เรื่องที่เป็นมากกว่าวันไน(ซ์)แสตน ตอนที่ 1 เรียนจบมัธยมจุดเริ่มต้นความเสียว
ตอนที่ 1 เรียนจบมัธยมจุดเริ่มต้นความเสียว“รถที่บ้านมารอแล้ว กลับแล้วนะมึง”
“เจอกันไนซ์ อย่าลืมนัดเลี้ยงส่งนะเว้ย”
“ได้ ๆ เจอกัน” ผมลาเพื่อนสนิทก่อนเปิดประตูขึ้นมานั่งทิ้งตัวในเบาะหลังของรถตู้คันเดิมที่คุณหญิงให้คนรถมารับส่งผมตั้งแต่ย้ายเข้ามาที่บ้าน ของที่ได้ในงานปัจฉิมจากทั้งเพื่อน ๆ และรุ่นน้องกองเต็มพื้นที่นั่งข้างตัว ผมเองก็ไม่ถึงกับเป็นดาวเด่นของโรงเรียนเพราะไม่ใช่คนหล่ออะไร แต่ด้วยความเข้ากับคนง่ายและทำกิจกรรมบ้างทำให้มีเพื่อนหรือคนรู้จักจำนวนหนึ่ง
ในชีวิตมัธยมของผม ผมเป็นแค่นักเรียนธรรมดาคนหนึ่งที่ใช้ชีวิตไปวัน ๆ ในโรงเรียนที่ถือว่ามีค่าใช้จ่ายพอสมควรตามแบบเด็กเอกชน ทุกคนรู้จักผมในชื่อ “ไนซ์” ลูกบุญธรรมของธาดาวรพงศ์ โรงพยาบาลใหญ่ในแถบนั้น ผมมองว่าตัวเองหน้าตาพอไปวัดไปวาได้ตามสไตล์คนไทยเชื้อสายจีนที่หน้าตาติดความเป็นตี๋เยอะกว่าหน่อย เพราะป๊าผมมีเชื้อครึ่งหนึ่งเป็นจีนแท้เลยผมก็คงรับเอากรรมพันธุ์นี้มาเต็ม ๆ เพื่อนสนิทของผมหลายคนมองว่าผมน่ารัก ด้วยหน้าตาผิวพรรณและส่วนสูงที่มีไม่มากเท่าไหร่
“น้องไนซ์จะแวะที่ไหนรึเปล่าครับ หรือให้พี่ตรงกลับบ้านเลย” คนรถประจำตัวคุณหญิงแม่ที่มารับส่งผมประจำถามอย่างเคย โดยปกติผมเองก็แทบจะไม่ค่อยได้ไปเที่ยวหรือไปไหนมาไหนหลังเลิกเรียนกับเพื่อน ๆ เพราะเกรงใจว่าจะเป็นภาระคนที่บ้านหรือสร้างความหนักใจให้คุณหญิง
“ไม่ดีกว่าครับ กลับบ้านเลยแล้วกันครับพี่ช้าง”
“ครับผม ได้ของมาเยอะขนาดนี้ น้องไนซ์เป็นคนดังที่โรงเรียนรึเปล่าครับเนี่ย พี่ต้องรีบขอลายเซ็นไว้ไหม” ผมหัวเราะตอบพี่ช้างที่แซว ผมเองก็ไม่แน่ใจว่าที่ได้มาเยอะขนาดนี้เขาตั้งใจเอามาให้ผมหรือจำคนผิดกันแน่แต่รู้ตัวอีกทีก็รับมาแล้ว
“ไม่หรอกครับ คนอื่นได้เยอะกว่านี้กันเยอะแยะ”
กว่าจะขนย้ายของที่รับมาในงานปัจฉิมลงจากรถขึ้นไปเก็บในห้องส่วนตัวผมที่ชั้นสองของบ้านหมดก็เล่นเอาผมวิ่งขึ้นลงอยู่หลายรอบ ด้วยความเกรงใจอย่างเคยผมเลือกไม่เอ่ยปากขอให้คนงานในบ้านมาช่วยและขอทำให้เสร็จด้วยตัวเอง โชคดีที่คุณหญิงแม่ท่านไม่อยู่บ้านตอนที่ผมกลับมาถึงไม่อย่างนั้นคงโดนบ่นเรื่องที่ไม่ให้แม่บ้านช่วยยกของแน่
“เพิ่งกลับเหรอไนซ์ ไปทำอะไรมาตัวเปียกหมด” เสียงของคนมาใหม่ที่ทักผมขึ้นทำให้ผมที่เพิ่งวิ่งลงมาจากชั้นสองของบ้านต้องชะลอความเร็วลงทักทาย
“ครับพี่ใหญ่ ผมขนของออกกำลังกายนิดหน่อยครับ” ผมตอบคนที่เพิ่งเดินเข้าบ้านสวนทางกับผมมา ลูกชายแท้ ๆ ของคุณหญิงกชพรรณมีสามคน คนที่เพิ่งทักทายผมไปเป็นคนโตชื่อคุณกิตติ แต่ผมถนัดเรียกว่าพี่ใหญ่มากกว่าด้วยอายุที่ห่างกันเกือบเท่าตัวผมเองก็ไม่ค่อยได้มีโอกาสคุยเล่นกับพี่ใหญ่มาก อีกทั้งพี่ใหญ่เองก็กำลังเข้ารับตำแหน่งบริหารโรงพยาบาลต่อจากคุณหญิงแม่ด้วยทำให้ไม่ค่อยมีเวลาว่างเจอกันที่บ้านบ่อย ๆ
“แล้วไอ้หมอมันกลับมารึยัง”
“ผมยังไม่เห็นเลยครับ แต่คิดว่าวันนี้วันศุกร์น่าจะกลับดึกนะครับ”
“อ๋อ เออจริงด้วย พี่ทำงานลืมวันลืมคืนเลย”
“พี่ใหญ่พักผ่อนบ้างนะครับ คุณหญิงแม่บ่นให้ผมฟังบ่อย ๆ ว่าท่านเป็นห่วง” ผมถือโอกาสพูดคุยกับพี่ใหญ่ที่นาน ๆ ครั้งจะมีโอกาส ก่อนจะสังเกตเห็นว่าหลังจากไม่ได้เจอกันใกล้ ๆ แบบนี้พักใหญ่พี่ใหญ่เปลี่ยนไปมากพอสมควร หน้าตาของชายหนุ่มวัย 36 ที่ใบหน้าได้รูป กรามคมชัดดวงตาน่าค้นหากับร่างกายที่ดูกำยำกว่าครั้งแรกที่ผมเคยรู้จักเมื่อ 8 ปีก่อนเรียกว่าเป็นหนุ่มวัยทำงานที่ดูสง่ามีราศีสมเป็นทายาทอันดับหนึ่งของธาดาวรพงศ์
“คุณแม่เองก็ไม่เห็นจะพักบ้าง พี่กลับมาก็นึกว่าจะอยู่บ้าน”
“อันนี้ผมก็ไม่ทราบเหมือนกันเลยครับว่าท่านไปที่ไหน”
“คงไปนัดทานข้าวกับเพื่อน ๆ เขานั่นแหละ ไนซ์ไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดเถอะเหงื่อเต็มตัวเเล้ว”
“ครับ ผมขอตัวนะครับพี่ใหญ่” ผมปลีกตัวออกมาแล้วเดินเข้าห้องตัวเองไปจัดการกับสภาพมอมแมมของตัวเองที่มีทั้งรอยปากกาเขียนข้อความอำลาจากเพื่อน ๆ และเหงื่อเปียกโชกจากการวิ่งแบกของขึ้นลงหลายรอบ
ระหว่างที่กำลังปล่อยให้น้ำเย็นไหลผ่านตัวอยู่ จู่ ๆ ภาพของพี่ใหญ่ในชุดเสื้อเชิ้ตทำงานของเขาที่ปลดกระดุมออกเล็กน้อยพอให้เห็นแผงอกกว้างที่แน่นจนเสื้อสีอ่อนรัดไปตามสรีระก็วนเวียนไปมาในหัวของผม ผมพยายามสะบัดความคิดไม่ดีออกจากหัวแล้วรีบอาบน้ำต่อแต่ทุกครั้งที่หลับตาลง ผมกลับจินตนาการถึงแต่ภาพของพี่ใหญ่ บ้าชะมัด
ถึงผมจะมีรสนิยมทางเพศแบบชายรักชายก็ไม่ควรไปคิดแบบนี้กับพี่ใหญ่ที่เป็นถึงลูกผู้มีพระคุณ ผมเอาแต่ตำหนิตัวเองไปมา ผมเองรู้ว่าตัวเองชอบผู้ชายด้วยกันมาตั้งแต่มัธยมต้น จำไม่ได้แน่ชัดว่าเริ่มมาจากเรื่องไหน แต่มารู้ตัวอีกทีผมก็มองผู้ชายที่ดูดีในโรงเรียนด้วยความรู้สึกที่ต่างไปจากเดิมแล้ว
ในยุคนี้สังคมเปิดกว้างขึ้นก็จริงอยู่ คนในสังคมก็ยอมรับการมีตัวตนของคนทุกเพศแต่ผมไม่ได้ตั้งใจจะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพราะแค่ผมรู้ตัวว่าตัวเองเป็นเกย์หรอก แต่เพราะว่าผม…
ซี้ด ซี้ด
โอ้วว อูยยย
ภาพในจอสมาร์ตโฟนเป็นภาพของเหล่าแอคเคอร์หรือเซ็กคอนเทนต์ครีเอเตอร์มากมายที่ผมไม่สามารถกดเลื่อนดูได้หมดภายในหนึ่งวัน มันมากเสียจนผมเองก็จำไม่ได้ว่าติดตามไปกี่ร้อยคน แต่ที่แน่ ๆ เงินค่าขนมหรือเงินเก็บส่วนตัวที่ได้มาผมก็เอามาลงกับการสนับสนุนเขาเหล่านั้นในทุกเดือนเพื่อจะได้ติดตามคอนเทนต์คุณภาพไม่จำกัด
ผมคิดว่าตัวเองค่อนข้างหมกมุ่นกับเรื่องแบบนี้ถึงแม้จะยังไม่มีโอกาสได้ลองกับตัว และเพราะรสนิยมของผมเป็นแบบนี้ผมจึงเลือกที่จะปิดมันไว้เป็นความลับและแสดงออกแค่ด้านของการเป็นเด็กดีน่าเอ็นดูต่อหน้าทุกคนในบ้านแทน
อ้าาาา ซิ้ดดดดผมรูดหนังหุ้มปลายที่ร่นลงจะเห็นเกือบทั้งหมดของปลายควยสีชมพู ด้วยผิวที่ขาวเป็นทุนเดิมอยู่แล้วทุกครั้งที่ผมทำให้ส่วนอ่อนไหวของผมเสียดสีกับมือเมื่อไหร่มันยิ่งแดงขึ้นมามากเป็นพิเศษ น้ำหล่อลื่นสีใสหนืดเยิ้มออกมาจนเเทบเคลือบส่วนหัวของควยผม
อืออ อ้าาาา
ผมจัดการตัวเองให้เสร็จด้วยคลิปของหนึ่งในครีเอเตอร์ที่ผมติดตามเพื่อให้ลืมเรื่องที่ผมจินตนาการภาพของพี่ใหญ่ แต่จังหวะที่กำลังจะถึงจุดสำเร็จสูงสุดจู่ ๆ ภาพพี่ใหญ่ก็แทรกเข้ามาในหัวเป็นภาพสุดท้ายเสียได้ ไม่นานผมก็เสร็จพร้อมกับปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาเลอะเต็มพื้นห้องน้ำ นี่ผมเสร็จกับภาพพี่ใหญ่เหรอ รู้สึกผิดแต่ก็โคตรเสียวเลย
สำหรับวัยรุ่นคนอื่นอาจจะถูกฮอร์โมนครอบงำหรืออารมณ์พาไปจนทำให้ต้องชักว่าวหรือสำเร็จความใคร่กันแทบทุกวัน แต่สำหรับผมแล้วผมเลือกที่จะเก็บสะสมความต้องการไว้หลาย ๆ วันและรอวันที่ว่าง ๆ ปลดปล่อยมันออกมาทีเดียว ผมแอบสั่งอุปกรณ์ของเล่นหลายอย่างมาลองใช้เพื่อให้ผมสนุกและเสียวขึ้นแต่ก็ต้องเก็บไว้อย่างดีเพื่อไม่ให้มีคนมารู้ความลับนี้
“น้องไนซ์มาพอดีเลยลูก มาทานข้าวพร้อมพี่กิตเขาลูก ป้าเขาตั้งโต๊ะพอดี” คุณหญิงที่กำลังนั่งจิบชาอยู่หันมาทักผมที่เพิ่งเดินลงบันไดมาโถงรับแขกด้วยน้ำเสียงอบอุ่นอย่างเคย
“สวัสดีครับ คุณหญิงแม่ทานพร้อมกันเลยไหมครับ”
“ไม่ล่ะลูก ไปทานกันเลย”
“คุณหญิงแม่ทานมาจากด้านนอกแล้วเหรอครับ” ผมถามหญิงสูงวัยที่ใบหน้าของเธอเปื้อนยิ้มดูมีความสุขเป็นพิเศษวันนี้
“ใช่ลูก เดี๋ยวน้องไนซ์ทานข้าวเสร็จแล้วแม่มีข่าวดีจะบอกนะลูก” ข่าวดีอย่างนั้นเหรอ ผมขมวดคิ้วเข้าหากันเป็นปม ถึงจะอยากรู้ว่าข่าวดีที่ว่าคืออะไรแต่ผมก็ตัดสินใจไม่ซักไซ้เพราะเกรงใจพี่ใหญ่ที่รอทานข้าวอยู่
“ครับ ผมขอตัวไปทานข้าวก่อนนะครับ”
ระหว่างที่ทานมื้อเย็นผมก็ได้แต่คิดว่าในช่วงนี้จะมีความเป็นไปได้ในข่าวดีอะไรที่คุณหญิงแม่จะบอกผมได้บ้าง เท่าที่คิดชีวิตช่วงนี้ของผมก็ไม่มีอะไรที่ต้องได้รับอีกแล้ว เมื่อเดือนก่อนที่ผลสอบเข้ามหาวิทยาลัยประกาศผมเองก็ได้รับอนุญาตให้ไปอยู่คอนโดแถวมหาวิทยาลัยเป็นรางวัลที่สอบติดคณะบริหารอย่างที่คุณหญิงแม่หวัง แถมยังได้สมาร์ตโฟนรุ่นใหม่ที่เพิ่งเปิดตัวด้วย แล้วยังต้องมีอะไรที่เป็นข่าวดีสำหรับผมอีก
“คิดอะไรอยู่น่ะไนซ์ ทานข้าวกับพี่สองคนมันเครียดหรือไงเรา” เสียงทุ้มของพี่ใหญ่ดังขึ้น ผมสะดุ้งหลุดจากความคิดตัวเองก่อนจะหัวเราะแก้เขินไป
“ปะ เปล่าครับ คิดอะไรเรื่อยเปื่อยครับ”
“แล้วไป พี่นึกว่าเครียดอะไร คิ้วจะผูกกันเป็นโบแล้ว” พี่ใหญ่พูดพร้อมกับจิ้มเข้ามาที่หว่างคิ้วของผมเบา ๆ เชิงหยอกล้อ แต่มันกลับทำให้ผมทำตัวไม่ถูกกว่าเดิม เท่าที่ผ่านมาผมไม่มีโอกาสได้หยอกล้อกับเขาสักเท่าไหร่จึงทำให้ไม่รู้ว่าควรพูดหรือทำอะไร
“แล้วป่วยหรืออะไร หน้าแดงขึ้นมาเลย”
“มั้งครับ วันนี้ผมตากแดดนานครับ” ผมแก้ตัวน้ำขุ่น ๆ แล้วรีบจ้วงตักอาหารเข้าปาก อย่างกับร่างกายผมมีปฏิกิริยาที่ควบคุมไม่ได้ต่อหน้าพี่ใหญ่ ถ้าถามว่าพี่ใหญ่เป็นคนที่ตรงสเปคผมไหม ตอบตามตรงอาจจะไม่ใช่เสียทีเดีย เพราะผมเองไม่ได้ชอบคนที่ต่างวัยกันถึงขนาดนี้ ถึงแม้ว่าจะชอบดูคลิปแนวแดดดี้อยู่บ้างแต่ถ้าให้ทำจริงในชีวิตคงแปลก ๆ น่าดู
“ท่าจะหนักแล้วเรา ถ้าไอ้หมอกลับมาก็ให้มันดูอาการด้วย” เสียงหัวเราะเล็ดลอดมาในคำพูดเขาทุกคำ ผมพอรู้ว่าพี่ใหญ่เองก็เป็นหนึ่งในคนที่เอ็นดูผมมากในบ้านนี้แต่พอได้มานั่งทบทวนดี ๆ แล้วก็นึกสงสัยไม่ได้ว่าทำไมผู้ชายที่ดูดีมีฐานะถึงขนาดนี้ถึงไม่เคยมีเรื่องชู้สาวหรือความรักให้ได้ยินเลยตลอดหลายที่ผมอยู่บ้านนี้มา
ผมนึกดีใจขึ้นมาคนเดียว เพราะอย่างน้อยถ้าผมเกิดรู้สึกอะไรแปลก ๆ กับพี่ใหญ่ไปก็คงไม่รู้สึกผิดจากการไปแอบรู้สึกกับคนที่มีเจ้าของหรือคนที่เป็นเพศชายแท้ ๆ ที่ชอบผู้หญิง ปล่อยให้ตัวเองไม่รู้แบบนี้คงดีที่สุดเเล้ว
บรรยากาศในห้องทานอาหารวันนี้ชวนขนลุกแปลก ๆ ถึงจะไม่ถึงขั้นอึดอัดแต่ก็เป็นความรู้สึกที่ตัวผมเองอธิบายได้ยากว่าคืออะไร ผมได้แต่เร่งมือทานอาหารเพื่อเลี่ยงออกไปจากพี่ใหญ่ให้เร็วที่สุด
“น้องไนซ์จำเรื่องที่แม่เคยอนุญาตให้ไปอยู่ที่คอนโดแถวมหาวิทยาลัยได้รึเปล่าลูก” หลังทานมื้อเย็นเสร็จผมก็ทิ้งตัวลงนั่งใกล้ ๆ กับคุณหญิงที่กำลังอ่านหนังสืออยู่เพื่อรอฟังข่าวดีที่ท่านจะบอก
“ครับ คุณหญิงแม่มีอะไรรึเปล่าครับ”
“วันนี้แม่ไปทานข้าวกับคุณน้าลดามาน่ะลูก ลูกชายคนเล็กของคุณน้าเขาก็สอบติดที่เดียวกันเลย แม่เลยหารือกันว่าจะให้น้องไนซ์กับลูกชายคุณน้าลดาเขาพักด้วยกันลูก แบบนี้ลูกสะดวกไหมจ๊ะ” ผมนั่งรับฟังสิ่งที่คุณหญิงแม่เล่าอย่างใจจดใจจ่อ และดูเหมือนท่านเองก็ดูจะดีใจมากเป็นพิเศษที่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ผมฟัง น้ำเสียงของท่านสื่อถึงความพึงพอใจอย่างสุดซึ้งแต่ก็คงไม่อยากตัดสินใจแทนผมไปก่อนถึงมาถาม
“เอ่อ หมายถึงให้ผมมีรูมเมทเหรอครับ”
“ใช่ลูก แต่ไม่อึดอัดนะลูกเพราะคุณน้าเขามีคอนโดใกล้มหาวิทยาลัยแบบสองห้องนอนแล้วใช้ส่วนกลางเดียวกัน แม่อยากให้หนูได้อยู่ด้วยกันกับเจ้าดีนเขา มีอะไรจะได้ช่วยเหลือกันไงลูก” คุณหญิงยังพูดข้อดีของข้อเสนอนี้ต่ออย่างตั้งใจ ผมเองก็รู้ดีว่าถึงท่านจะอนุญาตให้ผมไปเรียนไกลบ้านได้แต่ยังคงเป็นห่วงผมอยู่
“แล้วทางนั้นตอบรับข้อเสนอนี้แล้วเหรอครับ” แต่ถึงอย่างนั้น..ความหวังที่จะมีชีวิตอิสระได้ทำเรื่องอย่างว่าให้เต็มที่ของผมก็ต้องหายวับไปน่ะสิ ผมคิดทบทวนอยู่สักครู่หนึ่ง
“ใช่แล้วลูก ดีนเขาเป็นเด็กดีตั้งใจเรียน น้องไนซ์สบายใจได้เลยนะลูก”
“ได้ครับ ผมตกลงครับ” ผมจำใจยอมตกลงไปเพราะไม่อยากขัดใจท่าน เอาไว้คิดหาทางให้ได้ลองทำอย่างนั้นทีหลังแล้วกัน โถ่ ชีวิตนะชีวิต
“น่ารักที่สุดเลยลูก แม่เป็นห่วงน้อยลงแล้วล่ะทีนี้”
“ใครน่ารักที่สุดค้าบบบ ผมรึเปล่าครับคุณแม่” เสียงของผู้มาใหม่ดังเข้ามาจากทางประตู ลูกคนกลางของคุณหญิงกชพรรณ คุณกวีวัธน์ หรือ พี่หมอวี ถึงจะเป็นแพทย์ตำแหน่งใหญ่ของโรงพยาบาลก็จริงแต่บุคลิกต่างกับพี่ใหญ่คนละขั้ว
“ฝนจะตกห่าใหญ่ไหมล่ะป้าแพร คุณวีของป้าแพรเขากลับถึงบ้านแต่หัวค่ำแบบนี้” คุณหญิงหันไปพูดหยอกล้อกับป้าแพรแม่บ้านคนสนิท อย่างที่ท่านพูดไป พี่หมอวีนาน ๆ ทีจะกลับบ้าน เพราะส่วนใหญ่จะไปค้างที่คอนโดใกล้กับโรงพยาบาลแถมวันหยุดก็ไปเที่ยวกลางคืนต่อจนถึงสว่าง กลับมาถึงบ้านแต่ละทีก็ไม่มีใครได้เห็นหน้าทักทายสักคน
“คุณแม่พูดแบบนี้ผมก็ไปไม่ถูกสิครับ”
“แล้ววันนี้ทำไมถึงได้กลับมาเร็วเป็นพิเศษล่ะลูก” ผมยกมือไหว้ทักทายคนที่อายุมากกว่าในขณะที่พี่วีกำลังพูดคุยกับคุณหญิง ถ้าถามว่าผมมีโอกาสได้เจอพี่วีบ้างไหมก็คงต้องบอกว่าโอกาสที่ได้เจอนายแพทย์คนนี้มีน้อยพอ ๆ กับที่ได้เห็นหน้าพี่ใหญ่เลย แต่ถึงจะเจอกันไม่บ่อยแต่ด้วยความเป็นกันเองและนิสัยขี้เล่นของพี่วีก็ทำให้ผมไม่รู้สึกเกร็งหรืออึดอัดเท่าไหร่นัก
“ก็คิดถึงคุณแม่ไงครับ อยากกลับมาเจอหน้าก่อนนอน”
“ปากหวานขนาดนี้ พยาบาลแม่ติดหนึบกันทั้งวอร์ดแล้วรึเปล่าเนี่ย” คุณหญิงแซวลูกชายคนกลางพร้อมกับบีบแก้มด้วยความเอ็นดู พี่วีมีหน้าตาที่คล้ายกับคุณหญิงมากกว่าพี่ใหญ่ทำให้มีความหล่อแบบไม่สุขุมเท่าแต่ออกไปทางพิมพ์นิยมของคนส่วนใหญ่ จำได้ว่าสมัยที่เรียนมหาวิทยาลัยก็ได้เป็นถึงตัวแทนประกวดเดือนเลย
“ไม่ขนาดนั้นครับคุณแม่ วัน ๆ ผมทำแต่งานเจอแต่คนไข้ จะเอาเวลาที่ไหนไปทำใครติดหนึบครับ”
“พอเลยเจ้าวี คุยด้วยแล้วแม่จะปวดหัวเอา” ผู้สูงอายุของบ้านส่ายหัวพร้อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะปลีกตัวไปอ่านหนังสือต่อในห้องทำงาน ผมที่คุยธุระกับคุณหญิงเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ตั้งใจว่าจะกลับขึ้นไปจัดเก็บของในห้องให้เข้าที่เข้าทางสักหน่อย
“ไนซ์จะขึ้นห้องแล้วเหรอ มีแต่คนทิ้งพี่ไปหมดเลย”
“ครับพี่วี อย่าเสียใจเลยครับสาว ๆ ในสต๊อกพี่วีเยอะแยะ” ผมทิ้งท้ายหยอกล้อพี่คนกลางของบ้านก่อนจะขอตัวกลับเข้าห้องส่วนตัวไป แต่ไม่ทันที่ผมจะได้มองผมก็ชนเข้ากับใครบางคนที่เดินสวนมาจากอีกทาง หน้าผมจุ่มเข้าไปที่แผงอกของคนมาใหม่เต็ม ๆ
“โอ๊ย อะ ขอโทษครับพี่ใหญ่”
“เป็นอะไรไหมเรา พี่ไม่เป็นอะไร แล้วไนซ์ล่ะ” พี่ใหญ่วางฝ่ามือลงบนหัวผมแล้วขยี้เบา ๆ อย่างเอ็นดู
“ไม่เป็นไรครับ ผะ ผมไปแล้วนะครับ”
ผมลูบจมูกปอย ๆ เพราะรู้สึกปวด ๆ จากที่เดินชนเข้าไปเต็มแรง กับแผงหน้าอกของพี่ใหญ่แข็งอย่างกับผนัง ผมรีบขอโทษแล้วเดินเลี่ยงขึ้นห้องตัวเองมา
ถึงจะเจ็บก็จริงแต่จังหวะที่หน้าสัมผัสเข้าที่อกกว้างของเขาผมเหมือนไฟช็อตไปทั่วร่างเสียอย่างนั้น กลิ่นของน้ำหอมที่สุขุมดูเป็นผู้ใหญ่อบอุ่นของพี่ใหญ่ยังติดอยู่ที่ปลายจมูกอยู่ถึงตอนนี้ที่นั่งอยู่บนเตียง
ผมพยายามห้ามใจตัวเองให้ไม่คิดอะไรมากเกินกว่านี้เพราะมันคงจะไม่เหมาะสมนัก ได้แต่หวังให้วันที่จะได้ย้ายไปอยู่ใกล้มหาลัยช่วงเปิดเทอมใกล้เข้ามาเร็ว ๆ เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเจอพี่ใหญ่บ่อย ๆ ด้วย
-----------------------------------------------------------------------------------------ชีวิตมหาลัยของไนซ์จะสุขและเสียวแค่ไหน ฝากติดตามกันด้วยนะครับ
สนุกมากครับ สนุก ขอบคุณครับ ขอบคุณ ขอบคุณครับ ติดตามครับ ขอบคุณครับ รอติดตามครับ มีตัวละครน่าลุ้นหลายคนเลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รอติดตามครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ รออ่านต่อครับ ขอบคุณมากๆครับ ขอบคุนน๊า รอติดตามนะครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]