กิจกรรมรัก จัง วันเเม่
กิจกรรมให้เพื่อน เเสดงความคิดเห็นว่า จะเเก้ไขปัญหา การทอดทิ้ง พ่อเเม่
จะมีวิธีแก้ไจปัญหาอย่างไร
ระเวลาการร่มกิจกรรมวันนี้ - 12 สิงหาคม 2554
รางวัลผุ้ร่วมกิจกรรม ..ตามความพอใจ (เนิ้อหาที่จอบ )
ตัวอย่างการตอบด้านล่าง
ฃื่อ....
คอบ....... ปัญหาการทอดทิ้งบุพการีเกิดจากสังคมยุคโลกาภิวัฒน์การแก่งแย่งหารายได้เพื่อเลี้ยงชีวิต และที่สำคัญคือจิตสำนึก มิได้มาจากปัญหาโลกร้อนแต่อย่างใด(เกี่ยวไรเนี่ย)
วิธีแก้ตามแบบฉบับ fantar
1. คนไทยรับวัฒนธรรมตะวันตกในรูปแบบวิธีการใช้ชีวิตมากเกินไป ต้องสร้างจิตสำนึกให้กลับมาใช้วัฒนธรรมไทยโดยอาศัยสื่อแขนงต่างๆช่วยกันประชาสัมพันธ์ส่งเสริมความสำคัญของครอบครัว
2. การกระจายสถานประกอบการให้เข้าสู่ภูมิภาคต่างๆเพื่อให้สามารถมีแหล่งทำงานใกล้บ้านลดปัญหาการย้ายถิ่นฐาน
3. เพิ่มสถานศึกษาระดับอุดมศึกษาในท้องถิ่นให้มากขึ้นเพื่อเด็กๆจะได้ไม่ต้องเข้าเมืองหลวง
ปล.ยังมีอีกหลากหลายวิธีสำคัญอยู่ที่ว่าคุณรักพ่อแม่แค่ไหน แสดงออกตอนนี้ดีกว่าทำตอนท่านไม่อยู่แล้ว มาร่วมบอกรักคุณพ่อคุณแม่กันครับ แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย chaiya333 เมื่อ 2011-7-11 10:18
สำหรับความคิดเห็นของผม อาจจะยาวสักหน่อยนะครับ
เราควรหันมาสนใจพ่อแม่ที่สูงอายุ โดยเอาใจใส่และดูแลอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะในเวลาปกติหรือในเวลาเจ็บไข้ได้ป่วยพูดคุยและหาโอกาสพาไปผักผ่อนหากิจกรรมให้ทำในเวลาว่าง รวมทั้งสนับสนุนให้ได้รับการออกกำลังกายที่ถูกวิธี เพื่อเป็นการพัฒนาร่างกายควบคู่กันไป หากิจกรรมให้ทำร่วมกันในครอบครัว เพื่อการสร้างความอบอุ่นและความสัมพันธ์ที่ดีของสมาชิกในครอบครัวเพราะนอกจากจะช่วยให้พ่อแม่ที่สูงอายุมีสุขภาวะที่ดีแล้วยังจะกลายเป็นวัคซีนที่ดีของสมาชิกทุกคนในครอบครัวอีกทางหนึ่งด้วย และอีกอย่างหนึ่งที่เป็น
ทางออก สำคัญ ในการเตรียมการเพื่อรองรับกับปัญหาการทอดทิ้งพ่อแม่ที่สูงอายุ ในความคิดอันน้อยนิดของข้าพเจ้า เห็นว่า จะต้องคิดและเตรียมการ ในลักษณะต่อไปนี้ คือ 1) การเน้นปลูกฝังให้เด็กไทย มีจิตสำนึกเรื่อง “ความกตัญญู” ก็ ฝากความหวังไว้กับระบบการศึกษาและกระบวนการสังคมประกิต(การหล่อหลอมของ สังคม) หากเด็กไทยยังเต็มเปี่ยมด้วยความกตัญญู ยอมรับและเลี้ยงดูพ่อ-แม่ ครอบครัวละ 1-2 คนปัญหาภาระหนักอึ้งของรัฐก็อาจเบาบางได้บ้าง2)
การปลูกฝังค่านิยมพอเพียง ค่านิยมความมัธยัสถ์ อดออม ในขณะทำงาน เพื่อเก็บเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้ในบั้นปลายชีวิต ปัญญา นี้ จะเป็นเรื่องใหญ่มาก ที่เน้นการอยู่อย่างหรูหรา ฟุ่มเฟือย ในขณะที่มีรายได้น้อย และมีหนี้สิน (แล้วบั้นปลายชีวิตจะเป็นอย่างไร “หากอายุยืน” ) ทางเลือกในการแก้ปัญหา ทางที่สองนี้ เป็นการกระตุ้นให้รู้จักวางแผนการ ใช้เงิน มีการวางแผนดูแลตนเองอย่างดี เตรียมการสำหรับบั้นปลายชีวิต และ 3) การกระตุ้นให้ท้องถิ่น อบต. ชุมชน เตรียมการรองรับปัญหาเรื่องนี้ อย่างเป็นระบบ และจริงจัง... เอาเป็นว่า ถึงเวลาที่ต้องระดมสมอง และเตรียมการในเรื่องนี้กันอย่างจริงจังก็แล้วกัน
วันนี้คุณกลับไปดูแล พ่อแม่ที่สูงอายุในครอบครัวของคุณแล้วหรือยัง
สำหรับเรา ๆ คิดว่าเราควรจะเริ่มต้นจากคนใกล้ตัวเราก่อน ในหมู่ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน
แล้วถ้าหากว่าเราทำสำเร็จเราก้อค่อย ๆ บอกต่อกันเรื่อยเพราะเราคิดว่า เราน่าจะเริ่มต้นจากจุดเล็ก ๆ ก่อน
อย่างแรกเลยนะครับ ต้องหาสาเหตุที่ทำให้พ่อแม่ถูกทิ้งก่อน แยกมาเป็นข้อ ๆเพราะมันมึหลายกรณีเช่นปัญหาจากสภาพการทำมาหากินทำให้คนต่างจังหวัดต้องจากบ้านเกิดมาทำงาน โดยทิ้งบุพการีไว้ที่บ้านหรือเกิดจากปัญหาสภาพครอบครัวเองอาจจะมีครอบครัวที่ไม่สมบูรณ์พ่อแม่แยกทางทำให้เกิดปมในใจอะไรต่าง ๆ เหล่านี้ต้องแยกออกมาโดยรวม ๆ ก่อน เพราะแต่ละกรณีมันก็มีวิธีการแก้ไขที่ต่างกันออกไปในส่วนของการแก้ไขต้องแก้และสาเหตุให้ตรงจุดเช่นมีการส่งเสริมให้มีการทำกิจกรรมของครอบครัวให้ พ่อ แม่ลูกมีความผูกพันธ์กันปลูกฝังจิตสำนึกในเรื่องความกตัญญูสำหรับในวัยเด็กปลูกฝังจิตสำนึกรักบ้านเกิดแต่ก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยแต่สิ่งที่ผมคิดนะให้เขาลองเอาใจเขามาใส่ใจเรา ให้ทุกคนรู้จักคิดว่าถ้าเป็นตัวเองละ โดนแบบนี้ล่ะจะเป็นอย่างไร แนวคิดนี้ไม่ใช่เฉพาะเรื่องของการทอดทิ้ง บิดามารดาอย่างเดียวแต่มันสามารถใช้ได้กับทุกเรื่องให้รู้จักว่า ถ้าเราทำแบบนั้นกับใครพูดแบบนั้นกํบใครในทางกลับกันเราถูกทำแบบนั้นบ้างเราโดนพูดใส่แบบนั้นบ้างจะเป็นอย่างไรมันช่วยได้นะไม่มากก็น้อยอันนี้เป็นแนวคิดที่ผมใช้อยู่และคิดว่ามันใช้ได้กับทุกคน ไม่ว่าวัยไหน เพศไหน หรืออะไรก็แล้วแต่ทุกคนลองเอาไปใช้ดูนะครับขอบคุณนะครับที่ให้โอกาสในการแชร์ความคิดเห็น ตอบกระทู้ RooMcup ตั้งกระทู้
ปัญหานี้ เเก้ยากนะ เพราะอยู่ที่ตัวคน เเต่ที่เเก้ได้คงทีเเต่สิ่งเเวดล้อม เริ่มจากโรงเรียน คงต้องเน้นสอนเรื่องคุณธรรม ความกตัญญู เพราะเดี๊ยวนี้อาจารย์สมัยนี้ไม่ได้ใส่ใจสอนเรื่องนี้ ทั้งที่เป็นเรื่องที่สำคัญมากที่สุด เพราะคนสมัยนี้ไม่รู้จักการกลัวบาป บุญ คุณ โทษ กันซะเท่าไหร่ มีกี่คนเชียวที่ไปทำบุญวันพระ หากคนเรากลัวบาปที่จะตามมาจะไม่มีการอกตัญญู เเละอีกอย่างพ่อ เเม่ เอง ต้องคอยเน้น ย้ำลูก ว่าพ่อเเม่เลี้ยงมา หวังจะให้คอยเลี้ยงดูตอนพ่อเเม่เเก่ เฒ่ามันไม่ใช่ การทวงบุญคุณ เเต่เป็นการบอกลูกให้รู้ไว้ ครับผม แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย noom2011 เมื่อ 2011-7-30 13:12
พ่อแม่เลี้ยงลูกหลายคนได้แต่ลูก (บางคน) ทำไมถึงเลี้ยงพ่อแม่แค่สองคนไม่ได้ มันแปลกดีไหมล่ะครับ การแก้ปัญหานั้นไม่ยากเลยครับ ถ้าคนเรามีจิตสำนึกน่ะครับ และ ไม่หลงระเริงกับสิ่งที่ไม่ใช่ของตนเองอยู่ ก็แค่ให้นึกไว้ในใจเสมอว่า เรายังมีพ่อแม่ที่จะต้องเลี้ยงดูนะ (เหมือนกับพ่อแม่ที่ท่านคิดถึงเราตลอดเวลาไงครับว่าวันนี้ลูกเราจะกินอะไรดีน้า จะหาเงินจากที่ไหนมาให้ลูกใช้) ถ้าคนเราคิดได้อย่างนี้ ผมว่าจะมีหรือจนก็ไม่มีข้ออ้างหรอกครับ เห็นใจซึ่งกันและกัน ให้คิดเสมอว่าคนที่รักเราจริงคือพ่อกับแม่ที่เรากำลังจะทอดทิ้งท่านนั่นแหล่ะ เข้าใจว่าบางคนไม่มีเวลาดูแลพ่อแม่ เพราะว่าต้องทำงาน แต่คนเราไม่ใช่ว่าจะทำงานตลอด 24 ชั่วโมงเสียเมื่อไหร่ ว่างตอนไหนก็โทรศัพท์ไปหาท่านสิครับ เราจะได้กำลังใจในการทำงานอีกเยอะเลย และ ถือโอกาสไม่เยี่ยมท่านบ้างเท่าที่โอกาสจะอำนวย ถ้าคนเราไม่มีข้ออ้างอะไรสักอย่างการทอดทิ้งก็จะไม่เกิดขึ้น ลองคิดดูนะครับ บูชาพ่อแม่ (พระในบ้านในใจ) ดีกว่าบูชาคนอื่นเป็นไหน ๆ ไม่เชื่อลองทำดูนะครับ เจเจคิดว่านะคับ เด็กสมัยนี้อ่า มันชออบใจแตกกันอ่าคับ (จากประสบการณ์รอบ
ข้าง) ก้อเลยทำไรโดยที่ไม่คิด ก้อแบบคิดแต่เรื่องของตัวเอง หรืออาจจะคิดว่า พ่อแม่น่ะชอบบ่น +
ด่า ทำให้ลูกๆไม่เข้าใจพ่อแม่ แต่ท่านไม่ได้คิดจะว่าไรเราจิงจังหรอคับ ท่านก้อแค่อยากจะพูดตักเตือน ไม่ให้เราออก นอกลู่ นอกทาง แต่ว่าเจเจคิดว่า วิธีการที่จะไม่ให้เยวชนทิ้งพ่อแม่น่ะ อธิบายง่ายนะคับ แต่ว่ามันปฏิบัติกันยาก เพราะเด็กสมัยนี้ ไม่ค่อยอยากจะบอกรักพ่อกับแม่หรอกคับ ส่เหตุน่าจะเพราะว่าอายล่ะคับ หรือว่าอาจจะเขิล หุหุ เจเจว่าอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จะทำให้ครอบครัวมีความอบอุ่นนะคับ เวลาลูกๆมัเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจ ก้อมาปรึกษากะพ่อแม่ และพ่อแม่ก้อไม่ควรที่จะพูดซ้ำเติมลูกนะคับ เพราะจะทำให้ลูกคิดว่า พ่อแม่ไม่สนใจปัญหาของเค้า อาจจะทำให้เค้างอลได้นะคับเจเจว่าการแก้ปัญหามันไม่มีหรอกคับแต่ว่ามันอยู่ที่การที่ครอบครัวมีความรักให้กัน มีความเข้าใจกัน มีความอบอุ่น แค่นี้ ก้อไม่มีใครเค้าอยากจะทิ้งพ่อแม่แล้วล่ะค๊าฟฟฟฟ ป.ล. เจเจคิดมาจากใจนะคับ 555 อาจจะ งง ๆ หน่อย แต่้จ้จว่ามันโอเคดีนะคับหุหุ{:5_153:}
....................................................................
เจเจคิดว่านะคับ เด็กสมัยนี้อ่า มันชออบใจแตกกันอ่าคับ (จากประสบการณ์รอบ
ข้าง) ก้อเลยทำไรโดยที่ไม่คิด ก้อแบบคิดแต่เรื่องของตัวเอง หรืออาจจะคิดว่า พ่อแม่น่ะชอบบ่น +
ด่า ทำให้ลูกๆไม่เข้าใจพ่อแม่ แต่ท่านไม่ได้คิดจะว่าไรเราจิงจังหรอคับ ท่านก้อแค่อยากจะพูดตักเตือน ไม่ให้เราออก นอกลู่ นอกทาง แต่ว่าเจเจคิดว่า วิธีการที่จะไม่ให้เยวชนทิ้งพ่อแม่น่ะ อธิบายง่ายนะคับ แต่ว่ามันปฏิบัติกันยาก เพราะเด็กสมัยนี้ ไม่ค่อยอยากจะบอกรักพ่อกับแม่หรอกคับ ส่เหตุน่าจะเพราะว่าอายล่ะคับ หรือว่าอาจจะเขิล หุหุ เจเจว่าอยู่ด้วยกันอย่างพร้อมหน้าพร้อมตา จะทำให้ครอบครัวมีความอบอุ่นนะคับ เวลาลูกๆมัเรื่องอะไรที่ทุกข์ใจ ก้อมาปรึกษากะพ่อแม่ และพ่อแม่ก้อไม่ควรที่จะพูดซ้ำเติมลูกนะคับ เพราะจะทำให้ลูกคิดว่า พ่อแม่ไม่สนใจปัญหาของเค้า อาจจะทำให้เค้างอลได้นะคับเจเจว่าการแก้ปัญหามันไม่มีหรอกคับแต่ว่ามันอยู่ที่การที่ครอบครัวมีความรักให้กัน มีความเข้าใจกัน มีความอบอุ่น แค่นี้ ก้อไม่มีใครเค้าอยากจะทิ้งพ่อแม่แล้วล่ะค๊าฟฟฟฟ ป.ล. เจเจคิดมาจากใจนะคับ 555 อาจจะ งง ๆ หน่อย แต่้จ้จว่ามันโอเคดีนะคับหุหุ{:5_153:}
....................................................................
ผมว่า มีแต่ไอ้พวกที่เลวอะ ทิ้งพ่อทิ้งแม่ได้เศร้ายังไง แค่ รักท่านและคิดว่าเราต้องให้ท่านสบายก้พอแล้วรักพ่อแม่น้าส์ ปัญหาที่พ่อแม่ หรือผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากลูกหลาน แต่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้ เพราะถ้าหากลูกหลานคนใดออกมาบอกกล่าว ก็เหมือนกับยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนหนึ่งที่ทอดทิ้งพ่อแม่ ก็จะยิ่งทำให้ถูกสังคม ตำหนิ ประณามมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะได้รับการตราหน้าจากสังคม เพื่อนๆ ในหน่วยงาน ในหมู่บ้านใกล้เคียงว่า เป็นลูกอกตัญญู ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง และบั่นทอนความรู้สึกของลูกๆ มาก
เมื่อไม่มีกลุ่มของลูกหลานออกมาชี้แจงบอกกล่าว ก็ทำให้ผู้คนส่วนมาก เข้าใจว่า ที่บรรดาพ่อแม่ ผู้สูงอายุ ต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่กันตามลำพังนั้น สาเหตุจริงๆ มาจากความไม่เอาใจใส่ของลูกหลาน
ถ้าสังคมจะให้ความเป็นธรรมกับลูก หลานบ้าง แท้จริงแล้ว สาเหตุที่พ่อแม่ หรือผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง อาจจะไม่ได้มาจากเหตุของความยากจน หรือความไม่เอาใจใส่ของลูกหลานทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากตัวผู้สูงอายุเองด้วย เพราะในขณะที่พวกท่านยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว วัยที่กำลังเป็นพ่อคน แม่คน ท่านได้ประพฤติ ปฏิบัติในสิ่งต่อไปนี้กันบ้างหรือเปล่า
๑. ไม่เหลียวแล ไม่เอาใจใส่พ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ของท่านเอง ท่านยุ่งอยู่กับภารกิจ หน้าที่การงานของท่าน ไม่ปรนนิบัติพ่อแม่ของท่าน ให้ลูกๆ ได้เห็น เพื่อให้พวกเขาได้ซึมซาบ และได้เห็นแบบอย่างที่ดี เมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาก็จะได้ปฏิบัติต่อท่าน ดังเช่นที่ท่านได้ปฏิบัติต่อพวกเขา
๒. เลี้ยงลูกโดยใช้อารมณ์ โมโห ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด ชอบดุด่า ชอบตำหนิ ชอบขุดคุ้ย ความผิดพลาดของลูกๆ มาเหยียบย่ำ ซ้ำเติม ทำให้ลูกเข้าหน้าไม่ติด ลูกจำกัดกรอบของตัวเอง แต่ในห้องแคบๆ ใต้ถุนบ้าน หรือใต้ต้นไม้ ใกล้ๆ บ้านที่พ่อแม่ไม่เห็น พวกเขาเห็นภาพ บรรยากาศที่ไม่ดีของพ่อแม่มาตลอดเวลา และเมื่อโตขึ้น ความคิดเดิมๆ ในอดีต ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำ คงยากที่พวกเขาจะกลับไปหาท่าน เพราะผนังของกำแพง แห่งความผูกพันมันหนาเกินกว่าที่จะทะลุถึงกันได้
๓. เลี้ยงลูกด้วยความไม่ยุติธรรม รักลูกคนใดคนหนึ่งมากเป็นพิเศษ ช่วงวัยทารกจนถึงวัยเด็กเล็กๆ เวลาพี่น้องทะเลาะกัน ขัดใจกัน ท่านก็มักจะตำหนิ ลูกคนที่ท่านไม่รัก ไม่ชอบอยู่บ่อยๆ โดยที่ท่านไม่ได้สอบหาสาเหตุของความขัดแย้งว่า ลูกคนไหนชอบหาเรื่อง ชอบรังแก ข่มเหง และนานวันเข้า เมื่อลูกโตขึ้น ความรู้สึก น้อยใจ ไม่พอใจ ก็ถูกสะสมไว้ในใจมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็กลายเป็นความเกลียด หรืออาจจะเคียดแค้น ชิงชัง พ่อแม่ไปในที่สุด
เมื่อลูกคนที่พ่อแม่ไม่รัก จบการศึกษา มีครอบครัว เขาก็จะมีอิสระเต็มตัว สามารถหาเงินได้ด้วยลำแข้งลำขาของตัวเอง พ่อแม่ ไม่เคยอยู่ในใจเขาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา สาเหตุ เพราะเขาได้รับผลจากการกระทำของพ่อแม่มาก่อนนั่นเอง
จึงอยากวิงวอนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือลูกๆ โดยเฉพาะพ่อ แม่อย่าได้แสดงพฤติกรรมดังที่กล่าวมาข้างต้นเลย เพราะมิเช่นนั้น เมื่อถึงวัยสูงอายุ ท่านต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และท่านไม่ควรตำหนิลูก บรรดาลูกๆ ทั้งหลาย ที่ถูกกระทำโดยพ่อแม่ ก็ขอได้โปรดให้อภัยเสียเถอะนะ เพราะถึงอย่างไร ท่านก็เป็นพ่อแม่ของเรา ถือเสียว่า ทำความดี ก่อนที่ท่านจะสิ้นอายุ และจะเป็นกรรมดีหนุนตัวเรา ซึ่งเป็นลูกในวันนี้ เพื่อจะได้ไม่เป็นพ่อแม่ที่ถูกทอดทิ้งในอนาคต
ปัญหาที่พ่อแม่ หรือผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง ไม่ได้มีสาเหตุมาจากลูกหลาน แต่เพียงฝ่ายเดียว ทั้งนี้ เพราะถ้าหากลูกหลานคนใดออกมาบอกกล่าว ก็เหมือนกับยอมรับว่า ตัวเองเป็นคนหนึ่งที่ทอดทิ้งพ่อแม่ ก็จะยิ่งทำให้ถูกสังคม ตำหนิ ประณามมากยิ่งขึ้น หรืออาจจะได้รับการตราหน้าจากสังคม เพื่อนๆ ในหน่วยงาน ในหมู่บ้านใกล้เคียงว่า เป็นลูกอกตัญญู ซึ่งเป็นถ้อยคำที่ค่อนข้างรุนแรง และบั่นทอนความรู้สึกของลูกๆ มาก
เมื่อไม่มีกลุ่มของลูกหลานออกมาชี้แจงบอกกล่าว ก็ทำให้ผู้คนส่วนมาก เข้าใจว่า ที่บรรดาพ่อแม่ ผู้สูงอายุ ต้องถูกทอดทิ้งให้อยู่กันตามลำพังนั้น สาเหตุจริงๆ มาจากความไม่เอาใจใส่ของลูกหลาน
ถ้าสังคมจะให้ความเป็นธรรมกับลูก หลานบ้าง แท้จริงแล้ว สาเหตุที่พ่อแม่ หรือผู้สูงอายุถูกทอดทิ้ง อาจจะไม่ได้มาจากเหตุของความยากจน หรือความไม่เอาใจใส่ของลูกหลานทั้งหมด ส่วนหนึ่งมาจากตัวผู้สูงอายุเองด้วย เพราะในขณะที่พวกท่านยังอยู่ในวัยหนุ่มสาว วัยที่กำลังเป็นพ่อคน แม่คน ท่านได้ประพฤติ ปฏิบัติในสิ่งต่อไปนี้กันบ้างหรือเปล่า
๑. ไม่เหลียวแล ไม่เอาใจใส่พ่อแม่ หรือญาติผู้ใหญ่ของท่านเอง ท่านยุ่งอยู่กับภารกิจ หน้าที่การงานของท่าน ไม่ปรนนิบัติพ่อแม่ของท่าน ให้ลูกๆ ได้เห็น เพื่อให้พวกเขาได้ซึมซาบ และได้เห็นแบบอย่างที่ดี เมื่อพวกเขาโตขึ้น พวกเขาก็จะได้ปฏิบัติต่อท่าน ดังเช่นที่ท่านได้ปฏิบัติต่อพวกเขา
๒. เลี้ยงลูกโดยใช้อารมณ์ โมโห ฉุนเฉียว เกรี้ยวกราด ชอบดุด่า ชอบตำหนิ ชอบขุดคุ้ย ความผิดพลาดของลูกๆ มาเหยียบย่ำ ซ้ำเติม ทำให้ลูกเข้าหน้าไม่ติด ลูกจำกัดกรอบของตัวเอง แต่ในห้องแคบๆ ใต้ถุนบ้าน หรือใต้ต้นไม้ ใกล้ๆ บ้านที่พ่อแม่ไม่เห็น พวกเขาเห็นภาพ บรรยากาศที่ไม่ดีของพ่อแม่มาตลอดเวลา และเมื่อโตขึ้น ความคิดเดิมๆ ในอดีต ยังคงฝังอยู่ในความทรงจำ คงยากที่พวกเขาจะกลับไปหาท่าน เพราะผนังของกำแพง แห่งความผูกพันมันหนาเกินกว่าที่จะทะลุถึงกันได้
๓. เลี้ยงลูกด้วยความไม่ยุติธรรม รักลูกคนใดคนหนึ่งมากเป็นพิเศษ ช่วงวัยทารกจนถึงวัยเด็กเล็กๆ เวลาพี่น้องทะเลาะกัน ขัดใจกัน ท่านก็มักจะตำหนิ ลูกคนที่ท่านไม่รัก ไม่ชอบอยู่บ่อยๆ โดยที่ท่านไม่ได้สอบหาสาเหตุของความขัดแย้งว่า ลูกคนไหนชอบหาเรื่อง ชอบรังแก ข่มเหง และนานวันเข้า เมื่อลูกโตขึ้น ความรู้สึก น้อยใจ ไม่พอใจ ก็ถูกสะสมไว้ในใจมาเรื่อยๆ ในที่สุดก็กลายเป็นความเกลียด หรืออาจจะเคียดแค้น ชิงชัง พ่อแม่ไปในที่สุด
เมื่อลูกคนที่พ่อแม่ไม่รัก จบการศึกษา มีครอบครัว เขาก็จะมีอิสระเต็มตัว สามารถหาเงินได้ด้วยลำแข้งลำขาของตัวเอง พ่อแม่ ไม่เคยอยู่ในใจเขาเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา สาเหตุ เพราะเขาได้รับผลจากการกระทำของพ่อแม่มาก่อนนั่นเอง
จึงอยากวิงวอนทุกฝ่าย ไม่ว่าจะเป็นพ่อ แม่ หรือลูกๆ โดยเฉพาะพ่อ แม่อย่าได้แสดงพฤติกรรมดังที่กล่าวมาข้างต้นเลย เพราะมิเช่นนั้น เมื่อถึงวัยสูงอายุ ท่านต้องอยู่อย่างโดดเดี่ยว และท่านไม่ควรตำหนิลูก บรรดาลูกๆ ทั้งหลาย ที่ถูกกระทำโดยพ่อแม่ ก็ขอได้โปรดให้อภัยเสียเถอะนะ เพราะถึงอย่างไร ท่านก็เป็นพ่อแม่ของเรา ถือเสียว่า ทำความดี ก่อนที่ท่านจะสิ้นอายุ และจะเป็นกรรมดีหนุนตัวเรา ซึ่งเป็นลูกในวันนี้ เพื่อจะได้ไม่เป็นพ่อแม่ที่ถูกทอดทิ้งในอนาคต
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Need เมื่อ 2011-8-5 21:56
สอนให้ลูกรู้จักคำว่า "กตัญญูกตเวที" {:5_136:} พ่อแม่แสดงออกถึงความรักกับลูกให้มาก{:5_119:} ลูกจะรู้สึกได้ และรู้ว่าอยู่กับพ่อแม่มีความสุขที่สุด จนไม่อยากจากไปไหน{:5_139:} คนไป copy มาจาก google นี่ให้คะแนนรึเปล่าครับเนี่ย
อย่าว่าอย่างโน้นอย่างนี้เลย บทความทีผมเคยอ่านในเน็ตแล้วมีคน copy มาทั้งดุ้นเนี่ยเสียความรู้สึกนะครับ JIM
ปัญหานี้ผมว่าต้องแก้ที่ต้นเหตุ เพราะอาจจะเกิดมาการเลี้ยงดูที่เลี้ยงมาแบบผิดๆ คนสมัยนี้เลี้ยงลูกเอาแต่ใจ
เอะอะก็ให้เงิน บางทีผมว่าลูกบางคนอาจไม่ได้ต้องการเงินแต่ต้องการเวลาที่จะอยู่กับพ่อแม่มากกว่า พูดถึงเวลา
สมัยนี้การเลี้ยงลูกนั้นมักจะเลี้ยงด้วยเงินทำให้เวลากับการอยู่ร่วมกันของครอบครัวนั้นน้อยลงผมว่าอันนี้คือปัจจัยหลักนะ
ถ้าเรารู้ถึงสาเหตุผมว่าเราก็สามารถแก้ปัญหาได้นะ เหมือนอริยสัจ4 ของพระพุทธเจ้า
จากสาเหตุนี้อาจจะแก้ได้โดย(อาจจะมีสาเหตุอื่นๆ อีก)การที่ครอบครัวหาเวลาว่างอยู่ด้วยกันทำกิจกรรมร่วมกัน พ่อ แม่ พี่น้อง ปู่ย่า ตายาย หรือญาตคนอื่นๆ ก็จะเป็นการเพิ่มความผูกผันของรคอบครัว เป็นลดระยะห่างของวัย อาจจะเกิดจากการคุยกันระหว่างหลายกับปู่แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันในครอบครัว ผมว่าปัญหานี้คงบรรเทาลงได้มากไม่ใช่แค่เป็นการลดการทอดทิ้งแม่แต่เป็นการลดการทอดทิ้งของครอบครัว ไม่ว่าจะเป็น ปู่ย่า ตายาย ลุงป้า น้าอา หรือญาตคนอื่นๆ และลดปัญหาสังคมได้อีกเยอะเลยล่ะครับ
ช่วยให้คะแนนหน่อยนะครับเขียนเองทั้งหมดเลยนะ ไม่ได้ก๊อปใคร
ขอบคุณครับที่ได้ให้ผมแบ่งปันความคิดเห็น รักแม่ที่สุดในโลกคร๊าบๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
หน้า:
[1]