9 เหตุผล ความรักอกหัก
9 เหตุผล ความรักอกหักหากว่าคุณกำลังสังสัยในเรื่องความรักอกหักที่ยังไง๊...ยังไง ก็ยังไม่มีความรักกับใครเขาสักทีหรือมี ความรักอกหัก ก็ตามมา ทั้ง ถูกทิ้ง ถูกบอกเลิก หรืออยู่ดี ๆ เค้าก็เงียบหายไปซะเฉยโดยไม่รู้สาเหตุ นั้นลองอ่าน 9 เหตุผล ต่อไปนี้อาจทำให้คุณเข้าใจอะไรได้มากขึ้น
9 เหตุผล ความรักอกหัก ได้แก่
1. หลงใหลกับสิ่งไม่แท้จริง
ถามตัวเองดูนะว่าคุณละเลยความจริงความสวยงามแท้จริงชีวิตในด้านลึกหรือเปล่า วัน ๆ มัวแต่เสพสิ่งต่าง ๆ ทั้งข้าวของต่าง ๆ ที่เราพากันอยากได้ จนทำให้เราลืมนึกถึงเรื่องจิตใจกันไป นานเข้าก็เบื่อ เบื่อโน่นเบื่อนี่รวมทั้งเบื่อการต้องไปเดทด้วยก็เลยทำให้คุณไม่อยากไป แล้วอย่างนี้จะมีความรักได้อย่างไรกันล่ะคะหันกลับมาสนใจกับชีวิตในความเป็นจริงกันเถอะค่ะ
2. ไม่เข้าใจเพศตรงข้าม
เดี๋ยวนี้เรื่องความเท่าเทียมกันของผู้หญิงผู้ชายมาแรงมากใคร ๆ ก็พูดกันถึงแต่เรื่องนี้ ผู้หญิงทำงานเก่งขึ้นทุกวัน บางครั้งมันเลยทำให้เราขาดความเคารพในความแตกต่างของเพศหญิงและชายไป เรามองข้ามไปว่าหญิงและชายสามารถสร้างความรักและรวมกันเป็นหนึ่งได้เมื่ออยู่ด้วยกัน ความห่างระหว่างเพศสูงขึ้นเรื่อย ๆ เราเลยอาจรู้สึกว่า "ฉันเจ๋งกว่าเธอ" หรือ "ผู้ชายไม่มีวันทำให้ฉันมีความสุขได้หรอก" เราก็เลยไม่เปิดรับเพศชายเข้ามาในชีวิตเสียที เอาล่ะเรายอมรับกันได้ในส่วนหนึ่งแต่โดยเนื้อแท้อย่าลืมว่าผู้ชายเกิดมาเพื่อปกป้องผู้หญิงให้เขาทำหน้าที่ของเขาเถอะนะ
3. ฉันอยู่คนเดียวได้
คุณอาจรู้สึกว่าก็ไม่เห็นจะต้องการใครในชีวิตเลยถ้าเราต้องการใครมาให้ความรักอยู่ข้าง ๆ เรา หรือคอยปลอบใจเรานั่นหมายถึงว่าเราเป็นผู้หญิงอ่อนแอและมันเหมือนเป็นบัญญัติของสังคมที่คอยบอกเราตลอดว่าผู้หญิงอ่อนแอน่ะเป็นสิ่งไม่ดี คุณก็เลยพยายามทำตัวโอเคว่าฉันเข้มแข็งไม่มีใครฉันก็อยู่ได้ต่อไปแต่ในที่สุดก็รู้สึกเหงาจนได้
4. ไม่กล้าเปิดใจ
ความไร้เดียงสาอย่างหนึ่งของคนเราก็คือ เวลาเราได้เปิดใจเปิดเผยความรู้สึกลึก ๆ กับใครมันอาจเป็นความกลัวที่สุดที่ซ่อนอยู่ก็ได้ แต่ทุกวันนี้พวกเรากลับเลือกปิดกั้นความรู้สึกจริง ๆ ตรงนั้นไว้ พยายามทำตัวปกติและนั่นล่ะเป็นตัวทำลายวิญญาณที่แท้จริงของเราไป ก็ในเมื่อเราไม่เปิดใจก่อนแล้วใครเขาจะมาเข้าใจเขาจะก้าวเข้าสู่ความเป็นคุณได้อย่างไรล่ะ
5. ตัดสินคนง่ายไป
"โอ้ย! แค่สิบห้านาทีฉันก็รู้แล้วว่าหมอนี่เป็นคนยังไง" ประโยคนี้คุ้น ๆ กับคุณไหม ทุกครั้งที่คุณเจอชายหนุ่มคุณจะกำลิสท์ความต้องการในตัวชายหนุ่มของคุณในมือไว้ตลอด และมันยังเป็นความต้องการที่ต่อรองไม่ได้ด้วยนะ เช่น เขาจะต้องเป็นผู้ชายสูง เขาจะต้องจบปริญญาโท เพียงแค่เขาไม่มีคุณสมบัติตามลิสท์คุณ คุณก็จะบอกว่า "ไม่เอาแล้วคนนี้ไม่ใช่แน่นอน" คุณยังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขามีมุมมองความรักเป็นยังไงเขามองโลกยังไง เขาอาจจะเป็นคนที่ดีที่สุดของคุณก็ได้ การที่เราไปตัดสินคนอย่างรวดเร็วเนี่ยก็เหมือนคุณสร้างกำแพงให้ตัวเองนั่นแหละ มันเป็นทางที่ง่ายที่สุดและเร็วที่สุดเพื่อคุณจะได้ป้องกันได้ว่าเขาจะไม่ตัดสินคุณไปก่อนไงคุณจะได้ไม่ต้องรู้สึกแย่กับตัวเอง
6. ความสัมพันธ์ฉันต้องดีที่สุด
คุณอาจจะมีความสุขในงานที่ทำคุณประสบความสำเร็จในชีวิตคุณมีครอบครัวที่อบอุ่นมาก แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า คุณจะต้องตั้งความหวังว่าความสัมพันธ์คุณจะต้องดีมาก ๆ ผู้ชายคนนั้นจะต้องเพอร์เฟคสุด ๆ ไปด้วย เพราะลองถามตัวเองจริง ๆ คุณอาจได้คำตอบว่างานที่ฉันทำก็ไม่ได้ดีที่สุดกว่าคนอื่นตรงไหนฉันเองก็ไม่ได้มีชีวิตสมดุลไปซะทุกอย่าง และที่สำคัญฉันก็ไม่ได้เป็นผู้หญิงเพอร์เฟคที่สุดซักหน่อย เพราะฉะนั้นแทนที่เราจะมองหาแต่สิ่งที่ดีที่สุดลองเปลี่ยนเป็นมองสิ่งที่ดีเฉย ๆ ก็พอดีมั้ย และใครจะรู้สิ่งนั้นล่ะอาจะเป็นความมหัศจรรย์ที่สุดในชีวิตคุณก็ได้
7. จะมีความรักต้องพร้อม
อีกเหตุผลหนึ่งที่คุณไม่มีความรักก็อาจเป็นเพราะว่า คุณมักรอให้ความรักเข้ามาตอนที่คุณต้องพร้อมในทุกด้านก่อนคุณต้องรอเวลาให้เรียนจบมีอาชีพที่ดีและมีความเป็นอยู่แบบที่คุณอยากจะเป็นเหล่านี้จะมาก่อนความรักของคุณ ลองมองย้อนไปที่ความรักของพ่อแม่เราดูสิว่านั่นน่ะเป็นความรักที่เกิดขึ้นผิดเวลาก็ได้ผิดสถานที่ก็ได้ ความสำคัญของการที่เราได้อยู่กับคนที่ใช่มันจะมาก่อนเหตุผลอื่นเสมอ เรื่องมีความรักเรื่องแต่งงานเลยเป็นเรื่องไม่ยากเย็นอะไรนัก
8. ใช้หัวคิดมากกว่าหัวใจ
ยิ่งนานวันเข้าก็ยังไม่มีความรักเราก็จะต้องคอยไปหาหนังสืออ่านบ้างพยายามคุยกับผู้รู้ทั้งหลาย ยิ่งถ้าเจอเพื่อนคนไหนแต่งงานสำเร็จไป เราก็จะยิ่งเจอความคิดมากมายชวนสับสนยิ่งนัก เอ! แล้วฉันจะดำเนินการตามแผนไหนดีความรักมันเลยกลายเป็นเรื่องของหัวคิดมากกว่าหัวใจไปซะงั้น เหตุผลต่าง ๆ จะมาก่อนความรู้สึกจริง ๆ จากใจไฟรักเลยมอดหายไปได้
9. วางแผนมากไป
แทนที่ความรักจะเป็นเรื่องของธรรมชาติหัวใจว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ปล่อยให้หัวใจพาไป ความรักกลับกลายมาเป็นเรื่องการวางแผน คุณจะคอยมีความคิดอยู่ในหัวว่า "โอ้! อาทิตย์หน้าฉันก็สามสิบแล้วปีหน้าเนี่ยล่ะเหมาะที่สุดที่ฉันจะมีความรัก" หรือ "ฉันมีเวลาว่างแค่ชั่วโมงเดียวหลังจากเรียนโยคะที่จะไปออกเดท เพราะหลังจากนั้นฉันต้องไปเรียนศิลปะอีก" ความรักเลยเป็นเหมือนงานอดิเรกของคุณไปคุณเลือกจะไปเดทตอนคุณสะดวกเท่านั้น ถ้าตารางคุณยุ่งแล้วก็อย่าหวังว่าหนุ่มไหนจะแทรกเวลาของคุณมาได้แล้วกัน
หน้า:
[1]