แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 26
“เกเรียนอีกแล้วเหรอณัฐ! มาคุยกันให้รู้เรื่อง” ธนิกใช้พลังจิตเคาะประตูเสียงดังตึงตังเช่นเคย ณัฐรู้สึกเหมือนมีแมมมอธตกมันกำลังจะพังห้องเข้ามา แม้เขาอ่านอนาคตตัวเองโดยตรงไม่ได้ แต่สามารถอ่านภาพเหตุการณ์รวม ๆ ที่จะเกิดขึ้นในชั้นเรียนได้ วันนี้เขาจะถูกเพื่อนชายกลั่นแกล้ง..“พูดกับน้องดี ๆ เอ็งขู่อย่างนี้เด็กมันก็กลัวสิ” เจ๊นนท์ในรูปแบบชายชาตรีเจรจาให้ธนิกใจเย็นลง และขออาสาคุยกับณัฐเอง แต่ทันทีที่เจ๊นนท์เกลี้ยกล่อมให้ณัฐเปิดประตูออกมาได้ก็ถูกธนิกบังคับให้แต่งชุดนักเรียนและขึ้นรถ โดยไม่เห็นหัวหงอกหัวดำอย่างเจ๊นนท์อยู่ในสายตา ธนิกขับรถไปส่งถึงโรงเรียนด้วยตนเอง เมื่อถึงหน้าประตูเขาก็ยังคงจ้องมองอยู่ ณัฐเดินคอตกเข้าไป ทำเรื่องเช็คมาสายและนั่งเรียนตามปกติ..เมื่อช่วงพักระหว่างคาบเรียน ณัฐเดินตัวลีบไปซื้อขนมปังรองท้องเนื่องจากไม่ได้รับประทานมื้อเช้า แต่โต๊ะม้าหินอ่อนที่นั่งเต็ม เพื่อนผู้หญิงชวนให้ณัฐมานั่งกินขนมด้วยกัน กลุ่มเพื่อนผู้ชายโต๊ะข้าง ๆ หันความสนใจจากตารางหมากฮอสบนโต๊ะ พากันจุดประเด็นว่าณัฐนั้นช่างเสียชาติที่เกิดเป็นเพศชาย ตัวเล็กผอมบางอรชร เดินห่อไหล่ ไม่มีสง่าราศีเอาซะเลย กีฬาก็ห่วยแตกแหลกลาญ การเรียนก็งั้น ๆ เก็บตัวเงียบไม่มีมนุษยสัมพันธ์ ทำเหี้ยอะไรไม่เป็นโล้เป็นพายซักอย่าง แม้ขี่มอเตอร์ไซค์ยังทำไม่ได้ แถมคบได้แต่ผู้หญิง หนำซ้ำที่เพื่อนผู้หญิงชวนคุยด้วยเป็นเพราะสงสารหาใช่สนิทใจ..“อีตุ๊ดณัฐ!” เพื่อนร่วมชั้นตะโกนแซว ตามมาติด ๆ ด้วยเสียงหัวเราะจากคนอื่นเป็นคอรัส สิ่งที่เขาไม่อยากให้เกิดขึ้นอุบัติขึ้นแล้ว พวกผู้ชายเดินเข้ามาบอกว่าวันนี้จะมีการจัดซุ้มงานโรงเรียนเพื่อหาเงินเข้าชมรมต่าง ๆ ในวันรุ่งขึ้น เกณฑ์การเข้าชมรมนั้นเป็นไปตามความสมัครใจและไม่นับเป็นชั่วโมงเรียนที่ต้องประเมินผล แน่นอนว่าคนอย่างณัฐไม่สังกัดชมรมใด ๆ เลิกเรียนแล้วกลับบ้านทันที แต่ดูเหมือนว่าเพื่อนชายคนหนึ่งคิดว่านั่นเป็นพฤติกรรมนอกคอกและเอารัดเอาเปรียบสังคม..“เกิดมาไม่เคยคิดอยากทำตัวให้เป็นประโยชน์บ้างเรอะ” แม้เพื่อนชายจะยังไม่บอกว่าต้องการสิ่งใด แต่การเกริ่นเช่นนี้ย่อมไม่ใช่เจตนาดีแน่นอน ณัฐถูกโน้มน้าวแกมบังคับให้ออกแรงช่วยจัดซุ้มชมรมฟุตบอล ม.ปลาย ที่เด็กผู้ชายกลุ่มนี้สังกัดอยู่ เมื่อเข้าไปช่วยก็เกิดเรื่องอย่างที่คาดไว้ ณัฐตัดโฟมตัวอักษรพลาดจนเป็นรอยดูทุเรศทุรัง เขียนป้ายผิด ทำค้อนตอกตะปูตีนิ้วตัวเอง สุดท้ายเมื่อเอนหลังพิงเพื่อพักเหนื่อยก็หารู้ไม่ว่าไปชนกับบอร์ดสำหรับตกแต่ง มันล้มโครมลงมา สิ่งประดิดประดอยที่ตกแต่งมาเป็นอย่างดีฉิบหายระเนระนาด..“ไอ้ควายยยยยยยยยณัฐ!?” เด็กหนุ่มคนหนึ่งปรี่เข้าผลักอกจนณัฐล้มไปกองกับพื้น “โอ๊ย!” เสียงร้องของณัฐไม่ช่วยให้โทสะเจือลงแม้แต่น้อย ..“เย็นก่อนไอ้แบงค์!” เพื่อนอีกคนเข้ามาปราม..“มึงอย่ายุ่ง! ไอ้เหี้ยนี่ทำพังหมดเลย โว้ย!! แม่งโว้ยยยย!” แบงค์เอะอะจนเพื่อนที่อยู่รอบ ๆ เข้ามามุงล้อมและหารือกัน ผลสรุปออกมาไม่แย่แต่ก็ไม่ดีเท่าไหร่นัก ณัฐไม่ถูกทำอันตรายด้วยเหตุผลว่าถูกบังคับให้มาช่วยงาน แต่กระนั้นก็ปราศจากคำขอบคุณหรือปลอบใจใด ๆ ณัฐถูกไล่ออกไปให้พ้น ๆ เพราะเป็นตัวเกะกะน่ารำคาญ..“ไม่ต้องโผล่หัวมาอีกอีตุ๊ดณัฐ!!!”..เมื่อณัฐกลับถึงบ้านก็ปิดประตูขังตัวเองในห้อง เขานอนซุกหน้าลงหมอนแล้วร้องไห้เงียบเชียบ สักพักธนิกก็เคาะประตูเรียกเสียงดังปานกลางเป็นลางดีคงว่าไม่ใช่เรื่องซวยซ้ำซ้อน ณัฐรีบปาดน้ำตากลบเกลื่อนทำเหมือนปกติดีแล้วเปิดประตู..“มะรืนพี่มีธุระจะไปคุยกับไอ้เต๋อ นัดกันที่นีโอคอมเพล็กซ์ แกไปด้วยสิ อย่ามุดหัวแต่ในห้อง ออกไปรับแดดรับตะวันบ้าง” ธนิกเชื้อเชิญแบบห้วน ๆ ไม่มากพิธี.))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))“..เมื่อถึงวันนัดหมาย ธนิกกับณัฐพบเต๋อที่ห้างสรรพสินค้า ณ มุมสงบในร้านกาแฟ หลังจากที่เต๋อเกือบเป็นเครื่องบริหารฟันกรามของสุนัขรอตไวเลอร์ เขาได้ตระหนักถึง “จุดอ่อน” และคิดว่าธนิกน่าจะเป็นผู้ชี้แนะแนวทางได้ เขาขอให้ธนิกช่วยบอกว่าอำนาจโทรจิตของเขามีข้อจำกัดอย่างไรบ้าง ข้อแรกที่ธนิกเอ่ยตรงกับประสบการณ์สด ๆ ร้อน ๆ เขากล่าวว่าโทรจิตของเต๋อใช้ได้กับมนุษย์เท่านั้น ถ้าควบคุมสัตว์ได้ก็จะเป็นอีกประเภทหนึ่งซึ่งจะไม่มีความข้องเกี่ยวกับมนุษย์ไปเลย และยังมีมนุษย์บางประเภทที่ต้องพึงระวัง เช่นพวกเล่นคุณไสยหรืออำนาจอันมีพื้นฐานจากความเชื่อ แรงศรัทธา และพิธีกรรมต่าง ๆ ..ธนิกเสริมว่าส่วนตัวเขาไม่ปักใจเรื่องทางไสยศาสตร์ แต่หากรั้นพยายามใช้วิทยาศาสตร์อธิบายก็พอเลียบเคียงได้ว่าคนประเภทนี้สามารถดึงศักยภาพที่ซ่อนเร้นใต้จิตตนเองออกมาผ่านพิธีกรรมเหมือนเป็นการสะกดจิตตนเอง เช่นในเทศกาลกินเจที่มีคนทรงเจ้านำเหล็กแหลมทิ่มแทงปากตนเอง แต่เมื่อถอดเหล็กออกแผลก็สมานอย่างเร็วไวราวปาฏิหารย์ เขาสรุปสั้น ๆ ว่ามีมนุษย์บางคนที่สามารถพัฒนาศักยภาพทางจิต-กายได้ด้วยตนเองผ่านกิจกรรมเหล่านี้ ซึ่งหากอยู่ในภาวะที่จิตเข้มแข็งมากพออำนาจโทรจิตของเต๋ออาจไม่เป็นผลใด ๆ และท้ายสุดผู้มีพลังพิเศษทุกคนมีพื้นฐานพลังเหนือมนุษย์จากอำนาจจิต ดังนั้นควรหลีกเลี่ยงความเสี่ยงทุกอย่างที่เป็นภัยต่อความมั่นคงทางสติและความคิด เช่น ของมึนเมา ยาเสพติด ตลอดจนยากล่อมประสาทหรือกระตุ้นประสาท..ณัฐก้มหน้างุด ๆ ดูดสมูธตี้มิกซ์เบอร์รี่ เขาพยายามใช้หลอดเขี่ยเอาลูกเชอร์รี่ก้นถ้วยขึ้นมากินอย่างเงอะงะ ธนิกเห็นแล้วหงุดหงิดที่ณัฐอยู่ชั้นมัธยมปลายแล้วแต่บุคลิกกลับย่ำแย่ถึงขั้นติดลบ ซึ่งขัดกับภาพพจน์ผู้มีพลังวิเศษในอุดมคติคือน่าเกรงขามสมชนชั้นผู้ปกครองมนุษย์ เขาใช้พลังไซโคไคเนซิสดีดลูกเชอร์รี่ขึ้นมาให้ ดูเหมือนแม้จะตั้งใจช่วยแต่เมื่อมีอารมณ์ขุ่นมัวเจือปนมักไม่ส่งผลดีในทางปฏิบัติ เกล็ดน้ำแข็งสมูธตี้พุ่งกระจายใส่หน้าณัฐชุ่มโชก..“ธนิกครับ. . .กรุณาควบคุมอารมณ์ ไม่ใช่ที่รโหฐาน” เต๋อส่งกระดาษให้ณัฐเช็ดหน้า เด็กหนุ่มแบ่งรับแบ่งสู้ไม่กล่าวโทษใด ๆ และขอตัวไปห้องน้ำล้างหน้า..ระหว่างณัฐหลับตาล้างหน้า ภาพนิมิตก็ผุดขึ้นในห้วงนึกคิด อีกสิบนาที ที่สะพานลอยถัดจากห้างนีโอคอมเพล็กซ์ราวร้อยกว่าเมตร แบงค์กับเพื่อนชมรมฟุตบอลอีกสองสามคนกำลังเดินทางไปร้านอุปกรณ์กีฬาเจ้าประจำ พวกเขาตั้งใจนำเงินที่ได้จากการจัดซุ้มกิจกรรมชมรมในงานโรงเรียนที่มีขึ้นเมื่อวานไปซื้อลูกฟุตบอลชุดใหม่ เนื่องจากของเดิมชำรุดไปบางส่วนแล้ว ..แต่จะถูกกลุ่มวัยรุ่นอันธพาลหาเรื่องชิงเงินเสียก่อน...)))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))“เฮ้ย! เดินไม่ดูคนเลย” เสียงหนึ่งเอ็ดตะโรขึ้น หลังจากเดินสวนแล้วกระทบกระแทกไหล่กัน..แก๊งค์วัยรุ่นอันธพาล 4 คน ตรงเข้าผลักอกพวกหนุ่มนักฟุตบอล แม้จะมีคนหนึ่งเอ่ยขอโทษแล้ว แต่ดูเหมือนนั่นจะยังไม่เพียงพอ อันธพาลระเบิดหูเรียกร้องค่าทำขวัญจากพวกแบงค์ ทุกคนมองหน้ากันกระอักกระอ่วน แม้อายุจะไม่ห่างกันมาก แต่ฝ่ายตรงข้ามดูมีชั้นเชิงกร้านโลกมากกว่า ประเมินจากเสื้อผ้าหน้าผม กิริยา และคำพูดแล้ว คนประเภทนี้คงใช้มธุรสวาจาไกล่เกลี่ยไม่ได้โดยง่าย..จอมอันธพาลผมสีทองแดงเห็นซองกระดาษในมือเด็กหนุ่มคนหนึ่ง คราวแรกคิดว่าเป็นซองผ้าป่า โชคไม่ดีเอาเสียเลยที่เมื่อครู่ควักซองออกมาเดินนับเงินคำนวณค่าอุปกรณ์กีฬากันโจ่งแจ้ง จะเก็บกลับตอนนี้ก็คงไม่ทันแล้ว..“ไหนเอามาดู!” อันธพาลผมทองแดงคว้าซองบรรจุเงินรายได้จากชมรมไปดู “เฮ้ย!หยุด!” แบงค์ปรี่เข้าไปหมายคว้าคืน แต่อีกฝ่ายควักมีดพับออกมาคุมเชิง แม้มีคนสัญจรผ่านบนสะพานบ้างแต่ก็ไม่มีใครกล้าสอดมือเข้าไปยุ่ง และผู้พิทักษ์สันติราษฎร์ก็ไม่ใช่ร้านสะดวกซื้อที่นึกอยากจะหาเมื่อไหร่ก็หาได้..“ไอ้แบงค์ ช่างแม่งเหอะ ค่าทำศพแพงกว่าแน่ ๆ ไม่คุ้มนะเว้ย” เพื่อนนักฟุตบอลปรี่เข้ากระซิบ ..“แต่นั่นพวกเราเหนื่อยกันแทบตาย!” แบงค์ยืนยัน .“เอางี้ เดี๋ยวแชร์เงินรวมกันชดเชย แค่คนละพันกว่า ๆ เอง” เพื่อนคนหนึ่งเสนอทางออก.“กูไม่เอาแบบนั้น! พวกมึงยอมได้ไง!” ..“เอ้อ เกือบ ๆ ห้าพันว่ะ เยี่ยม ๆ แบ่งกันกินแบ่งกันใช้บ้างไอ้น้อง นึกว่าทำบุญต่อชีวิตให้พวกมึงเองนั่นแหละ เงินแค่นี้เดี๋ยวพวกมึงก็ไปหาใหม่ได้” จิ๊กโก๋ผมทองแดงเก็บเงินลงซองดั่งเดิม และเกลี้ยกล่อมให้ยินยอมแต่โดยดีเพื่อแลกกับสวัสดิภาพร่างกาย..แบงค์ปรี่เข้าไปหมายชกหน้าแต่กลับถูกตีนอัดเข้ากลางท้อง เคราะห์ดีที่ฝึกร่างกายมาตลอดจนกล้ามท้องแข็งแกร่ง ไม่ถึงขั้นจุกแต่ก็เสียหลักพอสมควร อันธพาลมือมีดควักอาวุธชี้หน้า กลุ่มเพื่อนชมรมฟุตบอลแตกฮือไปคนละทิศทาง .“มึงอยากลองของพวกกูใช่มะ” อันธพาลมือมีดขู่กร้าว..ยังไม่ทันใด ณัฐเดินย่องมาจากด้านหลัง คว้าซองเงินจากมืออันธพาลหัวทองแดงซึ่งไม่ทันระวัง อันธพาลทั้งสี่หันมามองเป็นสายตาเดียวกัน..“เหวอ. . . เราทำอะไรไปเนี่ย” ณัฐไม่รู้ว่าผีผลักหรือผีป่าผีดงเข้าสิงให้ตัดสินใจกระทำอุกอาจเยี่ยงนี้ แต่ก็ทำไปแล้วและเปลี่ยนแปลงอะไรไม่ทันแล้ว..อันธพาลทั้งสี่เหลียวหลังตะลึงงันกับเด็กปริศนาที่จู่ ๆ โผล่เข้ามามีเอี่ยวไม่มีปี่มีขลุ่ย แบงค์ฉวยจังหวะนี้วิ่งสวนทางฝ่าวงล้อมไปคว้ามือณัฐซึ่งยืนแข็งทื่ออยู่..แล้วออกตัววิ่งสุดแรงเกิด!..“ไอ้พวกเหี้ยนี่!! เฉยไรเล่าไปตามเอากลับมา!!” อันธพาลมือมีดกล่าวเปิดงานล่า พลพรรคร่วมแก๊งค์ทั้งสามออกสตาร์ทตามติดกันไป..แบงค์จูงมือพาณัฐวิ่งลงสะพานลอยหนีเข้าไปในเขตชุมชน ณัฐพยายามเปิดตามองทางสลับกับหลับตาเพ่งนิมิตหาวิธีเอาตัวรอด อันดับแรกณัฐขว้างซองเงินทิ้งในพงหญ้ารกชัฎข้างท้าง แบงค์เบิกตากว้าง..“เฮ้ยไอ้บ้า!!?” แบงค์ตะโกนท้วงแต่ณัฐรับประกันว่าจะได้เงินคืนครบทุกบาททุกสตางค์ภายหลังแน่นอน ไม่มีเวลาให้อธิบายเยิ่นเย้อนักเพราะนักเลงทั้งสี่ผ่านหัวโค้งมาพบเป้าหมายเข้าพอดี เด็กหนุ่มทั้งสองโกยต่ออย่างไม่รอช้า..“จับ. . จับมือเราไว้แบงค์. . .เราต้องหลับตาวิ่ง” ณัฐขอร้องซึ่งแบงค์ก็บ้าจี้ทำตามเพราะไม่มีเวลามานั่งคิดถึงความเป็นเหตุเป็นผล นิมิตอ่านอนาคตแบบเฉียบพลันชนิดวินาทีต่อวินาทีอย่างที่ณัฐทำอยู่นี้ จะให้ประสิทธิภาพสูงสุดเมื่อผู้ใช้สามารถปะติดปะต่อสิ่งละอันพันละน้อยจนเต็มเติมจิ๊กซอว์สมบูรณ์ หากขาดชิ้นใดชิ้นหนึ่งอาจกลายเป็นว่าเลือกทางผิดภายหลัง เมื่อทั้งสองผ่านรถเข็นลูกชิ้นปิ้ง ณัฐขอให้หยุดซื้อ..“แดกเหี้ยไรตอนนี้!!?” แบงค์โวยวายแต่ณัฐไม่ฟัง ลนลานส่งเศษเงินซึ่งนับได้เท่าไหร่ไม่รู้ให้แม่ค้าและคว้าลูกชิ้นปิ้งติดมือไปสามสี่ไม้จากนั้นออกวิ่งต่อทันที..ถึงทางตันเป็นร้านข้าวมันไก่ แบงค์ตั้งใจจะวิ่งทะลุออกหลังร้านซึ่งเปิดประตูทิ้งไว้กว้างขวางสะดุดตา ทั้งนี้เพื่อหนีออกไปอีกซอย แต่ณัฐขอให้ค่อย ๆ เดินช้า ๆ ผ่านออกไป ทำตัวเป็นปกติ..“นั่งก่อนเลยค่า ไก่ต้มไก่ทอดไก่ย่างเลือกได้เลยค่า ผสมกันก็ได้นะค้า” เจ๊เจ้าของร้านข้าวมันไก่กล่าวต้อนรับแข็งขัน ณัฐทำทีเป็นเลือกทำเลหลังสุดในร้าน แต่ที่จริงใช้เป็นทางผ่านเดินทะลุออกไปอีกด้านหนึ่ง ทุกอย่างลุล่วงโดยดี แต่ไม่ถึงอึดใจพวกอันธพาลก็เร่งฝีเท้าตามติดกระชั้นชิด..“เฮ้ย ๆ ๆ ๆ ! เข้ามาทำอะไร!!” เจ๊ข้าวมันไก่เอ็ดใส่เหล่าจิ๊กโก๋ซึ่งมีทีท่าว่าจะก่อความวุ่นวายในร้าน..“ลูกค้าตกใจหมด! ไปวิ่งไล่กันที่อื่น!!” เจ๊คว้าปังตอสับคอไก่ต้มกระเด็นตกแทบเท้ากลุ่มจิ๊กโก๋เพื่อให้เห็นว่าเจอคนจริง พวกมันหน้าเสียและแห่กันออกจากร้านเลี่ยงไปใช้ทางลัดอีกทาง..มาถึงตอนนี้ ณัฐเริ่มหอบเหนื่อยเท้าระบมที่วิ่งติดต่อกันพอสมควร เขาพยายามใช้ใจฮึดสู้แต่ก็กายก็ไปด้วยกันไม่ได้เพราะสุขภาพอ่อนแอ แบงค์จึงให้ณัฐขี่คอเดินทางต่อแม้จะดูแปลก ๆ ในสายตาชาวบ้านที่ผ่านมาเห็นบ้างก็ตาม คราวนี้ณัฐหลับตาเพ่งนิมิตสะดวกขึ้นและคอยนำทางบอกให้แบงค์เลี้ยวซ้ายขวา ซึ่งณัฐเอ่ยเป็นนัยว่าทางรอดคือต้องวนย้อนกลับไปเส้นทางช่วงแรก เพราะพวกนักเลงชำนาญเส้นทางกว่าเด็กทั้งสอง ถ้ายังอยู่ละแวกนี้ยังไงก็จะถูกจับได้ในท้ายที่สุด
เมื่อถึงลานดินเล็ก ๆ ที่จำเป็นต้องผ่านไปอีกซอย ทั้งสองพบเจ้าถิ่นเป็นเหล่าสุนัขจรจัดเดินวนเวียนรอบอาณาเขต พวกมันครางกรรในลำคอแสดงความหวงแหนพื้นที่..“เอาลูกชิ้นให้เค้า. . .” ณัฐบอก แบงค์กุลีกุจอรูดลูกชิ้นปิ้งทางปลายไม้แล้วโยนให้ต่างค่าผ่านทาง เหล่าสุนัขจรเบนความสนใจจากผู้บุกรุกมายังเครื่องเซ่นประทังชีวิต พวกมันแย่งกันกินอย่างหิวโหยราวฝูงแร้งอดอยาก เด็กหนุ่มทั้งสองรีบใช้โอกาสนี้รุดหน้าต่อไป..ขณะเดียวกันนักเลงทั้งสี่ก็แกะรอยล่าตามมาจนได้ เมื่อถึงเส้นทางเดียวกัน ฝูงสุนัขจรไม่มีท่าทีเป็นมิตรแม้แต่น้อย พวกมันพร้อมใจกันแยกเขี้ยวประสานเสียงเห่าไล่ผู้บุกรุก เหล่าอันธพาลคิดว่าได้ไม่คุ้มเสียหากดึงดันไล่ล่าเด็กผู้ชายสองคน แต่อาจโดนหมากัดได้แผลเหวอะหวะ ซ้ำจะติดโรคเป็นบ้าเป็นบอทีหลังรึเปล่าก็ไม่อาจรู้ สองในสี่จึงขอถอนตัวเลิกรา ส่วนมือมีดกับคนผมทองแดงยังขอตามต่ออีกนิดเพราะเชื่อว่าทั้งสองยังหนีไปได้ไม่ไกลและเพื่อเป็นการกู้ศักดิ์ศรีที่ถูกลบคม ..เมื่ออาการหอบเหนื่อยทุเลาลงณัฐจึงลงจากหลังแบงค์ ขณะนี้สถานการณ์ดีขึ้นจนเปลี่ยนมาเป็นเดินเร็วแทนได้ ไม่ไกลไม่ใกล้มีป้อมตำรวจจราจร แบงค์ตั้งใจดิ่งตรงไปขอความช่วยเหลือ แต่ณัฐค้านว่าไม่มีคนอยู่แถมประตูยังล็อคไว้ หากไม่เชื่อเขาขอให้นึกถึงเรื่องสุนัขจรจัด แบงค์จึงคล้อยตามลงบ้าง อย่างไรก็ตามณัฐบอกว่ายังไม่ถึงจุดรอดพ้นจนกว่าจะมุ่งไปยังสถานที่สุดท้าย..ณัฐนำทางมาถึงซอยแคบตันแห่งหนึ่ง บอกกับแบงค์ว่าให้รออยู่เฉย ๆ ตรงนี้ ..ดูเหมือนว่าณัฐคำนวณคลาดเคลื่อนไปเล็กน้อย ผู้ไล่ล่าตามมาพบเข้าเร็วกว่าที่คิดไว้ ชายผมทองแดงทวงเงินเป็นอันดับแรก ส่วนมือมีดจ้องเขม็งไปยังแบงค์คู่อริ ..ณัฐเพิ่งเคยเข้าใจว่าความเจ็บปวดทางกายเป็นอย่างไรจัง ๆ ก็นาทีนี้ เพียงชายผมทองแดงชกอัดกลางท้องทีเดียวก็ล้มลงนอนดิ้น มันค้นตามตัวณัฐเพื่อหาซองเงินแต่ไม่พบ ขณะอีกคนใช้มีดข่มขู่ไม่ให้แบงค์เข้าไปเกะกะ เดิมทีควรจะเป็นมวยสองคู่ แต่เมื่อณัฐง่อยกระรอกไปแล้ว แบงค์จึงต้องรับภาระหนักเป็นสองเท่า จิ๊กโก๋ทั้งสองรุมอัดแบงค์ไม่กี่กระบวนท่าก็เสียหลักล้มมือมีดขึ้นคร่อมแบงค์หมายฝากรอยบากข้างแก้ม แต่แบงค์ยื้อมีดไว้ ทั้งคู่ต่างต้านแรงกันและกันหมายให้คมมีดพลิกไปยังอีกฝ่าย..“อด . . .อดทนไว้แบงค์ 10. . .9. . .8 . . 7. . .6 . . .5” ณัฐเริ่มนับเวลาถอยหลัง..“เป็นเหี้ยอะไรของมึง” ชายผมทองแดงคิดว่าณัฐกลัวจนเพี้ยนไปแล้ว..“ 4. . .3 . . .2 . . .1”.“ถามว่าเป็นเหี้ยอะไร!!”..“ไม่ไหวแล้วโว้ยยยย!” แบงค์ร้องลั่นเมื่อหมดแรงต้านมือมีด เสียงของแหลมปักสวบแทงทะลุเนื้อ..“อ๊ากกกกก” มือมีดร้องลั่นเมื่อมือตนเองหันคมอาวุธปักเข้ากลางแขน..“เก่งมากณัฐ คำนวณไว้หมดแล้วสินะครับ” แม้แสงอาทิตย์ร้อนจ้าจะทำให้มองไม่ชัด แต่ณัฐก็มั่นใจว่าต้องเป็นร่างที่ยืนตระหง่านตัดกับแสงตะวันต้องเป็นเต๋อแน่นอน..หลังจากที่ณัฐขอไปล้างหน้าแล้วหายตัวไป ทั้งธนิกและเต๋อพยายามโทรศัพท์ติดต่อหลายครั้งแต่ไม่มีคนรับสาย ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวยามณัฐกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอด ธนิกคิดว่าณัฐคงโกรธที่ทำน้ำปั่นระเบิดใส่หน้าจนกลับไปแล้ว แต่เต๋อไม่คิดเช่นนั้น เขาคิดว่าณัฐไม่น่าโกรธแล้วทิ้งหายไปอย่างนั้นเพราะนั่นเสี่ยงทำให้ธนิกยิ่งโมโหขึ้น ธนิกขอตัวกลับก่อน ขณะที่เต๋อคิดว่าณัฐคงยังเดินเล่นละแวกนี้พลางใช้ตาทิพย์สอดส่องไปรอบ ๆ จนกระทั่งทราบพิกัดที่ณัฐกับเพื่อนกำลังถูกยำและมาบรรจบกันพอดี เต๋อควบคุมอันธพาลทั้งสองลากไปเล่นสนุกที่อื่น ส่วนแบงค์รอดมาได้แบบงงงวย...ณัฐกับแบงค์เดินย้อนกลับไปพงหญ้าที่ทิ้งซองใส่เงินไว้ ก็พบว่ามีชายจรจัดแต่งตัวมอมแมมคนหนึ่งพบเข้าและกำลังหยิบธนบัตรในนั้นมานับอย่างกระหายใคร่รู้ แบงค์รีบออกตัวว่าเป็นเงินของเขา แต่ชายจรจัดไม่ยอมส่งให้..“กูบอกมึงแล้วไอ้ณัฐว่าไม่น่าโยนไปอย่างนั้น! ถ้ามีคนเก็บได้ใครที่ไหนจะยอมคืน” แบงค์ตั้งท่าถลกแขนเสื้อยืด คงต้องใช้กำลังช่วงชิงคืน..ชายจรจัดชี้ไปยังด้ายสิญจน์พันข้อมือของแบงค์ เขาได้มาจากพิธีเลี้ยงอำลาตอนเข้าค่ายอาสา ชายจรบ่นเสียงอู้อี้ ๆ แววตาตีความได้ว่าเข้าใจว่าเป็นสมบัติล้ำค่า..“เขา. . .เขาสติไม่ดี. . .ไม่. . .ไม่ต้องการเงินหรอก. . .ถึงกล้าฝากไว้” ณัฐเผยจิ๊กซอว์ตัวสุดท้ายเพื่อให้ภาพต่อครบถ้วนสมบูรณ์..“อยากได้นี่เรอะลุง” แบงค์ลองถอดสายรัดข้อมือแกว่งไปมาหยั่งเชิง..“แงะ แงะ อู อู” ชายจรจัดแสดงท่าทีว่าขอใช้ซองนี้แลกกับเครื่องประดับ..“ซื้อให้อีกสิบอันก็ได้! เอามั้ย! เดี๋ยวผมซื้อข้าวเลี้ยงด้วย!” แบงค์กระโดดโลดเต้นดีใจ ในที่สุดเงินน้ำพักน้ำแรงของชาวชมรมฟุตบอลก็กลับมาหาเจ้าของดังเดิม..))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))..ณ ตลาดสดใกล้เคียง นักเลงเจ้าปัญหาทั้งสองถูกเต๋อควบคุมมาให้ “จ่ายตลาด” ..“บัง ฉันอยากได้เนื้อสันในดี ๆ สักหน่อย” มือมีดกล่าวกับพ่อค้าเนื้อมุสลิม เขาเลือกเนื้อสันส่วนที่ดีที่สุดส่งให้..“หน้าตาแบบนี้เข้าครัวเป็นด้วยเรอะหนุ่ม ทำสเต๊กกินกับแจ่วสิ” พ่อค้ายื่นเนื้อส่งให้ด้วยไมตรีจิต..“ฉันอยากเย็ดหีเทียมที่ทำจากเนื้อวัว. . .” คำพูดนี้เล่นเอาอาบังหยุดถุงเนื้อกลางคัน..“ตามหลักศาสนาเราไม่เห็นด้วยที่จะให้เอาเนื้อสัตว์ที่ถูกเชือดเพื่อเลี้ยงชีพไปใช้ในทางแบบนั้น” อาบังกล่าว แต่มือมีดไม่สนใจฟังเขาวางเงินไว้และดึงถุงมา จัดการนำเนื้อนั้นเฉือนตรงกลางเป็นรู ปลดซิปกางเกงและสอดควยเข้าไป ความสดและเย็นจากชิ้นเนื้อเข้าโอบอุ้มทั่วท่อนลำให้ความรู้สึกเบาสบายอย่างที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนนักเลงมือมีดกระเด้าเนื้อวัวเข้า ๆ ออก ๆ ด้วยความซาบซ่าน..“อย่าทำเช่นนั้นหน้าร้านเรา!” อาบังขอร้อง ขณะที่พ่อค้าแม่ขาย ลูกค้าที่เดินผ่านไปมา มองเห็นหัวควยนักเลงผู้นี้ผลุบเข้าออกจากรูชิ้นเนื้อสดใหม่ ทุกคนเริ่มจับกลุ่มซุบซิบ อาบังพยายามขอร้องให้ร้านข้างเคียงช่วยห้ามปรามด้วยนิสัยขี้เกรงใจไม่กล้าไล่คน..นักเลงผมสีทองแดงโผล่มาพร้อมตะกร้าจ่ายตลาด เขาหยิบสินค้าอันผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีช่วยเสริม ไม่ว่าจะเป็น ไก่ต้ม ปลากะพง ปลาหมึกสด แตงโม บวบเหลี่ยม เต๋อต้องการให้ทุกคนในที่นี้มีจิตสำนึกของการเป็นผู้ชมที่ดี จึงควบคุมให้ขยับร่างกายไม่ได้เช่นเคย..นักเลงผมทองแดงส่งหีเทียมชิ้นใหม่ให้สหาย นั่นคือปลาหมึกสดซึ่งแกะหัวออกมีสภาพเป็นถุงแล้ว นักเลงมือมีดบรรจงใช้ครอบควยช้า ๆ เมือกลื่นคาวช่วยให้สัมผัสเสน่หาดำเนินอย่างลื่นไหล ส่วนนักเลงผมทองขอเย็ดรูตูดไก่ต้มซึ่งควักไส้ออกหมดแล้ว เขาจับไก่ต้มกระเด้าไปมาส่งเสียงครวญคราง ยังมีของเล่นชิ้นต่อไปรอคอย นั่นคือให้ปลากะพงโม้กควย ด้วยการง้างปากออกและสอดควยลงไปกระเด้า จินตนาการว่าเป็นเรียวปากดรุณีแรกรุ่นบริสุทธิ์ไร้มารยา แม้ต้องระวังปากปลาบาดควยนิดหน่อยแต่ก็ถือเป็นความเสียวรูปแบบใหม่ที่มิอาจห้ามใจ..เสียงเพลงหมอลำแซ่บอีหลีดังก้องตลาด เหมาะกับการเสริมกิจกรรมเข้าจังหวะ นักเลงผมทองแตงโมมาคว้านรูสำหรับเสียบควยเป็นลำดับต่อไป ไม่น่าเชื่อว่าควยแข็งโป๊กของเขาสามารถแบกรับน้ำหนักแตงโมทั้งลูกได้ มันลอยค้างเป็นลูกบอลสีเขียวตระหง่านหน้าท้องโดยไม่ต้องใช้มือจับ เขาเริ่มซอยกระเด้าผลไม้ฉ่ำน้ำอย่างประณีตเหมือนเด็กวัยประถม ส่วนเพื่อนของเขาอีกคนใช้บวบเหลี่ยมสอดเข้ารูตูด คมเหลี่ยมนั้นแม้จะมอบความเจ็บปวดทรมานแต่ก็ให้ความสุขซาบซ่านยากจะหาใดเปรียบ เขานั่งจับบวบเหลี่ยนขย่มและจินตนาการว่าเป็นควยของพ่อแท้ ๆ ผู้ให้กำเนิดที่อาจละเลยในวัยเด็กจนเขาขาดความอบอุ่นจึงต้องเป็นอันธพาล แต่บัดนี้พ่อกำลังจะมอบความรักให้กับเขาอีกครั้ง ถ้าพ่อยังอยู่ พ่อต้องเย็ดเขาแน่ ๆ เหมือนที่บวบเหลี่ยมนี้กำลังทำหน้าที่มอบความสุขให้ไม่มีบกพร่อง สิ้นเสียงเพลงหมอลำอีสาน ชายผมทองแดงกระแทกผลแตงโมแตกกระจายพร้อมน้ำเชื้อ เศษเนื้อผลไม้แดงเจือด้วยครีมขาวเด่น ข้างกายมีนักเลงมือมีดที่กำลังจะถึงสวรรค์ด้วยแท่งผักหฤหรรษ์ “โอวววววววววว” การแสดงสดจบลงแต่เพียงเท่านี้..เต๋อคลายให้ทุกคนพ้นจากอำนาจโทรจิต พ่อค้าวาณิชช่วยกันรุมจับตัวเดนคนทั้งสอง แม่ค้าเขวี้ยงไข่ใส่ เด็กเข็นผักต่อยคว่ำและช่วยกันกระทืบซ้ำ ชุมชนตลาดแห่งนี้ค้าขายกันอย่างสันติมาเป็นเวลาช้านาน จู่ ๆ มีคนสติไม่สมประดีโผล่พรวดพราดเข้ามาทำอุบาทว์จัญไรให้เป็นที่เสื่อมเสีย .“เอาเลย ๆ !!” แม่ค้ากะปิช่วยเชียร์อีกแรง เต๋อยืนหลบยิ้มเยาะอยู่ห่าง ๆ มนุษย์ที่เหิมเกริมหยามเทวดาสมควรถูกพิพากษาให้ลงนรกไม่ได้ผุดได้เกิด ให้เอาสวะสังคมชั้นต่ำเป็นร้อยคนฝังดินทิ้งยังดีกว่าปล่อยให้กำเริบเสิบสานกับเขา ทิพย์ หรือน้องณัฐ..“โอ๊ย! พอที!!” อันธพาลทั้งสองกลายเป็นกระสอบทรายรองรับมือตีนชาวตลาด ใบหน้าบวมช้ำ เลือดชั่วไหลแดงฉาน ดิ้นทุรนทุราย เสียงร้องโหยหวนหาช่วยให้ผู้คนที่เปียมโทสะเพลามือลงได้ ทั้งสองมีโอกาสตายคาตีน..“ด้วยพระนามแห่งอัลลอฮ์ผู้ทรงเมตตา ขอทุกท่านโปรดให้อภัยแก่ชายทั้งสองด้วย” บังมุสลิมเจ้าของร้านขายเนื้อ เจ้าทุกข์คนแรกแทรกตัวกล่าวต่อชาวตลาด เด็กเข็นผักวางมือลงจากมหกรรมบาทาสามัคคี อาบังเจรจาขอให้ชาวตลาดแก้ปัญหาด้วยสันติและขันติ นักเลงสองคนนี้สมควรส่งให้เจ้าหน้าที่จัดการจะดีกว่าตั้งศาลเตี้ยประชาทัณฑ์กันเองด้วยความสะใจ ชาวตลาดที่อยู่ในภาวะกระหายพิธีกรรมลงโทษต่างใจเย็นลง เต๋อไม่ชอบใจนักที่สถานการณ์ซึ่งตนปลุกปั่นขึ้นคลี่คลายรวดเร็วกว่าที่คาดคะเนไว้ กระนั้นก็ไม่ติดใจที่อาบังเข้ามาสอด...อาบังสังเกตเห็นเต๋อ เด็กหนุ่มซึ่งมีแววตาแตกต่างจากทุกคนในที่นี้ ดวงเนตรเสมือนคลื่นทะเลกรดที่พร้อมจะถาโถมกรัดกร่อนเข้าทำลายทุกอย่างที่ขวางทาง...“เธอจะไม่ให้อภัยเขาหรือ เห็นแก่พระเจ้าในศาสนาเธอก็ได้”.....“ผมนี่แหละพระเจ้า และเป็นคนไม่มีศาสนา” เต๋อยิ้มมุมปากก่อนเดินจากออกไป...)))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))...“เดี๋ยวนี้แกกล้าทิ้งให้พี่รอเลยเรอะ! คิดว่าจะตามง้อรึไง! ทีหลังอวดเก่งนักก็ไม่ต้องนั่งรถไปไหนมาไหนด้วยกัน” ธนิกตวาดใส่ณัฐทันทีเมื่อกลับถึงบ้าน..“ไม่ใช่ครับ. . .มี. . .มีเรื่องนิดหน่อย” ณัฐก้มหน้าสลด..“ไม่ต้องเล่าไม่อยากฟัง! แกน่ะหาเรื่องใส่ตัวได้ทุกวัน ไอ้ตุ๊ดเอ๊ยเมื่อไหร่จะหัดทำตัวให้คนเคารพยำเกรงบ้างวะ!”..“แล้วเมื่อไหร่เอ็งจะหัดทำตัวให้เด็กมันเคารพนับถือบ้าง” เจ๊นนท์แทรกขึ้น..“นี่ไม่ใช่เรื่อง. . .ของทวด” ธนิกจ้องกลับอย่างท้าทาย “ความจริงทวดไม่ถือว่าเป็นพวกเดียวกับเราแล้ว หมดคุณสมบัติทางสายเลือดไปแล้ว”..“แล้วใครคอยให้ข้อมูลจนเอ็งเขียนหนังสือได้เป็นเล่มล่ะ อย่าบอกนะว่าเรื่องย้อนหลังเป็นร้อย ๆ ปี เอ็งจะเขียนด้วยตัวคนเดียวถ้าไม่ได้ไอ้แก่คนนี้ช่วยน่ะ” เธอสวนกลับ..“ณัฐ ขึ้นไปก่อน ผู้ใหญ่จะคุยกัน” เจ๊นนท์ให้ณัฐใช้โอกาสนี้หลีกหนีความวุ่นวาย..ภายในห้อง ณัฐล็อกประตูเปิดเพลงดังกลบเกลื่อนเสียงข้าวของแตกกระจายซึ่งไม่ต้องบอกก็รู้ว่าธนิกกำลังมีปากเสียงกับทวด. . .เด็กหนุ่มแววตาเลื่อนลอย ไม่รู้ว่าจะต้องหวานอมขมกลืนเช่นนี้ต่อไปอีกนานแค่ไหน ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่เต๋อจะช่วยยิงยาสลบใส่แมมมอธบ้าคลั่งเชือกนี้..และไม่รู้ว่าเมื่อไหร่คืนวันที่น่าเบื่อในโรงเรียนจะสิ้นสุดลง.....วันรุ่งขึ้น ณัฐเดินทางไปโรงเรียนเช่นเคย วันนี้ดูทะมัดทะแม่งขึ้นเล็กน้อยเนื่องจากเป็นวันที่ต้องใส่ชุดพละ..ทันทีเมื่อเข้าห้อง เหล่าทัพวานรก็รอพร้อมอยู่แล้ว ..“เฮ้ย ได้ข่าวอีตุ๊ดณัฐไปทำบอร์ดชมรมบอลพังเหรอ ไอ้กาก!”.“แล้วทำท่าไหนเซ่อซ่าตอกตะปูโดนนิ้วตัวเองว่ะ ฮ่า ๆ ๆ”.“คาบพละบ่ายนี้มึงจะโชว์ตลกอะไรให้พวกกูดูอีกอีตุ๊ดณัฐ”...“โอ๊ย!” ณัฐถูกกระชากตัวรุนแรงเข้าไปกระแทกกับอะไรสักอย่าง.....เมื่อลืมตาขึ้นจึงเห็นว่าเป็นแบงค์ที่ดึงตัวเขาเข้าไปกอดไหล่ไว้...“จะพูดสั้น ๆ ไอ้ณัฐเพื่อนกู. . . .อย่าให้กูได้ยินไอ้เหี้ยตัวไหนล้อมันว่าตุ๊ดอีก”.
ขอบคุณนะครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]