มหาลัยวัยร่าน 8 (พี่ชายพาเที่ยว)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Bassguitar เมื่อ 2023-4-5 09:03*EP นี้ยังไม่มีเรื่องเสียวนะครับ มีแต่ดราม่า555*
หลังจากที่ผมเลิกกับน้องกล้า นับตั้งแต่วันที่ผมได้เก็บข้าวของย้ายออกมาถึงผมจะทำตัวเข้มแข็งสักแค่ไหนแต่ก็ไม่เคยมีวันไหนเลยที่ผมไม่อยากทักไปขอคืนดีกับน้อง ทั้ง ๆ ที่ก็รู้ว่าไม่มีที่สำหรับผมเหลืออยู่แล้ว ภาพความทรงจำในอดีตทั้งหมดมันตีย้อนเข้ามาในหัวผมอยู่เรื่อย ๆผมเอาแต่โทษตัวเองในทุก ๆ วันว่าทำไมผมถึงปล่อยให้น้องเขาเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้ อย่างน้อยถ้าผมกินเหล้าเก่งพอที่จะไปเที่ยวกับน้องได้ตลอดคอยดูแลอยู่ไม่ห่างอาจจะไม่ได้ลงเอยแบบนี้ก็ได้ (ตอนเห็นถุงเบอร์ 56 ก็แอบคิดเหมือนกันนะรึว่าเรามันไม่มีน้ำยา) ผมแสร้งทำเป็นว่าลากลับบ้าน 1 สัปดาห์แต่ก็ยังแอบอยู่หอไอ้ทีม ผมไม่อยากไปตึกเรียน ไม่อยากผ่านห้องซ้อมของน้อง ไม่อยากไปเจอคนที่คอยมารับไปส่งน้อง รวมถึงไม่อยากให้พวก บบ มันรู้ว่าผมมีสภาพเป็นยังไง พอเลิกกันผมก็ปิดเฟซกับไอจี (ชั่วคราว แต่ก็นานมากหลายเดือนไม่รู้เลิกเล่นไปได้ไง) เพราะไม่อยากรับรู้อะไรแล้วทั้งนั้นแต่ก็ยังใช้ไลน์คุยติดต่อกับทีมและกำชับกับมันว่าอย่าพึ่งบอกเพื่อนคนอื่นว่าผมอกหักเลยมาขออยู่ด้วย ตอนคบผมก็ไม่ได้ป่าวประกาศ ตอนเลิกผมก็เงียบไม่ได้บอกใครเอาแต่เศร้าเหมือนทุกที ตอนนี้ก็มีแค่ไอ้ทีมเท่านั้นที่รู้ ปกติมันก็ไม่ค่อยอยู่หอหรอกเพราะเช้า-บ่ายเรียน เย็นมันก็จะกลับมางีบแปปนึงถ้าไม่มีซ้อม หลัง 2 ทุ่มมันก็ออกไปเล่นดนตรีแล้ว กลับมาทีก็ตี 2 ตี 3 ทุกวัน ต่อหน้ามันผมก็ทำตัวเป็นปกติ แต่พออยู่คนเดียวทีไรก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ตลอด
แต่แล้ววันนึง ตอนบ่ายที่เป็นเวลาเลิกคลาสแต่ว่าผมยังแอบอยู่ที่หอไอ้ทีมไม่ได้ไปเรียน แล้วแทนที่ไอ้ทีมมันจะกลับมาคนเดียวแต่มันก็ดันพา บบ มาด้วย ก็จริงอยู่ที่ไอ้ทีมมันไม่ได้เป็นฝ่ายบอกคนอื่นก่อน แต่เพราะใครก็ติดต่อผมไม่ได้มันเลยทำให้ไอ้บาส (ที่ยังไม่รู้เรื่อง) ทักไปถามน้องกล้าที่เป็นน้องรหัสมันว่าทำไมถึงติดต่อผมไม่ได้ น้องกล้าก็เลยบอกว่าให้ไปถามไอ้ทีมเพราะเป็นคนช่วยย้ายของวันออกจากคอนโด พอไอ้ทีมโดนถามหนัก ๆ เข้าก็เลยยอมบอกแค่พวกมัน 2 แล้วมันก็พากันบ่นผมไม่หยุด (ทีมมันเริ่มสนิทกับพวกนี้ตั้งแต่ปี 2 ละ มันตามงานไม่ทันพวกผมเลยยื่นมือช่วย)
บาส : ไอ้เบส เมื่อไรมึงจะเลิกนิสัยเสียเวลาที่เป็นอะไรไม่ชอบบอกพวกกูวะ
ผม : บอกไปพวกมึงก็สมเพชกูเปล่า ๆ เลยไม่อยากบอก
บาส : นี่มึงยังเห็นพวกกูเป็นเพื่อนอยู่มั้ย มีไรก็บอกดิ กูก็เห็นมึงเป็นงี้มาตั้งแต่ปี 1 ถ้ากูสมเพชพวกกูคงไม่ตามจนรู้ว่ามึงมาหลบอยู่นี่หรอก " บาสมันพูดให้ผมเริ่มคิดได้ ก็จริงของมันเพราะนี่มันก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกมันคอยปลอบผม ผมเลยนิ่งเงียบไม่พูดอะไร สุดท้ายผมก็ยอมเล่าเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นให้พวกมัน 3 คนฟัง พวกมันก็ดูออกว่าน้องกล้ามันเปลี่ยนไปมากแต่ก็ไม่คิดว่าจะถึงขั้นทิ้งผมได้ลง
และในวันต่อมาผมก็ถูกพวกมันลากไปเรียนด้วยเหตุผลที่ว่าไม่อยากให้ผมหนีความจริง เลิกเรียนมันก็ยังตามมาเล่นกับผมที่หอไอ้ทีม ไม่ถึงสัปดาห์ผมก็ได้ย้ายของเข้าหอใหม่ เป็นหอที่อยู่ไกลจากมหาลัยมากกว่าเดิมแต่ก็ดูสงบ (แนะนำโดยไอ้โบ้ท หอเก่ามัน และผมเลือกที่จะไม่ย้ายกลับหอเก่าสมัยปี 2 เพราะกลัวว่าตัวเองจะดิ่งหนักลงไปอีกเวลาเห็นห้องที่เคยอยู่ด้วยกัน) แรก ๆมันก็ยังมาเล่นหอผมอยู่หรอกรึไม่ก็พาผมไปเที่ยวทั้งกับกลุ่มเล็กกลุ่มใหญ่ (ไม่ใช่ร้านเหล้า) อยู่ไปสักอาทิตย์พอผมรู้สึกว่าตัวเองโอเคและไม่ได้ดิ่งแล้ว ขนาดที่ว่าหลัง ๆ มาเจอน้องกล้าวันรวมสาขาผมยังยิ้มได้ (แรก ๆ นี่วิ่งเข้าห้องน้ำเลยอ่ะขนาดแค่เจอผ่าน ๆ) เลยบอกพวกมันว่าไม่ต้องห่วงแล้ว พวกมันเองก็มีภาระหน้าที่ไม่อยากให้มาเสียเวลาดูแลผม โดยที่ผมรับปากกับพวกมันว่าถ้าทีหลังเป็นอะไรอีกจะรีบบอก บบ มันเลยยอมผม แต่พอเอาเข้าจริงหลังจากนั้นผมแทบอยู่ไม่ได้เลย หลังเรียนเสร็จถ้าไม่มีซ้อมรวมวงผมก็ต้องกลับหอมาเคว้งอยู่คนเดียว โดยบอกคนอื่น ๆ ว่าที่เงียบหายไปเพราะกำลังเล่นเกม แต่ป่าวเลย ในแต่ละวันผมแค่นอนหายใจทิ้งไม่ก็นอนกอดหมอนร้องไห้ ถึงจะบอกคนอื่นว่าตัวเองมูฟออนได้แล้วก็ตามแต่แค่รูปถ่ายของเราผมยังไม่กล้าลบสักรูป รึแม้แต่เบอร์น้องผมก็ยังไม่ลบรึว่าเปลี่ยนชื่อ (เมมชื่อไว้ว่า 'คุณแฟน')ผมเอาแต่โทษตัวเองว่าเป็นเพราะผมที่ไม่ใส่ใจน้องมากพออยู่อย่างนั้นวกไปวนมา
พอนานวันเข้า ผมเริ่มทนยอมรับสภาพตัวเองไม่ได้ที่ชอบจมดิ่งอยู่กับตัวเองในห้องแล้วพออยู่ต่อหน้าเพื่อนก็ต้องแสร้งเป็นอีกคนเพราะไม่อยากไปเป็นภาระให้พวกมัน พอถึงปีใหม่ ผมตัดสินใจกลับบ้านไปพบครอบครัว เป็นครั้งแรกตั้งแต่มาเรียนเลยที่ผมได้กลับมาเผื่อมันจะมีอะไรดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก ตลอดเวลาที่ผ่านมาที่ผมได้รักใครแต่ก็เป็นฝ่ายที่ต้องเจ็บก่อนตลอด ถึงผมจะผิดหวังเรื่องความรักมานักต่อนักแต่ก็ไม่มีครั้งไหนเทียบกับครั้งนี้ได้เลย และผมคิดว่าตัวเองน่าจะเข็ดจากความรักแล้วจริง ๆ เลยรู้สึกยังไม่อยากที่จะมีใหม่ อีกอย่างถ้ารีบมีไปก็เหมือนเอาคนใหม่มาปกปิดความรู้สึกอาจเสียใจมากกว่าเดิม พอกลับมาเรียนก็ไม่รู้จะหาทางออกยังไงดี แต่ก็พอนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้ผมมีรุ่นพี่ที่สนิทมากคนนึง เป็นคนที่ผมรู้จักในเกมและคุยกับผมผ่านแอปดิสคอร์ด (ที่เลือกคนนี้เพราะผมสนิทและนับถือเขามาก อีกอย่างไม่อยากระบายให้คนใกล้ตัวฟัง)ผมได้ทักไประบายเรื่องต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นให้เขาฟัง และพี่เขาก็ได้แนะนำให้ผมปล่อยใจ ออกไปเจอคนเยอะ ๆให้ไปเที่ยวหรือทำกิจกรรมข้างนอก เพิ่มไลฟ์สไตล์อะไรก็ได้สักอย่างเข้ามาอย่าใช้ชีวิตวนลูปเดิมทุกวัน และผมก็ไม่ได้คิดเลยว่าการที่ผมทำตามที่พี่เขาบอก จะเปลี่ยนอะไรผมได้มากขนาดนี้
ผมลองออกไปใช้ชีวิตตามที่พี่เขาแนะนำ มีทั้งไปดูหนัง เดินห้าง กินข้าว กินชาบู (ไปคนเดียวทั้งนั้น นาน ๆ ยังจะสลับชวนคนอื่นไปด้วย) แรก ๆ ก็ไม่ชินเจอแต่คนรู้จักชอบทักว่าทำไมมาคนเดียวแต่นานเข้าก็ปรับตัวได้ จนผมเริ่มอยากที่จะเพิ่มไลฟ์สไตล์ให้ตัวเองขึ้นมาอีกอย่างคือการออกกำลังกายที่สนามกีฬาของมหาลัย ปกติแล้วถ้าไม่ได้มาซ้อมเดินสวนสนามกับวงโยฯ ผมก็ไม่ได้มาที่นี่เลย กะว่าจะมาลองวิ่งคนเดียวตอนเย็นดูก่อนแต่คงไม่ทุกวัน ถ้าโอเครึชอบค่อยหาชวนเพื่อนมาวิ่งด้วย (ผมไม่คิดไม่ฝันเลยว่าตัวเองจะมาออกกำลังกายเพราะมีความคิดที่ว่าตัวเองผอมลีนอยู่แล้วเลยไม่จำเป็น คงเป็นบุญเก่าเก็บเพราะแต่ก่อนเข้าค่ายซ้อมบอลตลอด ไม่รู้เกี่ยวป่าว5555) และคนที่ผมจะเจอได้ที่สนามกีฬาก็ไม่ใช่ใครอื่น คือพี่ชินกับไอ้พี่กันและเพื่อนนักกีฬารุ่นน้องพี่แกอีกหลายคน เหมือนผมจะเจอพวกแกหลังจากที่ผมเริ่มมาวิ่งหลังจากนั้นไม่กี่วัน แต่ผมเลือกที่จะวิ่งผ่านพวกพี่เขาทำเป็นไม่เห็นไม่รู้จะทักอะไรด้วยเพราะคนเยอะ และปกติผมวิ่งเสร็จผมก็จะไม่รีบกลับเลย ผมมักจะนั่งมองคนนู้นคนนี้อยู่บนอัฒจันทร์จนฟ้ามืดถึงค่อยกลับไปอาบน้ำออกมาซ้อมดนตรีต่อรึอาจจะไปกินข้าว และจากจุดนั้นที่ผมนั่งอยู่มันก็ทำให้พี่ชินเห็นและได้เดินเข้ามาทักผม
พี่ชิน : ไงเบส มาวิ่งได้กี่วันแล้วเนี่ย พี่พึ่งเห็น " พี่ชินเดินขึ้นมาทักผมถึงข้างบน โดยที่มีไอ้พี่กันดื่มน้ำรออยู่ด้านล่างแต่ก็ยังมีชำเลืองมาที่ผมอยู่เรื่อย ๆ
ผม : มาวิ่งได้ 2-3 วันแล้วครับ พอดีช่วงนี้ว่างเลยอยากหาไรทำ " ผมยิ้มตอบให้พี่ชิน แกก็นั่งคุยกับผมอยู่พักนึง ซึ่งจะเป็นการแนะนำวิธีวิ่งแบบไม่หักโหม (แกเป็นนักกรีฑานะ เผื่อคนอ่านลืม) ผมก็ฟังมั่งไม่ได้ฟังมั่ง หลังจากนั้นผมเองก็ไม่ได้มาบ่อยอาจจะ 2-3 วันครั้งเพราะแบ่งเวลาไปซ้อมดนตรีด้วย แต่ทุกครั้งที่มาผมก็เจอพี่ชินกับไอ้พี่กันมาวอร์มร่างกายรึซ้อมวิ่งตลอด และบางครั้งพวกพี่แกอาจจะเอาราวกั้น (ที่ไว้วิ่งแล้วกระโดดข้ามหลาย ๆ อัน) ออกมาซ้อมกับเพื่อน ๆ แก ซึ่งวันนั้นก็น่าจะเป็นวันซ้อมหลัก
จนมาถึงวันที่เป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ ในเย็นวันนึงผมก็มาวิ่งปกติจนแล้วเสร็จถึงขึ้นไปนั่งเหม่อบนอัฒจันทร์คนเดียวเช่นเคย ก็เหม่อเรื่องเดิม ๆ ทั้งนั้นแหล่ะผมยังทำใจไม่ได้ขนาดผ่านมาเกือบจะ 2 เดือนแล้ว แต่ผมอาจจะเหม่อมากไปหน่อยถึงขนาดที่ว่าพี่ชินเดินมาเรียกผมข้างล่างผมยังไม่ได้ยินจนพี่แกเดินขึ้นมาทักผม
พี่ชิน : เห้ยนั่งเหม่อไรคนเดียวเบส เรียกไม่ตอบ "พี่ชินเดินขึ้นมาเรียกแล้วนั่งลงข้างๆ
ผม : ป่าวหรอกพี่ ผมแค่คิดอะไรนิดหน่อย
พี่ชิน : เห็นเรานั่งคนเดียวแล้วทำหน้าเศร้าตลอด เป็นอะไรปรึกษาพี่ได้นะ " ผมคิดในใจว่าขนาดพี่ชินยังมองออกนี่ผมต้องทำหน้ายังไงกันนะ
ผม : อะไรพี่ผมไม่ได้เป็นไรสักหน่อย " ผมพยายามตอบปัดพี่ชิน
พี่ชิน : โดนทิ้งมาหรอ " เอื้อออออ ... อยู่ ๆ พี่แกก็พูดแทงใจดำผมขึ้นมาซะงั้น ผมไม่ได้พูดอะไรต่อเลยนิ่งเงียบเดี๋ยวจะกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
พี่ชิน : พี่แค่เดาอ่ะ เหมือนแต่ก่อนเคยเห็นเบสชอบไปไหนมาไหนด้วยกันกับรุ่นน้องที่ขาว ๆ แต่เดี๋ยวนี้เห็นไปไหนมาไหนคนเดียวบ่อย ๆ เลยขอเดาไว่ก่อน ถ้าไม่ได้เลิกกันพี่ก็ขอโทษนะที่พูดอะไรแบบนี้ออกไป " อห อะไรมันทำให้พี่แกรู้เรื่องผมขนาดนี้วะ แม่นยิ่งกว่าหมอดูซะอีก ผมนั่งคิดไปสักพักไม่รู้ทำไมผมเลยยอมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นให้พี่ชินฟังด้วย แกก็ได้แต่พูดปลอบใจผมเพราะดูท่าแล้วผมใกล้จะร้องละ แต่แล้วแกก็ได้เสนอวิธีนึงกับผม
พี่ชิน : แล้วทำไมเบสไม่ลองเที่ยวร้านเหล้าดูล่ะ
ผม : ผมไม่ชอบรสชาติมันอ่ะพี่ แล้วก็ผมเป็นพวกเมาง่ายด้วยดิ
พี่ชิน : เบสไม่เคยได้ยินคำนี้หรอ' เมื่อรักมันเศร้า เหล้ามันจะหวานนะ ' ไม่แน่ถ้าได้เมาอาจจะทำให้ลืมเรื่องที่ไม่ดีก็ได้ เพราะเมื่อก่อนพี่ก็เคยเป็น
ผม : ผมว่านะได้นอนเฝ้าร้านอ่ะดิ อีกอย่างผมกลัวขี่รถกลับไม่ถึงหอด้วย
พี่ชิน : ก็ไม่ได้จะให้ไปคนเดียวสักหน่อยเดี๋ยวพี่ไปด้วยทั้งคนไม่ต้องห่วง " สุดท้ายแล้วพี่ชินแกก็พูดหว่านล้อมให้ผมลองไปจนได้ โดยที่พี่แกนัดเป็นเย็นวันศุกร์ จะไม่ได้ไม่มีปัญหาเรื่องเรียนตอนเช้า
พอถึงเวลานัดประมาณ 4 ทุ่มหลังผมซ้อมดนตรีเสร็จ พี่ชินแกก็ขี่มอเตอร์ไซค์มารับถึงหน้าหอ โซนที่ไปจะมีร้านเหล้ากับผับเยอะมาก เป็นย่านท่องเที่ยวกลางคืนซึ่งจะเวลาไหนผมก็ไม่เคยมาแถบนี้เลยถึงจะอยู่ปี 3 แล้วก็เหอะ แถมยังไกลมากอีกด้วยเกือบ 10 กิโลจากหอผมเป็นร้านเหล้าที่ต้องตรวจบัตรก่อนเข้า ผมก็เลือกเป็นด้านในสุดและขออยู่ให้ห่างจากโซนเวทีดนตรีเพราะตรงนั้นคนเยอะ และอย่างต่อมาที่ทำเลยคือพยายามมองหาน้องกล้าเผื่อจะบังเอิญจะมาเจอกัน (แต่ก็ไม่) หลังจากที่เด็กเสิร์ฟเทเหล้าให้พวกผมเรียบร้อยผมก็ค่อย ๆ จิบไป เออรึเป็นอย่างที่แกบอกวะเพราะกินตอนเศร้า ๆ นี่เหล้ามันหวานจริง555 ก็ไม่ได้รู้สึกว่าต้องพยายามกินแบบทุกที แต่ถึงจะกินได้แต่ผมก็ยังไม่ลืมเรื่องที่ตัวเองคออ่อนเลย อีกเรื่องนึงผมไม่อยากจะโม้เลยนะว่าระหว่างที่ผมนั่งอยู่กับพี่ชินจะมีคนเข้าหาเยอะมาก มีมาขอชนแก้ว เดินมาขอเฟซ ig บ้าง รึชวนไปดื่มด้วยก็มี ผมเลยเข้าใจแล้วว่าที่แบบนี้มันทำให้คนอื่น ๆ กล้าที่จะเข้าหาเราได้ง่าย (น้องกล้าเลยโดนตกไปไงล่ะ) ผมก็ดื่มกับพี่ชินน่าจะชั่วโมงกว่าได้มั้ง
หลังจากดื่มจนพอใจ ให้อย่างมากเลยไม่เกิน 5 แก้ว แต่ว่าพี่ชินนั้นน่าจะกินมากกว่าผม เป็นเพราะเสน่ห์อันร้อนแรงระดับนักกีฬาตัวแทนมหาลัยและควบตำแหน่งเดือนมหาลัยของพี่แกที่นาน ๆ ทีจะได้เจอตัวเป็น ๆ เพราะปกติจะเจอแกได้ที่สนามกีฬา เลยทำให้มีคนเข้ามาจีบ, ชนแก้วและเทเหล้าให้เยอะมากกกกกกก ก ก ก ก ก ก ! ไม่ต่ำกว่า 10 คนอ่ะ ขนาดผมละยังยอมพี่แกเลยจริง ๆละแหม่บอกไม่ต้องห่วงพี่มากินด้วย แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชินก็ดูจะกินพอไม่ให้ตัวเองเมามาก ไม่งั้นผมที่กำลังนั่งผงกหัวเพราะไม่ไหวแล้วคงได้นอนเฝ้าร้านกันพอดี สุดท้ายเลยจ่ายตังแล้วกลับ (บ่นนิดนึง ของข้างในของโคตรแพงเลยแต่อันนี้พี่ชินเลี้ยง) พอพวกผมเดินออกมาสูดอากาศตอนตี 1 ตี 2 รู้สึกโคตรดี แต่เพราะฤทธิ์ของแอลกอฮอล์มันก็ได้ปลุกจิตใต้สำนึกบางอย่างของผมขึ้นมา ชนิดที่ว่าถ้าเป็นตัวผมปกติผมจะไม่มีทางคิดแบบนี้แน่ๆ เลยคือ อยากไปนอนกับพี่ชิน 555 พอซ้อนรถแกได้ผมเลยแกล้งเมา (จะว่าแกล้งเมาก็ไม่ได้ เมาจริง) งั้นแกล้งพูดกับแกว่า
ผม : พี่ชิน พี่จะขี่รถกลับหอผมไหวหรอไกลนะ " ผมงัวเงียพูดกับพี่แกโดยที่หน้าผมแนบพิงกับหลังแกอยู่
พี่ชิน : นั่นดิ หอก็ไกลด้วยพี่กลัวขี่ไม่ไหวเหมือนกัน งั้นเอางี้ เบสไปนอนกับพี่ก่อนพรุ่งนี้เดี๋ยวพี่ไปส่ง เกาะพี่ไว้ดี ๆ ล่ะเดี๋ยวร่วง " ในใจผมนี่ยิ้มเลย พอเมานี่มันกล้าได้กล้าเสียอย่างนี้แหล่ะเนอะ แต่ตอนนั้นแค่จะประคองตัวให้ไม่ตกรถก็ว่ายากละ ผมก้มหน้าไม่ได้มองทางอีกทั้งยังกอดเอวพี่ชินแน่นด้วยเพราะกลัวตก จนมาถึงที่หมายแกก็ช่วยพยุงผมขึ้นหอเข้าไปในห้อง แต่พอหัวผมถึงหมอนผมก็ไม่รู้เรื่องอะไรแล้ว 555
พอเช้ามาเริ่มได้สติก็รู้สึกว่าตัวเองกำลังกอดใครบางคนอยู่ (ผมติดการนอนกอดน้องกล้ามากเมื่อก่อน หลัง ๆ มาเลยกอดผ้าห่ม หมอนข้าง กอดไปทั่วอ่ะตอนนอน) มันงัวเงียเวียนหัวและยังลืมตาไม่ขึ้นก็เลยเนียนกอดต่อไปแบบนั้น พอนึกย้อนเมื่อคืนก็เลยจำได้ว่ามานอนกับพี่ชินนี่หว่า แต่ภาพดันตัดไปซะก่อน แต่ถึงอย่างนั้นการที่ตื่นมาแล้วได้นอนกอดแกก็เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงเช่นกัน หน้าผมอยู่แนบกับไหล่แกเลยสูดกลิ่นตัวได้เต็ม ๆแถมพี่ชินยังไม่ใส่เสื้อด้วย แต่เพราะสติสัมปชัญญะของผมเริ่มกลับมาเกือบจะครบแล้วตัวผมเลยแข็งทื่อก่อนที่จะยกแขนออกจากตัวพี่แกไป แต่ก็ไม่คิดที่จะตื่นขึ้นมาอยากนอนต่ออีกสักหน่อยเพราะยังง่วงอยู่ ผ่านไปสะพักผมยังไม่หลับลึกมากเลยยังพอรู้สึกตัว ผมรู้สึกว่าพี่ชินแกดึงแขนผมข้างเดิมขึ้นไปพาดตัวแกอีกครั้ง ผมก็ยังไม่สนใจอีกนอนต่อ555 (เพราะมันกึ่งหลับกึ่งตื่น ไม่รู้ว่าคิดไปเองป่าว) จนผมตื่น (ตื่นจริงรอบนี้) เพราะได้ยินเสียงคนดูติ๊กต่อกอยู่ข้าง ๆ หู และผมรู้สึกปวดฉี่เลยอยากลุกไปเข้าห้องน้ำ ผมลืมตาขึ้นมาได้เลยเงยหน้าขึ้นไปมองพี่ชินทั้ง ๆ ที่ผมยังกอดแกอยู่ แต่ภาพเบื้องหน้ามันช่างดูทำร้ายจิตใจผมสุด ๆ เพราะคนที่ผมคิดว่าเป็นพี่ชินมาตลอด ดันกลายเป็น ' ไอ้เหี้ยพี่กัน' ที่กำลังนอนเล่นมือถือซะอย่างงั้น
*มีต่อ ขอบคุณที่ติดตามนะครับ*
แล้วยังไงต่อนี้หักใจได้ไหมหรือได้คนใหม่แล้ว ติดตาม {:5_149:}{:5_149:} อ้าว ยังไงละทีนี้55 ขอบคุณขอรับ {:5_124:}{:5_124:} ขอบคุณครับ. รอติดตามเลย สนุกมากครับ ขอยคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ ชอบ ขอบคุณครับ แอบอยากลุ้นต่อเลย จบแบบช็อตฟีล 5555 ขอบคุณครับ {:5_135:}{:5_135:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ