ร่านกว่าเมีย ก็ผมนี่แหละครับ ตอนที่ 37 บอส
ดึกคืนหนึ่ง เด็กชายที่อายุเพียง9ขวบได้ตื่นขึ้นมากลางดึก เขาหันซ้ายขันหวา ก็ไม่เห็นพ่อและแม่บนเตียง เขาจึงลุกออกจากเตียงแล้วเดินหาพ่อกับแม่จนทั่วบ้าน แต่กลับไม่มีวี่แววของคนทั้งสองอยู่เลย เขานั่งรอพ่อกับแม่อยู่ที่โซฟากลางบ้านจนกระทั่งฟ้าสางสายๆของวันนั้น มีผู้ใหญ่หลายคนเข้ามาที่บ้านของเขา แล้วใช้สติ๊กเกอร์สีแปะไปทั่วบ้านของเขา เด็กน้อยไม่เข้าใจว่าคนเหล่านั้นมาทำไม จนช่วงเย็น ที่คนเหล่านั้นกลับไปหมด เด็กน้อยที่ยังไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เช้าก็ปวดท้องเพราะความหิวเป็นอย่างมาก
ของที่อยู่ในตู้เย็นและในครัว ก็แทบไม่มีอะไรพอที่จะกินได้เลย เขาจึงไปขอความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านที่อยู่ติดกัน หลังกินเสร็จ เพื่อนบ้านคนนั้นก็พูดคุยถามถึงพ่อและแม่ของเขา เขาก็ตอบออกไปตามจริงด้วยความใส่ซื่อ
วันต่อมา ก็มีผู้ใหญ่อีกกลุ่มพากันมาที่บ้านของเขา และพาเขาออกจากบ้านไป ผู้ใหญ่กลุ่มนั้น พาเขาไปยังบ้านหลังใหญ่ที่มีเด็กอยู่เต็มไปหมด ที่นั่นมีทั้งห้องที่เต็มไปด้วยของเล่น ห้องน้ำ และของต่างๆมากมายสำหรับเด็ก
ถึงแม้เขาจะยังเด็กแต่ด้วยวิธีการเลี้ยงดูและการศึกษาที่มีมาก่อนหน้า เขาก็พอรับรู้ว่าที่นี่คือบ้านรับเลี้ยงเด็กกำพร้าที่พ่อของเขาเคยพาเอาของมาแจก แต่เด็กน้อยก็ยังสงสัย ว่าพ่อและแม่ของเขานั้นหายไปไหน ทำไมเขาถึงต้องมาอยู่ที่นี่
เด็กน้อยเดินเข้าไปถามพี่เลี้ยง "พ่อกับแม่ทิ้งผมแล้วหรอฮะ" พี่เลี้ยงทำท่าอึกอัก ไม่รู้ว่าจะตอบเด็กน้อยอย่างไรดี เด็กน้อยที่เห็นว่าพี่เลี้ยง อ้ำอึ้งอยู่ เลยบอกไปว่า "พ่อเคยบอกว่า บ้านเด็กกำพร้า เป็นบ้านของคนที่ถูกพ่อกับแม่ทิ้ง ผมมาอยู่ที่นี่ เพราะพ่อกับแม่ทิ้งผมหรอฮะ"
พี่เลี้ยงจวนตัว ไม่กล้าตอบอะไรออกมาเพราะกลัวว่าคำตอบที่ตนพูดจะทำร้ายหรือฝังใจเด็กน้อย ตอนนั้นเองที่มีผู้ใหญ่อีกคนเดินเข้ามาหา พี่เลี้ยงจึงเข้าไปขอความช่วยเหลือ หญิงวัยกลางคนได้เดินเข้ามาหาเด็กน้อย แล้วอธิบายกับเขาด้วยน้ำเสียงที่ดูเป็นมิตร
"ตอนนี้คุณพ่อกับคุณแม่ต้องไปทำธุระที่ๆไกลมากๆ แล้วคุณพ่อกับคุณแม่กลัวว่าน้องทิวจะเหงา คุณพ่อกับคุณแม่เลยให้น้องทิวมาอยู่กับเพื่อนๆไงครับ น้องทิวจะได้ไม่เหงา"
2ปีผ่านไป เพื่อนๆในบ้านบางคนก็หายหน้าหายตาไป และมีคนใหม่เพิ่มเข้ามา เดือนละครั้ง จะมีผู้ใหญ่คู่รักชายหญิงเข้ามาคุยกับเด็กน้อยและชวนไปอยู่ด้วย แต่เด็กน้อยก็ไม่ได้สนใจ เพราะเขานั้นรอพ่อกับแม่มารับ
จนกระทั่งวันหนึ่ง เด็กน้อยที่เล่นซ่อนแอบกับเพื่อน แล้วได้มาแอบที่ห้องครัว เด็กน้อยได้ยินพี่เลี้ยงคุยกันในห้องครัวโดยบังเอิญ
"สงสารน้องทิวนะพี่ แกยังคิดว่าพ่อกับแม่จะมารับอยู่เลย"
"อย่าพูดไป"
"ขอโทษค่ะพี่"
ทั้งสองคนหรี่เสียงคุยลง และเงียบไป แต่ท้ายที่สุดก็ได้เริ่มบทสนทนาอีกครั้ง
"อืมแต่ก็จริง น้องไม่ดื้อ ไม่ซน แถมยังเรียบร้อยสุดๆ"
"ว่าแต่ พ่อกับแม่ของน้องไปไหนหรอพี่"
"เท่าที่รู้มา พ่อถูกฟ้องล้มละลาย เลยพาเมียหนีไปต่างประเทศ แต่เห็นว่าทิ้งเงินก้อนหนึ่งไว้กับญาติแล้วฝากให้เลี้ยงน้อง แต่ญาติก็ชิ่ง"
"อ้าว แล้วน้องมาที่นี่ได้ไงคะ?"
"เห็นว่าเพื่อนบ้านน้องแจ้งความ เลยประสานงานกับบ้านพักน้องเลยได้มาอยู่ที่นี่"
"โห พอได้ฟังยิ่งน่าสงสารเข้าไปอีก แล้วพ่อกับแม่แกจะรู้ไหมว่าลูกตัวเองต้องมาอยู่ที่นี่"
"เออๆ เลิกพูดๆ รีบหั่นเข้าไป จะได้เวลามื้อเย็นแล้ว"
หลังจากวันนั้น เด็กน้อยได้เก็บตัว ไม่พูดไม่จา ไม่สุงสิงกับใคร จนคนในบ้านเริ่มเป็นห่วง แต่เด็กน้อยไม่ได้สนใจ จนวันที่มีคู่รักมาที่บ้านแล้วคุยกับเขา รอบนี้เด็กน้อยได้ตอบรับไปโดยไม่ได้สนใจฟังเรื่องของคนที่มารับเลย
คนในบ้านที่รู้ข่าวว่าน้องตอบรับ ต่างก็พากันงุนงงที่น้องจะได้บ้านใหม่ แต่ก็แสดงความยินดีและอวยพรน้องด้วยน้ำตา
บ้านใหม่ที่ได้มานั้น เป็นบ้านหลังใหญ่ที่มีสามชั้น เด็กน้อยถูกเลี้ยงดูเป็นอย่างดี ทั้งส่งเสียค่าเล่าเรียน ค่าทำกิจกรรม เด็กน้อยทำทุกอย่างได้เป็นอย่างดี จนวันนึงหลังเลิกเรียน เด็กน้อยเดินผ่านห้องทำงานของบุคคลที่รับเขามาเลี้ยงแล้วเรียกเขาว่าลุงนั้น คนในห้องได้มองเห็นเขาและหันไปพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน
"คนนี้ท่าจะเด็ดนะ"
"เออ แต่ไอ้นี่มันเก่ง กูเสียดายว่ะ"
"หึ ยิ่งเก่ง ราคาก็ยิ่งดีสิวะ ฮ่าๆๆๆๆ"
"เออๆ เอาไว้เดี๋ยวถึงเวลาก่อน กูจะจัดการเอง"
วันหนึ่ง ขณะที่ทุกคนไม่อยู่บ้าน เด็กน้อยได้ยินเสียงแปลกๆดังมาจากประตูบานหนึ่งที่ถูกล็อคอยู่ เด็กน้อยจำได้ว่าเป็นประตูที่ลุงห้ามเขาไปยุ่ง เด็กน้อยเลยไม่สนใจ
เด็กน้อยเติบโตในบ้านหลังนั้นจนกระทั่งจบมัธยมต้น ลุงได้พาไปเลี้ยงฉลอง แสดงความยินดี
"แล้วป้าล่ะครับ ช่วงนี้ผมไม่เจอป้าเลย"
"ป้าเขามีงานน่ะ"
เด็กน้อยที่ไม่เจอกับหญิงที่ไปรับเขามาเลยถามหา แต่ก็ไม่ได้สนใจมากเท่าไหร่
หลังจากฉลองเสร็จ ลุงพาเขากลับบ้านแล้วขอตัวไปทำธุระ เขาเองก็เข้าบ้านตามปกติ และเด็กชายก็ได้ยินเสียงดังมาจากประตูต้องห้ามนั่นอีกครั้ง คราวนี้เขามองซ้ายมองขวาแล้วเดินเข้าไปหาประตู ก่อนจะแอบไปหยิบกุญแจมาไขประตูด้วยความสงสัย
พอบานประตูเปิดออก ก็มีบันไดทางเดินทอดยาวลงไป เด็กชายเดินตามทางมืดนั้นลงไปจนกระทั่งเจอกับผ้าม่านขนาดใหญ่ปิดทาง เด็กชายจึงตัดสินใจแหวกผ้าม่านนั่นออก และสิ่งที่เจอก็ทำเขาตกใจเป็นอย่างมาก
ภาพของเด็กชายนับสิบคนที่ถูกขังในกรงขนาดใหญ่ แต่ละคนมีเนื้อตัวมอมแมม แถมในห้องยังมีกลิ่นอับฉุน เด็กชายเลยเดินเข้าไปด้านในเรื่อยๆก็เห็นกรงที่เรียงต่อกันพร้อมเด็กถูกขังเป็นจำนวนมาก
เด็กน้อยที่เห็นคนแปลกหน้าเดินเข้ามาก็ระงมเสียงร้องขอความช่วยเหลือ เด็กชายทำอะไรไม่ถูกเลยวิ่งกลับออกจากห้องนั้นแล้วรีบขึ้นไปห้องนอนของตัวเอง
หลังจากวันนั้น เขาก็สับสนและระแวงไปหมด ไม่คิดว่าคนที่รับเลี้ยงเขาจะทำเรื่องอะไรแบบนี้ ตอนแรกเด็กชายจะปล่อยวางแล้วเลิกสนใจคนพวกนั้นซะ แต่สุดท้ายเขาก็ทำไม่ได้
เด็กชายคิดหาวิธีการและวางแผนอย่างละเอียด จนวันที่เขาคิดว่าเหมาะสมก็มาถึง ในวันสุดสัปดาห์ลุงนั้นจะออกจากบ้านตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น วันนั้นเอง หลังจากที่ลุงออกจากบ้านไป เขาก็ลงมือทันทีด้วยการไขประตูแล้วลงไปเปิดกรงช่วยเหลือเด็กพวกนั้น
ทันทีที่กรงถูกเปิดออก เด็กในกรงก็พากันกรูวิ่งออกจากกรงแล้วหนีขึ้นไป เด็กชายเดินไขกรงกระทั่งจนสุดทาง แต่ขณะนั้นเอง เด็กชายได้สังเกตุเห็นว่าทางขวามือมีประตูบานเล็กอยู่ ด้วยความสงสัยเด็กชายเลยเดินไปเปิดประตู
พอประตูเปิดออก เขาก็เห็นทางเดินทอดยาวออกไป ด้วยความสงสัยเด็กชายจึงเดินสำรวจต่อเข้าไปอีก จนกระทั่งเจอประตูอีกบาน เด็กชายจึงเปิดเข้าไป
เด็กชายผงะกับสิ่งที่ได้เจออีกครั้ง เพราะด้านในที่เขาเห็น มันเป็นโถงกว้างและมีเวทีอยู่ตรงกลาง เด็กชายประหลาดใจ และเอะใจ ว่าทำไมบ้านที่มีชั้นใต้ดินที่มีกรงขังเด็ก ถึงมีทางต่อมายังลานโชว์อะไรสักอย่าง
แต่ไม่ทันที่จะสงสัยไปมากกว่านั้น เด็กชายก็ถูกของแข็งฟาดเข้าที่ท้ายทอยจนสลบไป พอลืมตาอีกที เด็กชายก็ถูกจับมัดมือและขา เด็กชายค่อยๆลืมตาขึ้นมาก็เห็นผู้ใหญ่หลายคนกำลังถกเถียงกันเสียงดัง และหนึ่งในนั้นมีลุงของเขาด้วย
ลุงที่เห็นว่าเขาเริ่มฟื้นสติแล้ว เลยเดินเข้ามาหา เด็กชายคิดว่าลุงจะเข้ามาช่วยจึงได้ร้องเสียงอู้อี้ขอความช่วยเหลือ แต่สิ่งที่ได้เจอนั้น คือฝ่ามือกระทบกับใบหน้าของเขาอย่างแรง
"มึงทำห่าอะไรวะไอ้.."ไม่ทันที่ลุงจะพูดจบ ก็มีชายอีกคนที่ดูรุ่นราวคราวเดียวกันมาห้ามเอาไว้
"ใจเย็นพี่ เดี๋ยวราคาตก แค่นี้ของเราก็จะไม่พออยู่แล้ว"
"เออ โทษทีว่ะเต้ย พี่หงุดหงิดไปหน่อย"
ลุงที่ตอนแรกดูขึงขัง กลับเย็นลง คนที่พูดปลอบก็หันมามองเด็กชายยิ้มๆ
ตอนนั้นเด็กชายกลัวเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อจากนี้ และเวลาล่วงเลยมาจนกระทั่งเด็กชายเริ่มหิว คนที่ชื่อเต้ยเลยแก้เชือกที่พันทนาการเขาออกแล้วพาเด็กชายไปอาบน้ำ และกินอาหาร
"หึ เคยนอนกับผู้หญิงยัง"
ชายคนนั้นถามเด็กชายทันทีหลังกินข้าวเสร็จทำเอาเด็กชายแทบสำลัก
"ยะ ยะ ยังครับ"
"อืมดี จะได้อัพราคาได้ ป่ะ น่าจะถึงเวลาแล้ว ทำตัวดีๆล่ะ"
เด็กชายถูกพาออกจากห้องอาหารแล้วไปรอที่ห้องรับแขก ในนั้นมีสิ่งอำนวยความสะดวกแทบทุกอย่าง ไม่นาน ประตูห้องก็เปิดอีกครั้ง คนที่เดินเข้ามานั้นเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง สวมเดรสสีดำแต่งหน้าจัด แต่เด็กชายเห็นหน้าแล้วแทบหายใจไม่ออก เพราะรู้สึกอึดอัดมาก
หญิงคนนั้นเดินมาหาเด็กชายแล้วจับตัวเด็กชายยืนขึ้นตรง ก่อนจะซุกหน้าเข้าหาตัวเด็กชายแล้วสูดดมกลิ่นกายของเด็กชายอย่างแรงจนเด็กชายกลัวไปหมด
"อืม หอมจัง ไม่ต้องกลัว มานั่งนี่ก่อน"
หญิงสาวผายมือลงที่เตียง เด็กชายเลยเดินตามไปนั่งข้างๆ
"อายุเท่าไหร่แล้วเรา"
"พะ พะ พรุ่งนี้ อึก กะ ก็ สะ สะ สิบหกแล้วครับ"
"หึหึ"
หญิงเจ้าหัวเราะออกมาก่อนที่จะดึงใบหน้าเด็กชายไปจูบ เด็กชายที่พึ่งเคยจูบทั้งตกใจ ทั้งกลัว จนหายใจไม่ออก หญิงสาวเลยถอนหน้าออกมาแล้วหัวเราะอย่างสะใจ
แต่คืนนั้นมันก็จบลงที่ตรงนั้น หญิงสาวเดินพาเด็กชายออกจากห้องไป เด็กชายก็เดินตามไปจนกระทั่งไปเจอกับลุงและกลุ่มคนที่ยืนรอต้อนรับ หญิงสาวหันมามองเด็กชายแล้วพูดกับคนพวกนั้นไป
"ฉันเลือกคนนี้แหล่ะ"
"คะ ครับ ยินดีด้วยครับ"
ลุงพูดเพียงเท่านั้น แล้วหญฺงสาวก็พาเด็กชายเดินออกจากที่นั่นไป หญิงสาวได้พาเด็กชายขึ้นรถคันสีดำที่จอดรออยู่ก่อนแล้ว ก่อนจะบอกให้คนขับรถออกรถได้
"พรุ่งนี้วันเกิดหนู หนูอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหมจ๊ะ"
หญิงสาวหันมาถามเด็กชายด้วยความสนใจ แต่เด็กชายส่ายหัว หญิงสาวพาเด็กชายกลับไปยังบ้านพักที่มีขนาดใหญ่โต คนขับรถก็ขับมาจอดที่หน้าบ้าน
"ลงมาสิ เรื่องของใช้ไม่ต้องกลัวมีครบทุกอย่าง แล้วของของหนู เดี๋ยวพรุ่งนี้มีคนเอามาให้ สะบายใจได้"
เด็กชายที่ทำตัวไม่ถูกแต่ก็ถูกหญิงสาวปฏิบัตอย่างดี เลยเริ่มหายกลัวสาวเจ้าแล้ว และในวันต่อมา หญิงสาวได้พาเด็กชาย ไม่สิ นาย หญิงสาวได้พาทิวที่ตอนนี้เป็นหนุ่มวัย16 ไปเที่ยว ไปดูหนัง และเลี้ยงดูเป็นอย่างดี
ทุกอย่างมันดีไปหมด ดีเสียจนทิวคิดว่ามันเป็นแค่ฝัน จนกระทั่งตกเย็นของวันนั้น หญฺงสาวได้เข้ามาหาเขาที่ห้อง แล้วปลดชุดนอนออกขึ้นไปนอนแก้ผ้าบนเตียงแล้วเรียกทิวไปหา
ทิวตกใจที่หญิงสาวทำอะไรแบบนั้น แต่ถึงแม้ทิวจะตกใจ แต่กลับรู้สึกแปลกๆด้วย เพราะน้องชายของเขานั้นตุกขึ้นมาทันทีที่เห็นกลีบเนื้อกลางลำตัวของหญิงตรงหน้า
"เข้ามาสิ"
หญิงสาวอ้าแขนรออยู่บนเตียง ทิวเลยเดินเข้าไปหาแล้วสวมกอด หญิงสาวค่อยๆถอดชุดของทิวออกจนกระทั่งสองคนอยู่ในสภาพชุดวันเกิด ทิวที่ได้ร่วมรักและปลดปล่อยอารมณ์ทางเพศเป็นครั้งแรกก็นอนหอบด้วยความตื่นเต้น
คืนนั้นทิวได้ฉลองวันเกิดและการเป็นผู้ใหญ่จนน้ำแทบหมดตัว เขานอนหอบกอดกับหญิงสาวคนแรกของเขาด้วยสีหน้าปิติสุข หญิงสาวก็กล่าวชมทิวไม่ขาด
หลังจากวันนั้น ทิวก็ไปโรงเรียนตามเดิมโดยมีคนขับรถของหญิงสาวไปรับไปส่ง แล้วทันทีที่กลับมาถึงบ้าน ทิวก็จะมุ่งไปหาหญิงสาวแล้วจัดการทำรักให้อีกฝ่ายจนดึก เป็นอย่างนั้นทุกวัน ทุกวันเรื่อยไป
ทิวติดใจในรสกามและเป็นทาสเซ็กส์ของหญิงสาวมาเรื่อยๆ เขาได้ฝึกฝนและเรียนรู้ศาสตร์บนเตียงจนช่ำชอง มากไปกว่านั้น ยังได้เรียนรู้เรื่องการเจรจาต่อรองที่หญฺงสาวได้สอนให้เขาขณะที่อาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้นด้วย
จนกระทั่ง เวลาผ่านไปปีกว่า วันหนึ่งหญิงสาวกลับบ้านมาดึกดื่น และไม่ได้มาตัวเปล่า หญิงสาวเดินควงแขนกับเด็กชายอีกคนมาด้วย ทิวนั้นระแวงเป็นอย่างมาก เพราะหลังจากวันที่มีเด็กชายอีกคนเข้ามา หญิงสาวเริ่มห่างเหินจากเขา
ทิวเริ่มรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังจะกลายเป็นหมาหัวเน่า ตอนนั้นเองที่เขาได้เริ่มวางแผนบางอย่างขึ้นมา
ในวันที่หญิงสาวไม่ได้กลับบ้าน ทิวได้ทำการเข้าใช้คอมพิวเตอร์ของหญิงสาวและได้ทำการก็อปปี้ข้อมูลสำคัญต่างๆ พร้อมทั้งยังสืบจนรู้อีกว่าหญิงสาวนั้นได้แต่งงานแล้ว แต่เป็นการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์ทางธุรกิจ ทิวจึงได้ติดต่อไปหาสามีของเธอ แล้วข่มขู่เรื่องที่เขารู้
ด้วยทักาะการเจรจาต่อรอง ทิวได้เสนอเงื่อนไขให้กับอีกฝ่าย ว่าเขาจะปิดทุกอย่างเป็นความลับและทำลายไฟล์ที่ก็อปมา แลกกับเงินจำนวนมหาศาล และอีกฝ่ายก็ตอบรับข้อเสนอเพราะหากมีข่าวรั่วไหลออกไปธุรกิจอาจจะกระทบเป็นวงกว้าง
หลังจากที่ได้เงินมา ทิวก็ออกจากบ้านหลังนั้น ทิวได้เดินทางไปยังประเทศเกาหลี แล้วศัลยกรรมใบหน้าของตัวเองเพื่อไม่ให้ใครจำได้ แล้วได้ทำบัตรประชาชนและข้อมูลปลอมก่อนจะกลับมาที่ประเทศ
พอกลับมา ทิวก็อยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่มีทำงาน แต่ด้วยธรรมเนียมและค่านิยมของคนที่นี่ เขาจำเป็นต้องใช้วุฒิการศึกษาระดับปริญญา เขาจึงไปสมัครมหาลัยโดยใช้ผลคะแนนสอบเทียบ
ตอนเรียนมหาลัย เงินที่ได้มาจากการขู่แบล็คเมล์นั้นก็ใกล้จะหมด ทิวจึงจะหางานพิเศษทำ ทิวได้เปิดสอนพิเศษกับนักเรียนมัธยมปลาย แต่พอสอนไปทิวก็เริ่มรู้สึกว่าเขาไม่ชอบสอน เพราะเด็กที่มาเรียนมันโง่เกินไปสอนเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหัว ประจวบกับมีคนมาทาบทามทิว
"น้อง พี่ชื่อเตนะ ตอนนี้พี่กำลังหานายแบบอยู่ น้องสนใจไหม"
หลังจากที่ติดต่อกัน ทิวก็ไปแคสหน้ากล้อง หลังจากนั้นก็มีงานมาให้ทิว เป็นงานเดินแบบ งานรีวิวสินค้า ทิวทำไปก็รู้สึกว่าสนุกดี และมากกว่าเงินที่ได้ คือเคล็ดลับและเทคนิคที่เตนั้นสอน
"เออ แบบนั้นแหล่ะดี นี่ ไม่ต้องโกนนะ แค่เล็มๆก็พอ พวกกะเทยมันชอบ"
เตสอนทิวโกนขนบนร่างกาย ทั้งสอนจัดทรงแต่งน้องชาย ทิวก็เห็นว่าเตเป็นผู้ชายเลยไม่ได้อายอะไร
"พวกผู้หญิงนะ ปัญหาเยอะ กว่าจะได้เิงินต้องเอาใจฉิบเป๋ง"
"จริงพี่ พวกกะเทย แค่พูดนิดพูดหน่อยก็ได้แล้ว"
"เออ แล้วนี่มึงจะรับงานรีวิวยาน้องชายป่ะ"
"ไม่เอาพี่ ของผมยังฟิตดีอยู่ ไปรับงานนั้นคนก็หาว่าผมไม่มีน้ำยาอะดิ"
"เออน่า กูว่ามันง่ายดีนะเว้ย"
ทิวรู้สึกชอบงานนี้เพราะได้เงินง่ายดี แต่ถ้าเขารับงานมั่วๆ การจะโตในทางนี้ก็จะยาก เขาจึงพยายามเลี่ยงๆไปงานที่ทิวรับนั้น ส่วนใหญ่จะถ่ายแค่หุ่นและลำตัว งานนายแบบก็จะมีพร็อบหรือหน้ากากปิดเพราะยังเรียนอยู่ กลัวจะมีเรื่องภายหลัง
แต่หลังจากนั้นไม่นาน ทิวกับเตก็มีปากเสียงกัน เพราะเตมักจะหางานที่เป็นพวกงานเอ็นมาให้ ซึ่งทิวไม่อยากรับ เตที่เห็นว่ามันได้เงินง่ายก็คะยั้นคะยอทิวจนทิวรำคาญ จนกระทั่งการแตกหักมาถึง เมื่อเต แอบตอบรับงานทานข้าวให้กับทิวซึ่งคนที่ทิวต้องไปกินข้าวด้วยเป็นกะเทยแก่
"ผมบอกแล้วไงพี่ว่าผมไม่รับงานพวกนี้ แล้วยิ่ง ไอ้แก่นี่อีก"
"เห้ย พี่รับเงินไปแล้ว ช่วยหน่อยนะ งานเดียวเอง"
"นี่พี่เสียบอลอีกแล้วใช่ไหม"
เตนิ่งไปไม่ตอบ แต่นั่นก็คือคำตอบเช่นกัน
"ถ้าทิวไม่ไป ก็ช่วยไม่ได้นะ"
เตยกมือถือขึ้นมาขู่ทิว ในมือถือนั้น เป็นภาพที่ทิวหลับอยู่ แต่ร่างกายของทิวไม่มีเสื้อผ้าสักชิ้น เพราะเตนั้น เคยวางยานอนหลับแล้วถ่ายรูปทิวแก้ผ้าเอาไว้เป็นหลักประกัน
"พี่ก็ไม่ได้อยากทำแบบนี้หรอกนะ แต่จำเป็นจริงๆว่ะ"
"งานสุดท้ายแล้วนะพี่"
ทิวตอบตกลงกับเตไปจนเตสะบายใจ หลังจากทิวมีงานเตที่แทบไม่ต้องทำอะไรก็มีเงินใช้ เลยไปเล่นพนัน พอหลังๆเสียหนักเข้าเลยเอาทิวไปขาย ทิวเองก็ไม่ใใช่คนที่ยอมง่ายๆอยู่แล้ว แต่หากปฏิเสธไปตอนนั้น คนที่โมโหจะทอะไรก็ไม่รู้ ทิวเลยตอบตกลงเพื่อให้เตเย็นลง
ทิวแฮคเมล์ของเตแล้วลบข้อมูลทั้งหมด พร้อมทั้งเอาคลิปเสียงที่เตเคยด่าลูกค้าแล้วทิวแอบอัดเอาไว้ส่งไปให้ลูกค้าที่เคยทำงานด้วย
ทิวได้ไปพบลูกค้าที่เป็นกะเทยแก่ที่เขาเคยด่า
"ขอโทษจริงๆนะครับพี่ ช่วงนี้ผมเรียนหนักมากจริงๆ ไหนจะกิจกรรม ไหนจะสอบ ผมบอกพี่เตแล้วว่ายังไม่ว่างแต่ไม่คิดว่าพี่เตจะรับงานแล้วเอาเงินมาแบบนี้"
"ไม่เป็นไรค่ะน้องทิว พี่ต้องขอโทษด้วยนะที่รบกวนเวลาเรียนของเรา แค่น้องทิวมาพี่ก็ดีใจแล้ว"
"ผมขอโทษจริงๆนะครับ นี่ครับเงินในส่วนของผม สองหมื่นครับ"
"ห๊ะ อะไรกัน ทำไมแค่สองหมื่นล่ะคะ"
"เอ่อ ทำไมหรอครับ มีอะไรหรือเปล่า"
"ก็พี่ให้ค่าตัวน้องทิวกับเตไปตั้งหกหมื่น ทำไมน้องทิวได้แค่สองหมื่นเอง"
"ผมไม่ทราบครับเรื่องนี้ พอดีพี่เตให้มาแค่นี้จริงๆ งั้นเดี๋ยวที่เหลือผมจะทยอยหามาคืนพี่นะครับ"
"ไม่ต้องค่ะไม่ต้อง เรื่องนี้น้องทิวไม่ผิด ส่วนเงินนี้ เก็บไว้เถอะ เอางี้ นี่ถือเป็นค่าตัวที่มากินข้าวกับพี่มื้อนี้แล้วกันโอเคไหม"
"จะดีหรอครับพี่"
"ดีสิ นี่พี่ให้เอง ส่วนเรื่องเต พี่จัดการเอง"
หลังจากนั้นไม่นาน เตก็ถูกแบนในวงการ เตแม้ไม่มีรูปมาแบล็คเมล์ทิวแล้ว แต่ก็ยังพูดแฉทิวจนหมดเปลือก แต่กลับไม่มีใครเชื่อ และไม่นาน ทิวก็ไม่ได้ข่าวเรื่องเตอีกเลย
พอเรื่องทั้งหมดผ่านไป ทิวได้กลับเข้ามาในวงการนายแบบอีกครั้ง และครั้งนี้เขาเปิดหน้ารับงานเต็มที่และเป็นคนที่รับงานเอง ไม่ผ่านใคร โดยใช้ชื่อใหม่ในวงการว่า
'บอส วศิน'
ขอบคุณครับ {:5_136:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ น่าสนใจ {:5_137:} ขอบคุณครับ สนุกคับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ หืมมม หอบแค้นอะไรมาหาปุนไหมเนีาย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ{:5_137:}
หน้า:
[1]
2