toniguy โพสต์ 2011-9-9 21:51:04

เรื่องสยองขวัญจากซอยราชครูในอดีต

เมื่อประมาณสิบปีเศษมาแล้ว ผมเช่าห้องอยู่กับเพื่อนชื่อพิชัย ในซอยอารีสัมพันธ์ 1 เข้าทางพหลโยธิน 6 (ซอยราชครู) เพราะเห็นว่าใกล้ที่ทำงานของเราที่อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ ตอนเย็นๆ งานเลิก เรามักแวะร้านเหล้าในเวิ้งหลังป้ายรถเมล์ ใกล้ๆ กับย่านก๋วยเตี๋ยวเรือ

ร้านขาประจำของเราขายอาหารอีสาน เน้นเรื่องรสชาติอร่อย ราคาถูก ไม่สนใจเรื่องบรรยากาศหรือความสะอาดเท่าไหร่นัก

โขงแบน โซดาสอง น้ำแข็งเหยือก ลาบ ก้อย ส้มตำปูใส่ปลาร้า บางวันก็เป็นตับหวาน ซุปหน่อไม้ เนื้อเค็ม ข้าวเหนียวขาดไม่ได้ ต้นเดือนมีการสั่งแบนที่สอง แต่ปลายเดือนแบนเดียวก็พอ อาศัยชงเหล้าหนาๆ หน่อยก็เมาเร็วได้เหมือนกัน ประหยัดเงินดี

บางเย็นเราแวะเดินห้างก่อน ดูของสวยๆ งามๆ กับมองสาวน่ารัก ไม่ว่าคนซื้อหรือคนขาย กว่าจะขึ้นสะพานลอยเดินอ้อมอนุสาวรีย์ ผ่านโรงพยาบาลราชวิถี ข้ามถนนที่จะไปทางโรงพยาบาลพระมงกุฎ เดินถึงร้านขาประจำได้ก็ราวทุ่มเศษแล้ว

เหนื่อยๆ มาแบบนี้ซดเหล้าชุ่มฉ่ำดีนักละครับ ยอมรับว่าตอนนั้นกำลังห้าว เลยไม่ค่อยได้นึกถึงสุขภาพเท่าไหร่ ขากลับมักจะเดินทอดหุ่ยจนแทบส่างเมา

คนที่เช่าห้องอยู่ใกล้ๆ กันเล่าว่าซอยนี้ผีดุ หมายถึงซอยราชครู ที่เลี้ยวซ้ายแล้วเลี้ยวขวาไปเข้าอารีสัมพันธ์ 1 สาเหตุเพราะเข้าซอยมาเคยมีโรงพยาบาลอยู่ด้านซ้าย แต่เลิกกิจการก่อนผมไปอยู่แถวนั้นหลายปีแล้ว

เคยมีคนไปเปิดค็อกเทลเลานจ์อยู่ตรงหัวมุม เลยโรงพยาบาลที่ว่าไม่ไกลนัก แต่ก็ไปไม่รอด มิหนำซ้ำครอบครัวแตกแยกกัน พอมีคนไปทำใหม่ก็ไร้ผล เสียงลือก็มาฟอร์มเดิมๆ น่ะแหละครับ คือบอกว่า...เจ้าที่แรง!

ผมกับเพื่อนไม่ค่อยเชื่อถือเรื่องพวกนี้เท่าไหร่ กลางวันก็เห็นปกติ แม้ว่าตอนนั้นจะดูโล่งตา ตอนกลางคืนเดินผ่าน หรือเมามากนั่งตุ๊ก-ตุ๊ก กลับก็ไม่เห็นมีอะไรเลย

คืนนั้นค่อนข้างมึน ออกจากร้านราว 4 ทุ่มเพราะเขาจะปิดอยู่แล้ว ชวนกันย่ำต๊อกมาเรื่อยๆ ให้หายมึนกับเซฟค่ารถ บางครั้งก็มีสะดุดมีเซแซดๆ เหมือนกัน เอ้ๆ แอ่นๆ เข้าซอยราชครูเกือบ 5 ทุ่มได้ รถราแทบจะไม่มีแล้วแต่ก็ไม่ได้เอะใจอะไร

พอเดินผ่านโรงพยาบาลร้าง พิชัยบอกว่าเห็นไฟเปิดอยู่ชั้น 2 ผมว่าถ้าไม่ตาฝาดก็คงมีขี้ยาไปมั่วสุม...เราก้าวเท้ากันเร็วขึ้น อาการเดินเซหายเป็นปลิดทิ้ง

จู่ๆ มีเสียงผู้หญิงร้องโหยหวนน่าขนลุก ดังมาจากดงละเมาะโรงพยาบาลนั้น เล่นเอาเราชะงักกึก คิดว่าหูหาเรื่องไปเอง...พอดีมีเสียงเด็กแรกเกิดร้องแว้ๆ มากระทบหู พอเงียบไปพักก็แผดร้องเอาเป็นเอาตายยิ่งกว่าเดิม

ผมบอกเพื่อนว่าอย่าคิดอะไรมาก พลันได้ยินเสียงฝีเท้าหนักๆ เดินตามดังก้อง อาจจะเป็นคนในย่านเดียวกันก็ได้...คงมีใครเดินย่ำหนักๆ รีบกลับบ้านกันละมั้ง?

เราหันไปมองแล้วรีบหันกลับ กลืนน้ำลายเอื๊อก เมื่อเห็นชายชุดดำร่างสูงใหญ่เดินมาใต้โคมไฟรุบหรู่ ท่าทางเร่งร้อนจนใกล้เข้ามาทุกทีอย่างน่าหวาดระแวง

ใกล้ถึงหัวมุมที่เคยเป็นค็อกเทลเลานจ์ เสียงต่างๆ ก็เงียบหายไป เราเลยถอนใจกันอย่างโล่งอก ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อมีเสียงเด็กอ่อนๆ ร้องไห้จ้า...ฟังเหมือนดังลั่นอยู่ในยามดึกที่มีแสงไฟส่องสลัวจนน่าใจหาย

พิชัยหันขวับไปมอง แล้วร้องครางเบาๆ ก่อนจะโผเข้าเกาะแขนผมแน่น

ไม่ทราบว่ามีอะไรดลใจให้ผมหันไปดูมั่ง! โลกทั้งโลกคล้ายจะแตกเป็นเสี่ยงๆ พยายามบอกตัวเองว่าเราเมา...ขืนเมามากกว่านี้มีหวังสติแตกแน่ๆ

ภาพที่เห็นไม่ใช่ชายร่างใหญ่ในตอนแรก แต่กลายเป็นหญิงร่างเล็กในชุดคนไข้สีขาว เดินตามมาใกล้ๆ พลางอุ้มทารกที่ร้องจ้าน่าเวทนา อาจจะเพิ่งคลอดได้ 3-4 วัน อ้าว? แล้วอุ้มลูกออกมาดึกๆ ดื่นๆ ยามนี้ทำไมกันเล่า? ไม่มีเหตุผลเอาซะเลย

เราสองคนจ้ำอ้าวเป็นควายหาย คล้ายจะโดนเสียงร้องกรี๊ดๆ รบกวนสุดขีด แต่แม่ลูกคู่นั้นกลับดูจะเคลื่อนใกล้เข้ามาหาเรายิ่งกว่าเดิม ราว 4-5 ก้าวเท่านั้นเอง!

"วิ่งโว้ย!" ไม่รู้ใครตะโกน พอเลี้ยวหัวมุมที่เป็นเลานจ์ร้าง ก็ได้ยินเสียงหัวเราะครืนมากระทบหู คราวนี้ผมกระโจนพรวดออกนำหน้า เลี้ยวผ่านทาวน์เฮ้าส์สร้างใหม่ด้านขวา ได้ยินพิชัยร้องลั่นๆ ตามมาว่า...ช่วยด้วย!

หันไปมองหอบฮักๆ ก็เห็นแม่ลูกอ่อนเข้าประชิดตัว ส่งเด็กให้ แทนที่จะบอกรับหรือปฏิเสธ เพื่อนกลับร้องจ้าเหมือนคนสติแตก ตะโกนลั่นซอยว่า "ผีหลอกโว้ย"

ขณะที่ผมยืนตะลึงเหมือนถูกสาป ก็เห็นเพื่อนพุ่งพรวดเหมือนนักวิ่ง 100 เมตรจะสปีดเข้าเส้นชัย แซงหน้าผมหวือไป เสียงนรกจกเปรตยังแผดจ้า...เขย่าขวัญจนผมห้อเหยียดตามเพื่อนไปอย่างไม่คิดชีวิต

ไม่รู้ว่าเราเข้าไปหอบฮักๆ ในห้องพักชั้นล่างได้ยังไง หน้าซีดเป็นผีตายพอๆ กัน...เสียงเด็กเจ้ากรรมยังร้องจ้าๆ ดังเข้ามาในห้องตั้งนานกว่าจะไป

รุ่งขึ้น เราตัดสินใจย้ายที่ซุกหัวนอนไปเช่าห้องอยู่แถววัดสะพาน

พระศุกร์เข้าพระเสาร์แทรกแท้ๆ

ไปอยู่ได้อาทิตย์กว่า ก็มีผู้ประสงค์ดีมาเล่าให้ฟังว่า วัดทัศนารุณสุนทริการาม หรือที่ชาวบ้านเรียกว่าวัดสะพาน (หรือวัดตะพาน) ขึ้นชื่อลือชาว่ามีผีปอบดุร้ายที่สุดในประเทศไทย...เป็นงั้นไป!
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เรื่องสยองขวัญจากซอยราชครูในอดีต