อ่านเรื่องราวก่อนหน้า : ** เพื่อความอรรถรสในการอ่านเพราะเรื่องราวจะร้อยเรียงเป็นไทม์ไลน์ อาจจะมีการพูดถึงบุคคลใน EP ก่อนหน้า และ อาจมีเรื่องราวใน EP นี้ / **เรื่องจะเรียงตาม EP ไม่ต้องสนใจ Part ข้างหลังครับ**
EP 1 : ครั้งแรกของผม...เกิดจากความแค้นต่อเด็กป.4 EP 5 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 1 ความทรงจำดีๆ กับ เด็กชายที่เราไม่เคยมอง
EP 6 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 2 ทริปธุดงค์หื่น 2 รุม 1 ถ้ำสะเทือน
EP 7 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 1 เด็ก ม.3 ขี้เหงา กับ เด็ก ป.5 ข้างบ้าน ขี้เงี่ยน
EP 8 : ญาติกัน(เอา)มันดี Part 2 ตูดฉีกในคืนที่พายุโหมกระหน่ำ เสียซิงครั้งแรกให้กับญาติผู้พี่ ม.5
EP 9 : ม.ปลายตัวหื่นแสนเจ้าเล่ห์ VS เด็กอนุบาลใสซื่อไร้เดียงสา กับ ตุ๊กตาจระเข้ยางของน้อง
EP 10 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 2 ซื้อคอหมูย่าง แถม ลูกชายคนขาย
==================================
EP 11 :
เรื่องราวของผมใน EP นี้ เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมเข้าเรียนระดับชั้น ม.5 เทอม 1 วันแรกของการเข้าเรียนของผม แต่ก่อนอื่นผมขอเกริ่นถึงเรื่องราวของผม ว่าทำไมผมถึงยังเรียนระดับชั้นม.ปลายอยู่ที่โรงเรียนเดิม พอผมจบชั้น ม.3 ในตอนนั้นในหัวของผมก็คิดเส้นทางการศึกษาของผมเอาไว้ 2 ทาง ทางแรกคือสายอาชีพ ต่อ ปวช. ปวส. ไป ทางที่สองก็คือสายสามัญ ต่อ ม.4 - ม.6 ในช่วงเวลานั้นโรงเรียนสายอาชีพทั้งหลาย กำลังสร้างบรรยากาศที่คุกกรุ่นไปด้วยไฟสงครามของการตีรันฟันแทงระหว่างสถาบัน แทบจะทุกวันที่เราจะได้เห็นวีรกรรมของเหล่าบรรดานักเรียนนักเลงที่ลงข่าวหน้า 1 ตามหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ ทำให้ผมในตอนนั้นจึงตัดสินใจได้ไม่ยากเลยที่จะเลือกเรียนสายสามัญ ทั้งที่ในตอนนั้นผมได้โควต้าเข้าเรียนสายช่างกลโรงงานในสถาบันที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง แต่ผมก็สละสิทธิ์ทิ้งทั้งหมด เพราะผมห่วงในเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง
กลับมาสู่ตอนปัจจุบัน วันแรกของของการเปิดเทอมขึ้น ม.5 ของผม ผมกำลังนั่งเข้าแถวตามห้องตามคณะสีอยู่ที่สนามหญ้าของโรงเรียน ซึ่งวันแรกของการเปิดภาคเรียนในแต่ละปี ทางโรงเรียนจะมีธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน นั้นก็คือการลอดซุ้มประตูมงคลต้อนรับเหล่านักเรียนใหม่ในระดับชั้น ม.1 กับ ม.4 และการเดินลอดซุ้มในแต่ละปี มันจะให้บรรยากาศคล้ายๆกับการเดินโชว์ตัวประกวดนางสาวไทย ถ้าเป็นเด็กผู้ชายหรือชายหนุ่มคนไหนที่เดินลอดซุ้มออกมาแล้วหล่อ พวกผู้หญิงกับพวก LGBT ก็จะส่งเสียงกรี้ดกร้าดปานชะนีเรียกร้องหาผัว แต่ถ้าเด็กผู้หญิงหรือหญิงสาวคนไหนลอดจากซุ้มออกมาแล้วสวยน่ารัก ก็จะมีพวกผู้ชายผิวปากทำเสียงซี้ดซ้าดบ้ากามปานว่ากำลังเกาะอยู่ตรงตู้กระจกในสถานอาบอบนวด รวมไปถึงเหล่าบรรดาทอมบอยที่ทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอยากจะเลียทุกซอกทุกมุม ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ผมกำลังก้มดูเพจเจอร์ของตัวเอง สักพักผมก็ได้ยินเสียงกรี้ดของเพื่อนที่เป็น LGBT ที่นั่งข้างๆ
: อีซี [ เป็นคนชักนำอิทธิพลมืดมาตบหัวผม แม่งมีผัวอยู่แล้ว แต่แอบร่านมาจีบและมาอ่อยผม ]
: อีนุช [ เด็ก ม.1 ใสๆน่ารักที่มาตามจีบผม แบบรุกจีบผมหนักมาก และน่าจะเป็นอีกคนที่ชักนำอิทธิพลมืดมารังควานผมเช่นกัน ]
: อีโฉม [ ฉายาในโรงเรียน " กระหรี่เคลื่อนที่ " จุดมุ่งหมายของมัน คงอยากล่าแต้มผู้ชายบนโลกให้ได้มากที่สุด มันมาตื้อขอให้ผมไปเย็ดกับมันตลอดเวลา 3 ปีที่เรียนอยู่ ม.ต้น แน่นอนผมไม่หลงกลไปเอากับมันหรอก น่ากลัวชิบหาย ]
มี 215 ซื้อ คุณต้องจ่าย 5 Zenny เพื่ออ่านกระทู้นี้ จ่ายเงินสำหรับกระทู้นี้
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
สนุกมากคับ
ทำไมผมอ่านแล้วรู้สึกเศร้าแต่การเดินเรื่องก็ยังสนุกเหมือนเดิม
สนุกดีครับ
ขอบคุณ
ขอบคุณมาก
สนุกมากครับ
ขอบคุณมากนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณ สนุกมาก
ขอบคุณครับ.
ขอบคุณครับ
ดีมากๆ
อยากลองบ้าง
ยาวมาก แต่สนุกชวนติดตามครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ดีมากๆ แล้วก็จากไปอีกคน แต่มีทั้งสุขและเศร้า
ขอบคุณมากครับ
EP 1 : ครั้งแรกของผม...เกิดจากความแค้นต่อเด็กป.4 EP 5 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 1 ความทรงจำดีๆ กับ เด็กชายที่เราไม่เคยมอง
EP 6 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 2 ทริปธุดงค์หื่น 2 รุม 1 ถ้ำสะเทือน
EP 7 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 1 เด็ก ม.3 ขี้เหงา กับ เด็ก ป.5 ข้างบ้าน ขี้เงี่ยน
EP 8 : ญาติกัน(เอา)มันดี Part 2 ตูดฉีกในคืนที่พายุโหมกระหน่ำ เสียซิงครั้งแรกให้กับญาติผู้พี่ ม.5
EP 9 : ม.ปลายตัวหื่นแสนเจ้าเล่ห์ VS เด็กอนุบาลใสซื่อไร้เดียงสา กับ ตุ๊กตาจระเข้ยางของน้อง
EP 10 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 2 ซื้อคอหมูย่าง แถม ลูกชายคนขาย
==================================
EP 11 :
มัธยมหรรษา
Part 3 : " ผมเห็นพี่เป็นไอดอล "
Part 3 : " ผมเห็นพี่เป็นไอดอล "
คำพูดของรุ่นน้อง ม.1 ตัวท็อป
ที่มีต่อ รุ่นพี่ตัวท็อป ม.5
<<=======================>>
เรื่องราวของผมใน EP นี้ เริ่มเกิดขึ้นตั้งแต่ตอนที่ผมเข้าเรียนระดับชั้น ม.5 เทอม 1 วันแรกของการเข้าเรียนของผม แต่ก่อนอื่นผมขอเกริ่นถึงเรื่องราวของผม ว่าทำไมผมถึงยังเรียนระดับชั้นม.ปลายอยู่ที่โรงเรียนเดิม พอผมจบชั้น ม.3 ในตอนนั้นในหัวของผมก็คิดเส้นทางการศึกษาของผมเอาไว้ 2 ทาง ทางแรกคือสายอาชีพ ต่อ ปวช. ปวส. ไป ทางที่สองก็คือสายสามัญ ต่อ ม.4 - ม.6 ในช่วงเวลานั้นโรงเรียนสายอาชีพทั้งหลาย กำลังสร้างบรรยากาศที่คุกกรุ่นไปด้วยไฟสงครามของการตีรันฟันแทงระหว่างสถาบัน แทบจะทุกวันที่เราจะได้เห็นวีรกรรมของเหล่าบรรดานักเรียนนักเลงที่ลงข่าวหน้า 1 ตามหน้าหนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ ทำให้ผมในตอนนั้นจึงตัดสินใจได้ไม่ยากเลยที่จะเลือกเรียนสายสามัญ ทั้งที่ในตอนนั้นผมได้โควต้าเข้าเรียนสายช่างกลโรงงานในสถาบันที่มีชื่อเสียงหลายแห่ง แต่ผมก็สละสิทธิ์ทิ้งทั้งหมด เพราะผมห่วงในเรื่องความปลอดภัยของตัวเอง
และในตอนนั้นลุงของผม(พี่ชายแม่)ก็ได้มาเยี่ยมพูดคุยกับผมที่บ้านอาคัง ลุงแกกับป้าได้เปิดบริษัทขึ้นมาหลายปีละ เป็นบริษัททางสายงานหนึ่งที่กำลังมีแววที่จะเติบโตได้ในอนาคต ลุงผมเลยแนะนำให้ผมไปเรียนสายนั้น ซึ่งสายนั้นมันก็ต้องเรียนสายสามัญ เพื่อต่อยอดไปเรียนในสายคณะนั้นที่มหาวิทยาลัย ในตอนนั้นแม่ผมกังวลว่าโรงเรียนมัธยมที่ผมเรียนอยู่ คงจะไม่สามารถผลักดันความรู้ความสามารถผมได้พอ แกเลยโทรไปคุยกับลุง และให้ลุงผมเป็นธุระจัดแจงในการหาที่เรียนม.ปลายให้ผมใหม่ จะยัดเงินเท่าไหร่แม่ก็ยอม ขอให้เป็นโรงเรียนดังๆที่สามารถกรุยทางให้ผมไปต่อมหาวิทยาลัยดังๆได้สะดวก
แต่ผมก็ปฏิเสธแม่ไป เหตุผลหนึ่งเลย เพราะผมขี้เกียจเดินทาง เหตุผลข้อที่สอง ในตอนนั้นผมมองว่าเรียนที่โรงเรียนไหนก็เหมือนกัน ค่อยไปหาที่เรียนพิเศษติวเอาก่อนช่วงที่จะเริ่มสอบเอนทรานซ์ แต่แม่ก็ยังไม่วายพยายามกล่อมให้ผมไปเรียนที่โรงเรียนอัสสัมชัญ สำหรับผมถึงโรงเรียนอัสสัมชัญในตอนนั้นอาจจะไม่ได้ดีเลิศในสายวิชาการ เหมือนกับโรงเรียนเตรียมอุดมหรือโรงเรียนสาธิตต่างๆ แต่อย่างน้อยแม่ผมก็คิดว่ามันก็ดีกว่าโรงเรียนทั่วไปและโรงเรียนประจำที่ผมเรียนอยู่ ซึ่งผมก็ปฏิเสธแม่ไปอีกครั้ง แล้วยังยืนยันคำพูดเดิมของผมว่าผมจะเรียนที่เดิม
ในใจจริงๆผมก็ไม่ได้พิศวาสอะไรกับโรงเรียนนี้นักหรอก นิสัยผมก็แค่ไม่ชอบการเปลี่ยนแปลงบ่อยๆ ( แต่ถ้าคบเด็กไปเรื่อยๆแบบไม่ซ้ำหน้าอันนี้โอเคอยู่ 55 ) เพื่อนผู้ชายในห้องที่เรียนม.ต้นด้วยกันมา พอจบชั้นม.3 ต่างพากันไปเรียนสายอาชีพกันหมด จะคงเหลือก็พวกเพื่อนที่เป็น LGBT ที่ตัดสินใจเรียนสายสามัญที่โรงเรียนเดิม ในส่วน ไอ้นัทEP4 ตอนแรกผมเห็นมันคุยลอยๆในห้องเรียนตอนอยู่ม.3 ว่า ตัวมันจะเรียนต่อสายสามัญที่นี่ แต่มันก็พลิกลิ้นตัดสินใจไปเรียนต่อ ปวช. ตามเพื่อนผู้ชายในห้องส่วนใหญ่ ทำให้แผนการขอคืนดีตะล่อมเย็ดของผมเป็นอันต้องพังทลายไป
ระดับชั้นม.ปลายที่โรงเรียนแห่งนี้ จะมีห้องเรียนน้อยกว่าระดับชั้นม.ต้น ระดับ ม.1 - ม.3 จะมีห้องเรียนถึง 15-16 ห้องในแต่ละชั้น แต่ระดับชั้น ม.4 - ม.6 มีแค่ 6 ห้องเท่านั้นต่อระดับชั้น ระหว่างที่ผมไปเข้าค่ายปฐมนิเทศสำหรับนักเรียนที่จะเข้าเรียน ม.1 กับ ม.4 ผมก็ได้รู้จักพบเจอเพื่อนใหม่ๆ มีทั้งมาจากโรงเรียนอื่น รวมไปถึงคนที่อยู่โรงเรียนเดิมแต่อยู่ต่างห้องที่เราก็ไม่ได้รู้จักมักจี่ และบรรดาเพื่อนที่เป็น LGBT ที่อยู่ห้องเดียวกันกับผม ก็มาสุมหัวอยู่ในห้องเดียวกันเกือบหมด
ตอนผมเรียนอยู่ขั้น ม.4 ยอมรับว่าในตอนนั้นผมเรียนหนักมาก เหมือนว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยเรียนมาจาก ม.ต้น จะไม่สามารถนำมาต่อยอดได้เลย พูดกันง่ายๆเหมือนหลักสูตรมันไม่ต่อเนื่องกัน ถือว่าเป็นจุดบกพร่องและด่างพร้อยในระบบการศึกษาของโรงเรียนนี้เลย ทำให้ตอนที่ผมอยู่ ม.4 ทั้ง 2 เทอม ผมเรียนหนักจนแทบไม่มีเวลาที่จะไปหาเกี้ยวพาราสีเด็กๆในโรงเรียนได้เลย จริงๆผมมีเล็งไว้ 1 คน เป็นเด็กลูกครึ่งฝรั่ง น้องอยู่ ม.1 เจอน้องเมื่อตอนไปเข้าค่ายปฐมนิเทศ แต่น้องน่าจะอยู่ห้องเกือบบ๊วยของชั้น ม.1 เพราะในแต่ละครั้งผมเห็นน้องอยู่ในกลุ่มก๊วนเด็กเกเรอยู่ตลอดเวลา ทำให้ผมขี้เกียจจะแหวกด่านไอ้พวกนั้นเพื่อที่จะเข้าไปเต๊าะจีบน้อง
และมีอีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญมาก ผมตั้งปณิธานกับตัวเองไว้แล้วว่า ถ้าผมขึ้นม.ปลาย ผมจะต้องหาเข้ากลุ่มสังคมอีกแบบในโรงเรียน ไม่ใช่กลุ่มเด็กเนิร์ดบ้าเรียนเหมือนตอนอยู่ม.ต้น ใช่เลย.. กลุ่มที่ผมกำลังพูดถึงก็คือกลุ่มที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโรงเรียน กลุ่มที่ทำให้ผมนั้นดูเก๋า ดูเท่ ดูคูล ในสายตาทุกคน เหตุผลที่ผมต้องรีบหาเข้า มันสืบเนื่องมาจากตัวผมที่ชอบโดนกลุ่มอิทธิพลมืดคอยตามราวีผมตั้งแต่อยู่ม.ต้น ซึ่งเหตุผลที่ผมโดนตามราวีส่วนมาก เป็นเหตุผลที่ดูไร้สาระและปัญญาอ่อนสิ้นดี
ถ้าผู้อ่านคนไหนเคยดูซีรีส์วายเรื่อง "เพราะเราคู่กัน 2gether The Series " ของไบร์ทกับวิน มันจะมีอยู่ตอนนึงที่ไบร์ทโดนคนที่มหาวิทยาลัยตามกระทืบ กระทืบด้วยเหตุผลที่ไบร์ทมันหน้าตาดีเกิน จนแฟนๆเมียๆของพวกอันธพาลพวกนั้น หลุดเอ่ยปากว่าชอบหรือชมไบร์ทต่อหน้าพวกนั้น มันเลยทำให้พวกนั้นของขึ้นด้วยความหมั่นไส้และอิจฉา จนต้องตามมารังควานและกระทืบเพื่อระบายอารมณ์
ใช่ครับ.. นั้นละคือเหตุผลที่ผมโดนราวีมาตั้งแต่ ม. 1 ซึ่งผมไม่เคยเขียนให้ทุกคนได้อ่านกัน ซึ่งในช่วงนั้น เพื่อนๆในกลุ่มผมรู้ชะตากรรมของผมเป็นอย่างดี แม้แต่พวกเพื่อนเก๋าๆที่เรียนห้องเดียวกันกับผมตอนม.ต้น ก็ไม่กล้าที่จะสอดมือเข้ามาช่วยผมจากอิทธิพลนักเลงต่างห้องต่างชั้นเหล่านั้น แต่ผมก็ไม่ได้โดนทำอะไรมากเหมือนกับที่ไบร์ทโดนในซีรีส์เรื่องนั้นหรอก อย่างมากผมก็โดนตบหัว (แต่ก็แอบแรงอยู่นะ) แบบผมอยู่ดีๆ พวกนั้นก็เดินมาตบหรือถีบ แล้วพูดทิ้งท้ายว่า " มึงหล่อนักเหรอ " หรือไม่ผมก็โดนไถเงิน โดยให้เหตุผลว่า " เป็นค่าปรับที่แฟนกูพูดถึงมึง " นี่แหละก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ผมชอบไปขลุ่กอยู่ในห้องสมุดช่วงพักเที่ยง ในบางครั้งผมก็โมโหนะ ผมคิดว่า.. แฟนมึงกูก็ไม่ได้เย็ดไม่เคยแตะต้องอะไรเลย แต่มาทำกับผมเหมือนกับว่า ผมไปเย็ดแฟนมันจนท้อง แล้วพาอีพวกนั้นไปทำแท้งมาหลายรอบแล้ว
ผมเลยไม่อยากจะใช้ชีวิตแบบพะวงหน้าพะวงหลัง ระแวงไปทั่วอีกแล้ว เพราะผมอยากจะโฟกัสการเรียนมากกว่าในระดับชั้น ม.ปลาย ผมสืบไปสืบมาจนไปเจอกลุ่มที่ผมต้องการ กลุ่มนี้มีชื่อแก๊งในโรงเรียนด้วย แต่ไม่ขอเอ่ยชื่อละกันมันอุบาทว์เกิน 55 แต่สมาชิกในกลุ่มไม่ได้อุบาทว์เหมือนกับชื่อแก๊ง ซึ่งสมาชิกทั้งหมดส่วนใหญ่จะเป็นพวก ม.5 ซึ่งในตอนนั้นถือว่าเป็นรุ่นพี่ของผมปีนึง แถมอยู่สีเดียวกันกับผม(กีฬาสี) และมีเพื่อนของผมประมาณ 4 คนที่อยู่ในห้องเดียวกันก็อยู่ในแก๊งนี้ด้วย คนในกลุ่มส่วนมากเป็นลูกคนมีเงินมีฐานะ ซึ่งส่วนใหญ่บ้านก็อยู่แถวข้างๆโรงเรียนนั้นละ
สิ่งสำคัญของกลุ่มนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ หน้าตาของทุกคนในกลุ่มถือว่าดีเลยทีเดียว อารมณ์เหมือนหนังหรือซีรีส์ฝรั่งที่กลุ่มอันธพาลในโรงเรียนส่วนใหญ่มักจะเป็นลูกคนรวยที่หน้าตาดีทรงแบดๆ กลุ่มนี้จะไม่เน้นเป็นอันธพาลเที่ยวไประรานคนอื่น แต่จะเน้นมีเรื่องเฉพาะตอนที่คนในกลุ่มถูกรังแกหรือโดนหาเรื่อง ซึ่งอันธพาลขาใหญ่ที่อยู่ชั้น ม.2 กับ ม.3 จะไม่ค่อยกล้ายุ่งกับกลุ่มนี้ เพราะสิ่งที่พิเศษอีกอย่างของกลุ่มนี้ก็คือ พวกเขามีแบ็คที่เป็นพวกนักเรียนช่างกลชื่อดังที่อาศัยอยู่รอบโรงเรียนนี้ด้วย ถ้าใครลองมาหาเรื่องก็จะไม่มีวันที่จะได้ออกจากโรงเรียนนี้ แล้วกลับบ้านไปโดยที่ปราศจากรอยแผล ( นี่โรงเรียนมัธยมหรือโรงเรียนซูซูรันในการ์ตูนเรื่อง Crows Zero 55 )
สิ่งสำคัญของกลุ่มนี้อีกอย่างหนึ่งก็คือ หน้าตาของทุกคนในกลุ่มถือว่าดีเลยทีเดียว อารมณ์เหมือนหนังหรือซีรีส์ฝรั่งที่กลุ่มอันธพาลในโรงเรียนส่วนใหญ่มักจะเป็นลูกคนรวยที่หน้าตาดีทรงแบดๆ กลุ่มนี้จะไม่เน้นเป็นอันธพาลเที่ยวไประรานคนอื่น แต่จะเน้นมีเรื่องเฉพาะตอนที่คนในกลุ่มถูกรังแกหรือโดนหาเรื่อง ซึ่งอันธพาลขาใหญ่ที่อยู่ชั้น ม.2 กับ ม.3 จะไม่ค่อยกล้ายุ่งกับกลุ่มนี้ เพราะสิ่งที่พิเศษอีกอย่างของกลุ่มนี้ก็คือ พวกเขามีแบ็คที่เป็นพวกนักเรียนช่างกลชื่อดังที่อาศัยอยู่รอบโรงเรียนนี้ด้วย ถ้าใครลองมาหาเรื่องก็จะไม่มีวันที่จะได้ออกจากโรงเรียนนี้ แล้วกลับบ้านไปโดยที่ปราศจากรอยแผล ( นี่โรงเรียนมัธยมหรือโรงเรียนซูซูรันในการ์ตูนเรื่อง Crows Zero 55 )
จริงๆในตอนนั้น ผมก็มีคุณสมบัติครบทุกอย่าง เทียบเท่ากับสมาชิกส่วนใหญ่ของกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นหน้าตา (จริงๆผมเป็นคนไม่ค่อยชอบชมตัวเองและยังคิดอยู่เสมอว่าหน้าตาผมนั้นหล่อแบบปานกลาง ) หรือจะฐานะ.. ถึงผมจะอยู่กับอาคังและอาลี่ซึ่งมีฐานะปานกลาง แต่จริงๆแล้วแม่ผมถือว่ามีเงินและทรัพย์สินมากพอสมควร (ยังไม่รวมที่ดินกับมรดกที่ย่าผมมอบไว้ให้) มีช่วงนึงที่แม่ผมกลับมาจากต่างประเทศเป็นระยะเวลาสั้นๆ ด้วยอารมณ์เห่อลูกชายที่กำลังโตเป็นหนุ่มหล่อ แม่พาผมไปซื้อเสื้อผ้ารองเท้าแบรนด์เนมรวมไปถึงนาฬิกาและเพจเจอร์ แถมยังพาไปดัดฟัน (ซึ่งตอนแรกผมก็ไม่ได้อยากดัด เพราะคิดว่าฟันสวยอยู่แล้ว แต่สุดท้ายผมก็ยอมตามใจแม่และหมอฟัน) ซึ่งตรงจุดนี้ทำให้อาคังเคืองแม่ผมเป็นอย่างมากมาก เพียงเพราะเหตุผลปัญญาอ่อนที่ว่า แม่ผมไม่ยอมซื้อของเหล่านั้นให้กับน้องเซนด้วย (ก็ไม่แปลกนะ น้องเซนไม่ใช่ลูกแม่ผมซะหน่อย ทำไมแม่ผมถึงต้องซื้อของให้..) แต่อาคังก็พูดอะไรมากไม่ได้ เพราะในตอนนั้นอาคังอาศัยเงินที่แม่ผมจ้างเลี้ยงดูผม นำมาใช้จ่ายในชีวิตประจำวันของตัวอาคังเองและครอบครัว และก่อนที่แม่ผมจะกลับไปต่างประเทศ แกก็ให้เงินสดผมไว้ก้อนนึงสำหรับไว้ใช้จ่ายจิปาถะ แต่แม่ผมก็ไม่ได้บอกให้อาคังรู้ในเงินก้อนนี้ที่ให้ผม
ผมเอาเงินก้อนนั้นซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนผม โดยมีกุญแจล็อคอย่างดี ผมนำเงินเหล่านั้นส่วนหนึ่งมาใช้จ่ายซื้อโน่นซื้อนี่ เพื่ออัพเกรดสร้างบารมีให้กับผม เพื่อให้สมกับเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม ซึ่งบารมีเหล่านั้นมันมาจากสิ่งเทาๆที่ผิดกฎของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นกางเกงนักเรียน ที่สมัยม.ต้นกางเกงของผมตัดด้วยผ้าเสิท แต่พอขึ้นม.ปลาย ผมนำเงินไปแอบตัดกางเกงนักเรียนตัดด้วยผ้ายีนส์นิ่ม และแน่นอนมันเป็นเนื้อผ้าที่ผิดกฏของโรงเรียน ผมตัดไว้ทั้งหมด 3 ตัว เก็บไว้ที่ฐานลับของผมแห่งหนึ่งในโรงเรียน พอถึงเวลาที่ต้องซักต้องรีด ผมก็จะจ้างเพื่อนในห้องที่รับจ็อบพิเศษหาเงินนำไปซักและรีด แล้วนำกลับมาให้ผมที่โรงเรียน
ผมซื้อกระเป๋าถือนักเรียนสีดำแทนกระเป๋าเป้นักเรียน เพื่อที่จะทำให้ผมดูไม่เป็นเด็กเนิร์ด และแน่นอนกระเป๋านักเรียนสีดำก็ต้องเป็นของแบรนด์เนม แล้วผมก็ซื้อตัวหนีบสีทองมาหนีบที่ข้างกระเป๋าให้แบนแบบคูลๆ ส่วนหนังสือเรียนผมเก็บไว้ที่ฐานทัพลับ วันไหนอยากอ่านหนังสือเรียนเล่มไหนก็ค่อยแบกกลับบ้าน รวมไปถึงการซื้อบุหรี่มาดูด ซึ่งผมก็ดูดเฉพาะยามที่ผมอยู่กับสมาชิกในแก๊ง แต่ผมก็ไม่ได้ถึงขั้นที่ติดบุหรี่ ผมสูบแค่เอาโก้เฉยๆ และบางครั้งมันทำให้ผมดูเท่และดูป๋ามากขึ้น ยามที่เพื่อนในแก๊งบุหรี่หมด แล้วเรามีให้พวกเค้าอยู่เสมอยามที่เอ่ยปากขอ
ผมเอาเงินก้อนนั้นซ่อนไว้ในลิ้นชักโต๊ะเขียนหนังสือในห้องนอนผม โดยมีกุญแจล็อคอย่างดี ผมนำเงินเหล่านั้นส่วนหนึ่งมาใช้จ่ายซื้อโน่นซื้อนี่ เพื่ออัพเกรดสร้างบารมีให้กับผม เพื่อให้สมกับเป็นหนึ่งในสมาชิกกลุ่ม ซึ่งบารมีเหล่านั้นมันมาจากสิ่งเทาๆที่ผิดกฎของโรงเรียน ไม่ว่าจะเป็นกางเกงนักเรียน ที่สมัยม.ต้นกางเกงของผมตัดด้วยผ้าเสิท แต่พอขึ้นม.ปลาย ผมนำเงินไปแอบตัดกางเกงนักเรียนตัดด้วยผ้ายีนส์นิ่ม และแน่นอนมันเป็นเนื้อผ้าที่ผิดกฏของโรงเรียน ผมตัดไว้ทั้งหมด 3 ตัว เก็บไว้ที่ฐานลับของผมแห่งหนึ่งในโรงเรียน พอถึงเวลาที่ต้องซักต้องรีด ผมก็จะจ้างเพื่อนในห้องที่รับจ็อบพิเศษหาเงินนำไปซักและรีด แล้วนำกลับมาให้ผมที่โรงเรียน
ผมซื้อกระเป๋าถือนักเรียนสีดำแทนกระเป๋าเป้นักเรียน เพื่อที่จะทำให้ผมดูไม่เป็นเด็กเนิร์ด และแน่นอนกระเป๋านักเรียนสีดำก็ต้องเป็นของแบรนด์เนม แล้วผมก็ซื้อตัวหนีบสีทองมาหนีบที่ข้างกระเป๋าให้แบนแบบคูลๆ ส่วนหนังสือเรียนผมเก็บไว้ที่ฐานทัพลับ วันไหนอยากอ่านหนังสือเรียนเล่มไหนก็ค่อยแบกกลับบ้าน รวมไปถึงการซื้อบุหรี่มาดูด ซึ่งผมก็ดูดเฉพาะยามที่ผมอยู่กับสมาชิกในแก๊ง แต่ผมก็ไม่ได้ถึงขั้นที่ติดบุหรี่ ผมสูบแค่เอาโก้เฉยๆ และบางครั้งมันทำให้ผมดูเท่และดูป๋ามากขึ้น ยามที่เพื่อนในแก๊งบุหรี่หมด แล้วเรามีให้พวกเค้าอยู่เสมอยามที่เอ่ยปากขอ
เพื่อนใหม่ของผมในห้องพาผมไปรู้จักกับรุ่นพี่ในแก๊ง ที่โรงยิมบาสฯของโรงเรียน ซึ่งเป็นที่ที่กลุ่มนี้สิงสถิตกันอยู่ ซึ่งผมก็ได้การต้อนรับเป็นอย่างดี เกินกว่าที่ผมคาดคิดเอาไว้ กลุ่มนี้อัธยาศัยดีมาก ยิ่งรุ่นพี่ที่เป็นหัวหน้าแก๊งจะคุยและเอ็นดูผมเป็นพิเศษ (จนผมเริ่มรู้สึกแปลกๆ -*-) จนท้ายที่สุดผมก็ใช้เวลาเพียง 2 เดือนตั้งแต่ที่ผมเริ่มเข้าเรียน ม.4 ผมสามารถเข้าไปอยู่ในกลุ่มที่ทรงอิทธิพลที่สุดในโรงเรียนได้ แล้วก็สนิทกับทุกคนในแก๊งได้อย่างหน้าชื่นตาบาน ซึ่งในจุดนั้นทำให้ผมโล่งอกโล่งใจเป็นอย่างมาก มันหมายถึงว่าชีวิตของผมตลอดมัธยมปลาย ผมจะมีบาเรียที่แข็งแกร่งคอยคุ้มกันและปกป้องผมจากภัยมืดทุกรูปแบบ ที่คอยหลบซ่อนอยู่ภายในโรงเรียนนี้
กลับมาสู่ตอนปัจจุบัน วันแรกของของการเปิดเทอมขึ้น ม.5 ของผม ผมกำลังนั่งเข้าแถวตามห้องตามคณะสีอยู่ที่สนามหญ้าของโรงเรียน ซึ่งวันแรกของการเปิดภาคเรียนในแต่ละปี ทางโรงเรียนจะมีธรรมเนียมที่ปฏิบัติกันมาอย่างยาวนาน นั้นก็คือการลอดซุ้มประตูมงคลต้อนรับเหล่านักเรียนใหม่ในระดับชั้น ม.1 กับ ม.4 และการเดินลอดซุ้มในแต่ละปี มันจะให้บรรยากาศคล้ายๆกับการเดินโชว์ตัวประกวดนางสาวไทย ถ้าเป็นเด็กผู้ชายหรือชายหนุ่มคนไหนที่เดินลอดซุ้มออกมาแล้วหล่อ พวกผู้หญิงกับพวก LGBT ก็จะส่งเสียงกรี้ดกร้าดปานชะนีเรียกร้องหาผัว แต่ถ้าเด็กผู้หญิงหรือหญิงสาวคนไหนลอดจากซุ้มออกมาแล้วสวยน่ารัก ก็จะมีพวกผู้ชายผิวปากทำเสียงซี้ดซ้าดบ้ากามปานว่ากำลังเกาะอยู่ตรงตู้กระจกในสถานอาบอบนวด รวมไปถึงเหล่าบรรดาทอมบอยที่ทำสายตากะลิ้มกะเหลี่ยอยากจะเลียทุกซอกทุกมุม ในตอนนั้นผมก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ผมกำลังก้มดูเพจเจอร์ของตัวเอง สักพักผมก็ได้ยินเสียงกรี้ดของเพื่อนที่เป็น LGBT ที่นั่งข้างๆ
" ติมมี่ๆ มึงดูน้องคนนั้นสิ หน้าเหมือนมึงตอนที่เรียนอยู่ ม.1 เลย อ๊ายๆๆๆ " เพื่อนผมพูดด้วยอาการตื่นเต้นและร่านแบบสุดขีด
" ไม่เห็นเหมือนเลย กูออกจะหล่อกว่า " ผมพูดในขณะเงยหน้าไปมองเด็กชายคนนั้นตามที่เพื่อนผมชี้
" จ้าาา ไม่มีใครหล่อเกินมึงไปได้หรอก หมั่นไส้ " เพื่อนผมมันพูดเสร็จแล้วสะบัดหน้าหนีผมด้วยความหมั่นไส้
" แต่น้องดูเตี้ยไปนะ " เพื่อนผมพูด ถึงมันจะสะบัดหน้าหนียังไม่วายทิ้งคำพูดของมันลอยมาถึงหูผม
" แล้วไง ถ้าน้องนอนเฉยๆให้มึงทำ มึงจะไม่เอา..? " ผมพูดยั่วยวนกวนประสาทมัน
" เอาสิ กูจะเอาปากกูดูดรีดน้ำน้องให้หมด ดูดเสร็จกูจะขึ้นไปขย่มตอน้องรีดน้ำอีกรอบ ความสูงความเตี้ยมันไม่มีผลตอนเอากันหรอกโว้ย " เพื่อนผมพูด ทำตาโตมองไปที่เด็กชายคนนั้น แล้วแอบแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเองแบบหื่นกระหาย
" ที่พูดมาเมื่อกี้ทั้งหมด มึงเคยทำ...? มึงจะบอกว่ามึงไม่ซิงแล้ว..? " ผมพูดยั่วประสาทเพื่อนผมอีกรอบ
" แหมมม ไอ้ติม ใครจะไปบ้ากามเหมือนมึง ฟาดหมดทุกระดับชั้น อีซี อีนุช อีโฉม อีปราง อีนุ๊ก อย่าให้กูพูดนะ ไหนจะคนอื่นๆอีกที่กูไม่รู้ " เพื่อนร่ายยาวพูดเหน็บยั่วประสาทผมคืน ซึ่งชื่อผู้หญิงที่มันเอ่ยมาทั้งหมด เป็นคนที่เคยมาติดพันกับผมในช่วง ม.ต้น
" มึง..ก็เว่อร์ไปอีห่าราก.. " ผมพูดใส่มัน ในขณะที่ในหัวของผมกำลังเริ่มรื้อฟื้นความทรงจำถึงชื่อผู้หญิงที่มันเอ่ยมา
: อีซี [ เป็นคนชักนำอิทธิพลมืดมาตบหัวผม แม่งมีผัวอยู่แล้ว แต่แอบร่านมาจีบและมาอ่อยผม ]
: อีนุช [ เด็ก ม.1 ใสๆน่ารักที่มาตามจีบผม แบบรุกจีบผมหนักมาก และน่าจะเป็นอีกคนที่ชักนำอิทธิพลมืดมารังควานผมเช่นกัน ]
: อีโฉม [ ฉายาในโรงเรียน " กระหรี่เคลื่อนที่ " จุดมุ่งหมายของมัน คงอยากล่าแต้มผู้ชายบนโลกให้ได้มากที่สุด มันมาตื้อขอให้ผมไปเย็ดกับมันตลอดเวลา 3 ปีที่เรียนอยู่ ม.ต้น แน่นอนผมไม่หลงกลไปเอากับมันหรอก น่ากลัวชิบหาย ]
: อีปราง [ แฟนผู้หญิงที่ผมคบ ตอนเรียนอยู่ห้องเดียวกันตอนม.ต้น แต่ก็เลิกกันเพราะความห่างเหิน เพราะปรางไปเรียนต่อสายอาชีพ ]
: อีนุ๊ก [ ใครวะ..? ]
" แต่ถ้ามึงอยากลองของแปลกใหม่ หาที่ระบาย บอกกูได้นะ รับรองกูไม่บอกใครเด็ดขาด อิอิ " เพื่อนผมพูดทำเสียงสาวยั่วเย็ดและขยิบตาวิ้งๆให้ผม
" ตีนกูม่ะ " ผมพูดกวนบาทาใส่มันและยิ้มให้
" ตีนกูม่ะ " ผมพูดกวนบาทาใส่มันและยิ้มให้
" เออ รังเกียจกูกันเข้าไป มึงไม่เคยอ่อนโยนกับกูเลย ตั้งแต่อยู่ ม.ต้น ละ " มันพูดแอบโมโหผมนิดๆ
" โอ๋ๆ อย่าโกรธกูน๊าา มึงเป็นเพื่อนเก่าแก่ที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของกู มาๆกอดๆ " ผมพูดปลอบมันพลางเอาแขนไปโอบกอดมันแน่น แล้วทำท่าจะไซ้ที่ซอกคอของมัน
ในระหว่างที่เพื่อนผมมันกำลังหัวเราะคิกคักด้วยความฟินที่โดนผมกอดและเอาปากจูบที่ไหล่ ผมมองข้ามไหล่เพื่อนไป แล้วมองไปที่เด็กชาย ม.1 คนนั้น คนที่ผมกับเพื่อนพูดถึงไปเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า น้องเดินไปจนถึงคณะสีของตัวเอง ผมมองไปที่ใบหน้าของน้องและคิดในใจ เอาจริงๆน้องมันก็หล่อน่ารักแหละ สไตล์ตี๋ขาวโอโม่ ก็ไม่แปลกที่เพื่อนผมจะบอกว่าน้องมันคล้ายๆผมตอน ม.1 ซึ่งเด็กไทยเชื้อสายจีนหน้ามันก็จะออกมาแพทเทินประมาณนี้เกือบหมด หน้าตาของน้องถึงจะตี๋แต่ก็ไม่ถึงกับตี๋จ๋าแบบตาตี่ เอาจริงๆตาของน้องออกจะกลมโตซะด้วยซ้ำ คิ้วก็ดกดำพอประมาณเป็นเอกลักษณ์ ปากน้องออกจะแดงๆ (คล้ายปาก น้องเจี๊ยบEP6) ก็ไม่แปลกหรอกที่น้องจะโดนผู้หญิงและ LGBT ในโรงเรียนส่งเสียงกรี้ดกร้าดใส่
ถึงน้องคนนั้นจะโดนเพื่อนผมแซวว่าเตี้ย เอาจริงๆก็ไม่ถึงกับเตี้ยมากนะ ผู้ชายในห้องน้องมีประมาณ 20 กว่าคน ลำดับความสูงน้องที่เดินต่อแถวกันไปจนถึงคณะสี น้องก็อยู่ในลำดับที่ 6 - 7 ( แต่เอาจริงๆก็เตี้ยแหละ 55 ถ้าเทียบกับผมตอนเข้ามา ม.1 ใหม่ๆ ) แต่ก็อย่างที่เพื่อนผมที่เป็น LGBT บอกนั้นละว่า ความสูงมันไม่มีผลตอนที่เราจะเย็ดกัน
" เตี้ยๆ แบบนี้ซิ น่าเย็ดดี 55 "