นิสิตแพทย์ใช้ทุน 6
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Porschekub เมื่อ 2024-7-8 23:52คืนนั้นผมพลิกตัวไปมาบนเตียง ความคิดวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับยายเป้า ภาพร่างกายเหี่ยวย่นของเธอ กลิ่นหอมอ่อนๆ ของแป้งโรยตัว และเสียงครางแผ่วเบาดังก้องในหัวผม ความรู้สึกผิดและความกลัวผสมปนเปกันจนทำให้ผมนอนไม่หลับ เหงื่อซึมตามขมับ หัวใจเต้นแรง ผมพยายามสูดหายใจลึกๆ ปลอบตัวเองว่าทุกอย่างจะดีขึ้นเมื่อได้เจอน้องน้ำ แต่ในใจลึกๆ ผมก็ยังคงกลัวว่าความรู้สึกนั้นจะไม่หายไป
รุ่งเช้า ผมเก็บกระเป๋าและเตรียมตัวเดินทางไปสนามบิน หวังว่าการได้อยู่กับน้องน้ำจะช่วยให้ผมกลับมาเป็นตัวเองและลืมความทรงจำที่ไม่ดีนั้นไปได้บ้าง ผมนั่งอยู่บนเครื่องบิน มองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นทะเลอ่าวไทยนึกถึงน้องน้ำที่รออยู่ในกรุงเทพฯ ผมรู้ว่าต้องไปเจอเธอเพื่อพิสูจน์ว่าผมยังรักเธออยู่ และผมอยากมีเซกส์กับเธอเพื่อลืมยายเป้าและชดเชยความรู้สึกเสียบริสุทธิ์ที่ยายเป้าพรากใบ ผมยังจำคืนวันที่ผมกลับไปหอพักแล้วนอนร้องไห้ได้ ผมอเป็นคนบูชาความรัก ตลอดการคบกับน้องน้ำมาตั้งแต่ผมอยู่ปี 2 ตอนนั้นน้องน้ำเพิ่งเข้ามาเรียนปีหนึ่ง เราเจอกันในบ้านรับน้องมหาวิทยาลัยเราสนิทกันจนผมขอเธอเป็นแฟนหลังเราคุยกันได้ 6 เดือน ผมพยายามทำตัวเป็นสุภาพบุรุษที่สุด เพราะอยากจะเก็บความบริสุทธิ์นี้ไว้ให้กับแฟนคนแรกในชีวิต เคยแต่จับมือ กอด และจูบกันเท่านั้น แต่คืนนี้น้องน้ำต้องเป็นของผมทั้งใจและร่างกาย
เมื่อถึงกรุงเทพฯ น้องน้ำขับรถไปรับผมที่สนามบิน
"น้ำ พี่คิดถึงมากเลยนะ" ผมพูดพลางจับมือน้องน้ำ
"พี่ต้น น้ำก็คิดถึงพี่เหมือนกันค่ะ" น้องน้ำตอบพลางยิ้มหวาน
"รู้ไหม พี่นับวันรอที่จะได้เจอน้ำอีกครั้งเลยนะ ทุกครั้งที่พี่คิดถึงน้ำ พี่รู้สึกเหมือนหัวใจพี่พองโต" ผมกระซิบด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
"น้ำก็เหมือนกันค่ะ พี่ต้นเป็นคนที่น้ำรู้สึกพิเศษที่สุด" น้องน้ำพูดพลางสบตาผมอย่างอ่อนโยน
"เราอยู่ด้วยกันแบบนี้ พี่รู้สึกว่าทุกอย่างในโลกนี้มันสมบูรณ์แบบแล้ว" ผมพูดด้วยรอยยิ้มอบอุ่น
เราไปนั่งเล่นคาเฟ่กาแฟคราฟต์ร้านประจำของเราแถวทองหล่อ
"น้ำรู้สึกดีใจมากที่ได้มีพี่ต้นอยู่ข้างๆ" น้องน้ำกล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
น้ำถามว่า "พี่ต้นทำงานเป็นยังไงบ้างคะ?" ทันใดนั้นผมก็นึกถึงเรื่องยายเป้า ความทรงจำที่มีทั้งความสับสนและความตื่นเต้นก็ไหลกลับมา ฉากที่ยายเป้าใช้ร่างกายของผมเป็นเครื่องมือสนองความต้องการของเธอ และการค้นพบว่าตัวเองอาจจะเป็น gerontophilia
ผมนั่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง พยายามจะตอบคำถามของน้ำโดยไม่ให้เธอสังเกตเห็นความสับสนในใจ "งานก็เรื่อยๆ นะ" ผมตอบด้วยรอยยิ้มที่พยายามทำให้ดูเป็นธรรมชาติ "บางครั้งก็เครียด แต่การได้ช่วยเหลือคนไข้ก็ทำให้รู้สึกดีขึ้น"
น้ำยิ้มกลับมา "พี่ต้นเก่งอยู่แล้วค่ะ หนูเชื่อว่าพี่ต้นจะเป็นหมอที่ดี"
คำพูดของน้ำทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น แต่ในใจยังคงมีความรู้สึกที่ซับซ้อน ความทรงจำเกี่ยวกับยายเป้าไม่ใช่สิ่งที่ผมสามารถลืมได้ง่ายๆ มันทำให้ผมเข้าใจธรรมชาติของมนุษย์มากขึ้น ทั้งความปรารถนา ความอ่อนแอ และความต้องการที่จะรักและถูกรัก
"ขอบคุณนะน้ำ" ผมตอบเบาๆ "พี่จะพยายามทำให้ดีที่สุด"
หลังจากที่เราตกลงกันว่าจะใช้เวลาช่วงเย็นด้วยกัน ผมกับน้องน้ำก็เดินทางไปยังห้างสรรพสินค้าแถวนั้น เราเดินเล่นและสำรวจร้านค้าต่างๆ จนถึงค่ำ ผมชวนเธอเข้าร้านหนังสือที่ผมชอบและใช้โอกาสนี้เลือกซื้อหนังสือ non-fiction ภาษาอังกฤษเผื่อเอาไว้อ่านในช่วงที่ต้องอยู่เวรดึก
ระหว่างที่เดินเลือกหนังสือ ผมแอบส่งสายตาและยิ้มให้กับน้องน้ำเล็กน้อย เธอเองก็ดูเหมือนจะรู้สึกถึงความพิเศษของคืนนี้เช่นกัน หลังจากเลือกหนังสือเสร็จ เราก็เดินไปซื้อเสื้อผ้าเป็นเพื่อนน้องน้ำ เราลองชุดหลายชุด ผมช่วยเลือกและออกเงินให้เธอด้วย
"ชุดนี้สวยดีนะคะ ลองใส่ดูสิ" ผมพูดขณะหยิบเดรสสีฟ้าสดใสให้เธอ น้องน้ำลองใส่ชุดนั้นและออกมาจากห้องลองเสื้อผ้า ผมยิ้มให้เธอและพูด "น่ารักมากเลยครับ"
เราต่างรู้สึกเขินเล็กน้อย แต่ก็มีความสุขที่ได้ใช้เวลาร่วมกัน จากนั้นผมก็ถามน้องน้ำว่า "น้ำครับ เราไปซื้อชุดชั้นในกันดีไหม? ผมอยากให้น้ำเลือกชุดที่สวยที่สุดสำหรับคืนนี้"
น้องน้ำยิ้มอย่างเขินอายแต่ก็พยักหน้ารับ เราเดินเข้าร้านชุดชั้นในแบรนด์ดังอย่าง Victoria's Secret ผมแอบส่งสายตาและส่งสัญญาณว่าอยากให้คืนนี้เป็นคืนพิเศษของเรา
น้องน้ำเดินเลือกชุดชั้นในไปหลายตัว ผมเองก็ช่วยเธอเลือกและออกความเห็น "ชุดนี้สวยนะครับ น้ำลองดูสิ" ผมหยิบชุดชั้นในลูกไม้สีแดงให้น้องน้ำ
หลังจากที่น้องน้ำเลือกชุดชั้นในที่ถูกใจ เธอหยิบชุดชั้นในสีแดงมาให้ผมดู "พี่ต้นคิดว่าอันนี้เป็นไงคะ?"
ผมยิ้มและตอบ "สวยมากเลยครับ คืนนี้ใส่ให้พี่ดูหน่อยนะครับ"
น้องน้ำยิ้มอย่างเขินอาย แต่ก็พยักหน้ารับ เราต่างรู้สึกตื่นเต้นและเขินกับความใกล้ชิดที่กำลังจะเกิดขึ้น ผมจ่ายเงินและเราเดินออกจากร้านด้วยความรู้สึกที่พิเศษและเต็มไปด้วยความคาดหวัง
หลังจากเลือกซื้อชุดชั้นในและเสื้อผ้าต่างๆ เสร็จแล้ว ผมกับน้องน้ำก็ตัดสินใจไปร้านอาหารหรูแห่งหนึ่งใจกลางเมือง บรรยากาศที่นี่สวยงามมาก เราสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนได้อย่างเต็มตา แสงไฟจากตึกสูงระยิบระยับดั่งดวงดาว ทำให้บรรยากาศดูโรแมนติกและอบอุ่น
น้ำพยักหน้าอย่างเข้าใจ และเราสองคนก็นั่งคุยกันต่อ ขณะที่วิวทิวทัศน์ของกรุงเทพฯ ยามค่ำคืนเป็นสักขีพยานในความรักและความอบอุ่นของเรา บรรยากาศในร้านอาหารเต็มไปด้วยเสียงเพลงสากลยุค 60 เบาๆ และเสียงหัวเราะของผู้คนที่มาทานอาหาร ผมรู้สึกผ่อนคลายและอบอุ่น น้องน้ำเป็นคนที่ทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังมีที่พักใจ แม้ในช่วงเวลาที่ยากลำบาก
หลังจากทานอาหารเสร็จ เราตัดสินใจกลับไปที่คอนโดของน้องน้ำ ผมรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน เพราะผมต้องการพิสูจน์ว่าผมยังรักเธอและสามารถเป็นคนที่เธอภูมิใจได้
เมื่อถึงคอนโด น้องน้ำเปิดประตูให้ผมเข้าไปก่อน ห้องของเธอตกแต่งอย่างสวยงามและอบอุ่น เธอเป็นคนที่มีรสนิยมดี ทุกอย่างดูเป็นระเบียบและสะอาด
น้องน้ำยิ้ม "พี่ต้นพักผ่อนนะคะ น้ำจะไปเปลี่ยนชุดที่พี่ซื้อมา"
ผมนั่งจิบเครื่องดื่มเบาๆ มองไปรอบๆ ห้อง คิดถึงช่วงเวลาที่เราเคยนอนจับมือกันโดยไม่ได้ทำอะไร ความรู้สึกอบอุ่นและความรักที่น้องน้ำมีให้ผมทำให้ผมรู้สึกว่าผมยังมีค่าและสำคัญ
ไม่นานนัก น้องน้ำกลับมาในชุดชั้นในสีแดงที่ผมเลือกให้เธอ ผมรู้สึกใจเต้นแรงเมื่อเห็นเธอในชุดที่เรียบง่ายแต่ดูสวยงาม ผมเพิ่งเห็นน้องน้ำวาบวิวที่สุดครั้งแรก ร่างกายเธอสวยงามและเต็มไปด้วยความมั่นใจ
ผมพูดออกมาเบาๆ "น้ำ... หนูสวยมากจริงๆ"
น้องน้ำยิ้มอย่างเขินอาย "ขอบคุณค่ะพี่ต้น"
เราเข้ามาใกล้กัน ผมเอื้อมมือไปจับมือน้องน้ำเบาๆ แล้วดึงเธอเข้ามานั่งบนตักของผม น้องน้ำตอบสนองด้วยการนั่งลงบนตักผมอย่างเรียบร้อย ผมรู้สึกถึงความอบอุ่นและนุ่มนวลจากร่างกายของเธอ
ผมกระซิบข้างหูของเธอ "น้ำ พี่มีอะไรอยากให้ช่วยหน่อย"
น้องน้ำเงยหน้าขึ้นมามองด้วยความสงสัย "อะไรเหรอคะพี่ต้น?"
"ช่วยถอดเสื้อผ้าให้พี่หน่อยได้ไหม" ผมพูดเสียงแผ่วเบา แต่ในใจกลับรู้สึกตื่นเต้นและกลัว
น้องน้ำยิ้มหวาน "ได้ค่ะพี่ต้น"
น้องน้ำเริ่มถอดเสื้อผ้าของผมออกทีละชิ้น มือของเธอสัมผัสผิวของผมอย่างอ่อนโยน แต่เต็มไปด้วยความปรารถนา ทุกครั้งที่นิ้วของเธอแตะต้องผิวของผม มันเหมือนกับมีกระแสไฟฟ้าเล็กๆ แล่นผ่าน ทำให้ผมรู้สึกตื่นเต้นและหวาดกลัวในเวลาเดียวกัน
"พี่ต้น หล่อจังเลยนะคะ" น้องน้ำพูดพลางจูบที่แผงอกของผม ลิ้นของเธอไล้เลียไปตามกล้ามเนื้อของผม ทำให้ผมรู้สึกเสียวซ่านไปทั้งตัว
ผมยิ้มอย่างเขินอาย "น้ำก็สวยมาก พี่โชคดีที่มีน้ำ" ผมพูดพลางลูบไล้แผ่นหลังของเธอ รู้สึกถึงผิวเนียนนุ่มภายใต้ฝ่ามือ
เมื่อน้องน้ำถอดกางเกงของผมออก เธอตะลึงเมื่อเห็นผมใส่ jockstrap สีดำที่ผมแอบซื้อมาเป็นพิเศษสำหรับคืนนี้ ตอนที่เราไปเดินห้างด้วยกันเมื่อเย็น ตอนที่ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ผมแอบแวะร้านชุดชั้นในและซื้อมันมา ชุดชั้นในที่เปิดเผยส่วนก้นของผมอย่างชัดเจน ทำให้ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่า
"พี่ต้น..." น้องน้ำพูดเสียงแผ่ว ดวงตาเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ "น้ำไม่คิดว่าพี่จะกล้าใส่อะไรแบบนี้"
ผมยิ้มเขินๆ "พี่อยากให้คืนนี้พิเศษสำหรับเรา" ผมตอบเบาๆ พยายามซ่อนความประหม่า
น้องน้ำยิ้มกว้าง มือของเธอลูบไล้ไปตามเอวของผม ก่อนจะเลื่อนลงไปที่ก้นที่เปิดเผย เธอตบเบาๆ ที่ก้นของผม ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย
เรายังคงนั่งอยู่บนเตียง ผมนั่งพิงหัวเตียง โดยที่น้องน้ำย่อตัวลงอยู่ระหว่างขาของผม มือของเธอลูบไล้ไปตามเอวและก้นของผมอย่างเบามือ
"พี่ต้นน่ารักจังค่ะ" น้องน้ำพูดพลางบีบก้นของผมเบาๆ "น้ำไม่เคยเห็นก้นของพี่แบบนี้มาก่อนเลย"
ความรู้สึกของมือน้องน้ำบนผิวเปลือยของผมทำให้ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและประหม่า น้องน้ำค่อยๆ แหวกก้นของผม สัมผัสที่ไม่คุ้นเคยทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อย
"น้ำ..." ผมครางเบาๆ รู้สึกถึงความอ่อนไหวในจุดที่ไม่เคยถูกสัมผัสมาก่อน
น้องน้ำยิ้มอย่างซุกซน "พี่ต้นชอบไหมคะ?" เธอถามพลางลูบไล้ไปตามร่องก้นของผม
ผมพยักหน้า ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้ ความรู้สึกใหม่นี้ทั้งน่าตื่นเต้นและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน
น้องน้ำโน้มตัวลงและจูบที่แก้มก้นของผมเบาๆ ลมหายใจอุ่นๆ ของเธอทำให้ผมรู้สึกเสียวซ่าน "พี่ต้นน่ารักมากเลยค่ะ" เธอกระซิบ
ผมรู้สึกถึงความรักและการยอมรับจากน้องน้ำ แต่ในขณะเดียวกัน ความทรงจำเกี่ยวกับยายเป้าก็แวบเข้ามาในหัว ทำให้ผมรู้สึกสับสนและผิด
"น้ำ..." ผมเรียกชื่อเธอเบาๆ "พี่... พี่อยากให้น้ำทำอะไรให้พี่หน่อย"
น้องน้ำมองหน้าผมด้วยความสงสัย "อะไรเหรอคะพี่ต้น?"
ผมกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ "พี่อยากให้น้ำ... ใช้ลิ้น... ที่ก้นของพี่"
น้องน้ำตกใจเล็กน้อย แต่ก็ยิ้มอย่างเข้าใจ "ได้ค่ะพี่ต้น น้ำจะทำให้"
ผมยืนขึ้น พิงหัวเตียง น้องน้ำค่อยๆ ลงไปที่ก้นของผม ลิ้นของเธอสัมผัสกับผิวอ่อนไหว ทำให้ผมสะดุ้งและครางออกมาเบาๆ น้องน้ำใช้ลิ้นไล้เลียไปรอบๆ ก่อนจะเริ่มสอดเข้าไปข้างใน
"อ๊ะ... น้ำ..." ผมครางออกมา รู้สึกถึงความสุขสมที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
ลิ้นของน้องน้ำรัวไล้ไปตามร่องก้นของผมอย่างชำนาญ สัมผัสของเธอทำให้ผมต้องเบียดตัวเข้าใกล้หัวเตียง ผมยืนพิงมัน มือกำขอบเตียงไว้แน่น ความรู้สึกของลิ้นที่ไล้ไปตามร่องและรูของผมทำให้ผมต้องขนลุกซู่
"อ๊า... น้ำ... เก่งจัง" ผมครางออกมา ความรู้สึกนั้นท่วมท้นไปทั่วร่างกาย ทำให้เข่าของผมอ่อนแรงและเกือบทรุดลงกับพื้น
"พี่ต้น" น้องน้ำกระซิบแผ่วเบา ลิ้นของเธอรัวอย่างชำนาญ "รู้ไหมคะว่าตั้งแต่คบกันมา น้ำก็ฝันอยากจะเลียพี่แบบนี้มาตลอด พี่หล่อมาก รู้ไหมคะ"
ผมอึ้งและตกใจกับความตรงไปตรงมาของน้องน้ำ ความรู้สึกแปลกๆ ในใจผมเริ่มก่อตัวขึ้น แต่ความสุขสมที่เธอมอบให้ก็ทำให้ผมลืมทุกอย่างไปชั่วขณะ
น้องน้ำยังคงใช้ลิ้นไล้เลียร่องก้นของผมต่อไป เธอสอดลิ้นลึกเข้าไปอย่างชำนาญ ความรู้สึกเสียวซ่านที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อนทำให้ผมต้องกัดฟันและหายใจถี่ขึ้น
"อ๊ะ... น้ำ... ทำไมเก่งขนาดนี้" ผมพูดด้วยเสียงหอบเหนื่อย ความรู้สึกนั้นทำให้ผมแทบจะไม่สามารถยืนได้
"พี่ต้น... น้ำเคยฝึกมาก่อนค่ะ" น้องน้ำตอบด้วยเสียงกระซิบ "พี่เป็นคนแรกที่น้ำอยากให้รู้สึกดีแบบนี้ น้ำอยากให้พี่มีความสุขที่สุด"
ผมรู้สึกถึงความร้อนแรงและความชำนาญในคำพูดของเธอ ลิ้นของน้องน้ำยังคงรัวไล้ไปตามร่องก้นของผม สร้างความรู้สึกเสียวซ่านไม่หยุด
"น้ำ... พอแล้ว..." ผมพยายามหายใจลึกๆ แต่ความรู้สึกนั้นทำให้ผมหยุดพูดไม่ได้ "พี่... พี่ไม่ไหวแล้ว..."
น้องน้ำหยุดชั่วคราว แล้วเงยหน้ามองผม "พี่ต้น... น้ำจะทำให้พี่มีความสุขมากกว่านี้ค่ะ" เธอพูดพลางใช้ลิ้นไล้เลียร่องก้นของผมต่อไป
ผมพยายามหายใจให้เป็นปกติ รู้สึกถึงความรักและการยอมรับจากน้องน้ำอย่างท่วมท้น แต่ในขณะเดียวกัน ความทรงจำเกี่ยวกับยายเป้าก็แวบเข้ามาในหัว ทำให้ผมรู้สึกสับสนและผิด
น้องน้ำยังคงใช้ลิ้นรัวไล้เลียร่องก้นของผม ความรู้สึกเสียวซ่านทำให้ผมต้องกัดฟันและหายใจถี่ขึ้นทุกครั้งที่เธอสัมผัสจุดอ่อนไหว
"พี่ต้น... พี่ไม่ต้องกลัวนะคะ น้ำจะทำให้พี่มีความสุขที่สุด" น้องน้ำพูดด้วยเสียงกระซิบ "พี่ต้น... พี่สวยมาก น้ำอยากเห็นพี่มีความสุขแบบนี้ตลอดไป"
"พี่ต้นคะ... น้ำอยากให้พี่ทำแบบเดียวกันให้น้ำบ้างได้ไหมคะ?" น้องน้ำกระซิบถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความปรารถนา
จังหวะที่จะพิสูจน์ความรักมาถึงแล้ว ผมไม่ลังเลแม้แต่น้อย ผมบรรจงขยุ้มนมน้องน้ำในชุดชั้นในเป็นครั้งแรก ความนุ่มนวลและความอบอุ่นของผิวเนื้อทำให้ผมรู้สึกถึงความตื่นเต้นที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน ผมค่อยๆ ถอดชุดชั้นในของเธอออก เผยให้เห็นนมน้องน้ำที่อวบอิ่มและสวยงาม
ผมไล้ปลายนิ้วไปตามผิวเนื้อนุ่มของเธอ รู้สึกถึงความอ่อนโยนที่ส่งผ่านสัมผัสทุกครั้งที่นิ้วของผมเคลื่อนไหว น้องน้ำครางเบาๆ ด้วยความพอใจ ทำให้ผมรู้สึกมั่นใจมากขึ้น
"น้ำ... พี่จะทำให้น้ำรู้สึกดีเหมือนที่น้ำทำให้พี่" ผมกระซิบเบาๆ ก่อนจะเริ่มก้มหน้าลงไปใกล้จุดอ่อนไหวของเธอ ความตื่นเต้นและความกังวลผสมปนเปกันในใจ เมื่อใบหน้าของผมเข้าใกล้จุดอ่อนไหวของเธอ ผมสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของน้ำหอมที่น้องน้ำใช้
แต่ทันทีที่ริมฝีปากของผมแตะต้องผิวเนื้อนุ่มของเธอ ภาพของยายเป้าก็แวบเข้ามาในหัวอย่างรุนแรง ราวกับม่านหมอกหนาทึบที่บดบังทุกอย่างตรงหน้า ผมเห็นใบหน้าเหี่ยวย่นของยายเป้า ได้กลิ่นเหงื่อคาวเปรี้ยวของเธอ และรู้สึกถึงผิวหนังหยาบกร้านภายใต้ลิ้นของผม
ความรู้สึกขยะแขยงและความอับอายพุ่งขึ้นมาในลำคออย่างรุนแรง ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะอาเจียน ผมชะงักและถอยหลังออกมาอย่างรวดเร็ว หายใจหอบถี่ เหงื่อเย็นๆ ผุดขึ้นตามขมับและหลัง
"พี่ต้น? เป็นอะไรคะ?" น้องน้ำถามด้วยความกังวล ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความสับสนและความกลัว
ผมรู้สึกสับสนและอึดอัดอย่างที่สุด ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร "พี่... พี่ขอโทษ พี่ทำไม่ได้" ผมพูดเสียงสั่น พยายามไม่สบตากับน้องน้ำ
น้องน้ำมองผมด้วยความสงสัยและผิดหวัง น้ำตาเริ่มคลอในดวงตาของเธอ "ทำไมคะ? พี่ไม่ชอบน้ำเหรอ?" เสียงของเธอสั่นเครือ
ผมส่ายหน้าอย่างแรง รู้สึกเหมือนกำลังจมดิ่งลงในความมืด "ไม่ใช่แบบนั้น พี่แค่..." ผมพยายามหาคำพูด แต่ก็ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกที่ซับซ้อนในใจได้
น้องน้ำเริ่มโกรธเล็กน้อย ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความสงสัยและความเจ็บปวด "พี่ต้น... พี่เป็นเกย์ใช่ไหมคะ? ทำไมพี่ถึงใส่ jockstrap แบบนี้ แล้วทำไมพี่ถึงไม่มีอารมณ์เมื่อเห็นน้ำ?"
คำถามของน้องน้ำเหมือนคมมีดที่ทิ่มแทงหัวใจผม ผมตกใจและรู้สึกเหมือนถูกจับได้ "ไม่ใช่นะน้ำ พี่ไม่ได้เป็นเกย์" ผมพยายามปฏิเสธ แต่น้ำเสียงของผมกลับฟังดูไม่มั่นใจ
น้องน้ำเริ่มโกรธมากขึ้น เธอพูดด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าว "แล้วทำไมพี่ถึงไม่เคยมีอะไรกับน้ำเลย? ทั้งๆ ที่เราคบกันมาตั้งนาน"
น้ำตาของน้องน้ำเริ่มไหลอาบแก้มของเธอ ความโกรธที่สะสมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทำให้เธอเริ่มพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ "พี่ต้น... น้ำอยากรู้ความจริง พี่โกหกน้ำใช่ไหม? พี่ไม่ได้รักน้ำจริงๆ ใช่ไหม?"
ผมรู้สึกสับสนและกลัวอย่างที่สุด ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร ความจริงที่ว่าผมเคยมีอะไรกับยายเป้าทำให้ผมรู้สึกผิดและอับอายจนแทบหายใจไม่ออก
"น้ำ พี่ขอโทษ พี่แค่..." ผมพยายามหาคำพูด แต่ก็ไม่สามารถอธิบายได้ ความรู้สึกผิดและความอับอายทำให้ผมรู้สึกเหมือนกำลังจะขาดใจ
น้องน้ำเริ่มร้องไห้อย่างหนัก เสียงสะอื้นของเธอทำให้ผมรู้สึกเจ็บปวดในอก "พี่ต้นโกหกน้ำ ใช่ไหมคะ? พี่ไม่ได้รักน้ำจริงๆ ใช่ไหม?"
เสียงร้องไห้และความโกรธของน้องน้ำทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกดึงเข้าสู่ความมืดมนที่ไม่มีทางออก ความสัมพันธ์ที่เคยแข็งแกร่งเริ่มสั่นคลอน และผมก็รู้สึกเหมือนกำลังจะสูญเสียทุกอย่างที่เคยมี ความกลัวและความสิ้นหวังเริ่มท่วมท้นในใจ...
หลังจากที่ทะเลาะกัน น้องน้ำและผมต่างก็เริ่มใส่เสื้อผ้ากลับคืนมาในความเงียบงัน ความรู้สึกอึดอัดและความผิดหวังเต็มไปหมดในบรรยากาศ เรานอนหันหลังให้กัน ความเงียบที่หนักอึ้งทำให้ผมนอนไม่หลับ และผมนอนร้องไห้อย่างเงียบๆ ความรู้สึกผิดท่วมท้นในใจ
เช้าวันรุ่งขึ้น ผมตื่นขึ้นมาในสภาพที่เหนื่อยล้าและรู้สึกหดหู่ ผมพบว่าน้องน้ำไม่อยู่ในห้องแล้ว มีเพียงโน้ตสั้นๆ วางไว้บนโต๊ะ:
"ถ้าพี่ต้นจะกลับก็กลับได้เลยนะคะ น้ำเอาคีย์การ์ดสำรองของน้ำไปใช้ก่อนได้ ไว้เจอกันค่อยมาคืน น้ำ"
ผมอ่านโน้ตซ้ำไปซ้ำมา ความรู้สึกผิดและสับสนท่วมท้นหัวใจ ผมรู้ว่าน้องน้ำโกรธและผิดหวังในตัวผม แต่ผมก็ไม่รู้จะอธิบายอย่างไร
ผมลุกขึ้นและเก็บข้าวของด้วยความท้อแท้ เมื่อกลับมาถึงสนามบิน ผมยังคงรู้สึกสับสนและไม่พร้อมที่จะเผชิญหน้ากับความจริงและปัญหาที่รอผมอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ผมก็รู้ว่าไม่มีทางเลือกอื่น
ผมมองออกไปนอกหน้าต่างของเครื่องบิน ความรู้สึกหนักอึ้งในใจทำให้ผมรู้สึกเหมือนแบกภูเขา ผมต้องหาวิธีจัดการกับความรู้สึกที่มีต่อยายเป้า และทำความเข้าใจว่าทำไมภาพเหล่านั้นถึงกลับมาหลอกหลอนผมในช่วงเวลาสำคัญ
หลังจากกลับมาจากกรุงเทพฯ ผมรู้สึกสับสนและท้อแท้อย่างมาก ความล้มเหลวในการมีเพศสัมพันธ์กับน้องน้ำทำให้ผมรู้สึกไร้ค่าและไม่มั่นใจในตัวเอง ผมพยายามติดต่อน้องน้ำหลายครั้ง แต่เธอก็ไม่ตอบกลับ คืนนั้น ความเหงายิ่งทวีความรุนแรง ผมรู้สึกโดดเดี่ยวและสับสนจนไม่รู้จะหันไปทางไหน ผมเปิดโทรศัพท์และเข้าไปในเทเลแกรมโดยไม่รู้ตัว กลุ่มคนแก่ที่ผมไม่ได้เข้าไปประมาณหนึ่งสัปดาห์ และสิ่งที่พวกเขาทำในกลุ่มนั้นกระตุ้นความรู้สึกในใจผมอย่างบอกไม่ถูก ผมรู้สึกทั้งตื่นเต้นและอึดอัดในเวลาเดียวกัน มีภาพยายแก่แก้ผ้าในสวนสาธารณะ รูปร่างที่เหี่ยวย่นและท่าทางที่ไร้เดียงสานั้นทำให้ผมรู้สึกถึงความขัดแย้งในใจของตัวเอง
ผมไม่เข้าใจว่าทำไมภาพนั้นถึงได้กระตุ้นความรู้สึกในใจผมอย่างรุนแรง ความสับสนและความปรารถนาที่ซ่อนอยู่ในใจทำให้ผมรู้สึกอึดอัด ผมตัดสินใจว่าอาจจะต้องออกไปเดินเล่นข้างนอกเพื่อสงบสติอารมณ์ แต่ทุกครั้งที่ผมพยายามจะลืมภาพนั้น มันกลับยิ่งชัดเจนขึ้นในใจผม
ผมไปเข้าห้องน้ำอาบน้ำให้สดชื่น แล้วคิดว่าจะออกไปเดินเล่นสักหน่อย ผมสวมเสื้อยืดสีขาวโปร่ง และกางเกงบอลสีดำ ที่โอบกระชับสะโพกและขาอย่างพอดี
ก่อนใส่กางเกงผมใช้เวลาหลายนาทีคิดว่าควรใส่กางเกงในดีไหม สุดท้ายก็ตัดสินใจไม่ใส่ ความรู้สึกที่แฝงอยู่ในใจมันบอกให้ทำอย่างนั้น มันทำให้ผมรู้สึกถึงความเสี่ยงและการปลดปล่อยบางอย่างที่ผมไม่สามารถอธิบายได้
ระหว่างทางเดินไปสวน ผมเปิดดูเฟซบุ๊กเมสเซนเจอร์และพบว่าน้องน้ำยังไม่ตอบข้อความเลย โทรหาก็ไม่ติด ในใจรู้สึกหวาดกลัวและสับสนมาก แต่พอเปิดอินสตาแกรมกลับเห็นว่าน้องน้ำลงสตอรี่เป็นจุดไข่ปลาเยอะมาก เมื่อ 20 นาทีก่อน เธอลงภาพที่ไปบาร์แถวทองหล่อกับเพื่อนๆ ความรู้สึกนี้ยิ่งโบยตีผม ความทุกข์ทรมานและความหึงหวงที่เกิดขึ้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้คนเดียว
ผมนึกถึงภาพชีวิตที่หรูหราของน้องน้ำที่สามารถเที่ยวเล่นมีความสุขกับเพื่อนได้ตลอดเวลา ในขณะที่ผมต้องมาใช้ทุนและเผชิญกับความเครียดในงานและความรู้สึกที่ไม่สามารถแบ่งปันกับใครได้ ผมรู้สึกถึงการละทิ้งและความเหงาที่ทับถมในใจ ผมอยากละทิ้งทุกสิ่งและหลบหนีจากความจริงที่เจ็บปวดนี้
เมื่อมาถึงสวนสาธารณะ ผมนึกถึงน้องน้ำที่กำลังสนุกสนานกับเพื่อนๆ ในบาร์ และภาพหญิงชราในกลุ่มเทเลแกรมที่ดูไร้เดียงสาและเหี่ยวย่น ภาพเหล่านี้ผสมผสานกันในใจ ทำให้ผมรู้สึกถึงความต่ำต้อยและการถูกละทิ้ง
ผมตัดสินใจเลือกมุมหนึ่งที่ค่อนข้างเงียบและไม่มีคนเดินผ่านมากนัก ผมมองซ้ายมองขวาเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีใครเห็น จากนั้นผมค่อยๆ ถอดเสื้อยืดออก ความรู้สึกเย็นของลมที่กระทบกับผิวทำให้ผมรู้สึกถึงความเปลือยเปล่าที่แฝงด้วยความตื่นเต้น
ผมยืนอยู่ตรงนั้นสักพักหนึ่ง ใจเต้นแรงด้วยความรู้สึกที่ผสมผสานระหว่างความกลัวและความตื่นเต้น การที่ผมกำลังทำสิ่งที่ไม่ควรทำนั้นทำให้ผมรู้สึกถึงการลงโทษตัวเอง มันเป็นการปลดปล่อยความรู้สึกผิดและความทุกข์ที่อยู่ในใจ
ผมค่อยๆ ถอดกางเกงบอลออก ความรู้สึกเย็นของลมที่กระทบกับร่างกายที่เปลือยเปล่าทำให้ผมรู้สึกถึงความจริงของชีวิต ความเสี่ยงที่ผมกำลังทำอยู่ทำให้ผมรู้สึกถึงการมีชีวิตอย่างเต็มที่
ผมยืนอยู่ตรงนั้นเปลือยเปล่า ใจเต้นแรงและหายใจลึกๆ ความรู้สึกที่เกิดขึ้นเป็นการลงโทษตัวเองและการปลดปล่อยความรู้สึกที่เก็บกดไว้ในใจมานาน ผมรู้สึกถึงการปลดปล่อยที่ไม่สามารถอธิบายได้ แต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกถึงความอายและความกลัวที่ผสมผสานกัน
ในขณะที่ยืนอยู่ตรงนั้น ความรู้สึกเย็นจากลมที่สัมผัสกับผิวหนังทำให้ผมรู้สึกละทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยยึดมั่นไว้ ความเปลือยเปล่าที่แท้จริงไม่ใช่แค่การถอดเสื้อผ้า แต่เป็นการทิ้งสังคมและความคาดหวังทั้งหมดที่ถูกวางไว้บนตัวผม ผมจำได้ว่าต้องไปแข่งคณิตศาสตร์ตอนประถม ตอนมัธยมสอบโอลิมปิกวิชาการสาขาฟิสิกส์จนไปถึงรอบคัดตัวแทนประเทศ ความชอบฟิสิกส์ทำให้ผมอยากเป็นหมอประสาทเพราะอยากศึกษาการรับรู้ผ่านคลื่นไฟฟ้าในร่างกาย การทำงานของนิวรอนและการส่งสัญญาณในสมองเป็นสิ่งที่ดึงดูดใจผมอย่างมาก ผมหลงใหลในความซับซ้อนของแอคชั่นโพเทนเชียลที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาที การเคลื่อนไหวของไอออนผ่านเมมเบรนของเซลล์ประสาท และการปลดปล่อยสารสื่อประสาทที่ทำให้เรารับรู้และตอบสนองต่อโลกภายนอก
แต่ตอนนี้ผมไม่เหลืออะไร แม้แต่เสื้อผ้า ราวกับว่าสัญญาณทั้งหมดในชีวิตได้ดับลง ทิ้งไว้เพียงความว่างเปล่าและความเปลือยเปล่า ความฝันและความหวังที่เคยขับเคลื่อนผมมาตลอดกลายเป็นเพียงเงาจางๆ ในความทรงจำ ผมเคยคิดว่าความรู้และความเข้าใจในกลไกของสมองจะทำให้ผมสามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ แต่ในความเป็นจริง ชีวิตกลับซับซ้อนและไม่สามารถคาดเดาได้เหมือนแอคชั่นโพเทนเชียลที่เกิดขึ้นในนิวรอน
การเปลือยเปล่าของร่างกายเป็นเสมือนสัญลักษณ์ของการล่มสลายของทุกสิ่งที่ผมเคยยึดถือ การไม่มีเสื้อผ้าห่อหุ้มทำให้ผมรู้สึกเปราะบางและไร้ทางปกป้อง เหมือนกับการที่นิวรอนไม่มีเมมเบรนที่ป้องกันการไหลของไอออน ผมต้องเผชิญหน้ากับความจริงที่ว่า ความรู้และความเข้าใจในกลไกของร่างกายมนุษย์ไม่สามารถช่วยให้ผมพ้นจากความทุกข์ทรมานและความเปลือยเปล่านี้ได้
ในขณะนั้น ผมคิดถึงน้องน้ำอย่างมาก เพราะถ้าผมมีเซ็กส์กับน้องน้ำตั้งแต่ยังมีเวลาว่างกว่านี้ บางทีผมอาจจะสามารถมัดใจเธอไว้ได้ หรือถ้าผมมีอารมณ์ก็คงจะเซ็กส์โฟนเชื่อมความรักได้มากขึ้น อย่างไรก็ตาม พอผมจะรู้ตัวในคืนนั้นก็สายไปแล้ว เราไม่ใช่คนแรกของกันและกันอีกต่อไป ตอนนี้ผมแปดเปื้อนกับยายเป้า การมาเจอกับยายเป้าคงเหมือนกับบทลงทัณฑ์ในความเย่อหยิ่งและไม่ใส่ใจคนรอบข้างของผม ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมต้องยอมรับว่าเป็นความผิดพลาดที่ใหญ่หลวงและเป็นบทเรียนที่สำคัญในการเติบโตของตัวเอง
เพื่อยกระดับความตื่นเต้นและการลงโทษตัวเอง ผมตัดสินใจถ่ายรูปตัวเองในสภาพเปลือยเปล่าด้วยมือถือ ภาพที่อัปโหลดนั้นเป็นภาพของผมที่ยืนเปลือยเปล่ากลางสวนสาธารณะ มือข้างหนึ่งจับโทรศัพท์ที่ถ่ายภาพ อีกข้างหนึ่งวางอยู่ข้างลำตัว อวัยวะเพศที่แข็งตัวของผมโดดเด่นท่ามกลางความมืดและแสงไฟเบาๆ จากเสาไฟในสวน ผิวขาวเนียนของผมดูเปล่งประกายเป็นเอกลักษณ์ในท่ามกลางความมืด
จากนั้นผมก็อัปโหลดรูปลงในกลุ่มเทเลแกรม พร้อมเขียนแคปชันว่า "คืนนี้รู้สึกเหงามากครับ ขอปลดปล่อยตัวเองหน่อย" ผมรู้ว่าการทำแบบนี้เป็นการเสี่ยงมาก อาจจะมีคนเห็นและเข้าใจผิด แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้ผมรู้สึกถึงการลงโทษที่สมควรได้รับ เป็นการแบกภาระของความรู้สึกผิดและความเหงาไปพร้อมกัน
ไม่กี่นาทีต่อมา ผมเริ่มได้รับข้อความตอบกลับมากมายจากสมาชิกในกลุ่ม ทั้งยายแก่ ชายแก่ หญิงสาว และชายวัยรุ่น ข้อความลวนลามเหล่านั้นมีตั้งแต่การชมยันการแสดงความอิจฉาและสงสัยว่าผมชอบคนแก่จริงๆ หรือเปล่า
"แม่อยากเจอหนุ่มแบบนี้บ้าง"
"สุดยอดจริงๆ เลย"
"ไม่อยากเชื่อว่าจะกล้าขนาดนี้"
"อยากเห็นมากกว่านี้อีก"
"นี่มันยั่วกันชัดๆ"
คำด่าทอและการดูถูกเหล่านี้ทำให้ผมรู้สึกถึงความต่ำต้อยที่สมควรได้รับ หัวใจผมเต้นแรงด้วยความกลัวและความอับอาย ร่างกายที่เปลือยเปล่าของผมสัมผัสกับลมเย็นที่ตีปะทะเข้ามา ผมรู้สึกว่าพวกเขาไม่เห็นจะบอกว่าผมหล่อได้ยังไง ทำไมพวกเขาไม่ด่าผมล่ะ ผมเลยตัดสินใจถ่ายรูปที่น่าอายกว่านี้ โดยนั่งลงไปกับพื้นในท่าคุกเข่า มือข้างหนึ่งจับโทรศัพท์ถ่ายรูปอีกครั้ง ขณะที่อวัยวะเพศของผมยังคงแข็งตัว ภาพนี้แสดงถึงการยอมจำนนและความต่ำต้อยอย่างแท้จริง
ผมอัปโหลดรูปนี้ลงไปพร้อมกับแคปชันว่า "ยินดีเป็นทาสคนแก่ครับ" จากนั้นผมก็ลบแอปที่ใช้ติดต่อกับน้องน้ำออกทั้งหมด มันเจ็บแต่นั่นเหมือนโทษที่ผมควรได้รับ
ข้อความตอบกลับครั้งนี้เป็นการด่าทอที่รุนแรงยิ่งกว่าเดิม
"ทุเรศที่สุด"
"สมเพชจริงๆ"
"ไอ้ห่า ทาสยายแก่"
"ดูแล้วขยะแขยง"
"ไอ้ไร้ค่า"
"เลิกเถอะ ขอร้อง เสียคายควยพี่ค่ะ"
"น่ารังเกียจมาก"
"ทำไมต้องทำตัวแบบนี้ วันก่อนบอกเป็นหมอไม่ใช่หรอ"
ในขณะที่ผมยืนอยู่ที่นั่น ปล่อยให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนำทางตัวเอง ทันใดนั้น ผมก็ได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาใกล้ ผมลังเลว่าจะถอดเสื้อผ้าต่อไปหรือใส่กลับเข้าไปดี มือผมจับมือถือแน่น ความรู้สึกของการละทิ้งและการเปลือยเปล่าทำให้ผมรู้สึกถึงการปลดปล่อย แต่ในขณะเดียวกันก็รู้สึกถึงความกลัวและความอาย ผมรู้สึกว่าถ้าเป็นผมในตอนที่ยังเรียนมหาวิทยาลัย ผมคงไม่ลังเลและไม่มาทำอะไรแบบนี้ด้วยซ้ำ แต่ตอนนี้ชีวิตผมเปลี่ยนไปมาก ความรู้สึกต่ำต้อยและการละทิ้งตัวเองทำให้ผมต้องทำอะไรที่ไม่เคยทำมาก่อน
สุดท้ายผมก็ยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ปล่อยให้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นนำทางตัวเอง
(จบตอนที่6)
ขอบคุณครับตื่นเต้นจังคุณหมอต้นเราจะเจออะไรอีกน่ะมาต่อไวๆๆน่ะครับ😊 ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ อยากให้ต้นได้กับยายหรือลุงคนอื่นแล้วยายเป้าหึงหวงบ้าง สนุกมากครับ รอติดตามอยู่นะครับ สงสารนะ แต่เสียววว ขอบคุณครับผมรอเรื่องธีร์ นะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รอครับ สนุกดีครับ ขอบคุณๆๆๆๆๆๆๆๆ ครับบบ จะเป็นไงเนี่ย ขอบคุณครับ โถ แกก็ยอมเกินจนเลยเถิดน่ะ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2