...คืนเปลี่ยว ป่าช้าร้าง...
...คืนเปลี่ยว ป่าช้าร้าง......บ้านดิฉันอยู่ในซอยเสนาฯ ถึงวังหินแล้วเลี้ยวขวาไปถึงก่อนแยกเสือใหญ่ พ่อแม่อยู่ที่นั่นมา 20 กว่าปีแล้ว เมื่อเด็กๆ เคยพาดิฉันกับพี่ชายไปเที่ยวแดนเนรมิตบ่อยๆ เพราะอยู่ใกล้บ้านมาก เด็กๆ มักชอบถ้ำผีสิงกันค่ะ ไม่เคยนึกเลยว่าจะมาเจอของจริงตอนโต
เมื่อเดือนก่อน พวกเพื่อนๆ ร่วมงานในมหาวิทยาลัยเอกชน ชวนไปเที่ยวพัทยาเพราะมีวันหยุดยาว พอดีกับพ่อแม่ก็ชวนไปเที่ยวภาคเหนือกับเพื่อนๆ แต่ดิฉันปฏิเสธหมด อยากพักผ่อนร่างกายและจิตใจอยู่กับบ้านมากกว่า
คืนแรกนั่นเอง ขณะนอนดูทีวีบนโซฟาสบายๆ ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ดิฉันอยู่บ้านนี้มาแต่เกิดก็จริง แต่ยังไม่เคยนอนคนเดียวในบ้านสักคืน!
คืนนี้เป็นคืนแรกในชีวิต!!
จู่ๆ ไฟฟ้าก็ดับวูบลง มืดสนิท ดิฉันร้องอุทานอย่างลืมตัว นึกถึงฝนฟ้าที่ดังคะนองมาแต่ตอนเย็น แต่ไม่ทันเฉลียวใจ พยายามนึกถึงเทียนไขกับไม้ขีดที่คุณแม่เตรียมไว้ว่ามันอยู่ที่ลิ้นชักตู้ เก็บของ หรือจะอยู่ข้างเครื่องเล่นดีวีดี ใต้โต๊ะวางทีวี?
ทันใดนั้น แสงไฟก็สว่างพรึ่บขึ้นตามเดิม! ถอนใจอย่างโล่งอก ตอนนั้นไม่กลัวอะไรเลยค่ะ ก็อยู่มานานเต็มที บ้านเรือนติดๆ กันทั้งนั้น ประตูรั้วก็แข็งแรง ประตูบ้านแน่นหนา หน้าต่างมีเหล็กดัดทุกบาน หัวขโมยอย่าหวังจะไขด้านนอกเข้าบ้านเราได้สะดวกๆ ถ้าเกิดไฟไหม้แต่คนสติดีๆ ก็สามารถเปิดออกไปได้
เสียงหน้าต่างกระแทกปังๆ เล่นเอาสะดุ้งเฮือก ครั้นหันมองก็เห็นเปิดกว้างเป็นปกติ แต่มีเสียงเดิมดังขึ้นอีก ...คราวนี้แน่ใจแล้วว่าเสียงนั้นดังมาจากชั้นบนที่ไม่มีใครอยู่!
เอ๊ะ! ชักยังไง? เงยหน้าขึ้นมอง...แสงสว่างก็ยังมี แต่คราวนี้ทีวีดังลั่นจนเผ่นพรวดขึ้นนั่ง มองหารีโมตก็วางอยู่ใกล้ๆ เราอาจโดนปุ่มวอลุ่มโดยไม่รู้ตัวก็เป็นได้
กำลังจะเอนลงนอนให้สบายๆ ดูหนังจากเคเบิล... อ้าว? เสียงทีวีกลับเบาวูบลงเฉยๆ แทบไม่ได้ยิน...แต่นั่นกลับทำให้เสียงอย่างอื่นดังชัดเจนยิ่งขึ้นจนใจหาย วาบ...นั่นคือเสียงประตูปิดเปิด ไม่ถึงกับรุนแรงนัก แต่ก็ดังมาเข้าหูชัดเจน
เสียงคนเดิน...เอาละซี!!
นอกจากเสียงลมครวญครางอยู่ภายนอกแล้ว สรรพสิ่งเงียบกริบจนน่าใจหาย รถราก็แทบจะไม่ดังแว่วมาเลย แต่เสียงคนเดินจนกระดานลั่นเอี๊ยดอ๊าดดังอยู่ข้างบนแน่ๆ จนต้องแหงนหน้ามองตามไป...ทางโน้นทีทางนี้ที
นั่นที่ห้องพ่อแม่ นั่นห้องเราเอง! ตอนนี้ออกมาหน้าห้องแล้ว กระดานลั่นเอี๊ยดๆ ตรงมาทางบันได ราวกับจะลงมาหาเรา...
หัวใจเต้นโครมๆ ราวกับมีกลองรัว อ้าปากค้าง ตาเบิกโพลงจ้องมองที่บันได...แต่ก็ไม่มีเสียงบันไดลั่น นอกจากเสียงถอนใจยืดยาว...หรือว่าจะเป็นลมพัดเข้ามา แต่เราอุปาทาน หวาดกลัวไปเองเพราะเป็นคืนแรกที่นอนอยู่บ้านเพียงคนเดียว
แล้วบ้านนี้มีอะไรล่ะ? ตั้งแต่ปลูกมายังไม่มีใครตายซักคนนี่นา! หรือว่า...
ดิฉันขนลุกเกรียวทั้งตัวเมื่อนึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ ชาวบ้านลือกันว่า บริเวณนี้เคยเป็นป่าช้าเก่า...ป่าช้าแขกที่ผีดุมาก มีอาถรรพณ์น่าขนหัวลุกหลายๆ อย่างเช่น คนโดนผีหลอกจนจับไข้หัวโกร๋นมาแล้ว บางคนล้มเจ็บปางตายก็มี
ต่อมา บ้านเรือนหนาแน่นขึ้น ร้านค้าและรถเข็นแผงลอยผุดสะพรั่ง เรื่องผีจึงค่อยซาไป แต่น่าสังเกตว่าร้านขายอาหารขนาดใหญ่จะขาดทุนย่อยยับ เชื่อกันว่าปลูกทับกลางป่าช้าพอดี อย่างที่เราถือกันว่าห้ามปลูกเรือนคร่อมตอนั่นแหละค่ะ
ราวสิบปีก่อนมีร้านสุกี้ใหญ่โตมาตั้งที่นั่น ไม่นานก็ต้องปิดเพราะขาดลูกค้า เจ้าของเดิมให้เช่าทำร้านเนื้อย่างเกาหลี รายนี้อยู่ได้ปีเศษก็ยอมแพ้ ต้องเลิกกิจการไปจนได้
ทำไมที่บ้านดิฉันไม่เคยพบเหตุการณ์สยองขวัญต่างๆ มาก่อนเลยก็สุดรู้ค่ะ
ตอนที่นั่งอกสั่นขวัญแขวนอยู่คนเดียว ดิฉันแทบร้องไห้ นึกเจ็บใจตัวเองที่ไม่ไปเที่ยวกับเพื่อนๆ หรือพ่อแม่จะได้ไม่ต้องมานั่งขวัญหนีดีฝ่อคนเดียวแบบนี้
ในที่สุด ตัดสินใจสวดมนต์ไหว้พระ ไม่กล้าขึ้นไปนอนชั้นบน โดยอาศัยหลบภัยอยู่ที่โซฟาหน้าทีวีนี่แหละ มีอะไรจวนตัวจะได้เผ่นออกจากบ้านทันทีเลย
รุ่งเช้าแข็งใจขึ้นไปสำรวจชั้นบนก็พบว่าทุกอย่างปกติ ไม่มีร่องรอยว่าจะมีโจรผู้ร้ายขึ้นบ้าน...แต่ดิฉันเก็บเสื้อผ้าใส่กุญแจบ้าน และรั้ว รีบบึ่งไปอาศัยบ้านเพื่อนนอนก่อนพ่อแม่จะกลับบ้าน...ไม่อยากหัวใจวายตายค่ะ
หน้า:
[1]