นิสิตแพทย์ใช้ทุน 14 - ค่ำคืนแห่งความอัปยศ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Porschekub เมื่อ 2024-10-27 09:04คำเตือนเนื้อหา: เรื่องนี้ไม่เหมาะสำหรับผู้อ่านที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ประกอบด้วยฉากเพศสัมพันธ์ที่โจ่งแจ้ง การบังคับจิตใจ การข่มขืน ความสัมพันธ์ที่ไม่ยินยอม และการยอมจำนน เรื่องนี้ท้าทายความเชื่อเกี่ยวกับความงาม ความปรารถนา และอำนาจ เมื่อชายหนุ่มผู้สมบูรณ์แบบถูกดึงเข้าสู่ความสัมพันธ์ที่ขัดต่อบรรทัดฐานของสังคม ตัวละครที่สังคมอาจมองว่า “ไม่น่าดึงดูด” ยังมีความปรารถนาและแรงต้องการเช่นเดียวกับคนอื่น การใช้ภาพเหมารวมในเรื่องมีจุดประสงค์เพื่อชี้ให้เห็นประเด็นที่มักถูกมองข้าม โดยไม่ได้มีเจตนาสร้างความเกลียดชังหรือลดคุณค่าของตัวละครใด ๆ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน
เมื่อพนักงานหนุ่มก้าวเข้ามาในห้องเป็นครั้งแรก มือหนึ่งถือถาดไวน์แก้ว อีกมือหนึ่งถือถังน้ำแข็ง ใบหน้าของเขาแข็งทื่อ ดวงตาเบิกกว้างเมื่อเห็นสภาพของผมที่คุกเข่าอยู่กลางห้อง ภายใต้การควบคุมของ เจ๊สมพร และ พี่แจ๋น เขาหยุดชะงักและจ้องผมด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความฉงนและเหยียดหยาม เป็นสายตาที่ผมไม่เคยคาดคิดว่าจะได้รับ โดยเฉพาะจากพนักงานโรงแรมที่ผมเพิ่งทักถามทางที่ล็อบบี้เมื่อไม่นานมานี้
"นี่หมอคนนี้เองเหรอ? คนที่ถามหาห้องพักเมื่อกี้" เขาพูดขึ้น น้ำเสียงเจือความไม่เชื่อ ดวงตาของเขายิ้มเยาะ ริมฝีปากยกยิ้มมุมเล็กๆ "ไม่คิดว่าจะมาเจอในสภาพแบบนี้เลยนะ ที่แท้ก็..." เขาไม่พูดต่อ แต่ปล่อยให้สายตาของเขากวาดมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ราวกับว่ากำลังประเมินค่าผมในทางต่ำ
พนักงานหนุ่มคนนั้นหยุดยืนอยู่อย่างนั้นสักพัก ราวกับต้องการซึมซับภาพที่เห็นตรงหน้าให้มากที่สุด ความอับอายของผมท่วมท้นหัวใจ ร่างกายของผมเหมือนถูกเผาไหม้ด้วยความรู้สึกถูกลดทอนศักดิ์ศรี ผมพยายามกลั้นไม่ให้ดวงตาฉายแววอ่อนแอ แต่ทุกครั้งที่ผมสบสายตากับพวกเขา มันกลับยิ่งทำให้ผมรู้สึกหมดหนทาง
“เฮ้ย อย่าเพิ่งไปไหน อยู่ดูหน่อยสิ ว่าหมอหล่อของกูดูน่ารักขนาดไหนเมื่อมันอ่อนน้อมแบบนี้” เจ๊สมพรหัวเราะเยาะ ตวัดมือเรียกพนักงานหนุ่มให้ยืนอยู่ตรงนั้น เขาดูลังเล แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้ต่อความอยากรู้ สายตาของเขาจับจ้องไม่ละไปแม้แต่วินาทีเดียว ผมสัมผัสได้ถึงความกดดันที่ส่งมา แต่ละวินาทียิ่งเพิ่มความละอายอย่างลึกซึ้งเข้าไปอีก
เจ๊สมพรหยิบวิทยุสื่อสารที่เอวของเขาขึ้นมากดปุ่มพูด บอกชื่อห้องด้วยน้ำเสียงแน่วแน่ "ห้อง 304 นะ พวกมึงมาดูเร็ว หมอหล่อของพวกกูมันกำลังอ่อนน้อมว่ะ น่าดูน่าชมจริงๆ ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะของเธอดังก้องไปทั่วห้อง การสนทนาทางวิทยุสื่อสารมีเพียงเจ๊สมพรและพนักงานคนอื่น ๆ ที่เหลือ เสียงตอบกลับจากวิทยุก็ดังขึ้นพร้อมความสนใจที่เพิ่มขึ้น "เดี๋ยวผมไป รอแป๊บ" ผมรู้ทันทีว่ามันเป็นจุดเริ่มต้นของการความอัปยศในคืนนี้
ไม่ถึงห้านาที พนักงานคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาหลังจากได้ยินเสียงเรียก พวกเขามากันทีละคนสองคน จนในที่สุดห้องเล็กๆ นี้ก็เต็มไปด้วยผู้คน เสียงซุบซิบและเสียงหัวเราะเบาๆ ดังก้องอยู่รอบตัวผม ความรู้สึกว่าผมกลายเป็นเพียงวัตถุที่ถูกจ้องมองและวิจารณ์โดยไม่ปรานี ความรู้สึกนี้ทำให้ใจของผมหนักอึ้งเหมือนถูกบดขยี้
"ไอ้เชี่ย หน้าตาก็ดูหยิ่งแถมเป็นหมอ แต่กลายมาเป็น... แบบนี้?" เขาหัวเราะ ยกวิทยุขึ้นพูดกับปลายสาย “เฮ้ย พวกมึงรีบมาดูเร็ว กูไม่อยากจะเชื่อเลย... ว่าจะได้เห็นอะไรแบบนี้กับตา” เสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสะใจของเขาดังก้องสะท้อนในห้อง ขณะนั้นถังน้ำแข็งเย็นเยียบถูกนำมาวางไว้เบื้องหน้า ราวกับจะเพิ่มความหนาวเหน็บให้กับสถานการณ์ที่บีบคั้นอยู่แล้ว
พี่แจ๋นหัวเราะเบาๆ อย่างพอใจ ขณะที่พนักงานคนอื่นๆ เริ่มทยอยเข้ามาอีก น้ำตาผมเริ่มคลอเบ้า ความอับอายที่ผมเคยคิดว่าทนได้กลับหนักหน่วงเกินจะควบคุม สายตาของพวกเขาจ้องมองร่างกายผมอย่างเหยียดหยาม เหมือนกับผมไม่ใช่คนแต่เป็นสิ่งของที่พวกเขากำลังหัวเราะเยาะ ผมพยายามหันหน้าหนีแต่ไม่มีที่ไหนให้หนีได้ ทุกสายตายังคงจับจ้องไปที่ผมอย่างไร้ความปรานี
"ไหนล่ะความหยิ่ง? ไหนล่ะหมอหล่อที่เดินผ่านล็อบบี้อย่างสง่าผ่าเผย?" พนักงานอีกคนหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมเสียงหัวเราะเยาะ ผมอยู่ในท่าคุกเข่าต่ำ ศีรษะก้มต่ำอยู่ระหว่างมือทั้งสองที่วางอยู่บนพื้น เขายังคงพูดต่อพร้อมเยาะเย้ย "กูไม่นึกเลยว่ามึงจะเป็นทาสของสาวแก่แบบนี้ หน้าหล่อขนาดนี้เสียดายว่ะ ไหนขอจับหน่อยดิ" เขาก้มลงจับที่แก้มของผมแล้วบีบเบาๆ "โหย ผิวโคตรนุ่ม หน้าโคตรหล่อ" เขาหัวเราะและเตะหน้าผมเบาๆ ทำให้ผมสะดุ้งและรู้สึกถึงความไร้ศักดิ์ศรีมากยิ่งขึ้น
เจ๊สมพรยิ้มพึงพอใจเมื่อเห็นปฏิกิริยาของผม เธอก้มลงกระซิบแผ่วเบาข้างหู "ทำไมล่ะ? ยังไม่ชินอีกเหรอ ที่โดนมองแบบนี้? ฮ่าๆๆ" มืออวบอ้วนของเธอกดลงบนไหล่ของผม กดให้ต่ำลง ทำให้ผมสะดุ้งเล็กน้อยด้วยความหวาดกลัว ขณะที่พี่แจ๋นหยิบก้อนน้ำแข็งขึ้นมาแล้ววางลงบนหน้าอก ความเย็นแผ่ซ่านไปทั่วผิว ผมสะดุ้งเผลอสูดปาก ความเย็นของน้ำแข็งยิ่งตอกย้ำถึงความอับอายและความอ่อนแอในจิตใจ ผมรู้สึกเหมือนกำลังถูกบังคับให้ยอมรับความไร้ค่าของตัวเองต่อหน้าคนเหล่านี้
"กูไม่เคยคิดเลยว่าคนหล่อหน้าตี๋ขนาดนายแบบจะมายอมทำแบบนี้ได้ ตอนลงจากรถทำท่าเท่ ทำหน้าอย่างมั่นใจ รสนิยมแม่งสอนกันไม่ได้จริงๆ ฮ่าๆๆๆ" เสียงหัวเราะเย้ยหยันดังขึ้นจากลุงยาม สายตาของแกทำให้ผมรู้สึกหมดหนทาง ไม่เหลือเสื้อผ้าหรือเกราะกำบังใดๆ มีเพียงความอับอายที่ถูกบีบอัดจนแทบจะทนไม่ได้ ผมรู้สึกเหมือนถูกแกะเปลือกจนไม่เหลืออะไรปกปิด
ขณะที่พนักงานทยอยเข้ามาล้อมรอบตัวผม ผมสัมผัสได้ถึงสายตาที่จ้องมองมา ราวกับผมเป็นสิ่งประหลาดใหม่ๆ ให้พวกเขาดูเล่น เจ๊สมพรและพี่แจ๋นยิ่งทำท่าทางยั่วยุ ยิ่งทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองไม่ใช่คนอีกต่อไปแล้ว แต่เป็นของเล่นที่พวกเขาใช้เพื่อความบันเทิง สายตาของทุกคนที่มุงดูราวกับผมไม่มีความเป็นตัวเอง ไม่มีศักดิ์ศรีเหลืออยู่
เจ๊สมพรยืนกอดอก ยิ้มเยาะ พยักหน้าให้พนักงานที่จ้องมองอยู่ "อยากจะลองจับหรือเข้ามาดูใกล้ๆ ก็ได้ ไม่ต้องกลัว ไอ้หมอหล่อนี่มันเป็นทาสควยเรียบร้อยแล้ว!” เสียงของเธอดังขึ้นพร้อมกับเสียงหัวเราะเบาๆ จากพนักงานหลายคนที่ยืนอยู่รอบๆ พวกเขาดูสนใจเหมือนเด็กที่เจอของเล่นใหม่ที่น่าสนุกสนาน
ไม่กี่อัดใจหลังจากคำประกาศของเจ๊สมพรเหมือนผมเป็นสิ่งของลดราคาในตลาดนัดมือสอง ป้าแม่บ้านแก่ๆ ที่อยู่ในกลุ่มพนักงานก็เดินเข้ามาด้วยท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าของเธอมีรอยยิ้มที่ดูกระด้าง ดวงตาของเธอเล็กและขุ่นมัว แก้มที่หย่อนคล้อยและฟันที่เหลืองคล้ำทำให้เธอดูไม่น่าพิสมัย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยรอยย่นซึ่งบ่งบอกถึงอายุที่ล่วงเลย แต่ถึงอย่างนั้นเธอก็ดูมีความสุขและตื่นเต้นอย่างประหลาดกับสิ่งที่เกิดขึ้น เธอเดินเข้ามาพร้อมกับหัวเราะเบาๆ ท่าทางที่แสดงออกบ่งบอกถึงความรู้สึกโชคดีที่ได้มีส่วนร่วมในเหตุการณ์นี้ "ไม่คิดเลยนะว่าจะได้เจออะไรแบบนี้ ถือว่าเป็นวันโชคดีของอีติ๋มจริงๆ!" เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจ และรีบก้าวเข้ามาใกล้ จับมือของเธอรอบควยของผมด้วยแรงที่ทำให้ผมสะดุ้ง แล้วเริ่มรีดเหมือนท่ารีดนมวัว มือหยาบกร้านของเธอกดลงพร้อมกับขยับไปมา ผมร้องเสียงสูดปากออกมาโดยไม่ตั้งใจ ความรู้สึกที่ถูกบังคับให้ทำให้ผมไม่อาจต้านทานได้ เสียงหัวเราะเยาะเสียงดัง ขณะมองไปที่คนรอบๆ "ไหนดูสิว่าหมอหล่อของเราน่ารักขนาดไหนเวลาอยู่ในท่านี้" เธอพูดพร้อมทั้งหัวเราะ เสียงหัวเราะของพวกเขาดังก้องรอบตัวผม พนักงานคนอื่นเริ่มเข้ามาใกล้มากขึ้น บางคนหัวเราะ บางคนยกโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายคลิปเพื่อเก็บภาพเหตุการณ์นี้ '"โอย มันนุ่มจริงๆ ไหนขอจับอีกหน่อย" ป้าติ๋มยิ้มพลางพูด "หมอหล่ออะไรต้องมาเจออะไรแบบนี้ ฮ่าๆๆ" เสียงหัวเราะและคำพูดเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกถึงความอับอายที่ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ ผมพยายามหันหน้าหนี แต่ก็ไม่มีทางหนีจากสายตาและการกระทำที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ยนี้ได้
ขณะที่พนักงานมุงรอบตัว หัวเราะและจ้องมองผมอย่างไม่ปรานี เจ๊สมพรยืนยิ้มพอใจ ขณะกดบ่าของผมให้คุกเข่าลงต่ำไปอีก ขาทั้งสองของผมเริ่มสั่นจากความอับอายที่ไม่สามารถหลีกหนีได้ ราวกับถูกตรึงอยู่ในบ่วงของการดูถูกอย่างไร้ทางออก ความรู้สึกเหมือนผมไม่เหลืออะไรเลย แม้กระทั่งความเป็นตัวเอง
“พวกมึงดูไว้เลยนะ ไอ้หมอหล่อมันก็แค่ลูกหมาเชื่องๆ ของพวกกูนี่แหละ!” เจ๊สมพรพูดพร้อมหัวเราะเยาะ ชี้นิ้วใส่ผม ขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ต่างหัวเราะตาม เสียงหัวเราะเหล่านั้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกตีแผ่และเหยียบย่ำในทุกทาง ราวกับไม่เหลือสิ่งใดที่ผมจะยึดถือได้อีก
ทันใดนั้น เจ๊สมพรเอื้อมมือไปหยิบโทรศัพท์ของเธอแล้วเปิดกล้องถ่ายใบหน้าผมจากมุมต่ำ ราวกับต้องการจดจำความอับอายครั้งนี้ไว้ตลอดไป ผมพยายามเบือนหน้าหนี แต่ไม่มีที่ให้หนีได้ พี่แจ๋นก็จับคางผมไว้แน่น พลางยิ้มเยาะอย่างพึงพอใจ
เสียงหัวเราะยังคงดังก้องอยู่รอบๆ ตัวผม เหมือนคลื่นที่ถาโถมไม่หยุดหย่อน หัวใจของผมถูกบดขยี้จนไม่เหลืออะไร ความเย้ยหยันเหล่านี้ทิ่มแทงลึกลงไปในจิตใจอย่างไม่ปรานี ไม่มีทางหนี ไม่มีทางเลี่ยง ผมรู้สึกเหมือนถูกตีตราและตรึงให้อยู่ในที่แห่งนี้อย่างไร้ความหวัง ราวกับว่าคืนนี้มันจะไม่มีจุดจบ มีเพียงความอับอายและการถูกลดทอนอย่างไร้ที่สิ้นสุดเท่านั้น
เจ๊สมพรหันไปมองพนักงานที่มุงดูอยู่ในห้อง เธอพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ย "หมอหล่อของพวกเรานี่มันน่ารักดีนะเวลาทำตัวอ่อนน้อมแบบนี้ พวกมึงคิดว่าไง?"
พนักงานกลุ่มนั้นหัวเราะพร้อมกัน ราวกับกำลังดูโชว์ที่น่าตื่นเต้นและสนุกสนาน พี่แจ๋นยืนอยู่ข้างๆ หัวเราะเบาๆ พร้อมพูดว่า "คืนนี้พวกเราคงจะได้สนุกกันอีกยาวๆ แน่เลยสิ" เสียงหัวเราะและคำพูดที่เย้ยหยันเหล่านั้นเหมือนตอกย้ำความสิ้นหวังที่ผมต้องเผชิญ ไม่มีที่หนี ไม่มีที่ให้ยึดเหนี่ยว มีเพียงค่ำคืนอันยาวนานที่ผมรู้ว่าจะต้องถูกควบคุม กดขี่ และเหยียบย่ำอย่างไม่มีที่สิ้นสุด
เจ๊สมพรหันไปมองพนักงานที่ยืนล้อมอยู่ในห้อง เธอเปล่งเสียงด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยการเยาะเย้ย "มีใครอยากมีส่วนร่วมกับหมอคนนี้อีกไหม?" ทันใดนั้นมีเสียงแหลมจากพนักงานคนหนึ่งที่ยกมือขึ้น 'หนูค่ะ เจ๊!' พนักงานคนนี้แสดงท่าทางตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาของเธอเป็นประกาย ริมฝีปากยกยิ้มด้วยความกระตือรือร้นที่จะได้เข้าร่วม ขณะที่เธอเสริมต่อด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความต้องการ "คุณหมอน่ารักจริงๆ หนูอยากเล่นด้วยมาก!" เขาหันไปมองเจ๊สมพรเหมือนขอการยืนยันอีกครั้ง ใบหน้าของเขาเปื้อนยิ้มที่ยากจะซ่อน "เจ๊ให้หนูเล่นได้ใช่ไหม?" เจ๊สมพรหันมายิ้มพอใจ ก่อนจะพยักหน้าให้ "เล่นเลยสิลูกสาว เดี๋ยวเจ๊ช่วยจัดการให้!" คำพูดของเขาเต็มไปด้วยความตั้งใจที่จะเข้าร่วม และทันใดนั้น พนักงานคนอื่นๆ ก็เริ่มหันมาสนใจมากขึ้น บางคนยกมือขึ้นมาแสดงความสนใจเช่นกัน เจ๊สมพร ยายเป้า และพี่แจ๋นหัวเราะอย่างพร้อมเพรียง น้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความเหนือกว่าและความสะใจ "เอาเลย เอาให้หมอหล่อของเราจำจนตายไปเลย!" เสียงหัวเราะของพวกเธอดังก้องไปทั่วห้อง ขณะที่พนักงานคนอื่นๆ ก็เข้ามารุมล้อมใกล้ขึ้น ความรู้สึกที่ผมถูกกดดันและเหยียดหยามท่วมท้นเข้ามาอย่างไม่หยุดยั้ง ทุกคนต่างจ้องมองมาที่ผมด้วยสายตาที่แฝงด้วยความร้ายกาจ ความละอายใจและไร้พลังที่ท่วมท้นทำให้ผมรู้สึกเหมือนถูกลดทอนเหลือเพียงเงาของตัวเองที่ไม่มีสิ่งใดปกป้อง
ใจผมได้แต่ภาวนาว่าสักวันหนึ่งผมจะสามารถหลุดพ้นจากฝันร้ายนี้ได้ แต่คืนนี้มันยังอีกยาวไกล และความอัปยศที่ผมเผชิญอยู่ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้น
อีกขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณที่มาต่อ ขอบคุณครับ สนุกมากครับ ขอบคุณครับ เยี่ยม ทรมานคนอ่านสุดฤทธิ์ ขอบคุณครับ รอตอนต่อไปไม่ไหวแล้วววว เสียว แต่ก็สงสารร สงสารอะ ว่าแต่พนักงานคนสุดท้ายเป็นผญหรือกะเทยครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ
อยากอ่านบุษราคัมต่อครับ มาต่อเร็วๆนะ ข อ บ คุ ณ ค รั บ เสียวซ่าน ถึงใจเลยครับ เสียวมากก มาต่อไวๆนะครับ คนหล่อๆต้องโดนแบบนี้แหละ เชิดใส่คนงานดีนัก{:5_133:}
หน้า:
[1]
2