*****. บิ๊กบอส ตอนที่ 1 [COPY] *****
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย pipolucky เมื่อ 2023-7-1 07:36{:4_112:} ดีคร้าบก่อนจะกลับมาต่อกันด้วยเรื่อง "เจมส์ & ผอ โรงเรียน"ผมขอคั่นด้วย เรื่อง "บิ๊กบอส" ซึ่งเป็นเรื่องยาวในอดีต น่าจะแต่งโดย คุณกร 360 ถ้ามีโพสแล้วก็ขออภัยด้วยแต่เรื่องนี้ผมมีแค่ส่วนแรก ๆ ก็จะทะยอยลงเท่าที่มี เพื่อน ๆ คนไหนที่มี ก็ฝากแชร์ต่อด้วยล่ะกัน น่ะคร้าบ! {:4_101:}
ตอนที่ 1 ณ ห้องอาหารในโรงแรมดังแห่งหนึ่ง“ระหว่างนี้เป็นเวลาอาหาร เรื่องงานเอาไว้ก่อน ผมว่าคุณภู สั่งอาหารก่อนดีกว่า ส่วนเครื่องดื่มผมสั่งไว้แล้ว” นายนรากรนักธุรกิจสูงวัยกล่าวด้วยรอยยิ้มมีเสศนัย เมื่อหันมองเครื่องดื่มที่ตนสั่งมาและรินใส่ แก้วไว้แล้ว แต่ชายหนุ่มที่นั่งตรงหน้ายังไม่ยอมหยิบขึ้นดื่มสักที ได้แต่ลุ้นให้ชายหนุ่ม หยิบขึ้นดื่ม ถามต่อมาเหมือนเป็นการชวนคุยธรรมดา “เป็นอย่างไรเมื่อคืนสำเร็จตามที่แนะนำหรือเปล่า?” “หมายความว่าอย่างไร?” ภูริเชษฐ์ยิ้มตอบ “ให้คุณทายซิ” “ยัง” “ถูกต้อง คุณเป็นคนที่อ่านเหตุการณ์และอ่านใจผมได้ดีทีเดียว” “จะไม่บอกเหตุผลผมบ้างเหรอ” “ไม่มีครับ” ชายหนุ่มสั่นศีรษะอย่างแช่มช้า
“แล้วคุณนรากรล่ะ ไม่อยากมีเลขาสาวอย่างผมบ้างเหรอ?”
“ไม่หรอก แสดงว่าคุณไม่รู้ประวัติผมอย่างละเอียดละสิ”ว่าพลางหัวเราะอย่างมีความหมายตบไหล่ชายหนุ่มเบา ๆ
“ไม่ต้องมองผมแบบนั้นก็ได้ภูริเชษฐ์...เป็นอย่างที่คุณคิดนั้นแหละ นี้เห็นว่าเรากำลังจะทำธุรกิจร่วมกัน และผมถูกอัธยาศัยกับคุณ และเชื่อว่าคุณคงไม่นำความลับของผมซึ่งมีคนรู้ไม่กี่คนนอกจากเด็กของผมไปเปิดเผยที่ไหน”
“อย่างไรครับ”ภูริเชษฐ์แกล้งทำหน้าเซ่อ พาซื่อเหมือนไม่เข้าใจความหมาย ทั้งที่เขาไม่เคยคิดระแวงมาก่อน
“คุณคิดว่าผู้ชายอายุขนาดผม แม้ผ่านชีวิตแต่งงานมาแล้ว กลับไม่ค่อยควงภรรยาออกงานสังคมหรือไม่ก็หญิงสาว ซึ่งผิดวิสัยของคนวัยนี้ที่มีฐานะ หน้าที่การงานเพียบพร้อม มันไม่ใช่เพราะผมซื่อสัตย์ต่อภรรยาของผมหรอก เพราะนั่นเป็นเพียงฉากหนึ่งในชีวิตผม ความจริงผมไม่ได้ชอบผู้หญิงเลย ที่ต้องแต่งงานเพื่อรักษาสถานภาพทางสังคมและภรรยาผมก็เข้าใจดี เราก็มีอะไรกันบ้างตามประสาสามีภรรยา อีกอย่างผมเลี้ยงดูเธออย่างดีทีเดียว ทรัพย์มรดกทุกอย่างของผม เธอและลูกชายคนเดียวก็มีสิทธิ์เต็มที่หากผมเป็นอะไรลงไป มันอาจดูวิปริตผิดธรรมชาติไปบ้างเหมือนกันนะ แต่ผมรู้ตัวเองหรือจะเรียกว่าเข้าข้างตัวเองก็สุดแล้วแต่เถอะ แม้มันจะผิดธรรมชาติ สังคมไม่ยอมรับกับการมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกัน แต่ผมก็มีความสุขดีและความต้องการด้านเซ็กซ์ของผมนั้นมันก็ได้รับการผ่อนคลายคลี่คลายออกอย่างเหมาะสมในที่ทางของมัน ไม่ก่อความเดือดร้อนแก่ใคร”
นรากรเหลือบตามองภูริเชษฐ์อย่างมีความหมาย
“ผมรู้สึกแปลกใจเรื่องที่คุณพูดเป็นอย่างมาก แต่ก็ยอมรับว่ามีอะไรหลาย ๆ อย่างในตัวคุณที่ผมไม่อาจเข้าใจได้และคาดการณ์ผิดไปหลายอย่างทีเดียว”เขาพูดเบา ๆ แต่เน้นหนักจริงจังในน้ำเสียง พร้อมกันก็ยิ้มที่มุมปาก
“ถ้าเช่นนั้น ผู้ช่วยส่วนตัวของคุณทั้งคนขาวร่างสูงโปร่งกับคนผิวเข้ม กล้ามเป็นมัด ๆ ที่มาด้วยนั้นก็...”
“เด็กของผมดูดีใช่มั้ยล่ะ”
คราวนี้ภูริเชษฐ์ถึงกับอึ้ง มือจับซ้อนถึงกับสั่น ภาษิตว่าหนีเสือปะจระเข้ แต่นี่กูกำลังหนีนางแมวยั่วสวาทเมื่อคืน แต่ดันมาเจอเสือไบหรือนี่“เอ...จะให้ผมตอบอย่างไรดีล่ะ เพราะรสนิยมผมชอบขาว ๆ อวบ ๆ หน้าอกโต ๆ”นรากรส่งเสียงหัวเราะอย่างสมอารมณ์หมายเมื่อเห็นชายหนุ่มหยิบแก้วเครื่องดื่มที่ตนเตรียมไว้ให้รินผ่านลำคอจนหมดแก้ว สงสัยคงตื่นเต้นกับเรื่องที่รับรู้
“ขออภัยผมถามคำถามที่คุณคงตอบไม่ได้ เพราะคุณกับผมรสนิยมเราไม่เหมือนกัน แต่ก็อย่างว่านั้นแหละ สองคนนั้นเพิ่งมาอยู่กับผมไม่ถึงปีเลย สองคนก่อนหน้านี้ ขออนุญาตไปใช้ชีวิตตามเส้นทางของเขาซึ่งผมก็ไม่ขัดข้องเพราะเท่าที่พวกเขาได้รับใช้ผมด้วยดีตลอดมา ซึ่งมันสร้างความสุขให้ผมอย่างเหลือล้นแล้ว สำหรับพวกเรามันเป็นการยากมากที่จะได้พบรักแท้
แต่ถ้าเกี่ยวกับการตอบสนองความต้องการทางร่างกายที่มันเรียกร้อง เราก็สามารถที่จะหาทางระบายได้ง่ายเหมือนกัน เพียงเพื่อผ่อนคลายโดยไม่มีพันธะอะไรผูกพันระหว่างกัน เข้าทำนองว่าน้ำแตกแยกทาง ก็ดูเหมือนไม่เกินเลยนัก จะว่าไปสองคนล่าสุดนี้ให้ความร่วมมือผมด้านนี้ดีเหลือเกิน ซึ่งแทบไม่เคยปฏิเสธหรือแสดงอาการรังเกียจผมเลย แต่นั้นแหละ หากพวกเขาเจอคนที่ถูกใจกว่า เขาก็พร้อมจะจากไปอย่างง่ายดาย ใครจะมาคิดฝากชีวิตไว้กับเกย์แก่ที่มีลูกเมียอยู่แล้วด้วย”
น้ำเสียงผู้พูดปนเศร้าเล็กน้อย ก้มหน้าตักอาหารเข้าปาก
ภูริเชษฐ์ชักลังเล มองหน้านรากรเหมือนจะค้นลึกลงไป
“ไม่บอกผมไม่รู้จริง ๆว่าคุณเป็นพวกรักร่วมเพศ ลักษณะคุณไม่มีแววโน้มเอียงทางนั้นเลย”
“อย่าเชื่อในสิ่งที่เห็นมากนักสิ บางอย่างมันมักไม่เป็นอย่างที่เราคิดเสมอไปหรอก”
“พ่อผมรู้หรือเปล่า? ว่าเพื่อนรักท่านเป็นพวกไม้ป่าเดียวกัน”
“มันอาจจะรู้ ผมไม่อาจทราบได้ เพราะไม่เคยบอกมัน”
ไม่พูดเปล่า นรากรดึงไหล่เขาเข้ามากอดไว้แน่น กระซิบประสบการณ์สยิวกับผู้ชายด้วยกันที่ริมหูเขาหน้าตาเฉย
ภูริเชษฐ์ร้องลั่นอย่างลืมตัว
“ตายห่า ตายโหงเลยคราวนี้”
ตาสีดำเข้มใต้วงคิ้วหนาดกขของนักธุรกิจอาวุโสเบิกตามาทางเขาอย่างเย้า ๆ ขยิบตาให้นิดหนึ่ง
“คนขาวกับคนดำเข้ม คุณชอบใครมากกว่ากัน”
อดถามต่อไปไม่ได้
“พูดยาก คนผิวขาวชอบรับ ส่วนคนผิวดำเข้มจะชอบรุกมากกว่า”
ภูริเชษฐ์สำลักเครื่องดื่มที่กำลังไหลลงคอ เอามือตบหน้าผากตนเองผาง แทบจะช็อคหัวใจหยุดเต้นทีเดียว นั่งนิ่งพูดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ นรากรซ่อนยิ้ม เอื้อมมือมาสัมผัสมือชายหนุ่มลูบไล้เป็นปูไต่อย่างลุ่มหลง
“แปลว่า...คุณ...เอาทีละสองเลย”
ในที่สุดเขาหลุดปากออกมาอย่างแผ่วเบาที่สุด เต็มไปด้วยความงุนงงมึนศีรษะ จับต้นซนปลายไม่ถูก
“ครับ!”
นรากรตอบอย่างภาคภูมิ แล้วย้อนถาม
“คุณรู้ได้อย่างไร?”
“เพราะคุณบรรยายได้ละเอียดเหลือเกินในการร่วมรักกับสองคน ซ้ำคุณยังรับรองกับผมอีกด้วย”
“ไม่มีอะไรสนุกเท่าอีกแล้วสำหรับการเล่นเซ็กซ์แบบนี้ ตัวเราอยู่ตรงกลาง คนหนึ่งแอ่นตูดให้เราแทง ในขณะที่เราก็แอ่นตูดให้อีกคนแทง”
นรากรพูดอย่างไม่ละอาย
“ถ้าคุณไม่เชื่อ ก็ต้องทดลองด้วยตนเอง มันส์ยิ่งกว่าการขึ้นสวรรค์ชั้นฟ้าที่เขากล่าวกันเลยล่ะ”
“คงไม่หรอกครับ”
เขาตอบอย่างหวั่น ๆ
“อย่าคิดอะไรมากสิครับ ผมก็เพียงเล่าให้คุณฟังเท่านั้น อีกอย่างคุณเป็นคนถามผมเองนะ นั่นประการหนึ่ง อีกประการหนึ่งเป็นการแสดงความจริงใจของผมในการทำธุรกิจร่วมกับคุณ เห็นไหมว่าผมเปิดเผยตัวตนแท้จริงของผมให้คุณได้รับรู้ แสดงว่าผมจะไม่มีวันโกงคุณเป็นอันขาด ผมว่าคุณตกใจมาก เพราะคาดไม่ถึง สงบจิตสงบใจไว้พ่อหนุ่ม คนมองมาทางเราใหญ่แล้ว ทานอาหารกันต่อเถอะ นี่เครื่องดื่มผมรู้ว่าคุณชอบรสนี้ เลยจัดไว้ให้เป็นพิเศษเลย”
ภูริเชษฐ์ทานอาหารไปด้วยมองหน้าคู่สนทนาอย่างหวั่น ๆ ดีว่าเป็นเวลากลางวัน หากเป็นกลางคืน เขาก็ไม่รู้ว่าตนเองจะเป็นอย่างไร
มันยิ่งกว่านางแมวยั่วสวาทตัวเมื่อคืนนีเสียอีก แน่ล่ะ เพราะมันเป็นเสือนี่ เสือไบเสียด้วย เขารีบรับประทานอาหารไปโดยไม่ยอมมองคู่สนทนาอีกเลย
เมื่อเห็นชายหนุ่มนิ่ง นรากรจึงเป็นฝ่ายกล่าวขึ้นอีกครั้ง
“อย่าคิดมากเลยภู” เขาเรียกเพียงชื่อหน้าสั้น ๆ อย่างถือสนิท
“ผมรู้สึกมึนจริง ๆ”
ไม่พูดเปล่า เขาเอามือกุมศีรษะ สะบัดหน้าไปมา
“เรื่องไร้สาระ อย่าถือเป็นอารมณ์เลย”
“ผมไม่รู้จะถาม หรือจะพูดอย่างไรดี”
เขาพูดอู้อี้ รู้สึกมึนงง ตัวร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างประหลาด
“ที่ไหน อย่างไร ใช่มั้ยที่คุณอยากรู้”
นรากรกล่าวดักคอ
“สองคนนั่นทำงานกับผมอย่างใกล้ชิด ติดตามไปไหนด้วยทุกหนทุกแห่ง งานทุกอย่างของผมก็ไว้วางใจพวกเขามากทีเดียว นั้นแหละคือโอกาสของเราที่ไม่มีใครระแคะระคายรู้แม้แต่พนักงานในบริษัทผมเอง บางครั้งอาจในห้องทำงานผมเอง หรือบนรถตู้ระหว่างนั่งกลับบ้านขณะรถติด เราก็เคย”
“บ่อยขนาดไหน?”
“แล้วแต่ผม ทั้งคู่เป็นผู้อยู่ใต้บังคับบัญชาที่ดีมาก แต่ก็ไม่มากมายหรือรุนแรงเหมือนสมัยหนุ่ม ๆ หรอก เพราะเรี่ยวแรงมันถดถอยลง แต่ก่อนผมจะชอบรุก แต่หลังมักเป็นฝ่ายรับมากกว่า แม้เราไม่แข็งเต็มที่เราก็มีอารมณ์ร่วมได้ และมันก็สนุกและมีความสุขด้วย”
“ทั้งสองมีปฏิกิริยาอย่างไรครั้งแรกที่คุณขอเอา เต็มใจ ไม่เต็มใจ พอใจหรือไม่พอใจ?”
“แรกคนผิวดำเข้มก็ไม่ยอมหรอก แต่เจอลูกตื๊อผมและผลตอบแทนเล็ก ๆ น้อย ๆ ทำให้ยอม ส่วนคนผิวขาวไม่มีปัญหา ดูเหมือนจะชอบเสียด้วย แต่ขอให้คุณรู้ไว้เถอะว่าสองคนนั้น นอกจากเรื่องงานแล้ว เรื่องนี้พวกเขาก็ทำได้ดีมากทีเดียวไม่ว่ารุกหรือรับ”
“ทั้งสองคน คุณชอบคนไหนมากกว่ากัน นี่ถามถึงความรู้สึกของคุณจริง ๆ”
“ผมไม่สนใจหรอก เพราะมันไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไร เพราะในชีวิตผมอายุปูนนี้ผ่านผู้ชายมาเยอะเหมือนกัน สองคนนั้นก็คงคิดไม่ต่างจากผม เขามีหน้าที่ต้องทำอย่างไรก็ทำตามหน้าที่ เมื่อทำแล้ว ก็ทำให้มันดีที่สุดเท่านั้นเอง ทั้งคู่อาจไม่ชอบหรือเกลียดผมเลยก็ได้ ใครจะไปรู้ แต่ขณะที่ปฏิบัติหน้าที่ให้ผม พวกเขาทำได้ดีทีเดียว และดีกว่าเลขาเก่าหลาย ๆ คนของผมที่ผ่านมา”
จบคำพูดของนรากร ภูริเชษฐ์แทบสะดุ้ง เสียวถึงขั้วหัวใจ รู้สึกร้อนผะผ่าวไปทั้งตัว มึนศีรษะอย่างแรงจนแทบระเบิด หรือเป็นเพราะว่าเมื่อคืนคั่งค้างเก็บอารมณ์อยากของตนเกินไป ยิ่งได้มาฟังเรื่องพิสดารจากชายสูงวัยที่ตนนับถือ มันยิ่งเพิ่มความคั่งค้างเข้าไปอีกอย่างไม่รู้สาเหตุ จนสุดที่จะทนได้เขาขอตัวลุกจากโต๊ะอาหาร ไม่ลืมหยิบแก้วเครื่องดื่มขึ้นเทผ่านลำคอรวดเดียวลงไปอีกครั้ง หารู้ไม่ว่าในเครื่องดื่มนั้นผสมอะไรไว้และเขามัวแต่ตื่นเต้นกับเรื่องที่ได้รับรู้จนลืมสังเกตไปว่า คนที่นั่งข้าง ๆ แทบไม่หยิบเครื่องดื่มแอลกอร์ฮอร์ขึ้นดื่มเลยนอกจากน้ำเปล่าที่เขาสั่งมาภายหลัง
“คุณจะไปไหน?”
นรากรร้องถามเมื่อเห็นเขาลุกพรวดพราด
“ผมรู้สึกมึนศีรษะ ขอไปหายากินข้างบนห้องพักสักครู่ คุณนรากรอ่านสัญญาไปก่อน เดี๋ยวผมลงมา”
นรากรมองตามชายหนุ่มที่ลุกขึ้นเดินตรงไปยังลิฟต์อย่างหมายมั่น ขณะเดียวกันโดยไม่อ่านสัญญาหยิบปากกามาเซ็นต์อย่างง่ายดาย พร้อมกับถือติดมือเดินตรงไปยังเคาท์เตอร์ขอกุญแจห้องพักสำรองภูริเชษฐ์ โดยอ้างว่าเจ้าของห้องพักที่เป็นเพื่อนกันไม่สบาย จนป่านนี้ยังไม่เห็นลงมาทานข้าวกลางวัน ขอขึ้นไปดูหน่อย พร้อมกับยื่นเอกสารที่ตนเซ็นแล้วให้พนักงานดู เมื่อเห็นว่าพนักงานไม่ยอมมอบกุญแจสำรองให้
“นี่เป็นเอกสารสัญญาที่เรานัดกันเซ็น แต่ผมไม่เห็นเขา เลยเป็นห่วง”
สุดท้ายพนักงานต้อนรับก็หยิบกุญแจสำรองยื่นให้ นรากรรับมากำไว้ในมือด้วยแววตามุ่งมั่น...โดยไม่ต้องห่วงอะไร เมื่อเข้าห้องแล้ว ภูริเชษฐ์รีบปลดกระดุมเสื้อเชิตออก โยนทิ้งบนเตียงอย่างไม่แยแส ขณะเดียวกันก็รีบปลดตะขอกางเกงออก เอาเท้าเตะเข้าฝาผนังห้องพัก ล้มตัวลงนอน รู้สึกร้อนฉ่าวูบวาบอย่างไรพิกล หัวใจสูบฉีดเลือดในกายแล่นสับสนไปหมดหูลั่นอื้อ ตาลาย เขาเป็นอะไรไปนี่ ไม่เคยรู้สึกเงี่ยนอย่างนี้มาก่อน หรือว่าเป็นเมื่อคืนเขาทรมานตนเองเกินไป
ขณะที่นรากรเอง เมื่อคำนวณว่าขณะนี้ภูริเชษฐ์คงเข้าห้องพักเรียบร้อยและยาก็คงออกฤทธิ์แล้ว เมื่อทุกอย่างเป็นไปตามแผนที่วางไว้อย่างนั้น เขาใช้กุญแจสำรองไขเข้าไปอย่างแผ่วเบา และก็พบภาพที่ตนปรารถนาจะเห็นอยู่แล้ว แต่ก็แกล้งส่งเสียงถามเข้าไป
“ภู! เป็นอย่างไรบ้าง เป็นอะไรมากไหม?
ภูริเชษฐ์ร้องละล่ำละลักออกมา“ผมไม่เป็นไรครับ”
รู้สึกตกใจเป็นอย่างยิ่ง ขืนให้เกย์เฒ่าเห็นเขาในสภาพนี้ มิเสร็จเลยเหรอ รีบกลัดกระดุมเสื้อให้มิดชิดเหมือนเดิม แต่เจ้ากรรมไม่รู้ว่าตนเองเตะกางเกงเข้ามุมไหนของห้อง กำลังพยายามสะกดจิตเรียกสติกลับคืนมาระลึกว่าระหว่างเดินเข้ามา เขาเดินเข้ามาอย่างไร ก็หันไปเจอกางเกงที่ถอดกองออกอยู่แล้วกับพื้น ไม่ทันที่จะหยิบกางเกงมาสวมใส่ให้เรียบร้อย วงแขนทั้งสองของเขาที่กำลังจะสวมกางเกงอยู่นั้นก็ถูกรวบไว้อย่างแน่น
เขาตกใจอย่างสุดขีด ผงะล้มกับเตียงนอน แต่ก็ผงะหนีได้เพียงแค่นั้น เนื่องจากร่างของเขาถูกร่างของคนผู้เข้ามาใหม่ผลักลงไปนอน มือจับมาที่กางเกงของเขาที่สวมขึ้นมายังไม่ถึงเข่านั้น
คำสั่งจากสมองบอกว่า ให้ใช้มือทั้งสองข้างผลักร่างนั้นออกหรือไม่ก็ใช้เท้าทั้งสองข้างเตะให้กระเด็นติดประตูไปเลย แต่ก็เหมือนไร้เรี่ยวแรง มือข้างหนึ่งของเขาถูกจับไปประกบกับลำควยของอีกฝ่ายอย่างตั้งใจ แม้ว่ามันจะอยูในกางเกง แต่ก็กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อถูกมือเขาสัมผัส เลือดในกายทุกหยดยิ่งทวีความร้อนขึ้นไปอีก รู้สึกร้อนฉ่าไปทั้งเรือนร่างราวกับโดนไฟลน เมื่อสัมผัสกับการบดการขยับเขยื้อนอย่างแช่มช้า แต่รุนแรงและหนักหน่วงของตะโพกที่ตอนนี้นั่งทับกลางลำตัวเขาไว้
ภูริเชษฐ์มองหน้าอีกฝ่ายที่มองมาอย่างหมายมั่นปั้นมือ หมดท่าจริง ๆ คราวนี้ มันเป็นเพียงอนุสสติส่วนลึกที่ร้องเตือนอย่ไกลแสนไกลเท่านั้น เขากำลังจะหมดความยับยั้งชั่งใจ หรือปกป้องตนเองเสียแล้ว
ใจว่าจะผลัก แต่มือกลับถูกเข่าของอีกฝ่ายกดไว้แน่น ขณะที่มือของอีกฝ่ายค่อยไขว่คว้า ควานเคล้นมาตามเรือนร่างของเขา ค่อย ๆ ไต่เรื่อย ๆ ลงไปยังกางเกงในตัวจิ๋วที่เหลืออยู่บนเรือนร่างขณะนี้
“ไอ้แก่บ้าตัณหา แกจะทำอะไรฉัน” ได้ยินเสียงตนเองพูดออกไปเท่านั้น ปากก็โดนปากของอีกฝ่ายประกบติดทันที โดยที่เสียงยังไม่ผ่านพ้นลำคอออกมาด้วยซ้ำ
“อย่าคิดต่อต้านและขัดขืน เป็นของอาเถอะ”เสียงกระซิบแผ่วใสดังที่ริมหู
เขารวบรวมแรงกายเฮือกสุดท้ายก่อนที่จะโดนเขมือบ ดิ้นสุดกำลังที่มีอยู่ ถีบร่างที่กำลังค่อมทับมานั้นกระเด็นพ้นจากเตียงไป อย่างไม่สนใจว่าคนนั้นจะเป็นอย่างไร เขาลุกขึ้นยืนอย่างพร้อมจะสู้ยิบตา
“คุณ!...คุณบ้าไปแล้วเหรอ นี่คุณกำลังคิดทำอะไรผม”
“อาก็อยากไปสวรรค์กับภูนะสิ”
“ออกไป คุณมาทางไหนไปทางนั้นเลย”
ไม่ว่าอีกฝ่ายจะพยายามเข้ามาประชิดตัวเขาอย่างไร เป็นโดนผลัก หรือบางครั้งก็ถึงกับเตะต่อยไปก็มี แต่ดูเหมือนยากจะต้านทานความบ้าระห่ำของเจ้าร่างเสือไบได้
ด้วยฤทธิ์ยาผสมแอลกอร์ฮอร์ทำให้เขาไม่สามารถทำอะไรได้ดั่งใจปรารถนาได้มากนัก อีกอย่างไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์รุนแรงจนถึงขั้นทำร้ายร่างกายกันและกัน จนอาจเป็นสาเหตุขึ้นโรงขึ้นศาล ซึ่งหากเป็นดังนั้น เขาก็ไม่รู้จะตอบคำถามของตำรวจอย่างไร บอกว่าโดนวางแล้วถูกข่มขืน ใครจะไปเชื่อ ความเงียบปกคลุมชั่วขณะต่างฝ่ายต่างคลุมเชิงกันและกัน
“อย่าขัดขืนเลยภู ยานี้แรงมากนะ หากไม่ได้รับการบำบัดระบายออกอย่างเหมาะสม อาจทำหัวใจวายเฉียบพลันได้”
“ไม่ต้อง ต่อให้หัวใจผมวาย ผมก็ไม่ต้องการให้คุณมาช่วย”
“แล้วภูจะทำอย่างไร?” น้ำเสียงของนรากรอ่อนโยน หวานไพเราะ ไม่แสดงอาการโกรธสักนิด แม้จะโดนผลัก โดนเตะต่อยไปหลายที“ผมก็นั่งชักว่าวตรงนี้แหละ”
“คิดหรือว่าแค่นั้นจะช่วยได้ มิหมายความว่าต้องนั่งชักจนมือเป็นง่อยเลยเหรอ”“คุณนี่มันชั่วจริง ๆ”
“ผมจะแจ้งตำรวจจับคุณ”
“ใครจะเชื่อภู ถ้าภูแจ้ง อาก็จะแจ้งเหมือนกัน” นรากรยิ้มอย่างเป็นต่อ ชี้ให้ดูตามร่างที่มีรอยผลัก ต่อย เตะ จนเขียวเป็นปื้น“ดูรอยแผลตามร่างอาสิ เอาแผลนี้ให้ดู รับรองตำรวจต้องเชื่อว่าอาถูกภูทำร้าย แล้วเขาก็จะสอบสวน”
“ก็ให้มันรู้ไป” เขาตอบอย่างกระชากเสียง
“อาจะบอกว่าภูข่มขู่ทำร้ายร่างกายให้เซ็นสัญญาฉบับนี้ เพราะตอนแรกอาไม่ยอมเซ็นง่าย ๆ ภูเลยบังคับทำร้ายร่างกาย อากลัวก็เลยเซ็นให้ และก่อนขึ้นมานี้ อาได้บอกพนักงานแผนกต้อนรับว่า จะมาคุยกับหลานเรื่องสัญญาที่ไม่ค่อยเป็นธรรมเท่าไหร่”
เสียงหัวเราะกังวานใส อย่างเป็นต่อ ไม่หัวเราะเปล่า นรากรขยับตัวเข้ามาประชิดร่างที่ยืนอย่างจำยอม ประคองนั่งลงบนเตียง ค่อยโน้มตัวลงมาจูบที่ต้นคอ มืออีกข้างสอดเข้ามาลูบไล้เข้ามาใต้เสื้อเชิ้ตที่ไม่ได้ปิดกระดุม ทั้งจูบทั้งไซร้คางไปตามซอกคอของเขาอย่างหลงใหลสักพัก แล้วจึงลูบมือไล่ต่ำลงมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งมาถึงขอบกางเกงในล้วงมือเข้าไปปลดมันเลื่อนต่ำลงไป จนกระทั่งหัวมังกรที่โดนพิษยาเข้าไป แข็งราวกับท่อนหิน ดีดผึงออกมาภายนอก เมื่อมันมองเห็นทางอิสรภาพของมัน จากนั้นใช้มือสองข้างดึงเสื้อเขาออกจากแขน จนท่อนบนเปลือยให้เห็นร่างที่มีกล้ามเป็นมัด หน้าอกแข็งแกร่ง เป็นลอนสลวย
อย่างหมดความเป็นตัวของตัวเอง ตั้งใจจะนั่งนิ่งเฉยเหมือนท่อนหิน ปล่อยตัวตามสบายสุดแล้วแต่ผู้สูงวัย จะทำอะไร อย่างปลงใจ แต่แทนที่ร่างจะกายเป็นท่อนหินไม่มีความรู้สึกยินดี ยินร้าย อย่างที่คิด กลับเป็นสิ่งอื่นที่มันเป็นท่อนหินแทน มันแข็งจนเป็นท่อนหินจริง ๆ หากแม้ถูกบิดก็คงหักได้ทีเดียว แข็งอย่างที่ไม่เคยรู้สึกแข็งมาก่อน รู้สึกแต่เพียงว่าถูกจับยกขาขึ้นสูงแล้วกางเกงในสิ่งที่เหลือปิดตัวอันน้อยนิด ก็หลุดออกจากร่างเขาไป ได้แต่นอนหลับตาอย่างจำยอม หมดความยึดเหนี่ยวใด ๆ ทั้งสิ้น ได้แต่นึกขอโทษภรรยาในใจ พี่ขอโทษด้วย พี่ไม่ได้ต้องการให้เป็นอย่างนี้
โปรดติดตามตอนต่อไป{:4_74:}
ขอบคุณครับ วางยาอีกแล้วนิสัยไม่ดีแต่เสียว ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ชอบมากตรับ ขอบคุณครับ ขอบคุณ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ หืมม ขอบคุณครับ ตอนต่อไป ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ^^ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ