แค้นวิปริตจิตสั่งกาม ตอนที่ 28
.ธนิกขอเดินทางไปเที่ยวภูเก็ตกับเพื่อนสามสี่วัน จึงกล่าวได้ว่าเป็นค่ำคืนช่วงนี้สงบสุขไร้เงาผีโพลเตอร์ไกส์ท เจ๊นนท์จึงพาเพื่อนเก้งกว้างรุ่นเดอะมาจัดปาร์ตี้แฟชั่นโชว์ในบ้าน เปิดเพลงดีว่าคนโปรดลั่นสนั่น แต่งตัวประชันความแรดกันอย่างสนุกสนานโดยประยุกต์จากทุกอย่างที่หาได้รอบตัว อลังการแบบบ้าน ๆ พร้อมแจกจ่ายแชมเปญจน์หรูส่งให้กันอย่างทั่วถึง..“พรุ่งนี้จะมารับนะ” แบงค์พูด เขาขอให้ณัฐรอเขาซ้อมบอลเสร็จก่อน แล้วจึงอาสาขี่มอเตอร์ไซค์ส่งถึงบ้าน โดยอ้างว่าจะได้ไปมาหาสู่ได้ง่ายในวันหลัง..“อร๊ายยยยส์ ร้ายกาจ! ผู้ชายที่ไหนมาส่งคะลูกสาว! ไม่แนะนำให้เจ๊รู้จักเลยนะยะ!” เจ๊นนท์ในร่างสาวแตกเต็มพิกัดเอ่ยอย่างเป็นกันเองเมื่อปลอดผีบ้า อย่างไรก็ตามณัฐตอบกลับเพียงหัวเราะแห้ง ๆ และขอตัวเดินเข้าห้องนอนเพื่อปลีกวิเวก..ต่อมาณัฐโทรศัพท์หาเต๋อเพื่อปรึกษาว่าจะทำอย่างไรถึงจะมีส่วนร่วมในหมู่เพื่อนฝูงได้ เพื่อนผู้ชายเตะฟุตบอลโครม ๆ แต่สิ่งที่เขาทำได้คือนั่งดูอยู่เฉย ๆ เท่านั้น..ในฐานะอดีตนักธุรกิจ เต๋อคิดว่าทุกอย่างมีต้นทุนในตัวมันเอง อยู่ที่จะมองเห็นโอกาสนั้นหรือไม่..“วิ่งไม่เก่งสินะครับ ปะทะกับใครก็ไม่ไหว แต่มีอยู่ตำแหน่งหนึ่งที่พี่คิดว่าบนโลกนี้ไม่มีใครได้เปรียบเกินณัฐ เรื่องนี้แหละที่พี่เคยจะพูด”..)))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))..“เอาจริงเหรอวะณัฐ” แบงค์ลังเลเมื่อเห็นณัฐแต่งชุดบอลฟุตเต็มยศและขอลองลงสนามใหญ่เป็นครั้งแรกในชีวิต ในฐานะผู้รักษาประตู แม้จะเก้ ๆ กัง ๆ กลัวลูกบอลอยู่บ้าง แต่ก็ไม่เกินไปกว่าความคาดหมาย เขาสามารถสกัดได้ทุกประตูด้วยนิมิตอ่านอนาคต เพียงข้ามชั่วโมงณัฐกลายเป็นฮีโร่ที่ถูกจับตามอง เพื่อนชมรมฟุตบอลต่างทาบทามให้เขาสังกัด หลายคนยินดีอาสาฝึกทักษะการเคลื่อนไหวด้านอื่น ๆ ให้ทีหลังเพื่อลับคมความเก่งกาจนี้ให้ยิ่งสมบูรณ์..คืนนั้นแบงค์ขอมาค้างบ้านณัฐเพื่อเฉลิมฉลองเป็นการส่วนตัว เขาเข้าใจว่าณัฐมีศักยภาพซ่อนเร้นแฝงในตัวเพียงแต่ยังไม่ได้นำออกมาใช้ ซึ่งความจริงแล้วเป็นอำนาจเหนือมนุษย์ต่างหาก ในห้องนอนทั้งสองมีเรื่องพูดคุยกันต่าง ๆ นานา จนกระทั่งถึงเวลาปิดไฟนอน จู่ ๆ แบงค์ก็โอบกอดณัฐไว้ ณัฐสะดุ้งโหย่ง..“ณัฐ ขอกูกอดหน่อยนะ” แบงค์พูด ซึ่งณัฐได้แต่หันหัวซุกหมอนข้างหนี ไม่กล้าปริปากใด ๆ ทั้งตกใจและทำอะไรไม่ถูก..“มึงเคยชักว่าวยัง. . .” แบงค์ถามตรง ๆ ตามสไตล์ผู้ชาย ณัฐรวบรวมเวลาอยู่พอสมควรก่อนจะยอมพยักหน้าตอบ ท่ามกลางความมืด ทั้งคู่ใจเต้นระทึกหวั่นไหว แบงค์หลงเสน่ห์ในตัวณัฐที่ยากจะบรรยาย มีความหนักแน่นเฉียบคมซ่อนอยู่ใต้ความเปราะบางที่อย่างทุกคนเห็นเพียงผิวเผิน เขารวมความกล้าดึงจับมือณัฐให้สัมผัสกับแก่นกายของเขา ณัฐไม่รู้ว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ก็ปล่อยเป็นไปตามแรงถวิลหา. . .ใครสักคนที่ยินดีจะเดินทางร่วมกัน พยายามเรียนรู้ลองผิดลองถูกไปด้วยกันเนื่องจากเป็นเป็นครั้งแรกของเด็กหนุ่มทั้งสอง..หลังพายุแห่งความปรารถนาพัดผ่านไป ณัฐเหงื่อท่วมเดินนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียวกะโผลกเผลกจะไปล้างเนื้อตัว เจ๊นนท์นั่งเคี้ยวข้าวโพดคั่วกร้วม ๆ ชมภาพยนตร์สยองขวัญใจจดจ่อ แต่ก็ไวต่อการตรวจจับสิ่งเคลื่อนไหว..“ว้าย! อีเหี้ย!” เจ๊นนท์อุทานมือทาบอก ดูหนังสยองอยู่เพลิน ๆ ได้ยินเสียงฝีเท้าชวนคิดไปไกล เมื่อมองดี ๆ ที่แท้ก็เป็นเหลนซึ่งเธอติดปากเรียกเป็นหลานเพื่อไม่ให้คนนอกได้ยินแล้วสงสัยน่ารำคาญ อย่างไรก็ดีเจ๊นนท์สังเกตเห็นท่าเดินของณัฐแปลก ๆ จึงเดินไปสำรวจถึงตัว มีรอยมันเลื่อมบริเวณหน้าท้อง พ่วงด้วยกลิ่นที่เธอคุ้นชินเป็นอย่างดี เธอทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ไม่ซักไซร้ไล่เรียง เพียงแค่พูดลอย ๆ ทำนองว่าจะมีก็ไม่ว่าแต่ขอให้ป้องกันดูแลตนเอง ณัฐไม่ใช่เธอในอดีตที่ติดโรคขึ้นมาก็ลอกคราบทิ้งได้เรื่อย ๆ เป็นถุงเท้ารองเท้า ที่สำคัญอย่าหมกหมุ่นจนเสียการเรียน ณัฐหน้าแดงก่ำและรีบขอตัวเข้าห้องน้ำไป..“แรดเงียบนะยะนังลูกสาว อย่านึกว่าเจ๊ไม่รู้” ว่าแล้วเธอก็เคี้ยวข้าวโพดคั่วเพลิดเพลินกับหนังเรื่องโปรดต่อไป..))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))..วันต่อมาเต๋อนัดพบเจ๊นนท์เพื่อขอขอบคุณเรื่องเซฟเฮ้าส์ แต่เจ๊นนท์ขอเปลี่ยนจากเลี้ยงรับรองอาหารชั้นเลิศเป็นเลี้ยงเด็กในสถานสงเคราะห์แทน เนื่องจากเธอตระเวนชิมมาทั่วโลกจนเอียนแล้ว..เจ๊นนท์ชวนเต๋อซื้ออาหาร ขนม เครื่องเขียนไปบริจาค ณ สถานสงเคราะห์เด็กแห่งหนึ่งซึ่งเต๋อไม่ใคร่เต็มใจเท่าไหร่ เด็ก ๆ ดีใจเป็นอย่างมาก ทว่าก็มีเด็กทโมนบางจำพวกที่ดูเหมือนไม่รู้วิธีวางตัวให้ถูกจริตคนประเภทเต๋อ ขณะที่เต๋อเดินแจกขนมได้เหยียบลูกแก้วที่เด็กเล่นแล้วทิ้งไว้จนล้มคะมำ เด็ก ๆ หัวเราะไปตามประสา..“พี่ซุ่มซ่ามจัง ฮ่า ๆ ๆ” เด็ก ๆ ล้อมวงกันหัวเราะโดยเฉพาะเด็กชาย ขณะที่เด็กหญิงบางคนพยายามช่วยพูดให้เต๋อใจชื้นขึ้น ทว่ากลับไม่เป็นประโยชน์ใด ๆ เต๋อเกลียดสภาพที่มีคนล้อมวงหัวเราะเห็นเขาเป็นตัวตลกที่สุด..เต๋อลุกขึ้นเสยผมให้อยู่ในสภาพเรียบร้อย “ผมคาดหวังว่า. . .เมื่อเติบใหญ่. . .พวกคุณจะเป็นอนาคตของชาติ. . .”..เจ๊นนท์สังเกตรังสีอำมหิตแผ่ซ่านรอบกาย ..“. . .ชาติหน้าน่ะนะ. . .” ไม่ทันขาดคำเจ๊นนท์ก็ถูกบล๊อคร่างกายให้ขยับไม่ได้ เด็ก ๆ จับคู่กัน ผลัดกันถอดเสื้อผ้า กัดหัวนม อมกระเจี๊ยวน้อย ๆ เลียหีที่ยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม พวกเด็กที่โตขึ้นมาหน่อยหมอยกำลังขึ้นก็ผลัดกันเย็ด ทั้งชายกับชายและหญิงชาย ซ้ำพวกเด็กโตยังสอนให้เด็กเล็กพยายามเลียนแบบท่าทาง กลายเป็นเหตุอลหม่านมั่วไปหมด ชวนกันไปเย็ดกันในสนามเด็กเล่น ไถลลงมากับกระดานลื่น บนม้าไม้และอีกมากมายที่ทำให้ภาพแห่งความบริสุทธิ์ไร้เดียงสาพังครืนไม่มีชิ้นดี..“นี่คุณทำอะไรอยู่ เอาอะไรให้เด็กกินน่ะ!” พี่เลี้ยงวิ่งหน้าตั้งเข้ามาต่อว่าด้วยคิดว่ามีสารแปลกปลอมในอาหารแจก เต๋อไม่ตอบใด ๆ เขาสั่งให้พวกพี่เลี้ยงนำขวดนมที่ใช้ป้อนนมเด็กอ่อนยัดเข้าไปในหีตัวเอง ขมิบบีบน้ำนมกักเก็บในช่องคลอดเสียก่อนแล้วจึงเบ่งน้ำนมทางหีออกมาป้อนเด็กอ่อน เด็กน้อยร้องไห้จ้าเมื่อได้รับอาหารด้วยวิธีวิปริตพิสดาร..เต๋อปล่อยให้สถานสงเคราะห์ฟอนเฟะยุ่งเหยิงทิ้งไว้เช่นนั้นจนกว่าอำนาจโทรจิตจะคลายไปเอง พร้อมควบคุมให้เจ๊นนท์เดินออกมาขึ้นรถกลับด้วยกัน เมื่อขับรถไปได้สักระยะเขาจึงปล่อยเธอเป็นอิสระจากการควบคุม เจ๊นนท์แหกปากด่าหีแตดแปดร้อยกระบวนทันทีดั่งคาด เมื่อก่อนเธอคิดว่าเต๋อมีแววตาเหมือนแม่ แต่ตอนนี้แววตาเขาเปลี่ยนไป ตั้งแต่รู้ชาติกำเนิดตนเองยิ่งกระทำต่อมนุษย์ราวกับไม่มีหัวจิตหัวใจ ในเวลานี้เต๋ออาจน่ากลัวกว่าธนิกด้วยซ้ำ เขาทั้งหยิ่งผยองและเลือดเย็น..“ถ้าไม่อยากให้ทำ คราวหลังก็กรุณาอย่าพาผมไปเหยียบที่แบบนั้นอีก มีแต่มนุษย์ด้อยคุณภาพขาดการอบรม” เต๋อพูดเสียงเรียบ ไม่มองเจ๊นนท์แม้หางตา..))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))..เย็นวันนั้นเจ๊นนท์ตัดสินใจหารือเรื่องนี้กับมีน เจ๊กล่าวว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดมหันต์ที่มีนย้อนภาพในอดีตให้เต๋อดู เพราะยิ่งทราบว่าตนมีทั้งศักดิ์และสิทธิ์เหนือมนุษย์โดยกำเนิดก็ยิ่งอหังการและคับแค้นมนุษย์มากไปอีก ขณะที่มีนซึ่งเพิ่งโดนบังคับให้ใช้ความสามารถร่วมทรมานลูกหนี้ก็ร่วมแบ่งปันประสบการณ์เลวร้าย เจ๊นนท์เอ่ยอีกว่าบางทีอาจต้องมีการขอให้ใช้ “ความสามารถลับ” ของมีนเพื่อตัดปัญหาที่อาจลุกลามบานปลายในอนาคต การฆ่านั้นอาจง่ายกว่าก็จริงแต่ไม่ใช่วิธีที่อยู่ในความคิดของเจ๊นนท์ มีนลำบากเมื่อได้ยินเช่นนั้นเนื่องจากความสามารถลับที่ว่านี้เป็นเหมือนดาบสองคม...))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))))..วันต่อมา เอฟโทรหาเต๋อเพื่อขอขอบคุณและขอโทษที่รบกวนเรื่องที่พัก ซึ่งเต๋อก็ตอบรับเป็นอย่างดีเนื่องจากเอฟช่วยให้เขารอดจากคมเขี้ยวสุนัขมาได้เช่นกัน ทั้งสองนัดกันทานข้าวที่ห้างแห่งหนึ่ง พูดคุยเรื่องสัพเพเหระ ดูเหมือนเต๋อจะใจอ่อนกับเด็กคนนี้เป็นพิเศษ..ขากลับ เต๋อมาส่งเอฟรอรถเมล์หน้าห้าง พูดคุยฆ่าเวลา ในขณะที่เพลินกันอยู่นั้นเสียงอึกทึกครึกโครมก็ดังแว่วมาจากที่ไกล ค่อย ๆ ชัดขึ้นทุกที ๆ..ผู้คนกรีดร้องแตกตื่นวิ่งมาจากอีกด้านของลานกว้างราวกับหนีคลื่นยักษ์ซึนามิ..“เอาเลือดพวกมันมาล้างตีนให้ได้!” เสียงคำรามลั่นตามมาติด ๆ..เด็กช่างกลต่างสถาบันนับร้อยยกพวกตีกันโดยใช้พื้นที่หน้าห้างต่างสนามรบ ชาวบ้านร้านตลาด คนสัญจรแตกวงไปคนละทางด้วยกลัวลูกหลง อาวุธครบมือทั้งมีดพับ สนับมือ เหล็กขูดชาร์ป เข้าห้ำหั่นกันเอาเลือดเอาเนื้อประหนึ่งแค้นสั่งฟ้า เต๋อไม่อาจใช้โทรจิตแบบจับปูใส่กระด้งกับกลุ่มคนจำนวนมากซึ่งมีสภาพยุ่งเหยิงขนาดนี้ได้..“เปรี้ยง!” เสียงปืนดังขึ้นพร้อมเสียงกรีดร้อง เต๋อจับเอฟกดให้นอนลงกับพื้นป้องกันวิถีกระสุน ..เหล่านักรบวัยคะนองไม่สนใจคนนอกเป้าหมาย เมื่อเต๋อและเอฟนอนหมอบกับพื้นจึงรอดพ้นภัยเสี่ยงเต็มร้อย ขณะคนที่สติแตกวิ่งหนีไปเรื่อยกลับมีถูกลูกหลงบาดเจ็บเป็นว่าเล่น บางคนถูกฟันเข้ากลางหลัง พลาดเฉี่ยวแขน โดนชนล้มแล้วถูกคนที่วิ่งตามมาเหยียบซ้ำ รปภ.และตำรวจเป็นเพียงน้ำน้อยแพ้ไฟ ทั่วสมรภูมิคุกรุ่นด้วยแรงแห่งโทสะและความบ้าคลั่ง..เต๋อเหลือบตาเงยดูสถานการณ์ จึงบังเอิญเห็นเด็กหนุ่มร่างใหญ่โตสั่งการด้วยน้ำเสียงปลุกใจให้เหล่านักรบเหิกเฮิม ท่าทางหัวโจกบ่งบอกสถานะจ่าฝูง เต๋อยังจำได้ดี เขาคือคนที่จับเต๋อสักแขนฝากรอยอัปยศไว้...แทน ข้าวหลามตัด...ขอบคุณครับกระผม สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]