ม.ปลายวัยอยากลอง 12 (จากกันด้วยดี)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Bassguitar เมื่อ 2022-9-17 10:56*ตอนนี้ไม่มีเรื่องเสียวนะครับ*
ตอนที่ผมไปลาพีก่อนจะกลับจากค่าย วันนั้นเองผมกลับขอโทษแค่เรื่องที่ไอ้ก้องมันเข้าไปหาเรื่อง ผมเห็นพีมันทำหน้าเศร้าสุด ๆ จนผมรู้สึกได้ ผมเลยคิดว่ามันไม่น่าจะพยายามตื้อผมให้ไปมีอะไรด้วยในเต้นท์ (เหมือนตอน ม.2) บางทีมันก็แค่อยากจะอยู่ด้วยกันกับผมนาน ๆ เพราะปีนี้เป็นปีสุดท้ายของค่ายและก็คิดว่าพวกเราคงไม่ได้เจอกันอีก ตอนที่พีกุมมือผมไว้นั้นผมเองก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิดเข้าไปใหญ่ และมันยังให้ผมนึกถึงของเราจนแทบจะร้องไห้ต่อหน้ามัน เหมือนตอนนั้นใจผมมันจะเอนไปหาพีอีกครั้ง
พอเข้าค่าย ร.ด. ภาคสนามเสร็จ มีเวลาพักอีกอาทิตย์นึงก็จะเป็นสัปดาห์สอบปลายภาค ผมกลับมาคิดเรื่องของพีอยู่หลายวันจนไม่มีอารมณ์ทำอะไรช่วงนั้นผมติดฟังเพลง ๆ เดียววนอยู่นั่นวันละร้อยรอบพันรอบ เพราะคิดว่าเพลงมันช่างเข้ากับผมตอนนี้ (หลายคนน่าจะเคยเป็น เปิดเพลงฟังแล้วทำเป็นเล่น MV ละอีกอย่างตอนนั้นพอขึ้น ม.6 ก็สมัครเฟซใหม่แล้ว แต่ไม่กล้าแอดเพื่อนไปคุยกับมันเพราะผมก็ไม่อยากทำให้ก้องมันเสียใจเหมือนกัน) ผมกับก้องก็กลับมาคุยกันเหมือนเดิมแต่ผมยังไม่มีเวลาไปไหนด้วยกันเพราะผมต้องแบ่งเวลาอ่านหนังสือ และช่วงนี้ผมยังต้องนอนที่ ร.ร. ซ้อมดนตรีเพื่อสำหรับเล่นงานปัจฉิมหลังสอบ รู้สึกจะซ้อมหนักด้วยเพราะเข้าค่ายไปตั้งอาทิตย์นึงเลยตามคนอื่นไม่ทันนี่จะเป็นการขึ้นเล่นครั้งแรกของผมเพราะทุก ๆ ปีครูชัยแกจะใช้วงแกเล่นงานปัจฉิมและวงของครูศิลปะอีกคน แถมรอบนี้สมาชิกในวงอยากให้ผมร้องปิดท้ายไปด้วยไหน ๆ หัวหน้าก็จะจบแล้วเลยต้องฝึกร้องฝึกเล่นไปยาว ๆ ต้าเองช่วงนี้มันก็มานอนโรงเรียนอยู่ด้วยเพราะอยากให้ผมสอนกีต้าร์โปร่งให้มันก่อนจะจบ แต่ก็ไม่ได้ทำไรกันนอกจากให้มันกอดทุกวัน สมาชิกคนอื่นในวงก็รู้แล้วว่ามันชอบนอนกอดผม แต่ด้วยความที่มันเป็นเด็กขี้เล่นและคนอื่น ๆ ก็คิดว่ามันมีนิสัยติดหมอนข้างเลยไม่พากันคิดอะไร และต้าก็ชอบมาขอแชร์หูฟังตอนผมนอน ถึงผมจะเปิดเพลงเดียวกี่รอบ ๆ ก็ตามเพราะยังมูฟออนไม่ได้ แต่ก็อ้างกับมันว่าจะร้องเพลงนี้เลยต้องฟังไว้บ่อย ๆ จนต้ามันบอกว่าเพลงนี้ได้กลายเป็นเพลงโปรดของมันไปด้วย
แถมช่วงนั้นก็ตรงกับวันวาเลนไทน์ด้วย ซึ่งผมก็โตเกินที่จะให้ของคนที่แอบชอบแล้ว ได้แต่รับสติ๊กเกอร์เวลาที่คนมาขอแปะ ในกลุ่มผมนี่แต่ละปีก็จะพากันขิงว่าใครได้สติ๊กเกอร์กับของเยอะสุด ซึ่งตลอด 3 ปีไม่เคยมีใครได้เยอะเท่าไอ้ก้อง (ไอ้นี่มันต้องแอบซื้อมาแปะเองแน่ คนจะชอบมันได้ไงหล่อแต่กวนตีน) ปีนี้ก้องมันก็แอบมาถามผมว่าอยากได้อะไรป่าว ผมก็เลยบอกมันว่าไม่ใช่เด็กแล้วเน้อที่จะซื้อของให้คนที่ชอบ เอาแค่ความรู้สึกก็พอ มันเลยขอให้ผมแอบหอมแก้มมันทีตอนคนอื่นเผลอ พอคาบสุดท้ายที่ห้องดนตรี ผมกำลังซ้อมส่วนตัวอยู่ในห้อง ต้ามันก็เดินเข้ามาทำหน้าแปลก ๆ แล้วมองสติ๊กเกอร์หัวใจบนเสื้อผม ทำตัวส่ายไปส่ายมาพักนึง
ผม : เป็นไรเนี่ยทำตัวส่ายไปส่ายมา
ต้า : เดี๋ยวพี่จะดุ รอพี่ซ้อมเสร็จก่อน
ผม : จะดุไรละโห่ววว
ต้า : พี่เบส ผมขอแปะสติ๊กเกอร์ด้วยได้ป่าว
ผม : อ่า มาดิ " ต้าขอแปะสติ๊กเกอร์ลงบนเสื้อผมอีกคน แถมยังซื้อ Ferrero Rocher ให้อีกด้วย (ขนมช็อคโกแลตที่แพง ๆ น่าจะกล่องละ 200)
ผม : เห้ย ๆ ไม่ต้องซื้อของให้ก็ได้มั้งโต ๆ กันแล้ว
ต้า : เนี่ย พี่ดุผมอีกแล้ว
ผม : ไม่ได้ดุก็แค่บอก
ต้า : ก็โตแค่พี่นิ แต่ผมยังไม่โตซะหน่อย
ผม : แต่พี่ไม่ได้เตรียมของให้อ่ะดิ
ต้า : ไม่เอาหรอก ผมได้จากพี่มาเยอะแล้ว "เด็กน๋อเด็ก แต่ผมยังซ้อมไม่เสร็จเลยยังไม่ได้ลุกเอาขนมไปเก็บ คนอื่น ๆในวงก็เริ่มพากันมา พอเจอขนมมันก็พากันมาขอกินเพราะมันคิดว่าคนอื่นเอามาให้ ผมที่ปกติน้อง ๆ ขออะไรก็ไม่เคยปฏิเสธก็ต้องยอม ต้ามันก็ทำเป็นน้อยใจผมเลยทีนี้เพราะผมไม่ยอมเอาไปเก็บ แต่ก็มาขอโทษมันทีหลังและยอมเป็นฝ่ายนอนกอดมันคืนนั้น
หลังจากนั้นก็จะถึงสัปดาห์ของการสอบ พอสอบเสร็จก็ถึงวันปัจฉิม พวกผมพากันไปเซ็ทของก่อนตอนเช้า แล้ว ม.3 กับ ม.6 ก็เข้าไปรวมกันที่หอประชุม A ทำพิธีจบแล้ว ก่อนที่จะทยอยเดินไปยังหอประชุม B เพื่อเข้าคอนเสิร์ต ระหว่างทางก็มีจะมีน้อง ๆ คอยให้ของขวัญมากมายแต่ละคนก็เดินไปถ่ายรูปไป ของผมเองส่วนใหญ่ก็มีแต่รุ่นน้องในวงนิล่ะที่ให้ก็พากันทำมงกุฏดอกไม้&สายสะพายคำว่า "หัวหน้าวง" ให้ผม บางคนก็น้ำตาไหลเพราะผมก็อยู่กับวงนี้มาตั้งแต่ ม.1 และก็สอนรุ่นน้องมารุ่นต่อรุ่น ต้าเองก็เดินมาหาเพื่อนคนอื่น ๆ ในวงด้วยแต่ยังไม่ให้ของผม มาถ่ายรูปรวมเฉย ๆ จนผมตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้งเพราะมันมีคนทำอะไรเกินเบอร์ แน็คมันเล่นหอบตุ๊กตาหมีมาพร้อมช่อดอกไม้ (เผื่อจำแน็คไม่ได้ เป็นรุ่นน้องนักฟุตซอลที่สนิทกับผมช่วง ม.ต้น ย้อนไปอ่านได้)
แน็ค : พี่เบส เรียนจบแล้ว แถมยังมีที่เรียนต่อแล้ว พี่ชายผมเก่งที่สุดเลย" แน็คยิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่ใครเห็นก็ต้องตกหลุมรักมัน พร้อมยื่นของให้กับผม
ผม : เห้ย ให้พี่เยอะขนาดนี้เลยหรอ
แน็ค : ก็อยากให้อ่ะ พี่สุดหล่อของผมเรียนจบแล้วทั้งคน " ผมไม่รู้หรอกนะว่าสถานะของน้องตอนนี้มันเป็นยังไงคบกับใคร แต่ผมคิดว่าน้องมันก็ไม่ได้ให้ผมเพราะความเสน่หาหรอก น่าจะให้เพราะความยินดีมากกว่า ผมเลยได้ชวนแน็คมาถ่ายรูปด้วยกันโดยให้เด็กในวงนี่แหล่ะถ่ายให้ แต่กลับมีสายตาที่จ้องมาทางผม หนึ่งเลยคือน้องต้าที่ยืนทำหน้าเจื่อนอยู่ฝั่งตรงข้ามกับคนอื่น ๆ และไอ้ก้องที่หอบของมาเต็มเพราะคนชอบมันเยอะกำลังเดินผ่านหลังตากล้องไปกับพวกไอ้เต้ ผมก็เดินถ่ายรูปกับคนที่มาแสดงความยินดีไปเรื่อย ๆ จนถึงหอประชุม B ถึงได้รีบเตรียมตัวจะขึ้นเวที ผมกลับรู้สึกประหม่าแปลก ๆ เพราะต้องแสดงให้ทุกคนดูครั้งแรก ตอนแข่งยังไม่รู้สึกขนาดนี้ จนถึงเวลาขึ้นแสดง ลืมบอกว่าเป็นวงสตริงคอมโบ้ ก็มีกีต้าร์ 2 เบส คีย์บอร์ด กลองชุด นักร้องนำชายกับหญิงสลับกัน (ผมเล่นกีต้าร์1) พอขึ้นแสดงก็เรียกเสียงกรี๊ดได้มากพอสมควร ทุกคนเล่นได้ดีสมกับที่ซ้อมมา ผมที่เล่นโน้ตโซโล่ก็ต้องโฟกัสที่กีต้าร์ ฟังซาวน์รวมและควบคุมวงไปด้วยเลยไม่ค่อยได้มองไปข้างล่างเท่าไหร่ ลากยาวจนเหลือ 3 เพลงที่ผมโดนทาบทามให้ร้องปิดท้ายวงพอดีช่วงนั้นผมติดเพลง ๆ นึงที่บอกไว้ก่อนหน้านี้ที่ฟังวันละหลายรอบแล้วชอบนึกถึงพี ผมเลยใช้เพลงนั้นเอามาร้องเพลงแรก (ความทรงจำ - Musketeers) เพราะผมจะต้องร้องไปด้วยเลยเล่นเป็นโน้ตเกา ให้อีกคนโซโล่ไป มันเลยทำให้ผมสามารถกวาดสายตาเห็นบรรยากาศภายในหอประชุมทั้งหมด พวกไอ้ก้องและชาวแก๊งของผมก็ได้โห่ร้องและปรบมือให้ ไอ้แฮมก็ยกโทรศัพท์มาอัดคลิปไว้ล้อผม ผมร้องไปได้สักครึ่งเพลงได้มันก็ทำให้ผมต้องจ้องไปที่คน ๆ นึง เป็นคนที่ถึงจะอยู่ไกลแค่ไหนแต่ผมกลับคิดว่าไม่ได้คิดไปเองและต้องใช่มันอย่างแน่นอน
.
.
.
นั่นก็คือพี ที่ยืนหลังพิงผนังอยู่กับเพื่อน ๆ นักกีฬาและเพื่อนสมัย ม.3 ของมันตรงฝั่งประตูทางออกด้านหลังและกำลังยืนจ้องผมอยู่ พอสายตาผมจ้องและได้รู้ว่าเป็นมันจริง ๆ ก็เกือบร้องต่อไม่ไหว จากเพลงเศร้าก็ดันทำให้เสียงตัวเองเศร้าหนักกว่าเดิมอีกเหมือนได้บอกทุกอย่างที่อยากบอกมันออกมาเป็นเพลงให้มันฟังจนจะร้องไห้ออกมาด้วย (ถ้าอยากรู้ว่าผมรู้สึกยังไงลองตามไปฟังเพลงนี้นะเผื่อจะเพิ่มอรรถรสในการอ่านยิ่งขึ้น) แต่ยังไม่ทันจบเพลงแรกพีมันก็สะพายกระเป๋าแล้วเดินออกไปก่อน พอจบเพลงแรกผมเกือบร้องต่อไม่ไหวเหลืออีกตั้ง 2 เพลง จะพอแล้วก็ไม่ได้เพราะรุ่นน้องมันพูดส่งให้เราไปแล้ว มีแต่ต้องปรับอารมณ์ให้มันดูเป็นมือโปรหน่อย (ใช้เพลง นิทาน กับ Dancing วง Musketeers เพลงเร็วร้องปิดท้าย เป็นวงที่ชอบที่สุดละตอนนั้นต้องเอามาแกะทุกเพลง) หลังจากเล่นเสร็จส่งให้วงอื่นต่อแล้วผมก็ต้องขอตัวรีบเก็บกีต้าร์ใส่กระเป๋าและเก็บของที่ได้มาเมื่อเช้าทั้งหมดหอบออกมาจากหลังเวที ผมเดินหามันรอบ ๆ หอประชุมยังไงก็ไม่เจอจนผมเดินกลับไปห้องดนตรี ซึ่งตอนนี้ห้องมันเงียบมากเพราะคนอื่น ๆ อยู่ที่หอประชุมกันหมดผมเลยเข้าห้องเอาของไปวางไว้แล้วว่าจะลองไปหาพีที่ห้องพละ แต่ไม่ทันไรผมก็ได้ยินเสียงคนเปิดประตูตามเข้ามาผมหันไปดูก็เจอกับพีที่ยืนจ้องผมด้วยแววตาที่เหมือนกับวันนั้น
พี : เบส มีของมาให้ "พียกกระเป๋าสะพายออกมากำลังจะเปิดเอาของให้ผม แต่ใจผมคือไปแล้วไงตอน+กับสภาพความคิดของผมตั้งแต่หลังจบค่าย แล้วเหมือนได้ร้องเพลงให้มันฟังอีกนั้นมันทำให้ผมสลัดลุคนักดนตรีหล่อเท่ห์เป็นเด็กขี้แยเหมือนตอน ม.ต้น รีบวิ่งเข้าไปกอดมันแล้วร้องไห้ หลากหลายความรู้สึกผมมันไหลเข้ามาในหัวทั้งรู้สึกผิด รู้สึกคิดถึง รู้สึกเศร้า มันจุกอยู่ในอกเต็มไปหมด พีมันก็กอดผมแน่นและปลอบผมว่าอย่าร้อง แต่มันเองก็แทบจะไม่ไหวแล้วเหมือนกันเลยร้องตาม มันเอามือมาลูบหัวผมอย่างที่มันมันชอบทำ
พี : เนี่ยมึงจะทำให้กูร้องไห้ตามนะ" ผมก็ยังกอดมันค้างไว้ไม่ยอมปล่อย
พี : เห้ยเหงื่อกูออกเดี๋ยวก็เหม็นหรอก พึ่งขี่รถมาจากในเมืองเนี่ย"ผมก็ยังไม่ปล่อยได้แต่ส่ายหน้าที่แนบต้นคอมันเชิงปฏิเสธว่าไม่เหม็นอยู่แบบนั้น (เหมือนเด็กเลยย้อนมาคิดละอายมันชิบหาย)
ผม : พีกูขอโทษ กูหยุดคิดถึงเรื่องมึงไม่ได้สักที"ผมพูดโดยที่ยังไม่หยุดร้อง
พี : เห้อขอโทษไรล่ะ คนผิดมันกูนิที่ทำตัวเอง เลิกร้องไห้เหอะนะ"ผมก็ยังกอดมันไม่ปล่อย
พี : ถ้าสมมติว่าตอนนั้นกูไม่ทำเป็นรังเกียจมึง รึว่ากุยอมเรียนต่อ ม.ปลายที่นี่ กูกับมึงจะเป็นยังไงกันนะ "พีมันลูบหัวปลอบผม ละมันทำให้ผมใจเย็นลง
พี : นี่ถ้ามึงยังไม่เลิกกอดกูจะแข็งขึ้นมาจริง ๆ แล้วนะ " พีมันพูดให้ผมตกใจเล่นผมเลยผละออกจากมัน ปาดน้ำตาแล้วยิ้มแก้เขิน
ผม : ขอบคุณนะที่มา ขอบคุณจริง ๆ
พี : โห่เพื่อนกูเป็นสิบ ๆ จะไม่มาได้ไงล่ะ โดยเฉพาะมึงนะเบส เนี่ยมีของมาให้ "ผมยังทำเป็นซัพน้ำตาอยู่
พี : ละเป็นไงมั่ง หายยัง เรื่องที่บอกว่าทำให้คิดมากเรื่องกู
ผม : อือ แค่กูได้กอดมึงเมื่อกี้ก็รู้สึกโล่งขึ้นละ
พี : ไอ้มือกีต้าร์ขี้เก๊กเมื่อกี้นี้หายไปไหนละวะ ไมกลายเป็นเด็กขี้แยซะงั้น
ผม : โห กูดูขี้เก๊กด้วยหรอวะ
พี : ป่าวหรอก มึงโคตรสุดยอด เพลงแรกกูเกือบร้องตามละ แต่ไม่ใช่ร้องเพลงนะ จะร้องไห้เอาเนี่ย"ผมก็ตลกกับท่าทางที่มันพูด จนมันหยิบของข้างในกระเป๋าออกมาให้ผม ก็เป็นดอกไม้ช่อใหญ่ที่ดูเหมือนว่าจะซื้อมาจากในตัวเมือง และก็มีห่อของขวัญมาด้วย มันบอกเดี๋ยวค่อยแกะดู ผมก็รับไว้และขอบคุณมัน
ผม : โหใจป๋าขนาดนี้ ใครได้เป็นแฟนคงรักตายเลยป่ะ
พี : ก็ว่าไปตอนนี้ยังไม่มีสักหน่อย แต่หล่อ ๆ อย่างกูหาแปป ๆ ก็ได้ละหลายคน แต่น่าจะหาได้น้อยกว่ามึงอยู่แหล่ะเบส " พีมันย้อนผมคืนแต่มันก็ทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง
พี : กูไปดีกว่า ไม่อยากมีปัญหาให้แฟนมึงมาหาเรื่องอีก
ผม : โห่มันก็ฝากขอโทษละไง งั้นเดี๋ยวทีหลังลากไปขอโทษต่อหน้าให้เอาป่ะ
พี : หึ ไม่เอาอ่ะ กูไม่ได้คิดอะไรแล้ว ไปละ "พีมันลาผม ผมก็ได้แต่มองตามหลังมัน ได้แต่หวังว่ามันจะสมหวังกับคนที่มันรัก(คนอื่น ไม่ใช่ผม) ในไม่ช้าสักวัน จนมันละสายตาไปผมที่ตอนนี้รู้สึกเหมือนได้ยกภูเขาออกจากอก (คิดสภาพตัวเองถ้ามันไม่มาคงรู้สึกแย่แบบนั้นไปอีกนาน) ผมก็รีบแกะดูของขวัญที่พีให้ เป็นเสื้อแขนยาวของ adidas (หลังจากนั้นก็เป็นเสื้อที่ใส่บ่อยสุดละเพราะชอบสวยดี)และมีจดหมายแนบมาด้วย ซึ่งตอนนี้ผมก็ทำจดหมายนั้นหายไปละเขียนไว้ยาวอยู่ ก็แนว ๆ ขอโทษผมจากใจเหมือนนั่นแหล่ะ แล้วก็ขอให้ผมรักกันนาน ๆ ประมาณนี้
หลังจากเคลียร์ปัญหาคาใจและจัดการทุกอย่างเสร็จ ตอนเย็นก็พารุ่นน้องที่นอน ร.ร. และนักดนตรีไปกินหมูกระทะกัน จนถึงตอนเข้านอน ผมก็รวมของที่ได้มาวันนี้กะจะถ่ายรูปขอบคุณทุก ๆ คน ต้ามันก็เข้ามานั่งบนฟูกทำหน้าบูดไม่พูดอะไรจนผมต้องถาม
ผม : เป็นไรอ่ะเรา
ต้า : ป่าวพี่ คนที่ให้ตุ๊กตาหมีพี่เมื่อเช้านี่ใครอ่ะ
ผม : อ้อ ชื่อแน็คอยู่ ม.5 รู้จักกันตั้งแต่ ม.ต้นละ
ต้า : โห ให้ทั้งดอกไม้ทั้งตุ๊กตาเลยอ่ะ
ผม : เอ้า ก็เขาอยากให้อ่ะสนิทกัน ว่าแต่เราอ่ะ จะไม่ให้ไรพี่เลยหรอห๊ะ " ผมแกล้งถามมันไปแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะเห็นแก่ของหรอกนะ แซวมันเล่นเฉย ๆ
ต้า : ผมให้ตัวผมเลยพี่จะเอาป่ะ "ดูไอ้เด็กคนนี้มันตอบจนผมต้องเหล่ตาใส่มัน
ต้า : โห่ล้อเล่นน่า ตอนแรกว่าจะให้แหล่ะแต่สู้ของพี่แน็คไม่ได้เลยอาย
ผม : โห จะเอามาสู้ทำไมล่ะ ไม่ต้องให้อะไรแค่พี่เห็นความจริงใจก็พอแล้ว "ต้ามันก็ลุกแล้ววิ่งไปห้องเก็บของ สักพักถือถุงใส่ของมาด้วย
ต้า : อ่ะ ผมให้ " ต้ายื่นถุงนั้นมาให้ผมดื้อ ๆ ผมก็รับไว้แล้วหยิบของข้างในออกมา เป็นตุ๊กตานกเพนกวิน 2 ตัว แล้วมีป้ายห้อยที่คอเขียนไว้ว่า Bass และอีกตัวชื่อ Guitar
ผม : เห้ย ทำไมเป็นนกแพนกวินล่ะ
ต้า : ก็ผมไม่รู้ว่าพี่ชอบตัวอะไร ผมแค่ซื้อตามลายผ้าห่มพี่ " ซึ่งก็เป็นผ้าห่มที่ผมกับต้าแบ่ง ๆ กันผ่มนี่แหล่ะ
ผม : แล้วชื่อบนป้ายนี่คืออะไรอ่ะ
ต้า : ก็ bass ก็ชื่อพี่ guitar ก็ชื่อผมไง
ผม : ห๊ะ ต้านี่ย่อมาจากชื่อกีต้าร์หรอ แล้วไอ้เต้ละกีเต้มั้ย
ต้า : ป่าวหรอก ผมแค่อยากเรียกให้เป็นชื่อเครื่องดนตรีเหมือนกับพี่ "ผมนี่ง่อวววววว เลย เด็กนี่มันฉลาดเลือก ผมก็รับไว้แล้วเอามาถ่ายรูปรวมกับของคนอื่น ๆ
**มีต่อค้าบ อันนี้เป็นแค่เหตุการณ์สำคัญ ๆ ที่ผมได้เคลียร์ใจกับพี ขอโทษที่ไม่มีเรื่องเสียวให้อ่านนะฮะตอนนี้เพราะแบ่งมาจากอีกอันมันเยอะไป แต่ตอนหน้าไม่พลาดแน่นอนครับ ขอบคุณที่ติดตามครับ
จิดจามนะ ขอบคุณครับ. โหย ฟังเรื่องพีแล้วยิ่งเสียดาย เสียดายแบบที่พี่ว่าเลยว่า..
"ถ้าสมมติว่าตอนนั้นกูไม่ทำเป็นรังเกียจมึง รึว่ากุยอมเรียนต่อ ม.ปลายที่นี่ กูกับมึงจะเป็นยังไงกันนะ"
แต่ก็เข้าใจแหล่ะว่าเบสคงเลือกแล้ว เห้อ แต่ไงก็ขอ#ทีมพี ละกัน5555 ชอบมากเลยครับ อ่านตอนนี้แล้วรู้สึกอบอุ่นมากๆเลย ขอบคุณครับ สนุกมากครับ น่ารักมาก ชอบบรรยากาศแบบนี้จัง
ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณคับ ขอบคุณครับผม น้ำตาไหลตามเลยครับ
ป.ล. ป้ายตุ๊กตา bass กับ guitar เหมือนชื่อจขกท. ทำเอาคิดไปไกลเลยครับ ขอบคุณครับ เศร้าจังครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ตอนจาก ม.6 ซึ้งไม่ต่างกัน
หน้า:
[1]
2