มันอ้อย โพสต์ 7 วันที่แล้ว

DYNAMICS OF LOVE | ขอบคุณที่ไม่ต้องเจอกันอีก 4

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย มันอ้อย เมื่อ 2024-11-17 21:39



===== เต๋อ =====

      หัวใจและร่างกายของผมมันแตกสลายไปแล้วตั้งแต่ได้ยินคำพูดออกจากปากของไอ้หน้าแขกที่ก้มลงกระซิบข้างหู "อย่าเล่นตัวไปหน่อยเลย อยากได้เท่าไหร่ก็ว่ามา" พูดจบมันก็รุกล้ำปากผมอย่างรุนแรงจนอยากจะเอามือดันออกแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะแขนทั้งสองข้างถูกล่ามเอาไว้
      ไม่ทันจะได้ผละออกก็โดนไอ้ฝรั่งหมาบ้าที่กัดผมจนเจ็บจ่อแท่งชายที่บั้นท้าย ก่อนมันจะพูดขึ้นปนเสียงกระเส่า "ฉันใส่เข้าไปนะ" เพียงเท่านั้นมันก็ดันพรวดเข้ามา จนผมต้องผละออกมาจากไอ้หน้าแขกเพื่ออ้าปากส่งเสียงครางระบาย "อ่าส์ แน่น แน่นมาก ให้ฉันเข้าไปนะ อือห์ แล้วฉันจะไม่ทำให้นายเจ็บ"
      ผมที่รู้ว่าตัวเองไม่สามารถหนีจากสถานะการณ์ตอนนี้ได้ก็ผ่อนคลายช่องทางลง เพื่อจะให้ไอ้ฝรั่งที่สอดใส่อย่างยากลำบากเข้ามาในตัว
      ต้องยอมรับเลยว่ามันทำผมเบาอย่างที่บอกจริง ๆ การบดสอบเอวเข้ามาอย่างเนิบนาบเชื่องช้า ดวงตาสีฟ้าอ่อนก็ก้มมองมาที่ผมตลอด นี่ถ้าผมเป็นผู้หญิงหรือแฟนของมันนะผมก็คงจะหลงไปแล้ว
      ผมครางอึกอักขัดจังหวะการบดจูบของไอ้หน้าแขกจนมันผละออกมามองด้วยสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะหันไปมองอีกคนที่นั่งอยู่ข้างซัน
      "อือ.. อึดอัด" ผมบ่นขึ้นเมื่อแท่งเนื้อภายในตัวถูกแช่ค้างไว้นานเกินไปพลางบดเอวเข้าหาเพื่อให้เจ้าของมันขยับ พอเงยไปมองไอ้ฝรั่งนั่นว่ามันทำอะไรอยู่ถึงไม่ยอมขยับสักที ก็ต้องตกใจและรีบหันหน้าหนี เพราะมันกำลังถ่ายรูปแท่งชายของตัวเองที่แช่ค้างไว้ในช่องทางของผม
      แม่ง ! โรคจิตฉิบหาย
      พอถ่ายเสร็จก็โยนโทรศัพท์เครื่องครึ่งแสนนั้นออกไปอย่างส่ง ๆ ก่อนจะก้มลงมาสบตาแล้วสอดสานนิ้วทั้งสิบเข้ากับนิ้วของผม "ฉันชื่อเควิน อยากให้ฉันทำนายตรงไหน บอกฉัน เข้าใจไหม"
      ผมพยักหน้าพลางผ่อนลมหายใจออกเพราะพอเควินพูดจบก็เริ่มขยับเอว ก่อนจะสะดุ้งอีกครั้งเมื่อไอ้หน้าแขกมันบีบนมผมซึ่งบอบช้ำอยู่ก่อนหน้าเพราะว่าถูกไอ้เควินกัด
      จากบีบบี้กลายเป็นการกดและลูบเบา ๆ ทำให้ผมที่รู้สึกเจ็บในตอนแรก ตอนนี้กลับเริ่มรู้สึกทั้งแสบสันและเสียวซ่านไปพร้อมกันจนเผลอครางดังออกมา "อือ.. อาห์.."
      เควินที่มองอาการผมอยู่ตลอดก็เพิ่มจังหวะจากบดเอวเข้าหาช้า ๆ เป็นกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้รุนแรงอะไรแถมยังเน้นย้ำตรงจุดนั้นของผมจนตอนนี้ของตัวเองก็ตั้งชันไปอีกคน
      "หึ ๆ " เขาหัวเราะในลำคอ มือก็พลางรูดเบาให้กับกลางกายของผม จนตัวเองต้องบดเอวเข้าหาฝ่ามือติดจะหยาบนั่นอย่างหมดท่า "พูดสิ"
      เควินสั่งตอนหยุดรูด ผมจึงต้องเผยอปากออกจากกันหลังจากกลั้นเสียงครางเอาไว้มานาน "ฮา เควินชักให้หน่อย" จบประโยคภาษาอังกฤษนั่น เควินก็ฉีกยิ้มแล้วเริ่มกำของผมแน่นขึ้น ก่อนจะรูดรั้งจนผมเผลอครางลั่นออกมา "อ้าห์ แรงอีก อึก อือห์.."
      ผมที่กำลังกดเปลือกตารับความเสียวซ่านอยู่ก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อได้ยินเสียงตะโกนบอกจากคนที่นั่งอยู่ข้างซัน"เฮ้ ราฮีช อย่ามัวแต่เล่นสิ ที่ตกลงกันไว้นายต้องใส่ไปพร้อมกับเควินนะ"
      แค่เควินคนเดียวผมก็อึดอัดหายใจไม่ทั่วท้องแล้ว ยังจะให้เพิ่มของไอ้หน้าแขกที่ชอบดูถูกคนอื่นนี่เข้าไปอีก ผมคงจะตัวฉีกออกเป็นสองท่อนแน่ ๆ
      ราฮีชเลิกหยอกล้อกับยอดอกผมหลังจากได้ยินเสียงคำสั่ง ก่อนจะรั้งหน้าผมไปจูบแผ่วแล้วผละออกมามอง ผมจึงมองตอบตาสวย ๆ นั่น มันดูคมเข้มและเข้ากับขนตายาว ๆ นั่นสุด ๆ แต่พอเขาเริ่มถอดเสื้อผ้าออก ผมก็เริ่มสั่นขึ้นมาทีละนิด
      รู้ตัวอีกทีมือขวาของผมก็เป็นอิสระแล้ว แต่ก็ทำอะไรไม่ได้เพราะต้องใช้ดันหน้าขาของเควินไว้เพราะเขาผมจับผมหันออกไปทางราฮีชและเริ่มสอบเอวเร็วรัว ปากและจมูกก็เชยชมไปทั่วลาดไหล่ เขาทำอย่างนี้กับผมเหมือนกับทำให้คนรักอย่างไรอย่างงั้น
      ตัวเองที่กำลังปิดตารับความเสียวกระสันต์ที่เควินมอบให้ก็รีบลืมตาตื่น เมื่อสัมผัสได้ว่ามีราฮีชได้เลื่อนตัวมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เขาใช้มือติดจะสากลูบคลำหน้าท้องของผม
      ผมที่ก้มต่ำสนใจมือนั่นก็มีโอกาสเห็นเข้ากับกลางกายของอีกคน มันทั้งใหญ่ยาวและโค้งขึ้นจนน่ากลัว ตัวเองที่หวาดกลัวมันจึงรีบร้องตะโกนประท้วงลั่น "ไม่ อย่า อย่าเข้ามา"
      แต่สุดท้ายก็ไม่เป็นผลเมื่อราฮีชขยับตัวเข้ามาบดเบียด แล้วรั้งหน้าผมให้เงยขึ้นรับสัมผัสปากจากเขา "อย่าโวยวาย ฉันไม่ชอบ" พูดจบเขาก็ส่งลิ้นเข้ามาล้วงควานไปทั้งปาก ผมที่เกร็งลิ้นสู้ก็ถูกเขาดูดอย่างรุนแรงจนลิ้นแทบหลุด
      กลางกายผมถูกราฮีชจับรวบเข้ากับของเขาแล้วชักรูดให้ สัมผัสที่ได้รับพร้อมกันนั้นทำเอาผมแทบคลั่ง ผมครางดังในลำคออย่างไม่ขาด จนกระทั่งคนตรงหน้าผละออกแล้วขมวดคิ้วมองผมเล็กน้อย ก่อนจะหันไปมองทางซันที่กำลังวุ่นกันอยู่กับคนที่เหมือนเพลย์บอยหน่อย ๆ แล้วหันกลับมามองผมอีกครั้ง
      ผมที่สงสัยก็ไม่ได้รับการเฉลยใดใดว่าเขาขมวดคิ้วทำไม คนตรงหน้าก็ปล่อยมือที่รูดรั้งของเราทั้งสองออก แล้วยกข้อพับขาขวาผมขึ้น และใช้มือขวาจับส่วนกลางของแท่งชายเขาไว้มั่น ผมรู้ได้ทันว่าเหตุการณ์ต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
      น้ำตาก็ไหลออกมาโดยไม่รู้ตัวพร้อม ๆ กับมือที่ยกไหว้ขอร้องคนตรงหน้า "ขอร้อง ฮรือ ~ อย่าทำผมเลย ผมยอมทุกอย่าง"
      แต่ก็ดูเหมือนว่าไม่มีการสนใจใดใดตอบกลับมา ราฮีชก้มต่ำง่วนอยู่กับการถูปลายบานกับปากถ้ำของผมที่มีลองซอร์ดอีกอันปักคาอยู่ เขาครางเครือเบา ๆ อย่างกับได้ใส่มันเข้าไปแล้ว ก่อนจะยกข้อพับขาผมสูงขึ้นอีก
      แล้วสอดใส่เข้ามา "อึอืม.."
      เสียงดัง ตัก พร้อมกับความเจ็บแสบและปวดหนึบแล่นไปทั่วทั้งช่วงกลางลำตัว ผมรู้ได้ในทันทีว่ามีเลือดไหลออก เพราะความเจ็บปวดแบบนี้ผมเคยได้รับมาแล้วตอนที่มีอะไรครั้งแรกกันกับซัน
      "อย่าเกร็ง" เควินพูดขึ้นเมื่อมีแท่งชายอีกอันเข้ามาในตัวผม "ชู่ ~ ไม่ต้องกลัว ไม่ต้องกลัว" ก่อนเขาจะก้มลงกระซิบข้างหู แล้วหยุดขยับกายทำเพียงกอดผมไว้หลวม ๆ ใช้แผงอกหนาของเขายันหลังผมไว้ก่อนจะโน้มลงฝังจมูกที่ลาดไหล่ของผม
      ผมผ่อนลมหายใจออกรับความอบอุ่นทางกายที่เขามอบให้ ก่อนจะเม้มปากแน่นทนความเจ็บที่ได้รับมาจากคนตรงหน้า "อาห์" แขนหนาของเควินเอื้อมมาล้อมเอวผมไว้เพื่อช่วยพยุงตัว ปากก็ระดมจูบไปทั่วทั้งลาดไหล่และแผ่นหลัง เควินทำซ้ำ ๆ อยู่แบบนั้นอย่างกับกำลังปลอบประโลม "อึก อือ.. บะ เบาหน่อย อึห์"
      ราฮีชพอเข้าได้จนสุดก็แช่ค้างไว้ก่อนจะโน้มให้ผมซบลงตรงลาดไหล่ แล้วพยักหน้าให้เควินที่ซ้อนอยู่ด้านหลังผมเริ่มขยับตัว
      เควินขยับตัวช้า ๆ มือซ้ายของเขาดันหลังผมไว้ให้แอ่นไปพิงกับราฮีช ต้องยอมรับเลยว่าเควินใส่ใจผมมาก ๆ เขาไม่คิดจะทำให้ผมทรมานเลยสักนิด ผิดกับราฮีชที่ทำอะไรเอาแต่ใจและยังปากไม่ค่อยจะดีอีก ผมจึงหันหน้าหนีเขาที่โน้มลงมามอบสัมผัสปาก
      ก่อนจะหันไปบอกความต้องการของตัวเองกับคนที่กำลังขยับกายอยู่ข้างหลัง "เควิน อือ.. จูบผมหน่อย"
      เจ้าของชื่อยกยิ้มน่ามองให้ มือที่ดันตัวผมไว้เลื่อนขึ้นมารั้งหน้าผมให้เข้าไปหา ก่อนจะโน้มหน้าลงมาบดจูบแผ่วเบา เขาเว้นช่วงจังหวะให้ผมพักแล้วส่งจูบกลับไปหาเขา เราทำอยู่อย่างนี้กันอยู่นานจนผมลืมความเจ็บของช่วงล่างทั้ง ๆ ที่เจ้าของปากที่กำลังบดเบียดอยู่นี้ส่งตัวตนเขาช่องทางของผมตลอดเวลา
      ผมรู้สึกดีขึ้นมาก ก่อนที่ทั้งหมดจะพังลงเมื่อราฮีชสอบเอวเข้ามา ผมสำลักจูบจากเควินแล้วครางดังลั่น ก่อนจะหันกลับไปดันตัวราฮีชออกเพราะเขาทำผมเจ็บมาก
      เควินก็เหมือนจะรู้ว่าตัวเองไม่ควรขยับตัว เขาจึงแช่กลางกายค้างไว้อย่างนั้น แล้วโน้นตัวมาจูบลาดไหล่ผม ก่อนจะกระซิบหอบอยู่ข้างหู "ไม่เป็นไรนะ ไม่เป็นไร"
      ราฮีชขืนตัวไว้แล้วจับมือที่ผมยันตัวเขาออก ก่อนจะโน้นหน้าเข้ามาใกล้แล้วจูบเบา ๆ ลงที่กรอบหน้าของผม เคราที่เขาไว้ทำผมจั๊กจี้แปลก ๆ จนต้องเบือนหน้าหลบ ซึ่งทำเอาราฮีชขมวดคิ้วเน้นกว่าเดิม
      เขารั้งหน้าผมให้หันกลับไปมอง ก่อนจะผ่อนจังหวะการสอบเอวลงเป็นเนิบช้า แล้วพูดขึ้นปนเสียงกระเส่า "อย่าลืมสินายก็ต้องบริการฉันด้วย"
      ผมทำท่าจะทักท้วงว่าไม่ใช่คนขายบริการแต่กลับโดนปิดปากด้วยปากของคนตราหน้า ตัวเองจึงทำได้เพียงหลับตาลงแล้วตอบรับ พยายามอย่างหนักไม่คิดถึงคำพูดของเขาที่ว่าผมมา
      จากการบดเบียดริมฝีปากอย่างเชื่องช้า ก็กลายเป็นการส่งลิ้นเข้ามารุกล้ำ ราฮีชเกี่ยวตวัดดูดดึงลิ้นผมอย่างเอาแต่ใจ ไม่ได้เว้นช่วงให้ผมได้พักเอาอากาศเข้าปอด จนสุดท้ายผมก็ทนความอึดอัดนี้ไม่ไหวจึงตัดสินใจผลักเขาออก
      ราฮีชมองมาอย่างไม่พอใจใส่ผมที่กำลังหอบอากาศหายใจเข้าปอด ก่อนจะสอบกระแทกเอวแรง ๆ มาอีกที ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันพอดีกับที่เควินขยับกาย "อัก"
      ผมส่งเสียงแสดงความเจ็บ พร้อมกับใช้มือยึดไหล่ของราฮีชไว้ เควินเองก็เอื้อมแขนมาล้อมเพื่อรั้งผมไว้อีกครั้ง ส่วนมืออีกข้างก็บีบบี้ยอดอกแดงช้ำของผมเบา ๆ
      "อือห์ เคะ เควิน เบาหน่อย อะ ...ไม่ไหวแล้ว" ผมพูดไม่ทันจบประโยคก็รู้สึกเสียวเหมือนอย่างจะถึงให้ได้จนต้องหยุดพูด เพราะเควินที่เคยขยับกายอย่างเนิบช้าอยู่ก่อนหน้า ตอนนี้ได้เร่งจังหวะเป็นเร็วรัวแข่งกับราฮีชไปอีกคน
      เราทั้งสามคนครวญครางกันแทบคลั่ง ก่อนผมจะครางดังมากที่สุดหนึ่งครั้งแล้วกระตุกไปทั้งตัว
      คนตรงหน้าย้ายมือที่ประคองเอวผมไว้มารูดรั้งแท่งเนื้อของผมที่กำลังฉีดพ้นน้ำออกมาอย่างมามายเพื่อให้มันคายออกมาให้หมด
      สัมผัสมือสากหน่อย ๆ นั้นให้ความรู้สึกดีไม่ใช่น้อย ผมที่เหนื่อยอ่อนก็ซบหัวลงตรงลาดไหล่เจ้าของมืออย่างหมดท่า ทั้ง ๆ ที่คิดไว้ในใจว่าไม่อยากจะยุ่งกับคนปากหมาสักเท่าไหร่
      ราฮีชหยุดขยับตัวก่อนจะเลื่อนอีกมือที่ยังว่างมาลูบท้ายทอยของผมเบา ๆ เขาทำอยู่อย่างนี้จนเควินที่ขยับกายเข้าออกอยู่ข้างหลังผมถอนแท่งเนื้อออกไป
      คนข้างหน้าผมก็รั้งหน้าผมขึ้นให้ไปรับสัมผัสปาก รอบนี้ผมยอมโอนอ่อนให้เขาเต็มที่ เพราะเมื่อตะกี้เขายอมทำดีกับผมเป็นครั้งแรก
      เราบดเบียดริมฝีปากแข่งกับจังหวะการขยับกายเข้าหา ผมทิ้งน้ำหนักตัวลงสวนรับกับการสวนกายขึ้นของราฮีช เพียงไม่กี่ครั้งเขาก็เยียบสวรรค์พร้อมกับดูดลิ้นผมแรง ๆ
      ผมเช็ดคราบน้ำใสที่ติดปากก่อนจะก้มลงหอบหายใจชิดแผงอกที่มีไรขนสีดำขึ้น เมื่อก่อนยังคิดอยู่เลยว่ามันดูน่าเกลียด แต่พอมันมาอยู่บนแผงอกหนาของราฮีชแล้ว ต้องยอมรับเลยว่ามันกลับมีเสน่ห์อย่างที่ไม่เคยคิดมาก่อน
      ผมทิ้งตัวลงนอนอย่างเหนื่อยหอบหลุบตามองคลื่นเนื้อหนังบนโซฟาสีดำตรงข้ามเตียง ซันร่วมรักกับคนบนร่างโดยไม่หันมามองผมสักนิด อย่างกับเขาไม่ได้รักผมแล้วอย่างที่บอกจริง ๆ
      ผมหลับตาลงแล้วทบทวนถึงคำพูดของซัน ก่อนจะแค่นหัวเราะออกมาทั้งน้ำตา
      และยินดีที่จะยอมรับฐานะนี้ไว้ แล้วหวังว่าสักวันไม่เขาก็ผมนี่แหละที่จะเปลี่ยนใจ
      …
      "ตอบคำถามฉันสักอย่างสิ" คำถามจากเจ้าของแขนที่ผมหนุนหัวอยู่ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบงันหลังจากกิจกรรมบนเตียงที่สุดร้อนแรงจบลงไปพักใหญ่
      ผมพลิกตัวแล้วช้อนมองไปที่อีกคนเพื่อรอคำถามที่เขากำลังจะถามมา
      "เมื่อไหร่กันที่นายจะไม่ทนกับฐานะนี้" คนถามหลุบตาลงมามองหน้าอย่างกับรอฟังคำตอบจากผมอย่างใจจดใจจ่อ
      ส่วนผมทำเพียงแค่ยกยิ้มแล้วดันตัวขึ้นไปคร่อมตัวเขาไว้ ก่อนจะก้มลงส่งสัมผัสปากแล้วปล่อยให้การบดเบียดเนื้อหยุ่นเป็นคำตอบของคำถามเมื่อตะกี้
      คำตอบที่ว่าผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน
      คงสักวันหนึ่งนั่นแหละที่ผมจะสามารถลบ ซัน ออกไปจากหัวใจของผมได้
      "ผมอยากต่ออีกสักรอบจังเควิน" ผละออกมาพูดหอบชิดริมฝีปากบางที่ตอนนี้รอบข้างเป็นเครา
      ผมมองมันแล้วยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย เพราะตั้งแต่เควินรู้ว่าผมชอบเคราของราฮีชเขาก็ลงทุนไว้ตาม และก็ไม่ผิดจากที่ผมคิดไว้สักเท่าไหร่ว่าเขาจะต้องดูดีมากแน่ ๆ ที่ไว้เคราสักนิด
      "ยิ้มอะไรของนาย"
      ผมส่ายหน้าพร้อมอมยิ้ม "ไหนบอกว่าคำถามเดียวไง"
      เควินเอามือคล้องเอวผมไว้ก่อนจะดึงตัวขึ้นมาจูบปากผมเร็ว ๆ หนึ่งที "เมื่อตะกี้นายไม่ยอมตอบ ฉันจึงมีสิทธิ์ถามใหม่"
      "คุณคิดไปเองเควิน คุณไม่มีสิทธิ์นั้นหรอก"
      เขาเลิกคิ้วขึ้นก่อนจะยิ้มอย่างกับมั่นใจว่ายังไงเขาก็มีสิทธิ์ที่จะถามผมอีกรอบ "มีสิ นายก็รู้ว่ายังไงฉันก็มีวิธี"
      พูดจบเควินก็ดึงผมให้ลงไปนอนข้าง ๆ แล้วรั้งผมเข้าไปกอดไว้เฉย ๆ
      ตอนแรกผมก็ไม่เข้าหรอกว่าเขาทำอย่างนี้ทำไมและเกี่ยวอะไรกับสิทธิ์ที่ว่า แต่พอสวมกอดเขากลับแล้วถูกดึงให้แนบชิดแผงอกของเขามากขึ้น ผมก็รู้ได้ทันทีว่านี่แหละคือวิธีขอคำตอบ
      และผมว่าเขานั้นทำได้ดีทีเดียว เพราะมันทำให้ผมรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ดีจนต้องรีบกอดกระชับเขาให้แน่นขึ้น
      เพราะกลัวว่าเขาจะหายไป
      "ผมชอบเคราของคุณ มันทำให้คุณดูดีขึ้นมาก"
      "หึ ๆ " เขาหัวเราะเพียงแค่นั้นแล้วก็ฝังจมูกลงบนหัวผม แล้วเราก็นอนกอดกันอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งหลับไป



      เราต่างลุกขึ้นแต่งตัวหลังจากที่หลับกันยาวจนเกือบสองทุ่ม เควินยืนขยับแขนหมุนหัวไหล่อยู่หน้ากระจก คงจะเข็ดไปอีกนานที่ให้ผมนอนหนุนแขนเขาอย่างนั้น
      เขาที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วก็ยืนมองผมที่กำลังใส่กางเกงขายาวผ่านทางกระจกก็พูดขึ้น "เมื่อยชะมัด"
      "ใครใช้ให้คุณดึงผมไปหนุนแขนอย่างนั้นล่ะ"
      "ก็ไม่รู้นี่ว่าจะหนักขนาดนั้น"
      "หึ คุณคงจะชินกับน้ำหนักหัวของผู้หญิงละซิท่า"
      เขาขมวดคิ้วใส่ ก่อนจะหันตัวกลับแล้วเดินมาทางผม ตัวเองที่วุ่นกับการใส่หัวเข็มขัดก็ต้องเงยขึ้น เมื่อเขาขยับตัวเข้ามาใกล้ "เต๋อ ฉันจะบอกกับนายอีกครั้ง ฉันเป็นเกย์และฉันก็ชอบนาย ชัดเจนไหม"
      ผมหลบสายตาของเขา ก่อนจะพยักหน้าทั้งที่ใจเต้นแรงเพราะความชัดเจนที่เขามีให้ แต่ก็ต้องหักห้ามใจเอาไว้ เพราะกลัวว่าวันหนึ่งเขาอาจจะไม่เหมือนเดิม "ไปกันเถอะ เดี๋ยวผมขึ้นเครื่องไม่ทัน"
      เควินพยักหน้า ก่อนจะเดินตามผมออกมาจากห้อง เราต่างเงียบใส่กันอย่างกับกำลังใช้ความคิดทบทวนถึงเหตุการณ์เมื่อครู่ มีบ้างที่เควินหันมามองผมที่กำลังก้มเลื่อนดูคอมเมนต์ต่าง ๆ ในอินเตอร์เน็ตที่มีตัวเองเป็นประเด็น
      ผมกำลังดับแสงแล้วเรื่องนั้นผมรู้ดี เพราะผมดังมาจากซีรีย์วายที่เล่น พอเรื่องนั้นจบลงก็ยังพอมีกระแสตอบรับกลับมาบ้าง แต่สุดท้ายยังไงก็โดนคลื่นลูกใหม่กลบอยู่ดี แถมพอเล่นซีรีย์หรือหนังที่เป็นผู้ชายกับผู้หญิงก็โดนแฟนคลับกดดันอีก
      นกระทั่งตอนนี้ที่ดังขึ้นมาอีกรอบ เนื่องจากมีรูปหลุดของผมกับซันที่ไปเดินห้างกันเมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา
      ซันมันดีกับผมขึ้นมากเหมือนอย่างกับกำลังชดใช้เรื่องที่มันเคยทำไว้กับผม
      ไม่ทันได้คิดไปไกลกว่านั้นก็เข้าเขตสนามบิน ผมหันไปมองคนขับรถที่มองผมกลับมาเหมือนกัน ก่อนจะตอบคำถามของเขาที่ถามไว้เมื่อตอนบ่าย "รอผมหน่อยนะเควิน ผมยังไม่มั่นใจที่จะตอบรับรักจากคุณ ...อาจจะดูเห็นแก่ตัวนะว่าไหมที่ปล่อยให้คุณรอ แต่ผมก็ไม่อยากพูดออกไปทั้งที่ยังไม่แน่ใจ เพราะมันอาจจะทำร้ายคุณมากกว่าเดิม"
      เขาไม่ตอบอะไรผม ทำเพียงเอื้อมมือมาสอดสานนิ้วเข้าด้วยกันก่อนจะเลื่อนไปวางบนหน้าขาของเขา ตัวเองที่ยังพูดความในใจไม่หมดจึงตัดสินใจพูดต่อ พร้อมกับกระชับมือคนข้าง ๆ ไว้ให้แน่นขึ้นไปอีก "ผมเคยทำผิดพลาดมาแล้วครั้งหนึ่ง ผมไม่อยากทำผิดพลาดซ้ำอีกครั้ง โดยเฉพาะกับคุณ หวังว่าคุณจะเข้าใจผมนะเควิน"
      …
      หลังจากข้ามมาหลายน่านฟ้าผมก็ได้เหยียบพื้นดินอีกครั้ง ผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ในสนามบินนานาชาติที่แสนจะยิ่งใหญ่แห่งนี้
      ผมข้ามประเทศแบบมาแต่ตัวกับหนังสือเดินทางจริง ๆ เพราะไม่อยากให้คนที่อยู่ด้วยรู้ว่าผมนั้นมาต่างประเทศ
      เดินออกมาจากเกทไม่นานก็มีคนเข้ามาทัก เขาโค้งตัวให้ผมเล็กน้อยก่อนจะยื่นมือมาจับเพื่อทักทาย "สวัสดีครับคุณเต๋อ"
      ตัวเองที่กำลังขมวดคิ้วให้กับคนที่ใส่สูทอยู่ตรงหน้าว่าเป็นใครแล้วทำไมพูดไทยได้ก็ได้รับการเฉลยในทันที "ผมเอกครับ ทำอาชีพเป็นล่ามที่นี่ วันนี้คุณราฮีชเลยจ้างผมมารับตัวคุณที่สนามบิน"
      ผมพยักหน้ารับก่อนจะชวนคุยเรื่องกฏเกณฑ์ในประเทศนี้ว่ามีอะไรที่ควรทำหรือไม่ควรทำบ้าง ไม่นานก็ถึงคอนโดหรูที่มีคนที่ผมมาหายืนล้วงกระเป๋าอยู่หน้าประตูตึก
      ตอนแรกผมคิดว่าจะได้เจอราฮีชในชุดกันดูร่าเสียอีก แต่เขากลับใส่สูทมาเต็มยศเสียอย่างนั้น ตอนกำลังลงจากรถเอ็มพีวีที่โดยสารมาก็โดนเอกทักผมไว้เสียก่อน "ดูราฮีชสิยิ้มใหญ่เชียว ดูท่าคุณเต๋อจะมีอิทธิพลต่อศิษย์เอกผมไม่น้อยเลยนะครับ"
      ผมที่กำลังขมวดคิ้วสงสัยกับคำว่าสิทธิ์เอกของคนทัก ก็ไม่ได้รับคำตอบอะไรเพิ่มเติมมีเพียงมุมปากที่ยกขึ้นเล็กน้อยก่อนเขาจะหันหน้าไปอีกทาง
      ผมเดินเข้าไปหาคนที่ตอนนี้หุบยิ้มลงแล้วปั้นหน้าทำเป็นขรึม "สวัสดีครับ" ก่อนจะยื่นมือออกไปเพื่อจะขอเชคแฮนด์กับเขา แต่ดูเหมือนว่าจะต้องเก้อเมื่อเขาทำเพียงหลุบตามองมือผมแล้วยักไหล่ ตัวเองจึงต้องดึงมือกลับแล้วเอามาเกาท้ายทอยแทน
      ราฮีชหันตัวกลับเดินนำผมเข้าไปในอาคาร ผมก็เดินตามเขาไปอย่างไม่อิดออด เมื่อประตูลิฟต์ปิดลงเขาก็พูดขึ้นเป็นครั้งแรก "สวัสดีครับ เต๋อ"
      ผมยิ้มอูมกลั้นขำ และพอจะเข้าใจคำว่าศิษย์เอกของคุณเอกขึ้นมาบ้างแล้ว เพราะราฮีชกำลังพูดไทยกับผมแม้ว่ามันจะเปร่งไปบ้างแต่ก็น่ารักดีไปอีกแบบ "เต๋อขำผมหรอครับ"
      "ขอโทษครับ" ผมตอบกลับราฮีชเป็นภาษาอังกฤษเพราะกลัวเขาไม่เข้าใจ
      แต่เขากลับหันมาขมวดคิ้วมากกว่าเดิม "พูดไทยกับผมสิเต๋อ" และสั่งผมอย่างที่เขาชอบทำ
      "ได้ ราฮีชสบายดีนะครับ" ผมยอมพูดไทยตามใจเขา และเลือกประโยคง่าย ๆ มาใช้ในการสนทนา
      ราฮีชฉีกยิ้มกว้าง ก่อนจะพยักหน้าแล้วหันมาถามผมกลับบ้าง "สบายดี เต๋อล่ะครับ"
      "สบีดาย ครับ"
      ราฮีชหันมาเลิกคิ้วใส่ผมที่ยืนกลั้นขำอยู่ "สบีดาย แปลว่าอะไรหรอเต๋อ"
      ผมอมยิ้มไม่ยอมตอบ เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ประตูลิฟต์เปิดออก ผมจึงชวนเขาออกจากลิฟต์ "ไปกันเถอะครับ"
      ราฮีชถอนหายใจก่อนจะเดินนำผมเข้าไปในห้อง ดูเหมือนผมจะเห็นคนซึมหนึ่งอีเอเพราะมีคนไม่เล่นด้วย ตัวเองจึงเดินเข้าไปหาเขาแล้วรั้งให้กลับมามองหน้า "เป็นอะไรไปครับ"
      คนตรงหน้าทำหน้ามุ่ยอย่างกับเด็ก จนผมต้องยิ้มไว้ในใจ เพราะถ้าเผยยิ้มออกมามีหวังโดนโวยวายใส่ยาว ๆ แน่ "เต๋อดูไม่คิดถึงผมเลย"
      ผมสะอึกกับคำถาม "แล้วราฮีชล่ะคิดถึงผมมั้ย" ก่อนจะรีบมันเปลี่ยนเป็นถามกลับคนตรงหน้า
      เขายิ้มกว้างน่ามองก่อนจะรั้งผมให้ไปรับจูบจากเขา ริมฝีปากที่บดลงแล้วผละออกทำให้ผมแปลกใจไม่น้อย เพราะปรกติราฮีชจะเป็นพวกรุกอย่างเดียวไม่เปิดโอกาสให้ผมได้รุกเขากลับเลย
      ตัวเองที่ยังอยากได้สัมผัสของความดิบเถื่อนนั้นจึงเข้าไปหาปากนั่นอีกครั้งอย่างไม่ลังเล ผมทาบทับมันแนบสนิทก่อนจะเอียงหน้าเพื่อส่งลิ้นเข้าไปเกี่ยวกับอีกลิ้น ที่ยื่นออกมารอผมอยู่ก่อนแล้ว
      เราต่างดูดดึงกันไปมาองศาหน้าปรับเปลี่ยนครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อจะเชยชิมรสชาติในปากอีกฝ่าย ก่อนจะผละออกมาหอบหายใจชิดปากที่เจ่อขึ้นนิดของกันและกัน
      ผมกับราฮีชไม่ได้เจอกันมาสามอาทิตย์แล้วตั้งแต่วันที่เขารู้ความจริงว่าผมไม่ใช่คนขายบริการที่ร่านมาก ๆ อยากเอาผู้ชายพร้อมกันหลายคน เขาที่เข้าใจผิดอยู่คนเดียวก็หายตัวไปเลย
      คนที่เหลือก็ไม่บอกว่าเขาหายไปไหน ส่วนผมก็ไม่คิดจะถามเพราะมันจะดูเหมือนว่าผมนั้นต้องการราฮีชอีกคนมาร่วมวงทำร้ายตัวเอง
      จนกระทั่งเมื่อสามวันก่อนก็มีคนเดินเข้ามาหาและยื่นโทรศัพท์ให้ผมคุยกับคนในสาย สุดท้ายจึงได้รู้ว่าราฮีชติดธุระจึงต้องเดินทางกลับประเทศตัวเอง ก่อนจะจบลงด้วยการชวนผมมาพักร้อนที่บ้านเขา
      ผมที่ไม่เคยไปเที่ยวประเทศนี้และประจวบเหมาะพอดีที่อยากจะหนีจากเรื่องวุ่น ๆ รอบตัว ผมจึงไม่ปฏิเสธคำชวนของเขา และเราก็ได้มาเจอกันในวันนี้



      "เต๋อ คุณเคยขี่อูฐมั้ย" เขาถามขึ้นตอนพักรบหลังจากจบศึกบนเตียงเมื่อครู่ ผมส่ายหัวชิดหมอนสายตาก็มองที่คนถาม
      ราฮีชยกยิ้ม ก่อนจะว่าต่อ "พรุ่งนี้ไปตั้งแคมป์กลางทะเลทรายกัน เต๋อ คุณไปกับผมนะ"
      ผมพยักหน้าส่วนคนชวนก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม ตัวเองก็ได้รับรู้ได้ทันทีว่าตอนนี้ได้ตกราฮีชสำเร็จมาอีกคน
      เฮ้อ แค่เควินก็ปวดหัวแล้ว
      ผมคิดได้แค่นั้นก่อนจะถูกจับให้ขึ้นไปอยู่ด้านบนตัวของคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ แววตาระยิบระยับนั่นน่าจะจับควักออกมาบีบเสียจริง
      ผมที่แพ้ลูกอ้อนของคนเอาแต่ใจ ก็เลยจับแท่งเนื้อที่ขึงขังอย่างเต็มที่สอดเข้ามาในตัว กดน้ำหนักลงทับจนหายเข้าไปหมดลำ
      ก่อนจะเริ่มขยับตัวรับกับจังหวะสอบเอวขึ้นของคนที่นอนอยู่ด้านล่าง และมีบ้างที่ก้มลงไปหาสัมผัสปากที่รุนแรงและเอาแต่ใจนั่นอย่างกับคนเสพติดความรุนแรง
      กว่าราฮีชจะว่างงานมาพาผมไปขี่อูฐอย่างที่เขาชวนไว้ก็เป็นเวลาช่วงบ่ายสาม เรานั่งรถกันปรกติจนกระทั่งออกนอกเมืองก่อนจะหยุดจอดเมื่อถึงเต้นท์เช่าอูฐ ซึ่งราฮีชจองไว้เรียบร้อยแล้วไปถึงก็ขึ้นไปขี่กันคนละตัวโดยมีคนในพื้นที่คอยนำทาง
      ผมยืนมองพระอาทิตย์ตอนใกล้จะลับขอบฟ้าบนสันดรทรายที่สูงกว่าลูกอื่น ๆ อากาศรอบตัวก็เย็นขึ้นเรื่อย ๆ เพราะใกล้จะหมดวันแล้ว "ผมขอถามสักอย่างหนึ่งได้มั้ย"
      ผมพยักหน้าทั้งไม่หันไปมองคนที่อยู่ชุดกันดูร่าซึ่งมายืนกระซิบอยู่ข้าง ๆ
      ก่อนเขาจะรั้งให้ผมไปพิงกับอกของเขา กอดผมไว้ในอ้อมแขนแล้วฝังจมูกลงบนลาดไหล่ของผม ปล่อยให้ลมเย็นหอบพัดฝุ่นทรายลอยไปเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ "ถ้าผมรักเต๋อ เต๋อจะรักผมมั้ย"
      ผมหันไปมองอีกคนก็รีบยกหัวขึ้นจากไหล่แล้วจ้องตาผมกลับ "ตอนนี้ผมตอบคุณไม่ได้หรอกราฮีช แต่ว่าสักวันผมจะตอบคำถามนี้ให้กับคุณได้แน่นอน"
      พูดจบเขาก็พยักหน้าให้ ก่อนจะซบลงตรงไหล่ผมตามเดิม ไม่มีการบังคับใดใดให้ผมหนักใจ เขาเพียงกอดผมไว้ให้แนบแน่นขึ้น ก่อนจะพูดออกมาเบา ๆ "ขอโทษนะเต๋อ ผมเริ่มต้นกับเต๋อได้ไม่ดีเลย เต๋ออย่าเพิ่งให้ใจเควินหรือใครไปมากกว่าผมได้ไหม"
      ผมพยักหน้าตอบรับ ก่อนจะพูดในสิ่งที่ค่อนข้างจะมั่นใจ "ตอนนี้ผมยังไม่ให้ใจใครไปหรอกราฮีช" และเบาเสียงลงในประโยคถัดมา "เพราะผมไม่รู้ว่าจะรักใครได้อีกหรือเปล่า.."
      …
      หลังจากหนีไปอยู่ต่างประเทศกับราฮีชมากว่าสองอาทิตย์ สุดท้ายผมก็ต้องกลับมาเผชิญความจริงอีกครั้ง ผมเปิดโทรศัพท์เครื่องเก่าครั้งแรกตอนกำลังนั่งอยู่บนรถแท็กซี่ ส่วนอีกเครื่องเพิ่งจะปิดจอลงหลังจากทักไปบอกว่าถึงไทยแล้วกับคนที่ซื้อให้
      สายที่ไม่รับจากซันมากกว่าสามร้อยสายทำผมตกใจไม่น้อย ก่อนจะรีบกดโทรกลับในทันที ทั้งที่ตั้งใจไว้ว่าคนแรกที่จะโทรไปบอกว่าถึงไทยแล้วคือเควิน
      "ฮัลโหล ซัน" ผมกรอกเสียงลงในสายทันทีที่อีกคนกดรับ
      "..." แต่กลับมีเพียงความเงียบงันเป็นคำตอบ ผมถอนหายใจออกมาหนึ่งครั้ง
      ก่อนจะพูดขึ้นอีกรอบ "ซันได้ยินมั้ย ...ถ้าไม่พูดอะไรงั้นผมวางสายก่อนนะ" ผมรอเขาอึดใจใหญ่ ๆ แต่สุดท้ายก็ไม่มีเสียงใดใดตอบกลับมา ตัวเองจึงกดวางสายนั้นไปในที่สุด
      ก่อนจะกดต่อสายไปยังเควิน ซึ่งรอไม่นานอีกคนก็รับสาย พร้อมกับคำถามมากมายที่ยิงรัวมายิ่งกว่าปืนกล ผมก็ตอบเท่าที่จะตอบได้ ก่อนจะวางสายแล้วเอนหลังลงกับพนักพิง
      ทอดมองแสงไฟของตึกรามบ้านช่องในเมืองใหญ่ ก่อนจะหลับตาลง
      กลับมาถึงห้องก็เห็นไฟตรงแพนทรี่เปิดทิ้งเอาไว้ ทำให้รู้ทันทีว่าซันอยู่ในห้อง แม้ว่าตอนแรกจะทำใจไว้แล้วว่าต้องเจอกับความโมโหของซัน แต่พอถึงเวลาจริง ๆ ผมกลับกลัวขึ้นมาเสียอย่างนั้น
      ผมลากกระเป๋าเดินทางที่ซื้อมาตอนขากลับไปจอดอยู่ข้างโซฟาในห้องนั่งเล่น ก่อนจะเดินเข้าไปหาแสงไฟเพียงจุดเดียวในห้อง
      ผมก็เจอเข้ากับคนที่ผมกลัว
      ซันยกยิ้มให้ก่อนจะพูดด้วยเสียงแหบพร่าอย่างคนไม่มีแรง "กินข้าวกัน" จบด้วยการฉีกยิ้มที่ส่งไปไม่ถึงตา
      ผมที่รู้ว่าซันมันฝืนมากขนาดไหน ก็เลื่อนตัวไปเข้าหา ใช้มือลูบกรอบหน้าที่ขึ้นต่อหนวดเต็มไปหมดอย่างกับคนไม่ดูแลตัวเอง ก่อนจะออกแรงรั้งมันให้หันมาสบตา "ทรมานใช่มั้ยกับการเป็นอย่างนี้"
      คนที่นั่งอยู่จับมือผมไว้ก่อนจะพยักหน้าให้ ผมจึงจะพูดต่อ "ตอนนั้นซันมีสิทธิ์เลือกเพราะผมรักซันสุดหัวใจ แต่.."
      "ไม่ต้องพูดเต๋อ กินข้าวเถอะนะ กูขอ"
      "..." ผมส่ายหน้าเพราะอยากพูด และอยากให้เรื่องนี้มันจบลงไปสักที
      "กูขอ อย่าพูดมันออกมาเลยนะ" แต่พอเจอกับน้ำตาของซันมัน ใจที่เคยหนักแน่นก็อ่อนยวบ ก่อนจะเปลี่ยนใจเป็นนั่งลง แล้วทานข้าวไปพร้อมกับมัน...



THE END .



----------------------------------------------------พูดคุยหลังจากอ่านจบ----------------------------------------------------            สวัสดีอีกครั้งพบกันอีกแล้ว แหะ ๆ ทอล์กนี้ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรมากมายหรอกค่ะ แค่อยากจะมาสารภาพว่าจริง ๆ แล้วเรื่องนี้เคยลงไปแล้วรอบหนึ่งในเว็บบอร์ดแห่งนี้ และก็เป็นเรื่องที่เขียนขึ้นมาก่อนเรื่องอื่น ๆ อีกจึงทำให้มันดูแปลกไปบ้างในหลาย ๆ ด้าน
      ตอนที่ลบไปก็เพราะมันอ้อยเห็นศักยภาพว่าสามารถดันให้มันเป็นเรื่องที่ดีกว่านี้ได้ ทั้งทางด้านเนื้อหา ภาษา และตรรกะของตัวละคร แต่ด้วยความที่ไม่ได้เขียนมานานพอจะรีไรท์มันก็ทำไม่ได้เสียที วันนี้มันอ้อยก็เลยลงมันทั้งที่เป็นเวอร์ชันเดิมไปเลยเผื่อมีคนรออ่านว่ามันจะจบแบบไหน
      อ้อ! อีกเรื่องหนึ่งที่อยากบอก จริง ๆ แล้วทุกตอนมีอิมเมจของแต่ละคนด้วย แต่เพราะว่ามันเขียนขึ้นเมื่อนานมาแล้ว พอผ่านยุคผ่านสมัยภาพที่เคยถูกใจเมื่อวันวานมันจึงเปลี่ยนไป ไว้วันไหนมันอ้อยเจออิมเมจที่ถูกใจจะเอามาแปะเหมือนกับเรื่องอื่น ๆ อย่างแน่นอน
ด้วยรักและสวีดัช

nuangnut1996 โพสต์ 5 วันที่แล้ว

สนุกมากครับ

tjkung โพสต์ 3 วันที่แล้ว

ข อ บ คุ ณ ค รั บ

guyinbkk2510 โพสต์ เมื่อวาน 02:12

ขอบคุณครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: DYNAMICS OF LOVE | ขอบคุณที่ไม่ต้องเจอกันอีก 4