บันทึกนายขุน ตอนที่ 4 คู่ปรับ
หลังงจากตื่นนอนตอนเช้าด้วยความสดชื่น ขุนลุกจากเตียงเข้าห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน พร้อมเดินไปยังโซนครัวที่อินกำลังทำอาหารเช้ารออยู่ด้วยความเคยชินและชอบดูแลของอิน อินออกจากห้องไปจ่ายตลาดตั้งแต่เช้ามืดเป็นประจำ ขุนเคยอาสาที่จะไปส่งและช่วยถือของ แต่อินห้ามเอาไว้โดยให้เหตุผลว่าอยากให้เขาได้พักผ่อนได้เต็มที่ เมื่อได้กลิ่นหอมจากอาหารเช้าของอินทำให้รู้ว่าใกล้จะเสร็จแล้ว ขุนก็รีบมานั่งรอที่โต๊ะอาหารทันที อินตักข้าวสวยใส่จานพร้อมกับแกงจืดฟักน่องไก่ร้อน ๆ ใ่ส่ถ้วยมาเสิร์ฟ คู่รักนั่งทานด้วยความเอร็ดอร่อย เสร็จขุนก็ขอตัวไปอาบน้ำ พอออกมา อินก็จัดชุดทำงานที่รีดเรียบไว้ให้พร้อม พอแต่งตัวเสร็จก็ขับรถไปทำงานเป็นกิจวัตรประจำวัน เมื่อขุนไปทำงาน อินเองก็ทำงานบ้านทั้งกวาดบ้าน ถูบ้าน ซักเสื้อผ้า พอเสร็จครบกิจวัตรก็อาบน้ำแต่งตัวเดินทางไปยังสถานที่ที่จะสร้างกิจการในอนาคต เมื่อไปถึง อินก็พูดคุยกับทีมงาน ซึ่งเป็นคนที่เขารู้จักดี พี่เต เป็นพี่ที่เรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันกับอิน แถมยังเป็นเพื่อนสนิทของพี่รหัสอิน และด้วยความบังเอิญหรืออะไรก็ตามแต่ ตอนที่อินกำลังหาบริษัทรับเหมา ก็ไปพบกับพี่เตเข้า ซึ่งพ่อของพี่เตนั้นทำบริษัทรับเหมาก่อนสร้าง พี่เตเลยให้คำปรึกษาและพูดคุยอย่างดีมาโดยตลอด อินที่รู้สึกเป็นกันเองและไว้ใจพี่เต จนท้ายที่สุดก็ได้ตัดสินใจเลือกร่วมงานกับบริษัทของพี่เต เมื่ออินมาถึงลานโล่งกว้าง เตก็เดินเข้ามาหาพร้อมทักทายกันตามปกติ ด้วยเตนั้นเรียนสถาปัตยกรรม ทำให้อินปรึกษาเรื่องการออกแบบได้อย่างเต็มที่ แถมเตยังอาสาเป็นคนออกแบบให้ินด้วย ขอแค่อินบรีฟมาก็พอ อินพูดบอกเล่ารายละเอียดความต้องการทุกอย่างให้กับเตฟัง ซึ่งเตก็นำไอเดียเหล่านั้นไปรังสรร สร้างแบบมาให้อินดูซึ่งเป็นที่น่าพอใจมาก หลังจากอินเห็นแบบที่เตเขียนขึ้นก็รู้สึกชื่นชอบแถมมีบางจุดที่เตคิดเพิ่มมาให้ เมื่ออินเห็นก็ซื้อไอเดียไปด้วยเลย "แบบที่ส่งไปผ่านแล้วนะ"เตบอกข่าวดีแก่อิน เมื่อได้ฟังอินก็ถึงกับตาโต "จริงหรอครับพี่ ไหนว่าอาทิตย์นึง"อินถามข้อสงสัย เตไม่ตอบได้แต่ยิ้มมุมปาก อินจึงเข้าใจว่าคงเป็นเรื่องของเส้นสาย "ทำธุรกิจคนเดียว แถมลงทุนขนาดนี้ ไหวแน่นะ"เตถามออกมาด้วยความเป็นห่วง อินทอดสายตามองไปยังลานโล่งเบื้องหน้าแล้วพูดด้วยรอยยิ้ม "ไม่ได้ทำคนเดียวครับ ผมลงทุนกับแฟน ถ้าเป็นไปด้วยดี แฟนผมก็จะออกจากงานประจำมาช่วยดูแลด้วย"สายตาที่เต็มไปด้วยความฝันของอิน ทำให้เตมองอย่างหลงไหล แต่เขาก็กังวลใจเล็กน้อย "ถึงอย่างนั้นก็เถอะ จะทำธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องง่ายนะ"เตเตือนด้วยความหวังดี แต่สายตาของอินนั้นมุ่งมันและแน่วแน่ ทำให้เตได้แต่ให้กำลังใจ ทางด้านของขุน ขณะที่กำลังเตรียมเอกสารการประชุมประจำวัน หัวหน้าของเขาได้เข้ามาทักทายและพูดคุยตามปกติ แต่ขุนจับพิรุธบางอย่างได้ในถ้อยคำเหล่านั้น แม้จะสงสัยแต่ก็มิได้เอ่ยถามออกมาแต่อย่างใด ขณะที่พนักงานฝ่ายการตลาดทุกคนนั่งร่วมกันอยู่ในห้องประชุมนั้น ผู้จัดการซึ่งนั่งหัวโต๊ะ ได้ให้ขุนนั่งที่ทางขวามือ แต่เก้าอี้ตรงข้ามกับเขาทางซ้ายมือนั้นว่าง หากปกติ คนที่นั่งจะเป็นพนักงานอาวุโสที่สุดในทีมซึ่งตอนนี้กลับนั่งในที่ถัดไป "เอาล่ะ ก่อนอื่นเลย อย่างที่รู้กัน ว่าพี่กำลังจะย้ายออก เพราะงั้น ขุน…."ขุนหันหน้ามองผู้จัดการ ไม่คิดว่าจะส่งมอบตำแหน่งให้เขารวดเร็วถึงเพียงนี้ เขากล้า ๆ กลัว ๆรับคำ "ครับพี่แวว" "ท่านประธาน ได้เจอคนที่คิดว่าเหมาะสมกับตำแหน่งนี้ ดังนั้น ต่อจากนี้ภายในหนึ่งเดือน ขุนกับเขา จะต้องแข่งขันกันทำผลงาน ถ้าใครที่ทำได้ดีกว่า คนนั้น จะได้รับตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายการตลาดไปนะ"พี่แววผู้จัดการพูดอธิบายเสียงเรียบ ขุนมีสีหน้าที่สับสนงุนงง ไม่นานก็หายสงสัยเมื่อประตูห้องประชุมเปิดขึ้น พร้อมชายร่างเพรียวหน้าคมผิวขาวเดินเข้ามานั่งลงที่ตรงกันข้ามกับขุน ขุนมองอีกฝ่ายด้วยสายตาดุดันโดยไม่รู้ตัว ขุนไม่ได้หวังที่จะขึ้นเป็นผู้จัดการในตอนแรก แถมยังกังวลในฝีมือความรับผิดชอบและเวลาที่อาจจะจัดสรรให้อินได้ไม่เต็มที่ หากแต่พอได้ยินว่า คนที่จะได้รับตำแหน่งเป็นใครหน้าไหนก็ไม่รู้ที่ท่านประธานเสนอมา ทำให้เขาไม่พอใจมาก ตลอดชีวิตของเขา ขุนส่งเสียตัวเองเรียนมาตั้งแต่เด็ก สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดไม่ใช่การเป็นกำพร้าไม่มีคนสนับสนุน หากแต่เป็นระบบอุปถัมภ์ที่ใช้เส้นสายในทางต่าง ๆ เขาจะอยากได้ตำแหน่งนี้หรือไม่ตอนนี้ไม่ใช่ประเด็น แต่สิ่งหนึ่งที่รู้ชัดคือเขาจะไม่ยอมตกเป็นลูกน้องของไอ้คนตรงหน้าเขาแน่นอน อีกฝ่ายนั่งลงก็เริ่มแนะนำตัว แต่หูของขุนนั้นดับไปด้วยโทสะจนไม่ได้ยินคำพูดจากปากของอีกฝ่ายเลย กระทั่งพี่แวว ผู้จัดการกล่าวประชุมงานต่าง ๆ ขุนนั้นจดรายละเอียดครบตามที่ได้รับมอบหมาย "นี่ครับ ผมทำเองเลยนะ ลองทานดูนะครับ"ขณะที่ขุนเดินออกจากห้องประชุม ก็พบว่าโต๊ะข้าง ๆ เขานั้นจากที่เป็นชั้นเอกสาร บัดนี้ถูกเปลี่ยนเป็นโต๊ะทำงานของไอ้คนใหม่นั่นแล้ว แถมยังมีหน้าเดินเอาขนมมายื่นให้เขาอีกต่างหาก "ผมไม่ทานขนมครับ"ขุนตอบเสียงเรียบไม่ใส่ใจ เจ้าตัวก็บุ้ยปากเล็กน้อย ก่อนจะยิ้มร่าสดใสขึ้นมาใหม่ทำเอาเขาเหม็นขี้หน้า "ลองชิมก่อนก็ได้ ผมทำเอง ไม่หวานเลี่ยนครับ"อีกฝ่ายยังคงคะยั้นคะยอ ขุนเองนึกอะไรได้เลยยื่นมือไปรับ ก่อนจะเอาขึ้นมาดมฟุดฟิด แล้วทิ้งลงถังขยะต่อหน้าต่อตาอีกฝ่าย ขุนเห็นอีกฝ่ายหน้าเสียก็รู้สึกสะใจเล็กน้อย แล้วหันมาสนใจทำงานของตัวเองต่อ เขาตั้งใจทำงานหวังจะเอาชนะเด็กเส้นนี่ให้ได้ หลังจากกลับมาถึงคอนโด อินก็เข้ามาบอกข่าวดีกับขุนเรื่องแบบก่อสร้างได้รับอนุมัติเรียบร้อย ขุนเองก็ดีใจไปกับอินด้วย สองคนนั่งพูดคุยกันถึงเรื่องต่าง ๆ โดยอินได้นำแบบที่เตออกแบบให้มาเปิดให้กับขุนดู ซึ่งขุนก็พอใจมาก เพราะแบบที่ร่างมาตรงตามที่เขาและอินต้องการทุกอย่าง เขาสองคนใฝ่ฝันที่จะมีบ้านด้วยกันสักหลังหนึ่ง ขุนอยากจะมีห้องดูหนังหรือห้องไว้พักผ่อนเสียห้องหนึ่ง อินเองก็ชอบทำอาหารอยากมีครัวไทย ครัวฝรั่งที่ใช้ได้อย่างเต็มที่ เพราะที่คอนโดแห่งนี้ โซนครัวนั้นมีแค่พื้นที่ย่อม ๆ เท่านั้น บ้านหลังนี้จึงเป็นสิ่งที่จะเติมเต็มความฝันของพวกเขาทั้งคู่ และนอกจากได้บ้านแล้ว อินจึงเสนอที่จะเปิดร้านอาหารซึ่งเป็นความฝันอีกอย่างหนึ่งของเขา เขาอยากเปิดร้านอาหารที่ให้ทุกคนได้กิน ของอร่อยที่ไม่ว่าจะรวยหรือจนก็สามารถเข้าถึงได้ เพราะความฝังใจในอดีตที่พวกเขาเคยประสบร่วมกันมา นี่จึงเป็นที่มาของแบบร่างร้านอาหาร โดยชั้นบนเป็นที่พักอาศัย
ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ{:5_137:} ขอบคุณครับ เนริ่มมีกลิ่น ขอบคุณมากๆ ครับสำหรับเรื่องราวดีๆ โอโห ชอบมาก ต่างคน ต่างทำมาหากินกันดีครับ สู้ๆ ขุน ใจเย็นๆค่อยๆคุยกัน เอาแล้วๆๆๆ ลุ้นมากกกก น่าติดตามมากกกก รอลุ้นต่อครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณคับ สนุกมากครับ
หน้า:
[1]