเลย ทำให้การเรียนการสอนเป็นด้วยความยากลำบากพอสมควร
ทำให้เราต้องย้ายไปนั่งเรียนในห้องสมุดกัน จังหวะที่ครูสอนเสร็จแล้วสั่งแบบฝึกหัดให้ทำ
เราก็จะชอบไปหามุมเงียบๆ นั่งคนเดียว ตามซอกตู้หนังสืออะไรแบบนั้นไม่รู้ทำไมเหมือนกัน 55555
“มิน ทำไมมานั่งตรงนี้คนเดียว”
เราตกใจจนสะดุ้งตัว เพราะเสียงที่ได้ยินนั่นคือเสียงไอ้สอง!
“เวลาอ่านหนังสือเราชอบอยู่คนเดียวอ่ะ” เราตอบกลับไป ในใจก็หวังว่าไอ้สองน่าจะเข้าใจแล้วเดินกลับไปรวมกลุ่มกับเพื่อนๆ
“หรอๆ เออ เราก็ชอบอยู่เงียบๆเหมือนกัน งั้นเรานั่งด้วยได้ป่ะ”
ยังไม่ทันตอบตกลงอะไร ไอ้สองก็วิ่งสไลด์มานั่งข้างเราทันที
ด้วยความที่ช่องว่างระหว่างตู้เก็บหนังสือมันกว้างพอสมควรแล้วเราก็นั่งพิงผนังอยู่
มันก็จะพอมีที่ว่างอยู่ข้างๆ เหลืออยู่ทำให้ไอ้สองมันพอนั่งได้
เราเลยเขยิบออกมานิดหนึ่งแล้วนั่งอ่านหนังสือและทำแบบฝึกหัดต่อพยายามทำเป็นไม่สนใจไอ้สองมัน
ในใจก็คิดกะว่าเดี๋ยวทำแบบฝึกหัดเสร็จค่อยลุกหนี
“เออนี่...มิน...”สักพักไอ้สองก็พูดขึ้น พร้อมกับน้ำเสียงที่เบาลงคล้ายจะกระซิบ
“หือ...”เราขานรับในขณะที่ยังคงนั่งทำแบบฝึกหัดอยู่
“มินรู้ป่ะ...ไอ้จู๋เราอ่ะมันให้คนอื่นใช้ปากอมได้ด้วยนะ”
พอไอ้สองพูดจบเท่านั้นแหละเราถึงกับวางหนังสือลงแล้วหันไปมองมันทันที
“…”
“สองไปรู้เรื่องนี้มาจากไหน?” เรากลืนน้ำลายดังอึก ตาเบิกโพลง เพราะไม่คิดว่าสองจะรู้เรื่องนี้ด้วย
“แนะ! อยากรู้แล้วอ่ะดิ…งั้นมินตามเรามา คุยตรงนี้เดี๋ยวมีคนอื่นมาแอบฟัง” พอพูดจบไอ้สองก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปทันที
ด้วยความที่ว่าพอมาเรียนที่ห้องสมุดอ่ะ มันไม่ได้เป็นระเบียบเรียบร้อยเหมือนตอนอยู่ในห้องเรียน
ครูเขาก็ค่อยได้สนใจอะไรเท่าไหร่ แค่สอนแล้วก็สั่งงานให้ทำ
เราเลยทิ้งช่วงให้ไอ้สองเดินออกไปก่อนสักประมาณห้านาที แล้วค่อยเดินตามออกไป
ตอนนั้นเราเดินลุยน้ำจ๋อมแจ๋ม (ช่วงน้ำท่วมครูอนุญาตให้ใส่รองเท้าแตะไปโรงเรียนได้เดิน/วิ่งลุยน้ำกันสนุกไปเลย)
เรากับไอ้สองพากันไปยืนคุยตรงใต้ต้นไม้ใหญ่
“...สรุปสองรู้เรื่องนี้ได้ยังไงอ่ะ?” พอเห็นว่าลับตาคนไม่มีใครอยู่บริเวณนั้นแล้วเราก็เริ่มเข้าเรื่องต่อทันที
จากนั้นสองก็เล่ายาวให้ฟังว่า เวลาที่ไม่มีใครอยู่บ้านสองจะแอบเปิดหนังโป๊ของพี่ดูต่อเป็นประจำ
ตอนนั้นยืนฟังก็งง เอ้า ก็แอบเปิดดูที่บ้านตัวเองได้ แล้วจะเอามาเปิดให้เราดูทำไม! ได้แต่คิดในใจเพราะตอนนั้นไม่อยากขัดมัน
สองเล่าว่าคือเวลาที่มันแอบดูก็ต้องกดปุ่มเลื่อนไปข้างหน้าให้เร็วขึ้นเพื่อดูเป็นฉากๆ ไม่ได้นั่งดูทั้งเรื่อง
จนกระทั่งสองมันเห็นเข้ากับฉากที่ผู้หญิงใช้ปากอมจู๋ให้ผู้ชายสองบอกรู้สึกตะลึงมาก
เพราะไม่คิดว่าจู๋มันเอาไว้ทำแบบนี้ได้ด้วย
ใช่! ครั้งแรกที่เรารู้เรื่องนี้ เราก็รู้สึกตกตะลึงไม่ต่างจากสองมันหรอก
“แล้ว...เขาใช้ปากอมจู๋ทำไมอ่ะ?” พอสองมันเล่าจบเราก็ถามขึ้นทันทีอันที่จริงเรื่องนี้ก็เป็นอีกเรื่องที่เรารู้สึกสงสัยมาตั้งนานแล้ว
เพราะความเป็นเด็กที่กำลังโตทุกเรื่องที่เราได้รับรู้มักจะต้องหาเหตุและผลมารองรับเสมอ ว่าทำไปทำไม? ทำแล้วได้อะไร?
ก็ตอนนั้นมันยังไม่มีอารมณ์ทางเพศนี้เนอะ เรื่องระหว่างเรากับพี่ดินที่เคยเกิดขึ้นมันก็เลยไม่เข้าใจไปหมด
เพราะพอโตมาเราถึงได้เข้าใจว่าเรื่องอารมณ์แบบนี้ มันไม่ต้องมีเหตุผลมารองรับ 55555
“อืม...ไม่รู้ดิ” พอสองตอบออกมาแบบนั้นเรารู้สึกผิดหวังนิดหน่อย เพราะตอนแรกคิดว่าจะได้คำตอบจากเรื่องนี้
“งั้นเรามาลองทำกันมั้ย?” สองพูดชักชวนด้วยสีหน้าและแววตาที่มีแต่ความอยากรู้
พอมองย้อนกลับไปเราเองก็เข้าใจนะว่าสองมันไม่ได้มีเจตนาจะชวนเราทำเรื่องเซ็กส์
แต่ด้วยความเป็นเด็กกันทั้งคู่เราเลยไม่เข้าใจว่าพวกผู้ใหญ่เขาทำแบบนี้กันทำไม
“หะ...” เราได้แต่ทำหน้าเหวอกลับไปเพราะไม่คิดว่าสองจะพูดออกมาแบบนี้
“ถ้า...มินไม่กล้า งั้นเราทำให้มินก่อนก็ได้ แล้วเดี๋ยวมินค่อยทำให้เราคืน...”
เราหน้าเหวออ้าปากค้างยิ่งกว่าเก่า นี่สองมันเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย...
“โอ๊ย เราไม่ได้อยากรู้ขนาดนั้นหรอก เราแค่อยากรู้เฉยๆว่าเขากันทำไปทำไม... ป่ะๆ กลับไปเข้าห้องเหอะ หายไปนานเดี๋ยวครูด่าเอา”
เรารีบตัดบทแล้วหันหลังเดินกลับไปที่ห้องสมุดทันที
ไอ้สองรีบเดินตามมาแล้วโอบไหล่เราเข้าไปใกล้ก่อนจะกระซิบบอกว่า “ถ้ามินเปลี่ยนใจอยากลองขึ้นมา ก็บอกเราได้นะ”
เราได้แต่ยิ้มแห้งๆ โดยที่ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป แล้วพยายามแกะมือไอ้สองออกจากไหล่
เพื่อจะได้รีบวิ่งไปก่อนอย่างน้อยก็ไม่อยากให้คนอื่นเห็นว่าเราเดินเข้าไปพร้อมกัน กลัวเพื่อนคนอื่นเขาสงสัยเอา
ตอนนั้นในหัวก็ได้แต่คิดไปว่า... ทำไมเราจะต้องอยากไปลองทำกับสองด้วยละในเมื่อเรามีพ่อดินอยู่แล้ว
ถ้าเราอยากจะลองทำดู ไปขออมของพ่อดินเล่นไม่ดีกว่าหรอ?!
--------
พอกลับมาถึงบ้าน เราก็แอบมองที่เป้าของพ่อดินเขาตลอดเลย ด้วยความที่ยังสงสัยที่เคยมีก่อนหน้านี้
ประจวบเหมาะกับไอ้สองมันบอกมาแบบนี้ เราก็ยิ่งอยากรู้ว่าเขาอมไอ้จู๋กันทำไมนะ...
แต่ก็ไม่กล้าถามพ่อเขาตรงๆอยู่ดี เดี๋ยวพ่อดินจะหาว่าเราเป็นเด็กลามกอีก
ก็เพราะว่าพักหลังมานี้พ่อเขาไม่ค่อยพาเราเล่นอะไรแปลกๆแบบนั้นแล้วซะด้วยสิ
แล้ววันนั้นไม่รู้คิดยังไง ปกติพอมืดมากินข้าวเสร็จเราก็จะง่วงแล้ว
แต่วันนั้นเรากลับนอนดูหนังกับพ่อเขาซะอย่างนั้น ซึ่งส่วนใหญ่หนังที่พ่อเขาดูก็จะเป็นหนังบู๊หนังแอคชั่น ยิงกันอะไรทำนองนี้
เราเองก็นอนดูไปอย่างนั้นแหละ ที่จริงก็นอนซบไหล่พ่อเขาแล้วเขี่ยหัวนมเล่นเป็นระยะๆ
รู้ตัวอีกทีเราก็ติดนิสัยชอบเล่นหัวนมพ่อเขาไปแล้ว ก็เพราะว่าพอเขี่ยหรือสะกิดเล่นวนไปมาตรงเป้าพ่อดินก็จะพองขึ้นแล้วกระตุกหงึกๆขึ้นลง เรารู้สึกว่าสนุกดี
ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเราเผลอเล่นนานเกินไปก็จะโดนพ่อเขาทุบหัวเข้าให้ประจำ 5555
แล้วหนังที่ดูวันนั้นก็เป็นใจซะด้วย เราก็ไม่รู้ว่าเพราะอะไร ทำไมดูไปดูมาตอนแรกมันก็ยิงกันไปมาแล้วก็เป็นบทพูด
สักพักก็ตัดไปฉากที่ร่วมรักกัน พระเอกนางเอกจูบกันแบบดูดดื่มสไตล์หนังฝรั่งสักพักก็ตัดเข้าฉากมีอะไรกัน
เพียงแต่มันไม่ได้เห็นอะไรชัดเจนเหมือนหนังโป๊ที่ไอ้สองเปิดให้ดูเท่านั้นเอง
“หึ่ม! ตาลุกวาวเชียวนะไอ้ตัวแสบ” พ่อดินให้มามองเราแล้วยิ้มกริ่มก่อนจะยกมือด้านที่เราซบไหล่พ่อเขาอยู่ ยกมือขึ้นมาเปิดตาเรา
“หื๊อ! พ่อดินอ่า” เรายกมือขึ้นมาพยายามแกะมือพอดินที่เปิดตาเราไว้ออก ก็คนมันอยากดูนี่!
“ไม่ให้ดู พอแล้ว เดี๋ยวใจแตก”
พอพ่อดินเขาไม่ยอมเปิดมือออก ก็เลยทำให้เราเพียงได้ยินแต่เสียง อือ...อ๊าๆ ครวญครางของพระเอกและนางเอกในเรื่องเท่านั้น...
สักพักพอฉากนั้นจบลง พอดินก็ปล่อยมือออก เราเลยหันไปหาพ่อเขาแล้วทำหน้าบูดใส่ก็เลยโดนพ่อเขาเขกหัวเข้าให้หนึ่งที...
“ก็ผมอยากรู้...” ถึงฉากนั้นมันจะผ่านพ้นไปแล้วแต่ความอยากรู้ของเรามันก็ไม่ได้จบไปด้วยสักหน่อย
“หืมมม แล้วหนูอยากรู้เรื่องอะไรละครับ ไอ้ลูกหมา” พ่อดินละสายตาจากหน้าจอทีวีแล้วหันมาถามเรา
“กะ...ก็...ผมอยากรู้ทำไมพวกผู้ใหญ่ชอบทำแบบนั้นกัน”
พอเราพูดจบพ่อดินก็หัวเราะออกมา
“ก็เพราะว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ไง เขาถึงทำแบบนั้นกัน” พ่อดินตอบพร้อมกับยกมือมาลูบหัวเราเบาๆ
“แล้ว...เป็นเด็กทำไม่ได้หรอฮะ?”
“อืมมมม พอทำแล้วหนูก็จะร้องไห้งอแงเหมือนตอนนั้น ที่เจ็บจนทนไม่ไหวหนูจำไม่ได้เหรอ? หึหึ” พ่อเขายื่นหน้ามาใกล้พร้อมกับยิ้มกริ่มแบบเจ้าเล่ห์
“จะ...จำได้ฮะ” เราตอบกลับไปแบบเชื่องๆในหัวก็พลางคิดไปว่าจะพูดเข้าเรื่องที่อมจู๋ยังไงดีนะ เพราะในหนังเมื่อตะกี้เท่าที่เห็นก็ไม่มีฉากแบบนี้ด้วยสิ...
“แล้วที่เขาเอาปากจูบกันแล้วเอาลิ้นตวัดไปมานี่เขาทำไปทำไมหรอฮะ?” อยู่ๆ ตอนนั้นภาพในหัวก็คิดเรื่องนี้ขึ้นมาได้จากฉากในหนังเมื่อกี้ เพราะพ่อดินเองก็เคยทำกับเราแบบนี้เหมือนกัน
อย่างน้อยก็ค่อยๆถามไปทีละเรื่องก็แล้วกัน...
พ่อดินมองหน้าเราแล้วยิ้มกึ่งหัวเราะ ก่อนจะตอบว่า “มันเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่ง”
แล้วพ่อดินก็โน้มตัวลงมาแล้วเอาริมฝีปากมาประกบกับริมฝีปากเราเบาๆ
“แบบนี้ไง” พ่อดินพูดพร้อมกับยิ้มกว้างแล้วก็ลูบหัวเราไปพลาง
“แต่ว่าเมื่อกี้เราไม่ได้ตวัดลิ้นกันเลยนะฮะ...”
“หะ! นี่ไง พ่อถึงไม่อยากให้ดู ใจแตกหมดแล้วไอ้ตัวแสบเอ้ย!!” พ่อดินเริ่มขยี้หัวเราแรงๆ พร้อมกับหัวเราะชอบใจ
ถึงไม่ได้เห็นในหนังแต่เราก็จำได้นะว่าพ่อดินเคยทำแบบนี้กับเราอ่ะ!!
“ผมอยากลองทำอีก...” ด้วยความที่เรากับพ่อดินเคยทำอะไรแบบนี้กันแล้วแล้วเราจำได้ว่าการทำแบบนี้มันไม่ได้รู้สึกเจ็บอะไร แค่มีความรู้สึกแปลกประหลาดเฉยๆเวลาที่ได้สัมผัสกับลิ้นคนอื่นตรงๆ ก็เลยอยากลองทำดูอีก
“เอาจริงอ่ะ? งั้น...พ่อให้หนูเป็นคนทำนะจะได้หายคาใจ หายสงสัยสักที” พูดจบพ่อดินก็ยกตัวเราขึ้นไปนั่งบนตัก
ตอนนี้กลายเป็นว่าเรานั่งคร่อมร่างพ่อเขาอยู่แล้วพวกเราก็หันหน้าเข้าหากัน
“…”
“ทำ...ยังไงฮะ?” เรารู้สึกลังเลนิดหน่อยเพราะไม่รู้ว่าจะต้องเริ่มยังไง
“เอ้า! แล้วหนูอยากทำยังไงล่ะ หืออออ?”
“ผมอยากทำแบบในหนังเมื่อกี้...”
“งั้นหนูก็ทำสิ แต่พ่อไม่เป็นคนเริ่มทำนะ ไม่งั้นเดี๋ยวหนูก็ไม่หายข้องใจอีก”
พ่อดินยิ้มกริ่มพร้อมกับเอามือทั้งสองข้างมาจับตรงเอวเรา
เรานั่งลังเลอยู่พักหนึ่ง คือก็อยากทำนะแต่พอเห็นพ่อเขามองจ้องหน้าเราแบบนี้เราก็ทำตัวไม่ถูก...
“พ่อดินหลับตาก่อนสิฮะ”
“ทำไมล่ะ? เขินเหรอไอ้ตัวแสบ”
“ก็พ่อดินเอาแต่มองหน้าผมอ่ะ ผมก็ไม่กล้าทำ...” เราตอบกลับด้วยสีหน้ามุ่ยๆ
“อ่ะๆ งั้นเดี๋ยวพ่อหลับตา ไม่มองก็ได้...” พอเห็นพ่อดินหลับตา เราก็ครุ่นคิดอยู่สักพักว่าจะเริ่มยังไงดี
พอริมฝีปากประกบกันแล้วก็แลบลิ้นเข้าไปหรอ?หรือว่าแลบลิ้นเลียริมฝีปากตั้งแต่เริ่มเลย
มันดูเหมือนง่ายนะ แต่ทำไมพอจะทำจริงๆมันรู้สึกยากจัง!
จังหวะนั้นเราค่อยๆ ยื่นหน้าเข้าไปใกล้
พ่อดินก็หรี่ตาข้างหนึ่งขึ้นมามองพอดี ทำให้เราชะงักแล้วดึงตัวออก
“พ่อดินอ่า!! อย่าแอบมองซี่!!!”
พอพ่อเขาเห็นท่าทีของเราที่สะดุ้งแล้วดีดตัวออกก็หัวเราะชอบใจไปอีก...
เราเลยยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆอีกรอบแต่คราวนี้เราเอาฝ่ามือของเราขึ้นไปปิดตาพ่อเขาด้วยทั้งสองข้าง
จะได้ไม่ต้องลืมตามาแอบดูอีก
พอริมฝีปากเราเริ่มประกบกัน เราก็เริ่มเอาลิ้นเลียบริเวณรอบปากของพ่อเขาในหัวก็พลางคิดไปว่า
แล้วต้องทำยังไงให้พ่อเขาอ้าปากออกละ ยังไม่ทันที่เราจะคิดอะไรต่อพ่อดินก็ค่อยๆเผยอปากออก
แล้วลิ้นของพ่อเขาก็มาสัมผัสกับลิ้นของเราเบาๆ
ยอมรับเลยว่ามันเป็นความรู้สึกที่จั๊กจี้และแปลกประหลาดสุดๆ แต่เราก็ชอบนะ อิอิ
เราเริ่มลองตวัดลิ้นไปมา เหมือนที่เห็นในหนังเมื่อกี้ แล้วจู่ๆ ก็มีความรู้สึกสงสัยผุดขึ้นมาอีกว่าแล้วเราต้องทำแบบนี้ไปนานแค่ไหนกันละ?
สักพักก็รู้สึกได้ว่า ริมฝีปากพ่อเขาเริ่มอ้ากว้างขึ้นแล้วลิ้นของพ่อเขาก็คว้านเข้ามาในปากเรา...
อ้าวไหนบอกว่าให้เราเป็นคนลองทำล่ะ?!
เราก็เลยใช้ลิ้นตวัดกลับไปจากนั้นก็สัมผัสได้ว่าฝ่ามือของพ่อดินเริ่มลูบไล้ตามแผ่นหลังและตัวของเราแรงขึ้น รวมถึงลมหายใจของพ่อเขาก็ด้วย
พวกเรานั่งจูบกันแบบนั้นอยู่สักพัก ก็สัมผัสได้ว่าตรงเป้าของพ่อเขาที่เรานั่งทับเริ่มแข็งและนูนขึ้นมา
ด้วยความที่ในหัวเราก็คิดไปถึงสิ่งอื่นที่เกิดขึ้นในขณะนั้น
และสังเกตุปฏิกิริยาของร่างกายพ่อเขาไปด้วย
เราก็เลยไม่ได้สนใจลิ้นของเราที่สัมผัสกันอยู่ก็เลยเหมือนปล่อยให้พ่อเขาทำคนเดียวอีกแล้ว...
ด้วยความที่เห็นว่าเรานิ่งไปมั้ง พ่อดินก็เลยถอนปากออกแต่ยังหายใจแรงอยู่ พร้อมกับมองหน้าเราแล้วยิ้มให้พร้อมกับถามว่า “ไง สบายใจ หายสงสัยรึยัง?”
“ฮะ...” เราพยักหน้ารับแบบอายๆก็พ่อเขาเล่นจ้องแล้วก็ยิ้มหวานซะขนาดนั้น เราก็เขินเหมือนกันนะ
“แต่…ที่พ่อดินบอกว่า ที่ทำแบบนี้เพราะเป็นการแสดงความรักอย่างหนึ่งงั้นถ้าเรารู้สึกรักคนอื่นก็ทำแบบนี้ได้หรอฮะ?”
“ไม่ได้...หนูทำแบบนี้กับพ่อได้คนเดียวเท่านั้น คนอื่นห้ามทำแบบนี้เด็ดขาดเลยเข้าใจมั้ยครับ?”
“เข้าใจแล้วฮะ...แล้วถ้าผมอยากทำแบบนี้อีกละ...” ตอนนั้นในใจที่ถามออกไปเพราะเราเองก็เริ่มชอบความรู้สึกแปลกๆเวลาที่เราลิ้นเราสัมผัสกันซะแล้วสิ...
“อืมมมมม อยากทำงั้นเหรอ? งั้นเอาไว้โตกว่านี้ก่อนละกันพ่อจะให้นั่งจูบทั้งวันทั้งคืนเลย ดีมั้ย?”
“โห...ทั้งวันทั้งคืนเลยหรอฮะ?” เอาไว้ตอนโตอีกแล้ว...
แล้วก็นะที่จริงก็อยากทำอยู่หรอกแต่ไม่ได้อยากทำทั้งวันทั้งคืนขนาดนั้น
“ใช่ ทำทั้งวันทั้งคืนให้หนำใจไปเลย” พ่อดินพูดย้ำก่อนจะยักคิ้วให้
“งั้นถ้าสบายใจแล้ว ก็นอนได้แล้วไอ้ลูกหมา เดี๋ยวพรุ่งนี้ตื่นสายจะโดนทุบหัว”
เราลงมาจากตัวพ่อดินก่อนจะค่อยๆ นอนลงบนหมอนอย่างว่าง่ายทันที
พูดตามตรงนะ ที่ทำไปทั้งหมดตอนนั้นสุดท้ายแล้วเราก็ไม่เข้าใจอยู่ดีว่าเราจะทำแบบนี้กันไปทำไม
จนกระทั่งเมื่อโตขึ้นพอที่จะเข้าใจอะไรทุกอย่างแล้วนั่นแหละ... 555555
ขอยกประเด็นเรื่องหนังโป๊ที่คุณ koth2 ถามกลับว่าทำไมเราตอนเด็กเหมือนคนขี้สงสัยแต่ทำไมไม่ยอมรื้อหาหนังโป๊ของพ่อเขา
มาตอบในโพสต์นี้นะ
เพราะอันนี้รู้สึกมันตลกมาก ถ้าพูดถึงตอนเด็ก ด้วยความที่ภาพจำที่เรามีต่อหนังโป๊ ที่สองมันเปิดให้ดูตอนนั้น
บอกตามตรงว่ารู้สึกหนังโป๊เป็นสิ่งที่รุนแรงและโหดร้ายมากสำหรับเรา
จำความรู้สึกตอนนั้นได้ ตอนที่เราดูหนังโป๊รู้สึกเหมือนนั่นมันไม่ใช่หนัง มันเหมือนวิดีโอบันทึกภาพที่เกิดขึ้นจริง
สีหน้าและเสียงร้องของผู้หญิงที่ครวญครางและพยายามดิ้นทุรนทุรายมันรู้สึกโหดร้ายมากสำหรับเราในวัยเด็ก
แล้วเราไม่รู้ว่าหนังโป๊มันคือการแสดงอย่างหนึ่ง เราไม่เข้าใจ เราคิดว่าผู้หญิงคนนั้นถูกบังคับขืนใจ ถูกกระทำจริงๆ
เราเลยไม่อยากดูอีก แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ใหญ่เขาถึงได้ดูหนังอะไรแบบนี้กัน
ทีนี้ต่อให้รู้ความลับว่าพี่เขาก็ซ่อนหนังโป๊เอาไว้ เราเลยไม่รู้สึกสนใจมันเท่าไหร่ เพราะไม่ได้อยากดูเลยยยย
แล้วความเป็นเด็กอ่ะมันใสซื่อมากกกก
เราไม่เข้าใจและไม่รู้เลยว่าการกระทำที่เราอยากทำกับพี่เขาในตอนนั้น
เอ่อ...มันก็คืออันเดียวกันกับหนังโป๊นั่นแหละ 55555
ยิ่งย้อนวัยยิ่งรู้สึกปวดหัวกับตัวเองในตอนนั้นสุด
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ความพี่ยังเด็กอยากรู้อยากเห็นแต่น้าก็จัดให้ตลอด น้านะน้า ขอบคุณครับ น่ารักกกกกก ขอบคุณครับ Forcely ตอบกลับเมื่อ 2022-9-10 22:09
น่ารักกกกกก ขอบคุณครับ
เหมือนพ่อดินจะห่วงเราตั้งแต่เด็กๆ แสดงว่าที่พ่อเขาไม่มีแฟนเลยเพราะคุณมินแน่ๆๆๆๆ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณครับ มาแล้วๆๆ ขอบคุณครับ
ก็ทำไมไม่บอกสองไปว่า เค้ารีดนมข้นกัน ปรกติก็ทำให้ให้พ่อเค้าบ่อยๆๆ รีดเสร็จก็ต้องกินให้หมดด้วย
เรามีของพ่ออยู่แล้วเราคงทำให้สองไม่ได้หรอก ไปหาคนอื่นนะ 55555
ไอ้สองนี้ยังไงนะกับเจ้าของกระทู้เนีย
ตอนนี้ใจฟูเบาๆๆ
MVP ตอนนี้ขอยกให้ป้าปู ทำหน้าที่แม่ผัวได้ดีเยี่ยม ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ น่าจะลองขอพี่ยักษ์กินนมข้นเยอะๆนะ จะได้โตไวๆ เรียนรู้ไวๆ {:5_137:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รออ่านตอนต่อไปครับ ขอบคุณครับ เป็นวัยเด็กที่อยากลองจริงๆนะ ขอบคุณมากครับ ดีจังครับ ลองอะไรต่อดี อิอิ ขอบคุณครับ