โปลิศจับทนาย
ผมเป็นหนุ่มห้าว...ห้าวมาตั้งแต่เด็กแล้วตอนนั้นผมมักจะชอบเล่นโปลิศ จับขโมยกับเพื่อนๆแล้วผมก็ชอบเล่นเป็นตำรวจคอยจับเพื่อนๆที่เล่นเป็นขโมยจับได้แล้วก็ลงโทษด้วยวิธีการต่างๆผมสนุกกับการไล่ล่ามันอาจเป็นสัญชาติญาณนักล่าที่ติดตัวผมมาพอโตเป็นหนุ่มความห้าวบวกกับความชอบไล่ล่าหาคนผิดมาลงโทษผมจึงมาเป็นตำรวจ เมื่อมาเป็นตำรวจตัวจริงเรื่องของการปฏิบัติหน้าที่นั้นเป็นไปด้วยดี
ไม่มีปัญหาผมเป็นตำรวจดีไม่มีการออกนอกแถวใครๆต่างก็ชื่นชมผมด้วยกันทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นผู้บังคับบัญชาหรือว่าเพื่อนตำรวจด้วยกันและแม้แต่ชาวบ้านชาวเมืองก็เป็นปลื้มผมด้วยกันทั้งนั้น
นี่ไม่ใช่คุยโตโอ้อวดเพราะผมเคยได้รับเหรียญตราจากกรมในฐานะตำรวจดีเด่นมาแล้ว
สิ่งที่เป็นปัญหานำมาซึ่งความอึดอัดใจให้กับผมคือผมคงจะหล่อเกินไปหน่อยรูปร่างบึกไปนิดแล้วยิ่งต้องมาสวมเครื่องแบบตำรวจซึ่งพวกบ้าเครื่องแบบชอบนักหนาความจริงพวกคนบ้าเครื่องแบบนี่
อาจจะหลงใหลเครื่องแบบทหารหาญรั้วของชาติมากกว่า แต่โอกาสที่ทหารจะออกมาเจอะเจอกับคนเดินถนนมันไม่มีมากเท่ากับตำรวจอย่างผมที่ต้องปฏิบัติหน้าที่ใกล้ชิดกับผู้คนอยู่ตลอดเวลา
ผมเจอมาบ่อยพวกมนุษย์พันธุ์ที่ชอบหนุ่มในเครื่องแบบชอบไม่ชอบเปล่ายังหาทางที่จะกระโดดขึ้นเตียงกับผมให้ได้บ้างก็ทำตาหวานใส่บ้างก็ให้เบอร์โทรศัพท์ที่หนักกว่านั้นคือการใช้กลอุบายทำทีเป็นหมด
สติกระทันหันต่อหน้าต่อตาผมเพื่อให้ผมช่วยจะได้แตะเนื้อต้องตัวผมหรือมากไปกว่านั้นบางคนถึงขนาดแกล้งทำผิดเล็กๆ น้อยๆ ให้ผมจับแล้วก็พยายามสานต่อความสัมพันธ์ที่เล่ามานี้มีทั้งชายไม่จริงและ
หญิงแท้ซึ่งอันที่จริงโดยส่วนตัวแล้วผมไม่อยากปฏิเสธไม่ว่าเพศไหนเพราะมีเสน่ห์เฉพาะตัวต่างกันไปคนละแบบแต่ความที่ผมเป็นนักล่านักจับในสายเลือดจึงไม่ชอบให้ใครมาล่าหรือมาจับผม
ผมชอบทั้งการไล่ล่าและการจับไม่เฉพาะแต่เรื่องงานเท่านั้นแม้แต่เรื่องส่วนตัวผมยังคงรอวันที่จะตามจับใครคนหนึ่งที่ผมถูกใจแล้วเอามากักขังหน่วงเหนี่ยวไว้ทั้งตัวและหัวใจจะดิ้นรนอย่างไรก็หนีไม่พ้น
ต้องอยู่แนบชิดกับผมตลอดไปแล้วอยู่มาวันหนึ่งผมก็ได้เจอกับใครคนนั้น...
ตอนเช้าตรู่ของวันอันสดใสผมเพิ่งจะขับรถตำรวจออกมาจากสถานียังไม่ทันได้ตรวจตราความเรียบร้อยอย่างที่เคยทำทุกวันก็มีรถยนต์หรูเตะตาคันหนึ่งแล่นผ่านถนนตรงหน้าผมไปผมไม่ได้สนใจกับความสวย
ของรถแต่ความเร็วที่แล่นไปต่างหากมันเร็วเกินเกินกว่าที่กฎหมายกำหนดแน่ๆแม้ไม่ต้องใช้เรดาห์วัดก็รู้ได้ไม่ยาก
ผมเปิดสัญญาณไซเรนแล้วขับรถเลี้ยวตามไปเมื่อรู้ตัวว่ถูกรถตำรวจตาม รถคันนั้นก็จอดตรงข้างทางโดยที่ผมไม่ต้องสั่งคนขับซึ่งเป็นชายหนุ่มหล่อแต่งตัวอย่างดีในชุดสูทก้าวลงจากรถอย่างรู้งานแถมยัง
เตรียมหยิบใบขับขี่มาถือไว้ในมือพร้อมจะส่งให้ผมทันทีทันใดผมก้าวลงจากรถเดินตรงไปหาเขา
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณผู้ชาย...”
ผมพูดกับเขาอย่างสุภาพซึ่งก็ทำอย่างนี้กับประชาชนทุกคนกำลังจะบอกถึงความผิดของเขาแต่ดูเหมือนเขาจะรู้ตัวอยู่แล้วและใจร้อนจนไม่รอให้ผมพูดจบก็สวนขึ้นมา
“ผมรู้แล้ว...เอ้านี่ใบขับขี่เขียนใบสั่งมาเร็วๆผมกำลังรีบ”
รู้ไปหมดท่าทางจะขับรถเร็วเป็นประจำจนโดนตำรวจเรียกบ่อยๆแต่สีหน้าท่าทางและคำพูดของเขาบ่งบอกว่ากำลังรีบจริงๆดูจากเสื้อผ้าที่ใส่เขาต้องไม่ใช่พวกพนักงานที่ต้องเร่งรีบไปตอกบัตรให้
ทันเวลาเข้างานแต่น่าจะรีบเพราะมีนัดสำคัญอะไรสักอย่างผมเดาเอาว่าเขาคงเป็นพวกยับปี้...พวกหนุ่มนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จจนร่ำรวยตั้งแต่อายุยังไม่มาก
ผมรับใบขับขี่จากมือเขามาตรวจดูแล้วรีบเขียนใบสั่งให้อย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างไรผมคิดว่านอกจากใบสั่งแล้วผมจะต้องตักเตือนเขาด้วยคำพูดอีกรู้อยู่ว่าขับรถเร็วอย่างนี้มันอันตรายไม่อยากให้หน้าใสๆ
ของเขาต้องหมดหล่อถ้าเกิดอุบัติเหตุ
ขณะที่ผมกำลังเขียนใบสั่งอยู่ก็มีสัญญาณโทรศัพท์ดังขึ้นในรถคันงามของเขาผู้ต้องหาหนุ่มหล่อรีบเข้าไปรับเขาไม่ทันได้ปิดประตูรถทำให้ผมได้ยินเสียงการพูดโต้ตอบของทั้งสองฝ่ายผ่านทางแฮนด์ฟรี
จับใจความได้ว่าลูกความโทรมาขอเลื่อนนัด...นัดสำคัญที่ทำให้เขาต้องรีบอยู่ตอนนี้
อ้อ...ที่แท้ก็เป็นทนายรู้กฎหมายดีเท่าๆ กับผมหรืออาจจะดีกว่าผมเสียอีกแต่ยังชอบฝ่าฝืนอ้างว่ารีบอย่างนี้มันต้องสั่งสอนเสียหน่อย พอพูดโทรศัพท์เสร็จเขาก็ก้าวลงจากรถหน้าหล่อๆ นั้นแสดงถึงความ
หงุดหงิดปากสวยๆ สบถเสียงดังฟังชัด
“ไอ้บ้าเอ๊ย!”
เขาสบถเสร็จแล้วมองมาที่ผมหน้าตาท่าทางพร้อมจะอาละวาดเต็มที่ ผมเลยแกล้งยั่ว
“คุณด่าผมเหรอ?”
“เปล่านะ...ใครจะกล้าด่าคุณ...คุณตำรวจขืนด่าก็เจออีกข้อหาน่ะสิ”
ผมส่งใบขับขี่คืนให้เขาพร้อมทั้งใบสั่งเขารับไปอย่างหงุดหงิดสายตาที่จ้องมองผมแสดงถึงความโกรธระคนขัดใจเหมือนเด็กเกเรที่ทำผิดแล้วถูกผู้ใหญ่จับได้ผิดแล้วยังมาพาลเอากับคนอื่นอย่างนี้มันน่าจับ
มาตีก้นเสียให้เข็ด...ผมคิดในใจ
“ผมไปได้แล้วใช่ไหม...คุณตำรวจ?”
“ยัง...คุณทนายขับรถเร็วอย่างนี้มันอันตรายถ้าทำอีกละก็โดนยึดใบขับขี่แน่!”
“ผมรู้แล้วว่าทำผิดผมยอมรับผิดพอใจหรือยังแล้วคุณล่ะเคยมีใครบอกหรือเปล่าว่าเป็นตำรวจน่ะน่าจะคอยป้องปรามไม่ให้คนทำผิดไม่ใช่แอบซุ่มอยู่ รอให้คนทำผิดแล้วมาจับมาปรับ
เอาความดีความชอบใส่ตัว”
ทนายปากกล้าด่าว่าผมยืดยาวโดยไม่มีการหยุดแทนที่ผมจะโกรธกลับรู้สึกมีชีวิตชีวาอย่างบอกไม่ถูกนานๆถึงจะเจอคนเก่งกล้าอย่างนี้ตั้งแต่เห็นแวบ แรกผมก็พอจะรู้แล้วว่าเขาเป็นหนุ่มประเภทผู้ชายนะยะ
ยิ่งมาได้ยินสำบัดสำนวนแล้วยังท่าทางฉุนแล้วยิ่งชัวร์ปึ้กผมว่าเขาน่ารักดีชักจะถูกใจขึ้นมาแล้วสิ
“ดูเหมือนคุณจะไม่รีบแล้ว...ผมอยากเลี้ยงกาแฟคุณสักถ้วยเป็นการไถ่โทษที่ทำให้คุณอารมณ์บูดแต่เช้า”
ผมเชิญชวนพร้อมด้วยรอยยิ้มอย่างจริงใจ
“ขอบคุณที่ชวนแต่ผมไม่ดีกว่า...หวังว่าคงไม่ต้องเจอกับคุณอีกคุณตำรวจ”
เขาปฏิเสธคำชวนของผมอย่างไม่ใยดีแล้วขึ้นรถขับออกไปผมมองตามด้วยความรู้สึกที่ว่า...นี่ละผู้ร้ายตัวจริงกล้าดียังไงมาทำให้ผมชอบแล้วก็หนีไปอย่างลอยนวลยังมีหน้ามาบอกอีกว่าจะไม่เจอกันอีก
ท้าทายสัญชาติญาณนักล่าอย่างผมให้ต้องตามจับตัวมาลงโทษอย่างสาสมด้วยการจองจำไว้ตลอดชีวิต
ตกเย็นของวันนั้นเองผมออกเวรแล้วเข้าไปที่สถานีตำรวจติดต่อพรรคพวกเพื่อนฝูงที่อยู่แผนกต่างๆ ในกรมหาข้อมูลทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเขาโดยอาศัยเพียงแค่ชื่อของเขาที่ผมจำได้ขึ้นใจ...ไบรอันลอว์เลนซ์
ที่อยู่และทะเบียนรถผมก็รู้ว่าเขาทำงานที่ไหนแม้แต่เบอร์โทรศัพท์ผมก็รู้หมดทุกเบอร์ทั้งที่บ้านออฟฟิศ และโมบายล์แต่ผมไม่โทรไปให้เขาวางหูใส่หรอกไปตะครุบตัวที่ออฟฟิศหลังเลิกงานดีกว่า
ค่ำแล้วที่ผมมาถึงออฟฟิศของเขาเห็นรถคันสวยยังจอดอยู่ด้านหน้าทำให้แน่ใจว่าเจ้าของยังไม่กลับผมผ่านพนักงานรักษาความปลอดภัยของตัวตึกเข้าไปอย่างง่ายดายแม้ว่าจะปิดหมดแล้วผมบอกเขาไปว่าไม่
ได้มาติดต่องานแต่มาด้วยกิจธุระส่วนตัวซึ่งมันก็เป็นความจริง
ทั่วทั้งออฟฟิศเงียบเชียบมีแต่เขาอยู่เพียงคนเดียวพอเห็นผมเข้าเท่านั้น เขาก็มีสีหน้าทั้งตกใจทั้งเอือมระอา
“สวัสดีอีกครั้งคุณลอว์เรนซ์แต่...ฟังดูห่างเหินจังให้ผมเรียกคุณว่าไบรอันดีกว่านะ”ผมถือวิสาสะเรียกชื่อต้นเขาอย่างสนิทสนม
“ตามใจคุณตำรวจว่าแต่ว่า...คุณมีธุระอะไรกับผมอีกเก่งนะตามหาผมจนเจออย่างคุณนี่น่าจะเป็นตำรวจสืบสวนมากกว่าจะยืนเขียนใบสั่งอยู่ข้างถนน”
ปากคอเขายังจัดจ้านเหมือนเมื่อตอนเช้าแต่อีกไม่นานปากสวยๆที่พูดจาเชือดเฉือนผมอยู่นี่จะถูกทำโทษเป็นอย่างแรก
“เรียกผมว่าสตีฟก็ได้แล้วก็อย่าพูดถึงเรื่องงานเลยผมไม่ได้เป็นตำรวจตลอด 24 ชั่วโมงหรอก”
“ยังไงก็คงไม่ถึงกับกลายเป็นผู้ร้ายนะ”
“มันก็ไม่แน่บางทีอารมณ์ชั่ววูบอาจทำให้คนดีๆ กลายเป็นผู้ร้ายใจโหดก็ได้”
ผมพูดด้วยท่าทีขึงขังทำให้เขาออกจะกลัวอยู่บ้างแต่ยังทำใจดีสู้เสือเอ่ยปากถามผมว่า
“คุณต้องการอะไรกัน?”
“เมื่อเช้านี้คุณปฏิเสธน้ำใจของผมตอนนี้ปฏิเสธอีกไม่ได้แล้ว”
“นึกว่าอะไร...ที่แท้ก็เสียหน้าที่ถูกปฏิเสธโอเคผมไปดื่มกาแฟกินโดนัทกับคุณก็ได้”
“ผมไม่ชอบกินของหวานมันเอียนชอบกินของรสจัดจ้านร้อนแรงมากกว่ากินเท่าไหร่ก็ไม่เบื่อ”
ผมพูดพร้อมกับจ้องมองเขาเขม็งเขาเองก็พอจะรู้ถึงความหมายในคำพูดของผมหน้าขาวๆ นั้นซีดเผือดลงไปอีก
“ไปกันได้แล้ว”
ผมตัดบทถ้าเขายังอิดเอื้อนอีกละก็ต้องใช้กำลังอย่างแน่นอนแต่เขายอมเดินมากับผมแต่โดยดียังไม่วายบ่น
“อย่างนี้มันไม่ใช่การเชิญชวนสักหน่อยขู่บังคับกันชัดๆ”
“ผมไม่สนใจหรอกว่าภาษาทนายจะเรียกยังไงภาษาของผมคือ...ผมต้องการให้คุณไปกับผมคุณก็ต้องไป”
ผมพาเขามาที่รถของผมเขาไม่เต็มใจนักอยากให้ต่างคนต่างขับรถของตัวเองแล้วไปเจอกันที่ร้านอาหารแต่ผมไม่ยอมไม่อยากเสี่ยงกับการถูกเบี้ยวขี้เกียจตามหาตัวให้เสียเวลาอีกอ้างว่ายังไม่รู้ว่าจะไปที่
ไหนนั่งรถไปด้วยกันคันเดียวกันดีกว่า
ความจริงผมคิดไว้แล้วว่าจะพาเขาไปกินอาหารที่ไหน...อาหารค่ำมื้อแรกกับคนพิเศษมันต้องเป็นที่พิเศษ...
ผมขับรถพาเขามาที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ตใกล้ๆบ้านมันเป็นร้านที่มีบริการพิเศษผู้มากินอาหารไม่ต้องลงจากรถเลยเพียงแค่จอดรถที่ลานจอดด้านนอกบริกรก็จะมารับออร์เดอร์แล้วนำอาหารมาส่งให้ถึงรถ
อาหารก็ไม่เอร็ดอร่อยกว่าที่อื่นแต่พวกคู่รักประเภทข้าวใหม่ปลามันมักจะชอบที่นี่นั่งจู๋จี๋กันในรถได้อย่างสบาย
ผมสั่งอาหารง่ายๆพร้อมกับเครื่องดื่มสำหรับทั้งเขาและตัวผมแม้ว่าอาหารจะมีรสชาติธรรมดาๆแต่ผมรู้สึกว่าอร่อยกว่าที่ไหนทั้งหมดเพราะมีเขานั่งแนบชิดอยู่เคียงข้างตรงกันข้ามกับเขาที่ดูอึดอัดขัดใจอย่างไร
ชอบกลรีบจัดการกับอาหารราวกับหิวโหยมาจากไหน
“หิวมากเหรอ...ไบรอัน...อยากได้อะไรเพิ่มไหม?”
ผมถามอย่างเอาอกเอาใจ
“เปล่า...รีบกินให้เสร็จๆจะได้กลับบ้านนอนพรุ่งนี้มีนัดกับลูกความแต่เช้าอีกต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้า...เช้ามากไม่อยากถูกตำรวจเรียกอีก...”
เขาตอบไม่รู้ว่าจริงหรือแกล้งพูดแซวผม
“ผมก็เหมือนกันต้องเข้าเวรแต่เช้างั้นรีบกลับกันเถอะ”
ผมนึกในใจ...กลับน่ะกลับแน่แต่...มันไม่จบลงง่ายๆอย่างที่เขาคิดหรอก มีหรือผมจะปล่อยไป
ก่อนขับรถออกจากลานจอดผมหันไปมองรถคันอื่นๆที่จอดอยู่เห็นคู่รักหนุ่มสาวกอดจูบกันอย่างดูดดื่มทำให้อยากทำอย่างนั้นกับเขาบ้างรู้ว่าถ้าขอเขาตรงๆต้องถูกปฏิเสธแน่เลยใช้วิธีจู่โจมไม่ให้รู้ตัว
ปากสวยๆที่เคยด่าว่าผม บัดนี้ถูกผมสำเร็จโทษแล้วอย่างสาสมปากสวยๆเตรียมจะด่าผมเมื่อเป็นอิสระจากการถูกประกบแต่ผมรีบแก้ตัวก่อนว่า
“ไบรอัน...คุณรีบกินเสียจนปากเลอะเทอะไปหมดผมเลยช่วยทำความสะอาดให้”
เขาเงียบคงจะด่าผมอยู่ในใจนี่เป็นแค่บทเรียนเริ่มต้นเท่านั้นเดี๋ยวก็รู้ว่าจะเป็นอย่างไรต่อไป...
เพียงชั่วครู่ผมก็ขับรถกลับมาถึงบ้านซึ่งอยู่ใกล้ๆกับร้านอาหารที่ไปกินจอดรถในที่เก็บอย่างเรียบร้อย
“คุณพาผมมาที่นี่ทำไม?”
เขาถามด้วยสีหน้าเครียด
“ก็คุณบอกว่าต้องรีบกลับบ้านนอนที่นี่ใกล้ที่สุดแล้ว...ถ้าผมขับรถไปส่งคุณที่ออฟฟิศกว่าคุณจะขับรถกลับบ้านคงดึกมากบ้านคุณอยู่ไกลด้วย”
ผมตอบเฉไฉไปตามเรื่อง
“ที่แท้ก็เป็นแผนของคุณ...ให้ผมนั่งรถมาด้วย...มากินอาหารที่ร้านใกล้บ้าน...คุณนี่ร้ายจริงๆ ผมไม่น่าหลงกลเลย”
“เข้าบ้านกันเถอะถึงบ้านผมจะเล็กแต่รับรองว่าเตียงคิงไซส์ใหญ่พอที่เราจะนอนได้สบายทั้งสองคน”
เขาทำหน้าเหมือนถูกผีหลอกเมื่อรู้ว่าต้องนอนร่วมเตียงกับผมยืนลังเลอยู่นานกว่าจะยอมเดินเข้าบ้านกับผม
“ถอดเสื้อผ้าออกมาผมจะได้เอาใส่เครื่องซัก”
ผมบอกเมื่อเห็นเขายังทำท่าเหมือนนักโทษถูกจับเข้าคุกเขาค่อยๆปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกช้าๆ ด้วยความกระดากอายสายตาผมที่มองดูอยู่ไม่ห่างมันตื่นเต้นเร้าใจยิ่งกว่าตอนประกบปากจูบเขาเสียอีก
“ชั้นในด้วย...”
ผมสั่งเมื่อเห็นเขายังรีรอไม่ยอมถอดให้หมดแต่ในที่สุดก็ยอมถอดกางเกงในส่งให้ผมนะไปซักผมมองดูร่างเปลือยเปล่าไร้สิ่งปกปิดของเขาด้วยความรู้สึกวาบหวิว...หุ่นไม่หนาไม่บางทุกอย่างกำลังดี
ผิวขาวนวลเนียนน่าสัมผัสลูบไล้ไปทั้งตัวโลมเลียด้วยสายตาอยู่นานจนสาแก่ใจผมถึงได้หยิบผ้าเช็ดตัวจากในตู้มาส่งให้เขาเพื่ออาบน้ำก่อนที่จะโยนเสื้อผ้าของเขาเข้าเครื่องซักผมเอากางเกงใน
ยี่ห้อดังสีขาวขึ้นมาสูดดมกลิ่นกายจากซอกเร้นลับยังอวลอยู่หอมรัญจวนใจจนเกิดอารมณ์...
ผมถอดเครื่องแบบชุดตำรวจออกมือลูบไล้ปืนพกประจำตัวซึ่งเริ่มแสดงอานุภาพว่าพร้อมจะใช้การได้ทุกเมื่อแต่ต้องอดใจไว้อีกไม่นานผมก็ได้ใช้มันจัดการสำเร็จโทษผู้ต้องหาตัวร้ายรออยู่นานก็ไม่มีวี่แววว่าจะ
ออกมาจากห้องน้ำผมต้องเคาะเรียก
เขานุ่งผ้าเช็ดตัวออกมาหน้าตาสดใสเนื้อตัวหอมกรุ่นพอเห็นว่าผมยืนจังก้าอยู่หน้าห้องน้ำในสภาพไร้เครื่องแบบห่อหุ้มร่างกายแถมอาวุธประจำตัวขนาดใหญ่ผงาดแข็งอยู่เลยเดินตัวลีบหลบหลีกไปห่างๆ
ผมยิ้มกับตัวเอง...นึกหรือว่าจะพ้นไปได้
ผมอาบน้ำรวดเร็วอย่างทุกวันแต่วันนี้อาจจะเร็วกว่าด้วยว่าจิตใจจดจ่ออยู่กับผู้อยู่นอกห้องน้ำเมื่อเดินแก้ผ้าล่อนจ้อนออกมาเห็นเขายังคงนุ่งผ้าเช็ดตัวอยู่เลยบอกว่า
“ถอดผ้าเช็ดตัวออกได้แล้วจะได้เอามาผึ่งให้แห้ง”
เขาปลดผ้าเช็ดตัวออกจากเอวมาส่งให้ผมมือสั่นนิดๆพยายามหลบเลี่ยงสายตาไปทางอื่นไม่กล้าแม้แต่จะมองดูร่างเปลือยเปล่าของผม
“คุณตำรวจเอ๊ย...สตีฟมีชุดนอนให้ผมใส่บ้างไหม?”
“ไม่มีหรอก...ผมไม่ชอบใส่อะไรนอนมันอึดอัดน่ะ”
ผมจูงมือเขามาที่ห้องนอนอยากอุ้มเข้าประตูเหมือนอย่างที่คู่แต่งงานทำแต่เขาคงไม่นึกสนุกด้วยหนีไปนอนจนเกือบชิดขอบเตียงข้างหนึ่ง
“เดี๋ยวก็ตกเตียงหรอกคิดว่านอนห่างแค่นี้จะพ้นเหรอ”
ผมดึงตัวเขามากอดถึงแม้ว่าจะพยายามดิ้นรนหนีแต่ไม่อาจสู้แรงแขนอันแข็งแกร่งของผมได้
“นี่คุณจะทำอะไรน่ะ?”
เขาถามเสียงสั่น
“เมคเลิฟ...”
ผมตอบตามตรงเขาอ้าปากจะพูดอะไรผมไม่สนใจประกบปากจูบเขาในทันทีทันใดลิ้นควานซอกซอนลิ้มรสหอมหวานอย่างร้อนรนยิ่งร่างที่อยู่ในอ้อมกอดดิ้นรนขัดขืนก็ยิ่งเหมือนกับยั่วยุให้ความเร่าร้อน
ในตัวผมปะทุรุนแรงขึ้น
“อย่างนี้มันบังคับขืนใจกันชัดๆ”
เขาตะโกนใส่หน้าผมเมื่อปากหลุดพ้นจากการถูกประกบ
“ถ้าคุณยอมผมดีๆ มันก็ไม่ใช่...ผมให้โอกาสคุณเลือกจะยอมดีๆหรือว่า...”
คำขู่ของผมใช้ได้ผลร่างในอ้อมกอดแขนหยุดดิ้นรนขัดขืนยอมจำนนแต่โดยดีผมไม่รอช้าเริ่มบรรเลงเพลงจูบอย่างนุ่มนวลแล้วเปลี่ยนมาซุกไซ้ที่ซอกคอไล่ลงไปยังเนินอกดูดเลียยอดอกสีชมพูระเรื่อ
การเล้าโลมของผมทำให้ร่างที่นอนแน่นิ่งเริ่มมีอาการอันแสดงถึงความพึงพอใจยิ่งเมื่อผมเลื่อนปากลงไปถึงโนนเนื้อหัวสีชมพูทั้งเลียทั้งเม้มทั้งดูดดุนจนแข็งได้ที่มือไม้ที่เมื่อครู่พยายามผลักไส
กลับลูบไล้แผ่นหลังผมไปมาเสียงครางอย่างเป็นสุขดังแว่วออกมาจากลำคอ น้ำเหนียวใสที่ปริ่มออกมาสัมผัสลิ้นผมทำให้แน่ใจว่าเขามีอารมณ์คล้อยตามแล้ว ผมเลียนิ้วมือตัวเองจนเปียกชุ่มแล้วลองแหย่เข้า
ไปในช่องทางระหว่างแก้มก้นอันกลมกลึงมันคับแน่นเหมือนกับว่าไม่เคยมีอะไรล่วงล้ำมาก่อนเลยผมแหย่นิ้วมือเข้าออกช้าๆอยู่หลายหนจนรู้สึกถึงความลื่น
“ไบรอัน...คุณพร้อมหรือยัง?”
ผมกระซิบถามพร้อมกับจูบซอกแก้มหอมกรุ่นของเขาไม่มีเสียงตอบอะไรนอกจากการพยักหน้าเป็นเชิงตอบรับผมจึงหยิบหลอดเจลหล่อลื่นออกมาจากลิ้นชักข้างเตียงละเลงจนชุ่มโชกไปทั่วทั้งลำ
จับขาเขาทั้งสองข้างยกขึ้นพาดไว้บนบ่าแล้วค่อยๆ ดันท่อนลำแทรกผ่านเข้าไปในช่องทางอันคับแคบทั้งแน่นทั้งฟิต
“อูวว์...ให้ตายสิไม่เคยเจออะไรฟิตอย่างนี้เลย”
ผมครางเมื่อดันปืนพกคู่กายเข้าไปจนสุดกระบอกแช่ไว่นิ่งๆเพื่อชะลอความเสียวพลางโน้มตัวลงไปจูบปากเขานอกจากจะยอมให้ผมจูบโดยดีแล้วยังใช้มือลูบไล้แผงอกผมเล่นทำให้รู้ว่าเขาพอจะชอบผม
บ้าง...หรืออย่างน้อยก็ต้องชอบการกระทำของผมแทบทุกครั้งของการเคลื่อนไหวเข้าออกในช่องทางคับแคบนั้นผมต้องสะกดกลั้นความรู้สึกเสียวซ่านไม่ให้โลดลิ่วจนระงับไว้ไม่อยู่อยากให้ความสุขในเวลานี้
ดำเนินต่อไปนานๆ ตลอดเวลาผมมองดูใบหน้าหล่อเหลาของเขาไม่วางตาแน่ใจว่าเขาก็มีความสุขท่วมท้นไม่ต่างจากผม
“สตีฟ...โอว์...ผม...ผม”
เสียงครางขาดหายไปแล้วแต่ปากสวยๆยังอ้าค้างอย่างเป็นสุขมือนุ่มๆ บีบต้นแขนผมแน่นก่อนที่ร่างในอ้อมกอดผมจะสั่นสะท้านผมเร่งเครื่องตามไปอย่างกระชั้นชิดและเมื่อผมกดอาวุธคู่กายลงไปลึกและแรง
เป็นครั้งสุดท้าย ร่างทั้งสองของเราก็เกร็งกระตุกพร้อมกันผมปล่อยน้ำรักเข้าไปในตัวเขาหลายกระฉูดน้ำรักของเขาพุ่งออกมาเป็นสายเจิ่งนองเนินอกลงไปถึงหน้าท้อง เมื่อการเมคเลิฟผ่านพ้นไปผมยังคงนอนกอด
เขาไว้ในอ้อมแขนถึงจะหลับตานอนนิ่งแต่ผมรู้ว่าเขายังไม่หลับอยากบอกความในใจให้เขารับรู้
“ที่รัก...”
“ใครเป็นที่รักของคุณ?”
เขาพูดโดยไม่ลืมตา
“ก็คนที่ผมนอนกอดอยู่นี่ไง...ผมรักคุณนะ คุณล่ะรักผมบ้างไหม?”
คิดอยู่นานกว่าจะตอบออกมาได้ว่า
“ผมก็ไม่ได้เกลียดคุณนี่”
ผู้ร้ายปากแข็ง...เอาไว้คืนพรุ่งนี้เถอะผมจะคาดคั้นให้ผู้ต้องหารายนี้ยอมเปิดปากสารภาพว่ารักผมให้ได้...เป็นไงเป็นกัน ขอบคุณนะครับคุณตำรวจ
ขอบคุณครับ ขอบคุณ{:5_119:}{:5_119:} ขอบคุณครับ
ขอบคุณครับ โรแมนติกดีครับ ขอบคุรมากครับ สุดยอดครับ ขวดตำรวยนี่ปราบทนายได้ง่ายดีจัง ขอบคุณน่ะคับ ขอบคุณครับ ขอคุณมากครับ อยากโดนคุณตำรวจทำบ้างจัง ขอบคุณครับ ขอบคุณครับ ขอบคุณมากนะครับ ขอบคุณมากๆๆๆๆครับ ขอบคุณครับ ชอบเรื่องนี้ ขอบคุณครับ