หลานชายนายต้น 1 cp
อันว่าธรรมชาติของคนเรานั้น มักไม่ค่อยจะคุ้นชินกับความเปลี่ยนแปลงกันซักเท่าไหร่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งความเปลี่ยนแปลงในระดับที่เกี่ยวพันไปถึงการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนที่ทำงานใหม่ การเริ่มต้นคบหาคู่ครองใหม่ หรือแม้แต่การโยกย้ายถิ่นที่พักอาศัยไปยังสถานที่ใหม่ เพราะนั่นหมายความว่าเราจะต้องมาเริ่มต้นปรับตัวและทำความคุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ รอบข้างกันใหม่อีกครั้งนั่นเอง.... และนั่นก็คือความอึดอัดคับข้องใจที่ตัวเอกของเรื่องอย่างต้นกำลังเผชิญอยู่ในขณะนี้'ต้น' คือชื่อของหนุ่มตี๋หน้าใสร่างโย่งวัย 26 ที่พึ่งจะย้ายกลับมาใช้ชีวิตอยู่ในตัวเมืองภูเก็ต ซึ่งเป็นบ้านเกิดเมืองนอนได้ไม่ทันจะถึง 3 เดือนดี ภายหลังจากที่ไปปักหลักใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพมายาวนานร่วมๆ 10 ปี และถ้าไม่ติดว่าไอ้เจ้ามะเร็งปอดที่กำลังกัดกินเนื้อเยื่อภายในปอดของเตี่ยนั้น มันเริ่มที่จะลุกลามใหญ่โตขึ้นมาจนน่ากังวลขนาดนี้ล่ะก็ ระยะเวลาเกือบ 10 ปีที่ว่า ก็คงจะยังยืดยาวต่อไปอย่างไม่มีกำหนดแน่นอน...
ด้วยความที่ต้นนั้นแสนจะเบื่อหน่ายกับสภาพความเป็นครอบครัวใหญ่ชาวจีน ที่ทั้งเอะอะ ทั้งวุ่นวาย และแสนจะเจ้ากี้เจ้าการ ซึ่งพอหลังจากที่แม่เสียไปเมื่อตอนอายุ 17 ต้นจึงตัดสินใจคุยเปิดอกกับเตี่ย เพื่อขอย้ายไปเรียนต่อมหาฯลัยที่กรุงเทพฯตามพี่ชายทันที และหลังจากที่ทั้งตื้อทั้งอ้อนอยู่นานสองนาน ในที่สุดเตี่ยก็ใจอ่อน และยอมให้ต้นได้มาใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองหลวงอันแสนจะโก้หรูสมใจเสียที
ซึ่งแน่นอนว่าพอมีโอกาสได้มาอยู่ที่นี่แล้ว มีหรือที่นายต้นของเราจะยอมกลับไปอยู่ภูเก็ตง่ายๆ ในขณะที่เฮียต๋องพี่ชายคนโต เมื่อเรียนจบสายบริหารธุรกิจปุ๊บ ก็รีบย้ายกลับไปอยู่ช่วยงานกิจการเกสท์เฮาส์ของที่บ้านทันที ในขณะที่นายต้นของเราพอเรียนจบปั๊บ ก็รีบแจ้นไปสมัครเข้าทำงานสายกราฟฟิกดีไซน์เนอร์ให้กับบริษัทที่เคยฝึกงานทันที โดยที่นานๆ ทีถึงจะยอมบินกลับลงไปภูเก็ต ก็เฉพาะแค่ตอนที่มีงานรวมญาติหรืองานศพของคนในครอบครัวเท่านั้น และยิ่งช่วงหลังๆ ที่ต้นเกิดไปติดพันชอบพออยู่กับสาวรุ่นพี่ที่ทำงานด้วยแล้ว ก็เลยยิ่งบ่ายเบี่ยงไม่ยอมกลับไปเยี่ยมเยียนคนที่บ้านง่ายๆ
และกว่าที่จะรู้ตัวอีกที... ต้นก็แทบจะลืมเลือนบรรยากาศของการใช้ชีวิตที่ภูเก็ตไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จนกระทั่งพอได้ยินข้อความปลายสายจากเฮียต๋อง ที่โทรมาแจ้งข่าวเรื่องอาการป่วยของเตี่ยนั่นแหละ จุดเปลี่ยนในชีวิตของต้นจึงเดินทางมาถึงอีกครั้งอย่างไม่ทันตั้งตัว...
คำขอของพ่อที่อยากจะอยู่ใกล้ชิดกับลูกๆ อีกครั้ง บีบบังคับให้หนุ่มต้นที่กำลังอยู่ในช่วงอินเลิฟ ต้องยอมตัดใจเลือกทางใดทางหนึ่ง ระหว่างคำว่ากตัญญู กับคำว่าความรัก... ซึ่งแน่นอนว่าด้วยสายเลือดของความเป็นคนจีนที่ไหลเวียนอยู่ในตัว ซึ่งพร่ำปลูกฝังความเชื่อในเรื่องของการกตัญญูรู้คุณกันมาจากรุ่นสู่รุ่น จึงทำให้ต้นไม่อาจหลีกหนีจากภาระและความรับผิดชอบที่พึงมีต่อบุปผการีผู้ให้กำเนิดไปได้ง่ายๆ สุดท้ายแล้วจึงต้องยอมกลับมาใช้ชีวิตอยู่ที่ภูเก็ตเพื่อคอยดูแลอาการป่วยของเตี่ย โดยยอมทิ้งเรื่องของหัวใจเอาไว้เบื้องหลัง
สิ่งแรกที่เขาสัมผัสได้เมื่อก้าวเท้ากลับเข้ามาเหยียบบ้านอีกครั้งก็คือ... จากครอบครัวใหญ่กว่า 30-40 ชีวิตที่เคยนึกรำคาญตั้งแต่เมื่อครั้งยังเด็ก มาถึงตอนนี้กลับมีหลงเหลือกันอยู่ที่นี่เพียงแค่ไม่กี่บ้านเท่านั้น เนื่องจากญาติๆ รุ่นหลังๆทั้งพวกลูกพี่ลูกน้องหรือแม้แต่อาแปะและอาโกวบางคน ก็ล้วนแล้วแต่ย้ายไปใช้ชีวิตอยู่ที่กรุงเทพฯกันหมดทั้งสิ้น พวกลูกๆ หลานๆ พอแต่งงานมีลูกแล้วก็มักจะดึงเอาพ่อแม่ตัวเองให้ไปช่วยเลี้ยงหลานกันถ้วนหน้า จะมีก็เพียงพวกรุ่นใหญ่ๆ อย่างตั่วแปะ, หยี่แปะ, ตั่วโกว แล้วก็ซาแปะของบ้านอย่างอาเตี่ยของต้น ที่ยังคงตั้งมั่นปักหลัก และคงจะเลือกใช้ชีวิตอยู่ที่ภูเก็ตกันจวบจนลมหายใจสุดท้ายนั่นแหละ
บ้านของต้นที่ภูเก็ตนั้นมีลักษณะเป็นบ้านทาวเฮ้าส์สองหลังติดกัน โดยบ้านหลังที่สองนั้นก็พึ่งจะซื้อต่อมาจากเพื่อนบ้านที่ย้ายออกไปเมื่อไม่กี่ปีที่แล้วนี้เอง เอาไว้สำหรับเป็นเรือนหอให้เฮียต๋องกับซ้อหยกใช้สร้างครอบครัวที่นี่ ส่วนต้นกับเตี่ยก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังเดิมของอากงร่วมกับตั่วโกวอีกคน โดยบ้านทั้งสองหลัง ถูกดัดแปลงต่อเติมให้สามารถเปิดทะลุถึงกันได้ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง เพื่อให้เฮียต๋องสามารถดูแลอาการป่วยของเตี่ยได้อย่างสะดวก
“อ้าว ต้น มานั่งทำอะไรคนเดียวมืดๆ ในครัว?” เสียงหวานๆ คุ้นหูของหญิงสาวร้องทักขึ้นมาจากทางด้านหลัง จนต้นต้องหันกลับไปมองยังที่มา“หาชามกระเบื้องอ่ะพี่หยก ไม่รู้เตี่ยแกเอาไปเก็บไว้ไหน” ชายหนุ่มตอบกลับไปพลางชี้ไม้ชี้มือประกอบ เขาเลือกที่จะเรียกชื่อพี่สะใภ้ด้วยคำว่าพี่ตรงๆ แทนที่จะใช้คำว่าซ้อ เนื่องจากรู้สึกไม่ถนัดปากกับการนับญาติแบบจีนซักเท่าไหร่รวมถึงยังคุ้นเคยกับการเรียกเธอแบบนี้มาตั้งแต่สมัยอยู่กรุงเทพฯแล้ว ซึ่งจะว่าไปคนในบ้านนี้ก็ไม่ได้เคร่งครัดอะไรกับเรื่องของชื่อแทนตัวกันซักเท่าไหร่ จะเฮีย จะพี่ หรือจะซ้อ เวลาคุยๆ กัน บางครั้งบางทียังแอบเผลอเรียกสลับกันไปมาโดยไม่รู้ตัว“อ้าว แล้วไม่ใช้ชามพลาสติกตรงนั้นแทนล่ะ?” พี่หยก... หรือซ้อหยกเอ่ยถามขึ้นมาด้วยความสงสัย“อ๋อ ผมจะเอาก๋วยเตี๋ยวมาเวฟน่ะพี่” ต้นอธิบายเหตุผลจนเธอเข้าใจในที่สุด
“มานี่มา เดี๋ยวพี่เอาไปอุ่นในหม้อให้ดีกว่า แบบนี้อร่อยกว่า” หยกออกปากเสนอตัว“เฮ้ย ไม่เป็นไรพี่ ลำบากเปล่าๆ” ต้นพยายามบอกปัดตามมารยาท แต่สะใภ้สาวกลับเอื้อมมือหยิบถุงก๋วยเตี๋ยวบนโต๊ะไปจัดแจงเทใส่หม้อแล้วเปิดแก๊สด้วยตัวเองจนเสร็จสรรพ“ไม่เป็นไร แป๊บเดียว กินของเวฟมากๆ เค้าว่าไม่ดีหรอก พี่เคยอ่านมา” หยกส่งยิ้มให้ต้นอย่างอารมณ์ดี แล้วหันกลับไปต้มก๋วยเตี๋ยวในหม้ออย่างขะมักเขม้น พอเห็นแบบนี้แล้วต้นจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากเดินไปนั่งรอเธออยู่ที่โต๊ะกินข้าว สายตาก็จับจ้องไปที่แผ่นหลังของซ้อหยกพร้อมกับคิดอะไรพลางๆ ไปด้วย
'หยก' หญิงสาวร่างบางวัย 29 ปี คือภรรยาสาวที่คบหาดูใจกับเฮียต๋องมาตั้งแต่สมัยเรียนมหาฯลัย พอทั้งคู่แต่งงานกัน หยกจึงย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ร่วมกับสามีของตัวเอง เธอเป็นผู้หญิงหน้าตาน่ารักหมวยๆ ตามแบบฉบับลูกคนจีนใบหน้าเรียวเล็กคล้ายกระรอก คือไม่ถึงกับสวยเด่นจนต้องถึงขั้นชะเง้อมองตามเวลาเดินผ่านอย่างนางสาวไทย แต่ก็ดูน่ารักสดใสสมวัยดีเมื่อเอาไปเทียบกับบรรดาแฟนๆ ของญาติๆ คนอื่นๆ ซึ่งถ้าเผลอไปจ้องหน้าเธอนานๆ ก็อาจมีหลุดยิ้มออกมาได้โดยไม่รู้ตัวเหมือนกัน ยิ่งด้วยใบหน้าที่ดูอ่อนเยาว์กว่าวัย บวกกับรูปร่างผอมบางและความสูงแค่ 165 ทำให้เวลามายืนข้างๆ น้องชายสามีอย่างต้นที่สูงโย่งเกือบๆ 185 ก็เลยทำให้มีคนเข้าใจผิดและเผลอคิดว่าเป็นพี่ชายกับน้องสาวกันอยู่บ่อยๆ
หยกวันนี้สวมเสื้อยืดตัวโคร่งสีเหลืองสดดูใหญ่เกินตัว ซึ่งต้นรู้ทันทีว่าคงจะเป็นเสื้อยืดของพี่ชายตัวเองแน่ๆ ส่วนด้านล่างเป็นกางเกงผ้ายืดขาสั้นเหนือเข่าสีดำสนิทที่แอบรัดรูปนิดๆ แต่ก็ยังไม่ถึงกับแนบเนื้อโหนกนูนจนดูน่าเกลียดเกินไป ปลีน่องขาวๆ ของเธอสะท้อนตัดกับสีของกางเกงผ้ายืด ดูนวลเนียนจนต้นเผลอจ้องเอาจ้องเอาอย่างละสายตาไม่ได้หยกยังคงฮัมเพลงต้มก๋วยเตี๋ยวอยู่หน้าเตาอย่างอารมณ์ดี โดยไม่ทันรู้ตัวเลยว่าชายหนุ่ม กำลังแอบลอบสังเกตเรือนร่างของเธออย่างกล้าๆ กลัวๆ อยู่ในขณะนี้
ผิวขาวๆ ของหยก กลายเป็นเครื่องกระตุ้นเตือนความทรงจำของต้น ให้นึกย้อนไปถึงหญิงสาวอีกคนที่อยู่ในสถานที่ห่างออกไปไกลแสนไกล... นี่ก็ผ่านไปเกือบ 3 เดือนแล้ว ตั้งแต่ที่ต้นยอมตัดใจจากความรักที่กรุงเทพฯ มาใช้ชีวิตจืดชืดอยู่ที่ตัวเมืองภูเก็ตแห่งนี้ ทั้งความเบื่อหน่าย ความอุดอู้ บวกกับความอ้างว้าง ทำให้ต้นอดคิดถึงรสสัมผัสจากเรือนร่างของสาวรุ่นพี่ที่เคยมีโอกาสได้สัมผัส ในช่วงท้ายๆ ก่อนที่จะตัดสินใจยุติความสัมพันธ์กับเธอไม่ได้ ผิวกายนุ่มๆ เนียนเรียบที่เคยลูบสัมผัส ริมฝีปากหวานๆ ที่เคยประคองจูบอย่างดูดดื่ม เต้านมอวบหยุ่นนุ่มสู้มือ ตลอดจนถึงกลีบรักที่แนบสนิทตรงกลางตัวของเธอ แม้ว่าต้นจะยังไม่มีโอกาสได้ร่วมรักกับเธอแบบจริงๆ จังๆ ถึงขั้นสอดใส่ แต่แค่การนึกย้อนไปถึงตอนที่เธอใช้ปากโม้กให้เค้าจนน้ำแตกคารถ ก็ทำให้ต้นอดที่จะควยแข็งปึ๋งปั๋งขึ้นมาไม่ได้ นานแค่ไหนแล้วนะ ที่เค้าไม่ได้สัมผัสกับไออุ่นจากเรือนร่างของสาวๆ ขาวๆ แบบนี้....
“เสร็จแล้วจ้ะ” เสียงของหยกที่เอ่ยขึ้น ทำให้ต้นหลุดจากภวังค์รักอย่างกะทันหัน เขารีบหุบขาหลบไปอยู่ใต้โต๊ะทันทีด้วยกลัวว่าสะใภ้สาวรุ่นพี่จะเกิดสังเกตเห็นอาการบางอย่างที่คับแน่นอยู่ภายใต้เป้ากางเกงบอลของตัวเอง“ขอบคุณครับพี่” ชายหนุ่มเงยหน้าเอ่ยขอบคุณด้วยรอยยิ้มเขินๆ“จ้ะ กินให้อร่อยนะ พี่ปรุงให้สุดฝีมือเลย” หญิงสาวตอบกลับมาอย่างร่าเริง“เอ่อ ผมเห็นพี่แค่ต้มเฉยๆ ไม่ใช่เหรอครับ”“ก็นั่นแหละ แค่พี่ต้มให้ก็อร่อยแล้วน่า ไม่เชื่อชิมดูสิ” สาวหยกเอ่ยปากคะยั้นคะยอแล้วยืนจ้องตาแป๋วอยู่แบบนั้น จนต้นอดขัดเขินไม่ได้ ต้องรีบตักน้ำซุปขึ้นมาชิมรสชาติไวๆ เพื่อให้เธอสบายใจ
“อร่อยมั้ยเอ่ย?” หยกถามเสียงใส ชะโงกหน้ามาจนเกือบจะชิดเส้นผมของต้นอยู่แล้ว“อร่อยครับ... ก๋วยเตี๋ยวร้านเฮียตี๋ กินยังไงก็อร่อยเหมือนเดิมเลย” ต้นแกล้งพูดแซวกลับไปขำๆ“โธ่! ต้นอ่ะ... จำไว้เลยนะ วันหลังไม่ต้มให้แล่ว!” สาวหยกออกอาการงอนๆ ทำหน้างอๆ แก้มป่อง“ล้อเล่นครับ อร่อยดี... แล้วนี่ที่เกสท์ฯช่วงนี้ยุ่งๆ กันเหรอครับ เห็นเฮียแกดูหน้าเครียดบ่อยๆ” ต้นกล่าวปลอบใจเธอพร้อมกับชวนเปลี่ยนเรื่องคุย หยกฟังแล้วทำท่าคิดนิดนึงก่อนจะตอบออกมา“อืมม... ก็ไม่ค่อยเท่าไหร่ ก็ยังเรื่อยๆ ยิ่งมีต้นมาช่วยดูเรื่องสื่อเรื่องอะไรให้ พี่ว่าเฮียเค้าก็น่าจะสบายขึ้นมากกว่า”“อ๋อครับ สงสัยผมคงคิดมากไปเองมั้ง” ต้นว่าพลางตักเส้นก๋วยเตี๋ยวเข้าปาก“จ้า งั้นพี่ไปดูเตี่ยก่อนนะ” สาวรุ่นพี่ยิ้มรับคำพร้อมกับเดินออกจากครัวไป ปล่อยให้ต้นต้องนั่งกุมเป้าซดก๋วยเตี๋ยวอยู่ที่โต๊ะคนเดียวเงียบๆ เพื่อระงับอารมณ์
=======================================
“เฮ้ยต้น! ว่างเปล่าวะ? เฮียขอคุยด้วยแป๊บนึงดิ” เสียงเฮียต๋องลอยหวือทักมาจากโซฟาห้องรับแขก ขณะที่ต้นกำลังเดินออกมาจากห้องน้ำ“ว่าไงเฮีย?” ต้นเดินมานั่งลงบนโซฟาข้างๆ พี่ชายตัวเองอย่างว่าง่าย ยื่นมือไปหยิบเอามะม่วงหิมพานต์ที่วางอยู่ในจานบนโต๊ะรับแขกขึ้นมาทานเล่น 2-3 ชิ้น ต๋องหันซ้ายหันขวาเหมือนจะมองหาใครอยู่ครู่นึง ก่อนจะกระซิบกระซาบเบาๆ“คุยกันตรงนี้ไม่เหมาะ ไปคุยกันในห้องดีกว่า” ต๋องว่าพลางพยักพเยิดให้ต้นเดินตามขึ้นไปบนห้อง“มีไรวะเฮีย ต้องมาคุยกันถึงนี่” ต้นทำหน้างงๆ ในใจเริ่มนึกรำคาญกับความลับๆ ล่อๆ ของพี่ชายขึ้นมา
“คือ... เฮียพึ่งไปถ่ายรูปชุดอาหารเช้าที่เปลี่ยนใหม่มาเมื่อวาน จะฝากให้ต้นอัพภาพลงเพจเราให้หน่อย” ต๋องว่าพลางใช้มือดันประตูปิดเบาๆ พร้อมกับยื่นการ์ดรีดเดอร์ในมือส่งให้กับต้น“โธ่เฮีย... เรื่องแค่นี้คุยกันข้างล่างก็ได้ ไม่เห็นต้องเสียเวลาขึ้นมาเลย” ผู้เป็นน้องชายยื่นมือไปรับมาอย่างเซ็งๆ“เออ เอ็งฟังเฮียให้จบก่อนดิวะ เฮียยังมีเรื่องอื่นที่อยากจะปรึกษากับเอ็งด้วย” ต๋องทำสีหน้าจริงจังขึ้นมา“เออๆ เฮียมีไรก็ว่ามาเลยดิ” ต้นขยับเอนหลังพิงกำแพงพลางเอามือกอดอก
“ต้นรู้ใช่ป่ะ ว่าอาการของเตี่ยเริ่มจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว” คำพูดของต๋องเปลี่ยนบรรยากาศเรื่อยๆ เฉื่อยๆ รอบๆ ให้กลายเป็นความอึดอัดจริงจังขึ้นมาทันที“ก็รู้....” ต้นยักไหล่เบาๆ เป็นการตอบรับ“เออนั่นแหละ... แล้วทีนี้เตี่ยแกก็คงรู้ตัวแหละ ว่าแกเริ่มจะเหลือเวลาอยู่อีกไม่กี่ปีแล้ว หมอบอกเต็มที่ก็น่าจะไม่เกิน 2-3 ปีนี้แหละ ก่อนที่อาการมันจะทรุดลงไปอีกตามระยะของมัน ช่วงนี้แกก็เลยค่อนข้าง... มีเรื่องเรียกร้องจากคนในบ้านอยู่เยอะหน่อย อย่างเรื่องที่เห็นๆ กันเลยก็คือเรื่องที่เตี่ยแกขอให้เอ็งย้ายกลับมาอยู่บ้านนี่ไง” ต้นฟังแล้วก็นึกย้อนไปถึงสาเหตุที่ทำให้เค้าต้องจำใจย้ายกลับมาอยู่ที่ภูเก็ตอีกครั้ง ชายหนุ่มยักไหล่เบาๆ อีกครั้ง
“เตี่ยเค้าก็พูดเกริ่นๆ ขอเฮียไว้เหมือนกัน ว่าเค้าอยากอุ้มหลานชายก่อนที่เค้าจะเสีย” ต๋องพูดเกริ่นๆ ขึ้นมาอีก“เออ ก็แล้วเฮียไม่รีบๆ มีให้เค้าซักทีล่ะวะ มัวแต่ทำงานงกๆ อยู่ได้ แต่งกันมาก็ตั้งเป็นปีๆ แล้ว เดี๋ยวพอขึ้นหลัก 30 กว่าก็ได้เสี่ยงมีลูกยากหรอก” ต้นเปิดปากถึงสิ่งที่แอบค้างคาใจมาพักใหญ่ๆ เพราะนี่ก็นานเกือบ 4 ปีแล้ว ที่เฮียต๋องกับซ้อหยกแต่งงานกันมา แต่ก็ยังไม่เห็นมีหลานให้เตี่ยอุ้มซักที จนเค้าเองก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าพี่ๆ ทั้งสองคนยังมัวรออะไรอยู่อีก“ไม่ใช่ว่าเฮียไม่อยากมี แต่มันมีไม่ได้เว่ย....” ต๋องตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดันนิดๆ“มีไม่ได้ หมายความว่าไง?”“คือเฮียเป็นหมัน...” คำตอบของเฮียเล่นเอาต้นถึงกับเผลออ้าปากหวอด้วยความตกใจ“เป็นไปได้ไงเฮีย? อายุเท่านี้อ่ะนะ?”
“เอ็งจำได้ใช่มั้ยว่าตอนเด็กๆ เฮียเคยเป็นคางทูม ที่มันลามลงไปข้างล่างจนเอ็งล้อว่าไข่เฮียพองอย่างกับลูกมังคุดน่ะ” พอต๋องเอ่ยขึ้นมาแบบนี้ ต้นก็เลยเริ่มที่จะคลับคล้ายคลับคลาขึ้นมาว่าตอนเด็กๆ พี่ชายของตัวเองนั้นค่อนข้างจะขี้โรคอยู่เหมือนกัน แทบจะเข้าออกนอนโรงพยาบาลเป็นว่าเล่น ก็เลยได้แต่พยักหน้าเบาๆ เป็นเชิงตอบรับ“ก็นั่นแหละ หมอเค้าบอกว่ามันน่าจะมีภาวะติดเชื้อแทรกซ้อนมาตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว จนทำให้ร่างกายมันผลิตเชื้ออสุจิออกมาไม่ได้ ที่ผ่านมา... เฮียกับหยกก็พยายามช่วยกันมาตลอดนะ ทั้งกินยาที่หมอให้มา ทั้งสมุนไพรบำรุง จนถึงขั้นไปพึ่งหมอดูให้ช่วยทำเรื่องแก้เคราะห์ดวงแก้อะไรให้ แต่ทำยังไงมันก็ไม่สำเร็จซักที นี่ก็ปาเข้าไปเกือบ 3 ปีแล้วตั้งแต่ตอนนั้น ก็ยังไม่เห็นทางซักที” เฮียต๋องร่ายยาวถึงความอัดอั้นตันใจที่มี จนต้นเองก็ตอบอะไรกลับไปไม่ถูกเหมือนกัน
“แล้วนี่... มันไม่มีทางรักษาเลยเหรอ หรือไปให้หมอเค้าใช้วิธีอื่นช่วยได้มั้ยล่ะ?” ต้นเอ่ยถามถึงทางเลือกอื่นๆ“คือถ้ามันยังพอมีเชื้ออ่อนๆ บ้างก็ยังโอเคไง แต่เคสเฮียคือแม่งไม่มีเลยเว่ย เอ็งเข้าใจใช่ป่ะ... เค้าบอกว่าถ้าจะให้ได้ผลที่สุดก็ต้องใช้วิธีผสมเทียม โดยเอาเชื้อคนอื่นไปทำเด็กหลอดแก้ว” ต๋องอธิบายด้วยน้ำเสียงเคร่งเครียดนิดๆ“โห... แล้วแบบนี้เฮียทำใจได้เหรอ? ลูกตัวเองแต่เกิดจากเชื้อใครก็ไม่รู้”“ก็ไม่ได้น่ะสิวะ ถึงอยากมาขอความช่วยเหลือจากเอ็งนี่ไง” คำตอบของเฮียต๋องสร้างความประหลาดใจให้กับต้น จนต้องยืนจ้องหน้าพี่ชายตัวเองอยู่อย่างนั้น“หมายความว่าไง? อย่าบอกนะ.. ว่าเฮียจะมาขอน้ำเชื้อจากต้น” พอต้นพูดจบ ผู้เป็นพี่ก็รีบพยักหน้ายิ้มๆ แทนคำตอบ
“เฮ้ย! ไม่เอาหรอก จะบ้าเหรอ!? พูดเป็นเล่น” ต้นหลุดปากออกไปด้วยความตกใจ จนต๋องต้องรีบขยับตัวพร้อมใช้มือซ้ายอุดปากน้องชายเอาไว้“เอ็งจะเสียงดังทำไมวะ? เดี๋ยวบ้านอื่นเค้าก็ได้ยินกันหมด” ต๋องบ่นพลางทำท่าจุ๊ปาก“เฮียรู้ว่ามันฟังดูแปลกๆ แต่อยากให้เอ็งลองฟังให้จบก่อน อย่าพึ่งรีบโวยวายจนกลายเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่อง” พอเห็นว่าต้นดูจะมีท่าทีสงบลงบ้างแล้ว ต๋องจึงค่อยๆ เริ่มต้นเปิดปากพูดต่อ“ที่เฮียตัดสินใจเลือกต้น ก็เพราะเฮียมองว่ายังไงๆ ซะ เราสองคนก็เป็นพี่น้องแท้ๆ ที่คลานตามกันมา ยังไงสายเลือดเดียวกันมันก็ย่อมดีกว่าที่จะไปเอาเชื้อของคนนอกมาอยู่แล้ว จริงไหม?”
“เออ มันก็จริง... แต่ต้นฟังแล้วแม่งเขินๆ ยังไงไม่รู้ว่ะเฮีย ไหนจะทั้งหมอ ทั้งพยาบาล แถมยังตัวพี่หยกอีก แถมถ้าเพื่อนบ้านเค้ารู้กันคงได้โดนนินทาแปลกๆ แน่ๆ” หนุ่มต้นเผยถึงความกังวลที่แล่นเข้ามาในหัว“อืม... ต้นยังไม่ต้องคิดมากไปถึงขั้นนั้นหรอก คือจริงๆ แล้วที่เฮียบอกให้ต้นมาช่วยเนี่ย เฮียไม่ได้หมายความว่าจะต้องให้เอ็งไปรีดน้ำเชื้อใส่หลอด แล้วให้หมอเอาไปผสมเทียมแบบนั้นให้มันยุ่งยาก เสียเงินเสียทองหรอก เพียงแต่...” ต๋องเอ่ยมาถึงตรงนี้แล้วก็หยุดเว้นวรรคเหมือนพูดไม่ออก“แต่อะไรวะเฮีย?” ต้นรับลูกเพื่อให้พี่ชายพูดต่อให้จบ
“แต่เฮียอยากขอให้ต้น... เอ่อ... ช่วยกันกับหยก... ทำลูกกันให้เฮียได้มั้ย?”พอสิ้นคำปุ๊บ ต้นก็ร้องอุทานออกมาทันที“เฮ้ย! จะบ้าไปกันใหญ่แล้ว! ประสาทเหรอเฮีย? จะให้ต้นไปนอนกับพี่หยกเนี่ยนะ?”“เอ๊ะ! เอ็งนี่จะโวยวายทำไม ก็บอกว่าอย่าพึ่งเสียงดังไงวะ” ต๋องรีบเอามืออุดปากน้องชายไว้อีกรอบ“จะไม่ให้โวยได้ไง ก็เฮียเล่นพูดอะไรมั่วซั่วออกมา โหย... ไม่เอาด้วยหรอก ใครจะไปทำเรื่องบ้าๆ แบบนี้” เสียงต้นครวญครางลอดผ่านฝ่ามือออกมาแบบเซ็งๆ
“แม้ว่าเรื่องบ้าๆ นี้จะเป็นคำขอสุดท้ายของเตี่ยเหรอวะ?” ต๋องเอ่ยด้วยน้ำเสียงเรียบๆ แต่กลับทำให้ต้นสะดุดกึ้ก เถียงอะไรกลับไปไม่ถูก เพราะที่ผ่านมา ตัวของต้นเองนั้นก็มักจะเอาแต่พยายามบ่ายเบี่ยงหลีกเลี่ยง ไม่ยอมกลับมาดูแลและใช้เวลาอยู่ร่วมกับผู้เป็นพ่อของตัวเองมาโดยตลอด และกว่าที่จะรู้ตัว ก็ต้องรอให้อาการของเตี่ยกำเริบหนักจนแทบจะสายเกินไปอยู่แล้ว.... จนกลายเป็นความรู้สึกผิดลึกๆ ที่ฝังลึกลงไปในหัวของต้นมาตั้งแต่ตอนนั้น“คิดซะว่ายอมทำเพื่อเตี่ยก็ได้น่า แค่ทำหน้าที่แทนเฮียไปเงียบๆ รับรองว่าไม่มีใครรับรู้เรื่องนี้หรอกน่า” ต๋องยังพยายามตะล่อมหว่านล้อม แต่ถึงกระนั้น คำขอร้องของพี่ชายก็ดูจะเกินเลยมากกว่าที่ชายหนุ่มจะยอมรับได้อยู่ดี“ไม่เอาอ่ะเฮีย ต้นทำไม่ลงว่ะ” ต้นตัดบทแล้วเดินหนีออกมาจากห้องโดยไม่รอฟังเสียงเฮียต๋องที่ร้องเรียกตามหลัง
=======================================
แม้จะผ่านมาเนิ่นนานหลายวันแล้ว แต่คำขอของเฮียต๋อง กลับยังคงเฝ้าหลอกหลอนอยู่ภายในหัวของต้นโดยที่ไม่ยอมจางหายไปไหน และเมื่อต้องทนฝืนกับความรู้สึกอึดอัดเวลาที่ต้องเข้าหน้ากับพวกพี่ๆ ทั้งสองคนอีกไม่ไหว ต้นจึงตัดสินใจที่จะขอขึ้นไปเคลียร์ปัญหาคาใจนี้กับพี่ชายของตัวเองให้รู้เรื่องไปเลย พอถึงหน้าประตูห้องนอนปุ๊บก็รีบบิดประตูดึงเปิดออกพร้อมกับอ้าปากเรียกหาเฮียทันที
“เฮีย ต้นมีอะไรจะคุยด้ว.... เฮ้ย!!” เสียงต้นร้องเหวอออกมาเสียงดังลั่น อนิจจา จากที่เคยตั้งใจว่าจะมาขอคุยเปิดอกกับพี่ชาย แต่สุดท้ายกลับกลายเป็นได้มาเปิดอกดูนมของพี่สะใภ้คนสวยไปแทนเสียนี่
สายตาของต้นถูกสะกดให้จับจ้องหยุดนิ่งอยู่ที่เรือนร่างขาวบางของซ้อหยก ที่กำลังล่อนจ้อนเปลือยเปล่า มีเพียงกางเกงในผ้าฝ้ายตัวจิ๋วสีขาวที่กำลังถูกรูดสวมขึ้นมาคาอยู่ที่หน้าขาเท่านั้น ที่เป็นอาภรณ์ติดตัวเธออยู่เพียงแค่ชิ้นเดียว เต้านมคัพบีขนาดพอดีมือ ก้มย้อยหกลงมาตามท่วงท่าของหญิงสาวที่กำลังโก่งโค้งดึงสวมกางเกงในของตัวเองอยู่ หัวนมสีน้ำตาลอ่อนๆ รูปร่างเรียวแหลมดูคล้ายกับปลายร่มก็ไม่ปาน ขณะที่ด้านล่างนั้นเล่า เอวเว้าคอดกิ่งทอดสายตาไล่ลงมาเห็นถึงพงหมอยดกดำ ที่คอยปกคลุมเนินเนื้อตรงบริเวณปากทางเข้าซึ่งแนบประกบติดกันเหมือนกับฝาหอย ร่องหลืบกลางตัวเธอกำลังอ้าเผยอออกนิดๆ ตามจังหวะการยกขา สภาพทางเข้ายังดูสมบูรณ์ไม่แพ้สาวรุ่นๆ ที่ต้นเคยผ่านมาบ้างประปรายเมื่อตอนสมัยเรียน
คำบรรยายทั้งหมดที่ว่ามานี้ กินระยะเวลาแค่ราวๆ 2-3 วินาทีเท่านั้นเอง ก่อนที่เจ้าของเรือนร่างจะทันรู้สึกตัว และเริ่มแหกปากร้องโวยวายขึ้นมา
“ว๊ายยยยยยยยยยยยยยยยย!” สาวหยกร้องกรี๊ดๆๆ ออกมาเสียงดังด้วยอารามตกใจ พร้อมกับรีบขยับตัวปกปิดของสงวนของตัวเองเอาไว้ทั้งด้านบนและด้านล่าง เสียงกรีดร้องทำหน้าที่คล้ายกับสัญญาณที่ดึงเรียกสติของต้นให้กลับคืนมา เขารีบก้าวหลบออกมาหน้าห้องพร้อมกับปิดประตูดังปั้ง ปากก็พร่ำเอ่ยขอโทษพี่สะใภ้ถึงความผิดที่ก่อขึ้น“พี่หยก ผมขอโทษ! ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ นะครับ!” หนุ่มต้นเอ่ยปากขอโทษเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอยู่หน้าห้องแบบนี้อยู่พักหนึ่ง ก่อนที่หยกจะยอมเปิดประตูเดินออกมาหน้าห้องด้วยใบหน้าแดงก่ำเพราะความเขินอาย เนื้อตัวของเธอตอนนี้สวมเสื้อยืดกางเกงขาสั้นมิดชิดเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองคนยืนก้มหน้าไม่กล้าสบตากันครู่ใหญ่ๆ“ไม่เป็นไรต้น พี่รู้ว่าต้นไม่ได้ตั้งใจ... เฮียออกไปซื้อหนังสือน่ะ เดี๋ยวก็คงกลับ” หญิงสาวพูดด้วยเสียงเร็วระรัว“ครับๆๆ งั้นเดี๋ยวผมขอตัวก่อนนะครับพี่” ชายหนุ่มเองก็ลนลานไม่แพ้กัน พอพูดจบแล้วเขาจึงรีบโกยอ้าวเผ่นกลับไปหลบอยู่ในห้องนอนของตัวเองทันที
ภาพเรือนร่างอันเปลือยเปล่าของซ้อหยกยังคงฝังติดตาตามมาถึงในห้องนอน กลีบแคมสีแดงอ่อนๆ ที่กำลังอ้าออกกระตุ้นอารมณ์จนควยเขาแข็งโด่ทะลุกางเกงบอลออกมา ภาพเต้านมคู่น้อยที่กำลังห้อยโตงเตงจากแรงดึงดูด พาให้ใจต้นเตลิดจนต้องเผลอเอามือไปลูบไล้ท่อนลำของตัวเองอย่างห้ามใจไม่ได้ ที่ผ่านมาเค้าไม่เคยคิดล่วงเกินพี่สะใภ้ที่แสนจะใจดีคนนี้เลยซักครั้ง แต่หลังจากที่ได้คุยกับเฮียต๋องถึงเรื่องการทำลูกขึ้นมา บวกกับการได้เห็นภาพแคมหีและเต้านมขาวๆ ที่เปิดอ้าอล่างฉ่างยั่วยวนเขาอย่างไม่ได้ตั้งใจเมื่อซักครู่ ก็ทำให้ต้นถึงกับตบะแตก และต้องรีบเข้าไปชักรูดปลดปล่อยอารมณ์เงี่ยนง่านที่เกิดขึ้นจากเรือนร่างของซ้อหยก จนน้ำกามพุ่งกระฉูดเลอะติดพื้นห้องน้ำ
และนับจากวินาทีนั้นเอง... ต้นก็รับรู้ได้ทันทีว่าตัวเค้าคงไม่สามารถจดจำภาพของพี่สะใภ้ในมุมมองเดิมๆ ได้อีกต่อไป...
หลังจากได้เห็นภาพซ้อหยกโป๊เปลือยเป็นครั้งแรก ต้นก็เหมือนจะมีอาการเสพติด และพยายามหาโอกาสลอบมองสำรวจเรือนร่างของพี่สะใภ้คนสวยในยามที่เธอเผลอ ไม่ว่าจะเป็นเวลาก้มหยิบของจนเผยให้เห็นร่องอกอวบๆ ลอบสำรวจภาพขอบกางเกงในที่ทะลุออกมาผ่านเนื้อผ้ากางเกงบางเฉียบรัดรูป แม้จะรู้สึกผิดอยู่ในใจลึกๆ แต่ความเงี่ยนที่เกาะกุมอยู่บริเวณกลางเป้าก็คอยชักนำให้เค้าถลำลึกลงไปทุกทีๆ แต่ถึงกระนั้นก็ยังไม่มีโอกาสได้เห็นภาพเด็ดๆเหมือนอย่างที่เคยเจอในครั้งแรกซักที
ในขณะที่ทางฝั่งของพี่ชายนั้น แม้ว่าจะโดนน้องชายบอกปฏิเสธจนหน้าหงายกลับมา แต่ดูเหมือนต๋องเองจะยังไม่ยอมเลิกล้มความพยายามไปง่ายๆ ทั้งตามตื้อทั้งตามกล่อม เมื่อรวมเข้ากับภาพเรือนร่างของซ้อหยกที่ยังคงตามวนเวียนอยู่ไม่ห่าง จนสุดท้ายต้นก็ทนลูกตื้อของพี่ชายไม่ไหว และยอมเปิดปากเจรจาต่อรองกันในที่สุด
“ก็แล้วทำไมต้องให้ต้นไปมีอะไรกับพี่หยกแบบนั้นด้วยวะเฮีย อย่างน้อยถ้าจะให้ต้นช่วย ทำไมถึงไม่ใช้วิธีผสมเทียมจากน้ำเชื้อแบบที่หมอบอกไปเลย” ต้นยังพยายามอ้อมแอ้มหาทางบ่ายเบี่ยง ในหัวยังนึกกล้าๆ กลัวๆ อยู่“เอ็งลองคิดถึงหัวอกเฮียดิวะต้น คนเป็นพ่อ ถ้าเลือกได้ใครจะอยากให้ลูกตัวเองต้องเกิดมาด้วยวิธีเสี่ยงๆ ผิดธรรมชาติแบบนั้น ถ้าเป็นเอ็ง... เอ็งจะยอมเสี่ยงเหรอ?” ต๋องพยายามอธิบายอย่างใจเย็น“แต่ต้นว่า.... มันแปลกๆ.... แล้วนี่พี่หยกเค้าก็เออออไปกับเฮียด้วยเหรอเนี่ย?” หนุ่มต้นชักเริ่มจะเอนอ่อนตามพี่ชาย“เอาจริงๆ ป่ะ เฮียก็ยังไม่ได้คุยกับหยกเลยว่ะ ใจเฮียอยากจะมาปรึกษากับต้นก่อน ถ้าต้นโอเค เฮียถึงจะได้สบายใจแล้วลองไปคุยกับหยกดูอีกทีนึง”
“ปั๊ดโธ่เฮีย! ต้นก็นึกว่าเฮียกับพี่หยกคุยกันเรียบร้อยแล้ว แล้วแบบนี้ถ้าพี่หยกเค้าไม่เล่นด้วยจะเป็นยังไงเล่า” ต้นร้องออกมาอย่างเซ็งๆ ด้วยรู้ดีว่าพี่สะใภ้ของตัวเองค่อนข้างจะเป็นผู้หญิงที่เรียบร้อยและรักนวลสงวนตัวอยู่พอสมควร“เออ เรื่องหยกเอ็งไม่ต้องคิดมาก เดี๋ยวเฮียจัดการเอง เอ็งแค่รับปากกับเฮียมาก่อนว่าจะยอมช่วย แล้วเดี๋ยวเฮียจะลองไปคิดหาวิธีเคลียร์กับหยกให้” ต๋องยืนกรานขอคำยืนยันอีกที ส่วนต้นเองก็ได้แต่ยืนนิ่ง ในหัวตอนนี้สับสนไปหมดถึงเรื่องของความถูกต้องและความเหมาะสมระหว่างพี่สะใภ้กับน้องสามี
“เอ็งจะคิดนานไปทำไมวะต้น หรือเอ็งเห็นว่าเมียเฮียไม่สวยพอเหรอ?” ต๋องรีบออกปากกดดันน้องชายอย่างเร่งรัด“ไม่ใช่แบบนั้น....” ต้นตอบไปเลี่ยงๆ ขณะที่ในหัวก็นึกไปถึงภาพใบหน้าหวานๆ ของหยกขึ้นมา ดวงตาขี้เล่นซุกซนจมูกเรียวแหลมเล็กน้อย บวกกับรอยยิ้มสดใส เส้นผมเรียบตรงยาวสลวยสีน้ำตาลอ่อนทำให้เธอดูน่ารักน่าทะนุถนอมมองได้ไม่มีเบื่อ พอนึกไปว่าตัวเองอาจจะได้มีโอกาสแบ่งปันความสุขบนเตียงร่วมกับผู้หญิงน่ารักๆ ที่มีศักดิ์เป็นพี่สะใภ้ของตัวเองคนนี้แล้ว หนุ่มต้นก็เริ่มที่จะโอนอ่อนตามพี่ชายไปเหมือนกัน
“เอางี้... เดี๋ยวคืนนี้เฮียจะให้เอ็งได้ดูอะไรดีๆ แบบเต็มๆ สองตาเลย เผื่อว่าจะช่วยให้เอ็งตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้น สนใจเปล่า?” คำพูดของต๋องกระตุ้นความสงสัยของต้นจนถึงกับหูผึ่ง ในหัวก็คิดตีความไปล่วงหน้าแล้วว่าไอ้ 'อะไรดีๆ เต็มสองตา' เนี่ย มันหมายความว่ายังไง จนอดที่จะรู้สึกตื่นตัวและตื่นเต้นไม่ได้“ดูอะไร?” ต้นถามด้วยน้ำเสียงเรียบๆ พยายามเก็บอาการให้ดูสุขุมต่อหน้าพี่ชาย“เออน่า เดี๋ยวเห็นแล้วก็รู้เอง ถ้างั้นเดี๋ยวคืนนี้ช่วง 4 ทุ่ม เอ็งมานั่งรออยู่ในนี้ก็แล้วกัน แล้วที่เหลือเดี๋ยวเฮียจัดการเอง” ต๋องฉีกยิ้มกว้าง พลางชี้ไม้ชี้มือไปที่ผนังห้อง พอต้นขยับตัวเข้าไปดูใกล้ๆ จึงพบว่าที่ผนังมีรูกลมๆ เล็กๆ ขนาดกว้างราวๆ 2 เซนติเมตร สูงจากพื้นห้อง 2 เมตรกว่าๆ พอปีนขึ้นไปเหยียบบนเก้าอี้ก็จะ มองทะลุเข้าไปเห็นถึงภาพในห้องนอนของเฮียต๋องกับซ้อหยกได้อย่างชัดเจน ที่สำคัญมุมที่ปรากฏมันดันตรงกับตำแหน่งปลายเตียงพอดี ทำให้คนที่มองลอดรูนี้ไป สามารถเห็นกิจกรรมที่เกิดขึ้นได้บนเตียงแบบเต็มๆ ตา!
ต้นถึงกับตัวแข็งนิ่งเมื่อคิดไปถึงสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นในคืนนี้ ฟากเฮียต๋องที่กำลังยืนมองอยู่ข้างๆ ก็ใช้มือตบลงไปบนสะโพกน้องชายเบาๆ เพื่อเรียกสติ ก่อนที่จะเดินหนีหายออกจากห้องไป ทิ้งให้ต้นได้แต่ยืนงงๆ อยู่ตรงนั้นเพียงลำพังในหัวก็เริ่มที่จะกังวลขึ้นมาบ้าง ว่าตัวเองอาจกำลังหลงเข้าไปพัวพันกับเรื่องยุ่งๆ ของพี่ชายโดยไม่รู้ตัว....
พอเกือบ 4 ทุ่ม ต้นก็รีบปราดเข้าไปซุ่มรออยู่ในห้องเก็บของทางฝั่งบ้านเฮียต๋องทันที แง้มปิดประตูเบาๆ แล้วขยับเข้าไปหาตำแหน่งยืนพิงผนังให้สะดวกๆ พร้อมกับซุ่มโป่งรอคอยเหตุการณ์บางอย่างอยู่ในความมืดเงียบๆ ไม่ถึง10นาที ซ้อหยกในชุดอยู่บ้านก็เดินเปิดประตูเข้ามาในห้องนอน โดยมีเฮียต๋องเดินตามมาติดๆ ทั้งคู่พูดคุยกระหนุงกระหนิงหยอกล้อกันตามประสา ก่อนที่ซ้อหยกจะค่อยๆ เดินไปหยุดอยู่หน้าตะกร้าเสื้อผ้าใส่แล้ว พร้อมกับค่อยๆ รูดกางเกงขาสั้นของตัวเองออกช้าๆ เผยให้เห็นถึงปลีน่องเรียวขาวของเธอ
ต้นกลืนน้ำลายดังเอื้อกกับภาพที่เห็น กางเกงในผ้าลื่นสีน้ำเงินเข้มแนบติดกับเนินโหนกอวบอูมเป็นร่อง เสื้อยืดสีขาวถูกถลกออกมาเหนือหัว พร้อมกับปลดชุดชั้นในทั้งสองชิ้นออกอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหยิบผ้าขนหนูผืนใหญ่ขึ้นมาคลุมร่างของตัวเองไว้ ด้วยความที่เธอยืนหันหลังเข้าหากำแพงอีกฝั่ง ทำให้ต้นได้เห็นเพียงแต่บั้นท้ายกับแผ่นหลังขาวๆของเธอเท่านั้น ต๋องยืนจ้องไปที่รูเล็กๆ บนผนังด้วยรอยยิ้มมุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปคว้าภรรยาสาวของตัวเองมากอดไว้แน่น พร้อมกับซุกไซร้ไปที่ลำคอ
“อือออ อย่าซี่เฮีย หยกจะอาบน้ำ” ซ้อหยกพยายามดันตัวสามีออกด้วยความเขินอาย“ก็เฮียอยากกอดเมียตัวเองนี่นา วันๆ ต้องไปนั่งคุมคนงานเป็นชั่วโมงๆ กว่าจะได้กลับมาหาหยกก็ค่ำมืดแล้ว หยกไม่คิดถึงเฮียบ้างเหรอ” ต๋องพูดพร้อมกับใช้มือขยำนมภรรยาเบาๆ ปากก็หอมแก้มเธอฟอดใหญ่“คิดถึงน่ะคิดถึง แต่ขอไปอาบน้ำให้มันสบายตัวก่อนได้มั้ยเล่า” หยกพยายามดิ้นรนอย่างไร้ผล“ไม่ต้องอาบหรอกจ้ะ หยกตัวหอมอยู่แล้ว พี่ชอบ...” ต๋องไม่ยอมฟัง ใช้มือปลดผ้าขนหนูของหยกออกจนหลุด เรือนร่างขาวเปลือยเปล่าของเธอ จึงปรากฏแก่สายตาของต้นอีกครั้งอย่างชัดเจน
ต๋องใช้สองมือสอดเข้าไปใต้วงแขนของหยก พร้อมกับบีบคลึงทรวงอกทั้งสองข้างของเธอเบาๆ เพื่อกระตุ้นอารมณ์ปลายนิ้วเขี่ยลูบไล้ไปที่บริเวณหัวนมแหลมจนมันเริ่มที่จะชูชันขึ้นมา สะใภ้สาวเผลอเกร็งตัวโดยอัตโนมัติเพราะความเสียวที่เกิดขึ้นจากยอดปทุมถัน ก่อนที่ต๋องจะค่อยๆ เลื่อนมือซ้ายลงมาทักทายกับกลีบสาวของภรรยาด้านล่างอีกจุดหนึ่ง
“อืมมมมม เฮียอ่ะ... จะทำตอนนี้เลยเหรอ?” เสียงหยกครางเบาๆ เหมือนไม่ค่อยเต็มใจ ขณะที่กำลังโดนสามีหนุ่มแซะนิ้วเข้าไปเขี่ยคลึงปากร่องเสียวของเธอจนมันเริ่มที่จะเปียกๆ ลื่นๆ ขึ้นมาบ้างเล็กน้อย“ตอนนี้แหละจ้ะ ของเฮียแข็งขนาดนี้แล้ว รอต่อไปไม่ไหวหรอก” ต๋องว่าพลางดึงมือภรรยามาจับเข้าไปกลางลำ สาวหยกสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อฝ่ามือสัมผัสเข้ากับวัตถุแข็งๆ ที่แสนจะคุ้นเคย ซึ่งตอนนี้กำลังตื่นตัวเต็มที่ เมื่อรู้ว่าตัวเองกำลังถูกถ้ำมองบทรักอยู่จากอีกห้องหนึ่ง
“หวา เฮีย.... ทำไมวันนี้มันแข็งแบบนี้” หยกอุทานออกมาเบาๆ พลางใช้มือลูบสำรวจอย่างแปลกใจ“ก็มันคิดถึง มันอยากอึ๊บเมียนี่นา” ต๋องพูดพลางรูดกางเกงตัวเองทั้งข้างในและข้างนอกออกไปพร้อมๆ กัน ท่อนควยอวบคล้ำขนาดพอฟัดพอเหวี่ยงกับอาวุธของต้น จึงดีดผึงออกมาล่อนจ้อนท้าทายสายตาของคนรอบข้าง ต๋องค่อยๆจูงมือภรรยาคนสวยมานอนเอนลงไปบนเตียง ขยับตัวมุดลงไปจดๆ จ้องๆ อยู่ตรงบริเวณหน้าขาด้านล่าง จับสองขาของเธอแหกอ้าออก โดยจงใจให้หันไปในทิศทางที่ต้นกำลังยืนมองอยู่ ใช้นิ้วมืออ้าแหวกกลีบแคมที่ปกปิดร่องสาวของเธอออกกว้าง ก่อนจะก้มลงไปใช้ลิ้นตวัดเลียร่องหีของหยกเสียงดังแผล่บๆ!
“อุ๊ยเฮีย! อย่า... มันสกปรก อย่าสิ......สสสส ซี้ดดดดดดส์” หยกพยายามร้องห้ามเสียงครางกระเส่า ขณะที่ต๋องก็ก้มหน้าทั้งดูดทั้งกลืนน้ำหล่อลื่นของภรรยาสาวอย่างเอร็ดอร่อย พอเลียจนสาแก่ใจแล้วก็ค่อยๆ ถอนหน้าออกมา ใช้มือเช็ดคราบน้ำที่เลอะติดรอบๆ ปากออกไปทีสองที ก่อนจะขยับเอนตัวลงไปนอนอยู่บนเตียง พร้อมกับฉุดดึงร่างภรรยาสาวให้ขึ้นมาคร่อมหน้าตัวเองไว้ในท่า 69“หยกจ๋า ดูดให้เฮียหน่อยนะ” เสียงต๋องร้องออดอ้อนภรรยาตัวเองอย่างเคยๆ สาวหยกสูดลมหายใจเบาๆ 2-3 ครั้งเหมือนเป็นการกลั้นใจ ก่อนจะค่อยๆ โน้มศีรษะลงไปแนบหน้าเข้ากับท่อนลำแข็งเด่ ใช้ลิ้นแตะๆ ที่บริเวณปลายหัวอยู่ครู่นึง ก่อนจะอ้าฮุบเอาท่อนเนื้อเข้าไปเต็มปากเต็มคำ แล้วทั้งสองก็เริ่มบรรเลงลีลาชิวหาพาเพลินให้กันและกันอย่างดุเดือด เสียงดูดจ๊วบแจ๊บดังสลับกับเสียงน้ำสาวกระเด็นแผล่บๆ สะใภ้สาวคนสวยก้มๆ เงยๆ ผงกหัวขึ้นลง อมรูดท่อนลำจนแก้มตอบ ภาพตรงหน้าทำให้ต้นต้องเผลอควักท่อนเอ็นของตัวเองออกมารูดเล่นอยู่คนเดียวเงียบๆ
“อุ๊! พอก่อนนะที่รัก เดี๋ยวเฮียจะเสร็จซะก่อน” ต๋องเอ่ยปากพร้อมกับดันศีรษะของภรรยาออกเบาๆ ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นมา ดันตัวภรรยาสาวให้เป็นฝ่ายนอนหงายลงบ้าง จัดแจงท่าทางให้อยู่ในท่าเตรียมพร้อม จับจ่อท่อนเนื้อแข็งปั๋งกดถูไถอยู่ที่หน้าปากทางเข้าเบาๆ อยู่ 2-3 ที“อือ..... ใส่เถอะเฮีย หยกไม่ไหวแล้ว” เสียงสะใภ้สาวร่ำร้องขออย่างหมดความอดทน ฝ่ายต๋องเองก็เงี่ยนง่านไม่แพ้กันจึงค่อยๆ ขยับเอวกดท่อนควยทิ่มมุดเข้ามาในหีเธอช้าๆ หยกออกอาการดิ้นกระแด่วๆ ในตอนแรกๆ ก่อนที่เธอจะเริ่มปรับสภาพรับความเจ็บปวดได้มากขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งท่อนเนื้อบานอวบมุดหายเข้าไปได้มิดด้าม แล้วต๋องก็เริ่มต้นซอยควยเย็ดหีเธอทันที เสียงเนื้อกระทบกันดังสนั่นลั่นห้อง ปั้บ! ปั้บ! ปั้บ!
ภาพใบหน้าสวยหวานอันคุ้นเคยดูบิดเบี้ยวเหยเกในแบบที่ต้นไม่เคยเห็นมาก่อน เสียงหวานชวนหูของซ้อหยกกลับกลายเป็นเสียงครางกระเส่าเร่าร้อนฟังแทบไม่ได้ศัพท์ สองขาของเธอแหกอ้าวางพาดอยู่บนบ่าของสามี โดยมีท่อนเอ็นคล้ำอวบมุดเข้ามุดออกร่องรูอย่างถึงกึ๋น ทั้งภาพและเสียงเบื้องหน้า เร่งเร้าให้ต้นต้องยอมพ่ายแพ้ต่อสัญชาตญาณดิบของตัวเองอีกครั้ง ใช้มือเร่งรูดชักว่าวไปด้วยอารมณ์เสียวซ่านสุดขีด กิจกรรมเข้าจังหวะดำเนินไปได้อีกราวๆ ไม่ถึง5 นาที ก่อนที่เฮียต๋องจะทนพิษบาดแผลไม่ไหว แหกปากร้องอู้ๆ สองมือบีบขยำเต้านมหยกเน้นๆ แบบไม่กลัวช้ำพร้อมกับกระดกก้น ยิกๆ รัวๆ แล้วกระฉูดน้ำรักพุ่งเข้าโพรงหีภรรยาแบบเต็มคราบ แม้ว่าเธอจะพยายามร้องห้ามไม่ให้รีบหนีเข้าเส้นชัยไปคนเดียวก็ตาม
“โธ่.... เฮียอ้ะ เสร็จคนเดียวอีกแล้วนะ ทำไมไม่ยอมรอกันมั่งเลย” เสียงหยกบ่นอย่างน้อยใจ“แหะๆ ขอโทษน้า ก็เฮียไม่ได้ทำนานแล้วนี่นา มันก็เลย.... อั้นไม่ไหว” ต๋องพูดขอโทษขอโพย พลางเอามือลูบหัวภรรยาตัวเองเบาๆ ไปด้วย แม้สาวหยกจะออกอาการงอนๆ นิดๆ แต่ก็ยังยินยอมให้สามีลูบหัวเธออยู่อย่างนั้น“เดี๋ยวเฮียขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ มันเลอะเทอะ” ต๋องเอ่ยแล้วทำทีว่าจะลุกเดินออกมาเข้าห้องน้ำ แต่กลับเปิดประตูเลี้ยวเข้ามาในห้องเก็บของมืดๆ นี้แทน จนต้นแอบตกใจเล็กน้อย“เฮ้ยเฮีย! เดี๋ยวพี่หยกก็เข้ามาเห็นหรอก” ต้นอุทานออกมาเบาๆ“เออน่า ไม่ต้องห่วง มึงดูต่อไปเหอะ รับรอง เดี๋ยวได้เห็นอะไรดีๆ แน่” ต๋องกระซิบกระซาบสั่งการอยู่ใกล้ๆ ต้นจึงหันกลับไปแนบหน้าเข้ากับรูกำแพงอีกครั้ง ก่อนจะต้องตะลึงกับภาพที่ได้เห็น
ซ้อหยกคนสวยตอนนี้กำลังนอนแหกแข้งแหกขา โม่คลึงปลายนิ้ววนเวียนเข้ากับเม็ดเสียวของตัวเองอย่างอย่างเพลิดเพลิน ก่อนที่เธอจะค่อยๆ ใช้นิ้วชี้กับนิ้วกลางที่เปียกลื่น สอดแยงชักเข้าชักออกในร่องหีของตัวเองอย่างมีอารมณ์ ซ้อหยกใช้นิ้วตกเบ็ดอยู่ได้ราวๆ 10 นาทีก็แสดงอาการกระตุกตัวเกร็ง ร้องครางซี้ดซ้าดออกมาเสียงกระเส่าพร้อมๆ กับแอ่นสะโพกบดอัดกับนิ้วมือตัวเองจนก้นลอยไม่ติดเตียง ปลดปล่อยน้ำรักที่คั่งค้างอยู่ในร่างกายของตัวเองออกมาจนหมดสิ้น ก่อนจะค่อยๆ ทิ้งตัวลงไปนอนหอบหายใจเหนื่อยๆ อยู่บนเตียง ตลอดระยะเวลาร่วมๆ 10นาทีที่เฝ้ามองเธออยู่ ต้นทั้งแข็งทั้งเงี่ยนจนรู้สึกปวดควยไปหมด แต่ก็ไม่สามารถใช้มือรูดคลายความกระสันออกไปจากท่อนลำได้ เนื่องจากรู้สึกเขินอายพี่ชายตัวเองที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง ก่อนที่ทั้งคู่จะรีบพากันลงมาคุยต่อข้างล่าง เพราะกลัวว่าหยกจะออกมาเจอซะก่อน
“ไม่น่าเชื่อว่าสาวเรียบร้อยอย่างพี่หยกจะร้อนแรงได้ขนาดนี้” ต้นกระซิบกระซาบด้วยความตื่นเต้นเบาๆ“แปลกตรงไหนวะ ขึ้นชื่อว่าผู้หญิงแล้ว จะเรียบร้อยรึไม่เรียบร้อยมันก็เงี่ยนเป็นกันทุกคนนั่นแหละ ยิ่งโดนบิวท์มาซะขนาดนั้นแล้ว....” ต๋องว่าเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา“แล้วตกลงเอ็งจะว่ายังไง?” ต๋องเอ่ยถามขึ้นมา หลังจากเห็นต้นยังทำหน้าอึ้งๆ กับภาพที่เห็นเมื่อครู่“ตกลงอะไรนะเฮีย?” ต้นถามด้วยความที่ไม่ทันได้ตั้งใจฟังให้ดีๆ“แล้วเรื่องลูกเฮียน่ะ... ตกลงเอ็งว่ายังไง” ต๋องถามย้ำคำเดิม ต้นนิ่งเงียบไปพักนึง และหลังจากทบทวนความคิดอกุศลอยู่นานสองนาน ในที่ชายหนุ่มก็ตัดสินใจตกปากรับคำกับพี่ชายออกไปจนได้
“เอาไงก็เอา ตามใจเฮียแล้วกัน แต่ถ้ามีปัญหาอะไรขึ้นมา ต้นไม่รับผิดชอบด้วยนา...”
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ. สุดยอด มันมากครับ {:5_119:}{:5_119:} สนุกมากครับ ขอบคุณมากครับผม ใจมันไม่แข็งเหมือน คว..อ่ะนะ 55+{:5_146:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ น้องที่ดี ขอบคุณครับ {:5_142:}{:5_142:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ
หน้า:
[1]
2