ทำอย่างไรจะเป็นคนที่ใช่ของกันและกันตลอดไป
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอมพบรัก...คบกัน...แต่งงานหวานชื่น และครองรักกันอย่างเป็นสุขไปจนแก่เฒ่า นี่มันพล็อตในนิยายเจ้าชายเจ้าหญิงชัด ๆ เรื่องราวความรักจริง ๆ ไม่ได้หวานชื่น และจบลงอย่างแฮปปี้เอ็นดิ้งเช่นนี้เสมอไป เพราะมีคู่รักที่จูงมือกันเข้าประตูวิวาห์บางคู่ ก็ไม่ได้ครองรักกันไปจนแก่เฒ่า
หลายคนคิดว่าเมื่อเรื่องราวของคนรักกันดำเนินไปสู่การแต่งงาน นั่นหมายความว่าคนที่อยู่ข้างกายของเราคือคนที่ "ใช่" แล้ว แต่เมื่อคราวกาลเวลาผันผ่าน กลับทำให้ได้รู้ว่าคนที่เคยคิดว่าใช่ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด ทั้ง ๆ ที่ก่อนแต่งงานก็มั่นใจว่าศึกษากันและกันมาอย่างดีแล้ว นั่นทำให้คุณคิดว่าคงเลือกคนผิดไปตั้งแต่แรก ทั้งที่ความจริงการแต่งงานไม่ใช่เครื่องการันตีคนที่ใช่เท่านั้น แต่การปฏิบัติตัวต่อกันหลังแต่งงานต่างหาก ที่เป็นปัจจัยสำคัญ ที่จะทำให้คุณครองรักกับคนที่คิดว่าใช่ไปได้ตลอดรอดฝั่ง
ถ้าอยากจะให้ชีวิตคู่ราบรื่น ไม่ว่าจะก่อนแต่งหรือหลังแต่ง ก็ยังคงรักและเข้าใจกันไม่ต่างจากเดิม นอกจากจะอาศัยการเลือกคนที่ "ใช่" มาเป็นคู่ชีวิตแล้ว ยังต้องรู้จักเลือกปฏิบัติสิ่งที่ "ใช่" แก่คนของเรา เพื่อรักษาความรักให้ดำเนินไปอย่างไร้ปัญหาด้วย ดังต่อไปนี้...
1. ให้เวลากับตัวเอง
ความรักคือการให้ เมื่อได้แต่งงานกันคุณก็ต้องให้เวลากับคู่รักด้วย แต่อย่างไรก็ตาม การให้มากเกินไปกลับไม่ส่งผลดี หากคุณมีแต่ให้อีกฝ่ายจนไม่เหลือเวลาให้ตัวเอง แบ่งตารางเวลาในแต่ละวันให้มีช่วงเวลาที่เป็นของตัวเองบ้าง เวลาที่คุณสามารถทำอะไรตามใจชอบ ให้ตัวเองมีความสุขได้ อย่างเช่น ออกไปพบปะกับเพื่อน ๆ พักผ่อนเอกเขนก ออกกำลังกาย บางคนอาจคิดว่าเวลาเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้ไม่สำคัญ แต่การแบ่งเวลาให้ได้ปรนเปรอตัวเอง ด้วยความสุขตามใจอยากบ้าง ก็จะทำให้คุณมีความสุข ๆ พร้อม ๆ กับแฮปปี้กับความรักด้วย
2. กำหนดเป้าหมายแล้วค่อย ๆ ก้าวไปให้ถึง
สำรวจความเป็นไปในชีวิตคู่ของคุณ ว่ามีปัญหาหรืออุปสรรคใดบ้าง หรือมีสิ่งใดที่อยากแก้ไขปรับปรุงให้ดีขึ้นกว่าเดิม ลองกำหนดเป้าหมายแห่งการเปลี่ยนแปลงที่คุณต้องการ แล้วจึงวางแผนว่าต้องทำอย่างไร จึงจะก้าวไปสู่เป้าหมายที่ตั้งเอาไว้ได้ นอกจากจะวางแผนหาหนทางแล้ว อย่าลืมระบุปัญหาที่ขัดขวางไม่ให้คุณไปสู่จุดหมายได้โดยง่ายด้วย ย่อยมันลงเป็นหัวข้อเล็ก ๆ แล้วค่อย ๆ พิชิตไปทีละประเด็น ในที่สุดคุณจะเอาชนะปัญหาและก้าวไปสู่จุดหมายที่หวังไว้ได้ โดยที่ไม่ทันรู้ตัวเลยล่ะ
3. วางแผนการเงินด้วยกัน
ไม่มีใครอยากให้ชีวิตคู่ต้องแตกกันเพราะเรื่องเงิน ๆ ทอง ๆ แม้จะเป็นของนอกกาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันเป็นเรื่องที่อ่อนไหวมากเช่นกัน คุณควรหารือตกลงเรื่องรายรับรายจ่ายของครอบครัว โดยมีส่วนร่วมกันทั้งสองฝ่าย เงินส่วนไหนควรเป็นเงินออมสำหรับทั้งคู่ ส่วนไหนคือค่าใช้จ่ายสำหรับเรื่องทั่วไป เก็บเงินเพื่อเหตุการณ์ฉุกเฉินสักเท่าไหร่ ฯลฯ
อย่างไรก็ดี ควรมีเงินส่วนหนึ่งที่เป็นของคุณเอง และสามารถใช้สอยได้ตามใจ โดยไม่ต้องรอความเห็นชอบหรือการตกลงใจจากอีกฝ่าย เพราะบางครั้งเราก็มีของที่อยากได้ หรือมีเรื่องที่อยากทำโดยใช้เงินส่วนตัวเช่นกัน การแบ่งเงินออกเป็นสัดส่วนชัดเจน และรับรู้ร่วมกันทั้งสองฝ่าย จะช่วยหลีกเลี่ยงปัญหาการเงินที่อาจเกิดขึ้นในอนาคตได้
4. ไม่พูดจาเซ้าซี้
บางครั้งการพูดจาถึงเรื่องใด ซ้ำ ๆ บ่อย ๆ ก็ทำให้เรื่องนั้น กลายเป็นเรื่องเซ้าซี้ซ้ำซากที่น่าเบื่อและไม่น่าสนใจ แม้ว่าในความจริงมันอาจเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลก็ได้ เพราะฉะนั้น หากคุณอาจจะอ้อนขออะไรสักอย่าง โปรดจำไว้ว่าอย่าพูดเซ้าซี้เกิน 3 ครั้ง การพูดอย่างหนักแน่น แต่น้อยครั้ง จะทำให้คำพูดนั้นมีน้ำหนักและน่าฟัง ต่างกับคำเซ้าซี้ที่ใคร ๆ ก็เบือนหน้าหนี ทั้งนี้ จงพูดด้วยความจริงใจพร้อมรอยยิ้ม ไม่ใส่อารมณ์แง่งอน พูดจาน่ารัก มีเหตุผลน่าฟังแบบนี้ ใจคนฟังก็โอนอ่อนตามไปเกินครึ่งแล้วล่ะ
5. เลิกต่อปากต่อคำชวนทะเลาะ
เวลาขัดใจกันขึ้นมาเมื่อไร ผู้ที่รู้สึกว่าตัวเองกำลังจะเสียเปรียบ มักจะเถียงอย่างไม่ลดละ ต่อปากต่อคำอย่างไม่ยอมแพ้ บางครั้งก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่ากำลังอ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ไม่น่ารักขึ้นมาพูด กลายเป็นสงครามน้ำลาย ที่พาชีวิตคู่ดิ่งลงเหวไปเหวหลายคู่ ก่อนจะเอ่ยปากปะทะคารม ให้สงบจิตใจลงเสีย แล้วเดินหนีบรรยากาศคุกรุ่นนั้นไปก่อน รอจนกว่าอารมณ์เย็นลงแล้วทั้งสองฝ่ายจึงค่อย ๆ พูดจากันดี ๆ ดีกว่า
6. เซ็กส์ดี ๆ คืนหวานให้ชีวิตรัก
ใช่แล้ว การความสัมพันธ์ลึกซึ้งกับคนรักนี่แหละ ที่ช่วยเติมความหวานให้กับชีวิตรักได้ แม้หลาย ๆ คนจะบอกว่าความรักคือเรื่องของความรู้สึก แต่เรื่องความสัมพันธ์ลึกซึ้งทางกาย ก็เป็นส่วนเติมเต็มให้ความรักเต็มตื้นจนอิ่มล้นได้เช่นกัน การจูบ โอบกอด และสัมผัสแนบชิดระหว่างกาย เป็นการสื่อสารเชิงบวกของร่างกายที่ช่วยเติมเต็มความรู้สึกรักใคร่ ความเข้าใจ และให้ความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยได้
7. ชมคนรักของคุณบ้าง
อาจจะฟังดูน่าขัดเขินไปบ้าง แต่วิธีนี้เป็นการเติมหวานให้ความรักได้โดยไม่เลี่ยนนัก ลองนึกย้อนกลับไปคิดดูว่ามีอะไรบ้างที่เขาทำให้คุณดีใจ หัวเราะ หรืออมยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง ไม่ว่าสิ่งที่เขาทำจะเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ ทำเซอร์ไพรส์ให้คุณประหลาดใจเล่น หรือว่าเป็นเพียงเรื่องเล็ก ๆ อย่างซื้อขนมมาฝากก็ตาม จากนี้ไปอย่าลืมกล่าวคำขอบคุณ หรือชมว่า "น่ารักจัง", "คุณช่างรู้ใจฉันจริง ๆ" คำพูดเหล่านี้แสดงให้เขาได้รับรู้ว่า เขาเป็นคนสำคัญสำหรับคุณจริง ๆ
8. อย่ามั่นใจในความรักจนเกินเหตุ
การมั่นใจในความรักจนเกิดเหตุ กลายเป็นที่มาของรักล่มมานักต่อนักแล้ว เพราะยิ่งคนเรามั่นใจว่าความรักที่มีจะไม่จืดจางและอยู่ยืนยง ยิ่งทำให้เราลืมที่จะบำรุงรักษาเอาใจใส่ความรัก เช่นเดียวกับเมื่อไปสำรวจคู่แต่งงานใหม่ เมื่อถูกถามถึงความคิดเห็นต่อโอกาสอย่าร้าง ของผู้คนที่อาจเกิดขึ้นแม้แต่งงานกันไปแล้ว คำตอบที่ได้คือ คู่รักข้าวใหม่ปลาคิดว่าแม้คนที่แต่งงานแล้ว ก็มีโอกาสหย่าร้างกันได้ถึง 50 เปอร์เซ็นต์
แต่เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่เหตุรักร้าวเช่นนี้จะเกิดขึ้นกับตัว ทุกคู่รักต่างกล่าวว่าเรื่องแบบนี้ ไม่มีทางเกิดขึ้นกับคู่ของตัวเองเด็ดขาด ผลการสำรวจเช่นนี้ชี้ให้เห็นว่า คนที่ยังมั่นใจว่า ณ ปัจจุบันยังรักกันดีอยู่ จะไม่คำนึงหรือระแวดระวังถึงวันข้างหน้า ที่ปัญหาในความรักอาจเกิดขึ้น ซึ่งอาจทำให้คนกลุ่มนี้ละเลยที่จะเอาใจใส่กันและกันได้ในที่สุด
9. ลืมความบาดหมางที่เคยเกิด
เหตุการณ์ชวนทะเลาะหลาย ๆ อย่าง เริ่มต้นจากบทสนทนาขุดคุ้ยเรื่องอดีตประเภทว่า "จำได้ไหมว่าเมื่อตอนนั้นน่ะคุณเคย..." แล้วก็ตามด้วยเรื่องราวความทรงจำที่ไม่น่าจดจำที่พรั่งพรูออกมา จะมีประโยชน์อันใดที่จะเอาเรื่องไม่ดีเก่า ๆ กลับขึ้นมาพูดอีก หากคุณยังคงขุ่นเคืองกับเรื่องราวเหล่านี้ ลองเขียนเรื่องราวไม่น่าจดจำต่าง ๆ ลงในกระดาษ จากนั้นให้เวลาตัวเองจะเพียงชั่วโมงหรือวันทั้งวัน ในการเกลียดชังโกรธขึ้งเรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้น เมื่อพอใจแล้ว ขยำหรือฉีกมันทิ้งซะ และให้เรื่องราวทั้งหลายและความคับข้องใจจบลงแค่เพียงในกระดาษ อย่าให้มันมารบกวนใจคุณอีก
10. คุณมีทางเลือกเสมอ
แม้ข้อสุดท้ายนี้จะเป็นข้อที่ไม่มีคู่รักคู่ไหนอยากก้าวมาถึง แต่เมื่อปัญหาในความรักระหว่างชีวิตคู่ได้เกิดขึ้นแล้ว การหาทางออกที่ดีให้กับปัญหา ย่อมดีกว่ามัวแต่คิดว่าตัวเองเลือกเดินทางผิด จึงต้องมาตกหล่มจมปลักอยู่กับคนที่ไม่ใช่ แล้วก็โทษอีกฝ่ายว่าไม่ดีอย่างนั้นอย่างนี้มากมาย แต่ความจริงแล้วคุณเองก็มีทางเลือก เพื่อว่าจะให้ชีวิตคู่ดำเนินต่อไปในแบบใด
จะปล่อยปัญหาทิ้งเอาไว้แบบนั้นแล้วอยู่กับมันต่อไปเรื่อย ๆ จะเลือกเดินหน้าหาทางแก้ปัญหาและรักษาความรักที่เหลืออยู่เอาไว้ หรือจะจบความรักนี้ลงด้วยการหย่าร้าง มีทางเลือกให้คุณถึง 3 ทางแล้ว ก็ขึ้นอยู่กับคุณว่าจะเลือกเดินทางไหน ที่สุดแล้วแม้มันอาจจบลงไม่สวยอย่างที่หวังไว้ แต่ก็ย่อมดีกว่าปล่อยตัวเองจมปลักอยู่กับปัญหาเรื่อยไป โดยไม่หาทางออก และคิดแต่ว่าตัวเองเลือกเดินทางมากับคนที่ไม่ใช่นะคะ
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งทีจะตัดสินว่าคนที่คุณคิดว่า "ใช่" นั้น คือคนที่เกิดมาคู่กับคุณจริง ๆ หรือเปล่า ก็ขึ้นอยู่กับการกระทำของคุณเองด้วย เพราะการแต่งงานหรือการใช้ชีวิตคู่กัน ไม่ได้อาศัยแต่ความรักเพียงอย่างเดียว แต่มันต้องประกอบไปด้วย ความเข้าอกเข้าใจ ถ้อยทีถ้อยอาศัย และยอมรับในกันและกัน หากในวันนี้คุณและเขาต่างมั่นใจว่าเป็นคนที่ใช่ของกันและกัน การทนุถนอมความรักให้อยู่ไปตราบนานคงไม่ใช่เรื่องยาก ยังไงเราก็ขอเป็นกำลังใจให้คนที่รักกัน เป็นคนที่ใช่สำหรับกันและกันตลอดไปนะคะ ขอบคุณสำหรับสาระดีๆครับ ขอบคุณนะ สำหรับสาระดีๆที่นำมาแบ่งปันกัน
หน้า:
[1]