AREA 51 ฐานทัพ UFO (Part II)
AREA 51 ฐานทัพ UFO…..รัฐบาลสหรัฐเคยปฏิเสธการมีตัวตนของพื้นที่ 51พวกเขาพยายามที่จะปิดบังอะไรไว้ หรือว่ามันคือฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวถ้าหากมีคนถามว่า พื้นที่บริเวณใดในสหรัฐ เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุดเราคงจะได้รับคำตอบว่า มันคือพื้นที่ 51 หรือ Area 51นั่นก็อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมาก อ้างว่าได้เห็นวัตถุบินลึกลับหรือ UFO(Unidentified Flying Object)บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้งจนหลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51น่าจะเป็นฐานทัพหรือกองบัญชาการของวัตถุบินลึกลับ…..เช้าวันทำงาน
…..ทุก ๆเช้าของวันทำงานจะมีคนอย่างน้อย 500คนผ่านเข้าไปยังประตูทางขึ้นเครื่องบินที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวดซึ่งอยู่ทางปีกด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสนามบินแมคคาร์แรนในลาสเวกัส เจ้าของพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้ามส่วนนี้คือ บริษัทอีจีแอนด์จี(EG&G – Edgerton, Germesausen and Grier)
….ผู้คนเหล่านั้นต้องบอกรหัสผ่าน “เจเน็ท” (Janet) ตามด้วยเลขประจำตัว สามหลักก่อนที่จะผ่านเข้าไปขึ้นเครื่องโบอิ้ง 747-200s ที่ไม่มีเครื่องหมายใดๆ ระบุว่าเป็นเครื่อง บินของใคร สายการบินนี้ออกบินทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงโดยมีจุดหมายอยู่ที่ทะเลสาบกรูม (Groom Lake)สถานที่ลึกลับที่หน่วยราชการของสหรัฐปฏิเสธการมีตัวตนของมันเมื่อหลายปีก่อน
…..เขตทดลองเครื่องบินลับ
…..พื้นที่ 51หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบกรูมนั้นอยู่ห่างจากลาสเวกัสไปทางตอนเหนือราว 90 ไมล์อันที่จริงแล้ว พื้นที่51 เคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารแห่งหนึ่ง ของสหรัฐที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1955 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2
….นับแต่นั้นมา ก็มีการใช้พื้นที่ 51 เป็นสถานที่ทดสอบเครื่องบินจารกรรม เช่น เจ้าวิหคทมิฬ (Blackbird SR71)เครื่องบินขับไล่ลองหน F117 Stealth Fighter เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหนB2 Stealth Bomber อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่ วิจัยโครงการลับออรอร่า(Aurora Project)
…..เครื่องบินรบเหล่านี้จะถูกทำการทดสอบสมรรถภาพที่บริเวณทะเลสาบกรูมเมื่อพวกเขาทดสอบเครื่องบินรบจนเป็นที่พอใจแล้วจึงค่อยประกาศต่อสาธารนชนให้ทราบว่าบัดนี้กองทัพได้สร้างเขี้ยวเล็บอันใหม่ขึ้นมา
….. ประวัติพื้นที่ 51
เดือนมีนาคม ปี1955 เคลลี่จอห์นสัน (Kelly Johnson) ผู้ออกแบบเครื่องบินจารกรรม U2 ได้รับมอบหมายจากCIA ให้ออกแบบเครื่องบิน U2นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับมอบหมายให้หาสถานที่เพื่อใช้ทดสอบเจ้า U2 นี้ด้วย
…..เคลลี่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ โทนี่ เลอวิเอร์ (Tony LeVier)นักบินที่จะทำการทดสอบเครื่อง U2 กับดอร์ซี่ เคมเมเรอร์ (Dorsey Kammerer)ไปสำรวจพื้นที่ล้างกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย เนวาด้าและอริโซน่า 2 สัปดาห์ต่อมาโทนี่กลับมาส่งรายงานเคลลี่ดูรายงานเปรียบเทียบสถานที่ทั้ง 3แห่งแล้วก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมในรัฐเนวาด้า
…..ทะเลสาบกรูม มีชื่อเรียกอีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อสร้างฐานทัพขึ้นเคลลี่เรียกมันว่า Paradise Ranch – ทุ่งหญ้าสวรรค์แต่หลังจากมีการ่ทดสอบเครื่องบิน U2 ในเดือน กรกฏาคม ปี 1955แล้วมันกลับถูกเรียกสั้น ๆ ว่า เรนช์ (Ranch – ทุ่งหญ้า)ในความเป็นจริงแล้วฐานทัพ(ลับ) แห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าวอร์เตอร์ทาวน์สตรีบ (watertown Strip)ตามชื่อเมืองหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นบ้านเกิดของแอลแลน ดูลเลส (Allen Dulles) ผู้อำนวยการซีไอเอสมัยนั้น
…..ที่มาของชื่อพื้นที่ 51
…..เดือนมิถุนายน ปี1958 คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู (Atomic Energy Commission – AEC)ได้เข้ามาใช้พื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมร่วมกับกองทัพสหรัฐเพื่อทำการทดลองโครงการลับ ๆ บางอย่างพวกเขาเรียกสถานีทดลองนี้ว่าสถานีทดลองเนวาด้า (Nevada Test Site)คณะกรรมาธิการ ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน ๆ แล้วกำหนดหมายเลขให้แต่ละส่วนบริเวณส่วนที่เป็นฐานทัพนั้นได้หมายเลข 51
….นับตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งที่ฮอลลีวู้ดสร้างภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการลับของสหรัฐ จึงมักจะอ้างถึงทะเลสาบกรูม แต่พวกเขาจะเรียกมันสั้น ๆว่า พื้นที่ 51 ตามที่คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูใช้เรียกถึงแม้ว่าการทดลองลับของ AEC จะเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 1970 แล้วก็ตาม
….ในปี 1970 กองทัพอากาศสหรัฐได้เข้ามายึดพื้นที่นี้อย่างถาวรเพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลองเครื่องบินรบรุ่นใหม่ ๆตลอดไปจนถึงการทดลองเครื่องบินมิค21 และอาวุธทันสมัยอื่น ๆ ของรัสเซียที่ทางสหรัฐยึดมาได้เมื่อปี 1967
…..ปี 1975 พื้นที่ 51 ได้ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในเขตจำลองการรบทางอากาศภายใต้รหัส “ธงแดง” (Red Flag) คราวนี้พื้นที่ 51จึงถูกเรียกสั้น ๆในชื่อใหม่ว่า “จตุรัสแดง” (Red Square) แต่ชื่อกึ่งเป็นทางการนั้นคือ“แดนในฝัน” (Dreamland) และในช่วงทศวรรษ 1970ก็ได้มีการทดลองโครงการด้านอวกาศและการทดลองเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดคือ“แทคอินบลู” (Tacit Blue)
….. ขยายอาณาเขต
…..ฐานทัพทะเลสาบกรูมถูกขยายอาณาเขตออกไปอีกในช่วงทศวรรษ 1980 มีการสร้างสนามบินเพิ่มเติมอาคารเก็บเครื่องบินถูกสร้างบนลานบินเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บซ่อนจากสายตาของดาวเทียมจารกรรมที่มีอยู่มากมาย อุปกรณ์สื่อสารเรดาร์และจานดาวเทียมได้รับการติดตั้ง ตึกราม อาคารโกดังหลายแห่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนทะเลสาบกรูมคาดว่ามันถูกใช้เป็นกองบัญชาการของศูนย์ทดลองเครื่องบินรบของกองทัพที่ถูกเรียกว่า ดีแทชเมนต์3 (Detachment3)
…..แม้ว่าจะมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยแต่ก็ยังไม่วายถูกแอบลักลอบถ่ายภาพเนื่องจากพื้นที่รอบ ๆ ทะเลสาบกรูม เป็นภูเขา ในปี 1984กองทัพสหรัฐต้องขยายเขตหวงห้ามออกไปอีกโดยหวังว่าจะเป็นการกันไม่ให้มีใครสามารถมองเข้ไปยังในบริเวณฐานทัพได้แต่ก็ยังมีจุดที่สามารถใข้เป็นที่สอดแนมได้อีก 2 แห่งห่างจะทะเลสาบกรูมไปทางตอนใต้ราว 12 ไมล์ คือที่บริเวณไวท์ไซด์ พีก (WhiteSide Peak) กับ ฟรีดอมริด์จ (FreedomRidge)เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนอาศัยสถานที่ทั้งสองแห่งสอดแนมได้อีก ในปี1995 กองทัพจึงได้ประกาศให้เขตดังกล่าวเป็นเขตหวงห้ามด้วย
…..แต่เขตหวงห้ามนั้นได้แต่เพียงแค่ติดป้ายเตือนเท่านั้นไม่มีการล้อมรั้วแต่อย่างใดเพราะพื้นที่เขตหวงห้ามนั้นกินอาณาเขตกว้างใหญ่เกินกว่าที่จะล้อมรั้วได้แต่ก็มีการจัดเวรยามโดยใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยนิรนามที่พกอาวุธสุดจะทันสมัยอีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องมือตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ทันสมัยที่สุดเท่าที่เคยมีมาเพราะมันสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาเป็นมนุษย์หรือสัตว์หน่วยลาดตะเวนนิรนามนี้เรียกว่า แคมโมดูดส์ (Cammo Dudes)ซึ่งมีหน่วนสนับสนุนทางอากาศที่ใช้เฮลิคอปอเตอร์ Silkorsky MH-60G PaveHawk คอยให้การสนับสนุนทางอากาศ
…..โครงการลับต่าง ๆ ที่ใช้พื้นที่51เป็นสถานี้ทดลองนั้นค่อย ๆ ทยอยจบลงเช่นการทดลองเครื่องบินจารกรรมแทคอิทบลูเสร็จสิ้นเมื่อปี 1985การทดลองเครื่องบินยิงขีปนาวุธ แอดวานซ์ครูซ (Advances Cruise Missile –ACM) ถูกยกเลิกในปี 1992 การทดลองขีปนาวุธสแตนด์ออฟแอทแทค (Stand-OffAttack Missile) ถูกยกเลิกในปี 1994แต่ถึงกระนั้นกองทัพอากาศสหรัฐก็ยังคงตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่นั้น
…..ความลับในพื้นที่ 51
…..เป็นไปได้ว่ากองทัพอากาศยังคงมีภารกิจอื่น ๆ ที่ไม่เป็นที่เปิดเผยในปี 1989สถานีโทรทัศน์ลาสเวกัสได้ถ่ายทอดการให้สัมภาษณ์ รอเบิร์ท ลาซาร์ (RobertLazar) ผู้ที่อ้าวว่าเขาเคยทำงานในพื้นที่ 51
…..รอเบิร์ท กล่าวว่าเขาได้รับมอบหมายให้ทำการศึกษาวิศวกรรมยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ในพื้นที่51 มียานอวกาศรูปทรงกลมคล้ายจานจำนวน 9 ลำบินขึ้นลงในเขตหวงห้ามบริเวณที่ชื่อ S4 หรือที่มีชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าบริเวณทะเลสาบปาปูส(Papoose Lake) ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบกรูมไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 10ไมล์
…..เรื่องราวของรอเบิร์ทเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากมันทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับที่ผู้คนสงสัยเริ่มปะติดปะต่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่างยานบินรูปทรงกลมอาจเป็นการทดลองระบบต้านแรงโน้มถ่วงโลกแน่นอนเทคโนโลยี่น่าทึ่งเช่นนี้ต้องถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด
…..นอกจากนี้ยังมีการทดลองเครื่องบินจารกรรมที่มีความเร็วกว่าเสียง 5 เท่าโดยใช้พลังขับเคลื่อนชนิดใหม่ เช่น พอล์ส เดโทเนชั่น เวฟเอนจิน (PulseDetonation Wave Engine)และเครื่องบินความเร็วสูงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโครเจนการทดลองเครื่องบินที่มีความเร็วกว่าเสียงหลายเท่าหรือที่เรียกว่ายานไฮมัค(High-Mach Vehicle)โดยสร้างเครื่องบินที่มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างเครื่องบิน A12 กับ D21หรือที่เรียกกันว่า ซูเปอร์วอลคารี (Super Valkarie)ซึ่งมีคนจำนวนมากที่เคยไปด้อม ๆ มอง ๆ แถวพื้นที่ 51 เคยเห็นมันถูกทดสอบ
…..ยานอวกาศจากต่างดาว
จากคำกล่าวอ้างของรอเบิร์ทS4 เป็นสถานที่ใช้สำหรับศึกษา วิจัยวัตถุบินลึกลับภายใต้ชื่อโครงการมูนดัส(Moondust)บรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกอำพรางอยู่ภายใต้พื้นทรายเพื่อหลบเลี่ยงดาวเทียมจารกรรมของรัสเซีย
.
….รอเบิร์ททำงานในห้องในห้องทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งชื่อ แบร์รี่ คาสติลลิโอ (Barry Castillio)นักวิจัยแต่ละกลุ่มจะถูกแยก ทำงานในส่วนต่าง ๆพวกเขาถูกจำกัดให้มีเพื่อนร่วมงานเพียงแค่ไม่กี่คนแบร์รี่เป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่ช่วยรอเบิร์ทศึกษาค้นคว้าเรื่องการขับเคลื่อนของยานอวกาศ
…..วันแรกที่รอเบิร์ทเดินทางมาถึง S4เขาถูกนำตัวไปที่ห้องพยาบาลเพื่อทำการตรวจผิวหนังเขาถูกทาด้วยสารหลายชนิดตามจุดต่าง ๆ บนแขนวันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็กผิวหนังเขาเกิดพุพองหรือมีอาการแพ้หรือไม่
.
….ไม่เพียงแค่นั้นเขายังถูกสั่งให้ดื่มสารบางชนิดที่ทำให้ร่างกายของเขามีภูมิคุ้มกันสูงขึ้นสารนี้จะช่วยป้องกันเขาจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจได้รับจากการสัมผัสวัตถุที่มาจากต่างดาว
…..สารที่รอเบิร์ทดื่มนั้นมีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นต้นสนและในคืนนั้นหลังจากที่เขาได้ดื่มสารสร้างภูมิคุ้มกันเข้าไปเขาก็เกิดอาการเป็นตะคริวที่ท้องน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นผลข้างเคียงมาจากสารสร้างภูมินั้นต่อมารอเบิร์ทถูกแนะนำให้รู้จักกับ เรนนี่ (Rene)ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรนี่เป็นใครมีหน้าที่อะไรใน S4 เจ้าหน้าที่ที่ทำงานอยู่ในส่วนของ S4 นั้นมีอยู่แค่เพียง 22 คนเท่านั้นหัวหน้าของรอเบิร์ทชื่อ เดนนิส มาริอานี (Dennis Mariani)
…..เขารู้จักเดนนิสตอนที่ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทอีจีแอนด์จีซึ่งตอนนั้นยังมีสำนักงานอยู่ที่สนามบินแมคคาร์เรน ในลาสเวกัสแต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่ฐานทัพอากาศเนลลิส (Nellis Air Force Base)
…..ศึกษาข้อมูล
ในวันแรก ๆมีเจ้าหน้าที่พารอเบิร์ทไปที่ห้องเล็ก ๆ ที่มีเพียงโต๊ะและเก้าอี้กับแฟ้มเอกสารกว่า 100 แฟ้มข้อคยวามในแฟ้มล้วนเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวและเทคโนโลยี่มนุษย์ต่างดาวเขาใช้เวลาวันละครึ่งชั่วโมงในการศึกษาข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้น
…..ข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้นดูเหมือนจะเป็นบทสรุปให้กับเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่มาทำงานใน S4ว่างานที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ทำนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างพิภพรอเบิร์ทได้เห็นการทดสอบบินของยานบินรูปทรงประหลาดและยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อเห็นรายงานเขียนว่ามีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานกว่าหมื่นล้านปีแล้ว!!!!
…..โครงการที่รอเบิร์ททำอยู่นั้นเป็นส่วนย่อยของโครงการใหญ่เขารับผิดชอบเรื่องการค้นคว้าการขับเคลื่อนของยานอวกาศต่างดาวและบทบาทของแรงโน้มถ่วงเพื่อใช้เป็น สื่อในการขับเคลื่อนภายใต้ชื่อโครงการ กาลิเลโอ(Project Galileo)
…..โดยปรกติแล้วเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีการติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ส่วนอื่น ๆแต่ในกรณีของรอเบิร์ทนั้นเขาต้องอาศัยความรู้ในแขนงอื่นด้วยจึงทำให้เขาได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ทำการทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่น
…..หลากหลายโครงการ
โครงการไซด์คิก (Project Sidekick)เป็นหนึ่งในสองโครงการที่รอเบิร์ทได้รับอนุญาตให้รู้ข้อมูลได้บางส่วนมันเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องอาวุธแสง (Beam Weapon)ที่จะถูกติดตั้งบนเครื่องบินรบอาวุธลำแสงนี้ต้องอาศัยความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงและการรวมแสงให้เป็นลำอาวุธชนิดนี้มีอำนาจการทำลายล้างที่สูงมาก
…..โครงการลุกกิ้งกลาส(Project Looking Glass)เป็นการศึกษาเรื่องกำกายภาพของการมองเห็นและผลกระทบต่อเวลาและอวกาศในการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลองและเช่นกันว่าโครงการนี้ต้องอาศัยความรู้ทางด้านแรงโน้มถ่วงและการควบคุมมัน
…..การทดลองในโครงการกาลิเลโอ ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจรอเบิร์ทได้เห็นรายงานและหลักฐานต่าง ๆ ที่พิสูจน์ถึงความถูกต้องของมันซึ่งทำให้เชื่อว่าโครงการอื่น ๆ ที่ทำใน S4นั้นก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันแต่รอเบิร์ทก็ปฏิเสธที่จะถือเอากรรมสิทธิ์เหนือความสำเร็จนั้นเขากล่าวว่ารายงานการวิจัยที่เขาทำขึ้นเป็นแค่ตัวอักษรและรูปภาพบนแผ่นกระดาาเท่านั้น
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/51.jpg?w=300&h=229
Area51
สถานที่ทดลองอาวุธลับสุดยอด เทคโนโลยีอันทันสมัยการติดต่อกับสิ่งมีชีวิตทรงปัญญานอกพิภพ ที่ถูกปกปิดโดยรัฐบาลสหรัฐรัฐบาลสหรัฐเคยปฏิเสธการมีตัวตนของพื้นที่ 51พวกเขาพยายามที่จะปิดบังอะไรไว้ หรือว่ามันคือฐานทัพของมนุษย์ต่างดาวถ้าหากมีคนถามว่า พื้นที่บริเวณใดในสหรัฐ เป็นพื้นที่ที่ลึกลับที่สุดเราคงจะได้รับคำตอบว่า มันคือพื้นที่ 51 หรือ Area 51นั่นก็อาจจะเป็นเพราะมีคนจำนวนมาก อ้างว่าได้เห็นวัตถุบินลึกลับหรือ UFO(Unidentified Flying Object)บินอยู่เหนือบริเวณนั้นบ่อยครั้งจนหลายคนสงสัยว่าบริเวณพื้นที่ 51น่าจะเป็นฐานทัพหรือกองบัญชาการของวัตถุบินลึกลับ?
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/e0b981e0b89ce0b899e0b897e0b8b5e0b988.jpg?w=284&h=350
เช้าวันทำงาน ทุก ๆ เช้าของวันทำงานจะมีคนอย่างน้อย 500 คนผ่านเข้าไปยังประตูทางขึ้นเครื่องบินที่มีการรักษาความปลอดภัยอย่างเข้มงวด
ซึ่งอยู่ทางปีกด้านทิศตะวันตกเฉียงเหนือของสนามบินแมคคาร์แรน ในลาสเวกัสเจ้าของพื้นที่ที่เป็นเขตหวงห้ามส่วนนี้คือ บริษัทอีจีแอนด์จี (EG&G –Edgerton,
Germesausen and Grier)
ผู้คนเหล่านั้นต้องบอกรหัสผ่าน“เจเน็ท” (Janet) ตามด้วยเลขประจำตัว สามหลักก่อนที่จะผ่านเข้าไปขึ้นเครื่องโบอิ้ง 747-200s ที่ไม่มีเครื่องหมายใดๆ ระบุว่าเป็นเครื่องบินของใคร สายการบินนี้ออกบินทุก ๆ ครึ่งชั่วโมงโดยมีจุดหมายอยู่ที่ทะเลสาบกรูม (Groom Lake)สถานที่ลึกลับที่หน่วยราชการของสหรัฐปฏิเสธการมีตัวตนของมันเมื่อหลายปีก่อน
เขตทดลองเครื่องบินลับ พื้นที่ 51หรือที่รู้จักกันในอีกชื่อหนึ่งว่าทะเลสาบกรูมนั้นอยู่ห่างจากลาสเวกัสไปทางตอนเหนือราว 90 ไมล์อันที่จริงแล้ว พื้นที่51 เคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารแห่งหนึ่ง ของสหรัฐที่สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1955 โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อใช้ทดสอบเครื่องบินจารกรรม U2
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/e0b8a5e0b988e0b8ade0b887e0b8abe0b899-1.jpg?w=300&h=225
บแต่นั้นมา ก็มีการใช้พื้นที่ 51 เป็นสถานที่ทดสอบ เครื่องบินจารกรรม เช่น เจ้าวิหคทมิฬ (Blackbird SR71)
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/e0b8a5e0b988e0b8ade0b887e0b8abe0b899-2.jpg?w=371&h=231
เครื่องบินขับไล่ลองหน F117 Stealth Fighter
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/e0b8a5e0b988e0b8ade0b899e0b8abe0b899-3.jpg?w=268&h=266
เครื่องบินทิ้งระเบิดล่องหน B2 Stealth Bomber
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/e0b8a5e0b988e0b8ade0b887e0b8abe0b899-4.jpg?w=371&h=266
อีกทั้งยังถูกใช้เป็นสถานที่ วิจัยโครงการลับออรอร่า (Aurora Project)
เครื่องบินรบเหล่านี้จะถูกทำการทดสอบสมรรถภาพที่บริเวณทะเลสาบกรูมเมื่อพวกเขาทดสอบเครื่องบินรบจนเป็นที่พอใจแล้วจึงค่อยประกาศต่อสาธารนชนให้ทราบว่าบัดนี้กองทัพได้สร้างเขี้ยวเล็บอันใหม่ขึ้นมา
ประวัติพื้นที่ 51
เดือนมีนาคม ปี 1955 เคลลี่ จอห์นสัน (KellyJohnson) ผู้ออกแบบเครื่องบินจารกรรม U2 ได้รับมอบหมายจาก CIAให้ออกแบบเครื่องบิน U2นอกจากนี้แล้วเขายังได้รับมอบหมายให้หาสถานที่เพื่อใช้ทดสอบเจ้า U2 นี้ด้วย
เคลลี่ได้ส่งเจ้าหน้าที่ โทนี่ เลอวิเอร์ (Tony LeVier) นักบินที่จะทำการทดสอบเครื่อง U2 กับดอร์ซี่
เคมเมเรอร์ (Dorsey Kammerer) ไปสำรวจพื้นที่ล้างกลางทะเลทรายทางตอนใต้ของรัฐแคลิฟอร์เนีย
เนวาด้า และอริโซน่า 2 สัปดาห์ต่อมาโทนี่กลับมาส่งรายงานเคลลี่ดูรายงานเปรียบเทียบสถานที่ทั้ง 3แห่งแล้วก็ตัดสินใจเลือกพื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมในรัฐเนวาด้า
ทะเลสาบกรูม มีชื่อเรียกอีกมากมายนับตั้งแต่มีการก่อสร้างฐานทัพขึ้นเคลลี่เรียกมันว่า Paradise Ranch – ทุ่งหญ้าสวรรค์แต่หลังจากมีการทดสอบเครื่องบิน U2 ในเดือน กรกฏาคม ปี 1955แล้วมันกลับถูกเรียกสั้น ๆ ว่า เรนช์ (Ranch – ทุ่งหญ้า)ในความเป็นจริงแล้วฐานทัพ(ลับ) แห่งนี้มีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่าวอร์เตอร์ทาวน์สตรีบ (watertown Strip)ตามชื่อเมืองหนึ่งที่อยู่ทางตอนเหนือของรัฐนิวยอร์กซึ่งเป็นบ้านเกิดของแอลแลน ดูลเลส (Allen Dulles) ผู้อำนวยการซีไอเอสมัยนั้น
ที่มาของชื่อพื้นที่ 51
เดือนมิถุนายน ปี 1958คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณู (Atomic Energy Commission – AEC)ได้เข้ามาใช้พื้นที่บริเวณทะเลสาบกรูมร่วมกับกองทัพสหรัฐเพื่อทำการทดลองโครงการลับ ๆ บางอย่างพวกเขาเรียกสถานีทดลองนี้ว่าสถานีทดลองเนวาด้า (Nevada Test Site)คณะกรรมาธิการ ได้แบ่งพื้นที่ออกเป็นส่วน ๆ แล้วกำหนดหมายเลขให้แต่ละส่วนบริเวณส่วนที่เป็นฐานทัพนั้นได้หมายเลข 51
นับตั้งแต่นั้นมาทุกครั้งที่ฮอลลีวู้ดสร้างภาพยนต์ที่เกี่ยวข้องกับโครงการลับของสหรัฐ จึงมักจะอ้างถึงทะเลสาบกรูมแต่พวกเขาจะเรียกมันสั้น ๆ ว่า พื้นที่ 51ตามที่คณะกรรมาธิการพลังงานปรมาณูใช้เรียก ถึงแม้ว่าการทดลองลับของ AECจะเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ปี 1970 แล้วก็ตาม
ในปี 1970กองทัพอากาศสหรัฐได้เข้ามายึดพื้นที่นี้อย่างถาวรเพื่อใช้เป็นสถานที่ทดลองเครื่องบินรบรุ่นใหม่ ๆตลอดไปจนถึงการทดลองเครื่องบินมิค21 และอาวุธทันสมัยอื่น ๆ ของรัสเซียที่ทางสหรัฐยึดมาได้เมื่อปี 1967
ปี 1975 พื้นที่ 51 ได้ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในเขตจำลองการรบทางอากาศภายใต้รหัส “ธงแดง” (Red Flag) คราวนี้พื้นที่ 51จึงถูกเรียกสั้น ๆในชื่อใหม่ว่า “จตุรัสแดง” (Red Square) แต่ชื่อกึ่งเป็นทางการนั้นคือ“แดนในฝัน” (Dreamland) และในช่วงทศวรรษ 1970ก็ได้มีการทดลองโครงการด้านอวกาศและการทดลองเครื่องบินที่ทันสมัยที่สุดคือ“แทคอินบลู” (Tacit Blue)
ขยายอาณาเขตฐานทัพทะเลสาบกรูมถูกขยายอาณาเขตออกไปอีกในช่วงทศวรรษ 1980มีการสร้างสนามบินเพิ่มเติมอาคารเก็บเครื่องบินถูกสร้างบนลานบินเพื่อให้ง่ายต่อการเก็บซ่อนจากสายตาของดาวเทียมจารกรรม ที่มีอยู่มากมาย อุปกรณ์สื่อสารเรดาร์และจานดาวเทียมได้รับการติดตั้ง ตึกราม อาคารโกดังหลายแห่งถูกสร้างขึ้นมาใหม่บนทะเลสาบกรูมคาดว่ามันถูกใช้เป็นกองบัญชาการ ของศูนย์ทดลองเครื่องบินรบของกองทัพที่ถูกเรียกว่า ดีแทชเมนต์3 (Detachment3)
แม้ว่าจะมีการเพิ่มการรักษาความปลอดภัยแต่ก็ยังไม่วายถูกแอบลักลอบถ่ายภาพเนื่องจากพื้นที่รอบ ๆ ทะเลสาบ กรูมเป็นภูเขา ในปี 1984 กองทัพสหรัฐต้องขยายเขตหวงห้ามออกไปอีกโดยหวังว่าจะเป็นการกันไม่ให้มีใครสามารถมองเข้ไปยังในบริเวณฐานทัพได้แต่ก็ยังมีจุดที่สามารถใข้เป็นที่สอดแนมได้อีก 2 แห่งห่างจะทะเลสาบกรูมไปทางตอนใต้ราว 12 ไมล์ คือที่บริเวณไวท์ไซด์ พีก (WhiteSide Peak) กับ ฟรีดอมริด์จ (Freedom Ridge)เพื่อป้องกันไม่ให้มีคนอาศัยสถานที่ทั้งสองแห่งสอดแนมได้อีก ในปี 1995กองทัพจึงได้ประกาศให้เขตดังกล่าวเป็นเขตหวงห้ามด้วย
แต่เขตหวงห้ามนั้นได้แต่เพียงแค่ติดป้ายเตือนเท่านั้นไม่มีการล้อมรั้วแต่อย่างใดเพราะพื้นที่เขตหวงห้ามนั้นกินอาณาเขตกว้างใหญ่ เกินกว่าที่จะล้อมรั้วได้แต่ก็มีการจัดเวรยามโดยใช้หน่วยรักษาความปลอดภัยนิรนามที่พกอาวุธสุดจะทันสมัย อีกทั้งยังมีการติดตั้งเครื่องมือตรวจจับการเคลื่อนไหวที่ทันสมัยที่สุด เท่าที่เคยมีมาเพราะมันสามารถแยกแยะได้ว่าผู้ที่บุกรุกเข้ามาเป็นมนุษย์หรือสัตว์หน่วยลาดตะเวนนิรนามนี้เรียกว่า แคมโมดูดส์ (Cammo Dudes)ซึ่งมีหน่วนสนับสนุนทางอากาศที่ใช้เฮลิคอปอเตอร์ Silkorsky MH-60G PaveHawk คอยให้การสนับสนุนทางอากาศ
โครงการลับต่าง ๆ ที่ใช้พื้นที่51เป็นสถานี้ทดลองนั้นค่อย ๆ ทยอยจบลงเช่นการทดลองเครื่องบินจารกรรมแทคอิทบลูเสร็จสิ้นเมื่อปี 1985การทดลองเครื่องบินยิงขีปนาวุธ แอดวานซ์ครูซ (Advances Cruise Missile –ACM)
ถูกยกเลิกในปี 1992 การทดลองขีปนาวุธสแตนด์ออฟแอทแทค (Stand-OffAttack Missile) ถูกยกเลิกในปี 1994แต่ถึงกระนั้นกองทัพอากาศสหรัฐก็ยังคงตั้งศูนย์ปฏิบัติการอยู่ที่นั้น
ความลับในพื้นที่ 51 เป็นไปได้ว่ากองทัพอากาศยังคงมีภารกิจอื่น ๆ ที่ไม่เป็นที่เปิดเผยในปี 1989
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/e0b884e0b899.jpg?w=200&h=229
สถานีโทรทัศน์ลาสเวกัสได้ถ่ายทอดการให้สัมภาษณ์ รอเบิร์ท ลาซาร์ (Robert Lazar)
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/e0b890e0b8b2e0b899.jpg?w=371&h=297
รอเบิร์ท (ผู้ที่อ้างว่าเขาเคยทำงานในพื้นที่ 51)กล่าวว่าเขาได้รับมอบหมายให้ทำการศึกษาวิศวกรรมยานอวกาศของมนุษย์ต่างดาว ในพื้นที่51 มียานอวกาศรูปทรงกลมคล้ายจานจำนวน 9 ลำบินขึ้นลงในเขตหวงห้ามบริเวณที่ชื่อ S4หรือที่มีชื่อที่รู้จักกันโดยทั่วไปว่าบริเวณทะเลสาบปาปูส (Papoose Lake)ซึ่งอยู่ห่างจากทะเลสาบกรูมไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ราว 10 ไมล์
เรื่องราวของรอเบิร์ทเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมากมันทำให้เรื่องราวเกี่ยวกับวัตถุบินลึกลับที่ผู้คนสงสัยเริ่มปะติดปะต่อขึ้นเป็นรูปเป็นร่าง ยานบินรูปทรงกลมอาจเป็นการทดลองระบบต้านแรงโน้มถ่วงโลกแน่นอนเทคโนโลยีที่น่าทึ่งเช่นนี้ต้องถูกปกปิดเป็นความลับสุดยอด
นอกจากนี้ยังมีการทดลองเครื่องบินจารกรรมที่มีความเร็วกว่าเสียง 5 เท่าโดยใช้พลังขับเคลื่อนชนิดใหม่ เช่น พอล์ส เดโทเนชั่น เวฟเอนจิน (PulseDetonation Wave Engine)และเครื่องบินความเร็วสูงที่ขับเคลื่อนด้วยพลังไฮโครเจนการทดลองเครื่องบินที่มีความเร็วกว่าเสียงหลายเท่าหรือที่เรียกว่ายานไฮมัค(High-Mach Vehicle)
โดยสร้างเครื่องบินที่มีลักษณะเป็นลูกผสมระหว่างเครื่องบิน A12 กับ D21 หรือที่เรียกกันว่า ซูเปอร์วอลคารี (SuperValkarie) ซึ่งมีคนจำนวนมากที่เคยไปด้อม ๆ มอง ๆ แถวพื้นที่ 51เคยเห็นมันถูกทดสอบ
ยานอวกาศจากต่างดาว จากคำกล่าวอ้างของรอเบิร์ท S4เป็นสถานที่ใช้สำหรับศึกษา วิจัยวัตถุบินลึกลับภายใต้ชื่อโครงการมูนดัส(Moondust) บรรดาสิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกอำพรางอยู่ภายใต้พื้นทรายเพื่อหลบเลี่ยงดาวเทียมจารกรรมของรัสเซีย
รอเบิร์ททำงานในห้องทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์อีกคนหนึ่งชื่อ แบร์รี่ คาสติลลิโอ (Barry Castillio)นักวิจัยแต่ละกลุ่มจะถูกแยก ทำงานในส่วนต่าง ๆพวกเขาถูกจำกัดให้มีเพื่อนร่วมงานเพียงแค่ไม่กี่คนแบร์รี่เป็นเพื่อนร่วมงานเพียงคนเดียวที่ช่วยรอเบิร์ทศึกษาค้นคว้าเรื่องการขับเคลื่อนของยาน
http://klaoza191.files.wordpress.com/2008/10/52.jpg?w=500&h=383
วันแรกที่รอเบิร์ทเดินทางมาถึง S4เขาถูกนำตัวไปที่ห้องพยาบาลเพื่อทำการตรวจผิวหนังเขาถูกทาด้วยสารหลายชนิดตามจุดต่าง ๆ บนแขนวันต่อมาก็มีเจ้าหน้าที่มาตรวจเช็คผิวหนังของเขาเกิดพุพองหรือมีอาการแพ้หรือไม่
ไม่เพียงแค่นั้น เขายังถูกสั่งให้ดื่มสารบางชนิดที่ทำให้ร่างกายของเขามีภูมิคุ้มกันสูงขึ้น สารนี้จะช่วยป้องกันเขาจากสิ่งแปลกปลอมที่อาจได้รับจากการสัมผัสวัตถุที่มาจากต่างดาว
สารที่รอเบิร์ทดื่มนั้นมีกลิ่นเหมือนกับกลิ่นต้นสนและในคืนนั้น หลังจากที่เขาได้ดื่มสารสร้างภูมิคุ้มกันเข้าไปเขาก็เกิดอาการเป็นตะคริวที่ท้องน้อย ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันเป็นผลข้างเคียงมาจากสารสร้างภูมิคุ้มกันนั้นต่อมารอเบิร์ทถูกแนะนำให้รู้จักกับ เรนี่ (Rene)ซึ่งเขาก็ไม่รู้ว่าเรนี่เป็นใครมีหน้าที่อะไรใน S4
เจ้าหน้าที่ ที่ทำงานอยู่ในส่วนของ S4 นั้นมีอยู่แค่เพียง 22 คนเท่านั้น หัวหน้าของรอเบิร์ทชื่อ เดนนิส มาริอานี (Dennis Mariani)
เขารู้จักเดนนิสตอนที่ไปสัมภาษณ์งานที่บริษัทอีจีแอนด์จีซึ่งตอนนั้นยังมีสำนักงานอยู่ที่สนามบินแมคคาร์เรน ในลาสเวกัสแต่ปัจจุบันได้ย้ายมาอยู่ที่ฐานทัพอากาศเนลลิส (Nellis Air Force Base)
ศึกษาข้อมูล ในวันแรก ๆ มีเจ้าหน้าที่พารอเบิร์ทไปที่ห้องเล็ก ๆที่มีเพียงโต๊ะ และเก้าอี้กับแฟ้มเอกสารกว่า 100 แฟ้มข้อความภายในแฟ้มล้วนเป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับมนุษย์ต่างดาวและเทคโนโลยีของมนุษย์ต่างดาวเขาใช้เวลาวันละครึ่งชั่วโมงในการศึกษาข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้น
ข้อมูลในแฟ้มเหล่านั้น ดูเหมือนจะเป็นบทสรุปให้กับเหล่านักวิทยาศาสตร์ที่มาทำงานใน S4 ว่างานที่พวกเขาได้รับมอบหมายให้ทำนั้นเกี่ยวข้องกับสิ่งมีชีวิตต่างพิภพรอเบิร์ทได้เห็นการทดสอบการบินของยานบินรูปทรงประหลาดและยิ่งตกใจมากขึ้นเมื่อในรายงานระบุว่ามีการติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวมานานกว่าหมื่นล้านปีแล้ว!!!!
โครงการที่รอเบิร์ททำอยู่นั้นเป็นส่วนย่อยของโครงการใหญ่เขารับผิดชอบเรื่องการค้นคว้าการขับเคลื่อนของยานอวกาศต่างดาวและบทบาทของแรงโน้มถ่วงเพื่อใช้เป็น สื่อในการขับเคลื่อนภายใต้ชื่อโครงการกาลิเลโอ (Project Galileo)
โดยปรกติแล้วเจ้าหน้าที่แต่ละส่วนจะไม่ได้รับอนุญาตให้มีการติดต่อพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ส่วนอื่น ๆแต่ในกรณีของรอเบิร์ทนั้นเขาต้องอาศัยความรู้ในแขนงอื่นด้วยจึงทำให้เขาได้รับอนุญาตเป็นกรณีพิเศษให้ทำการทดลองร่วมกับนักวิทยาศาสตร์กลุ่มอื่นหลากหลายโครงการโครงการไซด์คิก (Project Sidekick) เป็นหนึ่งในสองโครงการที่รอเบิร์ทได้รับอนุญาตให้รู้ข้อมูลได้บางส่วนมันเป็นการศึกษาค้นคว้าเรื่องอาวุธแสง (Beam Weapon)
ที่จะถูกติดตั้งบนเครื่องบินรบ อาวุธลำแสงนี้ต้องอาศัยความรู้เรื่องแรงโน้มถ่วงและการรวมแสงให้เป็นลำ อาวุธชนิดนี้มีอำนาจการทำลายล้างที่สูงมาก
โครงการลุกกิ้งกลาส (Project Looking Glass)เป็นการศึกษาเรื่องกายภาพของการมองเห็นและผลกระทบต่อเวลาและอวกาศในการสร้างแรงโน้มถ่วงจำลอง และเชื่อกันว่าโครงการนี้ต้องอาศัยความรู้ทางด้านแรงโน้มถ่วงและการควบคุมมัน
การทดลองในโครงการกาลิเลโอ ประสบความสำเร็จเป็นที่น่าพอใจรอเบิร์ทได้เห็นรายงานและหลักฐานต่าง ๆ ที่พิสูจน์ถึงความถูกต้องของมันซึ่งทำให้เชื่อว่าโครงการอื่น ๆ ที่ทำใน S4นั้นก็ประสบความสำเร็จเช่นเดียวกันแต่รอเบิร์ทก็ปฏิเสธที่จะถือเอากรรมสิทธิ์เหนือความสำเร็จนั้นเขากล่าวว่ารายงานการวิจัยที่เขาทำขึ้นเป็นแค่ตัวอักษรและรูปภาพบนแผ่นกระดาษเท่านั้น
ไม่ว่าการทดลองที่พื้นที่ 51 จะเป็นอะไรก็ตามก็ยังมีผู้คนที่อยากรู้อยากเห็นเป็นจำนวนมาก ได้พยายามสอดแนมเข้าไปใกล้เพื่อบันทึกภาพ ซึ่งภาพส่วนใหญ่ก็ใช้เป็นหลักฐานยืนยันได้ดีว่ามีการทดลองเครื่องบินหรือวัตถุบินได้บางชนิดจริง !!
ตอบกระทู้ konbannok ตั้งกระทู้
ขอบคุณครับ ตอบกระทู้ konbannok ตั้งกระทู้
พี่ครับ เอาเรื่อง สามเหลี่ยมเบอรมิวด้า บ้างนะครับ ขอบคุนครับ ได้เวลากลับยานแม่ ซะแล้วสิ ^^" ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากมายคับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]