อ่านเรื่องราวก่อนหน้า : ** เพื่อความอรรถรสในการอ่านเพราะเรื่องราวจะร้อยเรียงเป็นไทม์ไลน์ อาจจะมีการพูดถึงบุคคลใน EP ก่อนหน้า และ อาจมีเรื่องราวใน EP นี้ / **เรื่องจะเรียงตาม EP ไม่ต้องสนใจ Part ข้างหลังครับ**
EP 1 : ครั้งแรกของผม...เกิดจากความแค้นต่อเด็กป.4 EP 5 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 1 ความทรงจำดีๆ กับ เด็กชายที่เราไม่เคยมอง
EP 6 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 2 ทริปธุดงค์หื่น 2 รุม 1 ถ้ำสะเทือน
EP 7 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 1 เด็ก ม.3 ขี้เหงา กับ เด็ก ป.5 ข้างบ้าน ขี้เงี่ยน
EP 8 : ญาติกัน(เอา)มันดี Part 2 ตูดฉีกในคืนที่พายุโหมกระหน่ำ เสียซิงครั้งแรกให้กับญาติผู้พี่ ม.5
EP 9 : ม.ปลายตัวหื่นแสนเจ้าเล่ห์ VS เด็กอนุบาลใสซื่อไร้เดียงสา กับ ตุ๊กตาจระเข้ยางของน้อง
EP 10 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 2 ซื้อคอหมูย่าง แถม ลูกชายคนขาย
EP 11 : มัธยมหรรษา Part 3 " ผมเห็นพี่เป็นไอดอล " คำพูดของรุ่นน้อง ม.1 ตัวท็อป ที่มีต่อ รุ่นพี่ตัวท็อป ม.5
EP 12 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 3 ส่งข้าวกล่องให้เด็กน้อย คิดค่าจ้าง 2 น้ำ
==================================
EP 13 ตอน :
" พี่...ผมขอขี่หลังพี่ได้ม่ะ " น้องเงยหน้ามาถามผมโดยสายตาที่เว้าวอน
วันรุ่งขึ้น.. ผมกับแม่เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งรอให้อาคิดเอารถยนต์มารับผมกับแม่เพื่อที่จะไปส่งผมกับแม่ที่ บ.ข.ส ผมก็เหลือบไปเห็นน้องทอมกำลังนั่งอยู่บนรถจักรยานแอบดูผมผ่านรั้วไม้บ้านย่า ในตอนนั้นผมก็งงและแปลกใจนิดๆว่าทำไมน้องทอมไม่เดินเข้ามาคุยหรือเข้ามาลาผม ผมกับแม่ช่วยกันยกของขึ้นรถอาคิดแล้วผมก็ขึ้นไปนั่งบนรถ โดยที่แม่ของผมนั่งอยู่ด้านหน้ากับอาคิด ส่วนผมนั่งที่เบาะหลัง จังหวะที่รถเคลื่อนผ่านประตูรั้ว ผมมองไปที่หน้าน้องทอมแล้วโบกมือบ๊ายบายให้น้อง แต่น้องไม่ได้โบกมือบ๊ายบายผมตอบ น้องยังทำหน้านิ่งมองมาที่ผม จังหวะที่รถของอาคิดวิ่งไปตามถนนในช่วงที่รถเริ่มเพิ่มความเร็ว ผมหันไปมองผ่านกระจกใสด้านหลังรถ ผมเห็นน้องทอมปั่นจักรยานตามรถอาคิดมา น้องปั่นด้วยความเร็วตามกำลังขาของเด็กป.2 ผมเอามือแปะที่กระจกใสเป็นสัญญาณโบกมือลาให้น้อง ซีนในตอนนั้นให้อารมณ์เหมือนกับฉากที่เจี๊ยบกำลังปั่นจักรยานไล่ตามรถของน้อยหน่าในหนังเรื่อง แฟนฉัน และ ซีนจากลาตอนต้นเรื่องในหนังเรื่อง รักแห่งสยาม ฉากที่โต้งหันไปมองผ่านกระจกใสด้านหลัง เพื่อมองมิวเพื่อนรักของเขาที่กำลังยืนร้องไห้เสียใจกับการจากลาคนที่เรารัก
มี 153 ซื้อ คุณต้องจ่าย 5 Zenny เพื่ออ่านกระทู้นี้ จ่ายเงินสำหรับกระทู้นี้
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ ติดตามต่อ
ขอบคุณครับสนุกทุกตอนจิงๆ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
สนุกมากครับ ชอบๆๆ
แอบเศร้านิด ๆ กับความรักที่สดใส
ขอบคุณครับ
ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ.
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ เศร้าตามเลย
มันเป็นเรื่องปกติของเด็กวัยนี้ครับ พูดไปเรื่อยตามอารมณ์ขณะนั้น เอามาเป็นจริงเป็นจังไม่ได้หรอกครับ
งือออ ความฝันพังทลายตรงหน้า เข้าใจความรู้สึกเลยอ่ะEP 1 : ครั้งแรกของผม...เกิดจากความแค้นต่อเด็กป.4 EP 5 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 1 ความทรงจำดีๆ กับ เด็กชายที่เราไม่เคยมอง
EP 6 : กาลครั้งหนึ่ง เมื่อเราบวชเณร Part 2 ทริปธุดงค์หื่น 2 รุม 1 ถ้ำสะเทือน
EP 7 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 1 เด็ก ม.3 ขี้เหงา กับ เด็ก ป.5 ข้างบ้าน ขี้เงี่ยน
EP 8 : ญาติกัน(เอา)มันดี Part 2 ตูดฉีกในคืนที่พายุโหมกระหน่ำ เสียซิงครั้งแรกให้กับญาติผู้พี่ ม.5
EP 9 : ม.ปลายตัวหื่นแสนเจ้าเล่ห์ VS เด็กอนุบาลใสซื่อไร้เดียงสา กับ ตุ๊กตาจระเข้ยางของน้อง
EP 10 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 2 ซื้อคอหมูย่าง แถม ลูกชายคนขาย
EP 11 : มัธยมหรรษา Part 3 " ผมเห็นพี่เป็นไอดอล " คำพูดของรุ่นน้อง ม.1 ตัวท็อป ที่มีต่อ รุ่นพี่ตัวท็อป ม.5
EP 12 : หมู่บ้านจิตหงุดเงี้ยว Part 3 ส่งข้าวกล่องให้เด็กน้อย คิดค่าจ้าง 2 น้ำ
==================================
EP 13 ตอน :
2 เดือนแห่งความสุข กับ 1 วันที่ทุกข์ระทม
ตกหลุมรักเด็กชายข้างบ้านย่า
<<----------------------------------------------------->>
ผมขอย้อนอดีตไปเมื่อตอนที่ผมกำลังจะเข้า ม.1 ก่อนที่โรงเรียนของผมจะเปิดเทอม ในตอนนั้นแม่ได้พาผมมาเยี่ยมย่าที่ต่างจังหวัด ซึ่งก็เป็นธรรมเนียมของแม่ผมในทุกๆปีที่ต้องพาผมมาเยี่ยมย่า ในฤดร้อนตอนนั้นผมกับแม่มาเยี่ยมย่าช้ากว่าทุกปีที่ผ่านมา มันก็สืบเนื่องมาจากการที่แม่ผมดิ้นรนหาที่เรียนม.1 ให้กับผม สาเหตุนั้นทุกๆท่านก็คงจะทราบจากเรื่องราวของผมใน EP3 ซึ่งมันก็เกิดจากความลังเลของตัวผมเอง จากการที่ผมไม่ตัดสินใจซะทีว่าจะไปเรียนที่โรงเรียนที่ให้โควต้ากับผมหรือไม่ จนมันสายเกินไปและช้าไปหมด ท้ายที่สุดผมกับแม่ก็ตัดสินใจว่าจะไม่เข้าเรียนที่โรงเรียนตามโควต้าที่ได้ เพราะผมต้องเดินทางไกลในการไปเรียนโรงเรียนเหล่านั้น
พอผมเดินทางมาถึงบ้านย่า บ้านย่าในตอนนั้นบรรยากาศก็ออกจะเงียบๆหน่อย เพราะอาคังอาลี่และน้องเซนEP2 รวมถึงญาติคนอื่นๆ ก็พากันเดินทางกลับกรุงเทพฯเป็นที่เรียบร้อยแล้ว รวมไปถึงพี่ก้องEP8ที่ติดสอยห้อยตามอาคังไปเที่ยวที่กรุงเทพฯด้วย แม่ผมตัดสินใจค้างที่บ้านย่าเป็นเวลา 3 วัน 3 คืนและช่วงเช้าของวันที่ 4 ค่อยเดินทางกลับกรุงเทพฯ เวลาที่แม่ของผมมาที่บ้านย่า ส่วนมากแม่ผมก็จะออกไปตระเวนเยี่ยมเพื่อนๆของพ่อผมที่แม่ผมรู้จักและสนิทด้วย รวมไปถึงการทำภารกิจลับในหาคนในพื้นที่มาซื้อที่ดินมรดกที่ย่ามอบให้กับผมและแม่ ส่วนผมนั้นก็จะนั่งแง่วอยู่ที่บ้านย่า คอยคุยเป็นเพื่อนย่า รวมไปถึงออกวิ่งตะลอนไปทั่วแถวละแวกบ้านย่าตามประสาเด็กน้อย
มีอยู่วันหนึ่ง... ซึ่งเป็นวันที่ 2 ที่ผมมาบ้านย่า ผมกำลังนั่งอยู่ที่แคร่หน้าบ้านย่าเพื่อรับลมและอากาศบริสุทธิ์ จังหวะที่ผมกำลังเอาจมูกดมฟุดฟิดรับกลิ่นอายในชนบท สายตาของผมก็เหลือบไปเห็นเด็กชายหน้าตาน่ารักคนหนึ่ง วัยของน้องน่าจะเรียนอยู่ไม่ชั้นป.1 ก็ ป.2 น้องกำลังยืนอยู่ที่ริมรั้วไม้บ้านย่าของผม น้องยืนนิ่งจ้องมองมาที่ผมเหมือนกับเป็นฆาตกรโรคจิตชื่อดังที่กำลังยืนเล็งเป้าหมายเหยื่อรายต่อไปของเขา ผมเพ่งเล็งมองน้องได้สักพัก ผมเลยตัดสินใจลุกขึ้นและเดินไปหา แต่น้องก็ไหวตัวแล้วรีบเดินจากไป...
ในช่วงของวันนั้นและวันถัดไป ผมก็สังเกตเห็นน้องคนนี้จะคอยปั่นจักรยานโฉบไปโฉบมาหน้าบ้านย่าผม ทุกครั้งที่น้องปั่นจักรยานผ่านหน้าประตูรั้วบ้านย่า น้องจะหันมามองที่ผมตลอดไม่ว่าตอนนั้นผมกำลังจะทำอะไร ตามไทม์ไลน์ในตอนนั้นผมยังไม่ได้เริ่มชอบเด็กผู้ชายเลย เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นก่อน น้องตั๋นEP1 ซะอีก ในตอนนั้นมันเลยทำให้ผมงงๆกับพฤติกรรมของน้อง และไม่ได้คิดอะไรกับการกระทำแปลกๆของเด็กชายปริศนาที่โฉบไปโฉบมาหน้าบ้านย่าผม โฉบเหมือนกับนกอินทรีเด็กที่บินออกจากรังและพึ่งหัดล่าเหยื่อ บินโฉบเหนือน่านฟ้าหาโอกาสจ้องจะตะครุบกระต่ายหนุ่มน้อยที่แสนน่ารัก แต่บางทีผมก็อาจคิดฟุ้งซ่านไปไกล ผมคิดว่าบางทีการที่น้องกำลังมองผมอยู่ น้องอาจจะเป็นคนพิเศษที่สามารถมองเห็นสิ่งที่อยู่นอกเหนือธรรมชาติ จริงๆแล้วน้องอาจจะเห็นว่ามีผีผู้หญิงที่กำลังขี่คอผม เหมือนกับเณรเด็กน้อยที่เห็นผีขี่คออนันดาพระเอกในหนังเรื่อง Shutter/กดติดวิญญาณ [บรื๋อออ ขนลุก]
จนวันถัดมาช่วงเย็นๆของวันที่ 3 ผมก็นั่งเล่นอยู่ที่หน้าบ้านย่าตามปกติที่ผมนั่งอยู่ทุกวัน วันนั้นผมสังเกตเห็นคนจำนวนมากที่อยู่ในละแวกบ้านย่า เดินตามกันไปบนถนนเส้นทางเดียวกัน รวมไปถึงเด็กชายปริศนาคนนั้นที่กำลังเดินไปกับเพื่อนของน้องอีก 2-3 คน ผมเห็นน้องแต่งตัวซะหล่อเฟี้ยวเลยเหมือนว่าตัวน้องกำลังจะไปเที่ยว และก็อีกเช่นเคย..ตอนที่น้องเดินผ่านประตูรั้วหน้าบ้านย่า น้องก็หันมามองผมอีกเช่นเคย ผมสงสัยว่าพวกคนในหมู่บ้านกำลังจะเดินไปไหนกัน ผมเลยเดินไปถามย่าและได้ความมาว่า พวกผู้คนเหล่านั้นกำลังเดินไปเที่ยวงานวัดประจำปีและวัดก็มีฉายหนังกลางแปลงด้วย ผมรู้สึกตื่นเต้นมากและอยากไปมาก ผมเลยไปอ้อนขอแม่ แม่ผมก็เห็นว่าวัดอยู่ห่างจากบ้านย่าไม่ถึง 200 เมตรก็เลยอนุญาตให้ผมไปดูหนังและไปเที่ยวที่วัดได้
ผมแต่งตัวเอาคิดว่าให้หล่อที่สุด แล้วออกจากบ้านย่าตอน 19.00 ผมเดินไปตามทางจนถึงวัด ถึงงานในวัดจะไม่ได้ใหญ่โตอะไรมากแต่ก็ดูมีสีสันและน่าตื่นตาตื่นใจ ผมเดินไปมาภายในวัดแวะตามร้านซื้อของกินตามประสาเด็กน้อย มีผู้ใหญ่บางคนที่เดินสวนผ่านตามรายทางเดินมาทักผม เพราะในสังคมต่างจังหวัดคนในหมู่บ้านจะจำคนได้ค่อนข้างเก่ง ไม่ว่าจะเป็นลูกเต้าหลานใคร พวกคนในหมู่บ้านจะรู้จักผมหมด แต่สำหรับผมนั้นไม่ค่อยรู้จักใครเลย 55
พอผมซื้อของกินเสร็จก็เดินไปจัดแจงหาที่นั่งในลานวัด เพื่อที่จะนั่งดูหนังกลางแปลงที่กำลังเริ่มฉาย ผมเพลิดเพลินในการดูหนังที่ทางวัดเอามาฉาย ผมดูหนังกลางแปลงจนถึงเวลาเที่ยงคืนนิดๆ ในตอนนั้นก็เริ่มมีชาวบ้านบางส่วนทยอยเดินทางกลับบ้านตัวเองกันบ้างแล้ว อาจจะเป็นเพราะพรุ่งนี้ต่างคนต่างมีธุระหรือมีงานที่ต้องทำเพื่อหาเลี้ยงปากเลี้ยงชีพตัวเอง แต่สำหรับตัวผมนั้น..ผมตั้งปณิธานว่าจะนั่งดูจนถึงเรื่องสุดท้าย คนที่ยังนั่งดูหนังอยู่ในตอนนั้นมีจำนวนค่อนข้างจะบางตาและส่วนมากก็จะเป็นผู้ใหญ่ พอผมนั่งดูหนังกลางแปลงไปได้สักพัก คนฉายหนังก็นึกครึ้มอะไรไม่รู้ สลับฟิล์มมาฉายหนังเอ๊กซ์หนังอาร์ให้ดูแทน (ในตอนนั้นผมจำไม่ได้ละว่าหนัง X หรือ R ) พระเณรที่นั่งดูอยู่ถึงกับแตกกระเจิงหยั่งกับผึ้งแตกรัง ( จริงๆพระน่าจะผิดศีลตั้งแต่มานั่งดูหนังแล้วมั้ง 55 ) ครอบครัวไหนที่มีลูกๆหลานๆนั่งดูอยู่ก็พากันลุกกลับบ้านพร้อมส่งเสียงก่นด่าคนฉายหนัง แต่วัยรุ่นชายหญิงพากันส่งเสียงวี้ดวิ้วผิวปากโห่ฮิ้วชอบใจที่คนฉายหนังเอาหนังต้องห้ามมาฉายภายในวัด
ในตอนนั้น การดูหนังโป๊ มันเฉยๆมากเลยสำหรับผม เพราะตัวผมนั้นมีประสบการณ์ปีนหน้าต่างแอบดูคนข้างบ้านเปิดดูหนังพวกนี้เป็นประจำ รวมไปถึงตอนนั้นผมก็มีอะไรที่นอกเหนือจากการดูหนังโป๊ไปแล้ว เพราะผมได้ลงมือปฎิบัติจริงกับน้องๆเด็กผู้หญิงแถวบ้านไปแล้วหลายดอก ( เรื่องราวในEP1 ) ในตอนนั้นผมจะนั่งดูต่อไปก็ได้ แต่ผมก็รู้สึกกระอักกระอ่วนใจพิกล ที่ต้องมานั่งดูหนังโป๊กับคนแปลกหน้าหลายๆคนแบบนี้ ผมเลยตัดสินใจว่าจะไม่ดูต่อ ผมลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากที่ตรงนั้น
ในตอนนั้นผมรู้สึกยังไม่ค่อยง่วงซะเท่าไหร่ ผมเลยเดินเล่นไปมาแถวบริเวณวัด เดินวนไปวนมาจนมานั่งพักเหนื่อยที่แคร่ใต้ศาลา ผมมองไปแถวลานวัดยังเห็นมีเด็กตัวน้อยๆ วิ่งเล่นไปมาในพื้นที่วัด จังหวะที่ผมกำลังนั่งเล่นเพลินๆอยู่คนเดียว อยู่ดีๆผมก็รู้สึกเสียวสันหลังวาบ ผมรับรู้ได้ถึงพลังงานบางอย่างที่มาจากทางข้างหลังผม ซึ่งตอนนี้มันกำลังคืบคลานเข้ามาหาผมทางข้างหลังอย่างช้าๆ ในตอนนั้นผมคิดในใจว่า.. ในชีวิตนี้ผมยังไม่เคยเจอผีเลย เราจะมาเปิดซิงเรื่องอย่างว่าที่วัดบ้านย่าเหรอเนี่ย ช่วงจังหวะที่ผมนั่งนิ่งเนื้อตัวสั่นเทาด้วยความหวาดกลัว ในความเงียบตรงจุดนั้นอยู่ดีๆก็มีเสียงแหบแห้งของเด็กเล็กๆลอยเข้ามาในโพรงหูของผม " พี่....ฮะะะะ " ในตอนนั้นผมคิดว่าคงโดนผีเด็กกุมารทองหรือไม่ก็ผีเด็กตายท้องกลมกำลังหลอกหลอนผมอยู่เป็นแน่แท้ ผมหันหน้าเหลียวไปมองต้นตอของเสียงนั้น ผมเห็นใบหน้าของเด็กคนนึงที่มองไม่ชัดภายใต้บรรยากาศที่มืดสลัวๆใต้ศาลา " อ๊าาาา " ผมกรี้ดเกือบสาวแตก
" พี่ฮะ ผมไม่ใช่ผี " เสียงเล็กๆพูดขึ้น ในขณะที่สายตาของผมปรับการมองเห็นให้สมดุลกับแสงรอบข้างตรงจุดนั้นได้แล้ว ซึ่งเด็กที่อยู่ตรงหน้าผม ไม่ใช่ใครที่ไหน.. ก็เป็นเด็กชายปริศนาที่ขี่จักรยานโฉบไปโฉบมาหน้าบ้านย่านี่เอง
" เอ้า.. มาก็ไม่ให้สุ้มให้เสียง " ผมพูดจีบปากจีบคอ ด้วยอาการอายแบบเสียฟอร์มเป็นที่สุด
" พี่ตกใจ น่ารักจัง 55 " น้องพูดและหัวเราะคิกคัก
" แหม ทำพูดดี เราไม่กลัวผีหรือไงฮึ " ผมพูด ทำสายตาจิกเด็ก
" ไม่กลัว เด็กต่างจังหวัดอย่างเราๆ ส่วนมากจะไม่กลัวผี " น้องพูดพร้อมกับเชิดหน้า ( หมั่นไส้ น่าหยิกแก้มชิบหาย )
" พี่เป็นเด็กกรุงเทพฯสินะ เด็กกรุงเทพฯมักจะกลัวผี " น้องพูดและทำสายตาจิกดูหมิ่นผมนิดๆ ( ตรรกะไหนฟะ )
" อ้าวรู้จักพี่ด้วยเหรอ " ผมถามน้อง แต่ผมก็ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่หรอกที่น้องมองผมออกว่าเป็นคนกรุงเทพฯ
" หลานบ้านย่าโค้ว ทำไมจะไม่รู้จัก บ้านผมก็อยู่ติดกับบ้านย่าพี่นั่นแหละ " น้องพูดแล้วยิ้มที่มุมปาก
" อ่อ มิน่าละ พี่ถึงเห็นเราขี่จักรยานผ่านที่หน้าบ้านบ่อยๆ " ผมพูด
" ขอผมนั่งข้างพี่ได้ม่ะ " น้องพูดในขณะที่มานั่งตรงข้างๆผมเรียบร้อย ( ไม่ต้องถามก็ได้มั้ง เหอๆ )
" อ่ะๆ ได้สิๆ " ผมตอบตกลงน้องไปเพราะผมไม่มีเหตุผลอันใดที่ต้องห้ามน้อง
" แล้วถ้าผม..ขอนอนหนุนตักพี่ละ จะได้ไหม.. " น้องถามหันมาส่งสายตาปิ๊งๆให้กับผม
" อ่าๆๆ ได้ๆ " ผมพูดตกลงกับน้องไปแบบอ้ำๆอึ้งๆ เพราะในชีวิตผมไม่ค่อยมีใครมานอนหนุนตักผมมากนัก
น้องนอนหงายแล้วเอาหัวมานอนหนุนที่ต้นขาซ้ายของผม พอนอนไปได้สักพัก น้องก็เอามือมาจับมือของผมแล้วกุมไว้แน่น แล้วอีกสักพักน้องก็เอามือที่กุมมือผมเลื่อนไปวางที่หน้าท้องของน้อง ผมก้มลงไปมองที่ใบหน้าของน้องที่กำลังนอนหนุนตักผมอยู่ พอผมได้เห็นหน้าน้องชัดๆถึงตรงนั้นจะไม่ค่อยมีแสงสว่างมากซะเท่าไหร่ ผมก็รับรู้ได้ว่าน้องเป็นเด็กชายที่น่ารักมากเลยคนนึง ใบหน้ารูปไข่ ปากนิดจมูกหน่อย ดวงตากลมสวย ผิวขาวเนียน และที่เด่นสุดก็คงเป็นคิ้วที่ดกดำ รวมไปถึงเสียงของน้องที่แหบเล็กๆเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่ค่อยเหมือนใคร นี่สินะที่เขาเรียกกันว่า แหบเสน่ห์ ผมกับน้องคุยกันไปเรื่อยเปื่อย ซึ่งส่วนมากจะเป็นตัวน้องมากกว่าที่ชอบถามเกี่ยวกับตัวผม ผมแอบทึ่งเล็กๆว่าน้องอยู่แค่ ป.2 ทำไมถึงพูดเก่งจัง แล้วเวลาที่น้องพูดกับผมก็จะชอบเล่นหูเล่นตาปั้นหน้าคุยกับผม จนผมเผลอเอามือไปจับลูบไล้เส้นผมเหนือหน้าผากของน้องโดยบังเอิญด้วยความเอ็นดู ในตอนนั้นความรู้สึกของผมที่คิดกับน้องก็เป็นแบบพี่ชายน้องชาย ถ้าใครที่เคยอ่านเรื่องราวของผมมา ก็จะรู้ถึงความปรารถนาของผมอีกอย่างนึง นั้นก็คือ การมีน้องชาย ในช่วงเวลานั้นบรรยากาศและภาษากายรวมไปถึงเรื่องที่ผมคุยกับน้องมันทำให้ได้ฟีลแบบนั้นจริงๆ
พอผมคุยกับน้องไปได้สักพักใหญ่ๆ ผมก็รู้สึกว่ามันจะเริ่มดึกเกินไปแล้ว ผมเลยบอกลาน้องและขอตัวกลับบ้านย่า น้องก็บอกกลับผมมาว่า ตัวน้องจะขอเดินกลับด้วย ผมกับน้องเลยพากันเดินออกมาจากบริเวณวัด พอผมเดินเลยมาจากวัดได้นิดหน่อย ในตอนนั้นผมมองไปที่ทางเดินข้างหน้า ผมรู้สึกว่าทางที่กำลังจะเดินไปมันดูมืดๆ น้องเหมือนจะเดาใจผมออกว่าผมกำลังต้องการอะไร น้องล้วงไฟฉายขนาดเหมาะมือออกมาจากกระเป๋ากางเกงและพูดกับผมว่า...
" พี่...ผมขอขี่หลังพี่ได้ม่ะ " น้องเงยหน้ามาถามผมโดยสายตาที่เว้าวอน
" ได้สิ ตัวเล็กๆแบบนี้ พี่แบกได้สบาย " ผมพูดพร้อมกับนั่งยองๆให้น้อง น้องขึ้นมาขี่หลังผม แล้วเอาแขนทั้งสองไขว้มาด้านหน้า ส่วนอีกมือของน้องคอยส่องไฟฉายดูทางให้กับผม พอผมเดินไปเรื่อยๆจนจะถึงประตูรั้วบ้านย่าของผม.. น้องก็ถามผมมาว่า
" พี่ชื่ออะไรอ่ะครับ " น้องถามผม
" พี่ชื่อไอติม น้องละ " ผมถามกลับ นึกขำในใจนั่งคุยกันมาตั้งนานยังไม่รู้จักชื่อกัน
" พี่ชื่อน่ารักดี อิอิ ผมชื่อ ทอม นะ " น้องพูดและหัวเราะแบบน่าเอ็นดู
" ใช่ทอมกับเจอร์รี่ป่าว ที่เป็นการ์ตูน " ผมถามน้องกลับไป ไม่ได้คาดหวังว่าผมจะเดาถูก
" ใช่ๆพี่ พี่รู้ได้ไง พ่อผมชอบการ์ตูนเรื่องนี้ เลยเอามาตั้งชื่อผม " น้องพูดแบบตื่นเต้นที่ผมพูดลอยๆแล้วดันเดาถูก
" งั้นน้องของทอมก็ต้องชื่อเจอร์รี่ด้วยใช่ม่ะ " ผมพูด หวังว่าเผื่อจะฟลุ๊คเดาถูกอีก
" ผมไม่มีน้องครับ เป็นลูกคนเดียว แม่ผมบอกว่า น้องไม่ต้องมีหรอกเดี๋ยวจะมาแย่งมรดกผม " น้องพูดแบบเป็นตุเป็นตะ
" อ่อเหรอ โอเค 55 " ผมพูดแล้วหัวเราะ หัวเราะให้กับเหตุผลของแม่น้องที่ดันมาคล้ายกับแม่ของผม ในตอนที่ผมเอ่ยปากขอให้แม่มีน้องชายให้กับผม
" อ่ะ ถึงบ้านพี่แล้ว " ผมพูดพร้อมกับหันหน้าไปทางซ้ายบอกน้อง ในทันใดนั้นเอง.... น้องทอมก็เอาจมูกมาหอมแก้มซ้ายของผมฟอดใหญ่ ในตอนนั้นผมตกใจนิดๆ ที่โดนเด็กชายตัวน้อยลักหอมแก้ม แต่ผมก็ไม่ได้ว่าอะไรน้อง ผมย่อตัวลงเพื่อให้น้องลงเดินต่อ
" บ้านทอมอยู่ข้างหน้าใช่ป่ะ ให้พี่เดินไปส่งม่ะ " ผมถาม
" แล้วขากลับพี่จะเดินมาได้เหรอ ไม่กลัวผีหรือไง " น้องพูดแซวผม
" แหม ตรงนี้มันสว่างกว่าทางที่เราเพิ่งเดินมา " ผมพูดทำสายตาจิกน้องที่น้องแซวผม
" งั้นก็ได้ครับ เดินไปส่งผมหน่อย " น้องพูดพร้อมกับยิ้มให้ผม ระหว่างทางที่ผมเดินจากประตูรั้วบ้านย่าผมไปประตูรั้วหน้าบ้านน้อง น้องทอมก็เอามือมาจับมือของผมด้วยตอนที่เราเดินคู่กัน ในตอนนั้นผมได้ฟีลพี่ชายที่แสนดีกำลังเดินจูงมือน้องชายที่น่ารักและพากันเดินกลับบ้าน พอจะถึงหน้าบ้านน้อง น้องก็พูดมาอีกว่า...
" พี่ไอติมย้ายมาอยู่ที่นี่ไม่ได้เหรอครับ " น้องทอมถามผมด้วยน้ำเสียงดูจริงจัง
" บ้านพี่อยู่ที่กรุงเทพฯอ่า แล้วพี่ก็ลงเรียนที่โรงเรียนไปแล้วด้วย แต่พี่ก็มาเยี่ยมย่าอยู่นะทุกช่วงปิดเทอม ไว้คราวหน้าถ้าพี่มา พี่จะมาเล่นกับทอมนะ " ผมพูดกับน้อง
" ง่า แย่จังงง อยากให้พี่ไอติมมาอยู่ที่นี่ แต่ไม่เป็นไร งั้นขอผมเข้าบ้านก่อนนะ " น้องพูดแอบเสียดาย
จังหวะที่น้องกำลังเดินเข้าไปในบ้าน ในตอนนั้นผมก็นึกครึ้มอะไรไม่รู้ ผมตะโกนเรียกน้อง " ทอมๆ มานี่หน่อย "
น้องทอมหันตัวกลับแล้วเดินมาหาผม พร้อมกับพูดว่า " มีอะไรเหรอพี่ "
" มาให้พี่หอมคืนซะดีๆ เมื่อกี้ทอมแอบขโมยหอมพี่ " ผมพูดพร้อมยักคิ้ว
" อ่ะๆ " น้องทอมยิ้มให้ผมแล้วทำแก้มขวาของตัวเองให้ป่อง แล้วยื่นมาให้ผมหอม ผมก้มหน้าลงไปหอมแก้มน้อง แก้มน้องมีกลิ่นหอมอ่อนๆ ผมหอมแก้มน้องอยู่นานพอสมควรเพื่อถอนทุนแล้วเอากำไรคืน แล้วผมก็เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้น้องแล้วโบกมือบ๊ายบายน้อง น้องทอมก็โบกมือบ๊ายบายผมกลับ น้องยิ้มหวานให้ผมและหันหลังกลับเดินเข้าไปในบ้านของตัวเอง
วันรุ่งขึ้น.. ผมกับแม่เตรียมตัวที่จะเดินทางกลับ ในระหว่างที่ผมกำลังนั่งรอให้อาคิดเอารถยนต์มารับผมกับแม่เพื่อที่จะไปส่งผมกับแม่ที่ บ.ข.ส ผมก็เหลือบไปเห็นน้องทอมกำลังนั่งอยู่บนรถจักรยานแอบดูผมผ่านรั้วไม้บ้านย่า ในตอนนั้นผมก็งงและแปลกใจนิดๆว่าทำไมน้องทอมไม่เดินเข้ามาคุยหรือเข้ามาลาผม ผมกับแม่ช่วยกันยกของขึ้นรถอาคิดแล้วผมก็ขึ้นไปนั่งบนรถ โดยที่แม่ของผมนั่งอยู่ด้านหน้ากับอาคิด ส่วนผมนั่งที่เบาะหลัง จังหวะที่รถเคลื่อนผ่านประตูรั้ว ผมมองไปที่หน้าน้องทอมแล้วโบกมือบ๊ายบายให้น้อง แต่น้องไม่ได้โบกมือบ๊ายบายผมตอบ น้องยังทำหน้านิ่งมองมาที่ผม จังหวะที่รถของอาคิดวิ่งไปตามถนนในช่วงที่รถเริ่มเพิ่มความเร็ว ผมหันไปมองผ่านกระจกใสด้านหลังรถ ผมเห็นน้องทอมปั่นจักรยานตามรถอาคิดมา น้องปั่นด้วยความเร็วตามกำลังขาของเด็กป.2 ผมเอามือแปะที่กระจกใสเป็นสัญญาณโบกมือลาให้น้อง ซีนในตอนนั้นให้อารมณ์เหมือนกับฉากที่เจี๊ยบกำลังปั่นจักรยานไล่ตามรถของน้อยหน่าในหนังเรื่อง แฟนฉัน และ ซีนจากลาตอนต้นเรื่องในหนังเรื่อง รักแห่งสยาม ฉากที่โต้งหันไปมองผ่านกระจกใสด้านหลัง เพื่อมองมิวเพื่อนรักของเขาที่กำลังยืนร้องไห้เสียใจกับการจากลาคนที่เรารัก
ผมมองไปที่เด็กชายตัวน้อยๆคนนั้นที่กำลังปั่นจักรยานตามรถของพี่ชายคนหนึ่งที่พึ่งรู้จักกันได้แค่คืนเดียว ผมดันไปให้สัญญาที่ผมไม่รู้ว่าในอนาคตผมจะทำได้หรือป่าวในการที่ผมจะต้องมาหาน้องในทุกช่วงปิดเทอม ผมได้แต่คิดในแง่ดีว่าน้องยังเด็กอยู่ แปบๆน้องก็คงลืม ภาพสุดท้ายที่ผมเห็น น้องทอมหยุดรถจักรยานแล้วมองผมจนแทบสุดสายตา ในตอนนั้น..ผมไม่รู้หรอกว่าเด็กชายที่ผมเพิ่งรู้จักกันได้แค่คืนเดียวคนนี้ ในอนาคตอันใกล้น้องคนนี้แหละที่จะมีอิทธิพลต่อความรักและความสั่นคลอนทางจิตใจของผมเป็นอย่างมาก และยากที่ผมจะลืม.....
ไว้ฟันเด็กคนต่อไปดีฟ่า สนุกมากครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณคับ