แม่ค้าส้มตำ
http://www.creditonhand.com/images/Ghost/9250954.gif'เฮียเพ้ง"เล่าประสบการณ์ขนหัวลุกจากหน้าสถานีหัวลำโพง
ปีนี้ไม่รู้ว่าเกิดอาเพศอะไรขึ้นมา เดือนเมษายนแท้ๆ กลับหนาวยะเยือกไม่จบสิ้น พอหายหนาวก็กลับเกิดมรสุมน้อยใหญ่ ฝนฟ้าตกกระหน่ำเป็นว่าเล่นไม่หยุดหย่อนจนน้ำท่วมไปแทบทั้งประเทศมาจนจะใกล้ฤดูหนาวอยู่รอมร่อ
ที่เคยเดือดร้อนกันเรื่องฝนแล้งจนแทบไม่มีน้ำทำนา กลับต้องเก็บเกี่ยวกันก่อนที่จะล้มตายไปในสายน้ำ...หาความพอดีไม่ได้ซะเลย
วันนี้ผมจะเล่าเรื่องขนหัวลุกใจกลางกรุงให้ฟังกันครับ!
ตอนนั้นสงกรานต์เพิ่งผ่านพ้นไปใหม่ๆ ยังดีที่ไม่มีฝนฟ้ามาทำลายบรรยากาศนอกจากตกที่นั่นที่นี่นิดๆ หน่อยๆ ส่วนใหญ่แดดจ้า น่าสาดน้ำประแป้งกันให้ชุ่มฉ่ำ ยิ่งพวกหนุ่มๆ สาวๆ เขาชอบกันนักแล
เย็นนั้น ผมออกจากบ้านที่สะพานเหลืองมาพบกับไอ้ฮุยเพื่อนซี้ ส่วนมากเรามักจะไปหาที่แปลกๆ ดวดดื่มกันตามประสาหนุ่มใหญ่วัยใกล้เลขสี่อยู่รอมร่อ บางวันไปถึงราชวงศ์ บางวันก็แค่ตรอกโรงหมูใกล้ๆ ที่เปลี่ยนชื่อซะหรูหราว่า "ถนนมิตรภาพไทย-จีน"
วันนี้ข้ามฟากไปวัดดวงแข ตรอกสลักหิน เตร็ดเตร่ไปถึงรองเมือง ก่อนจะเลี้ยวเข้าดูบรรยากาศสถานี รถไฟเสียหน่อย
แหม! หัวลำโพงกำลังคึกคักเชียวครับ เพราะผู้คนที่เพิ่งทยอยกันกลับกรุงเทพฯ หลังเล่นสงกรานต์กับเยี่ยมเยียนพ่อแม่ญาติมิตรแล้ว เราเดินทะลุออกด้านข้างแล้วเลี้ยวซ้ายไปด้านหน้า...คนจรจัดนอนข้างทางเรียงรายกันเป็นแถวใช้กระดาษหนังสือพิมพ์ปูนอน
มีอยู่รายหนึ่งโก้กว่าเพื่อน เพราะพี่แกมีเตียงเตี้ยๆ ราวศอกเดียวไว้นอนหลับอุตุ ฝันหวานสบายแฮไป
ทะลุออกด้านหน้าอีกครั้ง...มีอะไรผิดหูผิดตาไปแฮะ!
ก่อนถึงถนนพระรามสี่ที่มีรถราขวักไขว่ตามปกติ ถนนสายแรกก็รถจากถนนเลียบคลองผดุงฯ เลี้ยวไปทางรองเมือง ถัดไปก็ขึ้นทางด่วน...ระหว่างนั้นมีลานโล่งๆ ทั้งซ้ายและขวา เราชวนกันเดินข้ามไปเงียบๆ คงคิดตรงกันว่าจะไปหาอะไรกินที่ไหนดี?
เอ๊าะอ๋อ! แม่ค้าส้มตำสาวๆ สวยๆ ราวสิบเจ้าที่ปูเสื่อขายสินค้าอยู่บนลานแคบๆ นั่นน่ะซีครับ เราเคยมาอุดหนุนพวกเธอ 2-3 ครั้งแล้ว
"เฮ้ย! วันนี้หายไปไหนหมดวะ?" ไอ้ฮุยหลุดปาก เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ "ทำไมไม่เหลือซักเจ้าเดียว"
"ยังไม่กลับจากเที่ยวสงกรานต์น่ะซี" ผมก็เพิ่งนึกได้เช่นกัน "อีก 3-4 วันก็มาขายลานตาเหมือนเดิมแหละว้า! เอ๊ะ..."
เสียงผมขาดหายไป เมื่อเห็นเด็กสาวหน้าตาจิ้มลิ้ม ผมยาว นั่งพับเพียบอยู่บนเสื่อใกล้หาบส้มตำ ที่มีมะละกอกับมะม่วงดิบ พร้อมด้วยอุปกรณ์ต่างๆ ครบครัน...จะขาดก็แต่ลูกค้าหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่ที่เคยมานั่งอุดหนุนเท่านั้นแหละ
"โธ่เอ๊ย! กูก็เพิ่งเห็น" ไอ้ฮุยร้อง "เอาที่นี่แหละวะ กูย่ำต๊อกซะเมื่อยขาแล้ว"
อีกครู่ใหญ่ๆ ต่อมา เราก็ไปนั่งขัดสมาธิบนเสื่อ ซดเหล้ากับส้มตำปูรสแซบของแม่ค้าวัยรุ่นผิวขาว อล่อง ชม้อยชม้ายชายตายั่วเย้า เล่นเอาหนุ่มเหลือน้อยอย่างพวกเราชักจะเลือดลมแล่นซู่ซ่าขึ้นมา
เผลอๆ ก็ต้องลงเอยด้วยส้มตำครกพิเศษ ตามสำนวนนักเที่ยว "ครกละห้าร้อย ครกละพัน" กับแม่ค้าคนสวยจนได้...คนเสเพลอย่างพวกเรารู้กันดีครับว่าคุณเธอขายส้มตำบังหน้าการค้าประเวณีเท่านั้นเอง
ยั่วเย้ากระเซ้าแหย่ ต่อปากต่อคำกันเพลิด เพลิน เธอเองก็ช่างพูดช่างคุย มีการแซวว่า...พี่สองคนหล่อพอๆ กันเลยค่ะ หล่อซะจนหนูไม่รู้จะเลือกใคร เดี๋ยวก็เหมาซะทั้งคู่!
ไอ้ฮุยหัวเราะเอิ๊กอ๊ากชอบใจ ผมเองก็รู้สึกเหมือนเสียงรถราและผู้คนที่เคลื่อนไหวอยู่รอบๆ ตัวเราหายไป โลกนี้ราวกับไม่มีใครอื่นอีกเลยนอกจากเราสามคนเท่านั้น ภาพและเสียงต่างๆ พร่าเลือนไปหมด แม้แต่ใบหน้าขาวแฉล้มของแม่ค้าตาคมก็เช่นกัน
...จู่ๆ ภาพเธอก็เลือนรางจางหายไป แล้วก็กลับชัดเจนขึ้นมาใหม่ ปากที่ยิ้มละไมดูจะกว้างขึ้นคล้ายแสยะ นัยน์ตาดำขลับก็กลับขยายใหญ่ พองโตแทบทะลักออกมานอกเบ้า...เสียงหัวเราะหวานใสก็กลายเป็นเย้ยหยัน เขย่าขวัญสิ้นดี!
"อะไรวะ?" ไอ้ฮุยร้องสุดเสียง ผงะหน้า หงายหลัง ดีแต่ใช้สองมือยันพื้นไว้ทันท่วงที...ในแสงไสวของราตรีไม่มีแม่ค้าหน้าหวาน ตาคมอีกต่อไปแล้ว ตะกร้าใส่ข้าวของก็หายไป...ไม่เหลือแม้แต่เสื่อผืนนั้น นอกจากพื้นแข็งกระด้างที่เรานั่งตะลึงพรึงเพริดอยู่กับที่
"ผีหลอกโว้ย!" ไอ้ฮุยร้องอีก เราลุกพรวดพราดขึ้นมายืนพร้อมกัน เหลียวซ้ายแลขวาที่มีรถราและผู้คนคับคั่ง...เราหลุดเข้าไปในมิติอะไรก็ไม่รู้...แต่ที่แน่ๆ คือขนหัวลุกครับ! ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากครับ
หน้า:
[1]