เรื่องเล่าของตูน ตอนที่ 11
เย็นนี้ผมมาแวะที่ตลาดก่อนกลับคอนโดเช่นเคย กะว่าจะหาซื้ออะไรกลับไปกินนิดๆ หน่อยๆ ระหว่างที่ผมกำลังหาซื้อของกินอยู่ ได้ยินเสียงโอ้ยดังๆ ทีหนึ่ง หันไปก็เห็นว่า มีคุณป้าคนหนึ่งนั่งอยู่กับพื้น สีหน้าไม่สู้ดีนัก มีคุณลุงคนหนึ่งที่น่าจะเป็นสามีกำลังนั่งประคองอยู่ใกล้ๆ ด้วยความที่ตอนนั้นมีแต่แม่ค้าและผู้สูงอายุใกล้ๆ ผมเลยเตัดสินใจเข้าไปให้ความช่วยเหลือ"เป็นอะไรไหมครับ มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ" ผมถามทั้งคู่
"พอดีคุณป้าเขาน่าจะเดินแล้วข้อเท้าพลิกนิดหน่อยน่ะหนู" คุณลุงบอกผม
"ไหวไหมครับ เดี๋ยวผมช่วยประคองลุกขึ้นนั่งดีๆ ก่อน" ผมบอกพวกแกพอดีกับแม่ค้าร้านข้างๆ เอาเก้าอี้พลาสติกมาวางใกล้ๆ
"ช่วงลุงเขาพาป้าเขามานั่งบนนี้ดีๆ ก่อนลูก" แม่ค้าบอกผม รอบๆ ข้างเริ่มมีกลุ่มไทยมุงเข้ามามุงดูแล้วครับ
"คุณป้าพอจะลุกไหวไหมครับ เดี๋ยวผมช่วยประคองครับ" ผมบอกแก แกพยักหน้าให้ 1 ที ผมกับคุณลุงเลยช่วยกันพาแกมานั้งบนเก้าอี้จนได้ หน้าแกยัดฃงดูปวดๆ อยู่ไม่น้อย
"ขอบใจมากหนู" แกพูดแล้วเอื้อมมือมาบีบแขนผมเบาๆ
"อ้าวแม่...เกิดอะไรขึ้น" ผมหันไปมองทางต้นเสียง เห็นมาร์ควิ่งเข้ามาหาคุณป้าที่ผมพึ่งช่วยประคองขึ้นมานั่งที่เก้าอี้อย่างรวดเร็ว
"เดินๆ แล้วข้อเท้ามันพลิกนิดหน่อย ดีที่พ่อแกกับพี่คนนี้ช่วยประคองขึ้นนั่ง" คุณป้าตอบมาร์คแล้วหันมามองผม ผมกับมาร์คมองหน้ากันอึ้งๆ เล็กน้อย
"คือพี่ตูน...นี่พ่อแม่ผมเอง" ผมพยักหน้ารับอึ้งๆ ก่อนจะยกมือสวัสดีพวกเขาทั้งสองคน
"อ้าว...นี่รู้จักกันเหรอ โลกกลมดีจริงๆ แล้วนี่ใครเหรอลูก" พ่อของมาร์คพูดพร้อมยิ้มให้เล็กน้อย ผมเห็นมาร์คอึกอักเล็กน้อยเลยชิงตอบไปก่อน
"ครับผม เป็นรุ่นพี่มาร์ค อยู่คอนโดเดียวกัน ชื่อตูนครับ" ผมบอกพวกแก
"เออดีๆๆ ลูก...งั้นเดี๋ยวไปหาซื้ออะไรไปกินด้วยกันนะลูก" แม่ของมาร์คบอกมาร์คแล้วหันมามองผมแล้วพยักหน้าให้ผม
"ไม่ไปหาหมอก่อนเหรอครับ ไปเช็คสักหน่อยไหมครับ" ผมถามพวกแก แกส่ายหน้าให้ผม
"ไม่เป็นไรลูกๆ แค่ข้อเท้าแพลง ยังไงเดี๋ยวไปกินข้าวด้วยกันนะ" แม่มาร์คพูดแล้วชวนผมอีกครั้ง
"อ่า...ก็ได้ครับ" ผมตอบรับอย่างปฏิเสธไม่ได้ ผมกับมาร์คเลยขอตัวเดินไปซื้อของกินโดยให้พ่อมาร์ครออยู่กับแม่ของเขาตรงนั้น
"ไปไงมาไงเนี่ย" ผมถามมาร์คระหว่างที่พวกเราเดินซื้อมื้อเย็น
"พึ่งมาด่วนๆ บ่ายนี้เลย เพื่อนแม่เข้าโรงพยาบาล อาการหนักเอาเรื่อง พ่อแม่เลยมาเยี่ยม" มาร์คตอบผม เสียงเขากังวลเล็กน้อย
"มากี่วันอ่ะ นอนห้องมาร์คเลยป่าว" ผมถามเขา
"ใช่พี่ น่าจะมานอนที่ห้องผม 3-4 วันนะ เห็นว่าเพื่อนสนิทสมัยเรียนเข้าโรงพยาบาล เยี่ยมเสร็จจะแวะไปไหว้พระที่วัดอะไรไม่รู้อีกที่เยาวราช ถือโอกาสเที่ยวไปด้วย" มาร์คตอบผม
"อ๋าา...งั้นช่วงนี้มาร์คก็อยู่กับพ่อแม่ไปก่อนเนอะ" ผมบอกเขาแล้วยิ้มให้ เขาพยักหน้ารับ
"ก็คงต้องงั้นแหละพี่ แต่ดีนะ ที่ช่วงนี้ยังไม่เริ่มงาน อยู่ห้องว่างๆ วันนี้พ่อโทรหาผมตอนสายๆ ว่าจะมานอนด้วย ตอนนี้กำลังจะขับรถออกจากบ้าน ผมนี่รีบไปทำความสะอาดห้อง รีบเก็บของย้ายของแทบไม่ทัน ดีนะห้องพี่อยู่แค่ชั้นบนอ่ะ เลยใช้เวลาไม่มาก" เขาบอกผม ผมหัวเราะออกมานิดหน่อย
"เอาน่า ช่วงนี้ก็พวกเราก็เป็นพี่น้องกันไปก่อนเนอะ" ผมหันไปบอกมาร์คแล้วยิ้มให้เล็กน้อย
"เห้อ นอยว่ะพี่ เหมือนพวกเราแอบคบกันเลย" เขาบอกผมหน้างอ
"เอาน่าาา" ผมบีบไหล่เขาให้กำลังใจ
................................
พ่อแม่ของมาร์คชวนผมคุยหลายเรื่องระหว่างกินข้าว เป็นคนที่ไหน ทำงานอะไร รู้จักกับมาร์คได้ยังไงเยอะแยะไปหมด บางครั้งก็เผามาร์คให้ฟัง ทำเอามาร์คทำหน้างออยู่หลายครั้งเลยครับ
"มาร์คบอกว่าอยากไปไหว้พระแถวเยาวราชเหรอครับ" ผมถามขึ้นมา
"ใช่ลูก แต่ดันเจ็บข้อเท้าซะก่อน ไม่รู้จะเดินไหวไหม" แม่มาร์คบอกด้วยเสียงแอบเสียดายนิดๆ
"แล้วตอนนี้เป็นไงบ้างครับ ยังเจ็บอยู่ไหม" ผมถาม
"ก็ตึงๆ ปวดๆ นิดหน่อยเวลาขยับ แต่ถ้าลงน้ำหนักตอนเดินนี่เจ็บเลย" แม่มาร์คบอกผม
"ไปหาหมอไหมแม่ เดินไม่ไหวไปเยี่ยมเพื่อนไม่ได้นาา" มาร์คพูดขึ้นมา
"รอดูพรุ่งนี้ก่อน วันนี้ทายา พันขาไว้แล้วนอนก็พอ" แม่มาร์คตอบ
"แล้วแต่นะแม่" มาร์คพูดแล้วหัวเราะ
"เอ่อ...เริ่มดึกแล้ว ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ คุณแม่จะได้พักด้วย" ผมบอกลาครอบครัวของมาร์คเพื่อกลับห้อง
"โอเคพี่ บ๊ายบาย" มาร์คพูดแล้วโบกมือให้ผม
"อืม บายยย" ผมบอกลามาร์คแล้วยกมือไหว้บอกลาพ่อแม่ของเขาก่อนที่จะเดินออกมา ในใจรู้สึกแปลกๆ กังวลนิดๆ โล่งหน่อยๆ บอกไม่ถูกเลยครับ
................................
"เป็นไงบ้างพี่" มาร์คแชทมาหาผมตอนดึก
"ก็ไม่เป็นไรนี่ ว่าแต่เราเถอะ เป็นไงบ้าง" ผมถามเขากลับ
"ทำตัวไม่ถูกเลย" เขาตอบผมก่อนส่งสติกเกอร์ร้องไห้มาให้
"เอาน่า...อาจไม่มีอะไรเกิดขึ้นก็ได้ พวกเราก็ทำตัวตามปกตินี่แหละ" ผมบอกมาร์คไป
"คิดถึง..." เขาพิมพ์มาหาผม
"เหมือนกัน" ผมตอบเขาก่อนส่งสติกเกอร์หัวใจไปให้
"ขอบคุณนะพี่ ที่ช่วยแม่ผม" เขาบอกผม
"ไม่เป็นไร พี่เต็มใจ" ผมบอกมาร์ค แล้วส่งสติกเกอร์ Good Night ไปให้เขา
"ฝันดีเช่นกันครับ รักนะครับ" เขาบอกผม
"เช่นกันครับ" ผมบอกเขาไป คืนนี้ผมใช้เวลานานกว่าจะนอนหลับ พลิกตัวไปมาก็ยังนอนไม่หลับ เหมือนหาที่นอนสบายไม่ได้สักที ดูนาฬิกาก็ตี 1 กว่าแล้วก็ยังนอนลืมตามองเพดานมืดๆ ในห้องตัวเอง ทำไงก็นอนไม่หลับ ผมคงไม่ชินที่ไม่มีมาร์คนอนข้างๆ เห้อ...อยากให้มาร์คมานอนข้างๆ จังครับ
...............................
"หน้าเหนื่อยขนาดนี้ เมื่อคืนจัดหนักมาหรือจ๊ะ" เสียงกวนส้นเท้าของอาร์มถามผมอย่างล้อเลียนตอนที่ผมกินข้าวกลางวันกับมัน
"ก็แย่ละ" ผมตอบมันด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
"เอ้าไหนยังไงซิ ทะเลาะกับมาร์คเหรอ" อาร์มถามผม
"ไม่ได้ทะเลาะ พอดีพ่อแม่ของมาร์คมาทำธุระที่นี่น่ะ" ผมเลยเล่าเหตุการณืที่เกิดขึ้นตอนเย็นเมื่อวานให้อาร์มฟัง
"อ๋อ...เป็นนี้เอง แล้วหน้าเหนื่อยงี้คือไร ไม่ค่อยโอเคเหรอ" อาร์มถามผมต่อ
"ไม่ได้ไม่โอเค...บอกไม่ถูกว่ะ" ผมวางช้อนกินข้าวแล้วตอบมัน ก่อนจะถอนหายใจหน่อยๆ เพื่อระบายความอัดอั้นอะไรบางอย่างออกมา ถึงจะรู้ว่าการถอนหายใจออกมามันช่วยอะไรไม่ได้ก็เถอะ
"ก็ว่ากูพอเดาถูกนะ พวกมึงคบกัน แต่พ่อแม่เขาไม่รู้ไรงี้ป่ะ" มันถามผม ผมหยักหน้าแกนๆ ตอบมัน
"ก็ประมาณนั้นแหละ คือกูไม่รู้ไงว่าเขาจะโอเคไหมถ้าลูกเขามีแฟนเป็นผู้ชาย ก่อนหน้านี้มาร์คเคยบอก ว่าที่บ้านค่อนค่างแบบว่า..."
"หัวโบราณงี้ป่ะ" อาร์มพูดขึ้นมา
"ก็ประมาณนึง" ผมตอบมัน
"แต่จากที่มึงเล่า เขาก็ชวนมึงคุยดีนี่นา" อาร์มพูดต่อพร้อมกับดูดน้ำเข้าปากอึกใหญ่
"ก็ตอนนี้เขาไม่รู้ไงมึง ว่ากูกับมาร์คเป็นแฟนกัน ถ้ารู้อะไรๆ ก็อาจเปลี่ยน" ผมตอบอาร์มแล้วพิงพนักเก้าอี้ ไม่อยากกินข้าวต่อขึ้นมาดื้อๆ ทั้งๆ ที่กินไปได้นิดหน่อยเอง
"เล่นละครแสดงบทเป็นคนดีไหม เผื่อเขาจะเห็นใจแล้วพอรู้ว่าพวกมึงคบกันก็อาจจะยอม" มันบอกผมด้วยสีหน้าจริงจัง
"โอ้ยย...ไอ้อาร์ม มันคนละเรื่องกัน ความรักไม่ใช่รางวัลของคนดี บางคนโคตรจะดี แต่พ่อแม่กีดกันก็มีเยอะไป อย่างมึงอีกทำดีให้น้องคนเก่าของมึงแทบตาย สุดท้ายเขาก็ไปเลือกอีกคน" ผมบอกมัน
"โอ้ยมึงนี่ จี้ใจกูอีกทำไม" มันพูดแล้วหัวเราะใส่ผม
"ก็จริงอยู่ เรื่องแบบนี้มันคือคนที่ใช่ว่ะ ไม่ใช่คนที่ดี ปัญหาคือ คนที่ใช่ของพ่อแม่เขาคือคนแบบไหนวะ" อาร์มพูดแล้วทำหน้าครุ่นคิด ผมส่ายหน้าตอบมัน
"แล้วนี่มาร์คไปไหนอ่ะ ยังไม่เริ่มงานไม่ใช่เหรอ" อาร์มถามผม
"ก็อยู่กับพ่อแม่เขาแหละ เห็นว่าจะพาแม่ไปเยี่ยมเพื่อนที่โรงพยาบาลแล้วจะให้หมอดูข้อเท้าที่เจ็บต่อเลย" ผมตอบมัน
"แล้วนี่ไม่กินต่อแล้วเหรอ งั้นกูขอนะ" มันชี้มาที่จานผม ผมพยักหน้าให้มัน ก่อนที่จะมองมันค่อยๆ กินข้าวอย่างเอร็ดอร่อย
"เห้อ รีบกินนะ เดี๋ยวกูจะรีบกลับไปงีบสักหน่อย"ผมบอกมัน มันหัวเราะเบาๆ แล้วรีบตักข้าวเข้าปากอย่างไวเลยครับ
...............................
มาร์คบอกผมว่า พ่อแม่คงจะอยู่ต่อนานกว่าเดิมเนื่องจากอาการของเพื่อนสนิทแม่ไม่ดีเลย พ่อของมาร์คขับรถกลับบ้านที่อีสานเพื่อไปเอาชุดมาเพิ่ม โดยแม่ของมาร์คอยู่ที่นี่กับมาร์คต่อ บางวันผมก็ไปกินข้าวกับครอบครัวมาร์ค แต่ส่วนมากผมก็จะบอกปฎิเสธไปครับ อ้างว่าติดงานบ้าง กลับดึกบ้าง ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ผมกลัวทำตัวไม่ถูกแล้วอีกอย่าง ให้ครอบครัวเขาได้ใช้เวลาด้วยกันน่าจะดีกว่าครับ...แต่หลังจากนั้นไม่กี่วันข่าวร้ายก็เกิดครับ เพื่อนของแม่มาร์คเสียครับ ผมเห็นแม่มาร์คซึมไปเลย ก็อย่างว่าแหละครับ แม้วันหนึ่งทุกคนก็ต้องแยกย้ายกันเติบโตไปตามทางของตัวเอง แต่ความทรงจำ ความผูกพัน จากอดีตที่สวยงามมันยากที่จะลืมครับ
หลังจากงานขาวดำของเพื่อนผ่านไป ข้อเท้าของแม่มาร์คดีขึ้นเยอะ เดินเหินได้สะดวกขึ้น ในวันหยุดผมเลยถือโอกาสพาครอบครัวพวกเขาไปเที่ยวและไหว้พระที่เยาวราชอย่างที่พวกเขาอยากไป ผมพากิน พาเดินเที่ยวในระยะไม่ไกลมากเพราะยังกลัวแม่ของมาร์คจะปวดข้อเท้าขึ้นมาอีก แต่ดูทุกคนเอนจอยนะครับ ผมพาไปเริ่มที่วัดดังอย่างวัดเล่งเน่ยยี่ วัดเล็กเก่าแก่อย่างวัดบำเพ็ญจีนพรต ก่อนจะพามาไหว้ที่ศาลเจ้ากวนอูและเทพเจ้าม้า
"ที่นี่คนชอบมาขอพรเรื่องหน้าที่การงานให้ได้เป็นเจ้าคนนายคน มีลูกน้องบริวารที่ดีครับ ส่วนเจ้าพ่อม้าขอพรเกี่ยวกับลูกหลาน ให้ลูกหลานว่านอนสอนง่าย เป็นคนดีครับ" ผมบอกพ่อแม่ของมาร์คตอนที่พวกเรากำลังเดินเข้าทางเข้าเล็กๆ ของศาลเจ้าแห่งนี้
"มาร์คมาขอเรื่องงานสิลูก ให้ทำงานราบรื่น" แม่มาร์คบอกมาร์ค เขาก็ไปไหว้อย่างว่าง่าย
"ตูนลูก มาแถวนี้บ่อยเหรอ รู้เยอะเลย" พ่อมาร์คถามผม
"เคยทำงานให้ลูกค้าเกี่ยวกับศาลเจ้าและวัดย่านนี้ครับ" ผมตอบแกแล้วยิ้มให้ ตอนนี้ผมรู้สึกผ่อนคลายและเป็นกันเองมากขึ้นกับทั้งพ่อและแม่ของมาร์คมากขึ้นแล้วครับ
"อ๋อ ดีๆๆ เก่งๆๆ" แกพูดแล้วตบไหล่ผมเบาๆ จากนั้นผมพาทุกคนไปที่ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองเซี้ยอึ้งกง ที่อยู่ค่อนไปทางย่านสำเพ็ง กะจะให้พ่อแม่มากดูของที่ขายแถวนั้น เผื่อซื้อติดไม้ติดมือกลับไปด้วยครับ ดูพวกเขาจะถูกใจไม่น้อยเลยครับ
"ตูน แล้วมีที่ขอพรเกี่ยวกับความรักไหมลูก" แม่ของมาร์คถามผม
"มีครับ เอ่อ...แล้วแม่ยังเจ็บขาอยู่ไหมครับ" ผมถามแก
"ตอนนี้แทบไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะ" แม่มาร์คตอบผมแล้วยิ้มให้
"งั้นดีเลยครับ อีกที่เดินไกลมากครับ" ผมบอกแก
"อ๋อ ไกลมากไหมลูก แม่อยากไป" แกถามผมสีหน้ากังวล
"ประมาณ 160 เมตรครับ" ผมตอบแกแล้วยิ้มให้ แกหัวเราะเล็กน้อยที่โดนผมแกล้งหยอก แล้วเรียกให้ทุกคนตามผมไปที่ต่อไป
"ที่นี่คือศาลเจ้าแม่ประดู่ครับ เน้นขอพรเรื่องความรักให้สมปรารถนา" ผมบอกก่อนที่พ่อแม่ของมาร์คจะเดินเข้าไปข้างใน มาร์คเดินมาสะกิดผมแล้วกระซิบเบาๆ
"เราลองไปขอด้วยกันไหมพี่ เผื่อพวกเราจะสมปรารถนาเริ่องความรัก" ผมเงยหน้าไปจ้องเขาแปปนึงแล้วพยักหน้าให้เขาก่อนเข้าไปไหว้ขอพร ผมเห็นแม่ของมาร์คยืนไหว้หลับตาอยู่พักใหญ่ก่อนปักธูปโดยมีพ่อของเขายืนอยู่ข้างๆ
"แม่ขออะไรตั้งนานเนี่ย นี่จะนอกใจพ่อไปมีใหม่เหรอ" มาร์คแซวแม่ของเขา
"โอ้ย ปากลูกคนนี้นี่ แม่ขอให้เพื่อนแม่ที่เสียไป เขาไม่สมหวังเรื่องความรัก โสดมาตลอดชีวิต แม่เลยขอให้เขาพบรักและมีความรักที่ดีในชาติหน้าน่ะ" แม่มาร์คบอกพวกผม ก่อนที่ผมจะพาทุกคนไปที่ตลาดเก่าเล่งบ๊วยเอี๊ยที่เป็นที่มีศาลเจ้าเล่งบ๊วยเอี๊ยะตั้งอยู่ข้างในเป็นที่สุดท้ายของวันนี้
...............................
"ขอบใจตูนมากนะลูก ที่พาพ่อกับแม่ไปเดินเที่ยวเดินไหว้วันนี้ แม่สนุกมาก" แม่ของมาร์คบอกผมระหว่างมื้อเย็นในห้องของมาร์ค
"ยินดีครับ ผมก็ไม่ได้ไปแถวนั้นนานเหมือนกัน ถือโอกาสมูไปในตัวด้วย" ผมตอบแก
"เออ...แม่ขอละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวหน่อยนะลูก ตูนมีแฟนหรือยังเนี่ย" แม่มาร์คถามผม
"แม่...ถามอะไรเนี่ยยย เรื่องส่วนตัวของเขา" มาร์คขัดแม่เขาเสียงดัง
"เอ้า...ก็แม่อยากรู้ รูปร่างหน้าตาก็ดูดี พูดก็เพราะ การงานก็ดี แถมยังช่วยแม่วันที่ล้มอีก อยากรู้เฉยๆ ไม่ได้หรือไง" แม่มาร์คพูดขึ้นมา
"เอ่อ...คือ จริงๆ ก็มีครับ" ผมบอกพวกเขาไปเสียงอ่อน
"โห อย่างตูนนี่แฟนต้องดูดีมากแน่ๆ คบกันมานานหรือยังลูก" พ่อมาร์คถามผม
"ก็สักพักแล้วครับ" ผมตอบเสียงเบาพร้อม
"พอแล้วน่า พ่อแม่ถามอะไรพี่เขาเนี่ย" มาร์คพูดเสียงติดโวยวาย
"แล้วเราเนี่ย อยู่คนเดียวมีแฟนหรือยัง" แม่มาร์คหันไปถามมาร์ค
"ก็..." มาร์คพูดแล้วหันมามองหน้าผม
"ก็อะไรล่ะ จะพูดอะไรก็พูดออกมาน่า" พ่อมาร์คพูด
"มี แต่ไม่บอกหรอกนะว่าใคร" มาร์คบอกพ่อกับแม่เขา ผมเห็นเขามองหน้าผมเล็กน้อยก่อนจะแกล้งหยิบมือถือขึ้นมากดเล่นทำเป็นไม่สนใจพ่อแม่ของตัวเอง
"แม่กับพ่อรู้่นะ ว่ามาร์คกับตูนเป็นแฟนกัน" แม่มาร์คพูดขึ้นมา ผมกับมาร์คมองกันอึ้ง ไม่มีคำพูดอะไรออกจากปากของพวกเรา
"เอ่อ...คือแม่ครับ พ่อครับ ผม..." มาร์คพูดจบประโยคได้แค่นั้น เขาไม่ได้พูดอะไรต่อ ผมมองตาเขา ตาเขาสั่นเล็กน้อย แล้วเขาก็ก้มหน้ามองมือที่กุมอยู่บนโต๊ะ
"จำวันนั้นที่ตลาดได้ไหม ตอนแม่กับพ่อนั่งรอพวกเราไปซื้อกับข้าว แม่ค้าที่อยู่ใกล้ๆ เขาพูดกัน ว่าสองคนนี้แหละที่เป็นแฟนกัน มาเดินตลาดซื้อมื้อเย็นไปกินด้วยกันบ่อยๆ เขาคงคิดว่าพ่อกับแม่ไม่ได้ยินน่ะ" แม่มาร์คเล่าให้พวกเราฟัง ผมฟังแล้วตัวแข็งรู้สึกมวนท้องอย่างบอกไม่ถูก
"คือ...ผมขอโทษครับ" ผมพูดออกมาอย่างหมดคำจะพูด ผมนึกอะไรไม่ออกเลยครับว่าจะพูดอะไรนอกจากคำนี้
"ขอโทษทำไม พ่อแม่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย" แม่มาร์คพูด ทำเอาผมกับมาร์คมองหน้ากันนิ่ง
"ผมคิดว่า พ่อกับแม่อาจไม่โอเคที่ผมกับมาร์คเป็นแฟนกัน" ผมบอกพวกเขา
"ตอนที่ได้ยินแม่กับพ่อก็ตกใจ มองหน้ากับนิ่งไปพักหนึ่งเลย แต่ได้ยินพวกแม่ค้าพูดต่อ ว่าตูนทำงานเก่งทำงานหนัก พูดเพราะแล้วไม่ใช่คนเกเรอะไร" แม่ของมาร์คพูดขึ้น ผมคิดว่าแม่ค้าคงรู้จักผมจากการพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบตอนซื้อของแล้วถามอะไรไปทั่วตามปกติของพวกเขา
"พอพ่อกับแม่ได้รู้จักกับตูน ก็เห็นว่าจริงตามที่แม่ค้าพูด แถมมาร์คยังเล่าให้ฟังหลายเรื่องเลยในช่วงที่พ่อแม่มานอนที่นี่ ว่าตูนช่วยเรื่องงานเรื่องสอบของมาร์คบ่อยๆ" พ่อของมาร์คพูดแล้วมองหน้าผม เขายิ้มให้ผมอ่อนๆ
"พ่อ...แม่...มาร์คทำให้พ่อแม่ผิดหวังหรือเปล่า" มาร์คถามพ่อแม่เขา แม่มาร์คยื่นมือไปบีบแขนมาร์คเบาแล้วยิ้มให้กำลังใจ
"พ่อก็...บอกไม่ถูกเหมือนกัน แต่ไม่ได้ผิดหวังนะ แค่ตกใจนิดหน่อย" พ่อมาร์คพูดแล้วเอื้อมมือไปบีบแขนให้กำลังใจมาร์คอีกคน
"ลูกอึดอัดใจและกังวลใจแค่ไหน...แม่เข้าใจดี" แม่มาร์คพูดขึ้นมา
"ลูกอาจจะไม่รู้ เพื่อนแม่ที่พึ่งเสียไป ตอนเด็กๆ เขาคือแฟนแม่นะ เขาเป็นผู้หญิงที่หล่อที่สุดในโรงเรียนตอนนั้น เราคบกันลับๆ แต่ลับยังไงก็มีคนรู้เข้า พวกเราโดนกีดกันสารพัด มันเป็นช่วงเวลาที่แย่มาก จนแม่เข้ามหาลัย เราสองคนก็เลิกกัน แม่ได้มาเจอกับพ่อและมีลูก ส่วนเขาโสดตลอดชีวิต" แม่มาร์คพูดพร้อมๆ กับที่พ่อของมาร์คพยักหน้า
"แม่ไม่อยากให้ลูกรู้สึกแบบที่แม่เคยรู้สึก" แม่มาร์คบอกมาร์ค
"ผมคิดว่าพ่อกับแม่จะ...ไม่โอเคซะอีก" มาร์คพูดขึ้นมา
"พ่อคงไม่โอเคมากกว่า ถ้ากลายเป็นคนทำให้ลูกไม่มีความสุข" พ่อของมาร์คพูดขึ้นมา มาร์คน้ำตาซึมเข้าไปกอดพ่อแม่ของเขาแน่น ผมยิ้มตามในใจโล่งขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แม่ของมาร์คเอื้อมมือมาจับมือผมและบีบเบาๆ
"ถ้าพ่อกับแม่กลับไปแล้ว ฝากดูแลมาร์คด้วยนะลูก" แม่มาร์คบอกผม ผมพยักหน้าตอบรับทันที
................................
หลังจากนั้นไม่กี่วัน พ่อแม่ของมาร์คก็กลับไป มาร์ครีบขนของย้ายขึ้นมาอยู่กับผมตามเดิม คืนนั้นเรานอนกอดกันแน่นบนเตียง
"คิดถึงกอดนี้จังงง" ผมบอกมาร์คแล้วซุกหน้าไปที่อกเขา
"คิดถึงกลิ่นพี่จัง" เขาพูดแล้วหอมแก้มผม สูดลมหายใจเสียงดัง
"ฮ้าาา สดชื่นน" เขาพูดออกมาเสียงดัง
"มาร์ค พี่รักมาร์คว่ะ" ผมบอกเขา เขามองผมตาเป็นประกาย
"ผมก็รักพี่ว่ะ" เขาดึงหน้าผมขึ้นไปจูบพร้อมส่งลิ้นเข้ามา
"ไม่ได้นอนด้วยกันตั้งหลายวัน วันนี้จะกินให้หนำใจ" เขาพูดแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ ผมใช้มือโน้มจับหลังคอเขาดึงหน้าเขาเข้ามาจูบต่อ มืออีกข้างล้วงเข้าไปในกางเกงนอนเขาเพื่อทักทายมาร์คน้อย
"วันนี้ร้อนแรงจัง คิดถึงผมอ่ะดิ๊" เขาพูดแล้วยิ้มให้ผมอีกครั้ง ผมเปลือยกายให้ตัวเองเร็วพอๆ กับมาร์คที่ตอนนี้เปลือยล่อนจ้อนแล้ว มาร์คดึงผมไปจูบอีกครั้งแล้วใช้มือบีบเฟ้นตูดผมอย่างแรงจนผมอ้าปากร้องออกมาเพราะความเจ็บ ผมกัดริมฝีปากเขาคืน เขาเด้งเอวถูน้องชายเขากับหน้าขาผม จนผมสัมผัสได้ถึงน้ำลื่นเหนียวที่หน้าขา
"อยากจังครับ" มาร์คบอกผมเสียงกระเส่า
"เหมือนกัน" ผมบอกเขาแล้วเลื่อนตัวไปใช้ปากกับน้องชายของเขา มาร์คใช้มือจับหัวผมไว้แล้วเด้งเข้าออกอย่างชอบใจ เขาส่งเสียงครางออกมาเป็นระยะ ผมห่อปากแล้วใช้มือออกน้ำหนักช่วยชักจนเขาครางออกมาเสียงดังก่อนจะพ่นน้ำออกมาเต็มปากผม ผมกลืนเข้าไปทั้งหมดก่อนใช้ลิ้นวาดเลียไปที่น้องชายของเขา เขาเสียวจนกระตุกตัวหนี
"ตาผมบ้าง" มาร์คพูดแล้วใช้ลิ้นเลียลากยาวตั้งแต่หน้าอกผมลงมาถึงส่วนล่าง ผมขนลุกทั่วตัวเพราะความเสียว เขาใช้ปากและนิ้วเล่นทางหลังของผม ในขณะที่อีกมือหนึ่งค่อยๆ ชักและถูน้องชายผมไปด้วย ผมครางออกมาเป็นระยะเพราะความเสียวที่ได้รับอย่างต่อเนื่องจนเกินที่ผมจะรับไหว แตกออกมาเลอะทั่วทั้งหน้าท้อง เขาแตะน้ำผมไปชิมแล้วขมวดคิ้วนิดหน่อย
"รสชาติมันเป็นงี้เองเหรอ" เขาพูดแล้วใช้นิ้วปาดน้ำบนท้องของผมไปป้ายที่ตูดของผม
"ผัวพร้อมแล้ว เมียพร้อมหรือยังครับ" เขาถามผม ผมพยักหน้าให้เขา
"หมั่นเขี้ยวจังโว้ย" เขาพูดแล้วเอื้อมมาจูบผมพร้อมๆ กับส่งน้องชายเขาเข้ามาในรูผมแล้วเริ่มซอยอย่างช้าๆ
"ฟิตจัง" เขากระซิบข้างหูผมแล้วงับติ่งหูผมเบาๆ ผมขนลุกเพราะความสยิวนี้จนจิกเล็บไปบนหลังเขา เขาขยับส่วนล่างเน้นเข้าออกแล้วครางออกมาชอบพอใจในความเสียวนี้ ผมลืมตาขึ้นมาเห็นเขามองผมอยู่ก่อนแล้ว
"ชอบไหมครับ" เขาถามผม
"ชอบมากครับ" ผมบอกเขาแล้วใช้มือประคองแก้มเขา เขาจูบมือผมหนึ่งทีแล้วจูบผมต่อ เราสนุกไปกับความเสียวของเราอย่างสบายใจ อาจเป็นเพราะตอนนี้เรื่องที่เคยกังวลใจมันหายไปหมดแล้วก็ได้ ผมกับมาร์คบรรเลงเพลงรักต่อรอบแล้วรอบเล่า เหนื่อยก็นอน ตื่นก็คลอเคลียกันต่อ ถ้าอยากอีกก็ต่ออีก จนผมต้องลางานในวันรุ่งขึ้นเลยล่ะครับ
.............................
"พี่ ผมรู้สึกเหมือนเป็นคนที่โชคดีที่สุดในโลกเลยว่ะ ที่อยู่ๆ เรื่องอะไรที่มันหนักใจหายไปหมดเลย แถมพ่อแม่พวกเราสองคนยังโอเคอีก" มาร์คบอกผมในตอนสายหลังจากที่พวกเราตื่น
"หรือเป็นเพราะคำอธิษฐานของเรา 2 คน เลยทำให้มันจบงี้" ผมพูดขึ้นมา
"ฮ่าๆๆ เป็นไปได้" เขาบอกผมแล้วกอดผมไว้แน่น
"ผมอยากคบพี่ไปยาวๆ เลยแหละ" มาร์คบอกกับผม
"พี่ว่า พี่คงหาใครที่พี่อยู่ด้วยแล้วสบายใจแบบนี้ไม่ได้อีกแล้ว" ผมบอกมาร์ค
"ผมก็เหมือนกัน" เขาพูดแล้วจูบหน้าผากผม
..........................
จบไปอีกตอนแล้วนะครับ หลายคนบอกอย่าจบแบบตับแตก ผมไม่ให้ตับแตกแล้วนะครับ ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ชอบไม่ชอบบอกได้เลยนะครับ
ดีจังอะ ขอบคุณครับ ขอบใจจ้า สนุกมากครับ ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ ขอบคุณครับ feel good มากครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ อ่านตอนนี้แล้วใจฟู กอดทีครับ อ่านแล้วมันน่ารักมาก ขอบคุณมากครับ ขอบคุณครับ น่ารักมากเลยครับ ขอบคุณครับ ชอบมากครับ ดีจัง
หน้า:
[1]