The Airman ศึกรักข้ามขอบฟ้า ตอนที่ 1 ฉนวนสงคราม
"ไงเจ้าสกาย เดินคอตกกลับมาบ้านแบบนี้ ฉันคงต้องเลี้ยงต้อนรับแกใช่ไหม"เสียงทักทายจากนายพลเกริกพล นายพลทหารอากาศมาดดุที่เอ่ยทักทาย
สกาย(นายเอก)ลูกชายคนเดียวของเขาด้วยความที่รู้มาว่าสายการบิน
ที่สกายทำงานนั้นถูกกปิดกิจการเนื่องจากพิษเศรษฐกิจเเละโรคระบาด
"คุณแม่ครับ คิดถึงจัง หิวข้าวด้วยคุณแม่ทำอะไรให้กายทานบ้างครับ"
สกายเลือกเดินไปอ้อนแม่นั้นก็คือคุณหญิงศกุลตลา โดยงอนท่านนายพล
"มีหลายอย่างเลย ของชอบลูกทั้งนั้น ไปอาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวไป"
"โหทานก่อนไม่ได้เหรอครับ เดี๋ยวค่อยอาบ"
"ถ้าจะอ้อนขนาดนี้คุณหญิงอาบน้ำให้ลูกด้วยเลยสิ"
"นี่ คุณเกริกพล ลูกมาเหนื่อยๆ เจอปัญหา กลับมาบ้านแทนที่จะพูดกับลูก
ดีดี ลูกต้องการกำลังใจนะคุณ"
"แต่ลูกเราเป็นผู้ชาย ต้องเข้มแข็งดิ อ่อนแอได้ไง ยิ่งเป็นลูกนายพลแล้วด้วย
งอแงไม่ได้ แล้วนี่แกจะหางานได้เมื่อไหร่ คอนโดก็ยังผ่อนไม่หมด"
"กายไม่ขอพ่อหรอกครับ พ่อไม่ต้องห่วง กายแค่อยากมาหาแม่เดี๋ยวกายก็กลับ
คอนโดครับ แต่ถ้าพ่ออึดอัดใจกายกับก็ได้ครับ"
สกายน้อยใจนายพลทุกครั้งที่โดนดุ เพราะตั้งแต่เด็กจนโตพ่อมักกเลี้ยงสกาย
ด้วยวิธีทหารเพื่อหวังให้สกายเป็นชายแท้ แต่โลกในยุค2050เสรีภาพทางเพศ
มันเปิดมากขึ้น เด็กทุกคนมีสิทธิ์ที่จะเลือกเพศเองได้เมื่อพบว่าตนไม่ใช่เพศตาม
ที่ธรรมชาติให้มีมา สกายเปลี่ยนเพศจากชายเป็นเกย์ตั้งแต่ ม.3 จึงทำให้พ่อ
อย่างนายพลไม่พอใจ และบังคับให้สกายเรียนเตรียมทหาร แต่แล้วสกายก็เรียน
เตรียมทหารตามใจพ่อแต่ไปต่อ ป.ตรีธุรกิจการบินและจบมาเป็นสจ๊วกเกย์หล่อ
แห่งท้องฟ้าที่ชายเกย์หญิงวายหญิงแท้ต่างก็อย่างได้ และที่สำคัญสกายสอบขับ
เครื่องบินได้และมีตำแหน่งผู้ช่วยนักบินจึงทำให้เขาเป็นตัวท็อปของวงการ
"สกาย แม่ขอนะลูกอยู่กับแม่อย่าไป"
"จะรั้งมันทำไมเด็กยุคนี้เรียกร้องทุกอย่างจนได้ตามใจตน แล้วไงไม่เห็นหัวพ่อแม่
เข้าบ้านมาเคยไหมยกมือไหว้ อีกหน่อยวัฒนธรรมคงสูญสิ้น"
"คุณพลค่ะ ลูกถือของลากกระเป๋ามา แต่ก็เอ่ยทักทายว่าพ่อแม่หวัดดีครับ
ดิฉันไม่ทราบว่านายพลเกริกพลหูมีปัญหาหรือค่ะ ตั๊กกี๊"
"ขาคุณหญิง"
"เอาของคุณหนูไปเก็บที่ห้องนอนปะ ส่วนลูกก็ไปอาบน้ำซะได้ลงมาทานมื้อเที่ยง"
ในขณะที่สกายจะเดินขึ้นห้องไปนั้น นายพลก็เรียกให้หยุดแล้วเดินมากอด
ลูกชายด้วยความเป็นห่วงแต่ก็นะทหารสูงวัยมักฟอร์มเยอะจัด
"เดี๋ยว สกาย"
"พ่อ...."
สกายถึงกับงงที่โตมาจนอายุ 28 นี่คือกอดเเรกที่พ่อกอดเขา
"เหนื่อยไหมลูก กลับมาทำงานในกองทัพกับพ่อเถอะอย่างน้อยมันก็มั่นคงกว่า
ที่แกทำงานเอกชน"
"พ่อ กายไม่อยากให้ใครว่าระบบราชการเป็นระบบงาน 7 ชั่วโคตรทายาทอสูร
อีกอย่างพ่อก็เป็นนายพล ถ้าผมเข้าไปก็คงเลียขากายเเฉะแน่"
"แกนี่มันดื้อจริงๆเลยนะสกาย"
"กายไปช่วยแม่ในครัวดีกว่า ครับพ่อ"
สกายบอกพ่อแบบเขินๆ และเดินไปที่ครัวช่วยคุณหญิงแม่เตรียมอาหารเที่ยง
ในขณะนั้นก็มีทหารหนุ่มหล่อหนึ่งนายเดินเข้ามาในบ้านของนายพล
"ขออนุญาตครับท่าน"
"อ้าวผู้กองเมฆ มาหาผมถึงที่บ้านเรื่องด่วนอะไรหรือเปล่า"
ผู้กองเมฆหรือเรืออากาศเอกเมฆินทร์(พระรอง) ได้ส่งเอกสารลับให้
นายพลทันทีที่เปิดอ่าน นายพลก็ถึงกับทรุด
"ท่าน ท่านครับ"
ผู้กองเข้ามาประครองนายพล คุณหญิงและสกายออกมาเห็นพอดีจึงรีบมาดู
"คุณพี่ เป็นอะไรไปค่ะ มีเรื่องอะไรหรือผู้กอง"
"ผมไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกับจดหมายลับนั้นหรือไม่ครับคุณหญิง"
ู้ผู้กองเมื่อได้เห็นหน้าของสกายก็รู้สึกชอบลูกชายของเจ้านายทันที สกายที่
เข้ามาช่วยพยุงพ่อขึ้นนั่งโซฟา ก็มีโอกาศได้ใกล้ชิดผู้กองแต่ก็เฉยๆ เพราะ
สกายไม่ได้คิดอะไรกับผู้กองเมฆเกินพี่ชาย
"สวัสดีครับพี่เมฆ"
"สวัสดีครับน้องสกาย"
"คุณพี่มีอะไรหรือเปล่าค่ะ"
คุณหญิงเอ่ยถามอีกครั้ง นายพลเกริกพลจึงพูดว่า....
"ชายนีส ต้องการเหมืองทองคำของรัฐสุพรรณเพื่อเเลกกับดินเเดนน่านฟ้า
ในคาบสมุทรบูรพา"
"นี่มันปล้นประเทศกันเลยนะ จะบ้าหรือไร ปีก่อนก็เสียดินแดนเกาะน้ำคาบ
เกี่ยวให้ไปเเล้ว คุณพี่ คุณพี่จะทำอย่างไร"
"พี่ตัดสินคนเดียวไม่ได้ ต้องนำความขึ้นกราบทูล เมฆ"
"ครับท่าน"
"แจ้งนายพลทั้ง 3 หน่วยทัพ ทัพเรือ ทัพบก และทัพตำรวจ รวมถึงท่าน
ประธานาธิบดีและประธานวุฒิสภา เตรียมพร้อมขึ้นเฝ้าสมเด็จเจ้าฟ้า"
เมื่อมีคำสังลับส่งถึง ผู้นำเหล่าทัพและรัฐบาลก็มาพร้อมกันที่พระตำหนักใหญ่
สมเด็จเจ้าฟ้ารัตนปทุมวดี พระราชินีแห่งสาธารณรัฐ
"ขอเดชะฝ่าพระบาท กระหม่อมได้รับจดหมายจากทางชายนีสที่ส่งมาถึงฐาน
ทัพอากาศด้านบูรพา ว่าต้องการเหมืองทองคำของรัฐสุพรรณ"
"อะไรกัน เพิ่งเสียเกาะน้ำมัน เราจะต้องเสียใจกลางประเทศให้พวกมันอีกเหรอ"
สมเด็จเจ้าฟ้าฯถึงกับทรุดแต่ก็ไม่เป็นปัญหาและไม่มีอะไรทำร้ายสตรีท่านนี้ได้
นายพลธีระ ผู้นำกองทัพบกจึงทูลเสนอว่า....
"ขอเดชะฝ่าพระบาท หระหม่อคิดว่าเราควรส่งกองทัพเผชิญหน้าดีกว่าให้
พวกมันมาถือครองกรรมสิทธิ์แผ่นดิน"
"ไม่ได้ นายพลธีระ ประเทศเราตอนนี้ไม่พร้อมทำสงคราม ทั้งปัญหาการเงิน
โรคระบาด และฐานะแห่งประชาธิไตยที่ประเทศเราเพิ่งจะใสสะอาด หากพลาด
เราคงได้เป็นเมืองขึ้นของชายนีส อย่างแขมและลามได้ ทุกวันนี้ประชาชนเขา
ก็หลบหนีความอดยากเข้ามาเมืองเราไม่น้อย ท่านนายกพิชัย"
"พะยะค่ะ"
"เงินส่วนของเราที่การคลังดูแลเหลือมากน้อยเท่าไหร่พอจ่ายแทนค่าเหมืองทอง
ได้ไหม"
"ได้พะยะค่ะ แต่ อาจไม่พอที่จะส่งเจ้าชายนาวีไปศึกษาต่อต่างประเทศได้"
"นั้นเอาเงินส่วนนี้ไปเเลกกับการไม่ต้องเสียแผ่นดินซะท่านนายก"
"เจ้าชาย"
"ตามสบายไม่ต้องมากพิธี สมเด็จฯพระเจ้าข้า หากการศึกษาลูกดีแต่ประชาชน
ต้องทนทุกข์กระหม่อมของเลือกให้ประชาชนมีความสุขครับ"
"นาวี แต่ต่อไปลูกต้องครองราชและต้องรับหน้าที่มกุฎราชกุมาร ต้องต้องไปศึกษา
ด้านการปกครองที่ประเทศแอสกริต"
"สมเด็จฯ หากลูกจะปกครองสหรัฐไซมฺลูกก็ต้องศึกษาชีวิตความเป็นอยู่ของคน
ในชาติเเล้วเอามาพัฒนา ตอนนี้รัฐบาลก็สงเสริมและพัฒนาหลักสูตรให้คนเรียน
ในประเทศ แล้วถ้าลูกไปเรียนต่างประเทศเล่า"
"นั้นท่านนายกนำเรื่องนี้ไปคุยเป็นการกับทางชายนีสว่าเราจะเสียเเค่เงินเท่านั้น"
7 วันต่อมา เมื่อทางชายนีสได้รับจดหมายเเล้วก็ไม่ตกลง กองทัพชายนีสจึงยก
ทัพมาทางอากาศด้านตะวันออกเพื่อทำลายด้านหน้าของไซมฺ แต่ทว่ากองทัพ
อากาศไม่ได้กระจอกอย่างที่คิด ถึงแม้จะอาวุธน้อยแต่ก็สมองมาก นายพลเกริกพล
สั่งให้ชาวบ้านจุดไฟเผาตอซังข้าวที่เพิ่งเก็บเกี่ยว จึงทำให้เกิดกลุ่มควันบดบัง
ทรรศนีย์ภาพทางการบินจึงทำให้กองทัพอากาศของชายนีสขับเครื่องบินเสีย
ทิศทางและชนกันเอง แต่ด้วยทัพที่ยกมานั้นมันมากเหลือเกินถึงจะตัดทอน
กำลังไปแล้วแต่ก็ยังมีมาเรื่อยๆ
"นายพลครับ เครื่องบินพวกมันลุกล้ำเข้ามาได้เเล้วครับ เราจะทำอย่างไรต่อ"
"ส่งเครื่องบินไล่ล่าออกไปสะกัด"
"กำลังพลเราไม่พอครับท่าน ไม่มีใครขับเครื่องไล่ล่ารุ่น2050ได้ครับ"
"เวรละไง รัฐบาลก่อนซื้อมาแต่ไม่มีหลักสูตรใช้งานแล้วหมาตัวไหนจะขับ"
"กายเองพ่อ กายเคยขับตอนเรียนขับเครื่องบินที่แอสกริต เครื่องบินรุ่นนี้
ใช้เอไอด้านภาษาสั่งการ"
สกายแอบตามพ่อมาเเละบุกเข้าในฐานบัญชาการ นายพลเกริกพลจึงสั่งห้าม
"ไม่ได้สกายพ่อไม่ให้ลูกไป ลูกไม่มีพื้นฐานการรบ แล้วนี้บุกเข้ามาได้ไง"
"คุณแม่เป็นห่วงคุณพ่อ กายก็เลยบังคับพี่ผู้กองเมฆให้พามาด้วย พ่อเรื่อง
ขับไล่สำคัญกว่าการดุกายนะพ่อ"
"ท่านครับ"
"ว่าไงผู้กองเมฆ ตอนนี้ระบบการสื่อถูกควบคุมด้วยการใช้ภาษาของชายนีส
ภาษาอื่นใช้งานไม่ได้ แล้วทหารเราไม่มีใครเรียนภาษานี้เลย จะมีก็...."
"ใคร บอกมา ใคร"
"เจ้าชายนาวีและน้องสกายครับ"
"สกาย นี่ลูก"
"ครับพ่อ ก็พ่อเคยบอกกายเองว่าชายนีสจะมีอิทธิพลเหนือเมกกันกายก็เลย
เรียนภาษาของชายนีสแทนการเรียนหลักสูตรการรบตามที่พ่อสั่ง"
"เจ้าตัวแสบเอ๊ย พ่อของสั่งขังแกในฐานะผู้บุกรุกห้ามออกนอกเขตพื้นที่ไม่งั้น
พ่อจะสั่งขังคุกทหาร"
"ช้าก่อนนายพล"
"เจ้าชาย"
เจ้าชายนาวีเสด็จมาพร้อมคุณเด่นคุณพระคู่หมั้นซึ่งทั้งคู่เป็นหนุ่มนักบินเหมือน
กัน เจ้าชายจึงพูดกับนายพลเกริกพลว่า....
"ตอนนี้กองทัพขาดคน อย่าสั่งขังคนที่ขับเครื่องได้ สั่งการให้ผมและเด่นคุณ
ออกรบเป็นลำขับไล่ที่หนึ่ง และให้ผู้กองเมฆ(ทัพฟ้า) ผู้กองดิน(ทัพบก) และ
ผู้กองสายชล(ทัพเรือ) ขึ้นบินเป็นลำตาม สุดท้ายสกาย เป็นกำลังหนุนใน
การสั่งการ สกายพี่จะสั่งการเป็นภาษาแอสกริตให้เราใช้ภาษาชายนิสในการ
สั่งการ"
"รับด้วยเกล้าขอรับเจ้าชาย"
"สั่งการสิครับ นายพล"
ถึงแม้เจ้าชายจะเป็นลูกของควีนประมุขของรัฐ แต่ก็ต้องรอรับคำสั่งนายพลใน
การปฏิบัติงานรบ นายพลเกริกพลตอนนี้ทำอะไรเพื่อกันลูกไม่ได้จึงต้องออก
คำสั่งตามที่เจ้าชายบอก สกายตอนนี้อยู่ในเครื่องแบบทหารอากาศและเขาก็
มียศอยู่ในชั้นประทวน พันจ่าอากาศเอกก้องภพ สุรนาถมนตรี จบหลักสูตร
เตรียมทหารอากาศและการขับเครื่องอากาศยานนานาชาติ หล่อแบบมียศ
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองทุกอาชีพล้วนมีเกียรติและเท่าเทียมกันแม้
แต่อาชีพขายตัวก็ยังได้รับการยกย่องเท่ากับอาชีพนักการเมือง
เมื่อทุกฝ่ายพร้อมก็ขึ้นสู่น่านฟ้าไซมฺเริ่มปฏิบัติการขับไล่ เจ้าชายและคู่หมั้น
เป็นทัพหน้าที่ไม่กลัวอันตรายใด ท่านทำให้ทุกคนได้เห็นว่าการปกป้องชาติ
ไม่ใช่แค่ชายแท้ แต่ทุกเพศก็มีสิทธิ์ในการรักษาอธิปไตยของชาติได้
เหล่าสุภาพบุรุษติดปีกต่างทำงานเต็มทีโดยมีสกายเป็นกลไกลสำคัญเพราะ
ทั้งกองทัพมีสกายเท่านั้นที่เก่งภาษาชายนีส เจ้าชายนาวียังต้องยอมให้
แต่เเล้วก็
"เจ้าชายระวัง"
เครื่องบินจู่โจมของชายนิสหมายจะยิงเข้าเครื่องบินเจ้าชายนาวี สกายจึง
ขับไปสะกัดและส่งเสียงเตือน โชคดีที่เด่นคุณเข้ามาถวายอารักขาไว้ทัน
สกายจึงขับเครื่องบินเสยปีกคู่ต่อสู่โดยที่ไม่รู้เลยว่านั้นคือเครื่องบินของ
เจ้าชายหมินเต๋อ รัชทายองค์หลักแห่งสหราชอาณาจักรชายนีส
"นายพลนายพล"
"มีอะไร"
นายพลรุกลี้รุกล้นเพราะเห็นเครื่องบินลูกชายขับไปเสยปีกคู่ต่อสู้จนเสียหลัก
นายทหารที่วิ่งมารายงานจึงแจ้งว่า....
"เจ้าชายและกองทัพขับไล่พวกชายนีสไปได้เเล้วครับ แต่..."
"แต่อะไร"
"เรื่องของคุณสกายกับคู่ต่อสู้กำลังจะตกลงกลางทะเล ท่าน..."
"เตรียมเรือรบหลวงออกช่วยเหลือทันที นายพลชัชดา ช่วยลูกผมด้วย"
"กองทัพเรือเตรียมพร้อม เช็คกับว่าหมู่สกายจะสละเครื่องตอนไหนเตรียม
เรือรบหลวงออกไปช่วยโดยทันที"
ในขณะนั้นเครื่องบินของสกายโดนตามด้วยเครื่องบินของเจ้าชายหมินเต๋อ
(พระเอก)จนเครื่องเกี่ยวกันจนกำลังจะตก เจ้าชายนาวีจึงสั่งให้สกายใส่ชูชีพ
เตรียมสละเครื่อง....
"พื้นน้ำเรียกพื้นฟ้า"
"พื้นฟ้ารับทราบ"
"เตรียมพร้อมสละเครื่องทิ้งซะ เรือรบหลวงกำลังตามมาช่วย"
"รับทราบฝ่าบาท"
เมื่อสัญญาณถูกตัด สกายก็ใส่เสื้อชูชีพเเละติดร่มชูชีพพร้อมเเล้วจึงสละเครื่อง
บินที่กำลังจะตกซึ่งอาจระเบิดได้ แต่เเล้วความรักกลางอากาศก็เกิดขึ้นเมื่อเจ้าชาย
หมินเต๋อที่สละเครื่องก่อนได้ล่องชูชีพมาใกล้
"เฮ้ย ยู หน้าอ่อนแบบนี้พิษเยอะนักนะเล่นซะเครื่องไอเสียหลัก"
"จะตายละยังปากดี นี่ชายนีสปลอมหรือเปล่านี่"
ทันใดนั้นเจ้าชายหมินเต๋อได้เรือรบมารอช่วยรับอยู่ด้านพื้นน้ำเจ้าชายจึงตัดสายร่ม
ของสกายเเล้วกอดตัวสกายไว้กลางอากาศพร้อมปลดตัวร่มทิ้งไปเพื่อลดการถ่วง
น้ำหนัก สกายมองเห็นสัญลักษณ์ของราชวงศ์ชายนีสและจำได้ว่านี่คือองค์รัช-
ทายาทแห่งชายนีส ...นี่เราอยู่ในอ้อมกอดศัตรู ไม่ได้ยอมตายซะดีกว่า...
"โอ๊ยยยยย นี่คุณกัดแขนผมทามมาย"
"ปล่อยข้าพระบาทลงไปตายซะดีกว่า ให้ท่านมาช่วย"
"เรื่องไร เรายังไม่อยากซี๊แหงแก๋ หากเราไม่มีตัวเจ้าเรือเจ้าก็ทิ้งเราตายกลาง
ทะเลสิ"
"ทีออกรบท่านยังไม่กลัว"
"ได้ นั้นยูกับอั๊วก็ตายพร้อมกัน จริงอย่างที่เข้าว่า ไซมฺ เกย์ที่นี่น่ารักทุกคน"
"ใครเเกย์ ผมชายแท้"
"นั้นเหรอ"
"เฮ้ยยยยย"
เจ้าชายหมินเต๋อจูบแก้มสกายบนกลางอากาศแบบว่ามีฟ้าเป็นพยานของแท้
สกายทำไรไม่ถูกเพราะนี่คือจูบแรกที่เขาได้รับ และเป็นจูบของศัตรูด้วย
"แก้มนุ่มดีนี่ ทหารชายแท้เขาไม่หวานแบบนี้หรอก อยู่นิ่งๆไอจะบังคับทิศทาง
ลงที่เรือรบของประเทศยู"
สกายตอนนี้ฉะไนกอดกับศัตรูที่รุกรานเราเเล้วหละลูกขา ความหล่อตี๋ตาตี่
กล้ามแน่น เนื้อแข็งผิวขาวเป็นใครก็อยากซบอก
เมื่อทั้งคู่ลงบนเรือรบหลวงของไซมฺ
"สกาย ลูกพ่อ นี่ท่าน พระองค์ท่านปล่อยลูกข้าพระบาทซะ"
"ใช่เจ้าชายหมินเต๋อ ปล่อยอนุชาของเรามาซะ"
"ไม่ทักทายกันก่อนหรือเจ้าชายนาวี แล้วนี้น้องชายท่านจริงหรือ"
"ฐานะลูกพี่ลูกน้อง สมเด็จของเราเป็นน้องสาวของแม่สกาย"
"อืมก็เท่ากับว่าสกายมีเลือดของสายโลหิตของจักรพรรดินีของไซมฺ นั้นเรา
ขอเข้าประเทศท่านเพื่อเจรจาสงบศึก เราสัญญาด้วยเกียรติทหารว่าจะไม่
ทำร้ายประเทศของท่าน"
"ได้ แต่ห้ามทหารราชองครักษ์ติดตามเกิน 1 คน"
"ได้ แต่เราของคนของท่านดูแลเราแทนองครักษ์"
"ไม่ได้ กระหม่อมไม่ได้พักในพระราชวังเกรงจะไม่สมพระเกียรติ"
"สมพระเกียรติหาสำคัญเท่ากับการมียู อยู่กับเรา นายพลเกริกพล
ท่านไม่ต้องเตรียมอะไรให้หรูหร่าอยู่แบบเรียบง่ายตามที่ท่านอยู่ ผม
นอนห้องลูกท่านได้"
เอาหละสิครับเจ้าชายหมินเต๋อรุกเข้าแผ่นเดินของไซมฺแบบนี้และแผ่นดิน
ของสกายจะถูกยึดครองไหมหละเนี่ย
เมื่อเรือรบหลางเทียบท่า ทหารของชายนีสที่ติดตามเจ้าชายก็ได้ตามมา
พักที่เรือนรับรองของฐานทัพอากาศ ประชาชนเห็นสกายเดินคู่เจ้าชาย
ของชายนีสก็ต่างคิดว่าประเทศเราเเพ้แล้ว กระแสข่าวที่ตีไปทำให้นายก
รัฐมนตรีพิชัย ในฐานะประธานาธิบดีจึงออกแถลงการณ์ว่าเจ้าชายแห่ง
ชายนีสต้องการสงบศึกจึงเข้ามาเจรจา โดยรัฐบาลสัญญาว่าจะให้จบได้
ด้วยดีและไม่มีสงครามรุนแรงเกิดขึ้นประชาชนจึงสงบลง และตอนนี้เจ้าชาย
ก็ได้เข้าพักที่บ้านของนายพลเกริกพล โดยมีสกายทำหน้าที่องครักษ์พิเศษ
"ทุกคนทำตัวตามสบาย ยุคสมัยเปลี่ยนความสากลมีมากขึ้นพวกท่าน
ก็อย่ายึดถือธรรมเนียมเก่ามากนัก"
"พะยะค่ะ เอ๊ย ครับ"
เจ้าชายนั่งคุยกับนายพลแต่สายตากับบมองจ้องดูสกายที่เตรียมโต๊ะอาหาร
อยู่กับแม่ เจ้าชายจึงลุกเดินไปหาเเล้วพูดกับสกายว่า...
"ผมอยากอาบน้ำ"
"เดินขึ้นบันไดนะครับ ของผมขวามือตามสบาย"
"ตาสกาย พูดกับพระองค์แบบนั้นได้อย่างไร ขอพระราชทานอภัยเพค่ะ"
"ไม่เป็นไรคุณหญิง ตามสบาย พาผมไป ผมมีมารยาทไม่เดินบ้านใคร
ถ้าเจ้าของบ้านไม่พาไป"
"นั้นก็คงต้องเป็นคุณพ่อครับ เพราะผมคือผู้อาศัย"
"มานี่"
"จะทำไรครับ นี่...."
"ขอโทษนะครับ นายพล คุณหญิง"
เจ้าชายดึงเเขนสกายให้พาขึ้นไปบนห้อง นายพลเเละคุณหญิงดูออกว่า
เจ้าชายหมินเต๋อชอบลูกชายของเขา คุณหญิงจึงพูดกับสามีว่า....
"นี่เราจะต้องเสียลูกเป็นตัวประกันหรือค่ะคุณพี่ ชายนีสกับเราไกลกันนัก"
"ทำใจไว้บ้างก็ดี บรรพบุรุษชาวเราก็ยังสละพระองค์เป็นองค์ประกัน เสียดาย
พี่น่าจะใช้ความสุขกับลูกให้มากกว่านี้ พ่อ...รักลูกนะสกาย"
พ่อพลถึงจะดุเพียงไหนแต่คนเป็นพ่อก็ไม่เคยที่จะไม่รักลูก ตอนนี้ภาวณา
อย่างเดียวว่าอย่าให้เป็นอย่างที่คิด เเต่ก็นะถ้าบุพเพนำพาวาสนาเกื้อกูล
คู่กันเเล้วก็คงไม่เเค้วกันได้
ที่ห้องนอนของสกาย
"กลัวเราเหรอ หนุ่มน้อย"
"ไม่กลัว แต่ไม่ชอบครับเจ้าชายหมินเต๋อ"
"เรียกพี่ดีกว่า ไอเพิ่งจะ 33 ยูก็ 28 ห่างกันแค่ 5 ปี"
"พี่ผมมีคนเดียวคือพี่นาวี"
"เกย์ไซมฺนี่ดื้อจริงนะ แต่ก็ดื้อแบบน่ารัก อะถอชุดให้ผมทีผมจะได้อาบน้ำ"
"ขอประทานอภัย วัฒนธรรมของที่นี่คือนุ่งผ้าแล้วถอดชุดหรือไม่ก็ไปถอดแก้
ในห้องน้ำที่เป็นส่วนตัว"
"แต่ยูต้องเรียนรู้วัฒนธรรมของไอ ขนาดภาษาชายนีสยูยังพูดได้คล่องตอน
สั่งการ มาทำหน้าที่ขององครักษ์ดีกว่า..."
"แต่...."
"ไม่เเต่ ไอเลิฟยู สกาย หว่ออ้ายนี่"
อ๊ายยยยยบอกรักเเบบนี้สกายไม่น่ารอด สยากเริ่มปลดกระดุมให้เจ้าชายและ
ถอดชุดหมีของนักบินรบออกเผยให้เห็นร่างกายที่ขาวแบบโคตรขาว กล้าม
แน่น เนื้อแน่น โดยเฉพาะเเท่งในเกงในสีขาวที่มันเหมือนจะผงกหัวเรียกสกาย
"อาบด้วยกัน ขัดผิวให้ไอด้วย"
เจ้าชายพูดพร้อมถอดเสื้อผ้าสกายออกแล้วทั้งคู่ก็เข้าไปอาบน้ำด้วยกันจากที่
เกลียดๆก็ชักจะรักเขาเข้าเเล้วสิ ยิ่งอยู่ภายใต้ละอองน้ำจากฝักบัวยิ่งทำให้ได้
บรรยากาศ เจ้าชายหมินเต๋อจึงก้มหน้าลงจูบปากสกาย และสกายก็รับแลกจูบ
ด้วยจิตที่รักไปเสียเเล้ว....
"พอก่อนเจ้าชาย"
"เรียกพี่"
"ไม่ได้"
"เรียก"
เจ้าชายทำเสียงดุพร้อมจับสกายหันหลัง สกายจึงยอมเรียกเจ้าชายว่าพี่....
"ได้ครับ พี่หมินเต๋อ อย่าเพิ่งมากกว่านี้นะครับผมไม่พร้อม"
"ทำไม"
"ก็ประเทศเราทั้งสองยังไม่จบศึกอย่าถาวร ถึงผมจะรู้สึกดีกับพี่ แต่ผมก็
รักแผ่นดินเกิดของผมเช่นกัน"
"คุณนี่มันน่ารักจริง ดีผมชอบคนพูดตรงๆ"
ทั้งคู่กอดจูบภายในสายน้ำอีกครั้งก่อนออกมาเเต่งตัวเเละลงมาทานข้าวเย็น
ร่วมกันและคืนนี้เจ้าชายนาวีและพระคู่หมั้นมาร่วมทานอาหารด้วย ดูท่า
เหมืองทองคำจะคงอยู่ แต่อาจต้องเสียประชาชนหนึ่งคนนั้นก็คือสกาย
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ เนื้อเรื่องแต่งจากจินตนาการและเรื่อง
สมมติงดดราม่านะครับ อ่านเพื่อความบันเทิงเนาะๆ
ขอบคุณครับ รอติดตามครับผม ขอบคุณครับ สนุกมากครับ {:5_142:}{:5_142:} ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]