อ้ายเสือ ตอนที่ 14 ทางที่ต้องเลือก
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-1-6 12:3814
ทางที่ต้องเลือก
หลังจากที่เรื่องราวทุกอย่างคลี่คลายลงเจ้าทัพได้รับการเปลี่ยนชุดใหม่ที่ถูกสั่งตัดอย่างประณีต ราวกับคุณชายในบทละครก็ไม่ปานเขาถูกจัดแจงให้พร้อมในลุคสุภาพสง่างาม ผมเผ้าที่ยาวจนเคยปรกหน้าถูกตัดออกเผยให้เห็นใบหน้าคมสันที่เด่นชัดยิ่งขึ้นทรวดทรงสง่างามจนดูไม่ต่างจากบุรุษในภาพฝัน
เขามองตัวเองจากในกระจกด้วยความไม่คุ้นชิน เหตุการณ์ในวันนั้นหลังจากที่พูดคุยกันได้พักใหญ่ผู้เป็นพ่อที่แม้จะทำใจยอมรับได้ยากแต่ก็ต้องยอมรับในที่สุดว่าเขาคือบุตรที่พลัดพรากไปตั้งแต่ยังเยาว์วัย ด้วยฐานะทางบ้านที่มั่งคั่งและมีตำแหน่งสูงถึงพลตำรวจเอกทำให้เขาต้องระมัดระวังในทุกกิริยาท่าทางเมื่อพบเจอกับผู้คนในระดับสูง ทั้งหมดนี้คือภาระที่เขาต้องรับรู้และยอมรับ
เจ้าทัพถอนหายใจเฮือกใหญ่ ผ่านมาเป็นเดือนแล้วที่เขาต้องปรับตัวให้เข้ากับที่อยู่อาศัยและสภาพแวดล้อมใหม่ที่ไม่คุ้นเคยเขายังคงคิดถึงขวัญข้าวผู้เป็นที่รักอยู่เสมออยากจะเขียนจดหมายสักฉบับส่งไปว่าเขายังปลอดภัยดี แต่เวลานี้ยังไม่ใช่ช่วงเวลาที่เหมาะสม
จะบอกไปอย่างไรดีว่าเขาได้พบครอบครัวที่แท้จริงแถมยังเป็นครอบครัวของนายตำรวจยศสูงศักดิ์ทางเดินข้างหน้าจะเป็นอย่างไรไม่มีใครอาจล่วงรู้ได้เพียงแต่ตอนนี้เขาต้องทำตามคนในครอบครัว เขามีน้องชายอีกหนึ่งคนที่วัยใกล้เคียงกับขวัญแต่เนื่องจากไม่ได้เติบโตมาด้วยกันตั้งแต่เล็ก เมื่อพบหน้ากันครั้งแรกจึงเหมือนกับคนแปลกหน้าสำหรับทั้งคู่แม้จะเกี่ยวพันกันทางสายเลือดแต่กลับไม่มีความผูกพันใด
"สิงหะ ไหว้พี่ทัพสิลูก"ผู้เป็นแม่เอ่ยบอกน้องชายของเขาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนแต่ก็แฝงด้วยความคาดหวังในความเคารพของเด็กน้อย สิงหะยืนนิ่งอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มแย้มและก้าวไปข้างหน้า แสดงความเคารพตามคำสั่งของแม่นี่คือการแนะนำให้เขาได้รู้จักกับความสำคัญของการให้เกียรติและความสัมพันธ์ในครอบครัวแม้จะเป็นเพียงการไหว้ตามมารยาท
เจ้าทัพยิ้มรับพร้อมทักทายกลับด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่ในใจกลับเต็มไปด้วยความคิดถึงขวัญข้าวผู้เป็นที่รักเขาหลับตาลงชั่วครู่ ก่อนจะจินตนาการถึงการได้พบหน้าและกอดขวัญให้ชื่นใจสักครั้งความคิดถึงนั้นทำให้หัวใจของเขาหวิวไหวราวกับจะได้สัมผัสอ้อมกอดอันอบอุ่นของคนที่เขาเฝ้าคิดถึงมาตลอด แต่ในตอนนี้ความคิดนั้นต้องเก็บไว้ในใจ เพราะเขารู้ดีว่าต้องอยู่ที่นี่และทำตามหน้าที่ของตนเองก่อน
ระหว่างที่เจ้าทัพนั่งอยู่ในห้อง ทันใดนั้นน้องชายของเขาก็เปิดประตูเข้ามาทำให้เจ้าทัพต้องรีบเก็บสิ่งที่อยู่บนโต๊ะลงใต้ลิ้นชักอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปมองสิงหะที่เดินเข้ามานั่งข้างๆ ด้วยท่าทางเรียบง่าย
“พี่ทัพ” สิงหะเอ่ยขึ้นเสียงเบาแต่น้ำเสียงแฝงด้วยความมั่นใจ “ฉันรู้นะว่าพี่เป็นโจร” เจ้าทัพแอบตกใจเล็กน้อยแต่ก็ไม่หวั่นไหว ร่างกายเขายังคงนิ่งสงบ “พี่ใช่ลูกของพ่อกับแม่จริงๆ งั้นหรือ”สิงหะถามด้วยความสงสัย และแววตาเต็มไปด้วยคำถามที่ไม่อาจหลบเลี่ยง
เจ้าทัพมองใบหน้าของน้องชายที่เต็มไปด้วยความไม่เข้าใจแต่เขากลับไม่สามารถตอบคำถามนั้นได้ในทันที ความรู้สึกหลายอย่างผุดขึ้นในใจเขาคิดเพียงแต่จะตอบไปอย่างไรดี โดยไม่ทำให้ทุกอย่างซับซ้อนยิ่งขึ้น
“สิงหะ...”เขาเริ่มต้นคำพูดด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างอ่อนลง “พี่ไม่ใช่โจรหรอกนะ” เขาหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “แต่สิ่งที่พี่ทำมันอาจทำให้ดูเหมือนเป็นอย่างนั้นบ้าง...”สิงหะยังคงจ้องเขาตาไม่กระพริบสีหน้าของเด็กหนุ่มแสดงออกถึงความไม่เข้าใจและความคับข้องใจ
“พี่ทำอะไรมา?” สิงหะถามเสียงเบาแต่แฝงไปด้วยความสงสัยที่ลึกซึ้ง
เจ้าทัพมองน้องชายอย่างหนักใจก่อนจะตอบด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสนในใจ “พี่...พี่เคยทำเรื่องที่ไม่ดีมาก่อน แต่พี่ไม่เคยตั้งใจจะทำร้ายใคร” เขาพูดไปช้าๆเหมือนกับกำลังพยายามบอกอะไรบางอย่างที่ซับซ้อนและหนักใจเกินจะบอกออกมาได้ง่ายๆ
สิงหะเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง"แล้ว... พี่ยังรักพ่อกับแม่อยู่ไหม?" คำถามนี้ทำให้เจ้าทัพต้องคิดหนักยิ่งขึ้นเพราะในใจลึกๆ เขาก็ยังคงรู้สึกผูกพันกับพ่อแม่ แม้จะไม่ได้เติบโตมาด้วยกันก็ตาม
“พี่รักพ่อแม่...” เจ้าทัพตอบเสียงเบาน้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความจริงใจ “แต่พี่ก็รักคนที่เลี้ยงดูพี่มาเช่นกัน”
“แล้วคนที่เลี้ยงดูพี่มา เป็นคนแบบไหนกันล่ะ?”สิงหะยังคงถามต่อ สีหน้าของเขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัยราวกับอยากรู้รายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับคนที่พี่ชายเคยพูดถึง
เจ้าทัพยิ้มบางๆก่อนจะตอบด้วยความรู้สึกอบอุ่นที่แผ่ซ่านในหัวใจ “เป็นคนที่รักพี่ดูแลพี่เหมือนลูกแท้ๆ เลยนะ พวกเขามอบทุกสิ่งทุกอย่างให้พี่ แม้จะไม่ใช่พ่อแม่แท้ๆแต่พวกเขาก็ให้ความรักและความใส่ใจที่ไม่มีวันขาด”เขาหยุดไปชั่วครู่ก่อนจะพูดต่อด้วยความรู้สึกที่จริงจังขึ้น “แถมยังมีน้องที่น่ารัก อายุก็คงจะพอๆกับสิงหะ”
“จริงหรือ? พี่พามาเจอฉันหน่อยสิ!”สิงหะพูดด้วยความตื่นเต้น สีหน้าของเขาฉายแววความอยากรู้และเต็มไปด้วยความคาดหวังที่จะได้พบกับน้องคนใหม่ที่พี่ชายพูดถึงเจ้าทัพมองน้องชายที่ตื่นเต้นไปกับคำพูดของเขา แล้วรู้สึกอบอุ่นใจ
“คงต้องรอเวลาสักหน่อยนะ” เจ้าทัพตอบด้วยรอยยิ้มอบอุ่น“แต่สักวันหนึ่ง พี่จะพามาเจอแน่นอน พี่อยากให้สิงหะได้รู้จักเขาเพราะเขาคือคนที่ทำให้พี่รู้ว่าความรักไม่มีขอบเขต”
สิงหะพยักหน้าหงึกๆ ด้วยความเข้าใจแม้จะยังรู้สึกอยากพบพวกเขาทันที แต่เขาก็เข้าใจว่าพี่ชายคงต้องการเวลาที่จะทำให้ทุกอย่างลงตัวก่อนจะถามด้วยความสนใจต่อไป “จะเป็นคนแบบไหนกันนะ?”
“เป็นคนที่พี่อยู่ด้วยแล้วรู้สึกปลอดภัยราวกับคลายกังวลของพี่ได้ดีเชียวล่ะ” เจ้าทัพตอบเสียงนุ่มก่อนจะพูดไปพลางนึกถึงหน้าขวัญ ขวัญ... ใบหน้านั้นยังคงค้างอยู่ในใจเขาเสมอมันทำให้เขารู้สึกอบอุ่นและสบายใจในยามที่ต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่คุ้นเคย
“พี่ไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนเลย...”เจ้าทัพพูดต่อเบาๆ ราวกับกับบอกตัวเอง “เขาเหมือนกับที่พี่ต้องการไม่ว่าจะเจออะไรก็ตาม เขาก็อยู่ข้างๆ พี่เสมอ” น้ำเสียงของเขาหนักแน่นและเต็มไปด้วยความรู้สึก
สิงหะเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยิ้มออกมาอย่างเข้าใจ “พี่รักเขามากสินะ?”
เจ้าทัพพยักหน้าอย่างช้าๆราวกับจะยืนยันคำพูดของน้องชาย “รักมาก... มากจนไม่สามารถบอกได้หมด”
วันคืนเลื่อนผ่านไปท่ามกลางหัวใจที่บอบช้ำขวัญเหม่อมองท้องฟ้าอันกว้างใหญ่ด้วยจิตใจที่ว่างเปล่าและความคิดที่ไม่อาจเรียงร้อยได้ “พี่ทัพ... ขวัญคิดถึงพี่”น้ำตาหยดแหมะลงบนเสื้อ ขวัญปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาอย่างไม่อาจควบคุมทุกสิ่งรอบตัวดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะในขณะที่หัวใจของเขากลับรู้สึกเจ็บปวดอย่างท่วมท้น
เสือสมานยังคงส่งคนออกไปตามหาข่าวคราวของเจ้าทัพไม่หยุดหย่อนแต่ทุกครั้งก็กลับมาไร้วี่แวว เหมือนกับเขากลายเป็นแค่เงาในความทรงจำของทุกคนขวัญรู้ดีว่าเขาไม่สามารถทำอะไรได้มากไปกว่าการรอคอยรอคอยให้ความหวังที่ยังเหลืออยู่กลับมา แม้ว่าลึกๆ จะรู้ดีว่าเวลาที่สูญหายไปไม่อาจย้อนคืน
หลังจากที่ขวัญอุดอู้อยู่ในบ้านนานจนเริ่มรู้สึกอึดอัดชมผาที่สังเกตเห็นว่าขวัญมีเรื่องไม่สบายใจจึงคิดว่าเวลานี้อาจถึงเวลาที่จะพาเขาออกไปเปิดหูเปิดตาบ้าง ชมผาจึงชวนขวัญนั่งรถเข้าไปเที่ยวในเขตพระนครเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศและช่วยให้ขวัญผ่อนคลายจากความกดดันที่เผชิญอยู่ทุกวัน
“ขวัญ... มันคงดีนะ ถ้าออกไปเที่ยวดูบ้างมันจะช่วยให้เราลืมเรื่องเก่าๆ ไปสักพัก” ชมผาพูดเบาๆขณะมองขวัญที่นั่งเงียบอยู่ข้างๆ น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยความห่วงใย
ขวัญเงยหน้าขึ้นและมองชมผารู้สึกขอบคุณในความห่วงใย ถึงแม้ใจเขายังคงหนักอึ้งแต่การได้ออกจากบ้านและมีคนคอยอยู่ข้างๆ ก็ทำให้ความรู้สึกบางอย่างคลายตัวลง
“ดีเหมือนกัน... ขอบใจนะจ้ะ”ขวัญตอบกลับไปอย่างเบาๆ สายตาของเขาเริ่มเบิกกว้างขึ้นเล็กน้อยเมื่อคิดถึงการเดินทางไปยังที่ที่ไม่เคยไปมาก่อน เหมือนการได้มีความหวังเล็กๆว่าจะได้เจอกับใครสักคนที่เฝ้ารอ
รถค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากบ้านและมุ่งหน้าสู่เขตพระนคร สองเพื่อนสนิทนั่งเงียบๆ ข้างกันท่ามกลางเสียงเครื่องยนต์ที่ดังเบาๆ ระหว่างทาง ขวัญเริ่มรู้สึกถึงความผ่อนคลายที่ค่อยๆปรากฏขึ้นในใจ
ชมผาจูงมือขวัญเดินข้ามทางเท้าไปอย่างช้าๆสองข้างทางเต็มไปด้วยรถราที่วิ่งไปมาบนท้องถนนเสียงแตรและเครื่องยนต์กลบความเงียบของยามเช้าไปหมดชมผาหันมามองขวัญด้วยรอยยิ้มอบอุ่น ก่อนจะพูดเสียงเบา “เห็นไหม...มันก็แค่เมืองที่วุ่นวายไปตามจังหวะของมันเองแต่เรายังมีเวลาได้เดินไปตามทางของเรา”
ขวัญมองรอบตัวและได้เห็นชีวิตที่เคลื่อนไหวไปมาผู้คนที่เดินไปตามทางของตนเอง รถที่วิ่งไปข้างหน้า ในช่วงเวลานี้ขวัญรู้สึกเหมือนตัวเองกลายเป็นส่วนหนึ่งของการเคลื่อนไหวเหล่านั้นความวุ่นวายรอบตัวทำให้เขาหลงลืมความเศร้าไปได้ชั่วขณะ
ชมผาหัวเราะนิดๆ และบีบมือขวัญเบาๆก่อนจะชี้ไปยังตลาดที่เต็มไปด้วยร้านค้าจำหน่ายของที่ระลึก“ไปเดินเล่นแถวนี้ดีกว่าไหม? มันมีของน่ารักๆเยอะเลยล่ะ”
ขวัญเดินตามชมผาไปอย่างว่าง่ายท่ามกลางความคึกคักของผู้คนและเสียงดังจากการจราจร เขาไม่ได้ทันระวังจนกระทั่งเผลอชนเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่กำลังเดินสวนทางไปการชนครั้งนี้ทำให้ขวัญสะดุ้งเล็กน้อยเขาก้มหน้าลงอย่างรวดเร็วและเอ่ยคำขอโทษด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“ขอโทษจ่ะ” ขวัญกล่าวเสียงเบาขอโทษไปยังคนที่เขาชนอย่างร้อนรน
เด็กหนุ่มที่โดนชนเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะยกมือขึ้นเช็ดชายเสื้อที่ถูกกระทบเบาๆ แล้วมองไปที่ขวัญอย่างไม่ค่อยพอใจท่าทางของเขาดูเหมือนจะเป็นคนที่มีฐานะดูจากชุดที่สวมใส่ซึ่งเป็นเสื้อผ้าแบบมีราคาเสื้อเชิ้ตผ้าดีที่เข้ากับกางเกงทรงเนี้ยบ และรองเท้าหนังที่เงาวับเหมือนใหม่
“สิงหะ เป็นอะไรหรือเปล่า?”น้ำเสียงที่แว่วมานั้นทำให้ขวัญรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกราวกับว่าเสียงนั้นจะพาเขากลับไปยังที่ๆ เขาคิดถึง คนที่เขาเฝ้ารอมาแสนนานเสียงนั้นแฝงไปด้วยความห่วงใยและอบอุ่นคล้ายกับเสียงของเจ้าทัพที่เคยอยู่เคียงข้างเขา
ขวัญสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อได้ยินเสียงนั้นหันไปมองรอบๆ ตัวด้วยความงุนงง แต่กลับไม่พบใครที่มีลักษณะคล้ายเจ้าทัพมีเพียงชายหนุ่มอีกคนที่เดินเข้ามาอย่างรวดเร็วราวกับเขารู้จักกับคนที่ขวัญเพิ่งเดินชนความรู้สึกคุ้นเคยที่ทำให้ขวัญต้องมองอีกครั้งและคราวนี้เมื่อมองดีๆใบหน้านั้นกลับมีส่วนคล้ายเจ้าทัพอยู่ไม่น้อยแต่ทว่าชายหนุ่มคนนี้กลับแต่งตัวดูดีจนผิดกับเจ้าทัพที่เขาคุ้นเคยผมของชายหนุ่มก็สั้นกว่าเจ้าทัพมาก ราวกับเป็นคนละคนกันเลยทีเดียว
ขวัญยังคงยืนอยู่ตรงนั้นสับสนในความรู้สึกตัวเองสายตาของเขายังคงจับจ้องไปที่ชายหนุ่มคนนั้นอย่างไม่อาจลบความสงสัยออกไปได้
“ขวัญ เป็นอะไรรึเปล่า?”ชมผาถามออกมาอย่างเป็นห่วง เมื่อเห็นขวัญยืนนิ่งไป
“ไม่มีอะไรหรอกจ่ะ เรารีบเดินไปกันเถอะ”ขวัญละสายตาจากคนตรงหน้าก่อนจะเดินต่อไป ทิ้งความสงสัยไว้ตรงนั้น
เจ้าทัพถูกไหว้วานให้มาเดินเที่ยวเป็นเพื่อนสิงหะด้วยความรบเร้าของน้องชาย เขาจึงจำต้องยอมออกมาอย่างไม่เต็มใจเมืองที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย เสียงดังจอแจ ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจต่างจากความสงบเงียบในป่าที่เขาคุ้นเคย แต่ในทางกลับกัน สิงหะกลับดูผ่อนคลายและคุ้นเคยกับบรรยากาศเหล่านี้
สิงหะจูงมือเจ้าทัพเดินไปเรื่อย ๆจนกระทั่งชนเข้ากับเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่ดูเหมือนจะเดินโดยไม่มองทางท่าทางบ่งบอกว่าไม่น่าจะเป็นคนแถวนี้ สิงหะเผลอมองด้วยสายตาดุหนึ่งครั้งแต่ไม่ได้เอ่ยตำหนิอะไร เจ้าทัพที่เห็นดังนั้นจึงถามสิงหะด้วยความห่วงใยว่า"เป็นอะไรหรือเปล่า?"
“ไม่เป็นไรพี่ สงสัยไม่มีตาถึงได้เดินไม่มองทาง” สิงหะพูดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยล้าก่อนจะหันไปมองเด็กหนุ่มที่เดินชนเขา ทัพเหลือบตามองตามสิงหะเห็นเด็กหนุ่มคนนั้นเดินลับไปในฝูงชน แต่เขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างประหลาดทว่าก็ไม่ได้คิดอะไรมาก
“พี่ทัพ รอสิงตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวมา”สิงหะบอกก่อนจะรีบเดินหายเข้าไปในตรอกแคบๆ
ทัพรออยู่สักพัก แต่สิงหะก็ยังไม่กลับมาเขาเลยตัดสินใจเดินไปนั่งรอบนม้านั่งใกล้ๆ บริเวณนั้นแต่ปรากฏว่ามีเด็กหนุ่มอีกคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว
“ขอนั่งด้วยคนนะ” เขากล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพอีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมามอง และทันทีที่ทัพเห็นดวงตาคู่นั้น เขาก็จำได้ทันที“ขวัญ...”
เด็กหนุ่มตรงหน้าดูตกใจเล็กน้อย“รู้จักฉันด้วยหรือจ้ะ?” ขวัญถามกลับด้วยความสงสัย
ทัพไม่ตอบ แต่ดึงมือขวัญให้ลุกขึ้นก่อนพาเดินไปยังตรอกเปลี่ยวไร้ผู้คน เมื่อพ้นจากสายตาของผู้คนเขาก้มลงจูบขวัญที่ริมฝีปากเล็กด้วยความโหยหา
“จำพี่ไม่ได้เลยหรือ ขวัญ...” เขากระซิบเบาๆขณะมองลึกเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย
ขวัญได้แต่มองตาปริบๆไม่ได้รู้สึกขัดขืนเมื่อถูกจูบจากคนที่ควรจะเป็นคนแปลกหน้าแต่ลึกๆ ในใจเขากลับรู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูก
“พี่ทัพ...ใช่พี่จริงๆ หรือ?”ขวัญเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความสับสนและหวังใจน้ำตาที่กักเก็บไว้นานเอ่อล้นออกมาจากดวงตาคู่นั้น เขาโผเข้ากอดทัพแน่น “ฮึก...ใช่พี่จริงๆด้วย” ขวัญสะอื้นพลางพูดออกมาน้ำเสียงสั่นเครือแต่เปี่ยมไปด้วยความโล่งใจและความสุขที่ท่วมท้น
ทัพกอดตอบแน่นเช่นกัน ลูบหลังขวัญเบาๆพยายามปลอบโยน “ใช่ พี่เอง...ได้เจอกันสักทีนะเจ้า”
ทั้งสองยืนนิ่งในอ้อมกอดของกันและกันราวกับว่าเวลาในโลกนี้หยุดลง ท่ามกลางความเงียบของตรอกเปลี่ยวมีเพียงเสียงสะอื้นเบาๆ ของขวัญที่ยังคงดังอยู่ในอ้อมกอดอันอบอุ่นของทัพ
“พี่ทัพ...ทำไมถึงทิ้งขวัญไปนานขนาดนี้...”ขวัญเอ่ยถามออกมาทั้งน้ำตา น้ำเสียงสั่นเครือเต็มไปด้วยความคิดถึงและความคาดหวัง
ทัพถอนหายใจเบาๆ ก่อนตอบ “พี่ยังมีเหตุผลที่ทำให้กลับไปหมู่บ้านชุมโจรของเราไม่ได้เอาไว้พี่จะเล่าให้ฟังทีหลังนะ ขวัญรอพี่ได้ไหม”
ขวัญเงยหน้าขึ้นมองทัพดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยและห่วงใย “พี่ทัพ...กลับไปกับขวัญตอนนี้เลยได้ไหมแล้วทำไมพี่ถึงแต่งตัวดูดีจนเหมือนไม่ใช่คนเดิมอีกแล้วเกิดอะไรขึ้นกับพี่หรือเปล่า”
ทัพยิ้มบางๆ พลางลูบแก้มขวัญอย่างอ่อนโยน “ขวัญเชื่อใจพี่ใช่ไหมตอนนี้พี่ยังบอกอะไรไม่ได้มาก แต่พี่จะไปหาขวัญนะ”
ขวัญนิ่งไปครู่หนึ่งก่อนพยักหน้าเบาๆแม้จะยังมีคำถามมากมายในใจ แต่เขาก็เลือกที่จะเชื่อใจคนตรงหน้า“ขวัญจะรอพี่...แต่พี่ทัพต้องกลับมานะ อย่าทิ้งขวัญไปอีก”
ทัพก้มลงจูบหน้าผากขวัญเบาๆ“พี่สัญญา...พี่จะกลับมาหาขวัญแน่นอน”
“พี่ทัพ...พี่ทัพ!”เสียงสิงหะตะโกนมาจากไกลๆ ทำให้ทัพต้องรีบเดินออกจากตรงนั้นถึงเวลาต้องจากกันแล้วนะ เจ้าขวัญของพี่... ทัพคิดในใจ ขณะที่เดินออกไปจากกันครั้งนี้ไม่รู้ว่าจะอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้พบหน้ากันอีกคงต้องรอให้ทุกอย่างลงตัวกว่านี้ เขาถึงจะสามารถปลีกตัวไปหาขวัญได้
“รอพี่นะขวัญ” ทัพพูดเสียงเบาก่อนจะหันหลังเดินจากไปทันที
ขวัญได้แต่ยืนนิ่งมองตามท่ามกลางความคิดถึงที่แสนเจ็บปวด เขารู้ว่าทัพจะต้องกลับมาหาเขาอย่างแน่นอนเพียงแค่ได้รู้ว่าเจ้าทัพยังปลอดภัย เขาก็สามารถปลดเปลื้องพันธนาการในจิตใจลงได้เปราะหนึ่งแล้ว
ชมผาเดินกลับมาพร้อมกับของกินในมือมองขวัญด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความสงสัยเล็กน้อย “ขวัญ ร้องไห้อีกแล้วหรือ?”
“ฝุ่นเข้าตาอีกแล้วใช่มั้ย?”ชมผาพูดออกมาอย่างรู้ทันราวกับเดาได้ล่วงหน้าว่าขวัญจะอธิบายอย่างไร
“อืม” ขวัญตอบเบาๆ ขณะเช็ดน้ำตาออกจากดวงตา
“งั้นเรากลับกันเถอะ นี่ก็เย็นมากแล้วเดี๋ยวจะโดนดุเอา” ชมผาพูดพร้อมยิ้มบางๆ ก่อนจะหันไปทางทางเดินแล้วเดินนำไป
ขวัญเดินตามหลังชมผาไปอย่างเงียบๆหัวใจยังคงห่วงใยทัพอยู่ลึกๆ แม้ว่าจะต้องกลับบ้านไปตามคำพูดของชมผาก็ตาม
บ้านหลังใหญ่ที่ดูงามตาตั้งตระหง่านโดดเด่นอยู่แถบเหนือของพระนคร เจ้าทัพกลับมาถึงบ้านพร้อมสิงหะที่เอาแต่พูดมาตลอดทาง “พี่ทัพ ฉันบอกให้พี่รอฉัน พี่หายไปไหนมา ปล่อยให้ฉันตามหาจนทั่ว”
เจ้าทัพถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ก่อนจะหันไปมองสิงหะด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหนื่อยหน่ายแต่ก็ไม่ได้บอกความจริงออกไปว่าเขาไปพบเจอใครมารู้แต่ว่ามันเป็นเรื่องที่ยังไม่ถึงเวลาเปิดเผย
“พี่แค่เดินหลงนิดหน่อย อย่าใส่ใจเลย”เจ้าทัพตอบสั้นๆ พยายามไม่ให้เสียงของเขามีอารมณ์มากเกินไป
สิงหะพยักหน้ารับแต่สายตาของเขาก็ยังคงเต็มไปด้วยความสงสัย “เอาเถอะๆถ้าไม่มีอะไรแล้วก็กลับไปพักเถอะ พี่ทัพดูเหนื่อยเหมือนกัน”
เจ้าทัพแค่พยักหน้าเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ที่ตอนนี้ดูเงียบสงบเหมือนเดิม แค่เขารู้สึกถึงความเครียดที่ยังค้างคาในใจ
“เฮ้อ...ต้องรอไปอีกนานแค่ไหนกัน...”เจ้าทัพถอนหายใจออกมาเบาๆ ขณะลูบไปที่ริมฝีปากของตัวเองพลางคิดถึงเหตุการณ์ในวันนี้ จูบนั้นช่างหอมหวานจนไม่อยากให้มันจบลงเลย ความรู้สึกนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในใจเหมือนรสสัมผัสนั้นยังคงตามติดอยู่ที่ริมฝีปากเขาหลับตาลงและปล่อยให้ภาพของขวัญเข้ามาในหัวสมองเต็มไปด้วยภาพของรอยยิ้มและแววตาที่มีความสงสัย พร้อมกับคำถามที่ยังค้างคาในใจ
เขายังคงไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไรต่อไปกับความรู้สึกนี้แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ก็คือ เขาต้องการที่จะอยู่ใกล้ๆ ขวัญให้มากขึ้น...
ก๊อก ก๊อก... เสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงเปิดประตู คุณหญิงในชุดเรียบหรูเดินเข้ามาเสียงรองเท้าส้นสูงดังเตาะแตะเมื่อกระทบกับพื้นหินอ่อนที่ขัดเงาอย่างดีตัดกับความเงียบสงบในห้องนั้นท่าทางสง่างามของท่านทำให้บรรยากาศรอบตัวเต็มไปด้วยความเป็นทางการ
“คุณแม่มาหากระผมถึงห้องมีอะไรหรือเปล่าครับ?” เจ้าทัพถามพร้อมกับมองไปที่คุณหญิง
คุณหญิงนั่งลงข้างๆเจ้าทัพบนโต๊ะพลางใช้มือลูบผมและลูบชายเสื้อของเขาอย่างอ่อนโยนสีหน้าของท่านเต็มไปด้วยความอบอุ่นและห่วงใย “เจ้าทัพของแม่ โตขึ้นขนาดนี้แล้วนะใบหน้าของลูกเหมือนกับคุณพ่อตอนหนุ่มๆ ไม่มีผิด”
เจ้าทัพยิ้มให้เพียงน้อยๆด้วยท่าทีที่ยังคงรักษาความสุภาพ เขารู้สึกเกร็งเล็กน้อยราวกับว่าเป็นสิ่งที่แปลกใหม่สำหรับเขา “ทำตัวตามสบายเถอะจ่ะแม่แค่อยากมาถามลูกว่าอยู่ที่นี่สบายดีหรือไม่ ขาดเหลือสิ่งใดบอกแม่ได้เลยนะแม่จะให้คนไปจัดหามาให้” ท่านพูดพร้อมกับยิ้มอ่อนๆ ที่มุมปาก
“เป็นพระคุณมากครับ คุณแม่ กระผมสบายดีเพียงแต่ยังไม่ค่อยชินนัก” เจ้าทัพตอบด้วยความสุภาพ แต่ท่าทางของเขายังคงแฝงไปด้วยความไม่คุ้นเคย
คุณหญิงพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะถอนหายใจเบาๆ “แม่เข้าใจลูกนะ จริงสิ แม่มีเรื่องจะคุยกับลูกสองสามเรื่อง”
“เรื่องอะไรหรือครับคุณแม่?”เจ้าทัพถามด้วยความสงสัย
“ปีนี้ลูกก็คงจะอายุไม่ใช่น้อยแล้วสินะแม่อยากให้ลูกเข้ารับราชการตำรวจเหมือนคุณพ่อ ลูกจะว่าอย่างไร”คุณหญิงพูดพร้อมกับมองไปที่ลูกชายของตนด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความหวัง
เจ้าทัพทำท่าคิดหนักก่อนจะตอบไปด้วยเสียงที่ค่อยๆ หลุดออกมา“เอิ่ม...มันไม่เร็วไปหน่อยหรือครับคุณแม่”
“เร็วอะไรกันล่ะ ยิ่งรีบทำผลงานยิ่งดีไม่ต้องกังวลไปหรอกนะ ยังไงก็ลองเก็บไปคิดดูก่อน” คุณหญิงตอบด้วยน้ำเสียงมั่นใจแม้จะเห็นความลังเลในท่าทีของเจ้าทัพ
“ครับ...กระผมจะลองคิดดู”เจ้าทัพพยักหน้าอย่างตั้งใจ เขารู้สึกถึงความคาดหวังที่แม่มีต่อตนแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าจะเดินตามทางนี้ดีหรือไม่
ภายในห้องโถง
“เจ้าทัพนี่หน่วยก้านมันดีจริงๆ นะถ้าได้ฝึกอีกสักหน่อยรับรองว่าเก่ง” เสียงพูดคุยดังมาจากห้องโถงของบ้านนายตำรวจที่ท่าทางยศสูงพอๆ กับคุณพ่อยืนคุยกันอย่างออกรสพลางเอ่ยถึงชื่อของเจ้าทัพด้วยความชื่นชม
เจ้าทัพเดินเข้ามาอย่างนอบน้อมใบหน้าของเขาแสดงออกถึงความเคารพอย่างเต็มที่ เมื่อเห็นทั้งสองหันมามองเขาจึงก้มตัวลงทำความเคารพอย่างถูกต้อง
“สวัสดีครับคุณพ่อ...สวัสดีครับคุณท่าน” เสียงของเจ้าทัพแผ่วเบาแต่ก็เต็มไปด้วยความเคารพในคำพูดและท่าทางที่เหมาะสมกับสถานการณ์
นายตำรวจผู้มีตำแหน่งสูงยิ้มให้กับท่าทางของเจ้าทัพ“ดีมาก เจ้าเป็นเด็กดีจริงๆเอาไว้หากมีโอกาสจะช่วยแนะนำให้ตามที่ได้พูดถึงเมื่อสักครู่”เสียงท่านอ่อนโยนแต่ก็แฝงไปด้วยความคาดหวัง เจ้าทัพยิ้มบางๆพลางก้มศีรษะอย่างสุภาพ
“ยังไงก็ฝากด้วยก็แล้วกันครับ”คุณพ่อกล่าวพร้อมกับมองมาทางเจ้าทัพ ท่าทางของท่านแฝงไปด้วยความคาดหวัง
เขานึกไตร่ตรองถึงการเข้ารับราชการตำรวจตามคำของคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่สามารถขัดใจได้เลยแม้จะไม่เต็มใจนัก แต่ดูเหมือนว่าท่านทั้งสองจะคาดหวังในตัวเขามากยิ่งนักความคาดหวังเหล่านั้นทำให้เขารู้สึกหนักใจขึ้นทุกครั้งที่ต้องคิดถึงมันยิ่งเดินลึกเข้าไปในเส้นทางนี้มากเท่าไรเขาก็ยิ่งรู้สึกว่าการกลับตัวยิ่งทำได้ยากขึ้นเท่านั้นราวกับทุกก้าวที่เขาก้าวไปข้างหน้า มันยิ่งดึงเขาเข้าไปสู่สิ่งที่เขาไม่สามารถหลีกหนีได้
คืนนั้นเขาแอบย่องออกจากบ้านแต่กลับได้พบกับสิงหะที่ดักรออยู่แล้ว “พี่ทัพจะไปไหน” เสียงของสิงหะดังขึ้นทำให้เขาสะดุ้งเฮือกเมื่อรู้สึกว่าโดนจับได้
“เอ่อ...พี่...” เขาตอบกลับไปอย่างไม่มั่นใจ
“ไม่ต้องห่วงหรอกฉันไม่เอาเรื่องนี้ไปบอกใครหรอก เดี๋ยวฉันจะอยู่รับหน้าให้พี่เอง พี่รีบไปเถอะแล้วอย่ากลับมาสายล่ะ” สิงหะพูดพร้อมกับสีหน้าที่แสดงออกถึงความเข้าใจดีก่อนจะชี้บอกทางลัดให้พี่ชาย
“ขอบใจนะ น้องชาย” เจ้าทัพกล่าวขอบคุณ ก่อนจะรีบเดินจากไป
บางทีการที่มีน้องชายเพิ่มมาอีกคนก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรเจ้าทัพคิดในใจ ก่อนจะหายลับเข้าไปในป่าที่มืดมิดแสงดาวที่ลอยอยู่เหนือท้องฟ้าคอยบอกทางให้เขาเดินไปข้างหน้า เจ้าทัพก้าวยาวๆเข้าสู่เส้นทางที่คุ้นเคยดี ใช้วิชาพลางตัวซ่อนเร้น เพื่อไม่ให้ใครเห็น เขาค่อยๆลัดเลาะไปจนถึงหน้าเรือนเล็กซึ่งเป็นที่พักอาศัยของขวัญข้าว
เขาอดไม่ได้ที่จะเร่งฝีเท้าเข้าไปพบหน้าคนที่เขาเฝ้าคิดถึงขวัญที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง ขณะนี้เจ้าทัพได้เข้าไปนั่งข้างๆ เขาค่อยๆยกมือขึ้นลูบหน้าของขวัญที่เคยอวบอิ่มแต่ตอนนี้กลับดูซูบลงเล็กน้อยดวงตาของเจ้าทัพเต็มไปด้วยความโหยหา
เขาค่อยๆ สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ ของร่างกายขวัญก่อนจะค่อยๆ เลื่อนตัวเข้าไปใกล้ จนร่างทั้งสองสัมผัสกันเขากอดร่างของขวัญไว้ในอ้อมแขนแนบแน่นจนได้ยินเสียงหายใจของกันและกันคำพูดไม่ได้สำคัญเท่าไหร่ในเวลานี้ แต่ความรู้สึกในหัวใจของเจ้าทัพกลับเต็มไปด้วยความอุ่นใจและความรักที่ไม่มีวันจางหาย
“อื้อ~” ขวัญขยับตัวเล็กน้อยราวกับรู้สึกถึงความผิดปกติในอากาศ เมื่อร่างกายอุ่นๆของอีกฝ่ายสัมผัสกับเนื้อเย็นของเขา ค่อยๆ ขยับเข้าหาความอบอุ่นนั้นอย่างไม่รู้ตัวแม้ยังไม่แน่ชัดว่าคืออะไร แต่ความอบอุ่นนั้นกลับทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและสบายใจในลึกๆ
เจ้าทัพรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวของขวัญใบหน้าของเขายังคงอยู่ใกล้กับขวัญมากขึ้น ราวกับว่าไม่มีอะไรที่จะขัดขวางเขาได้ขวัญค่อยๆ หยุดขยับ ร่างกายยังคงซบอยู่ในอ้อมแขนของเขาเสียงหายใจของทั้งสองคนผสานกันอย่างไร้คำพูด
“พี่มาหาเจ้าแล้วหนา ขวัญของพี่”เจ้าทัพกระซิบเบาๆ ข้างหู ขวัญที่เริ่มรับรู้ถึงลมหายใจนั้นค่อยๆ ลืมตาขึ้นมาท่ามกลางความมืดมิดที่ล้อมรอบ แต่เขากลับจดจำใบหน้าของอีกฝ่ายได้ดีดวงตาของขวัญเบิกกว้างเล็กน้อยด้วยความตกใจและความคุ้นเคย
“พี่ทัพ มาตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?”ขวัญถามเสียงแผ่ว ราวกับยังไม่เชื่อในสิ่งที่เกิดขึ้น
เจ้าทัพยิ้มบางๆ พร้อมกับโน้มใบหน้าเข้าใกล้“พี่คิดถึงเจ้า อยากกอด อยากหอมให้ชื่นใจ” ว่าแล้วเจ้าทัพก็ทำตามที่พูดทั้งกอดร่างของขวัญแน่นและหอมที่ข้างแก้มหลายฟอดราวกับจะเก็บเกี่ยวความรักทั้งหมดเอาไว้ใช้อีกนานเขาสูดกลิ่นกายของขวัญเข้าไปในปอด รู้สึกถึงความอบอุ่นและความปลอดภัยในทุกๆการกระทำของตัวเอง ทั้งคู่จมอยู่ในความรู้สึกนั้นจนทุกสิ่งรอบตัวดูเบลอไปหมด
ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มรวยรินความหอมหวานจากริมฝีปากของขวัญทำให้ทัพแทบคลั่งเขาไล้เลียริมฝีปากล่างของขวัญอย่างแผ่วเบา ก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปตักตวงความหวาน สำรวจโพรงปากอย่างละเอียด
ขวัญครางแผ่วในลำคอ ตอบรับจูบนั้นอย่างกระตือรือร้นลิ้นเล็กเกี่ยวกระหวัดรัดรึงกับลิ้นร้อนของทัพ สร้างความรัญจวนใจจนแทบหยุดหายใจ
มือหนาของทัพเลื่อนลงมาโอบเอวบาง ดึงร่างของขวัญเข้ามาแนบชิดสัมผัสถึงกล้ามเนื้อแข็งแรงใต้เสื้อผ้าบาง ความปรารถนาที่คุกรุ่นมานานพลันปะทุขึ้น
ขวัญเองก็รู้สึกถึงความร้อนรุ่มจากร่างกายของเจ้าทัพมือเล็กเลื่อนขึ้นโอบรอบคอ จิกเล็บลงบนแผ่นหลังกว้างอย่างลืมตัว เสียงครางแผ่ว เสียงหอบหายใจและเสียงจูบที่ดังขึ้นเรื่อยๆ ผสมผสานกันเป็นท่วงทำนองแห่งความรัก
ทัพผละออกจากริมฝีปาก แต่ยังคงไล้จูบไปตามกรอบหน้าซอกคอและไหปลาร้าปล่อยให้ความรักและความโหยหาที่กักเก็บไว้หลั่งไหลออกมาผ่านสัมผัส
"ขวัญ..."เขาครางชื่อคนรักแผ่วเบาเสียงแหบพร่าเต็มไปด้วยความปรารถนา
ขวัญเงยหน้าขึ้นสบตาเจ้าทัพ แววตาของเขาลุกโชนด้วยไฟแห่งรักราวกับจะเผาผลาญทุกสิ่งให้มอดไหม้ ในวินาทีนั้นขวัญรู้ว่าเขาต้องการเจ้าทัพมากแค่ไหน
"พี่ทัพ..."เขาเอ่ยเรียกเสียงสั่นเครือ
ทัพไม่รอช้าเขาก้มลงจูบขวัญอีกครั้งคราวนี้รุนแรงกว่าเดิมราวกับจะกลืนกินคนรักเข้าไปทั้งตัวขวัญตอบรับจูบนั้นอย่างเร่าร้อน ปลดปล่อยความรู้สึกทั้งหมดที่มี
เสื้อผ้าที่เคยเป็นระเบียบหลุดรุ่ย เผยให้เห็นผิวเนื้อเนียนละเอียดร่างกายของทั้งสองแนบชิด ไม่มีช่องว่างใดๆกั้นกลางริมฝีปากของทัพยังคงตระเวนไปทั่วร่างกายของขวัญไล่เลียไปตามรอยจีบพวงนิ่มหยอกเย้าอย่างแผ่วเบาทิ้งร่องรอยแห่งความรักไว้เป็นจ้ำๆ
"อื้อ..."ขวัญครางเสียงสั่นเมื่อเจ้าทัพขบเม้มยอดอกสีชมพูเบาๆ ความรู้สึกแปลกใหม่ซ่านไปทั่วร่างกาย
"พี่ทัพ..."ขวัญเรียกชื่อคนรักเสียงแหบพร่าราวกับต้องการเรียกร้องให้อีกฝ่ายมอบสัมผัสที่มากกว่านี้
ทัพเงยหน้าขึ้นสบตาขวัญ"ขวัญพี่ขอเข้าไปในตัวเจ้าได้หรือไม่"เขาถามเสียงทุ้มต่ำ
ขวัญพยักหน้ารับแม้จะยังไม่แน่ใจนัก ทัพยิ้มบางๆก่อนจะค่อยๆ รุกคืบเข้าหาขวัญอย่าง อ่อนโยน ใช้หัวบวมแดงวนสัมผัสรอบรูจีบเบาๆ เพื่อสร้างความคุ้นเคยให้กับอีกฝ่ายก่อนจะถูไถส่วนหัวเข้ากับซอกรัก แช่ค้างแก่นกายให้ช่องทางรักค่อยๆปรับสภาพ
"อ๊ะ..."ขวัญร้องเสียงหลงเมื่อความรู้สึกเจ็บปวดแล่นเข้ามาแทนที่ความสุขทันทีที่แท่งเอ็นร้อนค่อยๆถูกกดเข้ามาในช่องแคบหวานฉ่ำ
ทัพหยุดชะงัก ดวงตาเต็มไปด้วยความเป็นห่วง“เจ็บมากไหม... ขวัญ?” เขาถามด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความกังวล
ขวัญส่ายหน้าเบาๆ “ไม่มากจ่ะพี่”แต่คำตอบนั้นกลับมาพร้อมเสียงที่สั่นเครืออย่างไม่อาจปิดซ่อนความเจ็บปวดได้
เจ้าทัพจูบหน้าผากขวัญอย่างปลอบโยนก่อนจะเริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งคราวนี้ช้าๆและอ่อนโยนกว่าเดิม ขวัญหลับตาแน่นท่องชื่อคนรักในใจซ้ำๆเพื่อระงับความเจ็บปวดทัพจูบซับความเจ็บปวดจากริมฝีปากของขวัญ มือหนาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังเนียนปลอบประโลมคนรักอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกผิดที่ทำให้ขวัญต้องเจ็บปวดแล่นริ้วในอกแต่ในขณะเดียวกันความปรารถนาก็พลุ่งพล่านจนยากจะหักห้ามใจ
"พี่ทัพ..."ขวัญครางเรียกชื่อคนรัก เสียงสั่นเครือที่เต็มไปด้วยความรู้สึกที่ยากจะอธิบาย
"ไม่เจ็บแล้วใช่ไหม?" ทัพถามเสียงเบา สีหน้ากังวลก่อนจะยื่นมือไปจูบซับน้ำตาที่เอ่อคลออยู่บนข้างแก้มของขวัญอย่างแผ่วเบา
ขวัญส่ายหน้าไปมา"อื้อ...ไม่เจ็บแล้ว" เขาพยายามตอบแม้ว่าภายในใจยังรู้สึกถึงความเจ็บปวดบางประการแต่เขาก็ไม่อยากให้เจ้าทัพเป็นห่วง หรือรู้สึกผิด
ทัพยิ้มอ่อนโยนรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความรักและอ่อนหวาน"ดีแล้ว...พี่จะทำให้ขวัญมีความสุขที่สุด"คำพูดของทัพเต็มไปด้วยความมั่นคงและความรักที่ไม่มีเงื่อนไขขวัญรู้สึกได้ถึงความจริงใจที่เจ้าทัพมอบให้ และหัวใจของเขาก็อบอุ่นขึ้นอีกครั้ง
ว่าแล้วเจ้าทัพก็เริ่มเคลื่อนไหวอีกครั้งคราวนี้ช้าๆ และนุ่มนวล ราวกับจะให้ความสำคัญกับทุกการสัมผัสเขาเคลื่อนตัวอย่างระมัดระวัง เอาใจใส่ความรู้สึกของขวัญเป็นอย่างดี ทุกจังหวะที่เกิดขึ้นเต็มไปด้วยความใกล้ชิดและความอ่อนโยนขวัญครางเสียงดังขึ้นเรื่อยๆ ร่างกายบิดเร่าไปตามจังหวะของเจ้าทัพความรู้สึกสุขสมค่อยๆ ก่อตัวขึ้นในใจของเขา จนมันแทบจะล้นออกมาไม่อาจเก็บไว้ได้ความร้อนรนในอกและความอบอุ่นที่ลึกซึ้งทำให้ขวัญแทบไม่อาจควบคุมตัวเองได้
เจ้าทัพเองก็สัมผัสได้ถึงความสุขที่ได้มอบให้ขวัญรอยยิ้มที่ละมุนปรากฏขึ้นบนใบหน้า ก่อนที่เขาจะจูบขวัญอย่างดูดดื่มราวกับไม่อยากให้ความรู้สึกนี้จบลงเขากระซิบคำหวานข้างหูของขวัญด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน
"ขวัญ... พี่รักขวัญนะ"
เสียงของพี่ทัพนั้นแผ่วเบา แต่กลับชัดเจนในใจของขวัญทุกคำที่ทัพพูดคล้ายจะลึกซึ้งลงไปถึงหัวใจขวัญรู้สึกถึงความรักที่บริสุทธิ์และมั่นคงที่เจ้าทัพมอบให้พร้อมกับความรู้สึกที่ล้นปรี่จนไม่อาจอธิบายออกมาได้
"ขวัญก็รักพี่ทัพ"ขวัญตอบกลับ เสียงของเขาสั่นด้วยความรู้สึกที่ลึกซึ้งและจริงใจจังหวะหัวใจเต้นรัวด้วยความอบอุ่นจากคำพูดเหล่านั้น
แสงแรกแห่งอรุณรุ่งสาดส่องลอดผ่านช่องหน้าต่างทาบทาลงบนร่างสองร่างที่กอดก่ายกันกลมเจ้าทัพปรือตาขึ้น พบกับใบหน้าอันหล่อเหลาของขวัญที่ซบอิงแอบแนบอยู่บนอก ความรู้สึกอิ่มเอม สุขล้นเอ่อล้นท่วมท้นในหัวใจ
เขาก้มมองคนรัก ไล้นิ้วไปตามพวงแก้มเนียนใส จมูกโด่งเป็นสันริมฝีปากอิ่มสีระเรื่อ ราวกับภาพฝัน ความงดงามที่ไม่อาจละสายตาได้
ช่วงเวลาแห่งความสุขช่างผ่านไปรวดเร็ว ราวกับสายน้ำที่ไหลรินไม่รู้ว่าความสุขนี้จะคงอยู่ได้นานเพียงใด แต่เขาจะเก็บเกี่ยวช่วงเวลาเหล่านี้ไว้ให้มากที่สุด ราวกับกอบเก็บทรายละเอียดก่อนที่มันจะร่วงหล่นหายไปกับสายลม
มีเรื่องราวมากมายที่เขาอยากจะบอกเล่า อยากจะแบ่งปันแต่ก็ยังมีเรื่องราวอีกมากมายที่เขาไม่อาจเอ่ย ความกลัวความกังวลยังคงวนเวียนอยู่ในใจหากขวัญรู้ความจริงทั้งหมด เขาจะยังรัก ยังคงอยู่เคียงข้างเขาเช่นนี้หรือไม่
"กลัวเหลือเกินว่าจะเสียเจ้าไปอีกครั้ง"เขาพึมพำกับตัวเอง เสียงแผ่วเบา
อ้อมแขนแกร่งกระชับกอดขวัญแน่นขึ้น ซุกไซร้ใบหน้าลงบนแก้มนุ่มสูดกลิ่นกายหอมกรุ่น ราวกับจะบันทึกความรู้สึกนี้ไว้ในความทรงจำ เขาไม่อยากจากไปไหนอยากหยุดเวลาไว้เพียงเท่านี้ แต่หน้าที่และความรับผิดชอบก็ไม่อาจละเลยได้
----------------------------------------------ฝากเอาใจช่วยทั้งสองให้ผ่านเรื่องราวไปให้ได้นะขอบคุณที่เข้ามาอ่าน ฝากติดตามด้วยครับ
สนุกมากครับ อยากลุ้นจัง5555 อีกคู่สิงหะกะชุมผาจัง
ลุ้นต่อไปกะไอ้ทัพจะไปทางทิศไหน
ขอบตุยคับ คำปุ้ย ตอบกลับเมื่อ 2025-1-6 17:00
อยากลุ้นจัง5555 อีกคู่สิงหะกะชุมผาจัง
ลุ้นต่อไปกะไอ้ทัพจะไปทางทิศไหน
ขอบตุยคับ
มีคนเดาออกด้วยว่าเจ้าสิงคู่กับชุมผา:loveliness: ขอบคุณคับ อย่าขมมากนะครับ พอดีชอบหวานๆ:D ขอบคุณมากครับ รอติดตามต่อครับ
หน้า:
[1]