รักพ่อดินที่สุดในโลกเลย ♥ [10]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Vitamin25 เมื่อ 2022-10-22 14:28เมื่อวันเวลาผ่านไปได้สักระยะหนึ่งเราก็เริ่มเข้าใจในสิ่งที่พ่อดินสอนและบอกเราตลอดว่าอย่าไปสนใจคำพูดของคนในหมู่บ้านมาก
เพราะสุดท้ายมีเรื่องใหม่เข้ามา(ในทางที่ไม่ดี)ของใครสักคนในหมู่บ้านหรือละแวกใกล้เคียง
คนนั้นก็จะตกเป็นเป้าและเป็นประเด็นต่อทันทีส่วนเรื่องพ่อดินก็แทบไม่มีใครสนใจและพูดถึงอีกแล้ว
ตอนนั้น เราถึงได้เข้าใจว่าที่พ่อเขาสอนและบอกว่าไม่ให้ใส่ใจ มันหมายถึงอย่างนี้นี่เอง...
-------
“พ่อดินฮะ วันนี้พ่อดินไปส่งผมที่บ้านเพื่อนหน่อยได้มั้ยฮะ?” เราบอกพ่อเขาในขณะที่พวกเรากำลังนั่งกินข้าวเช้ากันอยู่
“หือ...หนูไปทำอะไรบ้านเพื่อนเหรอครับไอ้ตัวแสบ?”
“พอดีว่า ผมต้องไปฝึกซ้อมวาดรูปกับเพื่อนเพราะอาทิตย์หน้าจะมีประกวดงานวิชาการฮะ”
จากนั้นเราก็เริ่มอธิบายให้พ่อเขาฟังว่างานประกวดวิชาการคืออะไรแล้วเราต้องทำอะไรบ้าง
แล้วด้วยความที่โรงเรียนเราค่อนข้างเล็กเด็กที่เก่งและสามารถส่งไปแข่งระดับตำบลได้เลยมีน้อย
ครูเลยคัดเอาเด็กที่มีความรู้ความสามารถของระดับป.4-ป.6มารวมกันแล้วก็จัดแบ่งว่าใครทำอะไรได้บ้าง
จำได้ว่าปีนั้นเราโดนจับลงแข่งหลายรายการเลย ไม่ใช่เพราะเก่งอะไรนะแต่มันไม่มีคนลง
แล้วครูใหญ่เขาอยากให้เด็กในโรงเรียนได้ลงแข่งทุกรายการเลยอย่างน้อยก็มีโอกาสลุ้นรางวัลชนะเลิศมากขึ้นอะไรแบบนี้มั้ง
ปีนั้นเป็นปีแรกที่เราเริ่มได้ไปประกวดเป็นตัวแทนของโรงเรียนก็รู้สึกตื่นเต้นพอสมควรเลย
จำได้ว่ามีแข่งตอบคำถามวิชาภาษาไทย ประกวดร้องเพลงไม่ได้เป็นคนร้องเพลงเพราะอะไรนะ 55555
แต่ว่าตอนนั้นลำดับชั้นป.4, 5, 6 เขาจะมีเพลงบังคับมาให้ร้องซึ่งพวกพี่ๆที่ลงของป.5และป.6 แล้วจะมาลงแข่งไม่ได้
เพราะงั้นเพลงประกวดร้องของป.4ก็เลยเหมือนกึ่งๆ ให้เราลงแข่งไปแทน
เหมือนเขาก็ไม่ได้คาดหวังรางวัลจากตัวเราแค่อยากให้มีคนลงในรายการนี้เฉยๆ เพราะยังไงเราก็ไปประกวดตอบคำถามอยู่แล้วงี้
และรายการประกวดอันสุดท้ายที่เราจะต้องไปซ้อมบ้านเพื่อนเนี่ยก็คือประกวดวาดรูปแบบกลุ่มที่มันตกมาอยู่กับเด็กป.4อย่างพวกเรา
เราคิดว่าตอนนั้นเด็กน่าจะไม่พอเพราะพวกพี่ป.5กับป.6 แต่ละคนก็ถูกจับแข่งในหลายรายการไปแล้ว
แล้วเหมือนเขาให้โจทย์มาว่าเป็นการวาดรูปแบบกลุ่มสามคน
ซึ่งที่ครูเขาให้พวกเราซ้อมวาดและช่วยกันระบายสีมันคือกระดาษหนึ่งร้อยปอนด์แผ่นใหญ่มาก
ทีนี้คนที่ลงแข่งวาดรูปกับเรา ก็จะมีคนหนึ่งที่เป็นเพื่อนผู้หญิง พ่อกับแม่เขาไม่ให้มาแน่นอนเพราะอยู่คนละหมู่บ้านด้วย
เราก็เลยนัดแนะกันว่างั้นจะไปฝึกซ้อมวาดรูปที่บ้านเพื่อนคนนี้กัน
ซึ่งคนที่ลงในรายการนี้ด้วยอีกคนก็คือ สอง...
ครูให้สองมันลงแข่งในรายการอื่นเหมือนกัน น่าจะประกวดคัดลายมือ และประกวดมารยาทมั้ง
ไม่รู้จะมีใครพอเห็นภาพมั้ย คือสองถ้ามองภายนอกจะเป็นเด็กที่เรียบร้อย(แต่มันไม่ได้ตุ้งติ้งเหมือนเรา)
และค่อนข้างมีมาดที่นิ่งพอสมควร แต่หน้ามันไม่ได้บึ้งตึง มันจะยิ้มแย้มไหนจะเสื้อผ้าที่รีดเรียบแปล้กว่าเด็กคนอื่นทั่วไปในโรงเรียน
ทำให้บุคลิกของสองมันค่อนข้างจะดูโดดเด่น
ถึงสองมันจะเป็นเด็กผู้ชายที่มีผิวสีแทนแต่ถึงอย่างนั้นผิวพรรณมันก็ดูสะอาดสะอ้านมาก
คือเห็นปั๊ปจะรู้เลยว่านี่แหละลูกคนมีตังค์ คนมีอันจะกิน ลักษณะของไอ้สองมันจะเป็นประมาณนี้เลย 555555
“พ่อดิน มีอะไรรึเปล่าฮะ?” เราถามขึ้นทันทีที่เล่าจบเพราะเห็นพ่อเขาทำสีหน้าเหมือนครุ่นคิดอะไรนิดหน่อย
“อ้อ...เปล่าจ้ะ...คือ ตอนแรกพ่อว่าจะชวนหนูไปขี่รถเที่ยวน่ะเพราะวันนี้พ่อไม่มีงาน แต่ไม่เป็นไร ไว้วันเราไปเที่ยวกันวันอื่นก็ได้เนอะ”
พอพ่อดินพูดจบเท่านั้นแหละ เราชะงักกึกทันทีเลย รู้สึกลังเล เริ่มไม่อยากไปซ้อมที่บ้านเพื่อนซะแล้วสิ...หรือว่าจะไม่ไปซ้อมดีนะไปเที่ยวกับพ่อเขาดีกว่า
“หึ!”พอเห็นพ่อดินกระแอมพร้อมกับยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์และมองมาที่เราเราก็รู้สึกเขินนิดหน่อย สายตาที่พ่อเขามองมา
เหมือนกับพ่อเขารู้ว่าเรากำลังคิดอะไรอยู่เลย...
“อะ...อะไรหรอฮะ?...”
“แนะ...ไม่ต้องคิดจะหาเรื่องไปเที่ยวกับพ่อเลยไปซ้อมวาดรูปกับเพื่อนนั่นแหละ เดี๋ยวหนูแข่งเสร็จก็ว่างแล้ว
เราค่อยหาเวลาไปเที่ยวกันใหม่ก็ได้ ตกลงมั้ยครับ? ไอ้ลูกหมา”
“ตก...ลง...ฮะ...”เราทำหน้าบู้ตอบกลับไป ทำไมพ่อเขาถึงได้รู้ทันความคิดเราทุกทีเลยนะ เป็นหมอดูรึไงเนี้ย?!
----------
พอถึงเวลาแปดโมงตามเวลานัดหมายพ่อดินก็ขี่มอเตอร์ไซค์พาเรามาส่งที่บ้านเพื่อนทันที
ก่อนที่พ่อเขาจะกลับมีการเยาะเย้ยเราอีกว่า ‘ตั้งใจซ้อมนะครับคนเก่งเดี๋ยวพ่อกลับไปรอที่บ้าน แล้วนอนเปิดการ์ตูนดู’
พร้อมกับยักคิ้วให้เราหนึ่งที แล้วขี่รถมอเตอร์ไซค์กลับไป...
พ่อดินอ่ะ!!!
“อ้าว... สองยังไม่มาหรอหนิง”เราเดินเข้าไปทักทายเพื่อนเจ้าของบ้านพร้อมกับถามหาสองทันทีเพราะเห็นว่าถึงเวลาที่พวกเรานัดกันแล้ว
“อ๋อ มันมาแล้วละ แต่เมื่อกี้วิ่งไปเข้าห้องน้ำละมั้ง?” หนิงตอบพลางจัดที่จัดทาง และเอาเสื่อมาปูบนแคร่ที่ตั้งหน้าบ้าน
ที่หน้าบ้านของหนิงมีต้นมะม่วงอยู่สามสี่ต้นก็พออาศัยร่มเงาใต้ต้นไม้นี่แหละให้พวกเรานั่งซ้อมนั่งฝึกกันได้อย่างสบาย
โดยที่ไม่ต้องเข้าไปรบกวนพื้นที่ในบ้านของหนิง
สักพักสองมันก็เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับยิ้มทักทายเรายอมรับตามตรงว่าทีแรกก็อึดอัดนิดหน่อย
เพราะเราก็กลัวว่าถ้าอยู่กับไอ้สองมันสองคนเพียงลำพังอีกมันจะชอบชวนเราคุยเรื่องแปลกๆ
ซึ่งเราไม่อยากคุยเรื่องอะไรแบบนั้นกับมันอีกแล้ว...
ดีที่ว่าการแข่งครั้งนี้มันเป็นทีมสามคนอย่างน้อยก็มีเพื่อนผู้หญิงอยู่ด้วยไอ้สองก็คงไม่กล้าพูดอะไรแปลกๆออกมา
เท่าที่จำได้ การฝึกซ้อมของพวกเราวันนั้นมันไม่ค่อยราบรื่นเท่าไหร่
การทำงานร่วมกันโดยที่มีเฉพาะเด็กๆเนี่ยมันยากจริงๆนะ ไหนจะเรื่องการหน้าที่
ความเห็นเรื่องแนวคิดของรูปวาดที่ออกมาไม่ตรงกันอีกกว่าจะได้เริ่มวาดก็ปาไปเกือบสิบโมงแล้ว...
เวลาผ่านไปสักพักใหญ่รู้ตัวอีกทีก็เหมือนว่าได้ยินเสียงเครื่องของรถมอเตอร์ไซค์พ่อดินดังแว่วมาจากที่ไกลๆ
เราเลยกระโดดลงจากแคร่แล้ววิ่งไปดูนาฬิกา ก็เห็นว่าเป็นเวลาบ่ายโมงเป๊ะๆ
“ยังไม่เสร็จเลยฮะพ่อดิน...” เรารีบวิ่งไปบอกทันทีที่เห็นพ่อดินจอดรถตรงหน้าบ้านรู้สึกเกรงใจพ่อเขาเหมือนกัน ถ้าจะให้มารับเราใหม่อีกรอบ...
“ฮ่า ดูทำหน้าเข้าไอ้ตัวแสบ ไม่เป็นไรจ้า...เดี๋ยวพ่อรอก็ได้”
“งั้น...เดี๋ยวพ่อมานะ ไปร้านค้าแถวนี้ก่อนหนูจะเอาขนมมั้ย?” พ่อดินถามพลางลูบหัวเราไปมา
“ไม่ฮะ”เราส่ายหัวปฎิเสธไปเพราะตอนนั้นเริ่มรู้สึกไม่อยากกินอะไรจริงๆอยากรีบวาดรูปให้เสร็จ เผื่อมีเวลาเหลือจะได้ไปเที่ยวกับพ่อเขาต่อ
“อ่ะๆ งั้นหนูไปวาดรูปกับเพื่อนต่อเถอะ เดี๋ยวพ่อไปซื้อขนมมาฝาก”
หลังจากนั้นไม่นานพ่อดินก็ซื้อพวกขนมของกินและน้ำอัดลมขวดใหญ่มาเยอะแยะเลย
พร้อมกับเข้าไปทักทายและเอาของที่ซื้อมาไปฝากพ่อแม่ของหนิงที่เป็นเจ้าของบ้าน
จากนั้นพวกผู้ใหญ่เขาก็ชวนคุยอะไรกันไปเรื่อยเปื่อย พอเห็นแบบนั้นเราก็โล่งใจ
เพราะทีแรกเราก็กลัวว่าพ่อเขาจะมานั่งรอเราแล้วรู้สึกเบื่อ
แต่ว่า...สองเนี่ยสิ มันดูตัวเกร็งผิดปกติ สีหน้ามันดูตื่นๆแปลกๆเวลาที่พ่อดินเขาเดินมาหาเรา
เวลาผ่านไปจนบ่ายสามโมงกว่า เราก็วาดและระบายสีลงในกระดาษใบใหญ่นั้นจนเสร็จ
แต่ผลงานออกมาไม่เป็นที่พอใจสักเท่าไหร่ เพราะเราช่วยกันวาดและช่วยกันระบายสี
งานที่ออกมาบนกระดาษมันค่อนข้างจะไปคนละทิศละทางพอสมควร
แต่ว่าพวกเราก็ต้องหยุดการซ้อมไว้เพียงเท่านั้น ถึงมันจะเป็นเวลาแค่บ่ายสามกว่าๆ
เพราะถ้ามาฝึกเริ่มวาดในกระดาษแผ่นใหม่น่าจะกินเวลาจนเย็นมากแน่ๆถึงจะรู้สึกว่ามันยังออกมาไม่ดี
แต่ก็ทำอะไรไม่ได้แล้วเอาไว้ไปฝึกกันต่อที่โรงเรียนแล้วกัน...
“งั้น เรากลับบ้านก่อนนะหนิงเอ้อ...สองจะกลับพร้อมกับเราเลยรึเปล่า?”
“พ่อดินฮะ ไปส่งสองด้วยได้มั้ยฮะ สองมันก็อยู่หมู่บ้านเดียวกับเราเลย”เราเงยหน้าหันไปถามพ่อดิน
เพราะกลัวว่าถ้าเรากลับไปไอ้สองจะนั่งเหงาอยู่คนเดียวดูท่าหนิงเองก็อยากเข้าบ้านแล้วเหมือนกัน
“ได้สิ” พ่อดินหันมายิ้มให้
“อะ...เอ่อ...เดี๋ยว...เรารอพี่มารับดีกว่า” สองตอบกลับมาด้วยสีหน้าละล่ำละลักเหมือนไม่ค่อยกล้าเงยหน้ามองและสบตากับพ่อดินเขาเท่าไหร่
“หรอ...เอ้อ งั้นเราไปก่อนนะ ไว้เจอกันที่โรงเรียน” พอเห็นท่าทีของสองมันเหมือนไม่อยากไปด้วย เราก็เลยไม่ตอแยถามต่อ
เราเลยบอกลาหนิงพร้อมกับเดินไปไหว้พ่อกับแม่ของหนิงเพื่อขอตัวกลับบ้านก่อน
เฮ้อ สุดท้ายที่มาซ้อมกันเองเนี่ยก็แทบไม่ได้อะไรเลย เสียเวลามากรู้งี้ไปเที่ยวกับพ่อเขาดีกว่า...
--------
พอถึงวันที่ต้องไปโรงเรียน ช่วงนั้นพอเข้าช่วงบ่ายทีไรเราจะต้องแยกออกมาซ้อมวาดรูปกับพวกสองทุกวันเลย
กว่าจะวาดเสร็จก็ถึงเวลาเลิกเรียนแล้ว แต่เราก็ยังกลับบ้านไม่ได้เพราะต้องไปซ้อมร้องเพลงต่อที่หอประชุม
หอประชุมของโรงเรียนที่ต่างจังหวัดอ่ะเนอะ ก็จะเป็นเหมือนห้องโถงโล่งขนาดใหญ่หลังคาสูงโปร่ง แบบสูงมากกกกกก
แล้วก็มีกำแพงกั้นรอบๆ ความสูงประมาณเลยหัวเรานิดหน่อย(หรือว่าตอนนั้นเราเตี้ยเกินไปก็ไม่รู้ 55555)
ครูจะพาพวกนักเรียนที่ต้องแข่งรายการประเภทที่ขึ้นไปโชว์บนเวที ไปซ้อมที่หอประชุมนี้
เพราะจะได้รู้สึกเคยชินกับเวทีไปในตัว พวกคนที่มาซ้อมก็จะมีคนที่ประกวดรำวงมาตรฐาน, อ่านทำนองเสนาะ, และประกวดร้องเพลง
จนถึงคิวเรา ยอมรับว่าทีแรกก็มีเขินๆ เกร็งๆ บ้างนิดหน่อย เพราะมีพวกนักเรียนที่วิ่งเล่นแถวนั้นก็มายืนดู
ไหนจะพวกเพื่อนๆ เราอีก แต่ก็พยายามตั้งสมาธิให้ดีตามทีครูบอก
แต่มันก็จะมีบางจังหวะที่เรารีบเร่งจังหวะเพื่อให้เพลงจบเร็วจะได้ลงจากเวทีไวๆสักที
แต่เพลงที่เราต้องไปใช้แข่งเป็นเพลงช้าไง พอเราเร่งจังหวะปุ๊ป ก็โดนดุเลย
เพราะครูบอกว่าถ้ารีบร้องแล้วรีบลงจากเวทีแบบนี้ไม่เอา ให้เอาใหม่ ครูบอกร้องไปตามจังหวะไปเรื่อยๆ ไม่ต้องรีบ
เราก็ค่อยๆร้องไปตามที่ครูบอก สายตาก็พยายามสอดส่องมองไปไกลๆไม่มองหน้าเพื่อนที่นั่งดูอยู่ข้างล่างเวที จะได้ไม่เขิน แต่ว่า...
สายตาเราเดินมองไปเห็นร่างสูงใหญ่ของใครบางคนที่ดูคุ้นตา เดินตัดผ่านสนามฟุตบอลและกำลังมุ่งตรงมาทางนี้
พ่อดิน!!!
ลืมบอกไปเลยว่าวันนี้เราเลิกช้า เพราะต้องอยู่ซ้อมร้องเพลง พ่อดินเขาคงมารับ แล้วไม่เห็นเราออกไปหน้าโรงเรียนแน่ๆ
ไม่รู้ทำไม พอเห็นว่าพ่อเขากำลังเดินมาทางนี้เราดันเผลอกลับไปร้องเร่งจังหวะให้เพลงมันจบเร็วๆอีกแล้ว
เขิน...มันเขินมาก ทำไมรู้สึกเขินพ่อเขาขนาดนี้ก็ไม่รู้
แน่นอนว่าสุดท้ายก็โดนครูดุไปอีกรอบจนได้ ครูก็เลยให้เราลงมาพักก่อนให้คนอื่นขึ้นไปซ้อมต่อ
พอพ่อเข้าเดินมาหาพร้อมกับยิ้มหน้าบานมาเลย เราก็รีบวิ่งไปกอดทันที
“เอ้า! เป็นอะไรเนี่ยไอ้ตัวแสบหนูร้องไห้ทำไม?!” พ่อดินถามด้วยความงุนงงกึ่งหัวเราะ
“ปะ...เปล่าฮะ...ผม.........เขิน อ่ะ” เราตอบกลับด้วยท่าทีที่เขินอายนิดหน่อย
ก็ไม่ได้เป็นอะไรจริงๆ แต่มันเขินอ่ะ เขินจนร้องไห้ งงตัวเองมาก 55555
“แล้วกัน คนเวลาเขินเขาก็ร้องไห้กันเหรอ? หืมมมมเจ้าน้ำตาจริงพ่อคุณเอ้ย” พ่อดินย่อตัวลงพลางยกเสื้อมาเช็ดคราบน้ำตาให้
“ดูๆ แหม...ไม่ค่อยเลยนะยะคุณมนัสวิน พอผู้ปกครองมารับหน่อยถึงกับน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล
กลับมานี่เลย ไปล้างหน้าล้างตาแล้วเดี๋ยวเตรียมตัวขึ้นซ้อมต่อซ้อมร้องให้ผู้ปกครองคุณเธอฟังด้วยเนี่ยแหละ ดูซิจะเขินอีกมั้ย?”
คุณครูออกมาดู ก็เห็นพ่อเขากำลังลูบหัวปลอบเรา ก็ทักแซวขึ้นมาทันที
“ไม่มีอะไรหรอกครับ พ่อคนนี้เขาร้องไห้เก่งเป็นประจำอยู่แล้วบ่อน้ำตาตื้นสุดๆ” พ่อดินหันไปทางคุณครูแล้วยิ้มให้ก่อนจะขยี้หัวเราเบาๆ
หุย ได้ทีรุมกันใหญ่เลยนะ...
อันที่จริง ที่เราร้องไห้ ก็ไม่ใช่เพราะว่าครูเขาดุหรืออะไรหรอกนะเพราะครูคนนี้เขาก็ชอบแซวเล่นกับเราประจำ
แต่ที่เราร้องเพราะมันรู้สึกเขินจริงๆ มันเหมือนพอเขินมากๆก็กดดัน แล้วรู้สึกว่าทำไมไม่ได้พอเห็นพ่อเขามาก็บ่อน้ำตาแตกไปเลย
หลังจากเราไปล้างหน้าล้างตาที่ห้องน้ำ ก็กลับมาตั้งสมาธิครูก็พยายามบอกให้เราสูดลมหายใจเข้าออกลึกๆ
แล้วนึกภาพว่าไม่มีใครอยู่ตรงนี้ร้องเพลงปล่อยเสียงออกมาให้สุดแบบเหมือนว่าอยู่คนเดียวไม่มีใคร
พูดดูเหมือนง่าย แต่ทำจริงเนี่ยสิยากมากสุดท้ายการซ้อมวันนั้นจบลงด้วยเราร้องจนจบเพลงโดยที่ไม่เผลอเร่งจังหวะ
แต่น้ำเสียงก็คือเกร็งมากถึงอย่างนั้นพ่อดินก็ยังยืนยิ้มและปรบมือให้ตอนเราซ้อมร้องเสร็จ
เสร็จแล้วครูก็เรียกรวมตัวอีกครั้ง แล้วบอกให้ทุกคนกลับไปซ้อมที่บ้านต่อเพราะเหลือเวลาอีกไม่กี่วันก็จะถึงวันแข่งแล้ว...
--------
ตลอดทั้งอาทิตย์นั้น เราวุ่นวายอยู่กับการฝึกซ้อมวาดรูปและร้องเพลงเป็นส่วนใหญ่ส่วนที่ไปตอบคำถามวิชาภาษาไทย
ครูเขาก็ไม่ได้ติวอะไรให้มากมาย แค่ให้เราไปอ่านมาแล้วเดี๋ยวก่อนวันไปแข่ง ครูเขาจะลองทำข้อสอบจำลองให้เราซ้อมทำดู
ก็ไม่น่ามีอะไรยาก ขอแค่เราอ่านหนังสือมา
ส่วนการซ้อมร้องเพลงพอขึ้นไปร้องเวทีหลายวันเข้า ก็เริ่มชินอย่างที่ครูเขาบอกจริงๆแต่ก็ยังมีเกร็งบ้างนิดหน่อย
ที่ยากที่สุดคือการวาดภาพระบายสีแบบสามคนเนี่ยแหละเพราะถ้าต่างคนต่างช่วยกันวาดและระบายสุดท้ายมันจะลงเอยด้วยความต่างคนต่างวาดอ่ะ
ลายเส้นก็ไม่เหมือนกัน วิธีการลงสีก็อีก
ถึงครูจะพยายามสอนใช้สีน้ำแล้ว แต่พวกเราไม่เคยใช้สีน้ำกันมาก่อน มันก็เลยยากแบบยากมาก
การที่จะมาฝึกให้ใช้ได้ในเวลาไม่กี่วัน มันแทบจะช่วยอะไรไม่ได้เลย
พอใกล้ถึงวันแข่ง ตารางการแข่งขันก็ถูกส่งมาถึงโรงเรียนเราว่ามีอะไรแข่งตอนไหนเวลาเท่าไหร่บ้าง
ซึ่งการแข่งวาดรูปอ่ะเวลามันจะคาบเกี่ยวกับประกวดร้องเพลงเลยครูเขาก็เลยจะให้เราถอนตัวจากการประกวดวาดรูปแล้วเดี๋ยวเอาคนอื่นมาแทน
“งั้นให้มินเป็นคนวาดรูปทั้งหมดได้มั้ยครับครูวาดเสร็จแล้วมินก็จะได้มีเวลาไปเตรียมตัวขึ้นร้องเพลงต่อ”
“ถ้ามินวาดเสร็จเร็ว ผมกับหนิงก็จะมีเวลาลงสีมากขึ้นด้วยน่าจะทำให้ภาพออกมาเสร็จทันเวลาได้”
สองพูดขึ้น ในขณะที่ครูกำลังจะตัดสินใจว่าจะเอายังไงกันต่อดี
“ว่าไงมนัสวิน เธอทำได้รึเปล่า? ถ้าต้องวาดภาพคนเดียวเดี๋ยวเรื่องสีให้เพื่อนเขาจัดการต่อเอง”
“มะ...ไม่แน่ใจเหมือนกันฮะครู แต่...จะลองดูก็ได้” เราตอบแบบไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่เหมือนกับว่าคราวนี้ความกดดันมันตกมาอยู่ที่เรา
เพราะถ้าเราวาดเสร็จเร็วก็ส่งต่อให้เพื่อนระบายสีได้เร็วขึ้น ถ้าวาดช้า งานก็อาจจะไม่เสร็จ
พอตกลงกันได้ ครูก็เริ่มให้เราลองวาดรูปแล้วจับเวลาดู ว่าใช้เวลานานรึเปล่า
เรียกได้ว่าวุ่นวายกันสุดๆ ไปเลย
พอกลับมาถึงบ้าน เราก็เอากระดาษกลับมาซ้อมวาดรูปอีกเพราะเรายังไม่รู้ว่าโจทย์ที่เขาจะให้วาดคืออะไร
เราก็ต้องจินตนาการไว้หลายๆอย่างเผื่อว่าตอนที่จะเห็นโจทย์จะได้คิดภาพออกแล้วลงมือวาดได้เลยไม่ต้องเสียเวลานั่งคิดนาน
“เฮ้ย นั่งวาดอะไรนักหนาวะนั่น ไม่เลิกไม่ลาสักที” พี่เมฆทักแซว ขณะที่เห็นว่าเรากำลังก้มหน้างุดวาดรูปอยู่บนที่นอน
“น้องมันซ้อมวาดรูปอยู่... เห็นอย่างงี้พรุ่งนี้เขาเป็นตัวแทนโรงเรียนไปแข่งนะโว้ย”เราที่ไม่ได้หันไปตอบกลับอะไร พ่อดินก็ชิงรีบตอบก่อนเลย
“โห เก่งเหมือนกันนี่หว่า ไอ้ลูกกะโปกหมาตัวแค่นี้ไปแข่งกับเขาได้ด้วย”
พอโดนพี่เมฆเรียกว่า ‘ไอ้ลูกกะโปกหมา’ เท่านั้นแหละเราถึงกับหยุดวาดแล้วหันไปมองพี่เมฆพร้อมกับทำหน้าบูดใส่
“อะๆ หนูวาดต่อไปเถอะ ไม่ต้องสนใจไอ้เมฆมันเดี๋ยวพ่อจัดการให้เอง ฮ่า”เห็นพ่อดินพูดแบบนั้นเราก็เลยหันกลับมาตั้งใจวาดรูปต่อ
“เอ่อ...ว่าแต่ พรุ่งนี้หนูแข่งร้องเพลงกี่โมงนะ” สักพักพ่อเขาก็ถามขึ้นต่อ
“ประมาณช่วงบ่ายฮะ” เราหันหน้าไปตอบพ่อเขาอีกครั้ง
“งั้น เดี๋ยวตอนบ่ายพ่อไปนั่งเชียร์หนู ดีมั้ย?”
“เฮ้ย อะไรวะ มีร้องเพลงด้วยหรอ? ไหนๆ ร้องโชว์พวกพี่หน่อยดิ๊” ยังไม่ทันที่เราจะตอบอะไร พี่เมฆก็แซวขึ้นมาอีก
พร้อมยกขวดเบียร์ขึ้นมาแล้วเอาแท่งดินสอที่วางอยู่แถวนั้น ขึ้นมาเคาะเป็นจังหวะ
“พี่เมฆอ่ะ! หุยยยยผมไม่ได้ร้องเพลงเร็วแบบนี้” เราทำเสียงอิดออด ก็แหมเคาะซะมันส์เชียว เพลงที่เราใช้แข่งร้องไม่ได้เป็นแนวสามช่านะ 555555
“หนูยังไม่ได้ตอบพ่อเลยนะ ว่าอยากให้พ่อไปเชียร์มั้ยครับไอ้ตัวแสบ หืมมม”พ่อดินถามย้ำอีกครั้งพร้อมกับยิ้มกรุ้มกริ่มและลูบหัวเราเบาๆ
“กะ...ก็ ก็อยากฮะ” เราตอบกลับไปแบบอายๆ
“ก็แค่นั้น...”
“ไปโว้ย ไอ้เมฆ ไอ้จอม เดี๋ยวพรุ่งนี้คนขนไปเชียร์กัน วู้!!” หลังจากนั้นพ่อเขาก็หันไปบอกพี่เมฆกับพี่จอมแล้วก็ชนแก้วกันเหมือนกับว่ามันเป็นเรื่องสนุก
“ดะ ... เดี๋ยวนะฮะ พรุ่งนี้พ่อดินไม่ต้องทำงานหรอฮะ?”
“จะไปมีงานได้ไงวะก็พ่อเอ็งมันเร่งพวกพี่ให้ทำให้เสร็จวันนี้เลย โคตรเหนื่อยเลยเนี่ย
ขนาดกลางวันยังไม่ยอมพัก กินข้าวเสร็จมันไปทำงานต่อคนเดียวเลย กลัวงานไม่เสร็จ
กูยอมมึงจริงๆวะไอ้ยักษ์ อะไรจะเร่งขนาดนั้น...”พี่เมฆรีบบ่นสวนขึ้นมาก่อนทันที พร้อมกับยกเบียร์มาซดด้วยสีหน้าเซ็งหน่อยๆ
“ฮ่า บ่นมากจริงไอ้ห่านิ กูก็เลี้ยงเบียร์พวกมึงแล้วนี่ไง”
“แล้วก็พรุ่งนี้พ่อจะได้ไปนั่งเชียร์ตอนหนูขึ้นประกวดร้องเพลงได้ไง”พ่อดินหัวเราะแก้เขินก่อนจะหันมาตอบเราแล้วยิ้มให้ตานี่หวานเยิ้มเลย
จังหวะนั้นทำเอาเราเขินหน้าแดงไปเลย
“ฮะ…” เราตอบกลับสั้นๆก่อนจะหันหน้ามาวาดรูปต่อ พร้อมกับอมยิ้มไปด้วยก็มันดีใจนี่หน่า...
เพราะตอนแรกเราก็อยากจะขอให้พ่อเขาไปเชียร์เหมือนกันแต่ก็ไม่กล้าพูด...
กลัวว่าพ่อเขาจะมีงานอะไรแบบนี้หรือเปล่าไม่อยากรบกวนพ่อเขา
แต่พอรู้ว่าพ่อเขารีบเร่งงานให้เสร็จ เพื่อที่วันพรุ่งนี้จะได้มีเวลาว่างมันก็อดดีใจ ปลื้มใจไม่ได้จริงๆ นะ
พ่อดินเหมือนจะแอบเห็นเราที่นั่งอมยิ้มอยู่ก็เอามือข้างหนึ่งขึ้นมาลูบหัวเราเป็นระยะๆพอโดนลูบหัวเบาๆแบบนี้ รู้สึกหัวมันโล่งมาก วาดรูปได้ไหลลื่นสุดๆ
วันแข่งนี่ให้พ่อเขาไปนั่งลูบหัวเราในห้องแข่งด้วยได้มั้ยนะ?! 555555
---------
เช้ามืดวันนั้น เรารู้สึกตื่นเต้นกับการแข่งจนนอนไม่ค่อยหลับเลยจำได้ว่าน่าจะตื่นมาตีสี่เลยละมั้ง
เราเลยค่อยๆย่องลงจากที่นอนแล้วเอาพวกหนังสือภาษาไทยมาอ่านซ้ำอีกสักหน่อยที่แคร่ด้านล่างบ้าน
บรรยากาศที่เงียบสงบ ลมเย็นพัดโชยมาเบาๆ ถ้าเป็นแต่ก่อนเราคงรู้สึกกลัวไปแล้วแต่ตอนนี้เหมือนเราอยู่มานานจนเริ่มชิน ไม่ได้กลัวเท่าไหร่แล้ว
ที่เราได้เป็นตัวแทนไปแข่งตอบคำถามวิชาภาษาไทยเนี่ยคงเพราะครูเคยเห็นเราไปขอหนังสือเรียนเก่าๆของรุ่นพี่ป.5-6 อะไรแบบนี้ละมั้ง
ครูเคยถามอยู่ว่าเราเอาไปทำอะไร เราตอบว่าเอาไปอ่านเล่น
ก็นะ เวลาที่วันหยุดแล้วพ่อดินหิ้วเราไปทำงานด้วย มันว่างมากนี่หน่า
สิ่งเดียวที่ทำให้เราไม่รู้สึกเบื่อก็คืออ่านหนังสือนี่แหละ
แล้วหนังสือภาษาไทยอ่ะมันจะมีความนิยายนิทาน อะไรแบบนี้อยู่ ก็เลยพออ่านได้
ทีแรกก็อ่านแต่พวกเนื้อหาทั่วไป จนตอนหลังมันอ่านจบหมดเลย กลับมาอ่านอีกเพราะไม่มีอะไรให้อ่าน เราก็เริ่มอ่านพวกบทกลอนอะไรพวกนี้ด้วยเวลาไปโรงเรียนก็เอาไปถามครูว่าบทพวกนี้อ่านยังไงพอครูเขาสอนมาแล้วกลับมาอ่านแบบมีทำนองในใจก็สนุกดี
พอตอนเช้าพ่อดินก็ไปส่งเราที่โรงเรียนเจ้าภาพที่เขาจัดการแข่งขันแต่ก็ต้องไปแวะไปบอกครูที่โรงเรียนก่อน
เพราะจะมีครูที่มีหน้าที่รับผิดชอบพานักเรียนไปแข่งเราก็แค่ไปบอกครูว่าเดี๋ยวผู้ปกครองไปส่งเอง ไปเจอกันที่โรงเรียนนู้นเลย
โรงเรียนที่จัดแข่งก็อยู่ไกลจากโรงเรียนเราพอสมควรใช้เวลาเดินทางประมาณครึ่งชั่วโมงได้มั้ง
ก็ถือว่าไกลอยู่นะเพราะถนนต่างจังหวัดอ่ะเนอะ วิ่งตรงอย่างเดียวไม่มีไฟแดง
พอเห็นว่ายังเช้าและมีเวลาอยู่ เราเลยเอาหนังสือขึ้นมาอ่านผ่านๆ อีกรอบ
“อ้าว มินมาแต่เช้าเลยนะ มายังไงอ่ะ?”เสียงที่คุ้นหูเดินเข้ามาทัก ในขณะที่เราก้มหน้าอ่านหนังสืออยู่
“พ่อดินมาส่งอ่ะ แล้วแกมายังไงอ่ะสอง” เราถามกลับไปโดยที่ยังไม่ได้เงยหน้าขึ้นไปมอง
“อ่อ...หรอ...นี่แม่เราก็มาส่งเหมือนกัน”
“ป่ะสอง...ลูก ไปหาอะไรกินที่อำเภอกันดีกว่า เดี๋ยวแม่ค่อยกลับมาส่งมันยังเช้าอยู่เลย”
ผู้หญิงวัยกลางคนที่ดูแล้วเหมือนจะเป็นแม่ของสองเดินตามมาประกบแทบจะทันที
เราหันไปมองก่อนจะยกมือไหว้ตามมารยาท แต่เหมือนอีกฝั่งจะไม่ได้ใส่ใจอะไร...
“ไม่เป็นไรแม่ เดี๋ยวสองนั่งอยู่กับเพื่อนก็ได้เนี่ยเพื่อนที่โรงเรียนสองเอง” สองรีบปฏิเสธแม่ตัวเองทันทีก่อนจะมาทิ้งตัวนั่งลงข้างเรา
“สอง...ไปกับแม่ อย่าดื้อ... จะมานั่งอะไรคนเดียวนี่ครูก็ยังไม่มา แล้วใครจะมาดูแล เดี๋ยวก็พากันไปเถลไถลที่ไหนอีก...”
พูดจบแม่สองก็ปรายตามามองที่เรา เหมือนจะสื่อว่าถ้าปล่อยสองทิ้งไว้แล้วเราจะพาสองไปเถลไถลที่ไหนยังงั้นแหละ...
“...มิน งั้นเดี๋ยวเรามานะ ไปกินข้าวกับแม่ก่อน...” สองลุกขึ้นแล้วเดินคอตกตามแม่ไปอย่างว่าง่าย เราไม่ได้ตอบอะไรกลับไปได้แต่มองตามอย่างงุนงง
“เพื่อนเหรอ? ไอ้ตัวแสบ”สักพักพ่อดินก็เดินมานั่งข้างๆ เราแล้วถามถึงสองกับแม่ที่พึ่งเดินจากไป
“ใช่ฮะ... แล้วพ่อดินไปไหนมาหรอฮะ?”
“อ้อ พ่อเห็นหนูอ่านหนังสือเลยไม่อยากกวนเลยเดินไปดูอะไรเรื่อยเปื่อยแถวๆนี้น่ะ หนูเห็นใบตารางเวลารึยัง?พ่อเห็นเขาติดอยู่ตรงนู้น เดินไปดูกันม่ะ?”
พ่อดินบอกพร้อมกับชี้ไปตรงแผ่นกระดานที่มีกระดาษขาวแปะอยู่เต็มไปหมด
เราพยักหน้ารับแล้วรีบเก็บข้าวของก่อนจะเดินไปดูตารางเวลาแข่งขันให้แน่ใจกันอีกที
ของเรามีแข่งตอบคำถามวิชาภาษาไทยแค่ช่วงเช้า แล้วก็ว่างยาวยันตอนบ่ายเลย
ช่วงบ่ายจะมีแข่งวาดรูปก่อน รู้สึกว่าน่าจะเริ่มแข่งตั้งแต่บ่ายโมงถึงสี่โมงเย็น
แต่เวลาประกวดร้องเพลงมันแทรกมาตอนบ่ายสามโมงเท่ากับว่าเราจะมีเวลาวาดรูปแค่ชั่วโมงนิดๆ
เพราะก่อนบ่ายสามโมงเราก็ต้องออกมาก่อนเพื่อเตรียมตัวหลังเวที
หลังจากนั้นสักพักใหญ่ๆ พวกครูและเพื่อนจากโรงเรียนเราก็ทยอยมาถึง
พ่อดินก็เลยขอตัวกลับก่อน ถึงยังไงช่วงเช้ามันก็ไม่ค่อยมีอะไร
แต่ก่อนที่พ่อเขาจะกลับเราเลยอ้อนให้พ่อเขาจุ๊บเหม่งเราหนึ่งทีจะได้มีกำลังใจแข่งในช่วงเช้า
ซึ่งแน่นอนว่าพอครูเห็น เราก็เลยโดนแซวไปตามระเบียบ อิอิ
--------
หลังจากแข่งช่วงเช้าเสร็จ เราก็ว่าง แบบว่างสุดๆไปเลยเพราะกว่าจะมีแข่งอีกก็บ่ายโมงนู้น
ก็เลยนั่งคิดไปว่าช่วงบ่ายจะวาดอะไรดีโจทย์จะเป็นอะไร ซ้อมฮัมเพลงไปบ้าง ไม่กล้าร้องดัง เดี๋ยวเขาหาว่าเป็นบ้า
จนพอสองมันแข่งเสร็จหมดนั่นแหละ ถึงได้มานั่งเป็นเพื่อนเพราะหนิงกับเราก็ไม่ได้สนิทอะไรกันมาก พวกเราอยู่กันคนละห้อง
แล้วเหมือนหนิงจะมีเพื่อนต่างโรงเรียนที่มาแข่งที่นี่อีกด้วยหนิงเขาก็เลยไปอยู่กับเพื่อนเขาซะมากกว่า
พออยู่กับสองมันแค่ลำพังแบบนี้ พูดตามตรงเราก็ค่อนข้างอึดอัดนะเพราะไม่รู้จะชวนคุยอะไรดี
ไหนจะเรื่องการกระทำของแม่สองเมื่อเช้าอีก คือเขาค่อนข้างแสดงออกชัดเจนว่าไม่อยากให้ลูกเขามารู้จักมักจี่อะไรกับเรา
แต่เราก็ไม่อยากทำตัวห่างเหินเพราะก็สงสารสองมันเหมือนกัน
แต่อีกใจหนึ่งก็กลัวว่าถ้าชวนคุยมากไปสองมันจะได้ใจ แล้วชอบพูดเรื่องอะไรเกี่ยวกับหนังโป๊แบบนั้นอีกซึ่งเราไม่อยากคุยเรื่องพวกนั้นแล้ว...
“เออนี่มิน...เมื่อเช้าแข่งตอบภาษาไทย ทำได้ม่ะ?” สองถามขึ้นมา ในขณะที่เรากำลังซ้อมนั่งวาดรูปบนกระดาษไปเรื่อย
“ก็...ได้นะ คิดว่าได้หลายข้อเลยแล้วตอนช่วงที่ยกมือตอบคำถามเก็บคะแนนเราก็ตอบได้เยอะเลย”
ได้ทีเราเลยคุยโวอวดซะหน่อย ให้สมกับที่อ่านแล้วอ่านอีก 55555
พอบทสนทนาเป็นแบบนี้ เราก็เลยรู้สึกโล่งใจแล้วหันไปคุยกับสองมันได้แบบไหลลื่นมากขึ้น จากทีแรกที่เกร็งๆ ไม่ค่อยกล้าคุยมากเท่าไหร่
แต่พอสักพักต่างคนต่างเล่าเรื่องที่ตัวเองไปแข่งมาเมื่อเช้าจบหมดนั่นแหละ...
“เออนี่มิน...รู้ป่ะ ว่าตัวเองเกิดมาได้ยังไง?” จู่ๆสองก็พูดโพล่งขึ้นมาทันทีบทสนทนาระหว่างเราเหมือนจะไม่มีอะไรคุยต่อแล้ว
“ห...หะ...?” เราหันไปมองเพราะไม่เข้าใจสิ่งที่สองมันจะสื่อ ว่ามันคือยังไง มันพูดมาโดยที่เราก็ยังไม่ทันตั้งตัว
“พ่อกับแม่มินเคยบอกมั้ย? ว่ามินเกิดมายังไง...แบบว่าพวกเขาได้บอกมั้ยว่าทำยังไงถึงได้มีมินเกิดขึ้นมา...”
พอสองพูดจบ เราก็มองหน้ามันแบบอึ้งๆ เพราะจู่ๆก็มาเข้าประเด็นนี้เราตั้งตัวไม่ถูกเหมือนกันนะ
“อืมมมม...เราก็เคยถามแม่นะแม่เราบอกว่าเพราะว่าพ่อกับแม่รักกัน เราเลยเกิดขึ้นมา”หลังจากตั้งสติและเข้าใจถึงสิ่งที่สองมันถาม เราก็ตอบไปตามตรง
“...แล้วมินไม่สงสัยบ้างหรอ? ว่าพ่อแม่รักกันเฉยๆมินก็เกิดขึ้นมาได้เลยหรอ??” สองยังคงถามย้ำ
ซึ่งตอนนั้นเราเริ่มรู้สึกจะโมโหขึ้นมาหน่อยๆ ทำไมถึงมาซักไซ้เรื่องอะไรแบบนี้
“สอง...แกจะพูดอะไรอ่ะ ก็พ่อแม่เรารักกันไงถึงได้มีเราเกิดขึ้นมา
แล้วแกละ คิดว่าตัวเองเกิดขึ้นมาได้ยังไงก็เพราะว่าพ่อแม่แกก็รักกันไม่ใช่หรอ ถึงได้มีแกอ่ะ”
“ใจเย็นๆดิมิน เราไม่ได้หมายถึงอย่างนั้น...”สองเงียบไปครู่หนึ่งเหมือนกำลังจะรวบรวมคำพูดมาอธิบายให้เราฟัง
“เราแค่สงสัยว่าผู้ใหญ่เขาต้องเอากันเหมือนในหนังโป๊ที่เราเคยดูกันหรือเปล่า?แล้วถึงได้มีพวกเราเกิดขึ้นมา”
เรานั่งอึ้งไปพักใหญ่ เพราะในหัวมันดันคิดภาพตามที่สองพูด หัวมันช้าและตื้ออื้ออึงไปหมด
ประโยคที่เราได้ยินเมื่อกี้รู้สึกว่ามันรุนแรงเกินไป มันรู้สึกรับไม่ได้เลย เพราะเราไม่เคยคิดสงสัยกับพ่อแม่ของตัวเองในเรื่องแบบนี้
เพราะตลอดเวลาเราคิดมาเสมอว่าที่แม่เราบอกว่า เราเกิดมาได้ เพราะพ่อแม่รักกันคำว่าพ่อแม่รักกัน
ในหัวของเราคือพวกเขาแค่นอนกอดกันธรรมดาเท่านั้นเราก็เกิดขึ้นมาแล้ว... มันก็เป็นความคิดใสซื่อตามแบบฉบับเด็กอ่ะเนอะ
แต่สิ่งที่สองพยายามจะบอกเรา เรารู้สึกรับไม่ได้จริงๆ เราไม่อยากคิดภาพว่าพ่อกับแม่เราทำเรื่องแบบนั้น
แล้วถึงได้มีเราเกิดขึ้นมาเราไม่อยากรู้เรื่องพวกนี้ ไม่อยากฟัง ทำไมต้องมาบอกเราด้วย
เรารู้สึกโกรธมาก ทั้งโกรธทั้งโมโห จนมันจุกอกพูดไม่ออกเพราะคิดไม่ถึงว่าไอ้สองจะมาพูดเรื่องแบบนี้กับเรา
มันเหมือนโลกของเรากำลังพังทลายลง และภาพในหัวก็มีภาพหนังโป๊พวกนั้นเข้ามาแทนที่
เราไม่อยากคิด และไม่อยากจำว่าเคยเห็นภาพพวกนี้
และอยากเอาภาพในหัวที่เราเผลอคิดถึงเรื่องที่พ่อกับแม่ทำเรื่องแบบนี้ออกไป ตามที่ไอ้สองมันพูด...
เราโกรธสองมาก โกรธจนแบบไม่รู้จะพูดยังไง ได้แต่ลุกขึ้นแล้วเดินหนีออกมาแล้วก็วิ่งไปร้องไห้ในห้องน้ำ
เรารู้สึกผิดกับพ่อแม่ของตัวเองมากที่ดันไปคิดว่าพวกเขาทำเรื่องแบบนั้น ตามที่ไอ้สองมันบอกเราแอบนั่งร้องไห้ในห้องน้ำอยู่นานมาก
ถึงขนาดว่าเอามือทุบหัวตัวเองและเอาหัวโขกกับผนังกำแพงเลยเพราะเราไม่อยากรู้เรื่องพวกนี้ไง
ไม่อยากจดจำแค่หวังว่าการทำให้สมองกระทบกระเทือนแบบนี้ จะทำให้เราลืมเรื่องเมื่อกี้ไปได้
จากนั้นเราก็เดินไปที่ตู้กดน้ำเย็น เอาแก้วรองน้ำให้เต็มจากนั้นก็ถือแล้วเดินออกมา แล้วราดน้ำเย็นๆลงบนหัว
ความรู้สึกที่เย็นจัดมันทำให้หัวเราชาไปได้สักหน่อยนึงราดแล้วราดอีกจนหัวนี่เปียกแฉะรวมถึงเริ่มเปียกบริเวณปกคอเสื้อเต็มไปหมด
อ่านถึงตรงนี้ทุกคนอาจจะรู้สึกเหมือนกับโอเวอร์เกินไปรึเปล่า แต่อยากให้ทุกคนย้อนกลับไปในวัยเด็กพร้อมๆกับเราเราที่ไม่รู้เรื่องอะไรเกี่ยวกับโลกของผู้ใหญ่เลย เรามองโลกผ่านแค่สายตาในมุมมองของเด็กธรรมดาทั่วไป เราไม่เข้าใจแม้กระทั่งเรื่องเซ็กส์ เราในตอนเด็กไม่รู้สักนิดเลยว่าสิ่งที่เรากับพี่ดินเคยทำกันมันคือการมีเซ็กส์กันอย่างหนึ่ง ยิ่งการกระทำของพี่ดิน ไม่ได้ถือว่าบังคับขืนใจเราซะทีเดียวแรกๆที่มีหลอกล่อนู่นที่หลายคนได้อ่านนั่นแหละ ในตอนนั้นเราก็มองเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเรากับพี่เขาเป็นแค่ว่า‘เราเล่นกัน’
แล้วเรื่องของพ่อกับแม่ เราไม่คิดและไม่เคยสงสัยเลย พอแม่บอกว่าพ่อกับแม่รักกันก็เลยมีเราเกิดขึ้นมา สำหรับเราในตอนนั้นมันจบแค่นี้ เราได้รับรู้แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว
แต่สิ่งที่สองมันมาพูดกับเราเหมือนมันทำลายโลกของเราตรงนั้นไปยิ่งเราเคยเห็นภาพพวกนั้นในหนังโป๊ด้วย แล้วดันเผลอคิดเป็นหน้าพ่อกับแม่ตัวเองเรายิ่งรู้สึกแย่ เพราะเราไม่เคยคิดถึงเรื่องพวกนี้มาก่อนเลย มันเหมือนเรารับไม่ได้ว่าพ่อกับแม่เราก็ทำแบบนั้น แบบที่เราเห็นในหนังโป๊...
ถึงแม้ในตอนโตมาเราจะเข้าใจว่านั่นเป็นเรื่องธรรมดามากๆ แต่ในตอนเด็กเราที่ไม่เข้าใจและไม่พร้อมเปิดใจยอมรับสิ่งเหล่านี้
คำพูดของสองมันก็ไม่ต่างจากเอาไม้หน้าสามมาตีแสกหน้าเราเลย มันทั้งมึนและจุกไปหมด
พอถึงเวลาแข่งวาดรูปเราก็เดินเข้าไปห้องแข่งทั้งในสภาพแบบนั้นจนครูทักว่าเกิดอะไรขึ้น แต่เราก็ไม่ตอบอะไร เข้าไปนั่งเฉยๆ รอเวลา
ช่วงนั้นเราจำไม่ได้เลยว่าเราวาดรูปไปได้ยังไง แต่เราไม่พูดอะไรกับใครสักคำไอ้สองที่มันเห็นปฏิกิริยาเราแบบนั้น มันก็ไม่กล้าตอแยอะไรอีก
เราไม่พูดและไม่มองหน้าใครเลย ก้มหน้าก้มตาวาดอย่างเดียวพอวาดเสร็จเราก็เดินออกไปเลย เพราะเราถือว่าทำหน้าที่เสร็จแล้ว
ก่อนที่จะขึ้นประกวดร้องเพลง มันยังพอมีเวลาอยู่บ้างเราเลยเดินไปหาที่นั่งเงียบๆคนเดียว
นั่งทำอารมณ์ให้มันดีขึ้นแต่แล้วมันก็เท่านั้น
เราเลยเดินไปที่โซนฝั่งเวที สายตาก็มองหาพ่อดินไปด้วยเพราะถ้าพ่อดินมาเชียร์เราป่านนี้ก็คงมาแล้ว
แต่เราก็หาพ่อเขาไม่เจอ พยายามกวาดสายตาไปทั่วพื้นที่หน้าเวทีแล้วก็ไม่เห็นเลย...เพราะถ้าพ่อเขาจะมาจริงๆก็ต้องมาแล้วสิ นี่มันก็ใกล้เวลาแล้วนะ
ความรู้สึกที่มันแย่อยู่แล้วก็เผลอคิดไปต่างๆ นานา เหมือนคนที่หมดแรงไม่อยากทำอะไรอีกแล้วเราเลยได้แต่ทิ้งตัวนั่งคอตกอยู่บนเก้าอี้
สละสิทธิ์ดีมั้ยนะ เดินไปบอกครูดีกว่า ว่าเราทำไม่ได้แล้ว...
ในขณะที่ความคิดแย่ๆ ถาโถมเข้ามาใส่ในหัวสมองเราเต็มไปหมด จู่ๆก็มีฝ่ามือของใครสักคนมาปิดที่ลูกตาเราทั้งสองข้าง
“เป็นอะไรไอ้ตัวแสบ นั่งคอตกเชียว...หาพ่อไม่เจอแค่นี้ นั่งเป็นหมาหงอยเลยเหรอ?หืม”
เชื่อมั้ย ว่าแค่ได้ยินเสียงแค่นั้นแหละ
ไม่สิต้องบอกว่า แค่มีฝ่ามือมาปิดตรงตาเราเราก็อมยิ้มแล้ว
เป็นความรู้สึกที่แปลกมากเหมือนแบบเหมือนคนโดนกดสวิทช์ไฟอ่ะอารมณ์ที่รู้สึกแย่จนอยากจะร้องไห้อีกรอบเมื่อกี้มันหาย แบบหายไปเลยยยย
“พ่อดินมานานแล้วหรอฮะ ทำไมเมื่อกี้ผมหาไม่เจออ่า” เราพยายามทำเสียงใสแล้วหันไปถามพ่อเขา
“มาตั้งนานแล้วจ้า นู่น เมื่อกี้พ่อยืนอยู่ตรงร้านขายลูกชิ้นนั่นพอดีเพื่อนของพ่อสมัยเรียนมันมาขายลูกชิ้น
ก็เลยได้ที่ยืนคุยรอหนูนั่นแหละพ่อก็นึกว่าหนูเห็นแล้วซะอีก”
อ๋อ...สงสัยสายตาเรากวาดไปไม่ถึง มัวแต่มองหาแถวหน้าเวที 555555
“เอ้า! แล้วนี่ไปทำอะไรมา ทำไมตาบวมๆอีกแล้วไอ้หำหนูร้องไห้อีกแล้วเหรอ?” พ่อเขาทักขึ้นทันทีที่เราหันหน้าไปหา
โห อุตส่าห์ทำเสียงใสแล้วนะ ยังจับได้อีกหรอว่าเราร้องไห้มา
“ปะ...เปล่าฮะ...ก็...มันเขินอ่ะ ผมกลัว...ก็เลยร้องออก” เราไม่อยากให้พ่อเขาเป็นห่วงก็เลยหยิบเอาเรื่องเขินมาอ้าง
“ฮึ่ยยยย เอะอะร้องๆ นี่ถ้ามองหาพ่อไม่เจอก็เตรียมจะร้องอีกแล้วละสิท่า” พ่อดินย่อตัวลง แล้วอุ้มเราขึ้นมาหยิกแก้มเบาๆโดยที่ไม่สนใจสายตาของคนรอบข้างที่เริ่มมองมาทางพวกเราเลย...
“พ่อดิน...ปล่อยผมลงได้แล้วฮะ เขามองกันใหญ่แล้วเนี่ย”
“แหม ทีอย่างนี้ละทำมาอาย ทีร้องไห้แงๆ ไม่อายเล้ยยย” พ่อดินแซวก่อนจะยอมปล่อยเราลง
“อ่ะๆ มนัสวิน ไปเร็วเตรียมตัวหลังเวทีได้แล้ว” จังหวะนั้นครูก็เดินมาตามตัวเราพอดี คงเห็นตอนที่พ่อเขาอุ้มเราพอดีละมั้ง...
...
“พ่อดินฮะ...คือ...จุ๊บเหม่งผมอีกรอบได้มั้ยฮะ...” เราพูดพลางอมยิ้มหน่อยๆ ก็รู้สึกเขินอยู่หรอกถ้าจะให้พ่อเขาทำแบบนี้ต่อหน้าคนอื่น
แต่เรารู้สึกว่าวิธีนี้ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นนี่หน่า...
“ได้สิ ขี้อ้อนจริง ไอ้หมาน้อยเอ้ย!” พ่อเขาย่อตัวลงก่อนจะหอมกระหม่อมเราฟอดใหญ่และหอมแก้มเราทั้งสองข้างด้วย ทำเอาเราเขินตัวบิดเลยตอนนั้น
“ไม่ต้องกลัวนะ หนูทำได้อยู่แล้ว พ่อจะรอดูหนูอยู่ข้างล่างนี่นะถ้าเขินคนอื่น ก็หันมามองหน้าพ่อก็ได้”
“ฮะ...” เรายิ้มรับ ก่อนจะเดินไปแล้วเตรียมตัวที่ด้านข้างเวที
หลังจากที่การประกวดรำวงมาตรฐานจบลง ใช้เวลาไม่ถึงสิบนาทีมั้ง เขาก็ประกวดร้องเพลงต่อเลย
และแน่นอนว่าการแข่งนั้นไล่ลำดับจากชั้นป.4 ขึ้นไป
ซึ่งการขึ้นไปประกวดเขาจะเรียกคนเข้าแข่งทุกคนมาจับสลาก ว่าใครขึ้นร้องก่อนหลัง
และโชคดีตรงที่เราสุ่มจับได้ขึ้นร้องคนสุดท้ายเลยซึ่งนั่นทำให้เรามีเวลาเตรียมตัวแล้วตั้งสมาธิอีกนิดหน่อย
แต่การอยู่ลำดับสุดท้ายก็ไม่ใช่ว่าจะดี เพราะระหว่างที่คนจากโรงเรียนอื่นขึ้นไปร้องก็มีทั้งคนร้องดีแบบดีมาก เสียงดีจริงๆ
กับบางคนที่ตื่นเวทีเหมือนเรา เสียงสั่นจนเกือบจบเพลงก็มีซึ่งเราก็กลัวตัวเองจะเป็นแบบหลังเนี่ยแหละ...
พอถึงคิวของเรา อยากบอกว่า...ตื่นเต้นมากกกก ขาสั่นสุดๆมองไปล่างเวทีเหมือนมันเห็นคนเยอะแยะก็ยิ่งทำให้เขินอ่ะเนอะ
จนนึกถึงคำพูดของพ่อเขา ว่าให้ถ้าเขินให้หันไปมองพ่อเขาไว้ ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าพอมองไปเห็นพ่อเขายิ้มมามันทำให้เราเสียงหายสั่นเฉยเลย
พอจบการแนะนำตัวเราก็หายใจเข้าลึกๆ แล้วเริ่มร้องเสียงเราอ่ะไม่ค่อยดีมากหรอก แต่ไมค์ที่ใช้ประกวดวันนั้นอ่ะดี จำได้ว่าเสียงใสมาก
ไมค์ที่ดี คือไมค์ที่เราไม่ต้องร้องแบบตะเบ็งเสียงเพื่อให้เสียงมันดัง
แต่ว่า...ตลอดทั้งเพลงนั้น ทำให้เรามองหน้าพ่อเขาแค่คนเดียว คือมองไปที่พ่อเขาเท่านั้นจริงๆไม่กวาดสายตาไปหาคนอื่นเลย
ทั้งที่ครูก็พยายามโบกมือเหมือนให้เราหันไปทางอื่นบ้างแต่เราไม่กล้าหัน เดี๋ยวตกใจตื่นเสียงสั่นอีก อุตส่าห์คุมเสียงได้แล้ว
พอร้องจบได้ยินเสียงปรบมือก็ชื่นใจอยู่นะ เหมือนยกภูเขาออกจากอกแต่พอเดินลงจากเวทีนี่มันก็ให้ความรู้สึกหวิวๆพอสมควร
และก็เป็นไปอย่างที่คิด ครูบ่นใหญ่เลยว่าทำไมไม่หันไปมองรอบๆ ไม่กวาดสายตามองคนอื่นบ้าง
ครูบอกว่าเสียดายอุตส่าห์ร้องได้ดี แต่ไม่ยอมมองกรรมการเลย 555555
“เก่งมากเลย เก่งมากแล้วละ พ่อชอบนะ หนูร้องเพราะมากเลย” พ่อดินพูดพร้อมกับลูบหัวเราเบาๆ ในขณะที่เรากอดพ่อเขาไว้แน่น
ชอบความรู้สึกแบบนี้มันรู้สึกผ่อนคลายที่สุดเลย
--------
หลังจากนั้นเราก็นั่งรอจนเขาประกวดจบ ไอ้เราก็ไม่เคยไปประกวดอ่ะเนอะ คิดว่าเขาจะประกาศผลเลย
ที่ไหนได้ เดี๋ยวเขาจะประกาศผลแล้วส่งใบเกียรติบัตรไปให้ตามหลังว่าที่เราแข่งไปเนี่ยได้ลำดับที่เท่าไหร่บ้าง
เรานี่ก็ดันพาพ่อดินเขานั่งรอตั้งนาน พอครูมาบอกว่าป่ะ กลับบ้านได้ งงเลย...
พ่อดินเขาก็เลยพาเราเข้าไปเที่ยวที่ตลาดในอำเภอต่อ เพราะถ้าขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปต่อจากโรงเรียนนี้ก็อีกไม่ไกลมากก็ถึงตัวอำเภอแล้ว
พอมาถึงคราวนี้เราคือเราก็เดินเล่นจริงๆนะ เดินจูงมือกับพ่อเขาดูของไปเรื่อยๆไม่ได้อยากได้อะไรเลย
จนพอตกเย็นพ่อเขาจะพาไปกินข้าว เราก็เลยรีบชิงบอกว่าอยากกินข้าวมันไก่เพราะกลัวพ่อเขาจะพาไปร้านอาหารอีก ของกินในนั้นมันมีแต่แพงๆ
ช่วงเวลาที่อยู่กับพ่อเขาทำให้เรารู้สึกอบอุ่น ปลอดภัยและมีความสุขที่สุด มีความสุขจนเราลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนเที่ยงไปเลย
ลืมแม้กระทั่งเรื่องของไอ้สอง เวลานั้นเราแทบจะไม่อยากรู้จักกับมันอีกแล้ว
--------
หลังจากนั้นผ่านไปประมาณสองสามอาทิตย์ได้มั้ง ใบประกาศที่พวกเราไปแข่งก็ตามมา
อันที่จริงเรารู้ผลในวันรุ่งขึ้นเลยนะ เพราะครูมาบอกที่เราลงแข่งไปทั้งหมดมีได้ที่หนึ่งวาดรูปแบบกลุ่มนั่นแหละ
ก็ต้องยอมรับนะว่าในเวลาสั้นๆแต่ไอ้สองมันก็หัดใช้สีน้ำได้คล่องพอสมควร และระบายออกมาได้สวยมาก
เรารู้สึกว่าเราไม่ได้ช่วยอะไรเลย แค่วาดไว้ให้เฉยๆ พอจะต้องเป็นตัวแทนไปแข่งในระดับอำเภอต่อเราเลยขอสละสิทธิ์ให้ครูหาคนอื่นไปแทน
แล้วอีกอย่างเราไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับไอ้สองอีกแล้วคือเราไม่คุยกับมันอีกเลย
แบบเจอหน้าก็เฉยๆ ไม่ยิ้มแย้ม ไม่ทำหน้าบึ้งตึงใส่ทำหน้าเรียบเฉย เหมือนคนไม่รู้จักกัน...
อ้อ แต่ว่าแข่งตอบคำถามวิชาภาษาไทยกับร้องเพลงได้ที่สองทั้งคู่นะเออ
ถึงจะได้แค่ที่สองแต่พี่เมฆก็ช่วยเอาไปป่าวประกาศไปทั่ว คุยอวดใส่พวกคนที่คอยค่อนขอดเรากับพ่อดินเขาว่าเนี่ย
ถึงพ่อดินจะดูไม่ดีในสายตาใคร แต่เอาน้องมันมาเลี้ยงก็ไม่ทำให้เสียคนนะไปแข่งนู้นนี้ได้รางวัลมาด้วย ก็นะ...คุยน้ำไหลไฟดับตามภาษาพี่เมฆเขาแหละ
แต่ก็ว่าเถอะ พอพี่เมฆไปพูดแบบนั้น คนในหมู่บ้านหลายคนก็เริ่มชมพ่อดินนะ ว่าเก่งเลี้ยงดูเราให้ได้ดี
ซึ่งเราก็อดดีใจไม่ได้พอเห็นพ่อเขาได้รับคำชมแบบนั้น
ถึงแม้จะไม่ได้ที่หนึ่ง แต่สิ่งที่เราทำ ช่วยให้พ่อเขาถูกพูดถึงในแง่ดีบ้างแค่นี้เราก็รู้สึกดีใจมากแล้ว
ขอโทษทีจ้า ที่หายไปไม่ได้บอกกล่าว คืออาทิตย์ที่แล้วไม่ได้เป็นอะไรนะสบายดี
สบายดีจนขี้เกียจ 555555
คืออาทิตย์ที่แล้วอากาศมันดีมากอ่ะเนอะ หนาวๆเย็นๆ รู้สึกว่าบรรยากาศโรแมนติกมากๆ เลยรู้สึกว่าไม่อยากทำอะไรเลย
อยากนอนกกกับพี่เขาบนที่นอนแล้วดูหนังอย่างเดียว {:sm-37:}
เอาจริงตอนนี้เล่ายากด้วยแหละ ความรู้สึกตอนที่ไอ้สองมันพูดเรื่องนั้นกับเรา คือเราจำได้ดีนะ เพราะรู้สึกเหมือนวิ้งๆในหัว
เหมือนโลกหมุนติ้วๆ หัวชาไปหมด
คือพอโตมาเราเข้าใจแหละว่ามันเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่ตอนเด็กคือมันไม่ได้จริงๆ
ถ้าสังเกตุจะเห็นว่าช่วงหลังพี่ดินเขาก็ไม่ค่อยอะไรกับเรามากแล้ว เพราะเหมือนเขาอยู่ใกล้เราแล้วรู้สึกว่าเรามีความเป็นเด็กสูงมาก
พี่เขาเลยพยายามเลี่ยงที่จะยัดเยียดเรื่องอย่างว่าให้เรา พี่เขาไม่อยากให้เรารู้และเข้าใจเรื่องเซ็กส์มากไปกว่านั้นแล้ว กลัวเรารับไม่ได้
ซึ่งก็จริงๆ พอไอ้สองมาทะลึ่งพูดกับเราแบบนั้น เราก็รับไม่ได้สิ
แล้วยิ่งตอนนั้นเป็นเด็กแบบใสกิ๊กเลย ไม่รู้เรื่องอะไรสักอย่าง ขนาดเรื่องที่ทำกับพี่เขายังเข้าใจว่าเล่นกันอ่ะคิดดู 555555
เราเลยพยายามเรียบเรียงและถ่ายทอดออกมายังไงให้เพื่อนๆเข้าใจว่า พอจู่ๆไอ้สองมาพูดกับเราแบบนั้น มันตั้งตัวไม่ทันนะ
แล้วดันมาพูดถึงพ่อกับแม่เราแบบนั้น พอเผลอคิดภาพตามก็ช็อคแบบเสียอาการไปเลย...
ยังไงอาทิตย์หน้าจะพยายามกลับมาให้ตรงนะ ถ้าไม่ขี้เกียจ แฮ่ {:sm-41:} สนุกมากครับ แบบนี้เลย เยี่ยม เยี่ยมครับ พอเห็นก็ต้องรีบกดมาอ่านเลย รอไม่ไหว รีบ ๆ มานะครับ รอ ๆ ๆ ๆ
ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ อยากรู้จังว่าไปยอมมีอะไรกับพ่อดินตอนไหน แล้วไม่หลอนอีกหรือ{:5_137:} {:5_136:}{:5_136:} รอติดตามอ่านนะครับ ขอบคุณ ตอนนี้อ่านแล้วสนุกดีนึกถึงตอนเด็กๆ เลย / ชอบช่วงโรงเรียนมีงานแบบนี้มาก ถึงแม้ว่าเราไม่เคยไปแข่งอะไรกับเค้าแต่ไปเชียร์เพื่อนสนุกดี และที่สำคัญ...ช่วงนั้นไม่ต้องเข้าเรียน{:5_132:} ขอบคุณ สงสารสองอะ อย่าทิ้งสองนะ สองก็นิสัยออกจะดี มาเป็นเพื่อนมาชวนคุย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับคนน่ารัก มาต่อได้แล้วคร้าบบบบบบ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย koth2 เมื่อ 2022-10-25 10:43
เย้ๆๆ มาแล้ว พึ่งได้กลับมาอ่าน 55555
ขอพูดสั้นๆนะรอบนี้
"ไอ้สอง ไอ้สัสสสส" ลงต่ำตลอด ก็อย่างว่าคนมันเคยดูหนังโป้ด้วยกันแล้วจะให้สองไปคุยเรื่องแบบนี้กับใคร 5555555555555555 อยากให้สองมาเจอ ปลิงทะเล ของพ่อดินเลย เห็นเขินๆ ขอบคุนครับ
หน้า:
[1]
2