เปิดตานานลี้ลับคุ้มขุนแผน(เรื่องจริง)
เปิดตานานลี้ลับคุ้มขุนแผน(เรื่องจริง)เย้....ดีใจจัง
ที่ได้มาโพสอีกครั้ง
และแล้วเราก็มาพบกันอีกครั้งนะ
เพราะนี่เป็นครั้งที่ 2 ที่ฉันยูนะมาโพสแทนรีนะ(น้องสาวของฉัน)
วันนี้ เวลานี้ฉันจะมาเล่าสู่กันฟังอีกแล้วล่ะค่ะ
และครั้งนี้ ให้ชื่อว่า
..........................ตำนานเฮี้ยนคุ้มขุนแผน..............................
เรื่องก็มีอยู่ว่า
จากตำนานเก่าแก่ที่เราท่านรู้ดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” แห่งเมืองสุพรรณ
ทำให้มีผู้คนจำนวนไม่น้อยอยากเข้าไปสัมผัสกับบรรยากาศ
ย้อนยุคของคุ้มขุนแผนแห่งนี้ เพราะแม้ว่าตัวคุ้มขุนแผนเองในปัจจุบันจะเป็นคุ้ม
หรือเรือนที่ถูกปลูกสร้างขึ้นมาใหม่เมื่อปี 2525 แต่ก็เป็นสถานที่ๆ
ปลูกสร้างขึ้นในบริเวณซึ่งถูกระบุไว้ในตำนานว่า พื้นที่ ณ. ตรงนี้
คือที่ตั้งของเรือนขุนแผน ยอดนักรบและนักรักอันลือเลื่อง
แห่งเมืองสุพรรณ
สำหรับเรื่องราวตามตำนานขุนช้างขุนแผน ผู้เขียนเชื่อว่าคนไทยทุกคนย่อมรู้จัก
กันดีอยู่แล้ว จึงจะไม่ขอกล่าวถึงอีก แต่จะขอนำพาท่านผู้อ่านไปสัมผัสกับ
ความน่าสนใจอีกแง่มุมหนึ่งของคุ้มขุนแผน ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ที่มีอาถรรพณ์
น่าสะพรึงกลัว จนเป็นที่โจษจันร่ำลือไปทั่ว
คุ้มขุนแผนเป็นเรือนทรงไทยตามแบบฉบับท้องถิ่นชนบทภาคกลางตั้งอยู่
ในเขตอำเภอเมือง ซึ่งแม้จะตั้งอยู่ภายในอาณาเขตวัดแห่งหนึ่งซึ่งชาวบ้าน
เรียกว่าวัดแค แต่คำเล่าลือเรื่องของอาถรรพณ์ความเฮี้ยนของดวงวิญญาณต่างๆ
นานา ก็ดูจะไม่สร่างซาเอาเสียเลย
เพราะไม่ว่าใครก็ตามที่เดินทางไปเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้
ซึ่งสร้างขึ้นโดยเลียนแบบสภาพความเป็นจริงตามตำนานเก่าแก่ของเรือนขุนแผน
ดั้งเดิม ไม่กระทำตามขนบธรรมเนียมอันดีงาม หมายถึงการแสดงออก
ซึ่งเป็นการไม่ให้ความเคารพต่อสถานที่ ไม่ได้เข้าตามตรอกออกตามประตู
หรือประเภทอวดดีว่าข้าแน่ข้าเก่งละก็ พวกนี้มักเจอดีเป็นลำดับแรกๆ
เรื่องเล่าเกี่ยวกับอาถรรพณ์อันน่าพรั่นพรึงของสถานที่แห่งนี้มีอยู่หลายเรื่อง
แต่จะขอยกเรื่องที่ชวนขนหัวลุกที่สุดมาพอเรียกน้ำย่อยให้ต่อมสยองของหลายท่าน
ขยายตัวดังต่อไปนี้
เป็นเรื่องของนักท่องเที่ยวที่เข้าไปเที่ยวในคุ้มขุนแผน เจอะเจอมาจะจะ
กับตัวในเวลากลางวันแสกๆ
เรื่องนี้เกิดขึนเมื่อคณะท่องเที่ยวกลุ่มครอบครัวที่เดินทางมาจากกรุงเทพฯ
ได้แวะเข้าเที่ยวชมคุ้มขุนแผน ซึ่งเป็นสถานที่ประวัติศาสตร์สำคัญของ
จังหวัดสุพรรณบุรี ในระหว่างที่เที่ยวชมนั้น ได้มีการแบ่งกลุ่มกันนคือ
กลุ่มแรกซึ่งเป็นกลุ่มคุณแม่และเด็กๆ ขอเดินชมสวนด้านนอกก่อนที่จะเข้า
ภายในบริเวณบ้านเรือนไทย
ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งคือกลุ่มผู้ชายที่มีกันอยู่สามคน และสมัครใจที่จะเดิน
ชมความงดงามของ ของเก่าแก่ภายในตัวเรือนเป็นก่อนอื่น
ภายในคุ้มขุนแผนซึ่งเป็นบ้านเรือนไทยโบราณ มีการแบ่งสัดส่วนเพื่อ
ใช้ประโยชน์ไว้หลายส่วน ห้องหับต่างๆ ก็มีมาก ดังนั้นทั้งสามหนุ่มสามวัย
จึงแยกย้ายกันเดินชมความเก่าแก่ที่ละห้อง
สองหนุ่มที่สูงวัยกว่า เลือกชมของเก่าของแก่ที่ตั้งโชว์อยู่ภายใน
ตู้กระจกที่ตั้งอยู่ด้านนอกบริเวณโถงกลาง แต่หน่มน้อยหนึ่งเดียวในกลุ่ม
เลือกที่จะเข้าไปดูซอกซอยในห้องต่างๆ และด้วยเพราะความอยากรู้อยากเห็น
ทำให้เกิดเรื่องจนได้
เรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเจอ แต่หนุ่มน้อยคนนี้กลับเจอ
เมื่อเขาพาตัวเองเข้าไปในห้องนอนเล็กๆ ห้องหนึ่งที่ค่อนข้างมืดทึบเพราะ
หน้าต่างในห้องปิดตาย และมีกลิ่นอับของไม้ชื้นที่วันๆ
ไม่ค่อยถูกแดดส่วนของตกแต่งภายในไม่มีอะไรมาก นอกจากภาพถ่ายเก่าๆ
ที่ดีกรอบไม้ติดอยู่ที่ข้างฝาห้อง
บรรยากาศภายในห้องที่แม้จะอยู่ในเวลากลางวัน แต่ก็ยังคงอึมครึม
เพราะไม่มีแสงสว่างจากหลอดไฟ นอกจากแสงจากธรรมชาติ คือ แสงแดดอ่อนๆ
ที่ลอดเข้ามาจากรอยแตกของช่องไม้
ด้วยบรรยากาศที่เป็นใจเช่นนั้น ทำให้เด็กหนุ่มหยุดมองดูภาพถ่าย
ที่ข้างฝาอยู่นานเหมือนมีมนต์สะกด และพลันนั้นเองเขาก็รู้สึกได้ถึงบรรยากาศ
ที่หนาวเยือกขึ้นมาเฉยๆ โดยไม่มีสาเหตุ พร้อมกับเงารู้สึกอยู่นั้นเขา
ได้พยายามขยับตัวเพื่อหันมองว่า สิ่งที่เขาเห็นรางเลือนนั้นแท้จริงคืออะไร
เกือบ 5 นาที ที่เขาต้องถูกสะกดด้วยอาการคล้ายถูกผีอำ
แต่ตัวเขาเองก็พยายามฝืนและต่อสู้กับอำนาจมืดที่มองไม่เห็นนั้น
กระทั่งเมื่อผู้เป็นพ่อเดินกระชั้นเข้ามาใกล้ห้องที่เขายืนอยู่
พร้อมกับร้องเรียกชื่อเขา ทำให้รู้สึกได้ทันทีว่าพันธนาการเร้นลับที่ตรึงอยู่
ได้หลุดออกไป พร้อมกับปริศนาที่ยากจะรู้ได้ว่าสิ่งที่เขาเจอกับตัวนั้นเป็นวิญญาณ
หรืออำนาจแห่งอาถรรพณ์มืด นี่เป็นเพียงหนึ่งเรื่องราวที่นำมาบอกเล่าต่อกันถึง
ความลึกลับและซ่อนเร้นที่มีอยู่ในบ้านเรือนไทยหลังงาม ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็น
ประวัติศาสตร์ของวรรณคดีไทยเรื่องขุนช้างขุนแผนแห่งนี้
อีกรายหนึ่งเป็นสองหนุ่มสาวชาวกรุงเทพฯ ที่เดินทางเข้าเยี่ยมชมความ
งดงามของคุ้มขุมแผนในช่วงเวลาโพล้เพล้ หรือประมาณ 6 โมงเย็นเศษ
ในวันหนึ่งของเดือนมิถุนายน
หลังจากทั้งสองเดินชมส่วนต่างๆของเรือนอยู่พักใหญ่
จึงพากันมาหยุดให้ความสนใจอยู่กับเสาต้นหนึ่งซึ่งเป็นเสาเอกตกน้ำมัน
อยู่ในห้องและห้องนี้ได้ชื่อว่าเป็นห้องนอนของขุนแผน ผู้เป็นเจ้าของคุ้ม
เสาต้นนี้มีผ้าแพรหลากสีพันโอบอยู่รอบลำต้น เพิ่มบรรยากาศความหวาดหวั่น
ให้ถีบตัวสูงขึ้นอีกเท่าทวี และขณะที่ฝ่ายหญิงสาว กำลังยืนมองสรรพสิ่งภายใน
ห้องอยู่ด้วยความสนใจ จู่ๆเธอก็ได้พบกับภาพของหญิงสาวคนหนึ่งปรากฎขึ้น
ในชุดไทยห่มผ้าสไบเฉียงให้เห็นอยู่ ณ. เบื้องหน้า เป็นหญิงที่มีความงามตามแบบฉบับของสาวไทยในยุคโบราณในหน้าเรียบเฉย แต่ทว่าภาพร่างของเธอปรากฎ
ให้เห็นเพียงสามในสี่ของร่างคนปกติเท่านั้น ส่วนล่างตั้งแต่หัวเข่า
จรดปลายเท้าไม่มีให้เห็น เสมือนหนึ่งร่างของหญิงไทยโบราณคนนี้
กำลังล่องลอยอยู่บนอากาศ ปราศจากส่วนล่างที่ควรเชื่อมตรึงติดอยู่กับพื้นเรือน
และเพียงเสี้ยววินาทีหลังจากที่หญิงสาวนักท่องเที่ยวกรีดร้องออกมา
ด้วยความตกใจสุดขีด ภาพของหญิงสาวในชุดไทยห่มผ้าสไบเฉียง
ก็อันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา ส่งผลให้นักท่องเที่ยวสาวจากกรุงเทพฯ
แทบจะเป็นลมล้มพับไปในทันที
สำหรับสาเหตุที่หญิงสาวคนนั้นได้พบกับอาถรรพณ์ลี้ลับแบบเต็มๆ
ก็เพราะเธอได้แอบพลอดพร่ำคำรักและยินยอมพร้อมใจแสดงบทรักกับแฟนหนุ่ม
ด้วยการกอดจูบกันภายในห้องๆ หนึ่งซึ่งอยู่ในส่วนลับตาคน
ซึ่งถือได้ว่าเป็นการลบหลู่ต่อสถานที่อย่างไม่น่าให้อภัยเลย
.......................................................................................
ก็จบไปแล้วนะ เปิดตำนานคุ้มขุนแผน
ถึงจะอ่านแล้วไม่ค่อยน่ากลัวเลย
แต่ถ้าเจอกับตัวก็คงจะช็อกไม่มาก
ก็น้อยล่ะนะ
...........................
(ขอโทษด้วยนะหนูรีน้องสาวของฉันที่ยืมชื่อสมาชิกน่ะ)
...แหะ ๆ ก็...นะ......
ยังไงก็....นะ
ช่วยแสดงความคิดเห็นหน่อยแล้วกันนะ
ว่าเป็นยังไงบ้างอ่ะนะ ขอบคุณมากคับ ขอบคุณมากนะครับ ควรเคารพในทุกๆๆที่ที่เหยียบย่ำ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]