One More Night: บังเอิญรัก โดยตั้งใจ (ตอนที่ 17: แรงส่ง...) Cp
Chapter 17: แรงส่ง...“อย่าหยุด” เสียงของเค้าบ่งบอกความต้องการที่เกินต้านทานเสียแล้ว
ผมเลื่อนตัวไปนั่งที่หน้าท้องเค้า ลอนกล้ามเสียดสีกับสะโพกของผมในขณะที่เราจูบกัน
ลิ้นของเค้าพัลวัน ความต้องการส่งผ่านน้ำลายของกันและกัน ต่างหอบหายใจเร่าร้อน
ยิ่งนานเท่าไหร่ ผมยิ่งหายใจลำบาก...ความแข็งขันของผมเสียดสีกับหน้าอกเค้าไปพร้อมๆกัน
สติผมกระเจิดกระเจิงไปหมด ความรู้ผิดชอบชั่วดีถูกถีบกระเด็นจนเอื้อมกลับมาไม่ได้ ผมถอนตัวเองออก
“อยู่นิ่งๆ” ... ผมผลักเค้าให้นอนลงไป เลื่อนตัวเองลง
ในวินาทีที่ผมต้องตัดสินใจนั้น มันช่างแสนสั้น...ผมยอมรับผลการกระทำครั้งนี้เอง....
บั้นท้ายของผมยกขึ้น มือของผมจัดแจงท่อนเนื้อของเค้าจ่อกับรูแคบของผมไว้...
“พี่...พี่มั่นใจแล้วเหรอ” เสียงของเค้าไม่ได้ห้าม แต่มันคือความต้องการล้วนๆ
ผมไม่ตอบ
มือของเค้าจับที่ขาผมไว้ เค้าแยกมันออกให้กว้างขึ้น ฝ่ามือประครองขาอ่อนทั้งสองข้าง
ความยิ่งใหญ่เต้นตุบๆในมือ ผมจ่อหัวบานนั้น ค่อยๆเลื่อนตัวลง สองมือของเค้ายังประครองตัวผมไว้
สัมผัสแรกที่ดุ้นแข็งลอดผ่าน ความปวดร้าวไหลพล่านไปทั่วร่าง ผมกัดฟันกรอด...เหงื่อพระกาฬแตกพลั่ก
“ไหวมั้ยครับ...” น้ำเสียงของเค้าดูกังวล
“อะ อืม...” ผมกัดฟัน ค่อยๆเลื่อนตัวเองลง
ถึงแม้จะแยกขากว้างแค่ไหน แต่การนั่งลงไปโดยไม่มีการสอดนิ้วหรือใช้สารหล่อลื่น
มันคือการฆ่าตัวตายชัดๆ
และตอนนี้ผมกำลังทรมาน...
มันคับ แน่น จนผมเคลื่อนตัวลงไปไม่ได้...
ผมยายามส่ายเบาๆให้มันเลื่อนไหล แต่แค่ส่วนปลายใหญ่โตเข้าไปติดในนั้น มันก็ยากที่จะเลื่อนหลุด
รูแคบผมปวดตุบๆ ผมติดกับตัวเองเข้าเสียจนได้ ความใหญ่คับเหมือนจะยิ่งขยายตัวพองโตจนผมร้อนระอุ
อูยยยยยยย ผมครางเบาๆ แค่เข้าไปนิดเดียวก็ติดซะแน่นเชียว ผมคิดในใจ ความหน่วงจุกเต็มบั้นท้าย
เค้าเอื้อมไปคว้าอะไรบางอย่างที่ข้างเตียง ก่อนที่จะดึงตัวผมออกมา ผมเผลอครางตอนที่ส่วนหัวนั้นหลุดออกไปได้
เค้าจัดให้ผมนั่งบนหน้าท้องแล้วดึงผมมาจูบ มือของเค้าง่วนกับของสงวนลำใหญ่นั้น
ยิ่งจูบ ยิ่งเร้าความต้องการผมมากไปขึ้นทวีคูณ...ผมผละออก แล้วจัดท่าใหม่...ผมไม่ยอมแพ้
คราวนี้เค้าไม่ถาม ไม่ห้าม...เมื่อผมหย่อนบั้นท้ายจอกับเนื้อแน่นของเค้า
ความบานใหญ่สอดใส่เข้ามาก่อน ผมแปลกใจที่มันไหลลื่นกว่าเดิม...
ผมกัดฟัน ดันตัวเองลงทีละน้อย ทีละน้อย
มันอาจเป็นแค่เสี้ยวนาทีหรือแค่เสี่ยววินาที แต่ผมกลับรู้สึกว่ามันช่างนานแสนนาน
ความใหญ่ ยาวค่อยๆคลืบคลานเข้ามาในตัวผม
“พี่...อ๊ะ ซี๊ด อย่าตอด...อ๊ะ แน่นเหลือเกิน..อ๊า” เสียงเค้าครางครวญ กับจังหวะการกดทับทีละน้อย
ผมร้าวจนดันลงไปอีกไม่ไหว เหลือบไปมอง...เข้าไปนิดเดียวเอง...ยังไม่ถึงครึ่งด้วยซ้ำ
ความรู้สึกแปลบๆกำลังเล่นงานผมหนึบๆที่รูนั้น ผมค่อยๆดึงตัวออก
เหมือนเค้าจะรู้ได้ว่าผมกำลังเปลี่ยนใจ เลยโน้มตัวผมลงไปจูบ
ความเร่าร้อนเบียดเสียดบดขยี้จนผมแทบรับไม่ไหว เค้าควานหาความหวานในปากผมจนหายใจไม่ทัน
จังหวะที่ผมเคลิบเคลิ้มกับรสจูบนั้นเอง...ท่อนเนื้อทั้งหมดของเค้าก็กระแทกเข้ามาในตัวผมทีเดียวจนสุด
ผมสะดุ้งเฮือก ความเจ็บทะลักทะลายอาบทั้งตัวได้แต่ร้องครางอู้อี้ด้วยความเจ็บ น้ำตาผมไหล
เค้ายังจูบผมอย่างหนักหน่วง...เพิ่มแรงดูดมากขึ้น จนผมผ่อนคลายเค้าค่อยๆถอนน้องชายเค้าออก
ผมรู้สึกได้ถึงการเคลื่อนไหวออกมาอย่างช้าๆ ผมโล่งใจที่มันกำลังจะหมดไป...ผมถอนจูบออก
แล้วเสียงกระแทกกลับเข้ามาทำให้ผมต้องสะดุ้งเฮือกอีกครา
“อ๊ากกกกกกกกกกกก อะ อ๊ะ อ๊ะ...” ผมครางไม่ได้ศัพท์เมื่อเค้ากระเด้งเข้าอย่างแรง
สองมือของเค้าจับเอวผมให้นั่งนิ่งๆ ผมไม่มีทางดิ้นหลุดไปไหนได้
เค้าขยับบั้นท้ายตัวเอง กระเด้งเข้าออก เสียงเนื้อตกกระทบดังสนั่น
ผมได้แต่ส่งเสียงคราง...ความเจ็บแปลบได้แล่นหายไป และถูกแทนที่ด้วยความหฤหรรษ์
“อา...แน่นดีจัง...พี่ครับ ...เมียจ๋า...โอ เมียจ๋า” เค้าส่งเสียงครางดังๆ
“โอ๊ะๆๆๆ อ๊าๆๆ” เสียงผมครวญสมทบ ลมหายใจหอบแรง เนื้อตัวสั่นไปตามแรงกระทบ
เค้าลดการเคลื่อนไหว และหยุดเมื่อแท่งทั้งหมดอยู่ในตัวผม
เค้าลุกขึ้น จับขาทั้งสองข้างผมพาดเอว กดตัวผมนอนลง และจัดตัวเองในท่าคุกเข่า...ผมเตรียมตัวกับการเข้าออกอีกครั้ง...
แต่เค้ายังไม่เคลื่อนไหวท่อนแข็งนั้น แต่ดึงแขนผมไปโอบไหล่...ก่อนที่จะลุกขึ้นยืน
“เหวอ...” ผมร้องด้วยความตกใจ แต่สุดท้ายก็ถูกเค้าประกบปากและดันตัวผมไปชิดกับผนัง...
สองมือใหญ่จับตรงบั้นท้ายผมแน่นและแยกมันออก แผ่นหลังผมถูกล็อคติดกำแพง
เค้าสบตาผม เหมือนขออนุญาต ผมพยักหน้าเบาๆ
แล้วเค้าก็กระแทกมันเข้ามาในตัวผมอย่างแรง!!
----------------------------------------------------------------------------------------------
แสงแดดยามเช้ายื้อแย่งพื้นที่ในตาเธอ... หญิงสาวตื่นขึ้นมาด้วยความมึนงง
“ตื่นแล้วเหรอครับ” น้ำเสียงงัวเงียของชายที่นั่งจับมือเธออยู่ถามขึ้นมา
เธอรู้สึกมึน หนักหัวเหมือนใครเอาลูกตุ้มใส่ไว้ “ที่นี่ที่ไหน”
“โรงพยาบาลครับ เมื่อคืนคุณหมดสติไป” เธอพยายามนึกถึงเรื่องเมื่อคืน...
ว่างเปล่า...
“แล้วแม่ชั้นล่ะคะ”
“คุณแม่คุณออกไปทานข้าวครับ ผมเลยมานั่งเฝ้าแทน”เธอสำรวจห้องสี่เหลี่ยมผืนผ้า
เตียงนอนของเธอมีสายระโยงระยางอยู่กลางห้อง ผ้าม่านถูกรวบไว้ที่มุมหนึ่ง
เธอมองไปที่ประตูสีขาว ข้างๆเป็นห้องน้ำ มีโซฟาตั้งติดผนัง ฝั่งตรงกันข้ามคือโต๊ะวางของใช้ต่างๆรวมไปถึงตู้เย็นเล็กๆ
เธอมองออกไปทางหน้าต่างที่อยู่ใกล้ตัว ข้างนอกไม่มีวิวอะไรนอกจากท้องฟ้าสีขุ่น
เลยหันมาจับจ้องที่นาฬิกาติดผนังตรงปลายเตียง เจ็ดโมงเช้า...เธอกลั้นหาว ความปวดเบาบางลงไปบ้าง
“คุณโสภิดาหิวมั้ยครับ เมื่อกี้มีอาหารเช้ามา แต่ผมเห็นคุณยังหลับอยู่เลยยังไม่ปลุก”
น้ำเสียงนั้นดูหนักแน่น และห่วงใย
“น้ำ..” เธอบอก รู้สึกคอแห้งเป็นผง..เขายื่นน้ำให้เธอดูด
“คุณหมอคะ...อาการดิชั้นเป็นยังไงคะ..มันแย่ลงมากขนาดนั้นเลยเหรอ” เธอกังวล
เขาสบตาเธอนิ่ง ความลำบากใจฉายแววระยิบระยับ
“อาการคุณทรงที่ครับ ไม่น่าเป็นห่วงอะไร...”
“แล้วดิชั้นเป็นอะไรล่ะคะ ทำไมถึงต้องมานอนที่นี่ ถ้าดิชั้นอาการคงที่แล้วทำไม ทำไม...” เธอถามเสียงขื่น
“อาการโดยทั่วไปยังทรงตัว แต่ที่น่าเป็นห่วงคือ คุณอาจติดโรคแทรกซ้อนเพราะร่างกายไม่แข็งแรง
น่าจะเป็นผลพวงมาจากความเครียด และการพักผ่อนน้อย จนทำให้เลือดกำเดาคุณไหลไม่หยุดและหมดสติไป”
“...” เธอไม่ตอบ จับจ้องมือที่ถูกเขาเกาะกุมไว้ ก่อนที่เขาจะสะดุ้งและปล่อยมันออกไป
“ขอโทษครับ” เขาเอ่ยปาก เธอนิ่ง
“ระยะนี้คุณเครียดเกินไปหรือเปล่าครับ...” เขาถามเสียงเข้ม เหมือนครูจับผิดเด็กนักเรียน
“ก็มีบ้างค่ะ...” เธอสารภาพตามตรง
“ผมไม่รู้ว่าคุณเครียดเรื่องไหน...แต่ผมอยากย้ำว่า คุณต้องอย่าปล่อยให้มันเกิดขึ้นอีก
เพราะมันจะส่งผลกระทบโดยตรงกับคุณนะครับ” น้ำเสียงนั้นหนักแน่น ทรงพลัง
“ดิชั้นจะพยายามค่ะ” เธอรับคำ แต่ไม่มั่นใจว่าจะทำได้แค่ไหน...
“ทานข้าวดีกว่าครับ เดี๋ยวคุณต้องทานยาอีก” เขารีบเปลี่ยนเรื่อง คงเพราะไม่อยากให้เธอรู้สึกตึงเครียดไปกว่านี้
เธอพยักหน้า “ขอบคุณมากนะคะคุณหมอ”
เขายิ้มตาหยี.. “ไม่ต้องขอบคุณผมหรอกครับ ผมเป็นหมอ มันคือหน้าที่”
มันคือหน้าที่... เธอพยักหน้าให้กับคำพูดนี้ของเขา
“ไม่ว่ายังไง ดิชั้นก็ต้องขอบคุณคุณหมออยู่ดี..โอ้ย..” เธอร้องเสียงหลงเมื่อมือข้างถนัดที่ถูกเจาะสายน้ำเกลือยกช้อน
มือซ้ายของเธอก็ติดกับปุ่มอะไรไม่รู้...
“ระวังครับ” หมอหนุ่ม รีบปรับสายน้ำเกลือ ไม่ให้เลือดของเธอไหลย้อนเข้าไปมากกว่านี้
“ผมว่า ให้ผมช่วยดีกว่านะครับ” แล้วเขาก็หยิบช้อน และค่อยๆป้อนข้าวให้เธอ
ผู้เป็นแม่ยืนมองหน้าประตูเห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ลูกสาวจับช้อนไม่ได้ แล้วหมอหนุ่มรับอาสาป้อนให้...
ภาพตรงหน้ายิ่งทำให้เธอสะท้อนใจ... ยิ่งเห็นบุตรสาวล้มป่วยแบบนี้ เธอยิ่งรู้สึกกลัว
แต่มนุษย์ทุกคนต้องเผชิญหน้ากับความจริง เธอเดินเข้าไป แล้วส่งเสียงร่าเริง
“ตื่นแล้วเหรอลูก”....
ขอบคุณนะครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ นู๋ไบร์ทเบาๆกับพี่คิงเค้าหน่อยนะ {:5_137:} สนุกๆ
หน้า:
[1]