แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 20 เข้าตัว
..“กลัวตายสินะครับ” เต๋อถามหลังจากอ่านใจได้ว่าไอ้จ่อยกำลังร้องขอชีวิตแม้พูดไม่ได้เพราะลำกล้องปืนอุดคาปาก...“ไหนลอง. . .ทำให้ผมเร้าใจหน่อยสิ” เขาใช้อำนาจโทรจิตสั่งให้จ่อยโงหัวขึ้นลงดูดลำกล้องปืนเหมือนอมควยอย่างไรอย่างนั้นโดยยังให้เหยื่อยังคงสติอยู่ ความหวาดกลัวลามเลียทั่วร่าง ไอ้จ่อยไม่ทราบได้ว่าจะพลั้งเผลอจุดระเบิดรังเพลิงขึ้นมาเมื่อไหร่ มันยืนอมลำกล้องต่างลำควยอยู่เช่นนั้น แข้งขาสั่น ไม่นานนักก็ตามมาด้วยอาการเยี่ยวราด...“ยอมแล้ว. . .ยอมแพ้แล้ว!” จ่อยนึกในใจ ทุกถ้อยที่สื่อสารในหัวเต๋อรับรู้ทุกคำไม่มีตกหล่น ทว่าเขาก็ยังละเลียดชาต่อไปด้วยทีทาเฉยเมย ส่วนไอ้เกรียงนั่งพับเพียบตาแป๋วแหว๋วประหนึ่งลูกหมาเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง...“คุณเกือบทำหนี้สูญแน่ะ ถ้าลูกหนี้ของผมเกิดตายขึ้นมาจริง ๆ ละก็. . .คุณมีกี่ชีวิตก็ชดใช้ไม่พอหรอกนะ” เขายกชาขึ้นจิบจนหมดถ้วย ก่อนจะลุกขึ้นชี้แจง...“ผมเองก็ไม่อยากเสียเวลากับปลาซิวปลาสร้อยอย่างพวกคุณเท่าไหร่หรอก ถ้ายังไง. . .รบกวนช่วยนำทางผมหน่อยนะ” เขาควบคุมให้จ่อยถอดซองกระสุนแล้วขว้างปืนทิ้งแยกไปคนละทาง จากนั้นจึงบังคับให้เดินนำหน้าพาไปหาตัวประกัน ...เมื่อเดินถึงโถงทางเดินชั้นสองที่ค่อนข้างมืด จ่อยเกิดอาการหวั่นวิตกขึ้นเฉียบพลัน. . .แต่ยังไม่ทันได้ร้องบอก ความปวดรวดร้าวก็พุ่งปรี๊ดจากเบื้องล่างแล่นเข้าสู่สมอง. . . มันเหยียบกับดักล่าสัตว์ที่ไม้วางไว้หน้าประตูห้องเต็มตีน...“อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก!!!” ไอ้จ่อยแหกปากลั่น เต๋อกดสวิตช์ไฟดู จึงพบว่าแข้งของมันนั้นถูกฟันเหล็กงับเข้าตัดลึกจนเห็นกระดูกเลยทีเดียว เลือดแดงฉานรินไหลเรื่อย ๆ ช้า ๆ ประหนึ่งน้ำตกประดับสวน กระนั้นเต๋อก็ไร้การตอบสนองเป็นพิเศษนอกจากปรายมองด้วยหางตา...“ต้องขอโทษด้วยนะครับ ไม่รู้ว่ามีระเบิดวางอยู่ตรงนี้ อันที่จริงมันคงมีไว้สำหรับผมมากกว่าละมั้ง. . .หึ หึ” เขาปล่อยให้จ่อยเป็นอิสระจากการควบคุม ทิ้งให้นั่งโอดครวญกอดขาข้างที่เจ็บคากับดักเช่นนั้น...เขาผลักประตูเข้าไปเบา ๆ และพบไม้ร่างล่อนจ้อนซึ่งกำลังพยายามใช้ปากกัดเชือกมัดมือให้แฟนสาวอยู่ เมื่อได้เห็นเพื่อนเก่าเยือนถึงตรงหน้า ไม้ก็หยุดชะงักทันทีและสั่งให้ดาวหลบอยู่ข้างหลัง แม้ใบหน้าจะเปลี่ยนไปบ้างแต่ยังคงค้าเดิมไม่น้อยทีเดียว ไม้ยังคงจำเขาได้ นี่เป็นการพบกันครั้งแรกในรอบหลายปี...“ไม่ต้องดิ้นรนแล้ว. . .เจ้าชีวิตนายอยู่ตรงนี้. . .นอกจากนั้นแล้วผมไม่อนุญาตให้ใครดับลมหายใจนายทั้งนั้น”...“เมื่อกี้กูเกือบตายเพราะคนของมึง!! ยังมีหน้ามาพูดอีกเหรอ!!” ไม้ตวาด...“ผมไม่รู้เรื่องอะไรเลยนะ คราวเคราะห์ของนายเองที่โจรขึ้นบ้าน. . .แถมบังเอิญ. . .บ้ากามซะด้วยสิ” เต๋อกระแอมหัวเราะเบา ๆ ...“กูไม่เชื่อ!! ไม่งั้นมึงจะมานี่ได้ไงพร้อมพวกมัน!! ไอ้สัตว์มึงนี่ดีแต่ลอบกัดนะ! จะแก้แค้นเค้ายังไม่มีปัญญาสู้ซึ่ง ๆ หน้า กูไม่สนหรอกว่ามึงสะกดคนได้ยังไงเมื่อไหร่!! แต่สันดานมึงนี่โตขึ้นแล้วเหี้ยได้กว่าที่กูคิดไว้เยอะ มึงจำคำพูดกูไว้! ต่อให้มึงเหนือคนอื่น ทำลายชีวิตคนอื่นได้แค่ไหน!! สุดท้ายมึงก็แค่ไอ้โรคจิตเก็บกดตัวนึง!!”...“. . .” เต๋อใช้โทรจิตสั่งให้ไม้ยกมือขึ้น..และ. . ....ชกปากตัวเองเต็มแรงจนเลือดกลบ...“สำนึกซะบ้างว่ารอดมาได้เพราะใคร” ดวงตาเย็นชาของเต๋อกลับฉายแววคมกริบขึ้นทันใด “ผมมีพวกอยู่อีกคน . . .คนนั้นมีพลังมองเห็นภาพอนาคต และอนาคตที่ถูกกำหนดไว้ก็คือวันนี้นายจะโดนพวกมันฆ่าทิ้ง ต่อให้ผมไม่แก้แค้น ไม่ต้องมาเหยียบให้เสนียดติดเท้าถึงที่นี่ นายก็ต้องถูกกดน้ำตายโดยไม่มีใครช่วยอยู่แล้ว. . . ...เหมือนที่ทำกับหมาผมไง” เขากลั้นใจเรียบเรียงเหตุผลเพื่ออธิบายทั้งที่กัดฟันข่มอารมณ์โมโหไปด้วย ..ไม้ซึ่งกำลังอยู่ในภวังค์แห่งความสับสนและสังเวชชะตากรรมตัวเอง ได้รวบรวมสติเท่าที่มีอยู่ตั้งเป็นคำถามขึ้นมา..“ตกลง. . .แล้วมึงมานี่ทำไม. . . จะแก้แค้น? จะช่วย? หรือมาซ้ำเติม?”. . ....เต๋อนิ่งเงียบ ไม่รู้จะตอบอย่างไร เขานึกถึงคำพยากรณ์ของณัฐ เด็กหนุ่มให้รายละเอียดเพิ่มเติมไว้ว่า เต๋อจะต้องหลั่งน้ำตาต่อหน้าโลงศพไม้ ซึ่งเต๋อจะไม่มีวันยอมเสียน้ำตาให้กับลูกหนี้เด็ดขาด จึงเลือกที่จะยับยั้งอนาคตสายนี้ ดีกว่ายอมให้ตัวเองพ่ายแพ้แก่ความโศกาอาดูรภายหลัง แต่เหตุผลนี้คงบอกให้ใครรู้ไม่ได้ ภาษาชาวบ้านเรียกอารมณ์แบบนี้ว่า “เสียฟอร์ม”...“ไม่รู้เหมือนกัน. . .ว่าแต่. . .ช่วยใส่เสื้อผ้าก่อนเถอะ ผมไม่มีอารมณ์ที่เห็นนายเปลือยหรอกนะ” เขาช่วยแกะให้ไม้และตัวประกันที่เหลือหลุดพ้นจากพันธนาการ บัดนี้ทุกชีวิตอยู่ในความปลอดภัยแล้ว......ในเวลาต่อมา. . . ...“ยังไวเป็นลิงเป็นค่างเหมือนเคย” เต๋อหยอกไม้ขณะยื้อแย่งลูกบาส “แต่ . . .”..“เสียดายที่ตอนนี้ผมอ่านใจคนได้” เขาพุ่งเข้าหาช่องโหว่และคว้าลูกบาสไปได้ เลย์อัพลงห่วงอย่างสวยงาม..ทั้งสองนั่งพักเหนื่อยข้างสนาม เต๋อส่งเครื่องดื่มเกลือแร่ให้ ไม้รับมาแต่ก็ยังจ้องด้วยความลังเล..“ไม่ใส่ยาพิษไว้หรอกน่า ขวดยังไม่แกะเลย” เต๋อเอ่ยเหมือนรู้ใจ ทำเอาไม้หน้าเจื่อนไปเล็กน้อย...“มีพลังแบบนี้ได้ยังไง” ไม้ถามขึ้น กระดกเครื่องดื่มดับกระหายไปด้วย...“ไม่รู้เลย. . .ผมไม่รู้ว่าได้พลังมาจากไหน พอรู้ตัวอีกที. . .ก็กลายเป็นนักล่าไปแล้ว” เต๋อตอบทันใจ แต่ก็ไม่ยอมเป็นฝ่ายถูกป้อนคำถามอย่างเดียว “ขอถามบ้างสิ รู้ได้ไงว่าผมจะมา. . .รู้ได้ยังไงว่าผมทำอะไรได้บ้าง ยังไม่เคลียร์กันเลยนะเรื่องนี้ นายเห็นหน้าผมทีแรกก็พูดเหมือนรู้อะไรมาเยอะมาก”...“กูตอบไม่ได้”...“ระหว่างตอบเองกับสะกดจิตให้คายออกมา อย่างไหนดีกว่ากัน” เต๋อลอยหน้าลอยตา..“นี่มึง!?” ไม้อุทาน คิดไม่ถึงว่าระยะเวลาที่ห่างกันไปนานนั้น เต๋อได้พัฒนาไปมากจนเขาคาดไม่ถึง ไม่ว่ารูปร่างหน้าตา พลังพิเศษ หรือปากคอแสนร้ายกาจแฝงลูกล่อลูกชน...“ก็ไม่อยากลำเลิกบุญคุณหรอกนะ เอาเป็นว่าอยากให้ชั่งน้ำหนักดี ๆ ระหว่างผู้หวังดีที่ทำได้แค่เตือนกับคนที่ช่วยชีวิต”...ไม้ก้มหน้าเงียบพักหนึ่ง...จากนั้นจึงเล่าเรื่องที่เกรซและวีรู้ตัวและกำลังหาวิธีดัดหลังเต๋อ รวมถึงการพยายามรวมกลุ่มจตุรเทพอีกด้วย....เมื่อได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด ใบหน้าของเต๋อปราศจากอาการวิตก ซ้ำยังยิ้มผยอง เขาไม่คิดว่าพวกนั้นจะหาทางกู้ความทรงจำที่ถูกเขาล้างแค้นกลับคืนมาได้ ซ้ำยังรวมกลุ่มกันกล้าย้อนเกล็ดมังกร เกมนี้น่าสนใจเพราะฝ่ายตรงข้ามยกระดับไปพร้อม ๆ กับเขา สำหรับเต๋อถือว่าน่าท้าทาย เมื่อเขาได้ณัฐมาช่วยเสริมกำลัง อีกฝ่ายจะทำบ้างก็ไม่แปลก ทั้งยังช่วยเสริมไม่ให้อาหารจานโปรดจืดชืด เพราะหากพวกนั้นยังคงมืดแปดด้านเป็นตาบอดคลำช้างในขณะที่เขาได้ผู้มีพลังพิเศษมาเป็นพวกเพิ่มอีกคน ผลลัพธ์ของฝ่ายมนุษย์ธรรมดามีแต่ตายกับตายเท่านั้น นอกจากจะไหวตัวทันแล้วผนึกกำลังหาทางแก้เกม บางทีการไล่ล่าครั้งต่อ ๆ ไปอาจสนุกกว่าที่คิด“ดีแล้วละ ที่นายไม่รวมกลุ่มกับพวกวี. . .” เสียงของเต๋อเย็นยะเยือก “เพราะผมจะไม่ปราณีกับคนที่คิดเปิดศึกกับผมเต็มรูปแบบ”...“มึงจะทำอะไรพวกมัน!?” ไม้จับแขนเต๋อไว้ประหนึ่งห้ามนักเลงทั้งที่บุคคลที่เอ่ยถึงไม่อยู่ที่นี่...“อย่าสนใจเลยไม้ นายไม่ต้องรู้สึกผิดหรอกที่ให้ข้อมูลผม ตอนผมจัดการแจ็ค เขาก็ปากแข็งจนช่วยให้นายรอดมาได้ครั้งนึง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่ว่านายทำเท่ยึดอุดมการณ์แบบเขาแล้วผมจะซึ้งตาม ผมช่วยชีวิตนายไว้และต้องการให้พูดความจริงเป็นข้อแลกเปลี่ยน ตรงกันข้าม ถ้านายไม่บอกผมก็จะบังคับให้พูดออกมาเอง แถมนายจะโดนผมทำอะไรบ้างก็ไม่รู้” ...“กูไม่น่าบอกมึงเลย!” ไม้กุมขมับเจ็บใจ ขณะที่นัยน์ตาเต๋อฉายแววมาดมั่น เขาเห็นเป้าหมายชัดเจนขึ้น และตั้งใจลงดาบกับลูกหนี้เฉียบขาดยิ่งขึ้น โดยเฉพาะกับคนโง่ที่ได้รับการสะสางหนี้แค้นไปแล้ว แทนที่จะอยู่เฉย ๆ กลับลุกขึ้นแกว่งเท้าหาเสี้ยนไม่เข้าท่า บางทีหากบทเรียนครั้งแรกยังไม่เพียงพอสำหรับให้เข็ดหลาบในชาตินี้ ก็คงต้องมอบบทเรียนซ้ำสองให้จำติดหัวไปถึงชาติหน้า..“ขอให้ฉลาดกันไปได้ตลอดรอดฝั่งนะวี. . .เกรซ. . .แล้วก็จตุรเทพที่เหลือ น้ำหวาน แทน เมฆ. . .ถ้าคิดว่ารวมหัวกันแล้วจะต้านผมได้. . .ก็จะคอยดู” เต๋อยกลูกบาสขึ้นพูดด้วยราวกับจินตนาการว่าลูกกลม ๆ นั่นคือใบหน้าของบรรดาบุคคลที่กล่าวถึง...“กูบอกให้มึงรู้ทางหนีทีไล่! ไม่ใช่ให้รู้แล้วยิ่งเกิดอารมณ์!!” ไม้ค้าน แต่บัดนี้เต๋อไม่ใช่คนที่จะฟังคำของใครง่าย ๆ อีกต่อไป เมื่อเขาเปี่ยมทั้งทิษฐิและอำนาจ..“เอ้า! คืนให้” เต๋อโยนลูกบาสคืนให้ไม้..“นี่มัน. . .” เมื่อไม้สังเกตดี ๆ จึงเห็นรอยปากกาจาง ๆ บนผิวลูกบาส เป็นลูกที่เขาเคยให้เต๋อเพื่อให้ฝึกซ้อมเองได้...“ผมไม่ต้องใช้มันแล้วละ ตอนนี้ผมไม่ต้องการให้นายหรือใครมาปกป้องต่อไปแล้ว ผมปกป้องตัวเองได้ และรวมถึง. . ...ตัดสินใจเองเป็นแล้ว ทุกเรื่อง. . .ทุกอย่าง” ม่านตาของเต๋อขยายออก เขาลบความทรงจำที่ไม้เจอกับเขา รวมทั้งเหตุการณ์ที่ถูกโจรปล้นบ้านข่มขืน...“ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ จะได้ไม่ต้องอยู่ในวังวนแห่งความเคียดแค้นเหมือนผม ถ้าผมลบความทรงจำตัวเองได้ก็คงดี. . .” เต๋อพูดความในใจทุกอย่างกับไม้ขณะใช้โทรจิตควบคุม “นายได้รับการปลดหนี้แล้ว แม้ว่านอกเหนือความคาดหมายของผมก็ตาม. . . อย่าหาเรื่องใส่ตัวเหมือนพวกเขา และอย่าเป็นคนเลวเหมือนผม. . . ขอให้นายมีชีวิตอยู่ต่อไป. . .และ. . .จงลืมผมเถอะ . . .ผมไม่มีค่าพอให้นายจดจำหรอก”...เต๋อทิ้งให้ไม้นอนฟุบหลับข้างสนามบาสเช่นนั้น แล้วกลับไปที่บ้านไม้ จัดการลบความทรงจำคนในบ้านทุกคนที่เห็นเขา รวมถึงพ่อแม่ไม้ซึ่งตามมาทีหลังและเขาใจว่าเต๋อเข้ามาช่วยสมาชิกในบ้านไว้ได้จังหวะพอดี ทุกคนถูกลบความทรงจำที่ถูกโจรกักขังหน่วงเหนี่ยวล่วงละเมิด ส่วนโจรทั้งสองเต๋อจัดการตั้งแต่คืนเกิดเหตุแล้ว เขาไม่ต้องการให้เรื่องถึงหูตำรวจเกิดข่าวเอิกเกริก จึงฝังคำสั่งลงหัวไอ้เกรียงและไอ้จ่อยว่าให้เดินทางไปใช้ชีวิตในเวียดนามแล้วไม่ต้องกลับมาเหยียบแผ่นดินไทยอีก .....ชายหนุ่มฟื้นตัวขึ้นเพราะความคันที่ถูกยุงกัด เขาหลับไปเมื่อไหร่ไม่รู้ ข้างตัวมีลูกบาสกลิ้งอยู่ . . .เวลาดึกขนาดนี้สนามบาสน่าจะปิดให้บริการแล้ว อย่างที่คิด เพียงเขาลุกขึ้นนั่งสะบัดความมึนงงได้ครู่เดียว เจ้าหน้าที่ผู้ดูแลก็ขี่จักรยานผ่านมาพบเข้าและไล่ให้กลับบ้านไป...“ไม้. . .พ่อแม่ไม้ก็กลับมาแล้ว พรุ่งนี้ดาวจะกลับบ้านแล้วนะคิดถึงพ่อแม่ตัวเองเหมือนกัน แล้วนี่หายไปไหนทั้งวันเลย” ดาวบ่นไปพลางเก็บสัมภาระไปพลาง ไม้เพียงยิ้มรับเล็กน้อย มีบางอย่างดลใจให้เขาตรงไปยังเก๊ะลิ้นชักเก็บของเบ็ดเตล็ด และรื้อค้นของจุกจิกต่าง ๆ จนในที่สุดก็พบสิ่งที่ต้องการ..“รูปสมัยไหนน่ะ เก่าจนเหลืองเลย” ดาวขอมีส่วนร่วมด้วยการชะโงกหน้าดู เป็นภาพของไม้และเต๋อสมัยที่หัดบาสให้กันช่วงแรกเริ่ม...ชายหนุ่มพยายามปิดป้องไม่ให้แฟนสาวเห็นรอยน้ำตาที่หยดลงรูปภาพ..“อยู่ดี ๆ คิดถึงเพื่อนเก่าขึ้นมาน่ะ. . .” “ดีแล้วนะครับที่พี่ตัดสินใจช่วยเขา ไม่งั้นต้องร้องไห้ฮือ ๆ ในงานศพแน่เลย” ...ณัฐพูดพลางใช้ช้อนตักไอศกรีมราสพ์เบอร์รี่เชอร์เบทเข้าปาก ขณะที่เต๋อเลือกจิบชาคาโมไมล์อุ่น ๆ ณัฐรู้สึกว่าโลกใบนี้สวยงามขึ้นเป็นกองตั้งแต่เลือกอยู่ฝ่ายเต๋อ เขาได้กิน เที่ยว เล่น ในที่ที่ปลอดคนเสมอ อาการโรคกลัวคนจึงไม่กำเริบ เนื่องจากเต๋อใช้โทรจิตไล่คนออกไปหมด อาจดูเหมือนตามใจเด็กเกินเหตุ แต่เต๋อไม่ได้ทำในฐานะผู้ปกครองหรือญาติมิตรที่ต้องคำนึงเรื่องการสปอยล์เด็ก เขาคิดว่ามันเป็นความสัมพันธ์เชิงธุรกิจที่ต้องพึ่งพาอาศัยกัน เขาช่วยให้ณัฐรู้สึกอยู่ในสภาพได้ดั่งใจ แลกกับความช่วยเหลือเรื่องนิมิตอ่านอนาคต ซึ่งเมื่อถึงคราวไหว้วาน เจ้าตัวก็ควรทุ่มให้ไม่น้อยกว่าที่เต๋อลงทุนเนรมิตโรงหนังหรือสวนสนุกให้ร้างเช่นกัน...“. . .ณัฐ. . .บอกพี่ครั้งเดียว. . .พี่ก็รู้แล้วล่ะครับ” เต๋อเอ่ยสนองอย่างสุขุม...“ผมเห็นภาพพี่ร้องไห้จริง ๆ นะครับ ต่อยกำแพงด้วย พวกเด็กติดเกมเค้าเรียกอาการประมาณนี้ว่าซึนเดเร๊ะนะครับ”...“ซึนเด. . .หมายความว่าไงครับ” เขายักคิ้วถาม ไม่ใช่เพราะความฉงนแต่ไม่พอใจที่ณัฐร่าเริงจนล้ำเส้น เขาชอบณัฐตอนที่พูดจาตะกุกตะกักมากกว่าพูดรื่นเป็นต่อยหอยแต่ไม่รู้จักการใช้คำพูดที่เหมาะสมกับเขา...“ซึนเดเร๊ะ ภาษาที่พวกเล่นเน็ตเล่นเกมใช้กัน หมายถึงคนปากอย่างใจอย่างไงครับ. . .เหมือนในละครที่นางเอกออกทอม ๆ ชอบกร่างใส่พระเอก พอพระเอกป่วยก็เอาข้าวเอาน้ำมาให้ แต่รีบออกตัวว่าช่วยเพราะเดี๋ยวคนอื่นจะหาว่าใจดำ จริง ๆ ก็คือเป็นห่วงแหละครับ”...“คน ๆ นั้นต้องสำคัญกับพี่มากแน่เลย ผมถึงเห็นภาพนิมิตแบบนั้น” ณัฐยิ้มแป้นตักราสพ์เบอร์รี่เชอร์เบทเข้าปากอีกครั้ง หารู้ไม่ว่าจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ไอศกรีมได้ละลายในปากอย่างเปี่ยมสุข...“พี่ไม่ชอบ. . .ให้ใครทำตัวฉลาดกว่าพี่ หรือเรียกสั้น ๆ ว่า “รู้ดี”. . .” เต๋อลดถ้วยชาลงเสมออก...“กรุณาอย่าใช้คำพูดเหมือนรู้สึกลุ้นสนุกไปกับการไล่อ่านอนาคตพี่ ณัฐมีหน้าที่แค่รายงานว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง ไม่ต้องมากไม่ต้องน้อยกว่านั้น และไม่ต้องเสริมถ้าพี่ไม่ขอความเห็น” เขาเริ่มแผ่กระแสคลื่นโทรจิตออกไป..“ผมไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น. . .นะครับ” “ณัฐเริ่มรู้สึกว่าช้อนไอศกรีมหนักอึ้งขึ้น แรงกดดันบางอย่างกำลังคืบคลานเข้ามา...“เยี๊ยก ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ ๆ!!!” อยู่ดี ๆ ผู้คนจากทั่วสารทิศก็กรูเข้ามาในร้านด้วยอาการกระปรี้กระเปร่าปรอทแตก เหมือนหลอดพลังชีวิตล้นทะลุขีดจำกัด...เต๋อลุกพรวดขึ้นเดินหลบไปยังอีกมุมของร้าน ทิ้งณัฐนั่งกับโต๊ะกับไอศกรีมถ้วยที่กินค้างไว้ “โซเชี่ยลโฟเบีย (Social Phobia) อย่างน้องณัฐ ถ้าตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้ จะเป็นยังไงกันนะครับ?” ...บรรดาผู้คนราวสี่สิบคนที่ถูกเต๋อควบคุมล้อมณัฐไว้แล้วยืนจ้องอย่างกระหายใคร่รู้ ทุกคนมีแววตาและรอยยิ้มกริ่มเหมือนคนสติไม่สมประดี...“กินไอติมต่อสิ” คุณลุงคนนึงพูดขึ้นเป็นคนแรก..“เกร็งทำไม เราแค่อยากดูว่าเธอใช้ชีวิตประจำวันยังไง” เด็กสาวทอมบอยเสริม.“หันหน้าให้ดูชัด ๆ หน่อยสิ” หญิงชรากล่าวอย่าใคร่สงสัย.อาการโรคเฉพาะตัวของณัฐเริ่มแสดงอาการออกมา. . . “ย. . . อย่า. . .อย่ามองผม. . .อย่างนั้น”..“เห็นไหมครับ กลับมาขี้กลัวพูดเสียงเบา ๆ แบบนี้น่ารักกว่าตอนจ้อเยอะเลย” เต๋อยิ้มกรุ้มกริ่ม..“กินไอติมต่อสิ หยุดกินทำไม ก็แค่อยากดูมันจะตายเชียวเหรอ” .“เร็ว ๆ สิ เป็นอะไรไปเล่า” ..ณัฐรู้สึกหน่วงท้อง พิษประหม่าทวีความรุนแรงและลุกลามแผ่ไปถึงแขนขา เขาเริ่มตัวสั่นและหายใจติดขัด..“หรือว่าอยากเปลี่ยนมากินไอติมอุ่น ๆ” หนุ่มชุดนักศึกษาคนหนึ่งเอ่ยขึ้น เขารูดซิปงัดควยโด่เด่เด้งผึงออกมาต่อหน้าณัฐและคนรอบข้าง...“สนไอ้นี้ไหม” นักศึกษาหนุ่มชี้ลำควยตัวเองซึ่งปลายหัวเงี่ยงบานเต็มที่ ณัฐส่ายหน้าจะร้องไห้ “ฮึก ฮึก ฮึก”..“ลองจับสิ” เขาคว้ามือณัฐไปแตะควยเบา ๆ ซึ่งณัฐไม่สามารถขยับตัวหนีได้เลย อาการกำเริบหนักขึ้นจนควบคุมร่างกายไม่ได้ ซ้ำยังต้องเจอคนถูกควบคุมให้วิปริตอีก แตะท่อนควยได้ไม่นาน นักศึกษาหนุ่มก็หลั่งไวเพราะความตื่นเต้น เขาหยิบถ้วยไอศกรีมของณัฐมารองรับน้ำกามเหมือนน้ำเชื่อมท็อปปิ้ง...“ทีนี้กินได้หรือยัง” นักศึกษาหนุ่มถามหลังหลั่งหมดจนสะเด็ดหยดสุดท้าย กลายเป็นถ้วยเชอร์เบทราสพ์เบอร์รี่สีแดงเลือดราดด้วยท็อปปิ้งน้ำอสุจิขาวข้น . . . ผู้คนที่ล้อมรอบตัวหัวเราะครืนและจ้องมองเหมือนณัฐเป็นตัวตลก เสียงหัวเราะและสายตาเสียดแทงเข้าครั้งแล้วครั้งเล่าปานคมมีด..การทรมานจิตใจได้ผลเกินคาด ณัฐสั่นเป็นเจ้าเข้าและล้มลงจากเก้าอี้โครมใหญ่..“ฮั่ก ฮั่ก ฮั่ก ฮั่ก” เด็กหนุ่มหอบหายใจรัว ดิ้นพล่านไปมาบนพื้น ใช้มือปัดป้องอากาศทั้งที่ไม่มีใครถูกเนื้อต้องตัว “กลัวแล้ว!! กลัวแล้ว!!” ....“อย่าทำผม กลัวแล้ว!! กลัวแล้ว!! ไม่! ไม่เอา ฮือออออ!!” ...เต๋อชะงักกึกเมื่อเห็นอาการตรงหน้าไม่ใช่เรื่องล้อเล่น ภาพครั้งเมื่อเต๋อร้องขอให้เพื่อนร่วมห้องหยุดรุมกระทืบแว่บเข้ามาในห้วงนึกคิด..“หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้! ออกไปจากที่นี่ให้หมดทุกคน!” เขาลั่นยกเลิกคำสั่งและรีบเข้าไปประคองตัวณัฐซึ่งกำลังหอบสำลักลมหายใจตัวเอง ..“น้องณัฐ พี่ขอโทษ พี่ไล่คนออกไปหมดแล้วครับ ค่อย ๆ หายใจนะ” สิ่งที่เต๋อกลัวที่สุดในตอนนี้คืออาการประจำตัวของณัฐ มันร้ายแรงเกินกว่าคนปกติจะเข้าใจว่าทำไมเป็นไปได้ขนาดนั้น...ผ่านไปสักพัก อาการของณัฐเริ่มกลับเข้าที่ทาง เขากลับมาหายใจจังหวะปกติ ส่วนเต๋อรู้สึกผิดที่ทำต่อคนอ่อนแอกว่าไม่ต่างจากกลุ่มเพื่อร่วมชั้นที่เคยรังแกตน...แต่น่าแปลก ขณะที่ณัฐทุเลาลง เต๋อกลับเริ่มรู้สึกมึนเวียนศีรษะ ตามมาด้วยความเจ็บแปลบราวฟ้าแลบ จากนั้นก็มีแต่เสียงแหลมหวีดดังกรีดก้องภายในหัว...“โอ๊ยยยย! อะไรเนี่ย!” เต๋อล้มโครม! เจ็บอื้ออึงจนน้ำหูน้ำตาไหล เขารู้สึกเหมือนในหัวมีการปล่อยจรวดอวกาศ...“พี่เต๋อ. . .เป็นอะไรครับ!” ณัฐกลับเป็นฝ่ายเข้าดูแลแทน เต๋อดิ้นทุรนทุรายเหมือนปลาช่อนโดนทุบหัว..“เจ็บ! หัวจะระเบิดแล้ว! ช่วยด้วย!” เส้นเลือดทั่วใบหน้าเต๋อปูดโปนแสดงถึงระดับความทรมาน ส่วนณัฐหันรีหันขวางไม่รู้จะช่วยอย่างไรได้ ..“ณัฐช่วยพี่ด้วย หัวพี่จะแตกเป็นเสี่ยง ๆ แล้ว!! อ๊ากกก!!” ในที่สุดณัฐก็นึกได้ว่าควรจะทำอย่างไร เขาตัดสินใจโทรหามีนซึ่งถือเป็นนางหน้าห้องของธนิก...“ฮัลโหลครับพี่มีน ตอน. . .ตอนนี้. . .ตอนนี้ผมอยู่กับ. . พี่ . . .พี่เต๋อ เขาปวดหัวมาก ๆ เลยครับ ทำ. . .ทำยังไงดีครับพี่”...“เดี๋ยวนะ แล้วเธอไปอยู่กับเต๋อได้ยังไง” มีนย้อนถาม...“อย่า. . .อย่าเพิ่ง ถ. . .ถามเลยครับ ตอนนี้พี่. . .พี่เขาจะตายอยู่แล้ว ถึง. . .ถึงขั้นชักแล้วนะครับ” น้ำเสียงณัฐบ่งบอกถึงความจริงจัง...“อ๋อ ปวดหัวเรอะ. . . อืม. . .นึกดูให้ดีสิณัฐ. . .” มีนพูดขึ้นด้วยเสียงราบเรียบ “มันเกี่ยวกับภาพนิมิตของเธอที่ว่าเขาจะต้องเป็นฝ่ายมาให้เราช่วยหรือเปล่า” ..ณัฐเพิ่งนึกได้ ภาพนิมิตที่เขาเคยเห็นคือเต๋อจะเข้าพบธนิกเพราะพิษอาการปวดหัวเจียนตาย ซึ่งอาจหมายความว่าอีกไม่นานนี้เรื่องที่เขาแอบพบเต๋อจะถึงคราวความแตก ไม่สิ. . .ตอนนี้อาการเป็นตายของเต๋อสำคัญกว่าโทสะของธนิก...“ผม. . .ผมว่าเรื่องเดียวกันครับ” เด็กหนุ่มตอบเสียงอ่อย..“งั้นก็ดี. . .” ปลายสายยิ้มอย่างพอใจ..“บอกเขาว่าเตรียมพนมมือไหว้ขอขมาพี่งาม ๆ . . . .ถ้าไม่งั้นก็นอนชักอย่างนั้นต่อไป”.สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]