ช่วยผมด้วย..ผมโดนมาเฟียรุมข่มขืน!? Chapter 4
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-3-6 16:50Chapter 4เมื่อมาเฟียเล่นบทแมวจับหนู
ลอนดอน | 10:30 PM
เสียงน้ำกระเพื่อมแผ่วเบา แสงสีจากขอบสระสะท้อนเงาพลิ้วไหวบนพื้นผิวของเหล้าชั้นดีในแก้วคริสตัล อากาศค่ำคืนนี้เย็นสบาย ลมพัดเอื่อย ๆ ชวนให้ผ่อนคลาย กลิ่นน้ำหอมจาง ๆ ผสมกับกลิ่นซิการ์ที่ลอยอ้อยอิ่งให้ความรู้สึกหรูหราและยั่วยวน
แคสเปอร์ กำลังเอนกายบนเก้าอี้ริมสระ แว่นกันแดดที่ใส่อยู่แม้เป็นตอนกลางคืนสะท้อนแสงไฟนีออน ใบหน้าหล่อเหลากรุ่นไปด้วยอารมณ์ดี ข้างกายมีเด็กหนุ่มผิวเนียนแนบตัวเข้าหาเขา มือเรียวควงแก้วไวน์เล่นอย่างไม่ทุกข์ร้อน
เสี่ยวไป๋ นั่งพิงบาร์ในสระ ควันบุหรี่ในมือของเขาลอยอ้อยอิ่งไปกับสายลม ดวงตาเรียวคมทอดมองบรรยากาศรอบตัวด้วยสีหน้าราบเรียบ ไม่ได้มีท่าทีอินกับสิ่งที่เกิดขึ้นนัก แต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธเช่นกัน
เรน อยู่ในน้ำ ว่ายไปเกาะริมบาร์ ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มขณะที่ยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มรวดเดียวหมด ก่อนจะเคาะแก้วลงกับบาร์แล้วชูนิ้วให้เด็กเสิร์ฟส่งแก้วใหม่ให้ เขาเงยหน้ามองสองคนที่นั่งอยู่ข้างบน ก่อนจะเบ้ปาก
“โอ๊ย ทำไมพวกนายทำหน้าจริงจังกันจัง นี่คืนแฮงค์เอาท์นะ ไม่ใช่ประชุมผู้ถือหุ้น”
แคสเปอร์หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวมาพิงพนักเก้าอี้ ร่างสูงเปลือยท่อนบนโชว์แผงอกแน่น “ฉันก็กำลังสนุกอยู่นี่ไง~ นายดูเด็กของฉันสิ พวกเขาดูแลดีจะตาย”
เรนเหลือบตามองเด็กหนุ่มที่กำลังคลอเคลียข้างแคสเปอร์แล้วพ่นลมหายใจ “หมั่นไส้”
เสี่ยวไป๋กระตุกยิ้มก่อนจะยกแก้วขึ้นจิบ “ก็หาเอาสักคนสิ”
เรนทำหน้ามุ่ยแล้วว่ายน้ำวนไปมาอย่างหงุดหงิด “ไม่อยากได้อะ”
แคสเปอร์หัวเราะ “เป็นอะไรไป? หรือว่าวันนี้ยังไม่มีใครถูกใจนาย?”
เรนกลอกตา “เปล่า แค่ขี้เกียจ อีกอย่างฉันมีคนที่ถูกใจอยู่แล้ว”
เสี่ยวไป๋หรี่ตามอง “น่าสนใจ ชักอยากรู้แล้วสิว่าเป็นใคร”
เรนกระดกเหล้าอึกใหญ่ ไม่ตอบอะไร ก่อนจะเบนเรื่องไปหาคนที่พวกเขามักจะพูดถึงเป็นประจำ
“พวกนายว่า ตอนนี้ราล์ฟทำอะไรอยู่?”
แคสเปอร์หัวเราะพรืดออกมา “ให้ฉันเดานะ... กำลังนั่งทำหน้าเครียด จิบไวน์อยู่คนเดียวในห้องทำงาน”
เสี่ยวไป๋พยักหน้า “อืม… น่าจะอ่านเอกสาร หรือไม่ก็คุยกับใครสักคนเรื่องธุรกิจ”
เรนถอนหายใจ “เฮ้อ… น่าเบื่อ”
แคสเปอร์ยกแก้วขึ้น “มาดื่มให้กับคนที่ไม่เคยรู้จักความสนุกกันเถอะ”
สามคนชนแก้วกันเบา ๆ ก่อนจะกระดกดื่ม เสี่ยวไป๋พ่นควันบุหรี่ออกมาช้า ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงเรียบ
"แต่พูดก็พูดเถอะ... ถ้าไม่มีหมอนั่น พวกเราคงปวดหัวตายไปแล้ว"
แคสเปอร์เอนตัวพิงเก้าอี้ ขาคู่งามที่พาดอยู่บนขอบสระขยับเล็กน้อย มือเรียวยกแก้วบรั่นดีขึ้นหมุนเล่น ดวงตาสีฟ้าเข้มฉายแววครุ่นคิด
"จริง อย่างน้อยก็มีคนคอยกันพายุอารมณ์ของราฟาเอโร่ไว้ได้"
เรนที่ยังนั่งแช่อยู่ในสระว่ายน้ำ กระดกเหล้าอึกใหญ่โดยไม่พูดอะไร แต่สีหน้าของเขาก็ดูจะเห็นด้วยไม่น้อย
เสี่ยวไป๋กระดกวิสกี้ขึ้นดื่มก่อนจะพยักหน้าเบา ๆ "อืม ถ้าหมอนั่นขาดกายไปจริง ๆ ฉันไม่อยากนึกภาพเลยว่าราฟาเอโร่จะกลายเป็นคนแบบไหน"
บรรยากาศริมสระเงียบลงไปเล็กน้อย ทุกคนรู้ดีว่าราฟาเอโร่เป็นคนแบบไหน เขาไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าใกล้ได้ง่าย ๆ ไม่ใช่คนที่เปิดเผยความรู้สึก หรือมีความปรานีต่อใคร แต่ถ้ามีใครที่สามารถดึงเขากลับมาสู่ "ความเป็นมนุษย์" ได้ ก็คงมีแต่กายคนเดียว
เรนกลิ้งตัวในน้ำไปมาราวกับเด็ก ๆ ก่อนจะหยุดแล้วทำเสียงขึ้นจมูก "แต่ก็นะ หมอนั่นจริงจังกับงานเกินไป ไม่รู้จักสนุกบ้างเลย"
แคสเปอร์ยักไหล่ "ก็ตาแก่นั่นไม่เหมือนพวกเราไง ราฟาเอโร่กับกายโตเป็นผู้ใหญ่กันแล้ว"
"พวกเราก็โตกันหมดแล้ว" เสี่ยวไป๋ว่าเสียงเรียบ
แคสเปอร์หัวเราะเบา ๆ "ฉันหมายถึง 'ในแง่ของนิสัย' "
เรนพยักหน้าหงึก ๆ "อืม… จริง ฉันว่าถ้าราฟาเอโร่มาอยู่ตรงนี้ คงได้แต่ทำหน้าหงุดหงิดแล้วพูดอะไรแบบ..."
เรนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะทำเสียงเข้มต่ำเป็นสำเนียงของราฟาเอโร่
"พวกนายควรจะรู้จักโตได้แล้ว"
เสี่ยวไป๋เหลือบตามองน้องชายตัวแสบ ส่วนแคสเปอร์หลุดหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะกระแทกมือกับขอบสระ "ใช่! แบบนั้นเลย! พระเจ้า! ถ้าราฟาเอโร่ได้ยินนายล้อเขาแบบนี้ ต้องหันมามองนายด้วยสายตาเย็นชาแน่ ๆ"
เรนหัวเราะเสียงดัง ก่อนจะยกแก้วขึ้น "งั้นเราดื่มให้ราฟาเอโร่! ปีศาจที่แม้แต่ฝันร้ายยังต้องเดินอ้อม!"
เสี่ยวไป๋ถอนหายใจแต่ก็ยกแก้วขึ้นตาม "และให้กาย ที่ทำให้พวกเรายังมีชีวิตรอดอยู่"
แคสเปอร์กระตุกยิ้ม "เออ จริง ฉลองให้กายด้วย หมอนั่นแม่งน่ากราบ ถ้าไม่มีกาย ป่านนี้ราฟาเอโร่คงไล่เก็บเราทุกคนไปแล้ว"
เสียงหัวเราะของแคสเปอร์ยังคงดังไปทั่วริมสระหลังจากที่เรนล้อเลียนราฟาเอโร่ ทั้งสามชนแก้วกันก่อนจะกระดกเหล้าเข้าปากรวดเดียว ความร้อนจากแอลกอฮอล์แผ่ซ่านไปทั่วลำคอ แต่ไม่มีอะไรเผ็ดร้อนไปกว่าบทสนทนาของพวกเขา
เสี่ยวไป๋เอนตัวพิงบาร์ในสระ มือเรียวหมุนแก้ววิสกี้เล่น ก่อนจะเหลือบตามองเรนที่กำลังเอนตัวพิงขอบสระอย่างสบายใจ “ว่าแต่นายเดินหน้าถึงไหนแล้ว?”
เรนหันขวับมาทำหน้าเซ็ง ๆ “ไม่ถึงไหนเลย”
แคสเปอร์เลิกคิ้วขณะยกแก้วขึ้นกระดกอีกครั้ง “หมายความว่าไง?”
เรนถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะพลิกตัวลอยไปมาบนน้ำเหมือนเด็ก ๆ ที่หมดอารมณ์เล่น “ก็ขนาดชื่อฉันยังไม่รู้เลย”
เสี่ยวไป๋กระตุกยิ้มบาง ๆ “หึหึ… แล้วคิดจะทำยังไง? จะรอให้ฟ้าประทานชื่อเขามาให้เหรอ?”
แคสเปอร์หัวเราะพรืด “หรือจะให้ฉันส่งคนไปสืบดี? เอาให้ครบตั้งแต่วันเดือนปีเกิด ประวัติครอบครัว ไปจนถึงไซส์รองเท้าเลยก็ยังได้”
เรนหยุดลอยตัวก่อนจะหันขวับไปมองแคสเปอร์อย่างไม่สบอารมณ์ “ไม่ต้อง”
แคสเปอร์ทำหน้าตื่นเต้นโอเวอร์ “โอ้โห! พระเจ้าช่วย! นี่เป็นครั้งแรกเลยนะที่เรนปฏิเสธความช่วยเหลือของฉัน! บอกทีว่านายไม่ได้เป็นอะไร”
เรนเบ้ปากใส่ ก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่มอีกอึก “ฉันไม่อยากได้ข้อมูลจากใคร ฉันอยากให้เขาบอกฉันเอง ถ้ามีโอกาสได้เจออีก ฉันจะไม่ปล่อยให้หลุดมือแน่นอน”
เสี่ยวไป๋เลิกคิ้ว “หึ… ฟังดูจริงจังผิดปกติ”
แคสเปอร์จ้องเรนอยู่นาน ก่อนจะระเบิดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี “ก็ได้! ถ้านายรู้ชื่อเขานะ อยากได้อะไรฉันให้หมดเลย”
เรนหันขวับไปหา “จริงดิ?”
แคสเปอร์ยกนิ้วชี้ขึ้น “จริงที่สุดในโลก”
เรนกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ “งั้นฉันจะเอาเพนต์เฮาส์ของนาย”
แคสเปอร์สะดุ้ง “เดี๋ยว ๆ ๆ เพนต์เฮาส์ฉันไม่ให้!”
เสี่ยวไป๋หัวเราะเบา ๆ “แล้วนายไปให้สัญญาทำไม?”
แคสเปอร์ถอนหายใจ “ฉันนึกว่านายน้อยของเราจะขออะไรที่จับต้องได้น้อยกว่านั้นหน่อย”
เรนหัวเราะร่วน “เสียใจด้วย ฉันเล็งของแพงสุด”
แคสเปอร์กลอกตา “โอ๊ย… ไม่น่าไปท้าคนเอาแต่ใจแบบนายเลย”
เสี่ยวไป๋พ่นลมหายใจเบา ๆ “ก็ยังดีที่ยังไม่ใช้กำลัง”
เรนหันไปหาเสี่ยวไป๋แล้วเบะปาก “โอ๊ย ฉันไม่ได้เป็นคนใช้กำลังตลอดเวลาซะหน่อย”
เสี่ยวไป๋เลิกคิ้วเหมือนไม่ค่อยเชื่อ ขณะที่แคสเปอร์ระเบิดหัวเราะออกมาอีกครั้ง “ใช่ ๆ นายมันสุภาพบุรุษตัวน้อยของพวกเรา”
เรนขมวดคิ้วขณะใช้มือวักน้ำสาดใส่แคสเปอร์
“เฮ้ย! เรน! มันเปียกนะโว้ย!”
เรนหัวเราะร่วน “แล้วใครสนล่ะ”
–
| Noctis Grand Medical Center
เสียงนาฬิกาเรือนใหญ่ในโถงทางเดินของโรงพยาบาลดังสะท้อนเบา ๆ ท่ามกลางบรรยากาศเงียบสงัด แสงจากโคมไฟเพดานกระทบกับพื้นหินอ่อนเย็นเฉียบ ทุกอย่างในที่แห่งนี้ให้ความรู้สึกสงบ แตกต่างจากโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยอำนาจและความโหดร้าย
ราฟาเอโร่เดินไปตามโถงทางเดิน สายตาเฉียบคมทอดมองไปข้างหน้า แผ่นหลังตั้งตรงในสูทสีดำสนิท เขาไม่ใช่คนที่ใครจะเข้าถึงได้ง่าย ๆ การปรากฏตัวของเขาในสถานที่แบบนี้อาจทำให้คนทั่วไปตกใจ แต่สำหรับโรงพยาบาลแห่งนี้ เป็นหนึ่งในไม่กี่ที่ที่เขาสามารถเดินเข้าไปได้โดยที่ไม่ต้องมีการ์ดติดตาม
ประตูถูกเปิดออกเงียบ ๆ ภายในห้องทำงานของกายมีเพียงแสงไฟจากโคมตั้งโต๊ะ ดวงตาสีอำพันของราฟาเอโร่กวาดมองไปรอบ ๆ ก่อนที่สายตาจะหยุดลงที่ร่างของชายหนุ่มเจ้าของห้อง
กายนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน สวมเสื้อกาวน์สีขาวทับชุดเชิ้ตสีอ่อน ใบหน้าเรียบนิ่งแต่เต็มไปด้วยความอบอุ่น เขาเหลือบตาขึ้นจากเอกสารตรงหน้า ริมฝีปากคลี่ยิ้มบาง ๆ เมื่อเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการแปลกใจ
"มาดึกกว่าปกตินะ" เสียงทุ้มนุ่มของกายเอ่ยขึ้น ขณะปิดแฟ้มเอกสารตรงหน้า มือข้างหนึ่งถอดแว่นตาออกก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ
ราฟาเอโร่ไม่ได้ตอบในทันที เขาเดินไปหยุดที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ก่อนจะทรุดนั่งลง ขาที่ยาวขยับเล็กน้อย ดวงตายังคงเย็นชา แต่แฝงความเหนื่อยล้าไว้อย่างแนบเนียน
"มีปัญหาอะไร?" กายถามด้วยน้ำเสียงเรียบง่าย ไม่เร่งเร้า ไม่ก้าวก่าย แต่ก็เปิดโอกาสให้ราฟาเอโร่พูด
ชายผู้ได้รับฉายาว่า "จักรพรรดิแห่งโลกมืด" ไม่ใช่คนที่จะเอ่ยปากบ่นเรื่องส่วนตัวให้ใครฟังง่าย ๆ แต่กายเป็นข้อยกเว้นเพียงหนึ่งเดียว
"คนของฉันบางคนเริ่มไม่น่าไว้ใจ"
เพียงแค่ประโยคเดียวก็เพียงพอจะบอกได้ว่าคืนนี้ราฟาเอโร่ไม่ได้มาเพียงเพื่อสนทนาเรื่องทั่วไป
ในโลกธุรกิจที่เต็มไปด้วยอำนาจและการทรยศ ทุกคนล้วนต้องการมีที่ยืน และหากมีใครก็ตามที่กล้าท้าทายอำนาจของราฟาเอโร่ คนคนนั้นก็มักจะไม่มีโอกาสได้ทำมันเป็นครั้งที่สอง
"จัดการไปแล้วกี่คน?" กายเอ่ยขึ้นเสียงเบา พลางยกมือขึ้นนวดขมับ
"สอง" ราฟาเอโร่ตอบเรียบ ๆ ไม่มีอารมณ์ใดสะท้อนผ่านน้ำเสียง
สองชีวิตถูกลบหายไปจากโลกนี้โดยไม่มีแม้แต่เสียงสะอื้น ไม่มีใครร้องขอชีวิต ไม่มีโอกาสให้ไถ่โทษ เมื่ออยู่ใต้เงาของราฟาเอโร่ ทางเลือกมีเพียงสองทาง
ภักดีหรือถูกกำจัด
กายพยักหน้าเล็กน้อย ไม่ได้แสดงความเห็นชอบหรือคัดค้าน เพราะเขารู้ดีว่าโลกของราฟาเอโร่โหดร้ายกว่าที่ใครจะจินตนาการได้
"แล้วนายคิดว่ายังมีใครอีกไหม?"
ราฟาเอโร่พิงหลังกับพนักเก้าอี้ หลับตาลงครู่หนึ่ง ก่อนจะเปิดขึ้นใหม่
"อาจจะมี"
ไม่มีอะไรแน่นอนในโลกของเขา ความภักดีเป็นสิ่งเปราะบาง ความไว้ใจเป็นของที่ไม่สามารถซื้อได้ และเมื่อถึงเวลาที่ต้องกำจัดปัญหา ราฟาเอโร่ไม่เคยลังเล
กายถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้น เดินไปที่มุมห้อง หยิบขวดบรั่นดีที่เก็บไว้สำหรับโอกาสพิเศษ แล้วรินมันลงในแก้วสองใบ
"ดื่มหน่อยไหม?"
ราฟาเอโร่ไม่ได้ตอบ แต่หยิบแก้วขึ้นมา ดวงตายังคงนิ่งสงบ ขณะที่ของเหลวสีทองไหลลงคอ
กายนั่งลงตรงข้าม มองชายที่ใคร ๆ ต่างหวาดกลัวด้วยสายตาที่แตกต่างจากคนอื่น เขาไม่ได้เห็นราฟาเอโร่เป็นเพียงจักรพรรดิใต้เงามืด ไม่ใช่เพียงนักธุรกิจเลือดเย็น ไม่ใช่เพียงบุคคลที่ทรงอำนาจที่สุดในโลกใต้ดิน แต่เป็นเพื่อน เป็นคนที่เขาสามารถรับฟัง และเป็นใครสักคนที่แม้แต่ปีศาจเองยังต้องการที่พึ่งพิง
"นายดูเหนื่อย"
ราฟาเอโร่หัวเราะในลำคอ เป็นเสียงหัวเราะที่ไร้ซึ่งความขบขัน
"ฉันไม่เคยมีเวลาสำหรับความเหนื่อยหรอก กาย"
"งั้นก็อย่าหมดแรงตายก่อนแล้วกัน"
กายกล่าวติดตลก แต่ก็แฝงไปด้วยความห่วงใยที่เขาไม่จำเป็นต้องเอ่ยออกมาตรง ๆ
ราฟาเอโร่เหลือบมองเพื่อนของเขา ดวงตาสีอำพันที่เคยเย็นชาดูผ่อนคลายลงเล็กน้อยในค่ำคืนนี้
และเป็นอีกครั้งที่เขานึกขอบคุณ ที่อย่างน้อยที่สุด ในโลกที่เต็มไปด้วยความทรยศและการหลอกลวง ยังมีกายอยู่ตรงนี้... รับฟังโดยไม่ตั้งคำถาม
บรรยากาศเงียบไปชั่วครู่ ก่อนที่เสียงแจ้งเตือนจากโทรศัพท์ของกายจะดังขึ้นเบา ๆ เขาหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะหัวเราะเบา ๆ
"เด็กพวกนั้นเพิ่งส่งรูปมาว่าไปแฮงค์เอาท์กัน" กายเอ่ยขึ้น พลางพลิกหน้าจอให้ราฟาเอโร่ดู ภาพของ แคสเปอร์ เรน และเสี่ยวไป๋ ที่กำลังเอนกายอยู่ริมสระ โอบเด็กหนุ่มหน้าคมในอ้อมแขน พร้อมแก้วเหล้าส่งประกายระยิบระยับภายใต้แสงไฟ
ราฟาเอโร่ปรายตามองรูปเพียงครู่เดียว ก่อนจะพ่นลมหายใจออกเบา ๆ ดวงตากลับมาเรียบนิ่งเหมือนเดิม "เราน่าจะไปกับพวกเขาบ้างนะ" กายว่าพลางวางโทรศัพท์ลงบนโต๊ะ
"งานยุ่งออกขนาดนี้ ฉันไม่มีเวลาคิดเรื่องนั้นหรอก" ราฟาเอโร่ตอบเสียงเรียบ ยกบรั่นดีขึ้นจิบเหมือนไม่ได้ใส่ใจนัก
"ฉันว่านายหาเวลาได้นะ"
ราฟาเอโร่เหลือบตามองกายเล็กน้อย ก่อนจะเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ ไขว้ขาอย่างสบาย ๆ "ยังไง?"
กายหัวเราะเบา ๆ โน้มตัวมาด้านหน้า ศอกวางลงบนโต๊ะ มือประสานกันพลางยิ้มมุมปาก
"ก็นายเป็นราฟาเอโร่ไม่ใช่เหรอ? ถ้านายอยากให้โลกหยุดหมุนเพื่อให้นายไปดื่มสักคืน มันก็ไม่ใช่เรื่องยาก"
ราฟาเอโร่หัวเราะในลำคอ แววตาฉายแววขบขันจาง ๆ "พวกนายดูจะชอบเรื่องไร้สาระกันดีนะ"
"เรียกมันว่า 'พักผ่อน' ดีกว่า" กายยักไหล่ "นายควรลองบ้าง"
ราฟาเอโร่ไม่ตอบในทันที เขาหมุนแก้วบรั่นดีในมือ ดวงตาจ้องของเหลวสีอำพันที่ไหวเบา ๆ ไปตามแรงเคลื่อน นิ้วโป้งไล้ไปตามขอบแก้วช้า ๆ ขณะที่สมองไตร่ตรอง
"ฉันไม่มีเวลาสำหรับเรื่องแบบนั้น" เขาว่าต่อ "เวลาที่ฉันปล่อยตัวเองให้สนุก มักมีใครสักคนพยายามใช้โอกาสนั้นเล่นงานฉัน"
กายพ่นลมหายใจเล็กน้อย ก่อนจะเท้าคางมองเพื่อนของเขา "ก็นั่นแหละปัญหาของนาย"
"อะไร?"
"นายไม่เคยไว้ใจใครเลย... แม้แต่ตัวเอง"
ราฟาเอโร่ชะงักไปเล็กน้อย แววตานิ่งสนิท แต่กายไม่พูดอะไรต่อ ปล่อยให้คำพูดนั้นล่องลอยอยู่ในอากาศ ก่อนจะยกแก้วของตัวเองขึ้นจิบเงียบ ๆ
ราฟาเอโร่มองภาพนั้น แล้วหัวเราะเบา ๆ อย่างปลง ๆ เขาพลิกนาฬิกาข้อมือดูเวลาก่อนจะลุกขึ้นยืน
"กลับล่ะ"
กายไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม เพียงแค่พยักหน้าเบา ๆ ราวกับเข้าใจดีอยู่แล้วว่าคนอย่างราฟาเอโร่จะไม่มีทางเสียเวลาอยู่นานเกินจำเป็น
"ฝากบอกเด็กพวกนั้นด้วยว่าถ้าเมามากไป ฉันไม่ช่วยล้างบาปให้" ราฟาเอโร่ทิ้งท้าย ก่อนจะเดินออกจากห้อง ปล่อยให้กายหัวเราะเบา ๆ ตามหลัง
เมื่อประตูปิดลง ความเงียบก็กลับมาอีกครั้ง กายเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ ดวงตาสีเทาอ่อนจับจ้องไปยังรูปบนหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง
"พักผ่อนบ้างก็ดีนะ ราฟาเอโร่" เขาพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะปิดหน้าจอ แล้วหันกลับไปทำงานต่อ
–
ห้องประชุมลับ | 02:15 PM
ภายในห้องประชุมกว้างขวางไร้หน้าต่างมีเพียงแสงไฟสีขาวเย็นตาส่องลงมากระทบโต๊ะประชุมหินอ่อนสีดำ ด้านหลังเป็นผนังกระจกฝ้าที่สะท้อนเงาร่างของผู้ทรงอิทธิพลทั้งห้าคนที่นั่งอยู่รอบโต๊ะ บรรยากาศกดดัน อึดอัด และแผ่ไออันตรายที่แม้แต่ควันบุหรี่ที่คลุ้งในอากาศยังดูหนักอึ้งกว่าปกติ
ราฟาเอโร่ นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะ ร่างสูงสง่าในชุดสูทสีดำสนิท มือข้างหนึ่งยกแก้วไวน์ขึ้นแนบปลายริมฝีปาก แต่ดวงตาสีอำพันที่นิ่งสงบเหมือนทะเลลึกกลับฉายประกายเย็นชา เขาไม่ได้เอ่ยอะไร แต่แรงกดดันจากตัวเขาเพียงคนเดียวก็ทำให้บรรยากาศในห้องดูหนักอึ้งขึ้นกว่าเดิม
แคสเปอร์นั่งข้าง ๆ มือเรียวกำแก้วบรั่นดีแน่นราวกับกำลังพยายามพยุงตัวเองจากความหวาดระแวงเล็ก ๆ ในใจ ราฟาเอโร่กำลังเกรี้ยวกราด เขาไม่ได้แสดงออกชัดเจน แต่ทุกคนในห้องสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่เพิ่มขึ้นทุกวินาที
และเพราะแบบนั้น... กาย ถึงได้นั่งอยู่ที่นี่
ชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีเงินนั่งอยู่เงียบ ๆ แม้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้โดยตรง แต่เขาก็ถูกแคสเปอร์อ้อนวอนให้มาด้วย เหตุผลน่ะเหรอ?
"ถ้านายไม่มา พวกเราคงต้องไปทัวร์นรกแน่"
กายไม่ได้มีความรู้เรื่องวงการนี้ ไม่ได้เกี่ยวข้องกับธุรกิจคาสิโน บ่อน หรือเส้นทางเถื่อนของพวกเขา แต่ในฐานะศัลยแพทย์และเพื่อนสนิทเพียงไม่กี่คนที่ราฟาเอโร่เชื่อฟัง เขาคือโล่กำบังชั้นดี
และตอนนี้... เขาคือเหตุผลเดียวที่ยังทำให้ห้องประชุมนี้สงบอยู่
"ถ้าจะให้พูดกันตรง ๆ ตอนนี้สถานการณ์ของพวกเราก็ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นแล้ว"
เสียงของ เสี่ยวไป๋ ดังขึ้นเป็นคนแรก แม้จะยังมีท่าทีสงบนิ่ง มือเรียวของเขาวางอยู่บนโต๊ะขณะปลายนิ้วเคาะจังหวะกับพื้นผิวหินอ่อนอย่างเชื่องช้า "ดูเหมือนจะมีใครบางคนพยายามเข้ามาแบ่งเขตแดนของเรา และมันก็ไม่ได้มาแบบเงียบ ๆ เสียด้วย"
"บ่อนของพวกเราเริ่มเสียสมดุล รายได้ตกลงมากกว่าห้าเปอร์เซ็นต์ในหนึ่งเดือน"
คราวนี้เป็นเสียงของ แคสเปอร์ ที่เปิดแฟ้มเอกสารแล้วเลื่อนมันไปให้ทุกคนดู ตัวเลขและกราฟแสดงให้เห็นถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน ใบหน้าเรียบสงบของเขาไม่ได้แสดงความกังวล แต่แววตาบ่งบอกชัดว่าเรื่องนี้หนักหนากว่าที่คิด "และที่น่าเป็นห่วงกว่านั้นคือคนของเราบางคนเริ่มเปลี่ยนข้าง"
คำพูดสุดท้ายของเสี่ยวไป๋ทำให้ แคสเปอร์ เป่าลมหายใจยาว "ให้ตายเถอะ พวกสวะที่ไม่มีความภักดีนี่มันน่ารำคาญชะมัด" เขาพึมพำพลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ มือเรียวขยับหมุนแหวนทองบนปลายนิ้ว สายตาสีฟ้าคมกริบแต่ไม่ลดทอนความเฉียบแหลม
"แล้วพวกมันเป็นใคร?"
ราฟาเอโร่พูดขึ้นเป็นครั้งแรก เสียงของเขาไม่ได้ดังมาก แต่แฝงแรงกดดันมหาศาล ความเงียบปกคลุมทั่วทั้งห้องในทันที
ทุกคนรู้ดี เมื่อราฟาเอโร่เริ่มพูด นั่นหมายความว่าเรื่องนี้ไม่ได้เป็นเพียง "ปัญหา" อีกต่อไป แต่คือ "คำพิพากษา"
"เรามีชื่อสามคนที่น่าสงสัย คนหนึ่งเป็นผู้จัดการบ่อนของเราเอง คนหนึ่งเป็นพ่อค้าชิปรายใหญ่ และอีกคนเป็นคนที่จัดหาหญิงบริการในเครือของเรา" แคสเปอร์กล่าวพลางพลิกเอกสารไปอีกหน้า "ทั้งสามคนเริ่มมีการเคลื่อนไหวที่แปลกไปและมีข้อมูลรั่วไหลจากบ่อนของเราในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา"
"พวกมันน่าจะถูกซื้อไปแล้ว"
เสี่ยวไป๋พูดเสียงเรียบ แต่นัยน์ตาเย็นชาอย่างที่หาได้ยาก
"งั้นก็ไม่ต้องเสียเวลาถาม ให้เรนจัดการพวกมัน" แคสเปอร์ว่าพลางยักไหล่ ราวกับว่าการล้างบางครั้งนี้เป็นเพียงอีกหนึ่งดีลธุรกิจที่เขาจัดการเป็นประจำ
สายตาทุกคู่หันไปมอง เรน ที่นั่งเอนตัวพิงเก้าอี้ มือข้างหนึ่งหมุนมีดพกเล่นบนโต๊ะไม้ราวกับว่ากำลังฆ่าเวลารอการลงมือ
เด็กหนุ่มกระตุกยิ้ม ก่อนจะพลิกมีดไปปักลงบนโต๊ะอย่างแม่นยำ "จัดการ? แน่นอน ฉันทำได้" เสียงของเขายังเจือแววขี้เล่นเหมือนเดิม แต่แววตากลับฉายประกายดิบเถื่อน
"แต่ก่อนที่ฉันจะลงมือ… ฉันอยากรู้ว่าเราจะเล่นเกมนี้กันยังไง?"
"ง่าย ๆ"
ราฟาเอโร่วางแก้วไวน์ลงช้า ๆ เสียงกระทบของแก้วกับโต๊ะดังก้องในความเงียบ ดวงตาสีอำพันจ้องตรงไปยังข้อมูลที่อยู่ตรงหน้า
"กำจัดคนที่ทรยศ"
"ส่งสารไปถึงพวกมัน"
"และทำให้แน่ใจว่าจะไม่มีใครกล้าทำแบบนี้อีก"
น้ำเสียงเรียบนิ่ง แต่เย็นยะเยือกจนทำให้ทุกคนในห้องรู้สึกถึงอุณหภูมิที่ลดลง
เรนหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะดึงมีดออกจากโต๊ะ หมุนมันไปมาช้า ๆ "ฟังดูง่ายดี… ฉันชอบ"
ริมฝีปากของเด็กหนุ่มยกยิ้มบาง ๆ แต่แววตาสีเข้มนั้นกลับไร้ซึ่งความขี้เล่นเหมือนทุกที มีเพียงประกายคุกคามเจืออยู่ในนั้น เป็นรอยยิ้มของนักล่า
เสี่ยวไป๋เหลือบมองเรนด้วยหางตา นัยน์ตาเรียวรีของเขาสะท้อนความพึงพอใจจาง ๆ ต่อสิ่งที่เห็น เขารู้ดี เด็กคนนี้อาจดูเป็นตัวป่วนเวลาอยู่กับพวกเขา แต่ในโลกของเลือดและความตาย เรนเป็นสัตว์ร้ายที่ไม่มีใครอยากเผชิญหน้า
แคสเปอร์หัวเราะเบา ๆ พิงหลังกับเก้าอี้ มองเรนที่ยังควงมีดในมือเล่นพลางแกล้งกระเซ้า "ขอให้เล่นสนุกกับมันล่ะกัน แต่ช่วยอย่าให้มันเปื้อนเลือดจนเช็ดไม่ออกล่ะ"
เรนหยุดมีดในมือก่อนจะเงยหน้ามองแคสเปอร์ รอยยิ้มที่แต้มอยู่บนริมฝีปากดูซุกซนปนเรืองรองอันตราย "ฉันไม่สัญญานะ"
เสียงหัวเราะแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากของเสี่ยวไป๋ แววตาของเขาเต็มไปด้วยความขบขันปะปนกับความพึงพอใจ "บางทีฉันควรให้เด็กคนนี้เป็นคนส่งสารแทน"
ราฟาเอโร่ยังคงนิ่ง แสงไฟสะท้อนบนใบหน้าคมคายที่เย็นชาไร้ความปรานี เขาพยักหน้าเพียงเล็กน้อย ซึ่งเพียงพอให้ทุกคนในที่นี้รับรู้ว่ามันคือคำสั่งเด็ดขาด
"จัดการให้เรียบร้อย"
เสียงของเขาดังขึ้นเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่การประชุมจะสิ้นสุดลง
หลังการประชุม | 05:00 PM
ทันทีที่ก้าวออกจากห้องประชุม บรรยากาศกดดันและอึดอัดหายไปในพริบตา ความน่ากลัวที่รายล้อมเรนเมื่อครู่ก็พลันสลายกลายเป็นเด็กหนุ่มกวนประสาทที่พวกพี่ ๆ รู้จัก
เรนเหวี่ยงแขนขึ้นพาดบ่าของแคสเปอร์อย่างไม่สนใจมาด "โอ๊ย เครียดชะมัด ไหน ๆ ประชุมจบแล้ว ไปหาอะไรดื่มกันไหม? ~"
แคสเปอร์เบี่ยงตัวหลบก่อนจะใช้ปลายนิ้วดันหน้าผากเรนให้ถอยห่าง "เดี๋ยว ๆ ก่อนหน้านี้ใครเป็นนักฆ่าที่ดูโหดร้ายราวกับปีศาจ แล้วนี่ทำไมอยู่ดี ๆ กลายเป็นเด็กขี้อ้อนอีกแล้ว?"
เรนเบะปาก "อะไรเล่า ฉันก็คือฉันอยู่แล้ว"
เสี่ยวไป๋ยืนกอดอกมองภาพตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจ "เร็วจริงนะ เปลี่ยนอารมณ์ได้ไวเป็นบ้า"
"เอาน่า คิดซะว่าเป็นเสน่ห์ของฉันแล้วกัน~" เรนพูดขณะกอดอกพิงกำแพง สีหน้าเต็มไปด้วยความกวนประสาท "พวกพี่ไปดื่มกันไหม ฉันหิวแล้ว"
แคสเปอร์มองเด็กน้อยที่เพิ่งประกาศว่าจะไปฆ่าคนเมื่อครู่ด้วยสายตาระอาปนขบขัน "เมื่อกี้ยังบอกว่าจะไปจัดการคนอยู่เลย นี่หิวแล้วเหรอ?"
เรนพยักหน้า "แน่นอน ฆ่าคนก็เรื่องนึง หิวก็เรื่องนึง"
เสี่ยวไป๋ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะพ่นควันบุหรี่ออกมา "ฉันว่าบางทีนายอาจจะเป็นนักฆ่าที่เอาแต่ใจกว่าที่คิดนะ"
เรนยักไหล่ "แล้วแต่จะคิด"
ขณะที่ทั้งสามคนยังเถียงกันไม่เลิกว่าจะไปร้านไหนดี ประตูห้องประชุมก็ถูกผลักเปิดออก เงาทะมึนของราฟาเอโร่ปรากฏขึ้น แผ่รังสีอันตรายที่ทำให้ทุกคนเงียบลงโดยอัตโนมัติ
ดวงตาสีอำพันกวาดมองพวกเด็ก ๆ ที่ยืนรวมกลุ่มกันอยู่ แคสเปอร์ซึ่งปกติไม่เคยหวั่นไหวกับอะไร ยังต้องกระแอมเบา ๆ แล้วปรับท่านั่งให้ดูดีขึ้นเล็กน้อย
เรนเหลือบมองราฟาเอโร่ ก่อนจะเม้มปากแน่น ใช้ความคิดครู่หนึ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินไปยืนใกล้ ๆ แต่ยังคงเว้นระยะห่างพอสมควร
เขารู้ดีว่าคนคนนี้ไม่ใช่พวกที่อยากโดนเซ้าซี้หรืออ้อนเหมือนคนอื่น
แต่ถึงจะไม่อ้อน... ก็ใช่ว่าจะไม่มีวิธีทำให้ราฟาเอโร่ยอม
เรนสูดหายใจเข้าลึกก่อนจะยักคิ้วขึ้นเล็กน้อย
"ราล์ฟ ตอนนี้เรายังมีเวลาอยู่ใช่มั้ย?"
ราฟาเอโร่ปรายตามองเขา สีหน้าเรียบนิ่ง "อืม"
"งั้นก็แปลว่าว่างสินะ ตอนนี้"
"แล้ว?"
เรนยิ้มกริ่ม "แล้วก็แปลว่า… เราจะไปกินข้าวเย็นด้วยกัน ใช่มั้ย?"
เสี่ยวไป๋กับแคสเปอร์หันมามองหน้ากัน รู้ทันทีว่านี่มัน... การต่อรองแบบหน้าด้าน ๆ
ราฟาเอโร่ยังคงนิ่ง สายตาเย็นชาไร้ความลังเล แต่นัยน์ตาของเขาสะท้อนให้เห็นว่าไม่พอใจกับความกะล่อนของน้องชายตัวแสบเลยสักนิด
เรนกอดอก เอนตัวพิงกำแพงอย่างสบาย ๆ "พี่ก็รู้ กองทัพต้องเดินด้วยท้อง ถ้าฉันหิวแล้วไม่มีแรง… พี่ก็น่าจะเดาได้ใช่มั้ยว่าจะเกิดอะไรขึ้น?"
แคสเปอร์หลุดหัวเราะพรืดออกมา ก่อนจะพึมพำ "สงสัย คุโรซาวะ เร็นยะ กลัวว่าจะไม่มีแรงยกดาบ"
เสี่ยวไป๋เพียงส่ายหน้าเบา ๆ มองภาพตรงหน้าอย่างปลง ๆ
ราฟาเอโร่จ้องเรนเงียบ ๆ อยู่นาน แรงกดดันในอากาศหนักขึ้นราวกับพายุที่กำลังก่อตัว
แต่สุดท้าย…
เขาถอนหายใจเงียบ ๆ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างเสียไม่ได้
"กินอะไรก็รีบกิน ฉันไม่มีเวลามาก"
"เยส!" เรนยกกำปั้นขึ้นอย่างสะใจ ก่อนจะหันไปหาเสี่ยวไป๋กับแคสเปอร์ "ไปกันเถอะ ฉันอยากกินเนื้อย่าง!"
แคสเปอร์หัวเราะพลางเอนตัวไปตบไหล่กายที่ยืนฟังเงียบ ๆ มาตลอด "กาย ไปด้วยกันไหม? นายไม่ได้อยากมาประชุมอยู่แล้ว แต่ไหน ๆ ก็โดนลากมาแล้ว ไปกินข้าวด้วยกันเถอะ"
กายหัวเราะเบา ๆ ส่ายหน้าเล็กน้อย "ถ้าไม่รบกวน ก็ไปได้"
"รบกวนอะไรล่ะ!" เรนตะโกนลั่น พลางเดินนำไปก่อน "พี่กายไปด้วยก็ดี ฉันจะได้นั่งข้างพี่กาย ไม่ต้องเจอคนที่ทำหน้าโหดตลอดเวลา!"
ราฟาเอโร่ปรายตามองเด็กน้อยที่ตั้งใจแซะเขาอย่างเปิดเผย ก่อนจะพ่นลมหายใจออกเบา ๆ "ฉันได้ยิน"
เรนยักไหล่ "ก็ตั้งใจให้ได้ยินนี่"
แคสเปอร์หัวเราะลั่น พลางตบไหล่ราฟาเอโร่เบา ๆ "เอาน่า อย่างน้อยนายก็ยอมไปกินข้าวด้วยกันแล้ว"
ราฟาเอโร่ไม่ตอบอะไร เพียงแต่เดินตามไปเงียบ ๆ แม้สีหน้าจะยังดูเคร่งขรึมและเย็นชา
–
ร้านเนื้อย่างหลังตรอก | 06:15 PM
ร้านที่พวกเขาเลือกคืนนี้ไม่ได้เป็นร้านหรูหราโอ่อ่าเหมือนร้านระดับไฮเอนด์ทั่วไป แต่กลับเป็น ร้านลับ ที่ตั้งอยู่ในตรอกเงียบสงบของลอนดอน ไม่มีป้ายไฟสว่างจ้า ไม่มีเมนูอลังการให้เลือกมากมาย แต่มีรสชาติที่การันตีได้ว่าดีกว่าร้านห้าดาวหลายเท่า
ภายนอกของร้านดูเงียบเชียบ ไม่มีลูกค้าขาจรเข้ามาวุ่นวาย ประตูไม้เก่า ๆ เปิดออกด้วยเสียงกระดิ่งแผ่วเบา ด้านในมีเพียงโต๊ะไม่กี่ตัว และที่สำคัญเป็นสถานที่ที่รับรองเฉพาะแขกที่รู้จักเท่านั้น
กลิ่นควันเนื้อที่กำลังย่างโชยมาแตะจมูกทันทีที่ก้าวเข้ามา ผสมกับกลิ่นเครื่องเทศและโชยุหมักแบบโฮมเมด เสียงไฟจากเตาแตกเปาะแปะคลอไปกับเพลงญี่ปุ่นโบราณที่ลอยคลอเบา ๆ
"ที่นี่อีกแล้ว?" แคสเปอร์เลิกคิ้วขณะมองไปรอบ ๆ
เรนกอดอกแล้วยืดตัวขึ้นอย่างภาคภูมิใจ "แน่นอน! ที่นี่แหละคือที่สุดของร้านเนื้อย่างในลอนดอน ฉันรับประกัน!"
"นายรับประกันเพราะมากินบ่อยจนพนักงานจำหน้าได้แล้วมากกว่า" เสี่ยวไป๋พูดพลางถอนหายใจ
ราฟาเอโร่ไม่พูดอะไร เพียงแค่ปรายตามองรอบร้าน บรรยากาศเงียบสงบจริงตามที่เรนว่า มีเพียงลูกค้าอีกหนึ่งโต๊ะที่นั่งอยู่ไกลออกไป ไม่มีเสียงอึกทึก ไม่มีคนพลุกพล่าน เหมาะสำหรับคนที่ไม่ต้องการเป็นจุดสนใจ
เจ้าของร้านชายวัยกลางคน ที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยกับเรนดี เดินออกมาต้อนรับพร้อมผ้ากันเปื้อนติดตัว
"อ้าว มาอีกแล้วเหรอ?"
"แน่นอน! รอบนี้พาครอบครัวมากินด้วย" เรนตอบหน้าตาย ก่อนจะเดินไปนั่งประจำที่
"เอาเหมือนเดิมใช่ไหม?"
"เพิ่มลิ้นวัวสองชุด! แล้วก็เนื้อฮิระซูยากิด้วย!"
เสี่ยวไป๋และแคสเปอร์นั่งลงข้างกัน ส่วนราฟาเอโร่และกายนั่งฝั่งตรงข้าม บรรยากาศดูผ่อนคลายกว่าที่พวกเขาคิด พื้นไม้เก่าที่มีรอยขีดข่วนจากกาลเวลาให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนร้านอาหารบ้าน ๆ มากกว่าจะเป็นร้านที่พวกมาเฟียระดับโลกจะมากิน
ไม่นานนัก เนื้อส่วนต่าง ๆ ที่ถูกคัดสรรมาอย่างดีถูกยกมาเสิร์ฟบนถาดไม้ เนื้อวากิวลายสวยแล่บางจนแทบละลายในปาก ลิ้นวัวสดใหม่ที่เรนชอบเป็นพิเศษ และสันคอหมูหมักซอสที่เป็นสูตรเฉพาะของร้าน
"ลองก่อนสิพี่กาย! ฉันบอกแล้วว่ามันอร่อยจริง ๆ!" เรนยื่นตะเกียบพร้อมเนื้อที่เพิ่งย่างเสร็จให้
กายหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะรับไปชิม และก็ต้องยอมรับว่ารสชาติดีกว่าที่คิด
"อืม... ไม่แย่เลย"
"ไม่แย่ที่ไหน! นี่มันที่สุดแล้ว!"
แคสเปอร์เอนตัวพิงพนักเก้าอี้ พลางรินเหล้าลงแก้ว "ถึงจะเป็นร้านเล็ก ๆ แต่ต้องยอมรับว่าบรรยากาศดีจริง ๆ แถมไม่มีคนพลุกพล่านด้วย"
"นั่นแหละเหตุผลที่ฉันชอบมา" เรนยักคิ้ว "ร้านนี้ไม่มีใครรู้จักมาก นอกจากพวกที่เคยมาบ่อย ๆ เจ้าของร้านก็ไม่ยุ่งเรื่องของลูกค้า"
เสี่ยวไป๋คีบเนื้อลงบนเตา ไฟสีส้มลุกโชนขึ้นพร้อมเสียงฉู่ฉ่าของไขมันที่ละลาย "เหมาะกับพวกเราแล้วล่ะ"
ราฟาเอโร่ยังคงนิ่งเงียบ เขาไม่ได้แสดงออกถึงความพึงพอใจมากนัก แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีไม่ชอบ บางครั้งเขาจะหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบเนื้อกินเงียบ ๆ โดยไม่มีใครพูดอะไร
แคสเปอร์ยกแก้วขึ้น "ไหน ๆ ก็มากินด้วยกันแล้ว ดื่มให้กับค่ำคืนนี้หน่อยเป็นไง?"
เรนพยักหน้ารัว ๆ "ฉันเอาด้วย!"
"แต่เหล้าของนาย... เป็นชาอู่หลง" เสี่ยวไป๋พูดเสียงเรียบ
เรนทำหน้าเหมือนโดนหักหลัง "โถ่ นี่ฉันโตแล้วนะพี่!"
"นายยังต้องไปทำงานต่อ"
เรนมุ่ยหน้าแต่ก็ไม่ได้เถียงต่อ เขาคว้าแก้วชามาชนกับแก้วเหล้าของพี่ ๆ แทน
"งั้นก็ดื่มให้กับร้านนี้! ที่ทำให้ฉันอิ่มท้องก่อนจะไปฆ่าคน!"
ราฟาเอโร่ถอนหายใจ "เลือกใช้คำพูดให้ดีกว่านี้หน่อย"
"โอเค ๆ งั้นก็... ดื่มให้กับเนื้อย่างสุดยอด!"
เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังขึ้นรอบโต๊ะ พร้อมกับบรรยากาศที่ผ่อนคลายลง
กลิ่นเนื้อย่างโชยขึ้นจากเตา ควันจาง ๆ ลอยอ้อยอิ่งไปตามอากาศ ไขมันจากเนื้อคุณภาพดีหยดลงบนตะแกรง ส่งเสียงฉู่ฉ่าอย่างน่าลิ้มลอง เรนเอนตัวไปข้างหน้า ตะเกียบในมือคีบเนื้อขึ้นมาแล้วยื่นให้กาย "นี่พี่กาย ลองอันนี้ดู อร่อยมาก!"
กายมองเนื้อที่ถูกยื่นมาตรงหน้าก่อนจะหัวเราะเบา ๆ "เมื่อกี้นายก็พูดแบบนี้"
"ก็อร่อยทุกชิ้นไง!" เรนยิ้มกว้าง ดวงตาเป็นประกาย
แคสเปอร์หัวเราะขณะรินเหล้าใส่แก้วตัวเอง "ฉันไม่เคยเห็นนายกระตือรือร้นขนาดนี้กับอะไรเลยนะเรน นอกจากตอนที่เอาดาบไล่ฟันคนเล่น"
"มันก็ต้องมีบ้างล่ะ!"
เสี่ยวไป๋พ่นควันบุหรี่ออกช้า ๆ ก่อนจะเหลือบตามองเรนที่ยังคงยุ่งกับเนื้อในจานของตัวเอง "เอาจริงเถอะ นายกินขนาดนี้ไหวเหรอ?"
"แน่นอน!" เรนตอบทันควัน "ยิ่งมีงานต้องทำ ฉันก็ต้องกินเยอะ ๆ ไว้ก่อน จะได้มีแรง"
ราฟาเอโร่ที่นั่งเงียบมาตลอดหยิบตะเกียบขึ้นมาก่อนจะคีบเนื้อเข้าปากโดยไม่พูดอะไร เสียงสนทนายังคงดำเนินต่อไป แต่เขาก็ยังตั้งใจฟังอยู่
"พรุ่งนี้นายเริ่มลงมือใช่ไหม?" แคสเปอร์ถาม พลางหมุนแก้วเหล้าในมือ
เรนพยักหน้า "ใช่ แต่ไม่ต้องห่วง ฉันจัดการได้"
"ฉันไม่ได้ห่วงนายหรอก ฉันห่วงว่าร้านนี้จะมีเนื้อพอให้พรุ่งนี้หรือเปล่ามากกว่า" แคสเปอร์พูดติดตลก ทำให้เสี่ยวไป๋ที่กำลังยกแก้วขึ้นจิบเหล้าหัวเราะในลำคอ
เรนกลอกตา "ก็กินวันนี้ให้เต็มที่ไง พรุ่งนี้จะได้ไม่มีอะไรติดค้าง"
แคสเปอร์ยกแก้วขึ้น "งั้นก็ดื่มให้กับความสำเร็จล่วงหน้า!"
"และให้กับอาหารมื้อนี้ที่ไม่ควรปล่อยให้เสียของ!" เรนเสริมก่อนจะชนแก้วชาอู่หลงกับเหล้าของคนอื่น
แต่แล้วเขาก็ชะงัก ก้มลงมองของเหลวสีอำพันอ่อนในแก้วตัวเอง ก่อนจะขมวดคิ้ว "แล้วทำไมของฉันต้องเป็นชาวะเนี่ย? ร่างกายของฉันมันต้องการแอลกอฮอล์มากกว่านะ!"
แคสเปอร์หัวเราะพลางเอนตัวพิงพนักเก้าอี้ "เอาไว้เสร็จงานเมื่อไหร่ อยากเมาแค่ไหนก็ตามสบายเลยนะ นายน้อยเรน"
"จริงดิ!? แบบไม่อั้น?"
แคสเปอร์กระตุกยิ้ม "ไม่อั้น ตราบใดที่นายกินไหว"
"ขอให้พูดจริงแล้วกัน!" เรนกระแทกมือกับโต๊ะเบา ๆ ดวงตาเป็นประกายด้วยความตื่นเต้นราวกับเด็กที่เพิ่งได้ยินว่าจะพาไปเที่ยวสวนสนุก
เสี่ยวไป๋ส่ายหน้าช้า ๆ ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นดื่มอีกอึก "ถ้าสิ่งที่กระตุ้นนายได้มากที่สุดคือของกินกับเหล้า นี่ฉันต้องดีใจหรือกังวลกันแน่?"
"ก็ทั้งสองอย่างไง!" เรนหัวเราะ ก่อนจะคีบเนื้อชิ้นใหม่ลงเตา เสียงฉู่ฉ่าจากไขมันที่หยดลงไปทำให้กลิ่นหอมกระจายไปทั่วห้อง
-------------------------------------------
ฝากติดตามตอนต่อไปด้วยนะครับ
ขอฝากแก๊งค์อนุบาลมาเฟียไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วย
รอติดตามคับ สนุกมากครับ ขอบคุณมากๆครับ ขอบใจจริงๆ รอติดตามต่อไปนะครับ ติดตามตอนต่อไปครับ ข อ บ คุ ณ ค รั บ
หน้า:
[1]