คำปลอบโยนอันแสนอบอุ่น5
มุมมองของธันเสียงเหล็กกระทบกันดังในโรงยิม ผมยกดัมเบลขึ้นลงอย่างตั้งใจ พยายามระบายความเครียดจากเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น พิม ภัทร ครอบครัว... ทุกอย่างดูเหมือนจะกดดันเข้ามาพร้อมกัน สาวๆ ที่แอบมองมา ผมแทบไม่สนใจ ใครจะชื่นชอบอะไร ผมไม่ใส่ใจแล้วในตอนนี้ โฟกัสแค่ว่าผมต้องจัดการความรู้สึกตัวเองและหาทางออกให้ชีวิต
แต่แล้วพิมก็เข้ามาในยิม เธอทำตัวเหมือนปกติ แต่มันชัดเจนว่าเธอตั้งใจมาให้คนอื่นเห็นว่าเราเป็นคู่หมั้น เธอยืนใกล้ผมเกินไป ทำเหมือนเราสนิทกัน ส่งสายตาแข็งกร้าวใส่พวกผู้หญิงที่มองมาทางผม อึดอัดทุกครั้งที่เธอทำแบบนี้
ผมหยุดออกกำลังกาย หันไปเก็บของก่อนจะเดินออกมาจากยิม ผมรู้ดีว่าต้องคุยกับพิมให้ชัดเจน และต้องคุยในที่ที่เธอไม่สามารถสร้างความอึดอัดให้ผมได้อีก
เรามาหาจุดคุยที่เงียบๆ ข้างนอก ผมมองหน้าพิมแล้วพูดด้วยเสียงเรียบๆ "พิม เราต้องคุยกัน"
เธอมองหน้าผมด้วยความหงุดหงิด "เรื่องอะไรอีกล่ะธัน? ฉันบอกแล้วว่าเรื่องการหมั้นหมาย ผู้ใหญ่เขาตัดสินใจไว้แล้ว"
"ผมเข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของธุรกิจ แต่ผมไม่ได้รักคุณพิม ผมมีคนอื่นในใจ" ผมพยายามพูดให้ชัดเจน
พิมส่ายหน้า ไม่ยอมฟัง "จะรักใครไม่สำคัญหรอกธัน! สุดท้ายมันก็ต้องเป็นไปตามที่พ่อแม่เราตัดสินใจ ทุกอย่างมันถูกวางแผนไว้หมดแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์เลือกหรอก"
ผมพยายามอธิบายมากเท่าไหร่ พิมก็ไม่ฟัง เธอปฏิเสธทุกเหตุผลที่ผมมี และทำให้ผมรู้ว่าการคุยครั้งนี้จะไม่มีทางจบลงด้วยดี
สุดท้ายผมตัดสินใจขอแยกตัวออกมา “ผมต้องไปทำธุระต่อ” ผมพูดอย่างเย็นชา และเดินออกมาทันที
เมื่อขึ้นรถ ผมเริ่มคิดอย่างหนัก ความพยายามแก้ปัญหาของผมล้มเหลวกับพิม ผมต้องเผชิญกับอีกทางเลือกหนึ่ง ซึ่งเป็นทางที่ยากที่สุด... การคุยกับพ่อ
เสียงไลน์ดังขึ้น “คืนนี้พ่อนัดกินข้าวที่บ้าน เรื่องนั้นแม่พูดเกริ่นให้แล้ว ยังไงคุยกันดีๆ นะลูก”
ผมถอนหายใจยาวก่อนจะขับรถกลับบ้าน ผมรู้ดีว่านี่เป็นเวลาที่ต้องเผชิญหน้ากับความจริง และทำให้พ่อรู้ว่าผมต้องการอะไร
---------------
ที่บ้าน
โต๊ะอาหารในบ้านใหญ่ของเราดูหรูหราเหมือนทุกครั้ง เราทานข้าวไปคุยเรื่องงานและชีวิตปกติในครอบครัว ทุกอย่างดูสงบและไม่มีอะไรผิดปกติ จนกระทั่งทุกคนวางช้อนลง
ผมมองหน้าพ่อก่อนจะพูดขึ้น "พ่อครับ ผมมีเรื่องอยากคุยด้วย"
พ่อมองมาที่ผมอย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ได้แปลกใจ "งั้นไปคุยกันที่ห้องทำงาน"
ห้องทำงานของพ่อ
ห้องทำงานของพ่อเต็มไปด้วยรางวัลและหลักฐานความสำเร็จทางธุรกิจ บริษัทเพชรพลอยที่พ่อสร้างขึ้นมาจากศูนย์จนกลายเป็นบริษัทชั้นนำในประเทศ ผมรู้สึกถึงความกดดันจากทุกสิ่งในห้องนี้ แต่ก็รู้ว่าต้องพูดออกมา
พ่อมองหน้าผมเคร่งขรึม "มีอะไรก็ว่ามา"
ผมสูดหายใจลึก "ผมรักภัทรครับพ่อ และผมอยากถอนหมั้นกับพิม"
พ่อเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะถามด้วยเสียงหนักแน่น "ลูกคิดดีแล้วใช่ไหม?"
"ครับ ผมคิดดีแล้ว" ผมตอบด้วยความมั่นใจ
พ่อพยักหน้าอย่างครุ่นคิด "เรื่องนี้มันไม่ใช่แค่เรื่องของลูก ทุกอย่างมันผ่านไปแล้ว พวกเขามีความคาดหวังและการเกี่ยวดองระหว่างครอบครัวก็สำคัญมาก บ้านพิมเองก็มีธุรกิจเพชรพลอยระดับประเทศเช่นกัน ถ้าลูกต้องการถอนหมั้น มันย่อมมีผลกระทบมากมาย แล้วลูกจะรับผิดชอบยังไง?"
ผมรู้ว่านี่เป็นจุดที่ผมต้องทำให้พ่อเชื่อว่าผมพร้อมรับผิดชอบ "ผมจะกลับมาศึกษางานเพื่อรับช่วงต่อจากพ่อ และจะทำยอดขายเพิ่มขึ้น 20% ในปีนี้ครับ"
พ่อฟังแล้วตบโต๊ะเสียงดัง "ดี! งั้นตามนี้ แล้วเด็กคนนั้น... อย่าลืมพามาทานข้าวกับพ่อบ้างนะ พ่ออยากรู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหน ทำไมถึงเปลี่ยนแกไปในทางที่ดีแบบนี้ ส่วนเรื่องหมั้น พ่อจะไปคุยกับบ้านพิมเอง แม้มันจะมีผลกระทบ แต่ถ้าแกจะกลับมารับช่วงต่อจากพ่อ มันก็คุ้มพอ"
ผมยิ้มและรู้สึกเบาสบายลง "ขอบคุณครับพ่อ" ก่อนจะรีบออกจากห้องไป
ภัทร...
ผมออกมาจากบ้านด้วยความโล่งใจและกดโทรศัพท์หาภัทรทันที ผมอยากบอกเขาว่าทุกอย่างแก้ไขได้แล้ว แต่เสียงตอบรับจากปลายสายบอกว่า “ไม่มีหมายเลขที่ท่านเรียกในขณะนี้”
ผมโทรกลับไปหลายครั้ง แต่ก็ยังคงได้รับข้อความเดิม ความกังวลเริ่มเกาะกุมหัวใจ
เช้าวันต่อมา
ด้วยความร้อนใจ ผมรีบขับรถไปยังโรงพยาบาลที่ภัทรทำงาน แต่เมื่อผมไปถึง กลับได้ยินข่าวจากเพื่อนร่วมงานของเขาว่า “ภัทรย้ายไปเป็นแพทย์ชนบทแล้วครับ”
หัวใจผมเหมือนพังทลายหล่นวูบลง...
สนุกมากครับ ขอบคุณครับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ พ่อยอมใจอ่อนแล้ว น่าจะดีขึ้นแล้วนะ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ตามเขาไปธันนนน
หน้า:
[1]