อ้ายเสือ ตอนที่ 10 ของใครใครก็หวง
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-1-4 00:1910
ของใครใครก็หวง
ยามสายดวงอาทิตย์ส่องแสงอ่อนลอดผ่านเรือนยอดไม้ใหญ่เงาไม้ทอดร่มเย็นลงบนทางเดินดินลูกรัง เสียงใบไม้เสียดสีไปมากับสายลมเบาและเสียงนกน้อยเจื้อยแจ้วอยู่ไม่ไกล คล้ายบทเพลงแห่งธรรมชาติที่กล่อมใจให้สงบแต่ในใจของขวัญนั้นกลับพลุ่งพล่าน ดุจคลื่นในมหาสมุทรยามลมแรง
ขวัญทอดสายตามองไปเบื้องหน้าอย่างเหม่อลอยความคิดในหัวผุดขึ้นราวภาพจากหนังกลางแปลงฉายซ้ำไม่รู้จบ ภาพเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดความผิดหวังและคำพูดที่แฝงนัยแห่งความเจ็บปวดทุกอย่างวนเวียนในหัวจนเขาต้องถอนหายใจยาว ราวกับจะขับไล่ความคิดเหล่านั้นออกไป
“พี่จะชอบใครมันก็เรื่องของพี่เกี่ยวอะไรกับขวัญด้วยล่ะ” ขวัญพึมพำกับตัวเอง เสียงเบาจนแทบกลืนไปกับสายลมทว่าในใจกลับเจ็บแปลบเหมือนถูกมีดกรีด ขาสองข้างก้าวฉับ ๆ ไปข้างหน้าไม่เร็วไม่ช้า ราวกับพยายามจะวิ่งหนีความรู้สึกของตัวเอง
เมื่อมั่นใจว่าไม่มีใครตามมาแล้ว ขวัญก็พาตัวเองไปยังที่พึ่งแห่งเดิมก้อนหินใหญ่ริมลำธารที่เงียบสงบสถานที่ที่เขามักหลบมานั่งทุกครั้งเมื่อหัวใจไม่สบายเป็นมุมสงบที่เหมือนจะโอบอุ้มความรู้สึกที่แตกสลายไว้ได้เสมอ
เขาทิ้งตัวลงนั่งบนก้อนหินร่างกายดูเหนื่อยล้าราวกับแบกบางสิ่งที่หนักเกินไป และยังไม่ทันได้ตั้งตัวน้ำตาที่พยายามเก็บกลั้นไว้พลันไหลรินอาบแก้มความรู้สึกเจ็บลึกในขั้วหัวใจเหมือนบีบคั้นจนหายใจแทบไม่ออกขวัญรู้ตัวดีว่าไม่ควรคิดเช่นนี้และสิ่งที่เกิดขึ้นก็ไม่ใช่ความผิดของเจ้าทัพเลยแม้แต่น้อย หากมีผู้ใดควรถูกตำหนิก็คงเป็นเขาเอง ที่เผลอคิดเข้าข้างตัว และหวังในสิ่งที่ไม่สมควร
เสียงสะอื้นของขวัญผสานกับเสียงน้ำในลำธารที่ไหลเอื่อยรอบตัวดอกไม้ป่าที่ขึ้นแซมรอบก้อนหินดูเหมือนจะโน้มตัวลงมาปลอบประโลมราวกับธรรมชาติต่างเข้าใจความทุกข์ของเขา ขวัญหลับตาปล่อยให้น้ำตาพัดพาความอัดอั้นไปช้า ๆ แม้ในใจจะยังคงเจ็บปวดแต่ลมหายใจที่ลึกและยาวขึ้นทีละน้อย ทำให้เขารู้ว่า เวลาจะค่อย ๆเยียวยาความเจ็บนี้ไปเองในที่สุด
แต่ว่าไฉนเลยเวลาจึงได้เคลื่อนช้าดั่งหยดเทียนที่หลอมละลาย ทั้งที่ขวัญรู้คำตอบอยู่ในใจดีแล้วแต่คำตอบนั้นกลับมิอาจช่วยเยียวยาความเจ็บปวดในอกได้แม้เพียงน้อย ดวงใจของเขาเหมือนจะขาดรอนราวถูกบีบคั้นด้วยมือที่ไร้ปรานี
ในห้วงความคิดนั้นภาพของเจ้าทัพและคำถามที่เอ่ยในยามก่อนผุดขึ้นมาในใจหากเขากล้าเอ่ยความในใจทั้งหมดออกไปในตอนนั้น บางทีเรื่องราวอาจไม่ลงเอยเช่นนี้หรืออาจเลวร้ายยิ่งกว่าเดิม ใครเล่าจะหยั่งรู้ได้ แต่ตอนนี้สิ่งที่เขามีอยู่คือความเงียบและความเสียใจที่ยากจะกลืนกิน
ขวัญพยายามปลดความคิดฟุ้งซ่านนั้นออกจากหัวใจเขาไม่อยากหลอกตัวเองอีกต่อไป ความสุขที่เคยวาดหวังไว้ในหัวกลับกลายเป็นเพียงภาพลวงตา เมื่อเวลาผ่านไป ความฝันนั้นก็ต้องแตกสลายเมื่อใดที่ต้องลืมตาตื่น เขาก็ต้องเผชิญกับความจริงอันโหดร้ายความสุขนั้นจึงไม่ต่างจากเพียงความเพ้อฝันชั่วครู่ที่ทิ้งไว้เพียงความเจ็บปวดเป็นร่องรอย
ขวัญนั่งนิ่ง ปล่อยให้ลมพัดผ่านใบหน้าและปล่อยน้ำตาให้ไหลออกมาเงียบ ๆ ดวงใจของเขายังคงเต็มไปด้วยความเศร้าแต่ในส่วนลึกก็เริ่มยอมรับว่า บางสิ่งในชีวิตไม่อาจไขว่คว้าหรือครอบครองได้ดั่งใจหวังการปล่อยวางอาจเป็นหนทางเดียวที่จะพาตัวเองก้าวข้ามความเจ็บนี้ไปได้
ทันใดนั้นขวัญได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆย่างกรายเข้ามาใกล้ เขารีบก้มหน้าลงพร้อมใช้มือปาดน้ำตาอย่างลวก ๆทว่าเปลือกตายังคงแดงก่ำ ร่องรอยสะอื้นยังไม่จางหาย
“บอกแล้วไง ว่าไม่ต้องตามมา” ขวัญเอ่ยขึ้นน้ำเสียงแผ่วเบาแต่เจือความขุ่นมัวเล็กน้อย เขามิได้เงยหน้ามองให้ชัดว่าเป็นผู้ใด
“ร้องไห้อีกแล้วรือเจ้า”น้ำเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้น คำพูดนั้นทำให้ขวัญชะงักเพราะมิใช่เสียงของคนที่เขาคิดจะเจอ เขาเงยหน้าขึ้นมองก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“พี่ชมผา...” ขวัญเรียกชื่อชายหนุ่มเบา ๆด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ความประหลาดใจผสมปนเปอยู่ในแววตาชายหนุ่มร่างสูงกำยำที่ยืนอยู่เบื้องหน้า คือพี่ชายต่างหมู่บ้านที่เขาเคยรู้จักดีผู้ซึ่งเขาไม่ได้พบหน้ามาเนิ่นนาน
“ไหนลองบอกพี่ซิ ว่าใครกันที่ทำให้เจ้ามีน้ำตาหืม...” น้ำเสียงนั้นอบอุ่น นุ่มนวล ราวกับจะปลอบโยนขวัญรีบใช้มือปาดน้ำตาอีกครั้ง ก่อนจะเช็ดกับแขนเสื้อของตัวเองอย่างลวก ๆ
“ไม่มีใครทำอะไรขวัญหรอกจ้ะพอดีฝุ่นมันเข้าตาเท่านั้นเอง” ขวัญตอบเลี่ยงอย่างรวดเร็วแม้คำพูดนั้นจะฟังไม่ขึ้นนัก
“งั้นให้พี่เป่าให้ไหมล่ะ” ชมผายิ้มบาง ๆก่อนจะก้าวเข้ามาใกล้จนแทบประชิดตัวขวัญ
“เอ่อ...ขวัญไม่เป็นไรแล้วจ้ะ”ขวัญถอยหลังเล็กน้อย พยายามเปลี่ยนเรื่องสนทนา“ว่าแต่พี่ชมผากลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่จ๊ะ ขวัญได้ยินว่าพี่ไปเรียนอยู่ที่พระนครอีกตั้งหลายเดือนกว่าจะกลับ”
“พี่กลับมาตั้งหลายวันแล้วล่ะแต่แปลกใจที่ไม่ค่อยเห็นเจ้าขวัญออกมาเที่ยวตลาดเลย พี่ก็เลยเดาเอาว่าคงแอบมานั่งเงียบ ๆ ริมลำธารนี่อีกแน่ ๆ” ชมผาเอ่ยพลางยิ้มขัน
“ไม่ขนาดนั้นหรอกจ้ะ อีกอย่างขวัญไม่ได้ร้องไห้เสียหน่อย แค่ฝุ่นเข้าตาเท่านั้นเอง” ขวัญย้ำคำเดิม แต่เสียงยังติดสะอื้นเล็กน้อย
“จ้ะ ๆ พี่เชื่อก็ได้” ชมผาหัวเราะเบา ๆพร้อมมองขวัญด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเอ็นดู “แล้วนี่ ขวัญจะไปไหนต่อหรือเปล่าไปเดินเล่นตลาดกับพี่ไหม”
ขวัญชะงัก ก่อนจะเม้มปากเล็กน้อยพลันรู้สึกถึงความอบอุ่นจากน้ำเสียงและท่าทีของชมผา เขายิ้มบาง ๆแม้ในใจจะยังไม่อาจปลดปล่อยความเศร้าหมดสิ้น แต่การมีใครสักคนอยู่ใกล้ ๆอาจช่วยให้ช่วงเวลานี้ไม่เปล่าเปลี่ยวจนเกินไปนัก
“ก็ได้จ่ะ”ขวัญตอบตกลงหลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินตามชมผาไปอย่างว่าง่ายโดยไม่ทันสังเกตว่ามีสายตาคู่หนึ่งจ้องมองพวกเขาจากที่ห่างไกล
“แล้วนี่ขวัญอยากได้อะไรมั้ยถ้าถูกใจชิ้นไหนก็บอกพี่ได้เลยนะ”ชมผาถามขวัญเมื่อทั้งสองมาถึงตลาดที่ค่อนข้างพลุกพล่านเสียงพูดคุยและการค้าขายดังขึ้นรอบตัว ขวัญยิ้มบาง ๆ ให้ชมผาก่อนจะเริ่มเดินไปดูสิ่งของที่ถูกจัดเรียงไว้อย่างสวยงามบนแผงขาย
“ไม่ต้องเกรงใจนะที่นี่พี่ก็เหมือนกับเจ้าของ” ชมผาพูดต่อพร้อมยิ้ม “อีกไม่นานพอพี่เรียนจบจากพระนครตลาดแห่งนี้ รวมถึงตลาดหลายแห่ง จะตกเป็นของพี่ พ่อจะยกให้พี่เป็นผู้ดูแลทั้งหมด”น้ำเสียงของชมผาเต็มไปด้วยความมั่นใจและความภูมิใจ ขวัญก็รับฟังอย่างเงียบ ๆและเดินต่อไปโดยไม่ได้พูดอะไร
ตลาดของชุมโจรแห่งนี้จะมีผู้ดูแลอยู่สองฝั่งนั่นคือเสือสมาน ผู้เป็นพ่อของขวัญ และเสือมิ่ง พ่อของชมผาทั้งสองไม่ค่อยถูกคอกันเท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ถึงกับขัดขากันเรื่องผลประโยชน์ต่างฝ่ายก็ต่างมีสินค้าที่แตกต่างกัน และยังต้องพึ่งพากันอยู่
ชมผามักจะแอบมาหาขวัญที่หมู่บ้านอยู่บ่อยครั้งเพราะหากพ่อของเขารู้เข้า เขาจะต้องโดนลงโทษด้วยการตีด้วยไม้หวายจนหลังลายชมผารู้ดีถึงความเข้มงวดของพ่อ แต่เขาก็ชอบเวลาที่ได้มาเที่ยวเล่นกับขวัญรอยยิ้มที่สดใสราวกับดอกไม้บาน และเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยความสนุกสนานภาพเหล่านั้นยังคงตราตรึงในใจเขาไม่เคยลืมเลือน
แต่ขวัญในวันนี้กลับดูเศร้าเหมือนมีเรื่องราวบางอย่างในใจให้ครุ่นคิดตลอดเวลาชมผาเองก็รู้สึกได้ว่าเขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มของขวัญมานานเท่าไหร่แล้ว พลันสายตาของชมผาก็ไปหยุดอยู่ที่ขวัญที่กำลังหยิบตะเกียงน้ำมันขึ้นมาดูแล้ววางลงมือยังคงลูบไปมาเหมือนอยากได้แต่ก็ลังเลใจไม่กล้าตัดสินใจ
"ขวัญ ชอบตะเกียงนี้หรอ?"ชมผาถามอย่างเอื้อเฟื้อ ขวัญหันไปมองแล้วส่ายหน้าเบา ๆก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่แฝงความขัดเขินเล็กน้อย
"อ่ะ พี่ให้ เราไม่ได้เจอกันตั้งนานถือว่าเป็นน้ำใจจากพี่นะ" ชมผาเอ่ยพลางยื่นตะเกียงให้ขวัญด้วยรอยยิ้มอบอุ่นที่แฝงไปด้วยความห่วงใย
ขวัญมองตะเกียงในมือก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปสบตากับชมผารู้สึกถึงความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากรอยยิ้มของเขา แม้จะรู้สึกเกรงใจไม่น้อยแต่ขวัญก็ไม่อาจปฏิเสธความใส่ใจนี้ได้ จึงยอมรับมันมาอย่างเต็มใจ
...เมื่อดวงตะวันเริ่มลาลับขอบฟ้าขวัญเดินกลับมาที่เรือนด้วยความรู้สึกที่ผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย ราวกับว่าเขาเพิ่งจะปลดปล่อยความหนักใจจากกลางวันไปได้บ้างแต่ทันทีที่ก้าวขึ้นเรือนเขาก็สะดุดตากับร่างสูงที่ยืนพิงประตูไว้ท่าทางเหมือนรออยู่ก่อนแล้ว
"หายไปไหนมาทั้งวัน?"เสียงทุ้มเข้มเอ่ยขึ้นก่อนที่ขวัญจะได้ทันถามอะไรขวัญเพียงแต่ยืนอยู่นิ่งๆ ก่อนจะวางตะเกียงที่ถือติดมือกลับมาด้วยลงบนโต๊ะข้างๆ เขายังคงไม่กล้าสบตากับเจ้าของเสียงนั้นที่ตอนนี้แสดงสีหน้าไม่ค่อยพอใจนักขวัญหันไปมองที่พื้นแทน พยายามไม่ให้ตัวเองเผยความรู้สึกออกมาทั้งที่ในใจเต็มไปด้วยคำถามมากมายที่ยังไม่มีคำตอบ
“เจ้าขวัญ ไยไม่พูดกับพี่?”เสียงทุ้มของเจ้าทัพดังขึ้นอีกครั้งเมื่อเห็นว่าขวัญยังคงเงียบและหลีกเลี่ยงการสบตาสีหน้าของเขาฉายแววไม่พอใจชัดเจนจนทำให้ขวัญรู้สึกอึดอัดยิ่งขึ้น ราวกับการเผชิญหน้ากับพายุที่กำลังจะปะทุออกมา
“แอบไปกับไอ้เวรนั่นอีกแล้วสิท่า”เจ้าทัพกล่าวด้วยน้ำเสียงกร้าว ขวัญรู้สึกถึงความไม่พอใจที่แผ่ซ่านออกมาทำให้หัวใจเขากระตุกเล็กน้อย
“พี่ทัพ... พูดจาให้มันดีๆ นะ”ขวัญพยายามรักษาความสงบเสียงด้วยความพยายาม เขาก้มหน้าหลบตา ไม่อยากให้เจ้าทัพเห็นความรู้สึกที่แสดงออกมาในดวงตาของเขา
“ทำไม? ไม่ชอบให้พี่พูดถึงมันงั้นรือ?”เจ้าทัพย้อนถาม พร้อมสีหน้าที่แข็งกร้าวความหงุดหงิดเริ่มปะทุออกมาให้เห็น
ขวัญนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะหันไปมองเจ้าทัพด้วยความสงสัยในแววตา “...พี่แอบตามขวัญ?”
คำถามนั้นหลุดออกมาจากปากขวัญทั้งที่ตัวเองก็ยังไม่อยากเชื่อแต่การกระทำของเจ้าทัพที่จ้องมองเขาแบบนี้ ทำให้เขาหวาดระแวงขึ้นมาอย่างเลี่ยงไม่ได้ราวกับว่าไม่มีทางหลีกหนีจากสิ่งที่กำลังจะตามมา
เจ้าทัพเงียบไปชั่วครู่ก่อนจะพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่แฝงไปด้วยความกังวลและหงุดหงิด"ไอ้ชมผามันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร ขวัญก็รู้ ไยเจ้าถึงยังติดต่อกับมัน?"น้ำเสียงของเจ้าทัพนั้นหนักหน่วงและเต็มไปด้วยข้อสงสัยเหมือนกับคำถามที่ไม่ใช่แค่การตำหนิแต่เหมือนเป็นการค้นหาคำตอบที่เขาไม่อาจยอมรับได้
ขวัญนิ่งไปอีกครั้งดวงตาเต็มไปด้วยความรู้สึกขัดแย้งในใจ เขาเองก็ไม่รู้จะตอบกลับอย่างไรเพราะในใจเขากลับมีภาพของชมผาที่ไม่เหมือนที่เจ้าทัพมองเห็นชมผาคือคนที่อยู่เคียงข้างเขาในวันที่ไม่มีใคร ทั้งในยามสุขและทุกข์ขวัญยังไม่เคยคิดถึงความแตกต่างระหว่างตระกูลเขากับตระกูลชมผาเลยเขาไม่เข้าใจว่าทำไมทุกอย่างถึงต้องถูกตีกรอบด้วยความต่างที่พวกเขาควบคุมไม่ได้
“ขวัญ...” เจ้าทัพพูดเสียงต่ำราวกับจะทำลายความเงียบที่ปกคลุมอยู่ “รับปากพี่ได้หรือไม่ว่าต่อไปจะไม่ไปเจอมันอีก”
ขวัญเงียบไปอีกครั้งใจเขาหนักอึ้งจนไม่สามารถพูดอะไรได้ทันที แม้จะรู้ว่าเจ้าทัพแค่ต้องการปกป้องเขาแต่เหตุใดเรื่องมันถึงเป็นเช่นนี้ ขวัญรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างขวางกั้นระหว่างเขากับเจ้าทัพในที่สุด เขาก็เปล่งเสียงออกมา
“ขวัญรับปากพี่ไม่ได้พี่ชมผาไม่ได้ทำอะไรผิด เหตุใดขวัญถึงจะพบหน้าเขาไม่ได้”
คำพูดของขวัญดังขึ้นในความเงียบเจ้าทัพทำท่าทีอึดอัด ราวกับต้องเผชิญกับคำตอบที่เขาไม่สามารถยอมรับได้
“ขวัญ...” เจ้าทัพลอบถอนหายใจก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความคับแค้น “ในเมื่อพี่เป็นพี่ของเจ้าเจ้าก็ต้องเชื่อฟังพี่!!”
คำพูดนั้นเหมือนกระแสคลื่นที่ถาโถมเข้ามาใส่ขวัญเขาพยายามกลั้นน้ำตาเอาไว้ แต่ก็ไม่อาจหยุดมันได้ขวัญมองไปที่พี่ชายที่เคยเป็นคนเดียวที่เขาไว้ใจมากที่สุดแต่ตอนนี้กลับรู้สึกเหมือนความห่างเหินและความไม่เข้าใจกำลังดึงสองคนนี้ออกจากกัน
“ที่ผ่านมาขวัญไม่เคยไม่ยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของพี่เลยนะ...”เสียงของขวัญสั่นเครือ ขณะที่น้ำตาหยดลงมาอย่างไม่หยุดยั้ง "ฮึก... ฮึก...ขวัญไม่อยากมีพี่ชายแบบพี่ทัพอีกแล้ว..."
คำพูดเหล่านั้นเหมือนมีดกรีดลงบนหัวใจของเจ้าทัพความเจ็บปวดที่ไม่สามารถบรรยายได้แผ่ซ่านไปทั่วร่างเขารู้สึกเหมือนตัวเองสูญเสียสิ่งที่สำคัญที่สุดในชีวิตไปแล้วและในขณะที่ขวัญยังคงร้องไห้ เจ้าทัพกลับยืนนิ่ง ไม่สามารถหาคำพูดใดๆมาแสดงความรู้สึกของตนได้
เขารู้ว่าการบังคับขวัญไม่เคยเป็นสิ่งที่ดีแต่ทำไมเขาถึงไม่สามารถปล่อยให้น้องชายของเขาไปได้? ทำไมเขาถึงรู้สึกว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะพังทลายไปหมดถ้าขวัญไม่ได้อยู่เคียงข้างเขา?
“ขวัญ... พี่ขอโทษ...”คำพูดนั้นหลุดออกมาจากริมฝีปากของเจ้าทัพอย่างยากเย็นราวกับว่ามันหนักอึ้งจนแทบหายใจไม่ออก เขาไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้คืออะไรแต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้คือ เขาหวงแหนขวัญเกินกว่าที่จะให้ใครคนอื่นเข้ามาแทนที่เขาหวงเวลาที่ขวัญแบ่งไปให้คนอื่นจนเขารู้สึกว่าเสียไปบางอย่างแม้จะไม่เคยพูดออกมาแต่ในใจเขารู้ดีว่าการเห็นขวัญสนิทกับคนอื่นที่ไม่ใช่เขามันทำให้รู้สึกเหมือนสูญเสียอะไรบางอย่างไป
“พี่หวงเจ้า ห่วงเจ้ากลัวว่าพี่จะเสียเจ้าไป ผิดนักหรือ?” เจ้าทัพเอ่ยเสียงแหบแห้งดึงขวัญเข้ามาในอ้อมกอดด้วยแรงที่อ่อนโยน แม้ขวัญจะพยายามสะบัดตัวหนีแต่เจ้าทัพก็ยังไม่ยอมปล่อย
“............” ขวัญยังคงเงียบอยู่เขาไม่ตอบอะไรออกไป แต่เสียงสะอื้นที่ดังขึ้นยิ่งทำให้เจ้าทัพรู้สึกเจ็บปวดในใจ
“ไม่อยากมีข้าเป็นพี่ชายอย่างนั้นหรือ?”เจ้าทัพถามเสียงสั่น เมื่อเห็นว่าไม่มีคำตอบใดๆ จากขวัญเขาซบหน้าลงที่ไหล่ของขวัญ น้ำตาค่อยๆ ไหลลงมาไม่รู้ตัวราวกับทุกคำพูดที่เขาอยากจะบอกถูกขัดขวางโดยความรู้สึกที่ลึกซึ้งเกินไปจนพูดไม่ออก
ขวัญไม่รู้จะเอ่ยคำใดออกไปในเมื่อใจของเขาก็เจ็บปวดไม่แพ้กันเขาอยากจะพูดอะไรบางอย่างที่อาจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้นแต่คำพูดกลับติดอยู่ที่ริมฝีปาก ราวกับกลืนไม่เข้า คายไม่ออก
ใช่...เขาไม่อยากมีเจ้าทัพเป็นพี่ชายมานานแล้ว เขาอยากจะตัดเส้นบางๆระหว่างความสัมพันธ์นี้ออกไป แม้จะรู้ว่ามันจะทำให้ทั้งสองคนเจ็บปวดแต่บางครั้งเขาก็รู้สึกเหมือนกับว่าการที่ทั้งสองคนยังคงเกาะเกี่ยวกันไว้ในรูปแบบนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรที่ไม่อาจหลีกหนีได้
เขากลัว...กลัวว่าจะเสียเจ้าทัพไปถ้าหากเขาบอกออกไปทั้งหมดกลัวว่าเจ้าทัพจะไม่เข้าใจและจากไปจากเขาจริงๆ เมื่อคิดถึงตรงนี้ขวัญก็รู้สึกถึงความเย็นชาในใจที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน
"ขวัญ..."เจ้าทัพเรียกชื่อเขาอีกครั้ง น้ำเสียงแผ่วเบาเหมือนจะร้องไห้ขวัญจึงเงยหน้าขึ้นมองพี่ชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความขัดแย้ง
เขาสูดหายใจเข้าลึกๆพยายามรวบรวมความกล้าในการพูดออกมา แต่เมื่อจะเริ่มต้นคำพูดกลับรู้สึกเหมือนทุกคำมันหนักหน่วงจนทนไม่ไหว
"พี่ทัพ..." ขวัญเอ่ยเบาๆก่อนจะเงียบไปอีกครั้ง สีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยและไม่แน่ใจเขาไม่รู้จะทำอย่างไรกับความรู้สึกนี้ที่กำลังปะทุขึ้นในใจ
เจ้าทัพมองเขาด้วยสายตาที่เจ็บปวดหัวใจของเขาเต็มไปด้วยคำถาม และความอยากรู้ว่าเขาทำผิดอะไรไปจนขวัญถึงรู้สึกแบบนี้
“ไม่รักพี่แล้วหรือ?” คำถามนั้นดังก้องในหัวของขวัญ แต่มันกลับไม่มีคำตอบ ขวัญดึงตัวออกจากอ้อมกอดของเจ้าทัพอย่างแรงก่อนจะรีบหันหลังไปเข้าห้องและปิดประตูใส่เสียงดัง
ทัพยืนนิ่งอยู่อย่างนั้นน้ำตาหยดลงอาบหน้าไม่ขาดสาย ความรู้สึกเหมือนถูกทิ้งไว้กลางอากาศขวัญที่อยู่หลังประตู กุมหัวใจตัวเองไว้แน่น มันเต้นถี่จนรู้สึกปวดหนึบในใจเขาไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับทุกอย่างที่เกิดขึ้น แม้ใจจะเจ็บปวดแต่ก็ไม่สามารถเรียบเรียงความคิดที่มีในหัวได้เลย
--------------------------------------------------ช่วยคอมเม้นต์เป็นกำลังใจให้ด้วยน้าาาตอนหน้าอาจจะมีเลิฟซีนนิดหน่อยฝากตอนนี้และตอนต่อไปด้วยนะแต้งกิ้วค้าบบบ
สนุกมากครับ มันยากขนาดนี้นเชียวรึ แค่บอกว่ารักๆๆๆรักพี่ทัพ 55555
ลุ้นตอนต่อไป ขอบคุนคับ ขอขอบคุณครับ ลุ้นต่อครับ กำลับสนุกเลย ขอบคุณครับ ขอบคุณครับครับ รอติดตามเรื่อยๆนะ รอลุ้นต่อไป ว่าจะใจอ่อนยอมสารภาพกันเมื่อไหร่ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]