เรื่องเล่าของผัวเมีย #28 "พี่นพ ครูบ้านนอก 1"
เรื่องเล่าของผัวเมีย #28"พี่นพ ครูบ้านนอก 1"
ทุกสิ้นเดือนหรืออย่างไม่มีเวลาจริงๆ คือเดือนเว้นเดือนซึ่งเป็นเวลาที่ผมกับกลอยจะกลับบ้านเกิดเพื่อไปหาลูกชายซึ่งอยู่ในการดูแลของตากับยาย
ผมกับกลอยโดยพื้นเพแล้วเป็นคนอำเภอเดียวกันแต่อยู่คนละตำบล ผมจะแวะที่บ้านพ่อแม่ผมก่อนก่อนจะไปที่บ้านพ่อแม่ของกลอยซึ่งอยู่ถัดไปอีก 10 กว่า กม.ซึ่งระยะทางจากอำเภอที่ผมกับกลอยทำงานมาถึงบ้านยายก็ประมาณ 120 กม.
เย็นวันศุกร์สิ้นเดือน ผมกับกลอยก็นัดกันกลับบ้านไปหาลูกกัน กลอยกลับมาบ้านก็เกือบห้าโมงครึ่งบอกว่า เคลียร์งานเพิ่งเสร็จ เธอเปลี่ยนเสื้อเหลือเสื้อกล้ามซับในแล้วเอาเสื้อคลุมแขนยาวมาสวมทับส่วนกระโปรงยังอยู่ในชุดทำงานแล้วก็เก็บของนิดหน่อยขึ้นรถบอกว่า จะไปอาบน้ำที่บ้านยายทีเดียวเลย แม้ขนาดนั้นกลิ่นกายเธอก็ยังหอมกรุ่นอยู่ดี
ซึ่งขณะที่ผมขับรถข้ามพื้นที่อีกจังหวัดหนึ่งก่อนที่จะเข้าสู่เขตจังหวัดที่เป็นบ้านเกิดของผมกับกลอย ก่อนจะเข้าสู่ตัวอำเภอเล็กๆ แห่งหนึ่ง รถเก๋งผมเป็นอะไรไม่ทราบได้จู่ๆ ก็เหยียบคันเร่งไม่ขึ้น ผมจึงเปิดไฟฉุกเฉินแล้วค่อยๆ นำรถเข้าไหล่ทาง ขณะนั้นเวลาประมาณหกโมงครึ่งแสงอาทิตย์แสงสุดท้ายหายไปจากฟ้าแล้วความมืดเริ่มก่อตัวขึ้น ผมยังไม่ดับเครื่องได้แต่เปิดฝากระโปรงดูเครื่องยนต์ไปอย่างนั้นเพราะไม่รู้ระบบเครื่องยนต์อะไรเลย
กลอยลงมายืนให้กำลังใจข้างๆ ผมแต่ก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ ไฟฉายฉุกเฉินในรถผมเอาออกมาส่องสว่าง ผมดูบริเวณรอบๆ ก็ไม่ถึงกับเปลี่ยวอะไรมีบ้านเรือนของผู้คนปลูกอยู่ริมถนนประปราย แต่ตรงนั้นมีบ้านอยู่ตรงหน้าผมห่างไปประมาณสักร้อยเมตรซึ่งผมเห็นคนตะคุ่มๆ เดินถือไฟฉายส่องสว่างมาทางผม
"รถเป็นอะไรครับ?"
ชายแต่งตัวภูมิฐานเดินเข้ามาทักทาย ผมตอบไปว่า ไม่ทราบเหมือนกันอยู่ๆ ขับมาก็เหยียบคันเร่งไม่ขึ้นเอาซะอย่างนั้น แกบอกว่า แกก็ไม่มีความรู้เรื่องเครื่องยนต์กลไกของรถยนต์เท่าไหร่? เดี๋ยวจะโทรถามช่างให้ แกว่าแล้วก็โทรศัพท์คุยกับใครสักคนหนึ่งแล้วก็วางสายไป แกหันมาพูดกับผมว่า ช่างไม่อยู่เข้าเมืองไปรับลูกกว่าจะกลับก็คงดึก
"เอางี้...ช่วยกันเข็นรถไปจอดในบ้านผมก่อนดีกว่าไหม? ถ้ายังไงก็รอช่างพรุ่งนี้เช้า"
แกชี้นิ้วไปที่บ้านของแกที่เห็นอยู่ข้างหน้า ผมหันมาปรึกษากับกลอยก็ตกลงตามแกชวน ผมให้กลอยเข้านั่งถือพวงมาลัยแล้วผมกับชายใจดีก็พากันเข็นรถ แม้รถเก๋งจะเบาหน่อยแต่ระยะทางราว 100 เมตรก็ทำเอาผมเหงื่อซึมไปเหมือนกัน ยิ่งตอนเข็นรถเข้าในรั้วบ้านซึ่งเป็นการเข็นขึ้นเนินแล้วยิ่งต้องใช้แรงเยอะแต่ทุกอย่างก็ผ่านไปได้ด้วยดี
บ้านหลังเล็กชั้นเดียวยกสูงได้ต้อนรับผู้มาเยือนคือผมกับกลอย ชายใจดีเชื้อเชิญให้เราเข้าในบ้านซึ่งเป็นห้องรับแขกเล็กๆ มีโชฟาและโต๊ะแก้วสำหรับนั่งดูโทรทัศน์และวางของ บนโต๊ะมีเบียร์เปิดขวดกับแก้วเบียร์วางเคียงกันอยู่ เจ้าของบ้านเปิดตู้เย็นหยิบขวดน้ำเย็นกับแก้วสองใบมารินน้ำแจกจ่ายให้ผมกับกลอย
เรานั่งลงสนทนากันจึงได้รู้เรื่องราวของเจ้าของบ้าน แกแนะนำตัวเองว่าชื่อ "มานพ" แต่ให้เรียกชื่อเล่นว่า "นพ" ก็พอ ผมสอบถามอายุของแกจึงต้องเรียกแกว่าพี่ เพราะแกอายุ 48 ปีแล้ว พี่นพเป็นครูบ้านนอก (แกเรียกของแกอย่างนั้น) สอนอยู่โรงเรียนประถมแห่งหนึ่งห่างจากบ้านแกราวๆ 10 กว่า กม. พี่นพรูปร่างสูงพอๆ กับผมแต่เจ้าเนื้อกว่านิดๆ ผิวดำแดงหน้าตาถือว่าธรรมดาแต่ด้วยใบหน้าที่ดูเปื้อนยิ้มอยู่ตลอดเวลาจึงทำให้แกดูดีใช้ได้ทีเดียว
แกสอบถามเรื่องของผมกับกลอยว่าจะเอายังไง? กลอยกำลังคุยโทรศัพท์ติดต่อทางบ้านอยู่พอดีก็ตอบมาว่า ทางบ้านไม่มีใครว่างเลย พ่อก็ไปงานบุญที่ต่างอำเภอ
พี่นพรินเบียร์ยื่นให้ผม ผมยกซดซะหมดแก้วด้วยความกระหายปนกังวลใจ ผมจึงสอบถามที่พักในตัวอำเภอว่า มีรีสอร์ทให้เช่าพักหรือไม่? พี่นพบอกว่า มี แต่แกท้วงว่า จะไปพักรีสอร์ทให้เสียเงินทำไม? ก็พักกับแกที่บ้านนี่เลย แกอยู่คนเดียวมีห้องพักว่างอยู่ด้วย ผมมองหน้ากลอยเหมือนจะปรึกษากันแต่ก็มีความเกรงใจแกอยู่มาก จึงตกลงว่าจะขอไปนอนที่รีสอร์ทดีกว่า พี่นพก็ตามใจพร้อมกับรินเบียร์ให้ผมกับกลอยอีกคนละแก้วบอกว่า กินเบียร์ใจเย็นๆ ก่อนเดี๋ยวจะพาไปที่รีสอร์ท
เบียร์หมดไปสามขวดอย่างรวดเร็วพร้อมกับการเป็นกันเองมากขึ้นของพวกเรา พี่นพยังเล่าให้ฟังอีกว่า แกกับภรรยาหย่ากันด้วยดีได้ห้าปีกว่าๆ ส่วนลูกๆ ก็โตกันหมดแล้วต่างก็แยกย้ายกันไปทำงานอยู่ต่างจังหวัด นานๆ ทีถึงได้มาเจอกันสักครั้ง ส่วนแกก็อยู่คนเดียวทำงานไปตามประสาครูบ้านนอก
"แล้ว...ไม่เหงาบ้างหรือไงพี่?"
ผมถามพี่นพซึ่งแกก็ได้แต่ยิ้มๆ บอกว่า ก็มีบ้าง อาศัยว่าสนุกกับเด็กๆ ไปแต่ละวันก็พอคลายเหงาได้บ้าง
แกหันมายิ้มให้กับผมแต่ผมก็ตาไวพอจะมองเห็นสายตาของแกจ้องมองโคนขาอวบขาวของกลอยใต้ชุดกระโปรงที่ทำงานซึ่งเธอนั่งอยู่บนโชฟาแล้วชายกระโปรงร่นขึ้นเลยหัวเข่าไปนิดหน่อยเผยให้เห็นโคนขาขาวเนียนนิดๆ
ไม่ทราบว่ากลอยรู้หรือไม่ว่าพี่นพแกลอบมองเธออยู่ เธออยากจะยั่วแกหรือว่าด้วยฤทธิ์เบียร์จริงๆ ที่ทำให้เธอบ่นว่าร้อนแล้วก็ถอดเสื้อคลุมออกจากตัวเผยให้เห็นผิวขาวนวลใต้เสื้อกล้ามซับในรัดรูป ผมเห็นพี่นพมองกลอยตาค้าง กลอยสอบถามถึงห้องน้ำ พี่นพลุกขึ้นจากโชฟาชี้มือไปทางห้องครัวแล้วมองตามหลังกลอยไปจนลับตา ผมลอบยิ้มในใจคิดว่ามีคนตกหลุมเสน่ห์กลอยเข้าแล้วอีกคน พี่นพถือโอกาสขอตัวไปตลาดบอกว่าจะขอเลี้ยงเบียร์ผมวันนี้
เบียร์หมดไปอีกห้าขวดผมกับกลอยจึงขออนุญาตพี่นพให้ไปส่งพวกเราที่รีสอร์ท แกบอกว่า เรื่องรถจะให้เพื่อนที่เป็นช่างมาดูแต่เช้าและบอกว่าจะมารับไปทานอาหารเช้าตอนสามโมงเช้า ผมกล่าวขอบคุณพี่นพที่เป็นธุระให้และจัดการเรื่องรถให้เราด้วยดี
วันรุ่งขึ้นตอนสามโมงเช้า พี่นพขับรถกระบะมารับเราไปหากินข้าวเช้า แกบอกว่า กินข้าวเสร็จก็ไปรับรถได้เลยเพราะเพื่อนแกมารับรถไปเข้าอู่แต่เช้าและโทรมาบอกว่าได้ซ่อมให้เรียบร้อยแล้ว
ผมกับกลอยรับประทานอาหารเช้าอย่างสบายใจเมื่อรู้ว่ารถได้ซ่อมเสร็จแล้ว สี่โมงกว่าๆ พี่นพพาเราไปที่อู่รถเพื่อนของแกเพื่อรับรถ ผมสอบถามราคาพี่นพพูดก่อนเลยว่า ไม่ต้อง เดี๋ยวแกจัดการให้เองเพราะมันเล็กน้อยมาก ผมกับกลอยได้แต่ขอบคุณแกด้วยความเกรงใจอย่างยิ่งเนื่องด้วยว่าคนไม่รู้จักกันมาก่อนแต่กลับได้มาช่วยเหลือเรามากซะขนาดนี้
เดือนต่อมา ผมกับกลอยแวะที่บ้านพี่นพในตอนเย็นวันศุกร์ ผมคุยโทรศัพท์กับแกก่อนแล้วว่าจะเอาปลาที่มีชื่อเสียงของอำเภอที่ผมทำงานอยู่ไปฝาก แกขอบใจใหญ่เลยว่าอยากกินอยู่พอดี ผมถามว่า ชอบต้มหรือผัดเผ็ด แกบอก ได้ทั้งสองอย่างเลย
ถึงบ้านพี่นพผมเห็นแกยิ้มร่ารออยู่หน้าบ้าน แกพาผมกับกลอยไปนั่งม้าหินอ่อนใต้ร่มคูณด้านหลังบ้านซึ่งตอนนั้นกำลังแดดร่มลมตกพอดีโดยพี่นพเตรียมเหล้าและโซดาไว้ให้พร้อม แกว่า ถ้ามีเพื่อนกินเหล้าก็กินด้วย แต่ถ้าอยู่คนเดียวชอบจิบเบียร์เย็นๆมากกว่า
กลอยเริ่มคุ้นเคยกับพี่นพอย่างรวดเร็ว อาจจะเพราะอุปนิสัยของทั้งสองคนด้วยแหละ แต่ผู้ชายอย่างผมก็ลอบสังเกตุพี่นพด้วยว่าแกจะมองกลอยยังไง แต่ก็เห็นแกลอบมองหน้าอกกลอยอยู่บ่อยๆ วันนี้กลอยใส่กางเกงยีนส์ขายาวส่วนเสื้อเป็นเสื้อยืดแขนรั้งสีดำคอเสื้อค่อนข้างลึก เวลาก้มก็มองเห็นบราสีเนื้อของเธออยู่วับๆ แวมๆ พอให้เป็นกษัยอยู่บ้าง
ผมขอตัวเข้าครัวจัดการกับปลาที่พี่นพขอให้ทำผัดเผ็ดโดยเครื่องผัดต่างๆ แกได้เตรียมไว้ให้หมดแล้ว ผมทำปลาอยู่ในครัวก็แว่วได้ยินเสียงกลอยกับพี่นพหัวเราะมาเป็นระยะ ก็แอบๆ ส่องดูบ้าง แต่ก็เห็นทั้งสองคนยังรักษาระยะห่างอยู่ แต่ขนาดนั้นใจผมก็คิดเตลิดไปไกลแล้ว
ท้องฟ้าเริ่มมืด พี่นพกับกลอยพากันเก็บวงเหล้าย้ายขึ้นมาบนห้องรับแขกบนบ้าน พี่นพบอกว่าพอค่ำมายุงข้างล่างชุมมาก ผมจึงได้เดินไปยกแก้วเหล้าได้บ่อยขึ้นและกับแกล้มที่ผมทำก็เสร็จพอดี
เมื่อเราพร้อมหน้าและฤทธิ์สุราก็เพิ่มตามดีกรี การพูดคุยจึงเริ่มสนุกและเริ่มเริ่มสนทนาเรื่องส่วนตัวมากขึ้น
"เอกกับกลอยแต่งกันมากี่ปีแล้วล่ะ?"
พี่นพถือโอกาสถามขึ้นในตอนหนึ่ง ผมจึงเล่าเรื่องราวของผมกับกลอยให้แกฟัง แกฟังไปก็พยักหน้าหงึกๆ รับทราบ ยิ่งพอแกทราบอายุกลอยและรู้ว่ามีลูกสองคนแล้ว แกตาโตร้องอุทานเสียงดังว่า ไม่เชื่อว่าจะอายุเยอะขนาดนี้แล้ว คิดว่ายี่สิบปลายๆ เท่านั้น ส่วนผมแกก็คิดว่าอายุน่าจะสามสิบต้นๆ เหมือนกัน กลอยยิ้มแป้นที่ได้รับคำชม เธอกอดแขนพี่นพเอาหน้าไปซบไหล่พร้อมบอกว่า พี่นพนี่ตาแหลมจังเลยไม่เหมือนบางคนที่บอกว่ากลอยแก่ก็แก่ขี้เหร่ก็ปานนั้น เธอหันหน้ามายิ้มและแลบลิ้นให้ผม พี่นพห้วเราะร่าหน้าแดงก่ำพูดขำๆ ว่า โห...ใครน๊าช่างกล้าว่ากลอยได้
เกือบเที่ยงคืนเหล้าหมดกลม เราสามคนต่างตาลายกันไปตามๆ กัน พี่นพจัดที่นอนให้พวกเราซึ่งเป็นห้องว่างอยู่อีกห้อง ที่นอนเป็นที่นอนปิคนิกซึ่งก็ไม่เลวร้ายอะไร แถมห้องยังมีแอร์ให้ด้วย
"เราไปอาบน้ำกันเถอะ"
ผมพูดยิ้มๆ ส่งตาหวานให้กับกลอย เธอหัวเราะและเข้าใจในสิ่งที่ผมพูด กลอยผลัดผ้าใส่แค่ผ้าขนหนูผืนเดียวส่วนผมนุ่งกางเกงขาสั้นตัวเดียว เราทั้งสองเปิดประตูออกจากห้องแล้วก็ต้องชะงักนิดหนึ่ง ไฟห้องรับแขกปิดเหลือแต่ไฟจากห้องครัวและไฟในห้องนอนผมที่สาดแสงออกมารวมไฟจากเครื่องรับโทรทัศน์ที่พี่นพยังนั่งดูอยู่บนโชฟา แกหันมามองทางพวกเราสายตากระทบกับแสงไฟที่สาดส่องร่างของกลอยให้กระจ่างนวลแม้จะอยู่ใต้ผ้าขนหนูแตพี่นพก็จ้องมองตาไม่กระพริบ กลอยเหมือนรู้ตัวเธอรีบเดินเข้าห้องน้ำไป ส่วนผมทำท่าทางว่าอาบน้ำบอกพี่นพ แกพยักหน้ารับรู้ก่อนจะหันไปดูโทรทัศน์ต่อ
ผมกับกลอยใช้เวลานานพอสมควรในห้องน้ำ ผลัดกันฟอกสบู่ให้กันและผมทั้งล้วงทั้งควักกลอยไปด้วยเพื่อการปลุกเร้าอารมณ์เธอ
เราออกจากห้องน้ำเดินผ่านพี่นพ แกร้องแซวว่า อาบน้ำสนุกสนานเหมือนคู่หนุ่มสาวเลยนะ ไม่เกรงใจคนแก่บ้างเลย ผมหัวเราะเดินมานั่งกับแกถามว่า ยังไม่นอนอีกเหรอ? แกว่า ยังไม่ง่วง ขอดูโทรทัศน์แป๊บ ผมจึงขอตัวเข้าห้อง และปิดประตูแบบไม่สนิทไว้ ถ้าสังเกตุจากข้างนอกก็จะเห็นแสงไฟลอดออกไปแน่ๆ
ผมตั้งใจให้พี่นพสังเกตุเห็น
กลอยยืนทาโลชั่นอยู่ที่กระจกบานใหญ่ ผมเดินเข้าไปกอดซุกจมูกลงซอกคอ กลิ่นสบู่หอมกรุ่นผสมกลิ่นโลชั่นหอมติดจมูก ผมปลดผ้าขนหนูอออกจากร่างเธอ ร่างเปลือยเปล่าที่ได้รูปเสมือนการแกะสลักที่บรรจงสลักเสลาอย่างงดงามจากฝีมือของทวยเทพปรากฎกายอยู่ต่อหน้ากระจก สองเต้าน้อยน่าเคล้นคลึงถูกผมเกาะกุมบีบคลึงเนื้อเนียนนุ่มถูกผมลูบไล้ไปทั้งร่าง กลอยหลับตาพริ้มเชิดหน้าปล่อยอารมณ์ตามความรู้สึกที่กำลังพุ่งพล่าน ผมจึงค่อยๆ ประคองกลอยลงมานอน
ผมนอนแนบประชิดร่างกลอยทันที ลิ้นสากของผมละเลงไปทั้งสองเต้าแล้วลากเลื้อยลงล่างสู่จุดสลบของเธอ สะดือนั่นเอง ผมวนลิ้นและแหย่รูสะดืออยู่นานทำเอากลอยดิ้นพล่านส่งเสียงครางอือๆ อารมณ์เธอกระเจิงไปไกล ผมจึงลากลิ้นลงต่ำสู่ร่องรูสวาท เส้นขนสีดำที่ตัดสั้นเป็นระเบียบถูกผมละเลงลิ้นจนเปียกชุ่มก่อนที่จะชำแรกลิ้นแทรกเข้าโตรกธารที่คับแคบ กลอยส่ายสะโพกเร่าๆ สองมือกดหัวผมกับหว่างขาเธอแน่น นิ้วมือผมสอดเข้าสู่รูแคบพร้อมขยี้ปุ่มเสียวอย่างหนักจนกลอยร้องคราง ด้วยการปลุกเร้าอารมณ์มาจากในห้องน้ำและสถานที่ใหม่กลอยเสร็จสมกับลิ้นของผมอย่างรวดเร็ว
ผมหันควยไปจ่อที่ปากกลอยในท่า 69 กลอยจับควยผมเข้าปากเธอทันควันส่วนผมก็ก้มโลมเลียที่เนินเนื้อเธอต่อไป สายตาผมชำเลืองที่ประตูก็เห็นประตูแง้มอยู่นิดหน่อยพร้อมกับร่างของพี่นพยืนแอบดูเราสองคนอยู่ตามที่ผมต้องการ มันทำให้อารมณ์ผมพุ่งพล่านยิ่งขึ้นไปอีก
ผมแหกขากลอยออกกว้างเพื่อให้พี่นพได้เห็นชัดๆ ผมลงลิ้นหนักๆ อีกครั้ง กลอยเริ่มเสียวและเริ่มครางขึ้นอีกครั้ง ผมจึงผละออกจากกลอยแล้วก็สอดตัวเข้าหว่างขาเธอขยับเอวเข้าชิดจ่อควยสู่ร่องรูงาม ผมจับลำถูหัวควยไปตามกลีบร่องและเม็ดละมุดจนกลอยส่ายเอวร่อนขยับเข้าชิดควยผม แต่ผมยังเขี่ยร่องเธอไปมายั่วเธออยู่อย่างนั้นก่อนที่จะค่อยๆ ขยับเอวดันควยเข้าช้าๆ กลอยแอ่นอกด้วยความเสียว ผมก้มหน้าลงงับหัวนมเธอสลับไปมาขณะที่เอวก็ดันควยเข้าจมมิดด้าม
"อ๊า....ซี๊ด..."
ผมค่อยๆ ซอยเอวช้าๆ เนิบๆ กลอยแอ่นสะโพกตามการซอยของผมทุกครั้งพร้อมส่งเสียงครางเบาๆ เร้าอารมณ์ผมอย่างยิ่ง แล้วยิ่งรู้ว่ามีคนแอบดูอยู่ก็ยิ่งเพิ่มความเสียวซ่านเข้าไปอีก
ผมซอยเอวใส่กลอยอยู่นานก็นอนลงจับร่างกลอยขึ้นนั่งคร่อมทับควยบนร่างผมหันร่างงามไปทางประตูห้องที่แง้มน้อยๆ และมีสายตาของชายคนหนึ่งจับจ้องอยู่
กลอยนั่งบนผมแล้วเธอก็เริ่มส่ายเอวบดโหนกใส่ควยผม เสียงร่องเสียวงัดควยผมดังกึกๆ สองเต้าน้อยสั่นสะท้านตามแรง สองเมือผมเอื้อมไปบีบขยำเล่น สองเม็ดบัวชูชันแข็งเป็นไต กลอยแหงนหน้าหลับตาพริ้มพร้อมเอวที่ส่ายไหวไปมาไม่ขาดระยะ
กลอยหยุดบดเอวเธอก้มหน้าลงมาจูบปากกับผมพร้อมกระซิบแผ่วๆ บอกกับผมว่า พี่นพแอบดูอยู่ ซึ่งเธอเองก็คงจะเพิ่งสังเกตุเห็น ผมจูบปากกับเธอแล้วบอกเธอว่า งั้นก็โชว์เลยสิ
เหมือนมีแรงกระตุ้น กลอยดันตัวขึ้นท้าวสองแขนไปข้างหลังจับที่สองหัวเข่าผม อกเธอแอ่นหราโชว์สองเต้างามเอวก็บดใส่ลำควยผมต่อแต่ทว่าดูรุนแรงและเร่าร้อนมากขึ้น
"อู๊....อ่าาา..."
ผมละสองมือไปจับที่สะโพกกลอยปล่อยให้สองเต้าเป็นอิสระ ปล่อยให้มันเด้งดิ๋งๆ ตามแรงโยกของกลอยและให้พี่นพได้มองเห็นได้ชัดๆ แบบถนัดตา
กลอยโยกเอวเร็วจนผมเสียวแทบกลั้นไม่ไหวและผมรู้ว่าเธอก็ปริ่มๆ แล้วเหมือนกัน ผมจึงจับกลอยลงให้เธอคลานหันหน้าไปทางประตูห้อง ผมจับควยแทงพรวดเดียวเข้ามิด เสียงกลอยครางอือด้วยความเสียว เธอควานหาหมอนมาหนุนข้างหน้าแล้วฟุบหน้าลงส่วนผมก็ไม่รอช้ารีบกระแทกเอวใส่ทันที
"ที่รักจ๋า...เสียวไหม?"
"สะ...เสียว..แรงๆ เลย"
กลอยร้องครางบ่งบอกว่าเธอใกล้แล้ว สะโพกผายที่แอ่นอยู่ต่อหน้ารองรับการกระแทกกระทั้นอย่างหนักหน่วง เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสะท้านห้องผสมเสียงครางของกลอยและความรู้สึกที่รู้ว่ามีคนแอบดูอารมณ์เราทั้งสองก็พุ่งทะลัก
"อ๊า......"
"โอ๊วววว...."
ผมกับกลอยร้องเสียงดังออกมาพร้อมกัน ผมกระแทกเอวกระทบก้นงามอย่างเร็วและแรงพร้อมกับฉีดน้ำรักเข้าโพรงลึกอย่างสุดกลั้น กลอยทิ้งตัวล้มลงนอนหมอบโดยที่มีร่างผมประกบแน่น การตอดรัดตุบๆ ภายในรูเสียวแทบทำให้ผมขาดใจ เราสองคนนอนประกบร่างหายใจหอบอยู่นานจึงได้ผละออกจากกันแล้วมานอนกอดเกยกันอย่ามีความสุข ผมมองผ่านๆ ที่ประตูห้องก็ไม่มีร่างของพี่นพที่อยู่แล้ว
"ถ้าพี่นพแกเข้ามาจะทำยังไง" กลอยเอ่ยกับผม
"ดีสิ จะได้สวิงไปเลย"
ผมหอมแก้มกลอยไปฟอดหนึ่ง เธอพูดว่า บ้า พร้อมทุบที่อกผมเบาๆ แล้วก็พูดอีกว่า แต่เมื่อรู้ว่าแกแอบดูก็มีอารมณ์รุนแรงเหมือนกัน แล้วเราก็หัวเราะเบาๆ ให้แก่กัน
อะฮ๊า...ผมกับกลอยและพี่นพจะเดำเนินไปยังไงโปรดติดตามตอนต่อไปนะครับ คิดเห็นประการใด ฝากคอมเมนต์เป็นกำลังใจให้ด้วย
ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ต้องสามสาม สนุกมากครับ สนุกดีรอติดตามค่ะ ขอบพระคุณ รอติดตาม ขอบคุณครับ เสียวสุดๆไปเลย ขอบใจ ขอบคุณ ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ สุดยอด ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]
2