เรื่องเล่าของผัวเมีย #20 "เฮียโจ้ สถาปนิกนักรัก 3"
เรื่องเล่าของผัวเมีย #20"เฮียโจ้ สถาปนิกนักรัก 3"
เนื่องด้วยจากเรื่องราวเมื่อตอนที่แล้วยังไม่จบจะขอเล่าต่ออีกนิดหน่อยแต่ว่าเป็นเรื่องในตอนเช้าของวันถัดมา
ผมรู้สึกตัวขึ้นประมาณหกโมงครึ่งซึ่งก็เป็นเวลาปกติที่ผมและกลอยจะตื่นเป็นประจำทุกวันยกเว้นวันหยุด แต่วันนี้วันเสาร์เป็นวันหยุดของผมกับกลอยด้วย แต่ผมตื่นมาก็ไม่เห็นกลอยแล้ว เร็วเท่าความคิด ผมคลานไปแอบดูที่จุดเดิม
ภาพขมุกขมัวในเวลาเช้าที่ห้องข้างล่างเป็นภาพชายหญิงกำลังโรมรันพันตูกันอยู่บนที่นอน ร่างกลอยเปลือยเปล่านอนหงายให้เฮียโจ้ซึ่งนุ่งกางเกงตัวเดียวเฟ้นฟอนสองเต้าอยู่อย่างเมามัน จากนั้นเฮียโจ้ก็เลื่อนหน้าลงต่ำซุกลงหว่างขาของกลอยพร้อมกับลงลิ้นเลียอย่างหื่นกระหายทำเอากลอยถึงกับส่ายเอวดิ้นพล่านๆ
เมื่อเห็นว่าได้ที่แล้วแกก็ลุกขึ้นถอดกางเกงออกปล่อยควยใหญ่ให้เป็นอิสระ แกนั่งคุกเข่าลงฉีกขากลอยออกกว้างจับควยจ่อเข้าสู่เป้าหมาย ไม่ต้องอารัมพบทให้มากความในเมื่อของมันคุ้นเคยกันมาแล้วตั้งแต่เมื่อคืน เฮียโจ้ค่อยๆ ดันเอวส่งควยเข้ารูสวาทช้าๆ กลอยครางซี๊ดด้วยความเสียวเมื่อควยใหญ่แน่นรูค่อยมุดเข้าถ้ำที่คับแคบของเธอ
"เมียจ๋า...หีเมียมันแน่นจริงๆ ตอดควยผัวตุบๆ เลย"
เฮียโจ้พูดข้างหูกลอยเบา เธอได้แต่หัวเราะคิกๆ หยิกแขนเฮียโจ้เบาๆ แล้วก็สูดปากด้วยความเสียวเมื่อเฮียโจ้เริ่มสาวควยเร็วขึ้น เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังขึ้นมาถึงหูของผม มันสร้างอารมณ์ได้อย่างประหลาดเมื่อได้เห็นภาพเมียรักกำลังโดนชายอื่นกระแทกและได้ยินเสียงเนื้อกระทบกันผสมเสียงครางอย่างสุดเสียวของทั้งสองคน ผมจึงกระถอกเจ้างูเขียวในมือไปมาอย่างอย่างได้อารมณ์ยิ่งนัก
เฮียโจ้หยิบหมอนมาสอดรองก้นของกลอยให้แอ่นสูงขึ้นแล้วแกก็กระแทกใส่เนินโหนกอย่างแรงเสียงดังผับๆ กลอยร้องครางด้วยความเสียวซ่าน
"เมียจ๋า...เมียจ๋า...เมียจ๋า...เรียกผัวหน่อยเมียจ๋า" เฮียโจ้พูดไปก็กระแทกเอวใส่แรงๆ "พูดสิ...เมียจ๋า..ผัวใกล้แล้วนะ....แล้วเมียล่ะ"
"แรงๆ เลย...เมียก็ใกล้แล้ว...แรงๆ..ผัวขาาา"
เสียงกลอยร้องครางพูดแผ่วๆ มันเสมือนเป็นแรงกระตุ้นชั้นดีให้เฮียโจ้มีแรงคึกขึ้นกว่าปกติ เมื่อแกได้ยินกลอยเอ่ยเบาแผ่วๆ เสียงขาดหายออกจากปากแบบนั้น แกก็โผนทะยานกระหน่ำเอวใส่กลอยอย่างเร็วและแรงขึ้นทันใด ส่งผลให้เกิดเสียงดังพร้อมกับเสียงร้องครางของคนทั้งสอง
"โอว..อ๊า...ผัวจ๋า..ระ..เร็ว"
"เมียจ๋า ...เมียจ๋า..ผัว..โอ๊วววว"
"อ๊าาา...."
ทั้งสองร้องครางเสียงยาวๆ พร้อมกันเมื่อเฮียโจ้กระหน่ำเอวเร็วระวิงและแน่นหนักส่งควยใส่รูของกลอย แล้วก็หยุดเอวกึกกระทันหันพร้อมบดอัดเอวเข้าแนบตัวกลอยอย่างแนบแน่น ทั้งสองนอนก่ายเกยกันพร้อมส่งเสียงหายใจอันหอบหืดดังขึ้นมาถึงผม ทั้งสองลูบคลำตัวกันและกันก่อนที่เฮียโจ้จะถอนควยใหญ่ของแกออกจากรูของกลอยแล้วนอนแผ่หราอย่างคนหมดแรง แต่สักครู่ ผมก็เห็นทั้งสองคนลุกขึ้นพากันเดินเข้าห้องน้ำ
ผมเปลี่ยนมาดูจุดที่เห็นในห้องน้ำ ทั้งสองคนหยอกเอินพูดคุยและผลัดกันถูสบู่ให้กันเสมือนหนุ่มสาวข้าวใหม่ปลามันก็ไม่ปาน ทำไห้ผมมีอารมณ์คึกคักเป็นอย่างยิ่ง เพราะได้เห็นชายอื่นชื่นชมและชื่นชอบเมียของตัวเองมากถึงขั้นหลงใหลในรูปกายของเธอจนอารมณ์ผมแทบกระฉูดน้ำคามือ แต่ผมต้องอดกลั้นไว้ก่อนขอแตกในใส่รูของเธอดีกว่ากันเยอะ
ทั้งสองอาบน้ำเสร็จผมก็กลับมาแอบดูจุดเดิมอีกครั้ง เห็นกลอยกัยเฮียโจ้ยืนกอดกันกลมอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง ทั้งสองพูดคุยอะไรกันอยู่นานหลายนาทีก็ผละร่างออกจากกัน เฮียโจ้แต่งตัวและกลอยก็นุ่งผ้าเช็ดตัวเดินขึ้นชั้นบน ผมรีบกลับไปนอนแล้วทำเป็นหลับแต่ควยแข็งโด่ก็ดันกางเกงนอนของผมจนเห็นได้ชัด ซึ่งนั่นเพราะผมตั้งใจให้กลอยเห็นนั่นเอง
"นอนหลับยังแข็งโด่เลยนะเจ้างูเขียว"
ผมทำเป็นงัวเงียตื่นเมื่อได้ยินกลอยพูดพร้อมกับที่เธอลูบไล้ควยผมนอกกางเกง ผมลุกขึ้นนั่งปลดปมผ้าขนหนูเธออกจากร่างซุกหน้าลงดอมดมสองเต้าที่หอมละมุนด้วยกลิ่นสบู่และทำท่าจะก้มลงใช้ปากกับร่องเสียว กลอยคงจะรู้ว่าผมอาจจะได้กลิ่นควยและน้ำรักของชายอื่นที่ไม่ใช่ของผัวจากร่องเสียวของเธอแม้ว่าจะได้ชำระล้างแล้วก็ตาม เธอจึงรีบผลักผมให้นอนหงายแล้วถอดกางเกงผมออก จากนั้นเธอก็ปีนขึ้นร่างผมสอดงูเขียวเข้าร่องรูของเธอ
มันมุดเข้าช้าๆ ตามที่เธอค่อยๆ หย่อนก้นลงมา เธอขยับซอยอยู่สอง-สามครั้งงูเขียวของผมก็มุดเข้ารูได้จมมิด กลอยครางอือเมื่อเธอเริ่มขยับเอวบดควยผมผมไปมา สองมือเธอท้าวหลังไปจับสองเข่าผมแอ่นหน้าอกหราให้สองมือผมเคล้าคลึงสองเต้างามอย่างมันมือ
ไม่ต้องเล้าโลมอะไรกันมากเพราะเธอนั้นโดนเฮียโจ้สร้างอารมณ์ให้มาแล้ว กลอยโยกเอวเธอเร็วๆ รัวๆ พร้อมร้องครางอือๆ อยู่ตลอดเวลา ผมนั้นด้วยอารมณ์ที่พลุ่งพล่านก่อนหน้านั้แล้วก็แทบจะกลั้นไม่ไหวเหมือนกัน เมื่อเมียรักกำลังนั่งโยกคลีงอยู่บนตัวผม ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านั้นไม่กี่นาที่ เธอยังโดนชายอื่นจับแหกกระแทกกระทั้นอยู่เลย
"เมียจ๋า...เมียจ๋า..ผัวมีความสุขจัง เมียมีความสุขไหม? เมียจ๋า...เรียกผัวสิ เมียจ๋า"
ผมพูดด้วยอารมณ์อยากจะล้อเฮียโจ้ที่พูดก่อนหน้านั้นกับเมียรักของผม ซึ่งเป็นสองคำพูดที่ผมใช้พูดอยู่บ่อยๆ เวลากระตุ้นอารมณ์ให้กันและกัน ระหว่างคำว่า "ที่รัก" กับ"เมียจ๋า-ผัวจ๋า"
"อ๊า....ผัวจ๋า ..เมีย...."
ผมรู้ว่ากลอยหมายถึงอะไรเมื่อเธอโยกเอวเร็วขึ้น ส่วนผมนั้นก็สุดจะกลั้นแล้วชิงออกตัวไปก่อนเธอเมื่อผมกระฉุดน้ำรักเข้าโพรงลึกแห่งความหฤหรรษ์ ผมบีบนมสองเต้าของกลอยแทบจะแหลกคามือด้วยความเสียวซ่าน กลอยเธอรับรู้ว่าผมถึงฝังแล้ว เธอโน้มตัวเอาสองมือมายันที่หน้าอกผมแล้วก็เร่งเอวเร็วๆ
"อ๊าาาาา....."
ไม่นานเสียงหวานๆ ก็ร้องเสียงยาวพร้อมกับบดเอวลงแรงๆ แล้วก็ฟุบร่างงามลงบนอกผมหายใจหอบแรงจนตัวโยน ผมเอามือลูบไล้ไปมาตามแผ่นหลังเพื่อปลอบประโลมเบาๆ แล้วกลอยก็พลิกร่างลงจากตัวผมนอนหายใจช้าๆ หลับตาพริ้มพร้อมรอยยิ้มหวานๆ สะท้านหัวใจผม ผมเสยเส้นผมที่ปิดบังใบหน้ากลอยออกพร้อมก้มหน้าลงหอมเบาๆ ก่อนจะลุกขึ้นสวมกางเกงเดินลงมาข้างล่าง
ผมเห็นเฮียโจ้นอนเอกเขนกอยู่บนโชฟาดูโทรทัศน์อยู่ แกมองยิ้มๆ มาที่ผมเสมือนบอกว่าผมล้างหน้าไก่มาแน่ๆ ผมยิ้มตอบบอกขอตัวอาบน้ำสักครู่แล้วก็ออกมาคุยกันกับแก ก่อนจะพาขับรถนำแกไปดูสถานที่ที่ผมจะสร้างบ้าน แกแนะนำหลายอย่างให้ผมพร้อมบอกว่าถ้ามีปัญหาใดใดก็โทรติดต่อได้ตลอดเวลา และก่อนที่จะร่ำลากันแกขอบคุณที่ให้ผมพักที่ห้อง ผมถามหยอกๆ ไปว่า หลับสบายไหมเมื่อคืน? แกหัวเราะบอกว่า หลับสบาย ฝันดีมากเลย
สัปดาห์ต่อมาทั้งสัปดาห์ ผมง่วนอยู่กับการเตรียมที่ ต้องตัดต้นมะม่วงทิ้งหลายต้น ถมดินนิดหน่อยเพราะที่สูงอยู่แล้ว ติดต่อหาทรายมากองเตรียมไว้ เมื่อเสร็จแล้วก็โทรแจ้งเฮียโจ้ให้ทราบ
บ่ายวันหนึ่ง เฮียโจ้ก็ขับรถนำลูกน้องจำนวน 5 คนมาที่ที่ผมจะปลูกบ้าน โชคดีที่ป๋าเด็จเจ้าของที่เดิมแกได้สร้างที่พักให้คนงานใว้เฝ้าสวนมะม่วง เป็นเพิงสังกะสีเสาสี่ต้นและมีห้องน้ำด้วย พวกคนงานพอจะนอนเบียดๆ กันได้ทั้งหมด แต่ก็เห็นพากันต่อเพิงออกมาอีกนิดหน่อยบอกว่าเอาไว้ทำเป็นครัว
หนึ่งเดือนผ่านไป การก่อสร้างบ้านผมเป็นไปอย่างไม่มีปัญหาใดๆ เฮียโจ้ก็มาดูการทำงานของลูกน้องด้วย แต่เป็นการมาดูแบบเช้ากลับเที่ยง แกมาทุกครั้งก็จะมาพบผมด้วยแต่ไม่ได้พบกลอยเพราะเธอต้องทำงาน แต่มีครั้งเดียวที่พบกันเมื่อเที่ยงวันหนึ่ง เราพากันไปกินข้าวเที่ยงหลังจากดูหน้างานเสร็จ ผมก็โทรบอกกลอยให้มาร่วมด้วย เฮียโจ้ยิ้มร่าเมื่อเจอหน้ากลอย เห็นทั้งสองสอบถามสารทุกข์สุกดิบกันพร้อมยิ้มหัวหยอกเอินกันไปผมก็ได้แต่นั่งยิ้ม เฮียโจ้บอกว่าช่วงนี้แกไม่ค่อยว่างต้องเดินทางออกตรวจงานตามต่างอำเภอบ่อยๆ จนแกเหนื่อยล้า แกว่าแกรับงานหลายงานจนแทบไม่มีเวลาให้ครอบครัว ผมแซวว่า อย่าหักโหมมากนักนะเฮียเดี๋ยวไม่มีแรง แกก็หัวเราะหึๆ แกบอกว่า ที่จริงน้าเทพแกขอมาทำบ้านให้ผมแต่แกให้น้าเทพไปคุมงานใหญ่กว่าอีกอำเภอหนึ่ง แกบ่นใหญ่เลยว่าเสียดายมากไม่ได้กินกลอย อ้อ..ไม่ได้กินกับข้าวฝีมือกลอยน่ะ พูดแล้วแกก็หัวเราะซึ่งกลอยก็พลอยหัวเราะไปด้วย
เรากินข้าวเสร็จ กลอยก็กลับไปทำงาน เฮียโจ้ก็กลับบ้านบอกว่า ต้องแวะไปดูงานอีกอำเภอหนึ่งก่อนจะเข้าบ้าน สงสัยแกจะโหมงานเยอะจริงๆ แหละเพราะแกดูเซียวๆ ไปเยอะเหมือนกัน
เดือนที่สองผ่านไป บ้านผมเป็นรูปเป็นร่างแล้วทั้งหลังรองานฉาบเก็บรายละเอียดและติดตั้งกระจก เดือนที่ผ่านมาผมพบเฮียโจ้แค่ครั้งเดียวในเวลาสั้นๆ แต่ก็รู้ว่าแกมีเวลาแล้วเพราะโครงการต่างๆ ที่แกรับงานทยอยเสร็จแล้วหลายงาน แกเหมือนจะอยากให้ผมชวนพักที่ห้องผมอีก แต่ว่าตอนนั้นผมไม่สะดวกจริงๆ จึงไม่ได้เอ่ยชวนแก
เช้าวันศุกร์วันหนึ่ง ผมชวนกลอยว่า ไปเที่ยวในเมืองกันไหม?ให้เฮียโจ้พาเที่ยว กลอยถามว่า แล้วแกจะว่างไหมล่ะ? เออ...ผมก็ลืมคิดไป ผมจึงโทรศัพท์หาเฮียโจ้ทันที แกบอกอย่างดีใจว่า มาเลย เฮียว่างตลอด ผมจึงให้กลอยลางานครึ่งวันเพื่อจะได้เดินทางเข้าตัวจังหวัดซึ่งเป็นระยะทางกว่า 90 กิโลเมตร
ที่ผมวางแผนไปเที่ยวกับเฮียโจ้ในตัวเมืองนั้นเพราะว่าจะเดินทางไปงานศพของพ่อตำรวจที่ทำงานที่โรงพักเดียวกันและจะได้ไปเยี่ยมลูกสาวที่เรียนอยู่ในเมืองด้วย ไหนๆ ได้ไปแล้วก็อาศัยคนในพื้นที่อย่างเฮียโจ้นั่นแหละเป็นคนพาพวกเราเที่ยวกันโดยที่จะได้ไม่ไปเสียเที่ยวเปล่าๆ
เราออกจากบ้านงานศพประมาณประมาณหกโมงเย็น แล้วก็พากันไปหาลูกสาวที่หอพัก เรานอนขลุกอยู่กับลูกสาวอยู่นานแล้วก็อาบน้ำแต่งตัวไปพบเฮียโจ้ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งเรานัดกันสองทุ่ม กลอยสวมชุดเสื้อกระโปรงเป็นคอวีแขนกุดชายกระโปรงเสมอเข่าดูดีไม่ได้เซ็กซี่อะไรเลยแต่เฮียโจ้ก็จ้องเธอตาไม่กระพริบเมื่อพวกเราเจอกันครั้งแรก
ร้านอาหารที่พวกเราเข้าไปเป็นร้านที่หลังคามุงด้วยหญ้าคาขนาดใหญ่ มีโต๊ะและเก้าอี้เป็นไม้ไผ่ซึ่งมีประมาณห้าสิบโต๊ะได้ ตรงกลางเป็นเวทีที่มีไว้สำหรับการเล่นดนตรีสดซึ่งจะเริ่มเวลาสามทุ่ม พวกเราพากันมานั่งหลบมุมอยู่ท้ายๆ เป็นโต๊ะเล็กขนาดสี่คนนั่ง แสงไฟเปิดสลัวพอเห็นกันได้ มีลูกค้ามาใช้บริการแล้วประมาณสาม-สี่โต๊ะได้ เฮียโจ้สั่งเหล้าชุดใหญ่กับแกล้มอีกสอง-สามอย่าง กลอยขอข้าวเปล่าหนึ่งจานด้วยส่วนผมกับเฮียโจ้ไม่สั่งเพราะแค่กับแกล้มก็คงจะพอดีแล้ว
เรานั่งคุยกันแบบสบายๆ ถามสารทุกข์สุกดิบกันพอประมาณ แล้วก็คุยกันเรื่องบ้านของผม เฮียโจ้กับกลอยก็หยอกล้อกันไปมาเฮฮาสนุกสนานกันดี พอสามทุ่มดนตรีก็เริ่มเล่นซึ่งเป็นเพลงสมัยพวกเรายังเป็นวัยรุ่น สลับกับเพลงเพื่อชีวิต เวลาประมาณสี่ทุ่มลูกค้าเริ่มเข้าร้านกันเยอะขึ้น สังเกตุดูส่วนใหญ่จะเป็นวัยทำงานไม่ค่อยมีวัยรุ่นสักเท่าไหร่และเพลงที่เล่นก็เน้นเพลงเก่าซะส่วนใหญ่จึงค่อนข้างจะถูกใจพวกเรากันมาก ยิ่งดึกคนยิ่งเยอะอาจจะเพราะพรุ่งนี้เป็นวันหยุดด้วย
ผมดูกลอยเธอปลดปล่อยอารมณ์เต็มที่ อาจจะฤทธิ์แอลกอฮอล์ด้วย บรรยากาศรอบข้างและการคะยั้นคะยอของเฮียโจ้ด้วยที่เมื่อเป็นจังหวะเพลงเร็วก็จะลุกขึ้นเต้นกันอยู่สองคน เธอชวนผมเต้นด้วยกันซึ่งก็ขัดเธอไม่ได้ ผมก็พลอยสนุกไปด้วยจึงได้ร่วมกันเต้นอย่างสนุกสนาน
ถ้าเป็นจังหวะเพลงช้าก็จะพากันนั่งคุยกัน ผมเห็นมือของเฮียโจ้วางอยู่ข้างล่างโต๊ะเกือบตลอดเวลา ผมคิดว่าแกคงกำลังลูบคลำขาของกลอยอยู่แน่ๆ แต่จะขนาดล้วงกันไหมนั่นผมไม่รู้ ผมทำไม่รู้ไม่เห็นไม่มองทำเป็นซาบซึ้งไปกับอารมณ์ของเพลง มีช่วงหนี่งเป็นเพลงเร็วเราทั้งสามออกมากอดคอเต้นและร้องเพลงตามนักร้องบนเวทีไปด้วย หางตาผมแอบเห็นเฮียโจ้หอมแก้มกลอยอยู่หลายครั้ง และเมื่อเป็นเพลงช้าก็เห็นเฮียโจ้ก้มหน้าไปคุยกับเธอแบบใกล้ชิดแล้วแอบหอมแก้มกันอยู่บ่อยๆ ยิ่งแสงไฟสลัวๆ มันยิ่งเพิ่มเสริมบรรยากาศได้ดีชะงัดนัก
พวกเราสามคนสนุกสนานไปกับบรรยากาศและเสียงเพลงพร้อมกับปลดปล่อยอารมณ์กันอย่างสุดๆ ยิ่งดึกยิ่งสนุก ช่วงหนึ่งผมกลับมาจากห้องห้องน้ำเป็นช่วงเพลงช้าซึ้งๆ ผมเห็นกลอยกับเฮียโจ้ยืนประคองกอดกันส่ายตัวช้าๆ ตามเสียงเพลง ผมยืนดูอยู่ครู่เมื่อทั้งสองผละออกจากกันจึงได้เดินเข้าไปร่วมโต๊ะ
เกือบตีหนึ่ง พวกเราทั้งเมาเหล้า เมาบรรยากาศและเมาอารมณ์ได้เช็คบิลออกจากร้านมา เฮียโจ้บอกให้ผมขับรถตามแกเพื่อจะพาไปที่บ้านพักของแก กลอยร้องแซวว่า รถเฮียโจ้สวยมากอยากจะลองนั่งดูจัง เฮียโจ้บอกกลับมาว่า ก็มานั่งดูสิ กลอยมองหน้าผมเหมือนขอความเห็น ผมยิ้มพยักหน้าให้ เธอทำท่าทางดีใจวิ่งไปนั่งรถสปอร์ตยี่ห้อยุโรปของเฮียโจ้ ตลอดเส้นทางที่ผมขับตามรถเฮียโจ้ ผมก็พยายามมองดูภายในรถของแกว่าทั้งสองทำอะไรกันบ้าง แต่ก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เพราะรถติดฟิล์มทึบมาก
บ้านพักของเฮียโจ้อยู่นอกตัวเมืองไม่มากนัก เป็นบ้านชั้นเดียวอยู่โดดเดี่ยวจากหมู่บ้านพอสมควรและมีต้นไม้ครึ้มอยู่รอบๆ ตัวบ้านมีทุ่งนาอยู่รอบทิศ แกบอกว่าเอาไว้เมื่อเวลาเครียดๆ จากงานแกก็จะออกมานอนเล่นที่บ้านพักหลังนี้ประจำ ด้วยบรรยากาศแบบบ้านทุ่งทำให้ผ่อนคลายจากความเครียดได้เยอะ อีกทั้งเอาไวัรับรองเพื่อนๆ ที่หนีความวุ่นวายในเมืองมาพักสบายๆ แบบบรรยากาศบ้านทุ่งด้วย
เฮียโจ้ได้ให้ผมกับกลอยพักอยู่อีกห้องซึ่งแกทำไว้รับแขก ผมเห็นแกส่งสายตาซึ้งให้กับกลอยเหมือนบอกอะไรเป็นนัยๆ ก่อนแกจะกลับเข้าห้องแกไป ถ้าจะให้ผมเดาล่ะก็คงจะหมายถึงให้กลอยแอบไปหาแกเมื่อตอนที่ผมหลับแน่ๆ แต่ยังไงซะคืนนี้ผมจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอนเพราะผมมีแผนการเอาไว้แล้ว
อ๊ะ อ๊ะ...ผมมีแผนอะไร? หรือผมคิดอะไรอยู่? เก็บความเสียวเอาไว้ต่อในตอนหน้าดีกว่าเนอะ คิดเห็นประการใดก็ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
สุดยอดเล่าด้ายละเอียดเห็นภาพเรยขอบคุณ สนุกมากครับ ขอบคุณมาก ขอบคุณครับ กลอยนี่ชีวิตดีจริงๆ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณมากครับ
หน้า:
[1]