ลุ้นรัก...นักว่ายน้ำ (25+) ตอนที่ #5 พ่อเอก
ตอนที่ #5 พ่อเอก
ผมขี่มอเตอร์ไซค์คันเก่งมาจอดที่หน้าบ้านหลังโตสีขาว ห้องต่างๆภายในบ้านถูกปิดไฟมืดสนิทยกเว้นเพียงห้องนอนบริเวณปีกด้านขวาที่มีไฟส่องสว่างอยู่ ตอนนี้เข็มนาฬิกาบอกเวลาตี 4.55 ใกล้เวลาที่ผมจะได้เจอกับคนที่ผมตั้งตารอ
พอมาลองคิดดูอีกที ผมลืมไปว่ารถที่ผมใช้มารับหนุ่มหล่อบ้านรวยอย่างเอสเป็นเพียงแค่มอเตอร์ไซค์สีดำเกียร์ธรรมดาคันหนึ่งที่ผมใช้งานมาแล้วหลายปี ถึงมันจะยังไม่ได้ดูเก่ามากแต่ก็ดูไม่ค่อยสมฐานะกับหนุ่มที่ผมมารับสักเท่าไหร่
ก่อนที่ผมจะคิดไปไกล เสียงประตูรั้วเหล็กหน้าบ้านก็ดังขึ้น มันถูกเปิดออกจากแรงของชายวงแขนแกร่งคนหนึ่ง ผมเห็นเอสอยู่ในชุดวอร์มเหมือนอย่างเคย เขาดูดีเสมอในสายตาของผม
“ไม่คิดว่าจะมาจริง” หนุ่มนักว่ายน้ำทักขึ้น ผมได้แต่ยิ้มแห้งพลางมองมายังมอเตอร์ไซค์ที่ผมขี่มา แต่เอสเหมือนจะไม่คิดมาก เขาก้าวขาขึ้นซ้อนท้อยมอเตอร์ไซค์แบบไม่ยากเย็น ก่อนจะมองมายังใบหน้าของผมด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“จะไปกันได้ยังอ่ะ” เสียงของเอสทำให้ผมหยุดคิดอะไรเรื่อยเปื่อย ก่อนผมจะออกรถมุ่งหน้าสู่เส้นทางประจำที่ผมแอบตามเขาอยู่เกือบทุกวัน
ตลอดเวลาการเดินทาง ผมกับเอสเราไม่มีได้คุยอะไรกันเลย เราสองคนนั่งนิ่ง มีเพียงเสียงสายลมพัดผ่านพวกเราไปจากความเร็วของยานพาหนะก็เท่านั้น
ผมแอบเหลือบมองไปทางด้านหลังตลอดระยะทาง เพราะอยากรู้ว่าหนุ่มหล่อของผมมีสีหน้าท่าทางเป็นอย่างไร แต่ผมเห็นเอสนั่งมองบ้านเรือนยามใกล้รุ่งไปมาจากบนหลังเบาะมอเตอร์ไซค์ของผม จนพวกเราแวะซื้อขนมปังปิ้งเสร็จเรียบร้อย ผมพาเอสมาถึงสระว่ายน้ำ ถึงจะได้ยินเสียงจากปากของเขา
“ขอบใจ” สุดที่รักของผมพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะไขประตูสระแล้วเดินหายเข้าไปด้านใน ผมลูบเบาะท้ายตรงที่เอสเพิ่งจะนั่งเมื่อครู่อย่างหลงใหล อย่างน้อยผมกับเขา เราก็ขยับความสัมพันธ์มาเป็นเพื่อนกันแล้ว
—-----------------------------------------
“ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่เลยนะมึง! เหมือนคนบ้าเลยเพื่อนกู” เสียงยัยแพรวพูดอย่างหมันไส้ หลังจากผมเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในห้องน้ำเมื่อวาน กับเมื่อเช้าให้มันฟัง
“ก็คนมันมีความสุขอ่ะ ทำไงได้วะ!” ผมตอบกลับไป ทั้งที่รู้ว่าตัวเองหุบยิ้มไม่ได้เลย
“เออๆ แล้วยังไงต่อ มึงจะปล้ำเอสเขาตอนไหน?” คำพูดของเพื่อนสาวทำเอาผมต้องรีบยื่นมือไปอุดปากมัน
“ปล้ำห่าไรล่ะ ไม่มีในแผนเว้ย!” ผมแยกเขี้ยวตอบกลับไป พลางมองซ้าย-มองขวาเพราะกลัวคนอื่นจะมาได้ยินบทสนทนาของเรา
“ฮ่าๆๆๆๆ กูล้อเล่น! มึงก็จริงจังไปได้” แพรวกุมท้องขำ เมื่อผมปล่อยให้ริมฝีปากของมันเป็นอิสระ แต่มันก็ทำได้เพียงกลั้นขำจนน้ำตาไหล เพราะเราอยู่ในสถานที่ห้ามใช้เสียงดัง
“มึงว่ากูไปรับ-ไปส่งเขาทุกวันเลยดีป่าววะ?” ผมถามเสียงเบาเป็นเชิงปรึกษา ตอนนี้เราสองคนนั่งกันอยู่หลืบของหอสมุด น่าจะปลอดภัยจากพวกสอดรู้สอดเห็นและบรรดาแฟนคลับของเอส
“ดี! แต่มึงไปทุกวันแค่ช่วงแรกๆนะ” แพรวบอกผมพร้อมทำสีหน้ามีเลศนัย หญิงสาวยื่นตารางปฏิทินใบหนึ่งให้กับผม มันเป็นตารางบอกวัน เดือน ปี ทั่วๆไป เพียงแต่มีวันที่ถูกกากบาทสีแดงไว้เป็นระยะๆ
“มึงต้องไม่ไปบ้าง เอสจะได้รู้สึกคิดถึงมึง!” เพื่อนสาวบอกกับผม ที่ฟังแผนการมันก็ดูเข้าท่าดี แต่ไม่รู้จะใช้ได้จริงหรือเปล่า
“แล้วถ้าเขาไม่คิดถึงกูอ่ะ?” ผมตอบกลับไปแบบซื่อๆจนโดนยัยแพรวตีเข้าที่ข้างแขน
“โว๊ะ! มึงนี่ ของเคยเจอกันอยู่ทุกวันแล้วอยู่ๆหายไป เป็นใครก็ต้องคิดถึงบ้างล่ะวะ” ผมพยักหน้ากับคำแนะนำนั้น อย่างน้อยก็ขอให้ผมได้ลองดูก่อน เพราะถ้ามันไม่เวิร์คพวกเราก็มีแผนสำรองไว้อยู่แล้ว
—-----------------------------------------
ช่วงเย็นผมมานั่งเฝ้าเอสซ้อมว่ายน้ำที่สระเหมือนเดิม ผมเลือกมุมอัฐจรรย์ที่จะทำให้ผมสามารถมองเห็นสุดหล่อของผมได้ถนัดตา หลังเอสซ้อมว่ายไปสักพักเขาก็สังเกตุเห็นผม เจ้าตัวขมวดคิ้วเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร จนถึงเวลาเลิกซ้อม ผมจึงเดินเข้าไปทักทาย
“เดี๋ยวไปส่ง” ผมบอกเท่านั้นแล้วรีบเดินออกมา เพื่อที่เจ้าตัวจะได้ไม่ทันปฏิเสธผม ก่อนจะปล่อยให้หนุ่มหล่อเดินเข้าไปอาบน้ำพร้อมกับกลุ่มเพื่อน
“บอกให้มารับ ไม่ได้บอกว่าจะให้ไปส่งด้วย” เอสเอ่ยทักขึ้น เมื่อเขาเห็นผมนั่งดักรอเขาอยู่บริเวณหน้าสระว่ายน้ำของมหาวิทยาลัยอยู่บนเบาะมอเตอร์ไซค์คันเดิม
“ขึ้นมาเถอะน่า” ผมคะยั้นคะยอ ในขณะที่เพื่อนนักว่ายน้ำต่างพากันแยกย้ายกลับบ้าน บางคนนั่งรถกลับเอง ส่วนบางคนก็มีผู้ปกครองมารับ แต่ผมไม่ได้อยากเป็นผู้ปกครองของเอสหรอกนะ
“ตามใจ! แต่บอกไว้ก่อนว่าผมไม่เปลี่ยนใจหรอกนะ” หนุ่มหล่อพูดเพียงเท่านั้น ก่อนจะก้าวขึ้นมานั่งซ้อนท้ายผมแต่โดยดี
“งั้นยอมให้เราไปส่งทำไม?” ผมถามกลับ ในขณะที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกไปตามทาง หลายคนมองมาที่ผมกับเอส คงจะเป็นภาพแปลกตาที่หนุ่มหล่อบ้านรวยยอมซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์เด็กบ้านนอกอย่างผม
“ก็อยากรู้ว่าผู้ชายเขาจีบกันยังไง?” ซึ่งเอสคงหมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ เพราะเขาไม่ได้มีท่าทีรังเกียจ แต่ก็ไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวผมเพื่อให้ความหวังแต่อย่างใด ถึงแม้ความใกล้ชิดที่เกิดขึ้นมันจะทำให้ผมแอบคิดไปไกลแล้วก็ตาม
“จีบอะไร! เพื่อนกัน!” ผมพูดปด หนุ่มหล่อด้านหลังผมหลุดขำออกมาจนผมเริ่มใจแป้ว
“โกหกไม่เนียนเลย” เอสบอกแบบนั้นจนผมนึกอยากแกล้ง
บนถนนด้านหน้าก่อนออกประตูรั้วมหาวิทยาลัยมีลูกระนาดตัวใหญ่ปราบเซียนนอนรออยู่ มันถูกออกแบบมาโดยไม่รองรับหลักการออกแบบใดๆทั้งสิ้น เพราะมันทั้งสูงและมีขนาดที่ใหญ่มาก ใครที่ขับรถผ่านมาบริเวณนี้ต้องรีบเหยียบเบรกให้รถค่อยๆเคลื่อนตัวผ่านไป เพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุ… แต่ไม่ใช่กับผมในวันนี้
“เห้ยๆ ลูกระนาด เบรกๆๆๆก่อน” หนุ่มหล่อด้านหลังผมโวยวายขึ้นมา ถึงเขาจะพูดแบบนั้นแต่ผมก็ไม่ยอมผ่อนคันเร่งลง รถของเราสองคนเคลื่อนตัวเข้าใกล้ลูกระนาดจนเอสร้องเสียงหลง ผมที่รู้สึกเป็นฝ่ายได้เปรียบในเกมนี้ยิ้มอย่างพอใจที่เห็นหนุ่มหล่อโวยวายอยู่แบบนั้น
ผมผ่อนคันเร่งรถลงแล้วกดเบรกก่อนที่ล้อจะไต่ขึ้นบนลูกระนาดเพียงเสี้ยววินาที รถของเราเคลื่อนตัวผ่านมันไปโดยสวัสดิภาพ แต่ด้วยแรงเฉื่อยที่เกิดขึ้นจากการเบรกเมื่อครู่ทำให้เอสที่ซ้อนอยู่ด้านหลังตัวไหลลงมาจนกล้ามอกแนบชิดกับหลังผม ไออุ่นของหนุ่มหล่อบวกกับหน้าอกแกร่งมันทำให้ผมรู้สึกอยากจะหันหน้าไปกอดเขามากกว่าเป็นสารถีอยู่ด้านหน้าแบบนี้
ทว่าที่ผมรู้สึกคงจะไม่ใช่อกแกร่งเพียงอย่างเดียว ที่บริเวณช่วงล่าง ผมสัมผัสได้ถึงท่อนอะไรบางอย่างที่มันทิ่มแทงออกมาผ่านเนื้อผ้ากางเกงวอร์มของเอส ถึงแม้มันจะอ่อนตัวอยู่ แต่ขนาดความอวบอูมของมันก็ทำให้ผมที่ขี่รถอยู่ถึงกับตาลุกวาว จากประสบการณ์ผมว่าควยของเอสตอนแข็งตัวคงไม่ต่ำกว่า 7-8 นิ้วเป็นแน่
“ทำอะไรวะ! ตกใจหมด!” หนุ่มหล่อยังคงโวยวายโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าร่างกายของเขาสัมผัสกับร่างกายของผมแบบใกล้ชิดเหลือเกิน
“.................” ผมไม่ตอบคำถาม เพราะยังรู้สึกฟินกับไออุ่นของหนุ่มหล่อ จนผมรู้สึกว่าบางอย่างตรงท่อนล่างของเอสมันขยับเล็กน้อย ผมเดาว่าส่วนหัวของเขาคงสัมผัสกับแก้มก้นของผม มันเลยเกิดอาการตื่นตัว
พอเอสรู้ตัว เขาก็ใช้เท้าดันตัวเองออกไปด้านหลัง เพื่อไม่ให้ร่างกายของเราสองคนแนบชิดกันเหมือนเมื่อครู่ หนุ่มหล่อกระแอมทีนึงจนผมหลุดจากภวังค์
“โทษทีๆ กะจะแกล้งเล่นนิดหน่อย ไม่นึกว่าจะตกใจจริง” ผมบอกไปแบบนั้น ก่อนจะคิดได้ว่าถ้าผมทำให้เอสไม่พอใจ แล้วเขาไม่ยอมให้ผมไปรับ-ไปส่ง แผนที่ผมกับแพรวอุตส่าห์วางมาก็คงจะหมดความหมาย
“ผู้ชายเขาจีบกันแบบนี้เหรอวะ?” หนุ่มหล่อถามผมด้วยน้ำเสียงเคืองนิดๆ ซึ่งคำตอบในใจผมก็คือ “ไม่” แน่นอน เพียงแค่เมื่อกี้สถานการณ์มันพาไป
“ถ้าจีบติดเมื่อไหร่จะแกล้งซะให้เข็ดเลย” ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง ในขณะที่รถเริ่มเคลื่อนตัวเร็วขึ้นไปตามถนนใหญ่
“เมื่อกี้พูดว่าอะไรนะ?” คนข้างหลังที่คงจะได้ยินไม่ถนัดนักถามขึ้น ผมส่ายหัวเพื่อเป็นเชิงปฏิเสธ
“ป่าวๆ แค่บอกว่าจะไม่แกล้งแล้ว” ผมตอบกลับไป ปฏิกิริยาของเอสดูสงบลง เขายอมนั่งนิ่งๆให้ผมขี่รถไปส่งที่บ้าน ผมเองก็ไม่คิดจะแกล้งเขาแล้วเหมือนกัน… แต่เฉพาะตอนนี้นะ
รถของผมจอดลงที่หน้าบ้านหลังใหญ่หลังเดิมที่ผมมาเมื่อตอนเช้า หนุ่มหล่อกระโดดลงจากท้ายรถผมก่อนจะโบกมือลาเพื่อเตรียมตัวเข้าบ้าน ทว่ายังไม่ทันได้ร่ำลากันก็มีแสงไฟจากรถคันหลังกระพริบมาเสียก่อน
“อ่าวพ่อ!” เอสเอ่ยทัก หลังจากที่รถคันหลังเปิดกระจกลงมา
“เพื่อนเหรอเอส! ไม่พาเข้ามาในบ้านก่อนล่ะ?” พ่อของเอสบอกอย่างใจดี ผมทำท่าว่าจะปฏิเสธแต่ทางผู้ใหญ่เหมือนจะไม่เห็นด้วย
“อย่าเพิ่งกลับนะ! อุตส่ามาส่งเอสมัน อยู่กินข้าวเย็นด้วยกันก่อน” คำพูดของพ่อเอสทำเอาผมตื่นเต้นจนไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง มาส่งคนที่ชอบวันแรกพ่อเขาก็ชวนทานข้าวเย็นเสียแล้ว
“เอาไง?” หนุ่มหล่อหันมาถามผม เพราะคงไม่อยากขัดใจคุณพ่อเหมือนกัน
“กะ ก็ได้ครับ” ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงอ้อมแอ้ม ความเกรงใจก็ส่วนนึง แต่ความอยากใกล้ชิดกับคนที่ผมชอบเอาชนะมันไปได้แบบขาดลอย
ผมใช้เท้าไถรถออกจากบริเวณหน้าประตูบ้าน เพื่อให้พ่อของเอสสามารถขับรถเก๋งแบรนด์ดังเข้าไปจอดในโรงรถได้ถนัด ก่อนที่ผมจะจอดมอเตอร์ไซค์ไว้ชิดกับริมรั้วด้านใน แล้วเดินเข้าไปในบ้านตามคำเชิญของผู้ใหญ่ที่พูดกับผมอย่างใจดี
“เพื่อนชื่ออะไรล่ะเอส?” พ่อของเอสถามขณะที่พวกเราเดินมาถึงโต๊ะทานข้าวด้านในบ้าน
“มันชื่อติณน่ะพ่อ” หนุ่มหล่อของผมบอก น้ำเสียงของเอสพูดเหมือนกับผมเป็นเพื่อนทั่วๆไป แต่ก็แน่ล่ะ เขาคงไม่ได้คิดอะไรอกุศลเหมือนผมหรอก
“พ่อชื่อเอกนะ เรียกว่าลุงเอกก็ได้” พ่อของเอสเอ่ยขึ้น ผมมองสำรวจหุ่นและใบหน้าของพ่อเอสแล้วก็รู้สึกกระดากปากที่จะเรียกลุง เพราะเขาดูเด็กกว่าวัยเหลือเกิน
“ผมเรียกพ่อเอกดีกว่าครับ พ่อยังดูดีอยู่เลยครับ” ผมตอบกลับไปตามจริง เรียกรอยยิ้มกว้างจากคนฟังได้จนหนุ่มหล่อของผมแอบไปทำท่าโก่งคออ้วกอยู่ด้านหลัง
“ปากหวานนะเรา! ปีนี้พ่อ 45 แล้วนะ ยังอยากเรียกพ่ออยู่ไหม?” ยิ่งพอได้ทราบอายุผมยิ่งทึ่ง เพราะพ่อเอกดูเหมือนอายุราว 30 ปลายๆเท่านั้น
“เรียกพ่อเอกแหละครับ พ่อเอกดูเด็กกว่าพ่อผมอีก” พ่อของเอสหัวเราะร่วน ดูเขาจะถูกใจผมอยู่เหมือนกัน
อาหารเย็นมื้อนี้เป็นอาหารเมนูง่ายๆ แต่เต็มไปด้วยสารอาหารและการดูแลสุขภาพ ซึ่งเหมาะสมกับนักกีฬาว่ายน้ำระดับมหาวิทยาลัยอย่างเอส และดูเหมือนพ่อเอกเองก็จะเป็นคนรักสุขภาพมากเช่นกัน
“ทานได้ไหม?” พ่อเอกถามผม ขณะที่ผมกำลังจิ้มอกไก่ทานคู่กับเรดโอ๊ค ที่ผมราดน้ำสลัดใส่มันจนชุ่ม
“ได้ครับ สบายมาก” ผมตอบผู้ใหญ่กลับไป ที่จริงผมก็ทานได้แหละ แม้บนโต๊ะอาหารจะเต็มไปด้วยเมนูจากอกไก่ ปลา ไข่ต้ม ผักสลัด รวมถึงพวกซุปเปอร์ฟู้ดต่างๆ แต่ให้ทานแบบนี้ทุกมื้อผมคงไม่ไหวเหมือนกัน และดูเหมือนพ่อเอกก็จะอ่านใจผมออก
“ปกติพ่อกับเจ้าเอสก็ทานแบบนี้แค่มื้อเย็นนั่นแหละ มื้ออื่นเราก็ทานตามปกติให้พลังงานเพียงพอ ไม่ได้เคร่งอะไรมากนักหรอก” ผมพยักหน้ารับคำนั้นยิ้มๆ
“อ่าว! แล้วนี่เจ้าเอ็มไปไหน ไม่มาทานข้าวด้วยกัน” พ่อเอกถามขึ้น น่าจะหมายถึงพี่ชายของเอสที่ผมเคยเห็นอยู่บางครั้ง
“พาแฟนไปซื้อของน่ะพ่อ เห็นว่าจะกลับดึกหน่อย” สุดหล่อของผมตอบ พลางจิ้มปลาย่างที่วางอยู่บนจานตรงหน้าผมไปกินหน้าตาเฉย อุตส่าห์เล็งชิ้นนั้นไว้ตั้งนาน
“บ๊ะ! ท่าจะรักจริงหวังแต่งว่ะคนนี้!” พ่อของเอสพูดกับลูกชาย บรรยากาศบนโต๊ะอาหารค่อนข้างผ่อนคลาย เนื่องจากพ่อเอกเป็นคนอัธยาศัยดี คุยสนุก ทำให้ผมไม่รู้สึกอึดอัดแม้วันนี้จะเป็นครั้งแรกที่ได้เข้ามาในบ้าน
หลังรับประทานอาหาร พวกเราสามคนนั่งคุยกันต่ออีกเล็กน้อย ผมอาสาล้างจานทั้งหมดให้เป็นการตอบแทน ซึ่งทางเจ้าของบ้านก็ไม่ได้ขัดอะไร จนผมล้างจานเรียบร้อยก็ขอตัวลากลับ
“ผมลานะครับพ่อเอก… พรุ่งนี้เช้าเจอกันนะ!” ประโยคแรกผมพูดกับผู้ใหญ่เจ้าของบ้าน ส่วนประโยคหลังผมหันไปพูดกับสุดหล่อของผมที่ยืนทำหน้านิ่ง
“อ่าว! นี่ต้องไปรับ-ไปส่งเลยเหรอ ไม่เกรงใจเพื่อนหน่อยเหรอเจ้าเอส” พ่อเอกหันไปดุลูกชายตัวเองที่กำลังจะพูดแก้ตัว แต่ผมชิงพูดขึ้นมาก่อน
“ผมอาสาเป็นคนมารับ-ส่งเอสเองแหละครับ” พ่อเอกหันมามองหน้าผม ไม่รู้ผมคิดไปเองหรือเปล่าแต่สายตาของพ่อเอกนั้นดูวิบวับแฝงไปด้วยเลศนัยพิกล
“อ่อ งั้นก็ลำบากหน่อยนะ เจ้าเอสมันซ้อมเช้า-ซ้อมเย็น ถ้าวันไหนมันทำตัวไม่ดีก็ปล่อยมันนั่ง Taxi กลับเองก็ได้” พ่อเอกพูดแกมชี้แนะให้กับผม ทำเอาหนุ่มหล่อรีบหันขวับ
“พ่อ!!!” หนุ่มหล่ออุทานขึ้นด้วยสีหน้าไม่สบอารมณ์เท่าไหร่ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้ ผมโบกมือลาสองพ่อลูกแล้วขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจากหมู่บ้าน ช่างเป็นวาสนาของผมเหลือเกินที่พ่อเอกดูจะถูกชะตาผม หรือผมจะเปลี่ยนแผนไปเข้าหาเอสทางผู้ใหญ่ดีนะ
—-----------------------------------------
คล้อยหลังที่ติณขี่รถออกจาหมู่บ้านไป ชายหนุ่มวัยกลางคนที่มีศักดิ์เป็นพ่อของเอสยืนกอดอกยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่บริเวณประตูรั้ว เขามองติณที่ขี่รถจนลับสายตาไป ในขณะที่ลูกชายคนเล็กของเขาเดินเข้าไปในตัวบ้านแล้ว
“ท่าทางเชื้อพ่อมันจะแรงจริงๆว่ะ!” เอกพูดทิ้งท้ายไว้แบบนั้น ก่อนเขาจะเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านด้วยสีหน้าที่ยากจะคาดเดา
...
Ps. เรื่องราวที่เกิดขึ้น เป็นไทม์ไลน์ 7 ปีก่อนที่เอกจะพบกับพ่อตาของแจม (จากเรื่อง “ไข่ลูกเขย” ตอนที่ 21)
>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>>ฝากติดตามต่อใน "ธัญ" และ "ฟิคชั่น" ด้วยนะครับ Searh ชื่อเรื่องตามหัวข้อด้านบนได้เลยขอบคุณครับ
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ.รอครับ ขอขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ สนุกดีคับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ {:5_146:} ขอบคุณครับสำหรับผลงาน สนุกมากครับ ขอบคุณมากครับ สนุก ขอบคุณครับ สนุกจะตาย ไม่อยากให้คนเขีบนเสียกำลังใจจนไม่เขียนต่อ สนุกทั้งพ่อตาและเรื่องนี้เลย ขอบคุณมากครับ ขอบคุนครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2