Micconn โพสต์ 2011-8-5 23:56:50

ศุกร์ 13 วันอาถรรพ์ ของฝรั่ง ความเชื่อหรือความจริง ??

ศุกร์ 13 วันอาถรรพ์ ของฝรั่ง ความเชื่อหรือความจริง ??

ตัวเลข 1 กับ 3 บนปฏิทินยืนยันให้เห็นเป็นประจักษ์พยาน หลายคนเริ่มรู้สึกและตั้งคำถาม "จะมีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้นไหมนะ

หลาย เสียงตอบคำถามแตกต่างกันไป บ้างว่า..ต้องระวังของอย่างนี้มันมีอาถรรพ์ บ้างว่า..ล้าสมัยไม่มีใครเขาคิดอย่างนี้กันแล้ว คำตอบจะเป็นอย่างไร มิอาจตัดสิน เพราะเป็นเรื่องความเชื่อส่วนบุคคล
แต่ถ้าหากถามว่า "ศุกร์ 13 เป็นวันอาถรรพ์จริงหรือ?" ก็คงตอบชัดเจนไม่ได้ นอกจากจะมีเรื่องราวมาเล่าให้ฟัง...
เริ่ม จาก ความเชื่อของฝรั่งตาสีฟ้าทั้งหลาย โดยเฉพาะนิกายคาทอลิกที่เห็นว่า "เลข 13" เป็นเลขโชคร้าย ไม่ดีถ้าเป็นฤกษ์ยามจะทำกิจการต่างๆ ก็นับเป็นฤกษ์ยามที่ไม่ดีเอาเสียเลย

ฝรั่งถือว่าเลข 13 เป็นเลขอับโชค ยิ่งเป็น "ศุกร์ 13" ด้วยแล้วยิ่งมหาอับโชค (ฝรั่ง) หลายๆ คน จึงไม่ยอมออกจากบ้านไปไหน เพราะเกรงว่าจะประสบกับความโชคร้าย เช่น เกิดอุบัติเหตุ หรือมีอันเป็นไปต่างๆ นานา เป็นต้น

แม้จะมีการแก้ เคล็ด ด้วยการเรียกเลข 13 เป็น "ลัคกี้นัมเบอร์" แต่ก็มิได้ทำให้ภาพลักษณ์ของเลข 13 ของฝรั่งดูดีมีโชคขึ้น ยังคงสร้างความหวาดหวั่นให้กับผู้คนที่เชื่อเรื่องโชคลาง

ความน่า กลัวของ "ศุกร์ 13" มาเพิ่มขีดมากขึ้นเมื่อมีภาพยนตร์เรื่อง "ศุกร์ 13 ฝันหวาน" ออกมาหลอกหลอนผู้คน ไม่ว่าจะทำภาคไหนออกมาก็ยังคงขายดิบขายดีขายได้

ความเชื่อเรื่องเลข 13 เริ่มแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วข้ามน้ำข้ามทะเลมาฝั่ง เอเชีย และเอเชียอาคเนย์ ด้วยเหตุเพราะกระแสแห่งโลกาภิวัตน์ ส่งผลให้บางคนบางพวกในเมืองไทยพลอยเชื่อเรื่อง อาถรรพ์เลข 13 ไปด้วย

ฉะนั้น บรรดาอาคารสำนักงานและโรงแรมจำนวนมากที่ก่อสร้างเป็น อาคารสูง และมีจำนวนชั้นมากกว่า 12 ชั้นขึ้นไปจะไม่มีชั้น 13 เป็นการเว้นไว้และเรียกชื่ออื่นแทน เช่น อาคารเอ็มบีเค ทาวเวอร์ ที่ก่อสร้างขึ้นเมื่อ 26 ปีก่อน เป็นอาคารสำนักงานสูง 20 ชั้น แต่ไม่มีชั้นที่ 13 โดยผู้สร้างเปลี่ยนเป็นเรียกชั้น 12 A แทนเช่นเดียวกับโรงแรมปทุมวัน ปริ๊นเซส ที่เป็นอาคารสูง 29 ชั้นก็ไม่มีชั้น 13 โดยมีชั้น 12 แล้วเป็น ชั้น 14 เลย เว้นเลข 13 ไว้3 เหตุผลประการหนึ่งเพราะโรงแรมต้องรองรับลูกค้าซึ่งส่ วนมากเป็นลูกค้าต่างประเทศ โดยเฉพาะฝรั่ง2 H i: B, o, R0 P3 y

ตำนาน ของอาถรรพ์ เลข 13 นั้น เชื่อกันว่า อาถรรพ์เลข 13 มีความเชื่อมโยงกับ "เดอะ ลาสต์ ซัพเปอร์" เรื่องราวในคัมภีร์ไบเบิลที่มีคน 13 คนร่วมรับประทานอาหารมื้อสุดท้ายกับพระเยซู ก่อนที่พระองค์จะถูกนำตัวไปตรึงบนไม้กางเขนในวันรุ่ง ขึ้น ซึ่งเป็น "วันศุกร์"

แต่ก็มีอีกหลายตำรา บ้างก็ว่ามาจากความเชื่อและตำนานของ "ชาวนอร์ส" ในดินแดนสแกนดิเนเวียที่เกี่ยวกับ "เทพ 12 องค์" มารวมกันจัดงานเลี้ยงในห้องโถงของเอกีร์ เทพแห่งมหาสมุทร แล้วเทพแห่งไฟที่ชื่อ "โลกิ" ซึ่งไม่ได้รับเชิญมาร่วมงานจึงพังประตูรั้วเข้ามาร่ว มงานในฐานะแขกคนที่ 13 และให้ "เทพฮอด" ซึ่งเป็นเทพแห่งความมืดมิดเพราะตาบอด โยนกิ่งของพืชกาฝากใส่ "บาลเดอร์" เทพแห่งความสุขและความยินดี จนบาลเดอร์สิ้นลมหายใจไปในทันที ทำให้โลกต้องตกอยู่ในความมืดมิดและความเศร้าสลด

นิทาน ของชาวสแกนดิเนเวียยังมีเวอร์ชั่นอื่นอีก รวมถึงมีผู้แย้งว่าในบทกวีของโลกาเซนนา ที่เป็นภาษานอร์สโบราณได้กล่าวถึงชื่อของเทพทั้ง 17 องค์ที่ไปร่วมในงานเลี้ยง โดยเหตุการณ์ครั้งนั้นเทพโลกิเป็นผู้พังประตูรั้วเข้ าไปจริง แต่กลับไม่ใช่คนที่ 13 และก็ไม่ได้เกี่ยวข้องกับจุดจบของเทพบาลเดอร์อีกด้วย

เพราะ ฉะนั้น ความเชื่อที่เก่าแก่ว่าด้วยอาถรรพ์เลข 13 จึงนิยมที่จะอ้างอิงเรื่องของเดอะ ลาสต์ ซัพเปอร์ มากที่สุด กระทั่งมีการบันทึกไว้เมื่อศตวรรษที่ 18 ว่า..

เชื่อกันว่าเมื่อใดก็ตามที่มีคน 13 คนมานั่งร่วมรับประทานอาหารในโต๊ะเดียวกัน คนที่ลุกจากโต๊ะไปเป็นคนแรกจะเป็นคนแรกที่ต้องตาย

สำหรับ เหตุผล ที่เจาะจงว่าจะต้องเป็น "วันศุกร์" นั้น นอกจากกรณีที่ว่าพระเยซูถูกนำไปตรึงกางเขนในวันศุกร์ แล้ว ในตำราของฝรั่งยังว่า "วันศุกร์" เป็นวันที่ใช้ประหารนักโทษ ทั้งยังถือว่าเป็นวัน "ทิป ทอด เดย์" (Tip Tod Day) หมายความว่าเป็น "วันปีศาจ" ชาวประมงในสมัยก่อนจึงไม่ออกทะเลในวันศุกร์

ความเชื่อแต่โบร่ำโบราณของฝรั่งยังห้าม "ไม่ให้ตัดเล็บในวันศุกร์" เพราะแม่มดจะมาขโมยเล็บเอาไปเสกให้เจ้าของเล็บกลายเป ็นแม่มด

รวม ทั้งเชื่อว่า เมื่อครั้งที่พระเจ้าสร้างโลก ขึ้นมาใหม่ๆ วันที่อีฟและอดัมละเมิดคำสั่งพระเจ้า กัดกินผลไม้ต้องห้ามในสวนอีเดนนั้นเป็น "วันศุกร์" และวันที่ทั้งสองถูกพระเจ้าลงโทษให้ลงมาชดใช้โทษที่โ ลกมนุษย์ก็เป็น "วันศุกร์" อีกเช่นกัน

เหตุ ฉะนี้เมื่อ "ศุกร์ 13" มาเยือน (ฝรั่ง) หลายๆ คนจึงปริวิตกหวาดผวาจนขึ้นสมอง กลายเป็น "โรคกลัววันศุกร์ที่ 13" ซึ่งมีชื่อเรียกยาวๆ ว่า "พาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย" (paraskevidekatriaphobia) หรือโรค "ฟริกกาทริสไคเดคาโฟเบีย" (friggatriskaidekaphobia)มีการศึกษาประเมินกันว่า คนอเมริกันเป็นโรคพาราสเคฟดิคาเทรียโฟเบีย ถึง 21 ล้านคน หรือประมาณ 8% ของอเมริกันชนที่ยังอยู่ในความเชื่อเรื่องนี้

อย่าหัวเราะเยาะว่า โรคกลัววันศุกร์ที่ 13 เป็นเรื่องเล่นๆ เพราะมันไม่ ใช่เรื่องเล่นๆ อย่างแน่นอน เรื่องนี้มีสถิติเกิดขึ้นแล้ว ที่ศูนย์จัดการความเครียดและสถาบันบำบัดอาการกลัวในเ มืองแอชวิลล์ มลรัฐนอร์ทแคโรไลนา สหรัฐอเริกา ประเมิน ว่า..

ในแต่ละครั้งที่มีวัน ศุกร์ที่ 13 สหรัฐ อเมริกาต้องสูญเสียทางเศรษฐกิจเป็นเงินถึง 800-900 ล้านเหรียญสหรัฐ ทีเดียว เพราะว่าประชาชนบางคนไม่กล้าเดินทางไปไหนและไม่กล้าแ ม้แต่จะไปทำงาน

และ เมื่อเปิด ดูสถิติอุบัติเหตุในเรื่องจาก "ศุกร์ 13" ยิ่งเป็นเรื่องที่น่าแปลก เมื่อผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ใน บริติช เมดิคัล เจอร์นัล เมื่อปี ค.ศ.1993 เรื่อง "Is Friday the 13th Bad for Your Health?" ศึกษาความเกี่ยวเนื่องกันระหว่างความเชื่อเรื่องศุกร ์ 13 กับพฤติกรรมและสุขภาพ โดยเปรียบเทียบวันศุกร์ที่ 6 กับวันศุกร์ที่ 13 พบว่า

อัตรา การ เกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ในวันศุกร์ที่ 13 มีมากกว่าวันศุกร์ที่ 6 อย่างเห็นได้ชัด และในขณะที่น้อยคนเลือกที่จะขับรถออกจากบ้านในวันศุก ร์ 13 แต่ตัวเลขคนที่ประสบอุบัติเหตุกลับมากกว่าวันศุกร์อื่นๆ ถึง 52%

กลับ มาที่ประเทศไทย เรื่องของ "ศุกร์ 13" จะเป็นอาถรรพ์แบบฝรั่งหรือไม่ คงต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณาของแต่ละบุคคล อาจมีบางคนเชื่อ บางคนไม่เชื่อ เหมือนกับเรื่องของโชคลางอื่นๆ เรื่องของโชคชะตา เรื่องของดวง ฮวงจุ้ย ว่าแต่ว่า..

ศุกร์นี้ 13 กุมภา โปรดพิจารณาอย่างรอบคอบก่อนเดินทางออกจากบ้าน

Pinkrose โพสต์ 2011-8-6 06:13:55

อ่านแล้วขนลุกเลยครับ

yellow2550 โพสต์ 2011-8-6 10:48:56

ขอบคุณครับ
ตึกบางตึกก็ไม่มีชั้นที่13นะครับ

sensedevil โพสต์ 2011-11-17 02:40:17

ขอบคุณมากคับ

vera โพสต์ 2011-11-17 23:58:50

ขอบคุณมากคับ

ธรรม โพสต์ 2012-1-5 15:56:25

ขอบคุณมากนะครับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: ศุกร์ 13 วันอาถรรพ์ ของฝรั่ง ความเชื่อหรือความจริง ??