เสียงฝนกับคนเก่า
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย NOOFONG เมื่อ 2025-4-3 11:13เสียงเคาะประตูดังขึ้นท่ามกลางเสียงฝนที่สาดกระทบกระจกหน้าต่างเป็นจังหวะ ผมนั่งนิ่งอยู่นาน หวังว่ามันจะเป็นแค่เสียงลม หรือใครก็ตามที่เคาะผิดห้อง…แต่แล้วเสียงนั้นก็ดังขึ้นอีกครั้ง รัวกว่าเดิม หนักแน่นกว่าเดิม
ผมลุกไปเปิดอย่างเสียไม่ได้ ก่อนจะชะงักไปกับภาพตรงหน้า
“น้ำเหนือ…”
เขายืนอยู่ตรงนั้น ตัวเปียกโชก เสื้อเชิ้ตสีขาวแนบกับผิวเนื้อจนเห็นลายสักจาง ๆ ที่อกซ้าย เปลือกตาแดงก่ำ แก้มเปียกชื้นไม่แน่ชัดว่าเพราะน้ำฝนหรือหยดน้ำตา และกลิ่นเหล้าที่คุ้นเคยก็ลอยแตะปลายจมูกทันทีที่เขาก้าวเข้ามาใกล้
“กู…ขอโทษ…” เขาพูดเสียงเบา น้ำเสียงสั่น
ยังไม่ทันที่ผมจะได้พูดอะไร มือเย็นเฉียบของเขาก็จับต้นคอผมไว้ ก่อนที่ริมฝีปากจะกดลงมาอย่างรุนแรง ไม่มีการขออนุญาต ไม่มีการลังเล
ผมไม่ทันตั้งตัว ไม่รู้ว่าควรจะผลักออกหรือตอบรับ สุดท้ายกลับเป็นผมเองที่กำชายเสื้อเขาแน่น สัมผัสความเจ็บปวดที่ส่งผ่านมาทางริมฝีปากนั้น
“อย่าทำแบบนี้…” ผมพยายามพูด แต่เสียงผมมันเบาเสียจนเหมือนแค่ลมหายใจ
น้ำเหนือกดตัวลงมาบนร่างผม ผลักผมไปติดผนังห้องข้างประตู เสียงลมหายใจเขาหนัก หนักจนผมเริ่มสั่น และไม่รู้ว่าความสั่นไหวนี้มาจากความหนาว หรือความรู้สึกที่พยายามเก็บซ่อนไว้มาตลอดหลายปี
“มึงรู้ไหม ว่ากูคิดถึงมึงแค่ไหน…”
มือเปียกชื้นของเขาสัมผัสแก้มผม ก่อนจะเลื่อนไปลูบลำคอช้า ๆ สายตานั้นไม่ใช่แค่มึนเมา แต่มันเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่ผมไม่กล้าแปลความหมาย
“อย่า…” ผมพูดอีกครั้ง แต่คราวนี้มือของเขาก็ไล่ลงมาจนถึงกระดุมเสื้อยืดของผม
เสียงปลดกระดุมดังในความเงียบ ความชื้นจากร่างกายเขาซึมเข้าสู่เสื้อของผมที่เริ่มเปียกตามไปด้วย กลิ่นฝน กลิ่นเหล้า กลิ่นของเขา มันผสมกันจนหัวผมว่างเปล่า
“ขออยู่กับมึงคืนนี้ได้ไหม…”
เขากระซิบชิดริมฝีปาก ก่อนจะกดจูบลงมาอีกครั้ง คราวนี้เนิบช้า ละเอียดอ่อน และเต็มไปด้วยอะไรบางอย่างที่เหมือนจะพังทลายทุกแนวป้องกันในใจผมลงจนหมด
เสียงหอบหายใจ ผิวที่เสียดสีกัน เสื้อผ้าที่หล่นลงกับพื้นทีละชิ้น ท่ามกลางแสงสลัวของโคมไฟหัวเตียงที่ผมลืมปิด ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างเงียบงันและหนักแน่นเหมือนฝนที่ตกไม่มีทีท่าจะหยุด
เราไม่พูดอะไรอีกเลยนอกจากเสียงหอบ เสียงจูบ เสียงเล็บที่ข่วนลงบนแผ่นหลังและเสียงครางที่หลุดออกมาจากลำคอของเขา เสียงที่ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน
ผมยอมให้เขาทำ ยอมให้เขารั้งสะโพกผมแน่น ยอมให้เขากระซิบชื่อผมเบา ๆ ในความมืด
เพราะในวินาทีนั้น ผมรู้ดีว่า ถึงสุดท้ายมันอาจไม่มีค่าอะไร แต่มันคือครั้งแรกที่เขา ‘เลือก’ มาหาผม
และผม…ก็อ่อนแอเกินกว่าจะผลักเขาออกไปจริง ๆ
ย้อนกลับไปหลายปีก่อน | ช่วงวัยมหา’ลัย | กรุงเทพฯ
ผมรู้จักน้ำเหนือตั้งแต่ปีหนึ่ง ไม่ใช่เพราะเรียนห้องเดียวกัน แต่เพราะเราบังเอิญติดกลุ่มกิจกรรมมหา'ลัยเดียวกันในวันรับน้อง
เขาเป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยพูดมาก แต่พออยู่ด้วยกันนานเข้า ผมก็เริ่มจับจังหวะได้ ว่าเงียบของเขาไม่ใช่เพราะไม่อยากพูด แต่เพราะเขาฟังทุกอย่างอยู่ตลอดเวลา
เรากลายเป็นเพื่อนกันแบบง่าย ๆ เหมือนมันควรจะเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว
ผมจำได้ว่าช่วงปีสอง ผมกับเขาอยู่หอพักเดียวกัน แต่คนละชั้น จนมีอยู่ช่วงนึง น้ำเหนือต้องย้ายออกจากห้องเพราะปัญหาเรื่องญาติ เขาเลยมาขออาศัยอยู่กับผมสักพัก
‘เดี๋ยวหาได้แล้วจะย้ายออก’ — เขาว่างั้นตอนที่ยกกระเป๋าเข้ามา
แต่เขาก็ไม่ได้ย้ายออกจริง ๆ จนกระทั่งเรียนจบ
…
เรากินข้าวด้วยกัน นอนห้องเดียวกัน แปรงฟันอยู่ในห้องน้ำเดียวกัน แชร์หูฟังกันตอนนั่งทำรายงาน ฟังเพลงของกันและกันในห้องเงียบ ๆ ที่ไม่มีใครพูดอะไรสักคำ
ผมเคยคิดว่าความใกล้ชิดแบบนั้นมันเป็นเรื่องธรรมดาระหว่างเพื่อน
แต่พอคืนหนึ่ง ที่ผมตื่นมากลางดึกแล้วเห็นเขานอนกอดผมไว้แน่นมาก เหมือนกลัวผมหายไป
ผมก็เริ่มไม่แน่ใจว่าความรู้สึกของผม…มันยังเป็นแค่เพื่อนได้อยู่จริง ๆ หรือเปล่า
จนวันหนึ่ง เขากลับมาห้องตอนหัวค่ำ หอบดอกไม้ช่อเล็ก ๆ ติดมือมาด้วย กลิ่นน้ำหอมติดปลายคอ รอยจาง ๆ บนปกเสื้อเชิ้ตที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
เขานั่งลงข้างผมบนพื้นห้อง หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงที่เหมือนเกรงใจนิดหน่อย
“กูว่าจะขอเขาแต่งงาน”
ผมเงียบไปชั่วขณะ
โลกในตอนนั้นเงียบกว่าที่เคยเป็น
“เหรอ” ผมพยายามพูดเสียงนิ่งที่สุด “ยินดีด้วยนะ”
เขายิ้มกว้าง “มึงต้องไปงานแต่งกูนะ กูไม่ให้เบี้ยว”
ผมหัวเราะกลบลมหายใจที่ติดขัด แล้วพยักหน้าเบา ๆ ก่อนจะลุกขึ้นมาเก็บของเข้ากระเป๋าโดยไม่มีเหตุผล
คืนนั้นผมอ้างว่าจะไปนอนห้องเพื่อน แต่ความจริงคือผมเดินอยู่ข้างถนนฝนตก รู้ตัวอีกที…ผมก็มานั่งนิ่ง ๆ อยู่ที่ศาลารอรถเมล์ในมหา'ลัย
ผมนั่งเงียบ ๆ อยู่ที่นั่นจนเช้า
…
หลังจากวันนั้น ผมเริ่มหายหน้าไป
ผมหลบทุกอย่าง ไม่ตอบไลน์ ไม่อยู่ห้องเวลาเขากลับมา
ผมโอนเงินค่าน้ำค่าไฟไว้ให้เหมือนเดิม แต่ไม่กลับไปอีกเลย
เขาพยายามโทร พยายามถามเพื่อน พยายามเดินตามหาผมในคณะ แต่ผมหนีได้ตลอด
ผมไม่อยากให้เขาเห็นหน้าคนที่กำลังฝืนยิ้มแล้วร้องไห้ไปพร้อมกัน
ผมบอกตัวเองว่า...ต่อให้เขาแต่งงานไปแล้ว อีกสักพักผมก็คงจะลืมได้
แค่ไม่เจอกันอีก มันก็น่าจะง่ายขึ้น
2 ปีต่อมา…
ผมรู้จากเพื่อนเก่าอีกคน ว่าเขาเลิกกับภรรยา
แต่ผมก็แกล้งทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่อยากรู้ ไม่อยากสนใจ
เพราะกลัวว่าถ้ารู้เยอะกว่านี้…หัวใจมันจะเริ่มหวังอีกครั้ง
ผมหลบหน้าเขา ลบเบอร์เขาออก ลบรูปในมือถือ ผมพยายามใช้ชีวิตแบบคนที่ไม่เคยรู้จักชื่อ “น้ำเหนือ”
แต่ไม่ว่ายังไง…ก็หนีไม่พ้น
กระทั่งตอนนี้…
เสียงลมหายใจเขาหนักหน่วงเต็มไปด้วยกลิ่นเหล้าและความคลุ้มคลั่ง เขาโน้มตัวลงมา กัดเบา ๆ ที่ต้นคอผม แล้วกระซิบเสียงต่ำจนขนลุกทั้งตัว
“มึงจะทำอะไรกู…” ผมถามออกไปด้วยเสียงแหบพร่า
เขาหัวเราะเบา ๆ ข้างหู หัวเราะแบบที่ไม่เคยได้ยินจากเขามาก่อน เสียงมันร้อนเหมือนไฟ แฝงไปด้วยแรงอัดอั้นที่เหมือนพร้อมจะแตกออกทุกวินาที
“ทุกอย่างที่กูไม่เคยกล้าทำกับมึงมาก่อน…”
มือเปียกชื้นของเขาสอดใต้เสื้อผม ลูบผ่านหน้าท้องแล้วเลื่อนไปด้านหลัง ก่อนจะกดร่างผมลงกับที่นอนอย่างไม่เปิดโอกาสให้ต่อต้าน
เสียงสายฝนข้างนอกยังดัง แต่ในห้อง เสียงหอบ เสียงเนื้อกระทบกัน และเสียงชื่อของผม…มันดังกว่า
“ปาย…” เขาเรียกผมเบา ๆ เหมือนกลัวผมจะหายไป
“ปาย…แม่งเอ๊ย…ทำไมกูไม่พูดตั้งแต่ตอนนั้นวะ…”
ปลายนิ้วเขาเลื่อนไปในจุดที่ไม่ควรถูกสัมผัสง่าย ๆ
เสียงครางหลุดออกจากปากผมอย่างห้ามไม่อยู่
ผมจิกผ้าปูแน่น พยายามหายใจให้สม่ำเสมอแต่ก็ไม่ทันแรงของเขา
“มึง…เมา…” ผมพึมพำ
เขากดหน้าผากลงกับแผ่นหลังผม ริมฝีปากร้อนชื้นลากผ่านผิวทีละนิ้วอย่างตั้งใจ
“กูเมา แต่กูรู้ว่ากูอยากได้มึง…มาตลอด”
เขาขยับสะโพกแนบลงกับตัวผม ร่างเปลือยแน่นร้อน สะโพกแนบแน่นกับสะโพก เสียงลมหายใจเขาหนักขึ้นเรื่อย ๆ
“ได้ยินมั้ยปาย…เสียงมึงคราง กูเคยฝันถึงมันเป็นร้อยครั้ง…”
ผมตัวสั่นไปทั้งร่าง แผ่นหลังร้อนเหมือนโดนเผา ลิ้นเขาไล้ผ่านบ่าก่อนจะกระซิบเบา ๆ
“คืนนี้…อย่าห้ามกูเลย กูขอ…”
เขาไม่รอคำตอบ
เสียงเนื้อกระแทกกันดังชัดในความมืด เขากดร่างผมไว้แน่นทั้งตัว จังหวะช้าแต่หนัก ลึกจนเหมือนจะกระแทกทุกเศษความรู้สึกในอกให้สั่นตาม ลมหายใจร้อนของเขารินรดอยู่ข้างต้นคอ มือหนาที่วางบนเอวผมแน่นเสียจนรู้สึกได้ถึงแรงสั่นจากปลายนิ้ว
“อ๊ะ..อ๊าา เบาหน่อย กูไม่ไหว”
ผมครางออกมาอย่างไม่ทันยั้ง ร่างกายทั้งตัวเหมือนถูกขยี้จากข้างใน เสียงหอบกระทบกับหมอน ผิวเนื้อเสียดสีกันร้อนระอุ หัวใจเต้นเร็วรัวจนน่ากลัวว่าร่างกายจะรับไหว
น้ำเหนือโน้มลงมากระซิบข้างหู เสียงแหบพร่าระคนกับเสียงครางต่ำ
“ขอโทษ…แต่กูหยุดไม่ได้ ปาย กูอยากได้ยินเสียงมึง…”
เขากดสะโพกลึกขึ้นอีกครั้ง แรงกระแทกเต็มไปด้วยความโหยหาและความโกรธปนเศร้าที่เก็บมานานจนกัดกินหัวใจ
ผมร้องอีกครั้ง น้ำตาซึมขอบตาแต่ก็ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บหรือเพราะใจมันสั่นเกินไปแล้ว
เสียงเขาร้องชื่อผมซ้ำ ๆ เบา ๆ เหมือนมนต์สะกดที่ร้อยทุกการขยับเข้ากับหัวใจผม
“มึงรู้ไหม กูเก็บเรื่องมึงไว้ในฝันทุกคืน…แต่คืนนี้กูไม่ฝันอีกแล้ว กูจะมีมึงจริง ๆ”
ริมฝีปากเขากดจูบลงที่กลางหลัง ไล้ลิ้นไปจนถึงกระดูกสะบัก ผมสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเขาขยับตัว เปลี่ยนจังหวะให้เร็วขึ้น ลึกขึ้น ทั้งรุนแรงและอ่อนโยนสลับกันเหมือนคนสติหลุดที่ใช้ร่างกายสื่อสารในสิ่งที่ไม่เคยพูดออกมา
เสียงเตียงสั่น เสียงฝนด้านนอกประสานกับเสียงหอบครางในห้องอย่างวาบหวาม
มือเขาเอื้อมมากุมมือผมไว้แน่น ราวกับจะไม่ให้ผมหลุดไปไหน
“ปาย…อย่าไปจากกูอีกเลยนะ…”
ผมกัดริมฝีปากแน่น กลั้นเสียงครางที่ทะลักขึ้นจากอก ร่างกายกระตุกถี่ในจังหวะที่เขากดเข้ามาอย่างแรงอีกครั้ง จนแทบจะหลอมละลายทั้งตัวในอ้อมแขนเขา
แล้วเราก็ปลดปล่อยทุกอย่างออกมาในวินาทีเดียวกัน เสียงร้องชื่อของกันและกันแทรกขึ้นมาเหนือทุกเสียงอื่นในค่ำคืนนั้น
เขาโถมตัวลงมากอดผมจากด้านหลัง หอบหายใจแรง ซุกหน้าลงกับต้นคอที่เปียกเหงื่อ
“…ขอบคุณที่ยังยอมให้กูเข้ามา”
…
เช้าวันถัดมา
แสงสีอ่อนของเช้าที่ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา ทำให้ห้องที่เคยมืดสนิทเริ่มเผยความจริงบางอย่างออกมาทีละน้อย
ผมนอนนิ่งอยู่ใต้ผ้าห่ม มองเพดานที่เดิม ๆ เหมือนทุกวัน…แต่ใจกลับเต้นไม่เหมือนเดิม
กลิ่นตัวเขายังติดอยู่บนหมอน เสียงหายใจยังดังอยู่ข้างหู อุ่นหลังที่แนบชิดอยู่ด้านหลังไม่เคยหายไปไหนตั้งแต่เมื่อคืน
“...”
น้ำเหนือยังคงหลับ ต้นแขนเขาพาดอยู่ที่เอวผม ร่างเปลือยเปล่าของเราแนบชิดจนแทบไม่มีช่องว่าง ผมไม่กล้าหันไปมอง ไม่กล้าขยับ ไม่กล้าทำอะไรเลย เพราะกลัวว่าเขาจะตื่นขึ้นมา…แล้วบอกว่าเมื่อคืนคือความผิดพลาด
แต่ผมก็รู้ดี ว่าสุดท้ายเขาก็ต้องตื่น
มือเขาขยับช้า ๆ ลูบหน้าท้องผมเบา ๆ ก่อนที่เสียงแหบพร่าจะดังขึ้นข้างหู
“…ตื่นนานแล้วเหรอ”
ผมหลับตาแน่น สูดลมหายใจเข้าแล้วค่อย ๆ พยักหน้า
“ปาย” เสียงเขาเรียกชื่อผมเบา ๆ ไม่ได้สั่น ไม่ได้เมาเหมือนเมื่อคืน มันเต็มไปด้วยสติและความหมาย
“เมื่อคืน…” เขาพูดแล้วหยุด ราวกับกำลังเลือกคำ
ผมกลั้นใจ รอให้เขาพูดออกมา ว่าเขาเมา ว่าเขาแค่เหงา ว่าเขาคิดถึงใครอีกคน ไม่ใช่ผม
“…มันไม่ใช่แค่เรื่องเมาใช่มั้ย?”
ผมเบิกตากว้าง หันไปสบตาเขา น้ำเหนือมองผมอย่างจริงจัง ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีคำขอโทษ
เขาแค่จ้องตาผม เหมือนกำลังมองหาบางอย่างในนั้น
“มึงไม่ต้องพูดก็ได้” ผมหลบตา “เราควรลืมมันไป…”
“แต่กูไม่อยากลืม” เขาพูดสวนทันที “กูไม่อยากให้มันเป็นแค่คืนเดียว”
ผมหันไปมองหน้าเขาอีกครั้ง ใจเต้นรัวเหมือนจะหลุดออกมาทางอก
“แล้วเรื่องของมึงกับ…เขา…”
น้ำเหนือลุกขึ้นนั่ง ใช้มือเสยผมที่เปียกนิด ๆ จากการนอนทับ “กูจบกับเขาแล้วจริง ๆ ปาย…กูเดินออกมาเพราะกูรู้ว่าคนที่กูคิดถึงมาตลอด…มันไม่ใช่เขาเลย”
เขาก้มลงมาใกล้ สัมผัสมือผมเบา ๆ “กูแค่กลัว…ว่ามึงจะไม่ให้อภัยกูอีก”
“…มึงมันคนเหี้ย” ผมพูดเบา ๆ น้ำเสียงสั่น “แต่กูก็แม่ง…ยังรักมึงอยู่ดี”
ผมยังไม่ทันหายใจให้สุดคำ ริมฝีปากของน้ำเหนือก็กดลงมาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้เมา ไม่ได้สับสน แต่มันชัดเจนกว่าครั้งไหน
รสจูบของเขาแน่นลึกกว่าคืนก่อน ลิ้นร้อนสอดเข้ามาอย่างไม่ให้โอกาสตั้งตัว เสียงหอบหายใจหนักขึ้นทุกวินาที นิ้วมือเขาสอดเข้ามาที่ท้ายทอย จับผมแน่นเหมือนกลัวว่าจะหนี
“เมื่อคืนกูเมา แต่ตอนนี้กูไม่ได้เมาแล้วปาย…”
เขาพึมพำใกล้หูผม เสียงต่ำของเขาทำให้ผมตัวสั่น ก้อนอะไรบางอย่างที่อยู่ในอกมันแตกกระจายจนหายใจไม่ทัน
ผมไม่ตอบ แค่ยกแขนขึ้นกอดคอเขาไว้แน่น รั้งให้เขาล้มลงมาบนตัวผม
เขาโน้มลงมา ไถจมูกกับแก้มผมก่อนจะลากริมฝีปากลงมาที่ลำคอ เสียงจูบแนบแน่นกับผิวเปลือยเปล่า ร้อนและชื้นจนใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ
“มึงยังจำได้มั้ย…” น้ำเหนือพูดพลางไล้ริมฝีปากลงที่หน้าอก “…ตอนที่เรานอนห้องเดียวกัน แล้วกูชอบแกล้งกอดมึงตอนดึก”
ผมหลุดเสียงหายใจแรง รู้สึกเหมือนโดนกระชากกลับไปในห้วงเวลาที่เคยแอบหวัง แอบเจ็บ และแอบอยากให้ทุกอย่างเป็นจริง
“ตอนนั้นกูไม่กล้า…แต่ตอนนี้กูจะไม่ปล่อยมึงไปอีกแล้ว”
เขากดจูบหนักขึ้น ไล้ลิ้นลงต่ำพร้อมลากปลายนิ้วไล้ขอบสะโพกผม ก่อนจะกระชากผ้าห่มออกจนหมด เผยเรือนร่างเปลือยเปล่าที่เมื่อคืนยังเก็บรายละเอียดไม่ถนัดนัก
เสียงเนื้อเสียดสีกัน เสียงครางที่หลุดออกมาจากลำคอผมอย่างควบคุมไม่อยู่ ความร้อนระอุแล่นผ่านผิวหนังทุกจุดที่เขาสัมผัส ลมหายใจร้อนของเขากระแทกกับหน้าท้องผมขณะที่เขาไล่จูบลงไปเรื่อย ๆ โดยไม่มีหยุด
เขาใช้ลิ้นอย่างเชี่ยวชาญอย่างที่ไม่เคยได้ให้ผมสัมผัสในฐานะ ‘เพื่อน’ เขากดเรียวลิ้นลงไปที่จุดอ่อนไหวจนผมสะดุ้ง มือขยุ้มผ้าปูเตียงแน่น เสียงในลำคอหลุดออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“มึงเสียวเหรอ” เขาถามเบา ๆ ดวงตาแดงชื้นสบกับผมในจังหวะที่เขากำลังดูดปลายลิ้นลากวนช้า ๆ ที่ปลายเนื้อ
ผมไม่มีแรงจะตอบ ร่างกายร้อนฉ่า รู้สึกได้ถึงความเปียกชื้นและแรงดูดที่ทำให้โลกทั้งใบเหมือนจะหมุน
น้ำเหนือไม่ให้ผมหยุดพัก เขาสอดนิ้วเข้ามาทีละน้อย ลูบวนจนร่างกายผมบิดเกร็งโดยอัตโนมัติ เสียงครางของผมดังขึ้นเรื่อย ๆ จนผมต้องเอามือปิดปากตัวเอง
“อย่ากลั้นเสียง กูอยากฟัง” เขากระซิบก่อนจะดันนิ้วเข้าไปลึกขึ้น พร้อมกับโน้มตัวขึ้นมาประกบจูบอีกครั้ง
จังหวะที่เขาขยับนิ้วเข้าออกพร้อมจูบดูดริมฝีปากผม มันเกินกว่าที่จะต้านทาน ผมครางออกมาอย่างหมดแรง ปลายนิ้วเขาขยับโดนจุดในตัวผมจนสะดุ้ง ร่างกายกระตุกถี่ และก่อนที่ผมจะได้หายใจให้ทัน น้ำเหนือก็ขยับขึ้นมาอยู่เหนือผม กดสะโพกแนบกับผมอย่างแนบแน่น
เสียงเนื้อกระทบกันดังสม่ำเสมอในห้องเงียบ กลิ่นกายของเราผสมกันจนแทบไม่มีอากาศให้หายใจ เสียงครางของผมดังสะท้อนกับผนัง ทุกแรงกระแทกเต็มไปด้วยความโหยหา ราวกับว่าเขากำลังพยายามฝังความรู้สึกที่หายไปหลายปีให้แน่นที่สุด
“ปาย…กูรักมึง”
คำนั้นหลุดออกมาขณะเขากระแทกสะโพกลึกที่สุดจนผมเผลอร้องชื่อเขาออกมา
ร่างเราสองคนสั่นไหวพร้อมกันในจังหวะสุดท้ายที่ทุกอย่างพรั่งพรูออกมา น้ำเหนือฟุบหน้าลงบนไหล่ผมหอบหายใจ ขณะที่ผมกอดเขาไว้แน่นเหมือนกลัวจะหายไป
วันนี้ไม่ใช่ฝัน และผมก็ไม่อยากให้มันเป็นเพียงแค่เรื่องชั่วคราวอีกแล้ว
------------------------
หายไปนาน5555
มีใครคิดถึงผมมั้ย
สนุกมากครับ อ่านเพลินดี ขอบคุณครับสนุกมาก อยากให้ความรักของผม
เหมือนดั่งภาพฝันที่พิมพ์ไว้
เหมือนเขียนเรื่องนี้เก็บไว้ ลึก สุดใจ
ขอบคุนคับ สุดยอดครับ
หน้า:
[1]