เด็กหอ ตอน 8 โจรปล้นใจ (พาร์ท 2)
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Kiano เมื่อ 2023-4-13 07:58“อ้าวนที มึงไม่ได้ไปกับเพื่อนหรอ?” เต้อร์ถามเมื่อเดินเข้าไปในห้อง
นทีเป็นคนตัวสูง สูงประมาณ 180 รูปร่างสมส่วน แต่จะออกผอมหน่อย ๆ สีผิวออกแทน ๆ
“ไม่อะ กู.. เป็น.. ง่วง ๆ เลยว่าจะกลับมานอน” นทีวางกระเป๋า จัดเก็บของ ถอดถุงเท้าออก
“อ๋อ อืม” พอเห็นนทีเดินเข้าห้องน้ำไป เต้อร์ก็รีบเอาเมมโมรี่การ์ดเข้าเก็บที่ลิ้นชักโต๊ะ เขายังไม่มีโอกาสเปิดดู และคงไม่ลบทิ้ง เผื่อวันหน้าได้เอาไว้ใช้เล่นงานสองผัวเมียนั่นกลับ
เสร็จแล้วเขาก็ถอดชุดนักศึกษาออกแล้วเปลี่ยนไปใส่เสื้อบอลกางเกงบอล ใส่ถุงเท้า แล้วออกไปเตรียมเอารองเท้าสตั๊ดที่นอกระเบียง นทีออกมาจากห้องน้ำพอดี
“เอ้อ นที เดี๋ยวกูไปออกกำลังกายก่อนนะ”
“อืม”
“พวกนั้นไปแดกข้าวที่ไหน รู้ป้ะ?”
“ไม่รู้อะ กูกลับมาก่อน”
“อ่าวหรอ โอเค งั้นกูไปละ”
“เค เจอกัน” นทีทำทีปีนบันไดขึ้นเตียง แต่พอเต้อร์ปิดประตูออกไปแล้วก็รีบไต่ลงมา มายืนคอยดูใกล้ ๆ ประตูเผื่อเต้อร์ลืมอะไรแล้วเดินกลับมาที่ห้องใหม่
เมื่อรอจนแน่ใจแล้ว ก็รีบค้นหาเมมโมรี่การ์ดนั่นด้วยใจที่เต้นแรง
…………………………………….
แทนนั้นต้องพยามเก็บงำรสนิยมความชื่นชอบทางเพศของตัวเองมาโดยตลอด แม้หลายคนจะบอกว่าโลกมันเปิดกว้างแล้ว แต่เอาเข้าจริงก็ไม่ได้มีอะไรมายืนยันว่า ถ้าแสดงความชอบผู้ชายออกไปแล้ว คนรอบตัวจะปฏิบัติตัวด้วยในแบบเดิม จะไม่โดนล้อ ความชอบผู้ชายของตัวเองจะไม่เป็นเรื่องตลก ลำพังใช้ชีวิตหลบเลี่ยงเหตุการณ์หรือผู้คนที่ใจร้ายในแต่ละวันเพื่อปกป้องความรู้สึกตัวเองมันก็สูบพลังใจไปมากพอแล้ว เพราะฉะนั้นแทนจึงต้องซ่อนความรู้สึกทางเพศเอาไว้ตลอดมา ไม่ได้แสดงมันออกไป
จนเมื่อถึงจุดหนึ่ง แทนก็ตระหนักได้ว่า อุตส่าห์เกิดมาทั้งทีในชีวิตนี้ แปป ๆ ก็จะอายุยี่สิบละ ยังวัยรุ่นยังมีแรงอยู่ แต่อีกเดี๋ยวก็จะเป็นวัยทำงาน วัยผู้ใหญ่ จนแก่ชราไปหมดเรี่ยวหมดแรง ร่างกายเสื่อมสภาพไปแล้ว จะมาหาความสุขทางเพศแบบตอนที่ยังวัยรุ่นแบบนี้มันก็ลำบาก ฉะนั้นในวัยแบบนี้ ยังมีร่างกายพร้อมแบบนี้ ทำไมเขาต้องทนปล่อยเวลาและโอกาสที่จะหาความสุขทางเพศใส่ตัวทิ้งไปเฉย ๆ
คิดได้ดังนี้แล้ว ด้วยความที่เข้ากับใครไม่ค่อยได้ เขาตัวคนเดียว และสังคมที่อยู่ก็ไม่ได้มีพื้นที่สำหรับคนอย่างเขา ให้เขาได้ปลดปล่อยความรู้สึกตัวเองด้วยความอิสระอย่างแท้จริง ฉะนั้นเขาจึงต้องแอบฉกฉวยมันจากคนอื่น อนุญาตให้ตัวเองเป็นคนโรคจิต ถึงจะเป็นการละเมิด เป็นการทำผิดก็ช่าง นี่ไม่ใช่แฟร์เกม เขาไม่ได้มีอิสระที่จะสนองตัณหาตัวเองได้แบบคนอื่น
ในความตั้งใจแรก แทนต้องการที่จะตาม stalk (แอบตาม สอดส่อง) เต้อร์เพื่อสนองกามตัณหาเท่านั้น แล้วพอจะเริ่มตามก็ดันไปเจอเรื่องดีเรื่องเด็ด เต้อร์จะไปมีเซ็กส์เอ๊าดอร์กับพวกอาจารย์ที่มหาลัยก็ทำให้ตื่นเต้นไปใหญ่ แต่เมื่อไปเห็นเต้อร์ถูกกระทำแบบนั้น เขาก็รู้สึกสงสาร คงไม่กล้าไปทำอะไรที่เป็นการซ้ำร้ายเต้อร์อีก
อีกทั้งจากที่ได้ตามดูเต้อร์ในเฟซบุ๊ก ก็ได้เห็นถึงความน่ารักและความนิสัยดีของเต้อร์ เวลาที่เพื่อนมีปัญหา เต้อร์ก็จะช่วยเหลือเพื่อนตลอด เวลาที่เพื่อน ๆ ของเขาเล่นมุกที่ทำให้การมีเซ็กส์ของเกย์เป็นเรื่องตลก หรือพวกมุกเหยียดเพศต่าง ๆ แทนก็ไม่เคยเห็นเต้อร์ไปร่วมวงตอบโต้เฮฮาด้วยเลย แถมยังออกจะมีปราม ๆ เพื่อนอยู่ด้วยซ้ำ นอกจากนี้แทนยังเห็นเต้อร์กดไลก์เพจที่อธิบายเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศด้วย
การตัดสินใจเลือกที่จะช่วยเต้อร์จึงเป็นเรื่องง่าย แทบจะไม่ต้องลังเลอะไร ถึงจะแอบมีกลัว ๆ บ้าง แต่แทนก็กล้าที่จะบอกชอบเต้อร์ กล้าที่จะสารภาพความจริงกับเต้อร์ (ถึงจะเป็นความจริงบางส่วนก็ตาม) เขาไม่ได้คาดหวังให้เต้อร์ไม่โกรธ ไม่เกลียดเขา แค่เต้อร์ไม่โกรธจนลงมือทำร้ายเขาก็พอแล้ว ซึ่งแทนก็สัมผัสได้อยู่แล้วว่าเต้อร์ก็ไม่ใช่คนแบบนั้น
แต่พอได้ทำมันลงไป นอกจากจะเห็นว่าเต้อร์ไม่ได้ดูโกรธ ดูเกลียดเขาแล้ว เต้อร์ยังดูจะเป็นมิตรด้วยอีก การได้คุยกับเต้อร์แบบตัวต่อตัวครั้งแรกก็ได้เห็นความน่ารักของเต้อร์ที่น่ารักโครต ๆ แบบนี้ มันเกินความคาดหมายและมันทำให้แทนล้มคะมำตกหลุมรักพ่อหนุ่มคนนี้เข้าอย่างจัง
และด้วยความรักของแทนนี่แหละ ทำให้แทนรู้สึกว่าไม่อยากจะไปล่วงล้ำอะไรเต้อร์อีก แทนตัดสินใจที่จะปล่อยเต้อร์ไป เขาลบภาพที่ถ่ายเอารหัสบัญชีโซเชี่ยลต่าง ๆ ของเต้อร์ทิ้งไป แล้วเขาค่อยหาเอาเป้าหมายใหม่ ผู้ชายหล่อ ๆ เท่าที่แทนเคยเดินผ่านเห็นก็มีอยู่เยอะ ถึงหล่อแล้วเซ็กซี่ไม่เท่าเต้อร์จะไม่ค่อยมีก็เถอะ
อีกอย่าง มันยังเหลือห้องข้าง ๆ อีกทางฝั่งนึงที่สามารถปีนข้ามผ่านทางระเบียงเข้าไปได้ เพียงแต่ว่าในวันหยุดเสาร์อาทิตย์ที่ห้องนั้นกลับกันหมดพวกเขามักจะล็อคประตูหลังไว้ แทนจึงเล็งอยู่ทุกอาทิตย์ มันต้องมีสักวันที่พวกนั้นจะลืมล็อก
ส่วนเต้อร์ แทนก็ไม่ได้หวังให้เขามาเป็นเพื่อน มาสนิทสนมอะไรด้วยหรอก ขอแค่เวลาที่บังเอิญเจอกัน หรือเดินผ่านกันที่ไหน ก็ขอแค่ให้ได้ทักทายกัน หรือแค่ได้ยิ้มให้กันก็ดีใจแล้ว
………………………………………
หลังจากที่เต้อร์ได้เจอกับแทน เขาก็ไม่ได้ติดต่อหรือกลับไปหาแทนอีก จนสองวันถัดมาเป็นวันเกิดพี่กล้า
พี่กล้านี่ที่บ้านเป็นคนมีฐานะ พ่อเป็นนักการเมือง เป็นลูกชายคนสุดท้อง เขาเป็นคนรูปร่างสูง หน้าตาหล่อคม คิ้วหนา ตาคม ผิวเข้ม เอาเข้าจริง ดูไปดูมาก็แอบคล้ายนที เพียงแต่หุ่นพี่กล้าจะมีกล้ามที่ลีน ๆ แน่น ๆ มากกว่า เพราะเป็นนักฟุตบอลของมหาลัยเช่นเดียวกันกับเต้อร์
พี่กล้าเรียนอยู่ปีสองเช่นเดียวกันกับพี่เฟิร์น ทั้งสองคนเรียนอยู่ห้องเดียวกัน ในงานวันเกิดเขานี้เขาก็ได้ชวนรุ่นพี่รุ่นน้องที่รู้จักและเพื่อนร่วมห้องทุกคน รวมถึงพี่เฟิร์นด้วย ไปเลี้ยงฉลองกันที่ร้านนั่งชิลล์ที่อยู่ในตลาดนัดกลางคืน
เฟิร์นเป็นผู้หญิงที่มีผิวพรรณดี หน้าตาสะสวยและดูน่ารักมีสเน่ห์ในคราวเดียวกัน ถ้าจะให้พูดกันตามตรง เฟิร์นนี่เป็นนางเอกหนังจีนได้เลย เดินผ่านใครก็มักจะมีแต่คนมองเฟิร์นตามหลัง เป็นผู้หญิงที่มีแต่คนชื่นชอบ ในอินสตาแกรมและเฟซบุ๊กก็มีผู้ติดตามอยู่ในหลักหลายพันคน
แน่นอนงานนี้เต้อร์และเพื่อน ๆ ปีหนึ่งหลายคนก็ไปด้วย รวม ๆ แล้วงานนี้มีคนไปเกือบสามสิบคน แทบจะเป็นปาร์ตี้ แทบจะเหมาที่นั่งของร้าน บรรยากาศเต็มไปด้วยความสนุกสนาน เหล้ายาปลาปิ้งทุกอย่างพี่กล้าเป็นคนเลี้ยงเอง
มีช่วงนึงที่มีบางส่วนแบ่งกันมาเล่นเกมหมุนขวดบอกความจริง คือถ้าหมุนขวดแล้วหัวขวดไปหยุดที่ใคร คนนั้นจะต้องถูกถามและให้ตอบตามความจริง
มีครั้งนึงที่เต้อร์โดนนทีถามว่าเคยเย็ดตูดผู้ชายมั้ย ก็ทำเอาเต้อร์นิ่งไปเพราะนึกถึงตอนที่ตัวเองถูกจับมัดแล้วโดนนั่งเทียนทางตูด เขานึกสงสัยว่าจริง ๆ นทีรู้อยู่แล้วหรือเปล่าว่าเขาเคย? ถ้ารู้ รู้ได้ยังไง? เขาย้อนนึกถึงคืนที่เขาฝันร้ายแล้วสงสัยว่านทีแอบมาอมควยเขาตอนหลับหรือเปล่า การพยามปะติดปะต่อนี้ทำเขานิ่งไปครู่นึง ทั้งกลุ่มจึงพากันร้องแซวว่าเต้อร์ทำอ้ำอึ้งแบบนี้ ต้องเคยชัวร์ จึงเกิดการเอะอะวุ่นวายเสียงดังจากการแซวเต้อร์ในกลุ่มจนพวกอื่น ๆ ที่ไม่ได้อยู่ในวงหันมามอง เต้อร์มองไปยังเฟิร์นที่กำลังยืนคุยอยู่กับเพื่อนห่างออกไป ก็หันมาให้ความสนใจความวุ่นวายนี้เช่นกัน สิ่งที่พวกนี้แซวคงถึงหูเฟิร์นในอีกไม่นานนี้แน่นอน แค่นึกเขาก็รู้สึกอายเฟิร์นมาก ๆ ไม่กล้าสู้หน้าเฟิร์นต่อ
“บักบาส มานำกู กูมีแนวสิเว่านำ” เต้อร์โน้มตัวไปพูดข้างหูไอ้บาสก่อนจะลากไอ้บาสออกไปจากวง
“เห้ย ๆๆๆ สูสิพากันไปไสสองคนน่ะ” ต้นร้องแซว แล้วเพื่อนคนอื่นก็ร้องขึ้นแซวตาม
ไอ้บาสหันกลับมาขณะที่โดนลากตัว ร้องกลับโดยแกล้งทำน้ำเสียงเหมือนเมาหนัก “เดี๋ยวกู.. ขอ.. ไปลองเบิ่งก่อน.. เด้อสู.. เป็นจั่งได๋.. เดี๋ยวบอก..”
ก่อนจะตามด้วยเสียงเฮไล่หลัง
………………………………………….
(บทสนทนาของเต้อร์กับไอ้บาสต่อไปนี้เป็นภาษาอีสาน แต่ขอแปลเป็นภาษาไทยเพื่อความสะดวกในการอ่าน)
เต้อร์ลากไอ้บาสมายังที่จอดรถ หันมองตรวจสอบอีกรอบให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ และไม่มีใครตามมา
“บักบาส กูถามมึงจริง ๆ”
“ถามกูเล่น ๆ ก็ได้ กูไม่ว่า”
“เอาดี ๆ อย่าเพิ่งกวนตีนกู”
“เอ้า!” ไอ้บาสยกไหล่ขึ้น แบะสองมือออกไปข้าง ๆ “กูกวนตีนตรงไหน ก็แค่บอกเฉย ๆ บักห่านิ่”
“เออ ๆ! ก็ได้” เต้อร์ส่ายหน้าเบา ๆ สีหน้ายังคงจริงจัง เต้อร์เงียบคิดไปครู่หนึ่ง “บักบาส จริงจังนะ มึงได้รวมหัวกับใครมาแกล้งกูอยู่รึเปล่า?”
“มึงบ้าหรอ มึงพูดถึงเรื่องอะไร?”
“ก็วันที่กูทำกล้องล้มแตกไง มึงเป็นคนมาแกล้งกูไม่ใช่หรอ?”
“น่าน! แล้วมึงจะมาโทษกูหาสวรรค์วิมานอะไรตอนนี้ กูก็บอกมึงแล้วว่าจะช่วย ๆ มึงก็มีแต่บอกว่าจะจัดการเอง จะจัดการเอง บักผีปอบ แล้วสรุปมึงยังไง มึงยังหาเงินไม่ได้ใช่มั้ย? เอ้า! แล้ว.. บักนทียังไม่ได้ช่วยมึงอีกหรอ?”
“นทีอะไร? เกี่ยวอะไรกัน?”
“อ่าว.. เอ่อ.. ก็..”
เต้อร์คิ้วขมวด ส่งสายตาดุออกมาแล้วคว้ากำคอเสื้อไอ้บาส “พูดมา!”
“เอ๋า.. บักควยเต้อร์..! อย่าทำกู๊..!” ไอ้บาสเอามือไปตบ ๆ ข้อมือเต้อร์ให้ปล่อย “กูจะบอกอยู่..! บักห่านิ่”
แล้วเต้อร์ก็ปล่อย
“มึงเป็นว้อหรอบักสัส” ไอ้บาสจัดคอเสื้อตัวเอง มองเต้อร์ด้วยสายตาขุ่นเคือง “คือวันนั้นน่ะ บักนทีมันอยากไป แล้วมันมาบอกให้กูชวนมึงไปด้วยให้ได้ ไม่งั้นมันจะไม่ให้กูลอกการบ้าน แล้วพอไปถึง มันก็บอกให้กูกวนมึง ให้มึงเซไปชนกล้องล้ม มันบอกว่าอยากแกล้ง แล้วมันจะช่วยมึงจ่ายค่ากล้องที่พังเอง กูก็เข้าใจว่าบ้านมันก็รวย มันคงใจสปอร์ตแล้วอยากจะเล่นอะไรแผลง ๆ ผลาญเงินเล่น ๆ นั่นแหละ กูเลยตกลง”
เต้อร์ฟังอย่างตั้งใจ
“แต่เอาจริง ๆ มึงได้รู้สึกว่าชนกล้องล้มจริง ๆ หรอ? มึงจำได้มั้ยว่าตัวมึงไปโดนกล้องตรงไหน? เพราะเหมือนกูเห็นพี่เปาที่แกยืนอยู่ตรงนั้นเป็นคนผลักกล้องให้ล้มลงเองอะ แต่กูก็ไม่แน่ใจเหมือนก..”
หูของเต้อร์ไม่ได้ฟังไอ้บาสอีกต่อไป ใจเขาลอยคิดอะไรหลาย ๆ อย่าง เขามองย้อนกลับยังผู้คนในงาน ความรู้สึกเสียใจ อาย กลัว ไม่ไว้ใจ โกรธ ฯลฯ ไหลเข้ามาสู่หัวใจ
“เอ้อ! แล้วนทีมันก็ห้ามไม่ให้กูบอกมึ..”
“กูกลับก่อนนะ” เต้อร์เดินไปยังมอเตอร์ไซค์ตัวเอง
“เอ๋า? มึงโอเคมั้ยนิ่?” ไอ้บาสเดินตาม “เหยย มึงอย่าซีเรียสดิ เงินแค่นี้เอง แม่กูก็จะแบ่งที่นาให้อยู่ กูเอาไปกู้ธกส.ได้เป็นแสนเลยนะ บักเต้อร์ ฟังกูมั้ยนิ่?”
เต้อร์ก็ไม่ได้ฟัง เสียบกุญแจแล้วถอยรถออก สตาร์ทแล้วก็ขับออกไป
“เอ้า บักเต้อร์!! แล้วจะให้กูกลับกับใครรรร……!? บักห่านี่แมะ” ไอ้บาสตะโกนตามหลัง แล้วรำพึงรำพันกับตัวเอง “บักผีปอบนี่ ไม่รู้เป็นแม่มันอะไร ผีเข้าผีออก”
………………………………………….
เมื่อกลับถึงหอ เขาจอดรถ แล้วเดินขึ้นบันไดไป เขาเดินช้า ๆ ผ่านไปห้องทีละห้อง เพื่อจะกลับไปนอนพักผ่อนที่ห้องตัวเอง แต่แล้วเขาก็หยุดก่อนจะถึง ที่หน้าห้องหนึ่ง ซึ่งในเวลาแบบนี้ พื้นที่ที่เขารู้สึกว่าจะสามารถช่วยให้หลบจากเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ที่ที่เขารู้สึกว่ามันน่าจะปลอดภัย ที่ที่รู้ว่าปัญหาของเขาคืออะไร โดยที่เขาไม่ต้องพยามอธิบายให้เข้าใจ ไม่ต้องกลัวว่าถูกตัดสิน หรือถูกเข้าใจเป็นอย่างอื่น ที่ที่เขาจะหลบซ่อนจากความรู้สึกทั้งหมดได้
นั่นคือห้อง 322
ก๊อก! ก๊อก! ก๊อก!
เต้อร์เคาะไปที่ประตู “มีคนอยู่มั้ย?”
แต่แทนคงไม่ได้ยิน เพราะกำลังเสียบหูฟังดูหนังโป๊ GV ชักว่าวอยู่ เต้อร์ก็เคาะอีกสองรอบ “มีคนอยู่มั้ยเนี่ย!?” พอไม่มีเสียงตอบจึงเปลี่ยนเป็นเอากำปั้นทุบรัว ๆๆๆๆ “เห้ย! อยู่มั้ยเนี่ย? เปิดประตูหน่อยยย!!” เต้อร์เอะอะทำไปด้วยความที่กรึ่มเมาอยู่หน่อย ๆ
คราวนี้เสียงและแรงสะเทือนสามารถเข้าสัมผัสโสตประสาทและประสาทสัมผัสเพื่อปลุกเรียกแทนได้ แทนดึงหูฟังออก ‘เหี้ยไรวะ? ใครมาเอะอะอะไรดึก ๆ ดื่น ๆ’ แทนคิดในใจ
“โอเค ไปแล้ว ๆ” แทนรีบหากางเกงใส่แล้วเดินไปเปิดประตู “อ่าวเต้อร์”
“ทำอะไรอยู่เปิดช้าจัง? ขี้อีกแล้วหรอ?”
“อะ.. เอ่อ.. ใช่ ๆ ขี้อยู่”
“ขอนอนด้วยได้ป้ะ?”
“ห้ะ?”
“ห้ะอะไร้?” เต้อร์เดินเข้าในห้องไปโดยยังไม่ได้รับอนุญาต เขาถอดเสื้อผ้าออกพาดไว้ที่บันไดเตียงที่ว่างอยู่ เหลือเพียงแค่บ๊อกเซอร์
แทนที่หันไปปิดประตูพอหันกลับมาก็ตกใจเห็นหนุ่มเซ็กซี่คนนี้กำลังแก้ผ้าอยู่ต่อหน้า
“เห้ย! เต้อร์ จะทำอะไรอะ?”
“ทำอะไรล่ะ ก็นอนไง มา ๆ” เต้อร์จับแขนแทนพามาที่เตียง
“นอนตรงไหน? จะมาเบียดกันนอนเตียงเดียวนี่น่ะหรอ”
“เถอะน่าา.. อากาศเย็น ๆ แบบนี้ นอนใกล้กันจะได้อุ่น ๆ” เต้อร์จับบ่าแทนให้ล้มตัวลงที่นอน “เขยิบไปอีกหน่อยสิ” เต้อร์เดินไปปิดไฟ
“อ้าว! แล้วอาบน้ำรึยังเนี่ย?” แทนถาม
“กูอาบมาแล้ว” เต้อร์ทิ้งตัวลงนอนตาม
“อาบเหี้ยไร ดูก็รู้ว่าเพิ่งมาจากร้านเหล้า”
“ก็ก่อนไปก็อาบแล้วไง”
“ไปมาแล้วก็ต้อง—”
“กูขอร้องล่ะแทน กูเหนื่อยมากแล้วจริง ๆ ขอให้กูได้นอนก่อนเถอะนะ”
“แล้วมาแก้ผ้ายั่วเราเนี่ยนะ? จะให้เรานอนยังไง?”
“จะให้กูใส่กางเกงยีนส์นอนหรอ กูต้องได้นอนแบบนี้อะ ใส่เสื้อผ้าแล้วมันอึดอัด” เต้อร์ดึงผ้าห่มมาคลุมแทนและตัวเอง “แล้วถ้ากูขอร้องไม่ให้มึงทำอะไรกู กูเชื่อว่ามึงก็จะไม่ทำ กูจะลองไว้ใจมึงหนึ่งคืน”
“มันไม่ใช่ไว้ใจหรือไม่ไว้ใจ แต่มายั่วกันแบบนี้จะให้นอน—“
“นอน ๆ” เต้อร์จับตัวแทนพลิกหันเข้าข้างฝาแล้วเข้าสวมกอดแทนจากข้างหลัง มือข้างที่กอดไปอยู่ต้นแขนแทนข้างที่นอนทับพอดี จึงตบ ๆ เบา ๆ กล่อม
แทนพอโดนเต้อร์กอดแบบนี้ก็ถึงยอม แม้ความเงี่ยนจะคอยปลุกเร้าเขาอยู่ด้วยร่างกายของเต้อร์ แต่ความน่ารักและความอบอุ่นในอ้อมกอดของเต้อร์ก็เป็นตัวช่วยให้เขาข่มความเงี่ยนได้เป็นอย่างดี และยังช่วยกล่อมให้เขาหลับได้ด้วยพลังของความอบอุ่นที่ช่วยละลายสลายความคิด ความกังวล ความรู้สึกต่าง ๆ ที่มีอยู่ในหัวใจออกไป
เต้อร์รู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ใกล้แทน แทนรู้สึกปลอดภัยเมื่ออยู่ในอ้อมกอดเต้อร์
แล้วทั้งคู่ก็หลับลงไปในความปลอดภัยของกันและกัน
………………………………………….
เช้าวันรุ่งขึ้น อากาศสดใส เย็นสบาย มันเป็นเช้าวันเสาร์อันสงบ เพราะไม่ต้องตื่นเช้าไปเรียนหนังสือ มีลมพัด มีเสียงของนกที่ร้องดังอยู่ข้างนอก
แทนถูกปลุกด้วยสัมผัสของริมฝีปากที่บรรจงบดจูบปากเขาอย่างนิ่มนวล มันเป็นจูบแรกของเขา และมีคนกำลังขโมยมันไปอยู่
คนที่เคยขอบคุณแทน ที่แทนไม่ได้ฉกฉวยโอกาสจากตัวเขา กลับกลายเป็นว่าตอนนี้เขากำลังฉกฉวยโอกาสจากตัวของแทนซะเอง
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ เป็นคนหล่อก็โดนแกล้งเหมือนกันนะครับ รออ่านต่อนะครับ ขอบคุณนะครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ audiwoods ตอบกลับเมื่อ 2023-4-12 01:48
เป็นคนหล่อก็โดนแกล้งเหมือนกันนะครับ
โดนแกล้งเพราะเป็นคนหล่อครับ มีแฟนสวย 55555 ขอบคุณมากครับ ขอบคุณนะ กำลังสวีตตอนเช้า ค้างเลย 55 ชอบมากเลยน่ะครับ สนุกมากครับ ขอบคุณมากครับ ขโมยหมดตัวแน่ ข อ บ คุ ณ ค รั บ ขอบคุณครับ เสียวมากครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2