Alone-Heart โพสต์ 2011-11-11 12:32:51

เชิญชวนมารับลมหนาวกันคับ..

เที่ยวเชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดเชียงรายเชียงราย เป็นจังหวัดที่อยู่เหนือสุดของประเทศไทย สภาพภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อนขนาบทั้งด้านฝั่งตะวันออกเและฝั่งตะวันตก โดยมีที่ราบอยู่ตรงกลางเริ่มจากเหนือสุดไล่ลมาจนถึงจังหวัดพะเยา   เทือกเขาฝั่งตะวันตกมี สถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ดอยแม่สลอง ดอยตุงเทือกเขาฝั่งตะวันออกสถานที่ท่องเที่ยว ที่มีชื่อเสียงคือ ภูชี้ฟ้าเชียงรายเป็นจุดแรกที่แม่น้ำโขงไหลเข้ามายังดินแดนของประเทศไทยคือที่สามเหลี่ยมทองคำ อ. เชียงแสน และไหลออกจากประเทศไทยอีกครั้งในจังหวัดเชียงราย ที่อำเภอ เวียงแก่นการมาของ แม่น้ำโขงเป็นที่มาของ สถานที่ท่องเที่ยว คือ สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นจุดบรรจบกัน 3 ประเทศคือไทย ลาว พม่า ปัจจุบันเป็น แหล่งท่องเที่ยว ที่น่าสใจที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจไปเที่ยวกันมากที่อำเภอ เชียงแสน มี สถานที่ท่องเที่ยว ทางโบราณสถานมากมาย และมี ทะเลสาบเชียงแสน เป็น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ และ เป็นแหล่งดูนก ที่น่าสนใจ นอกจากนี้ เชียงรายยังมีแหล่งชอปปิ้งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจกันมากคือ แม่สาย เป็น จุดเหนือสุดแดนสยาม ข้ามฝั่งพม่าไปก็จะเป็นแหล่งชอปปิ้งที่คนไทยชอบข้ามไปเที่ยวคือ ตลาดท่าขี้เหล็กนอกจากนี้เชียงรายยังมี Unseen คือ พระขี่ม้าบิณบาต

http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/001.jpg



กระผมยกตัวอย่างอำเภอกะผมแระกานนะคับ...



เชียงแสนคับ....

เชียงแสน เป็นเมืองเก่าแก่ที่มีการตั้งถิ่นฐานมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ สำหรับในยุคประวัติศาสตร์เมืองเชียงแสนที่ถูกทิ้งร้างได้รับการสร้างเมืองขึ้นมาใหม่โดยพญาแสนภูแห่งราชวงค์มังรายในปี พ.ศ. 1870 และมีกษัตริย์ปกครองเรื่อยมา จนถึงเข้าสู่สมัยอาณาจักรล้านนาเชียงใหม่ซึ่งมีเชียงใหม่เป็นราชธานี เมืองเชียงแสนมีฐานะเป็นเมืองลูกหลวง พราะเจ้ากือนาซึ่งเป็นกษัตริย์เมืองเชียงใหม ก่อนที่จะขึ้นครองราชย์ก็เคยไปครองเมืองเชียงแสนวันนี้กระผมนายกิ่วลมแห่งทัวร์ดอยจะพาทัวร์เมืองเชียงแสน    เมื่อเชียงแสนก็อยู่สงบสุขเรื่อยมาครั้นถึงคราวที่เชียงใหม่โดนบุเรงนองตีจนเสียเมืองให้พม่า เจ้านายฝ่ายเหนือก็ถอยมาตั้งหลักอยู่ที่เชียงแสน ครั้งเชียงแสนโดนตีแตกถูกพม่ายึดก็กลายเป็นที่ซ่องซุมกองกำลังของพม่าครั้งเมื่อกรุงรัตนโกสินทร์ยึดเชียงใหม่คืนจากพม่าได้สำเร็จพม่าก็หนีมาตั้งหลักที่เชียงแสน จนกระทั่งกองทัพจากกรุงรัตนโกสินทร์ยกมาตีเมืองเชียงแสนและส่งทหารพม่ากลับบ้านเก่าไปหมด นั่นล่ะเชียงแสนจึงกลายมาเป็นส่วนหนึ่งของอาณาจักรสยามในที่สุดเพราะความเป็นเมืองอย่างต่อเนื่องทำให้มีสมบัติที่บรรพบุรุษทิ้งไว้ให้พวกเรานั่นคือศิลปะที่มีค่าและโบราณสถานมากมายในตัวเมืองเชียงแสน ปัจจุบันเมืองเชียงแสนยังซากกำแพงเมืองล้อมรอบอยู่ ภายในคูเมืองมีวัดเก่าแก่หลายวัดที่สร้างไว้เมื่อครั้งที่สร้างเมืองเชียงแสน นอกจากวัดเก่าแก่ให้นักท่องเที่ยวชมแล้ว เชียงแสนยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติให้นักท่องเที่ยวได้ไปสัมผัสและได้พักผ่อนนั่นคือทะเลสาบเชียงแสน และยังมีน้ำแม่น้ำโขงซึ่งหมาะสำหรับการนั่งเรือชมทัศนีภยภาพในแม่น้ำโขงอีกด้วยเชียงแสนมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจมากมายขึ้นอยู่กับว่านักท่องเที่ยวจะหาพบหรือเปล่า ทั้งนี้เพราะว่านักท่องเที่ยวที่มาเชียงแสนจะมาเพียงผ่านไปเพื่อไปเที่ยวยังจุดอื่นโดยใช้เชียงแสนเป็นจุดพักค้างแรม ทุกวันนี้เชียงแสนเป็นเมืองท่ามีเรือสำราญ และเรือเร็ววิ่งไป-กลับระหวางเมืองเชียงแสน - สิบสองปันนาจีน การเดินทางมาเชียงแสน   จากเชียงแสนใช้เส้นทางสาย 110 ตรงไปจนถึงแยกเข้าอำเภอแม่จันให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางหมายเลข1016 ไปจนสุดเส้นก็ถึงเมืองเชียงแสน ขับตรงไปเรื่อยๆ ไม่ต้องกลัวเลย เพราะถ้าขับเลยไปก็ตกแม่น้ำโขงเพราะสุดถนนเป็นแม่น้ำโขง






http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/015.jpgเป็นธรรมเนียมของการสร้างเมืองจะต้องมีเจดีย์ประจำเมือง เจดีย์หลวงคือเจดีย์ประจำเมืองเชียงแสนที่สร้างขึ้นมาในช่วงต้นของการสร้างเมืองเชียงแสน การสร้างนั้นสร้างตามหลักการสร้างวัดตามโบราณคือ มีเจดีย์ประธานอยู่กลาง มีเจดีย์รายล้อมรอบทั้ง 4 มุม และมีพระอุโบสถอยู่ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์
เจดีย์ประธานเป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานสูงแปดเหลี่ยม เป็นเจดีย์ที่สูงที่สุดของเมืองเชียงแสน ทัวร์ดอยพานักท่องเที่ยวไปสถานที่นี้อยู่บ่อยๆ เจดีย์หลวงสร้างราวปี พ.ศ.1887ต่อมามีสภาพทรุดโทรมไปตามกาลเวลา เจดีย์องค์ปัจจุบันที่อยู่ในสภาพดีนั้นเป็นเจดีย์ที่ก่อขึ้นมาใหม่บนฐานเดิมเมื่อปี พ.ศ. 2058สถานที่ตั้งและการเดินทาง    วัดเจดีย์หลวงอยู่ในภายในกำแพงเมืองเชียงแสน จากสามแยกเชียงแสนริมแม่น้ำโขง เลี้ยวขวามาตามเส้นทางสาย 1016 ประมาณ 300 เมตรก็ถึง วัดเจดีย์หลวงอยู่ทางซ้ายมือ


http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/008.jpg
วัดพระธาตุจอมกิติ


เป็นพระธาตุเก่าแก่ที่สร้างมาก่อนที่จะสร้างเมืองเชียงแสน ตำนานการสร้างยังสับสนเรื่อง พ.ศ.พระธาตุองค์เดิมพระเจ้าพังคราชโปรดเกล้าฯ ให้สร้างเพื่อบรรจุพระธาตุ ( พระธาตุที่ได้รับมาพร้อมกับพระธาตุที่บรรจุที่พระธาตุดอยตุง และพระธาตุดอยจอมทอง ) สร้างเมื่อ พ.ศ. 1483ต่อมาในสมัยเชียงแสนพระธาตุได้ทรุดโทรม เจ้าเมืองเชียงแสนจึงได้สร้างขึ้นใหม่ในปี พ.ศ. 2030 ซึ่งยังคงอยู่ถึงทุกวันนี้ แต่ว่าองค์พระธาตุเริ่มที่จะเอียงไปทางด้านทิศใต้แล้ว หวั่นว่าจะไม่คงไปอีกนาน องค์พระธาตุสร้างเป็นแบบทรงปราสาทยอดระฆัง หลังคารูปบัวคว่ำ ฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส ถัดขึ้นไปเป็นฐานปัทม์ย่อมุมเป็นเรือนธาตุ มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปประทับยืนปูนปั้นทั้งสี่ด้าน
บริเวณทิศตะวันออกมีโบสถ์ศิลปะล้านนาที่สร้างขึ้นเมื่อไม่นาน รูปแบบการสร้างเป็นศิลปะที่สวยงามอยู่ด้านหน้าโบสถ์เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขง
สถานที่ตั้งและการเดินทาง    พระธาตุจอมกิตติตั้งอยู่บนดอยจอมกิตติ อยู่บริเวณนอกกำแพงเมืองเชียงแสน   จากสามแยกเชียงแสนริมแม่น้ำโขง เลี้ยวขวามาตามเส้นทางสาย 1016 จนผ่านออกนอกกำแพงเมืองไปประมาณ 500 เมตรเจอแยกขวา เลี้ยวขวาไปตามถนนเส้นนี้จนกระทั่งเจอแยกซ้ายเข้าสู่บริเวณวัดถ้าไปไม่ถูกให้จอดรถถามคนแถวนั้นจอดรถไว้ใต้ร่มไม้ในวัดแล้วเดินขึ้นทางบันไดนาคไม่ทันเหนื่อยมากก็ถึง






http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/012.jpg

วัดป่าสักตั้งติดกับกำแพงเมืองด้านนอกฝั่งทิศตะวันตก พื้นที่วัดมีบริเวณกว้างขวางวางขนานไปกับคูเมืองตั้งแต่ป้อมประตูเมืองเชียงแสน จนถึงป้อมประตูหนองมูตภายในวัดมีโบราณสถาน 7 แห่ง แต่ละแห่งล้วนเป็นฮิฐส่วนฐานของสิ่งปลูกสร้างกับแนวอิฐที่บ่งบอกแนวสิ่งก่อสร้างนั้นๆ มีอยู่สิ่งเดียวที่ยังคงสมบูรณ์ที่สุดคือเจีดย์ประธานทรงปราสาทยอดทรงระฆังแบบห้ายอด มีลวดลายปูนปั้นที่สวยงาม เจดีย์นี้สร้างโดยพญาแสนภู เมื่อ พ.ศ. 1883 เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระพุทธโฆษาจารย์ได้อัญเชิญมาจากอินเดียหลังจากสร้างวัดแล้วได้ปลูกต้นสักล้อมรอบกำแพงจำนวน 300 ต้น จึงได้เรียกชื่อว่าวัดป่าสัก ค่าธรรมเนียมในการเข้าชม   ท่านละ 10 บาทการเดินทาง จากตัวเมืองเชียงแสนใช้เส้นทางสาย 1016จนกระทั่งออกนอกกำแพงเมืองให้เลี้ยวขวาก็ถึงแล้ว


http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/016.jpg วัดพระเจ้าล้านทองตั้งอยู่กลางเมืองเชียงแสน เยื้องขึ้นมาจากวัดเจดีย์หลวงประมาณ 400 เมตร ด้านหน้าเป็นพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระประธาน ซึ่งเรียกว่า พระเจ้าล้านทอง วัดนี้ตามตำนานระบุว่าสร้างราว พ.ศ. 2032 โดยพระยาศรีรชฎเงินกอง พระโอรสของพระเจ้าติโลกราชกษัตริย์เชียงใหม่ เมื่อสร้างวัดขึ้นแล้วได้เททองหล่อพระประธานเป็นพระพุทธรูปสำริดหนัก 1,200 กิโลกรัม เรียกพระพุทธรูปองค์นี้ว่าพระเจ้าล้านทอง เป็นที่มาของชื่อวัดพระเจ้าล้านทองปัจจุบันพระอุโบสถกำลังซ่อมแซมจึงยังไม่เห็นความงดงามและไม่สามารถเข้าไปในพระอุโบสถได้ด้านหลังเป็นเจดีย์

http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/010.jpg วัดพระธาตุผาเงา

ตั้งอยู่นอกเมืองเชียงแสนไปตามเส้นทางเลาะแม่น้ำโขงสายเชียงแสน - เชียงของ ห่างจากตัวเมืองเชียงแสน 4 กิโลเมตรหากไปจากตัวเมืองเชียงแสน วัดพระธาตุผาเงาตั้งอยู่ทางด้านขวามือประมาณหลักกิโลเมตรที่ 48 และ 49 จุดเด่นของวัดพระธาตุผาเงาคือองค์พระธาตุผาเงาที่ตั้งประดิษฐานอยู่บนก้อนหินหลังพระอุโบสถ ลักษณะเดียวกับเจดีย์พระธาตุอินแขวนของพม่าด้านหน้าของพระธาตุเป็นที่ตั้งของพระอุโบสถเป็นพระอุโบสถที่สร้างขึ้นใหม่แทนหลังเดิมที่เก่าพุพัง ในการสร้างได้ขุดพบพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะแบบเชียงแสนที่มีความงดงาม ปัจจุบันพระพุทธรูปดังกล่าวตั้งประดิษฐานไว้ในพระอุโบสถ วัดนี้ไม่มีบันทึกว่าสร้างเมื่อใดและใครเป็นผู้สร้างพระอุโบสถหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมีลวดลายวิจิตรงดงามด้วยศิลปะแบบล้านนาเชียงแสนประยุกต์ด้านหลังพระอุโบสถเป็นบรรไดนาคขึ้นไปสู่พระธาตุเก่าบนยอดเขาซึ่งตอนนี้เหลือแต่เพียงฐานศิลาแลง เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธ์ที่คนแถวนี้นับถือ ผมขึ้นไปทีไรเห็นมีคนท้องถิ่นแถวนี้เอาเครื่องถวายต่างๆ มาไหว้อยู่เป็นประจำ ชื่อพระธาตุอะไรจำไม่ได้แล้ว


http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/009.jpg พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์

เป็นเจดีย์สีขาวตั้งเด่นอยู่บนภูเขาลูกเตี้ยๆ ทางด้านทิศตะวันออกของตัวเมืองเชียงแสนเจดีย์องค์ปัจจุบันเป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างคล่อมพระธาตุองค์เดิม พระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์ที่สร้างใหม่มีขนาดใหญ่ภายในเป็นห้องโถง กึ่งกลางเจดีย์เป็นฐานของพระธาตุเก่าที่พุพังบริเวณผาผนังเป็นภาพเขียนบอกเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติการสร้างเมืองเชียงแสนบนเจดีย์นี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงามมาก

http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/014.jpg
พระอุโบสถหลังสวย
ตั้งอยู่บนยอดเขาลูกเดียวกับที่ตั้งพระบรมธาตุพุทธนิมิตรเจดีย์ แต่ตั้งอยู่ต่ำกว่า ห่างกันประมาณ 400 เมตรเป็นโบถส์ที่สร้างใหม่เพิ่งแล้วเสร็จเมื่อไม่นานมานี้มีลักษณะสวยงาม ภายนอกประดับด้วยลวดลายปูนปั้นที่วิจิตตระการตาตามรูปแบบของศิลปะแบบล้านนาเชียงแสน ภายในประดิษฐานพระประธานแบบเชียงแสน ปรางมารวิชัย ( พระเชียงแสน เป็นหนึ่งในพระพุทธรูป 3 สมัย ซึ่งประกอบด้วย เชียงแสน สุโชทัยอู่ทอง )

http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/025.jpg สามเหลี่ยมทองคำ
เป็นจุดบรรจบกันของ 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว พม่า ระหว่างลาว-พม่า มีแม่น้ำโขงกั้นระหว่างไทย-พม่า มีแม่น้ำรวกกั้นจุดบรรจบกันของทั้งสามประเทศมีตะกอนทรายทับถามอยูกลางน้ำ จุดนี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงาม วิวฝั่งลาวมีแต่ป่าไม่มีชุมชนฝั่งพม่ามีอาคารหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ่อนคาสิโนที่นักลงทุนไทยไปทำไว้เพื่อความสร้างความเพลิดเพลินให้นักท่องเที่ยวฝั่งลาวถัดไปทางด้านท้ายน้ำมีเกาะของลาวเกาะหนึ่งชื่อว่าเกาะดอนซาว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวได้โดยเสียค่าขึ้นเกาะ 20 บาท บนเกาะเป็นแหล่งขายสินค้าปลอดภาษี ไม่น่าแวะขึ้นให้เสียเวลา   นับแต่ปีท่องเที่ยวนี้เป็นต้นไป ( 2548 ) สามเหลี่ยมทองคำมีจุดท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมคือมีการสร้างพระพูทธรูปองค์ใหญ่อยู่บนเรือนาวา และสร้างตุงทองขนาดใหญ่ และสร้างอีกหลายเชือก และมีอนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายด้วยนอกจากจุดนี้จะเป็นจุดชมวิวแล้วที่นี่ยังมีเรือหางยาวให้บริการพานักท่องเที่ยวนั่งเรือชมวิวสามประเทศ โดยเรือจะพาอ้อมเลาะฝั่งพม่า ขากลับเลาะริมฝั่งลาว แล้วพาวนไปชมวิวแถวเกาะดอนซาวของลาว สนใจติดต่อเรือให้บริการได้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำโขง






http://www.tourdoi.com/north/chiangrai/photo/013.jpgชมวิว สามเหลี่ยมทองคำ

เป็นจุดบรรจบกันของ 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว พม่า ระหว่างลาว-พม่า มีแม่น้ำโขงกั้นระหว่างไทย-พม่า มีแม่น้ำรวกกั้นจุดบรรจบกันของทั้งสามประเทศมีตะกอนทรายทับถามอยูกลางน้ำ จุดนี้เป็นจุดชมวิวแม่น้ำโขงที่สวยงาม วิวฝั่งลาวมีแต่ป่าไม่มีชุมชนฝั่งพม่ามีอาคารหลังใหญ่ซึ่งเป็นบ่อนคาสิโนที่นักลงทุนไทยไปทำไว้เพื่อความสร้างความเพลิดเพลินให้นักท่องเที่ยวฝั่งลาวถัดไปทางด้านท้ายน้ำมีเกาะของลาวเกาะหนึ่งชื่อว่าเกาะดอนซาว นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปเที่ยวได้โดยเสียค่าขึ้นเกาะ 20 บาท บนเกาะเป็นแหล่งขายสินค้าปลอดภาษี ไม่น่าแวะขึ้นให้เสียเวลา   นับแต่ปีท่องเที่ยวนี้เป็นต้นไป ( 2548 ) สามเหลี่ยมทองคำมีจุดท่องเที่ยวเพิ่มจากเดิมคือมีการสร้างพระพูทธรูปองค์ใหญ่อยู่บนเรือนาวา และสร้างตุงทองขนาดใหญ่ และสร้างอีกหลายเชือก และมีอนุเสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายด้วยนอกจากจุดนี้จะเป็นจุดชมวิวแล้วที่นี่ยังมีเรือหางยาวให้บริการพานักท่องเที่ยวนั่งเรือชมวิวสามประเทศ โดยเรือจะพาอ้อมเลาะฝั่งพม่า ขากลับเลาะริมฝั่งลาว แล้วพาวนไปชมวิวแถวเกาะดอนซาวของลาว สนใจติดต่อเรือให้บริการได้ที่ท่าเรือริมแม่น้ำโขง

แระอีกที่หนึ่งนะคับ..ภูมิจัยนำเสนอคับ..

หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำhttp://www.tourismchiangrai.com/images/photo_ctmc/opiumMU-01.jpgวันและเวลาดำเนินการ ** วันอังคาร – วันอาทิตย์ เวลา 8.30 – 16.00 น. ( เวลา 16.00 น. เป็นเวลาขายบัตรรอบสุดท้าย ) ** จำนวนผู้เข้าชมมากสุดไม่ควรเกิน 50 คน/ รอบ ระยะเวลาสำหรับการชมนิทรรศการโดยเฉลี่ย 1-2 ชั่วโมง อัตราค่าเข้าชม- คนไทย 200 บาท / คน - คนต่างชาติ 300 บาท / คน - ผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 50 บาท / คน - เด็กอายุ 12 – 18 ปี 50 บาท / คน - เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ไม่เสียค่าใช้จ่าย หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ เริ่มทำการก่อสร้างเมื่อปี พ. ศ. 2542 – พ.ศ. 2545 เปิดให้เข้าชมครั้งแรกเมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2546 และทำพิธีเปิดอย่างเป็นทางการเมื่อวันพุธที่ 6 กรกฎาคม 2548 โดยสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชสยามมกุฏราชกุมาร หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ เป็นเสมือนประตูเปิดสู่โลกอันลึกลับของพืชชนิดนี้ จากความมืดมนน่าหวาดกลัว สู่ความแจ่มจรัสและรู้แจ้ง พื้นที่ 5,600 ตารางเมตรแสดงลำดับเรื่องราวของฝิ่น โดยเริ่มจาธรรมชาติวิทยาของฝิ่น การสืบประวัติการใช้ฝิ่นในยุคโบราณกลับไป 5,000 ปี ประวัติการแพร่กระจายของฝิ่นจากการค้าสมัยจักรวรรดินิยม เหตุการณ์พลิกประวัติศาสตร์ที่สร้างความอดสูแก่ผู้ชนะและผู้แพ้สงครามฝิ่นอันนำไปสู่การล่มสลายของราชวงค์แมนจู ความชาญฉลาดของประเทศสยามในการเผชิญกับมหาอำนาจตะวันตกและการควบคุมปัญหาฝิ่น ยาเสพติดเริ่มใกล้ชิดกับชีวิตประจำวันในรูปแบบของยามหัศจรรย์ หอฝิ่นได้นำเสนอสนธิสัญญาฝิ่น กฎหมายเกี่ยวกับฝิ่น องค์การที่แก้ไขปัญหานี้ ความขัดแย้งและการพัวพันอาชญากรรม ผลกระทบที่เลวร้ายของยาเสพติดที่ทำให้ผู้เสพไม่สามารถต่อต้านได้ มาตรการควบคุมและปราบปรามยาเสพติด และกรณีศึกษาที่นำเสนอทางเลือกและโอกาสที่จะต่อสู้กับความเย้ายวนจากสารเสพติด หอฝิ่นได้จัดแสดงอุปกรณ์การสูบฝิ่น การขายฝิ่น ชมภาพถ่าย ภาพยนต์และวีดิทัศน์เรื่องราวเกี่ยวกับและยาเสพติดจากหลายประเทศทั่วโลก ที่พัก http://www.tourismchiangrai.com/images/photo_ctmc/opiumMU-02.jpgเกรทเธอร์แม่โขงลอด์จ (GREATER MEKONG LODGE) ตั้งอยู่บริเวณเดียวกันกับ หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ โดยมีห้องพักสามารถมองเห็นทัศนียภาพของแม่น้ำโขง ทั้งหมด 54 ห้อง แบ่งเป็นห้องพัก 28 ห้อง และบ้านพัก (2 ห้องนอน) 13 หลัง พร้อมด้วยห้องประชุมสัมมนาที่สามารถรองรับได้ถึง 300 ท่าน ราคาห้องพัก    - ห้องพักเดี่ยว ราคา 1,600 บาท (รวมอาหารเช้า)                     - ห้องพักคู่ ราคา 1,800 บาท (รวมอาหารเช้า)                     - เตียงเสริม ราคา 500 บาท ** อาหารกลางวันและอาหารเย็นแบบบุฟเฟ่ต์ สามารถสำรองล่วงหน้าได้ ราคาท่านละ 100 บาท (อย่างน้อย 30 คน ขึ้นไป) ความเป็นมาของ หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ดินแดนสามเหลี่ยมทองคำ คือ จุดที่ประเทศไทย ลาว และพม่า มาบรรจบกัน เป็นที่ที่แม่น้ำรวกไหลมารวมกันกับแม่น้ำโขง และยังหมายถึงพื้นที่กว้างครอบคลุมบริเวณถึงสามประเทศ และในพื้นที่นี้เองมีการปลูกฝิ่น ผลิตเฮโรอีน และลักลอบนำออกไปขาย เมื่อได้ยินคำว่า “ สามเหลี่ยมทองคำ “คนส่วนมากมักจะนึกถึง ดอกฝิ่น ชาวไทยภูเขา เทือกเขาที่ปกคลุมไปด้วยเมฆหมอก แม่น้ำโขง หรือภาพของภาพป่าเบจพรรณ แต่ภาพที่นึกถึงมากที่สุดคงจะเป็นภาพของฝิ่นและเฮโรอีน ภาพความลึกลับ น่าสะพรึงกลัวของการปลูกและการลักลอบค้าฝิ่น ภาพสงครามกลางเมือง กองทหารการสู้รบของพวกลักลอบการค้าฝิ่น ชาวบ้านยากจน การกวาดล้างโรงงานผลิตเฮโรอีน คาราวานขนฝิ่นไปตามเส้นทางในป่า สามเหลี่ยมทองคำ คือแหล่งที่มาของเฮโรอีนกว่าครึ่งของจำนวนที่มีอยู่ทั้งหมดในโลก สามเหลี่ยมทองคำ คือรากเหง้าของอาชญากรรมและการกระทำอันทุจริตที่เกิดขึ้นในทวีปเอเชียแพร่ไปสู่แอฟริกา ยุโรปและอเมริกา ทุกๆปีจะมีนักท่องเที่ยวเกือบแสนเดินทางมาที่นี่เพียงเพราะชื่อ สามเหลี่ยมทองคำ ปี พ.ศ.2531 (1988) สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงเริ่มโครงการพัฒนาดอยตุงขึ้นในจุดเหนือสุดของประเทศไทยโครงการนี้มีจุดหมายที่จะคืนผืนป่าและฟื้นฟูคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เทือกเขานางนอนในเขตพื้นที่ประเทศไทย และหยุดการปลูกและการเสพฝิ่นในดินแดนแห่งนี้ ในอีกไม่กี่ปีต่อมา สมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนีได้ทรงริเริ่มโครงการที่จะช่วยให้การศึกษาแก่ประชาชนในเรื่องของการศึกษาประวัติของฝิ่นในดินแดนสามเหลี่ยมทองคำและทั่วโลก ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลูกจิตสำนึกให้ประชาชนร่วมกันต่อสู้ยาเสพติด ให้คนส่วนใหญ่เข้าใจว่า ยาเสพติดประเภทต่างๆ ไม่เฉพาะก่อให้เกิดปัญหากับประชากรที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เท่านั้น แต่ยังสร้างปัญหาให้กับประชากรและสังคมโลกโดยรวมอีกด้วย การริเริ่มโครงการในพระราชดำริในครั้งนั้น ส่งผลสืบเนื่องให้เกิด หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ ตั้งอยู่บนพื้นที่ประมาณ 250 ไร่ ห่างจากอำเภอเชียงแสนประมาณ 10 กิโลเมตร หอฝิ่นฯซึ่งล้อมรอบด้วยสวนอันสวยงามของอุทยานสามเหลี่ยมทองคำ จะเป็นศูนย์นิทรรศการแสดงประวัติความเป็นมาของฝิ่นเมื่อสมัยที่มีการใช้กันอย่างถูกกฎหมายและผลกระทบของการเสพติดฝิ่น อีกทั้งยังทำหน้าที่เป็นศูนย์ข้อมูลเพื่อการค้นคว้าวิจัยและการศึกษาต่อเนื่องในหัวข้อฝิ่น สารสกัดจากฝิ่นในรูปแบบต่างๆและยาเสพติดในชนิดอื่นๆ นิทรรศการภายในของหอฝิ่นประกอบด้วย อุโมงค์มุข (TUNNEL)นิทรรศการเริ่มตั้งแต่อุโมงค์ที่มืดสนิท ดูลึกลับที่มีความยาว 137 เมตร ซึ่งเจาะทะลุภูเขาทางด้านตึกรับรองไปถึงตัวอาคารใหญ่อีกฟากหนึ่ง ที่กว้าง สว่าง ลม โปร่ง และเป็นทุ่งฝิ่นจำลอง http://www.tourismchiangrai.com/images/photo_ctmc/opiumMU-05.jpgห้องโถง (LOBBY) ผู้คนจะได้เห็นทุ่งฝิ่นจำลอง และศึกษาเรื่องราว และความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับพันธุ์ต่างๆของดอกป๊อปปี้ทั้งที่เป็นพันธุ์สวยงามและเป็นพันธุ์ที่ใช้กรีดเอายางมาผลิตเป็นยา การเจริญเติบโตในระยะต่างๆของดอกป๊อปปี้ รวมทั้งการเปาะแห้งของดอกป๊อปปี้ที่ใช้ประโยชน์ในการตกแต่งดอกไม้แห้งประดับ ห้องประชุม (AUDITORIUM)ห้องโสตทัศนศึกษาในห้องนี้มีการจัดฉาย VTR เล่าถึงที่มาจุดประสงค์และเรื่องราวที่บรรจุในการจัดหอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ http://www.tourismchiangrai.com/images/photo_ctmc/opiumMU-03.jpgปัญจสหัสวรรษแรก (THE FIRST 5,000 YEARS)ผู้ชมจะเดินทางเข้าสู่การแกะรอยประวัติศาสตร์อันยาวนาน และเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ของพืชพิเศษประเภทนี้ การแกะรอยประวัติศาสตร์ของฝิ่นเริ่มต้นจากการกำเนิดของฝิ่น บริเวณชายฝั่งทะเลเมดิเตอร์เรเนียน โดยมีหลักฐานการค้นพบครั้งแรกที่ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ตลอดจนหลักฐานที่มีการเขียนเป็นรายลักษณ์อักษรชิ้นแรกในตำราทางการแพทย์ SUMERIAN และการใช้เชิงการแพทย์ และการศาสนาในกรีกโบราณ โมและ อียิปต์ ได้มีการใช้ฝิ่นซึ่งเป็นยาที่มีประสิทธิผลที่ต่ำมาตลอดระยะเวลาอันยาวนาน มีดสองคม (LIGHT AND DARK HALLWAY) ผนังสองด้านของทางเดินเชื่อมต่อนี้จะถูกออกแบบให้สะท้อนถึงด้านดีและด้านร้ายที่ได้จากการใช้ ”ฝิ่น” - ด้านที่ดี จะเป็นด้านที่สว่างเห็นภาพของการใช้ยาที่ได้จากการสกัดจากฝิ่น เพื่อประโยชน์จากการรักษาและบรรเทาอาการเจ็บปวด ผลผลิตที่ได้จากดอกป๊อปปี้ เช่น สินค้า เค้ก ขนมปัง ดอกไม่ประดับ - ด้านร้าย เป็นด้านที่มืดจะเห็นอาการที่ทุกข์ทรมานจากการเสพติด ภาพการใช้เข็มฉีดยา และภาพการเสื่อมโทรมทางกายภาพของผู้ติดยา ประจิมสู่บูรพา (FROM WES TO EAST)ต่อจากนั้นผู้ชมจะก้าวเข้าสู่ยุคของการค้าระหว่างจักรวรรดิยุโรปกับเอเชีย เพื่อที่จะได้เรียนรู้ว่าฝิ่นเป็นสินค้าในเชิงพาณิชย์อย่างไรและฝิ่นกลายเป็นสารเสพติดที่แพร่หลายในวงกว้างอย่างไร โดยจำลองฉากท่าเรือพาณิชย์อังกฤษผู้ชมจะเดินทางผ่านห่อใบชา ผ้าไหม เครื่องลายคราม และเครื่องเทศ อันเป็นสินค้าของตะวันออกและวัฒนธรรมการดื่มชาของชาวอังกฤษ และเป็นสาเหตุของการขาดดุลการค้าอย่างมหาศาลเกือบทำให้ประเทศนี้เกือบล่มสลาย ต่อจากนั้นจึงเดินทางเข้าสู่เรือสินค้าของยุโรปที่ออกเดินทางจากอังกฤษมาอินเดียพร้อมทั้งชมโรงงานฝิ่นในอินเดีย เรือบรรทุกสินค้าจะหยุดพักที่เมืองสิงคโปร์เพื่อเติมเสบียง และขนถ่ายสินค้าบางส่วนลงเรือขนาดเล็ก สู่ท่าเรือท้องถิ่นในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เช่น เมืองสงขลา และจันทบุรี เมืองสิงคโปร์จึงกลายเป็นศูนย์กลางการค้าระหว่างอินเดียและจีน ก่อนที่จะรวมการเดินทางราวติดปีกของฝิ่นมาสู่ประเทศจีนที่ท่าเรืออันเป็นหัวใจของจีน กวางตุ้ง ศึกยาฝิ่น (OPIUM WARS)ร่องรอยประวัติศาสตร์นี้จะนำนักท่องเที่ยวสู่ความขัดแย้งที่รู้จักกันในนาม “ สงครามฝิ่น “ เมื่อชาวอังกฤษบังคับให้จีนเปิดประเทศเข้าสู่การค้าเสรีและภายใน ค.ศ. 1900 คนจีนกว่า 13 ล้านคน ติดฝิ่นเศรษฐกิจของจีนถูกทำลายลงอย่างย่อยยับจากการที่จีนต้องนำเข้าฝิ่นเป็นจำนวนมากมายมหาศาลและราชวงค์แมนจู(ราชวงค์ชิง) ก็ตกอยู่ในภาวะล่มสลาย ภายในห้องนี้จะเล่าถึงเหตุการณ์ สำคัญรวมทั้งสงครามที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ของจีนโดยมีการจัดแสดงหุ่นจำลองของสามบุคลสำคัญของจีนและสามบุคลสำคัญของอังกฤษทั้งหมดมีส่วนเกี่ยวข้องโดยตรงกับสงครามฝิ่น ห้องถัดมาจะเป็นการจัดแสดงเหตุการณ์สำคัญสามเหตุการณ์ ได้แก่ การทำลายฝิ่นที่หูเหมินโดยข้าหลวงหลินเจ๋อสวี การเผาทำลายหยวนหมิง – หยวน ซึ่งเป็นพระราชวังฤดูร้อนอายุกว่า 150 ปี การถูกลิดรอนสิทธิและผลกระทบด้านความเป็นอยู่ของชาวจีนหลังสงคราม http://www.tourismchiangrai.com/images/photo_ctmc/opiumMU-04.jpgฝิ่นในสยาม ( OPIUM IN SIAM )เมื่อลองเข้ามาในห้องนี้จะมีเจดีย์รัตนโกสินทร์ตั้งอยู่และจะผ่านเข้าประตูเมือง มีการจำลองโรงน้ำชาจีนในเยาวราชโดยมีหุ่นนอนสูบฝิ่นสองคน ความเป็นมาของฝิ่นในสยาม แม่ฝิ่นจะไม่ได้มีต้นกำเนิดในประเทศไทยแต่ก็มีหลักฐานยืนยันว่าคนไทยรู้จักฝิ่นมาตั้งแต่สมัยโบราณแล้วในสมัยรัชการที่ 1,2 และ3 พระราชบัญญัติห้ามค้าฝิ่นและสูบฝิ่นยังคงถูกประกาศใช้อย่างต่อเนื่อง สถานการณ์ฝิ่นในสยามเริ่มเปลี่ยนแปลงหลังจากอังกฤษรบชนะจีนในสงครามฝิ่น อีกส่วนต่อมาจะจัดแสดงของหายาก เช่น ลูกแป้ง กลักยาฝิ่น หมอน เป็นต้น รวมทั้งพื้นที่จำลองในการเคี่ยวฝิ่น,พระพุทธรูปที่ได้จากการหลอมกลักฝิ่น ยามหัศจรรย์ (MEDICAL MARVELS)ต่อจากนั้นนักท่องเที่ยวจะได้รู้ถึง พัฒนาการทางวิทยาศาสตร์ ของตะวันตกที่นำไปสู่การแยกตัวของมอร์ฟีน พัฒนาการของเฮโรอีน และการฉีดเฮโรอีนเข้าใต้ผิวหนังชาวตะวันตกส่วนมาจะติดยาแก้ปวดประเภทนี้และยาอื่นๆรวมถึงฝิ่นและยาเสพติดอื่นๆ ข้อห้ามทางกฎหมาย/อาชญากรรม/การขัดแย้ง ( PROHIBITION/CRIME/CONFLICT) การตามรอยประวัติศาสตร์จบลงด้วยการที่ทั่วโลกต้องหันมาป้องกันฝิ่นและยาเสพติดในช่วงทศวรรษที่ 20 โดยยาเสพติดที่ผิดกฎหมายอยู่ภายใต้การควบคุมขององค์การอาชญากรรมอันเป็นควานพยามของชาวโลกในการร่วมใจพัฒนาเพื่อต่อสู้กับการลักลอบค้ายาเสพติดและการใช้ยาในทางที่ผิด แหล่งซุกซ่อน (HIDE-OUT HALLWAY ) ต้องการให้ผู้ชมทราบถึงการรู้เท่าทันของเจ้าหน้าที่ตำรวจจับยาเสพติดว่า ไม่ว่าจะซ่อนไว้ที่ไหนก็ตามก็สามารถจับได้ เช่น การซ่อนไว้ที่รองเท้า ในกระหล่ำปลี เป็นต้น ผลร้ายของยาเสพติด (EFFECTS OF DRUGS) ผู้ชมจะได้เห็นว่าการติดยาเสพติดเป็นสิ่งที่ทุกข์ทรมานจะเกิดผลร้ายที่กระทบกันอย่างต่อเนื่องทังทางด้านเศรษฐกิจด้านสังคมและตัวผู้เสพเอง ทางด้านร่างกายและจิตใจ ผู้ชมจะได้ทราบถึงยาเสพติดประเภทต่างๆ เช่น ยาเสพติดในกลุ่มฝิ่น,ยากดประสาท,ยากระตุ้นประสาท,ยาหลอนประสาท,กลุ่มสารระเหย ฯลฯ ใครที่คิดว่ายาเสพติดไม่เกี่ยวกับเขาเพราะเขาหรือใครในครอบครัวไม่ติดยา คนนั้นคิดผิดยาเสพติดมีผลกระทบต่อชีวิตทุกคน การศึกษา (CASE STUDIES) เป็นกรณีศึกษาจริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวที่ติดยาเสพติดการจัดแสดงเรื่องราวของครอบครัวที่ตกเป็นทาสยาเสพติดว่าต้องประสบชะตากรรมอย่างไรบ้าง บางครอบครัวก็สามารถเอาชนะได้และบางครอบครัวก็ต้องประสบทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส หลอกตัวเอง/หลอกคนอื่น (GALLERY OF EXCUSES/GALLERY OF VICTIMS) เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการแก้ตัว แก้ต่าง กล่าวโทษกันไปมา ไม่มีประโยชน์ ไม่มีข้อสรุป สุดท้ายคือความตาย และเรื่องราวที่เกี่ยวกับเอดส์และผู้ตกเป็นเหยื่อ ห้องคิดคำนึง (HALL OF REFLECTION)ผู้ชมได้มีโอกาสที่ได้อยู่กับตัวเองและตั้งคำถามเกี่ยวกับประสบการณ์ทั้งหมดที่ได้รับจากการชมนิทรรศการทั้งหมด ซึ่งเราหวังว่านักท่องเที่ยวแต่ละท่านที่ได้เข้ามาสัมผัส หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ จะก้าวออกจากนิทรรศการแห่งนี้ไปด้วยความรู้สึกที่ปรารถนาจะมีส่วนร่วมในอันที่จะแก้ไขปัญหายาเสพติดต่อไป ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับหอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ - ดร. ชาร์ลส์ บี เมห์ล (Charles B. Mehl,Ph.D.) ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้ใช้เวลาศึกษาค้นคว้าข้อมูลประวัติความเป็นมาถึงเรื่องราว ตลอดจนคุณและโทษของฝิ่นอยู่นานถึง 9 ปี - ได้รับความช่วยเหลือจากมหาวิทยาลัย CARNELL ประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งมีผู้ที่เขียนหนังสือเรื่องราวเกี่ยวกับฝิ่นและภาพถ่ายมากกว่าหนึ่งแสนหน้ากระดาษ ที่บันทึกไว้ในไมโครฟิล์ม - ได้รับความร่วมมือจากรัฐบาลจีนให้เข้าไปศึกษาค้นคว้าในพิพิธภัณฑ์ของจีนเกี่ยวกับเรื่องราวของสงคราม ฝิ่น - OECF ( กองทุนความร่วมมือทางเศรฐกิจภาคโพ้นทะเล) ของประเทศญี่ปุ่น สนับสนุนงบประมาณในการก่อสร้างตัวอาคารและตกแต่งภายในเป็นเงิน 9.5 ล้านเหรียญสหรัฐอเมริกา หรือคิดเป็นเงินไทยในขณะนั้นประมาณ 358 ล้านบาท มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงได้สนับสนุนการจัดหารูปภาพ ระบบแสงสีเสียง อุปกรณ์การแสดงต่างๆที่ตกแต่งภายในโดยทีมงานศึกษาวิจัยของมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง - UN ได้ให้การสนับสนุนภาพบางส่วน -ดร. เสกสรร ประเสริฐกุล ได้ให้การสนับสนุนเรื่องราวของฝิ่นในประเทศสยาม -ปัจจุบันประชากรทั้งโลกมีประมาณ 6พันล้านคนมีเพียง1% ที่ได้รับผลประโยชน์จากการผลิต - เป้าหมายของหอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ คือการลดความต้องการสารเสพติด หมายถึง เป็นสถานศึกษา มูลนิธิแม่ฟ้าหลวงทีความประสงค์ที่จะดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกโดยเฉพาะกลุ่มเยาวชน โดยพยามที่จะให้คนทั่วโลกเข้าใจและมีความเห็นพ้องต้องกันที่จะช่วยกันแก้ไขปัญหายาเสพติดให้หมดไป ขณะที่ปัญหาเกิดจากผู้ผลิตที่เราพบได้ง่ายในบริเวณที่ประเทศที่กำลังพัฒนาจะต้องช่วยกันหยุดความต้องการของผู้ใช้และผู้ที่ได้รับผลประโยชน์ให้หมดสิ้นไป - หวังว่าหลังจากที่พวกเราได้เดินชมกันทั่วแล้ว คงจะมีความคิดเห็นว่าจะทำอย่างไรที่จะทำให้เราร่วมกันต่อสู้และต่อต้านปัญหายาเสพติดเพื่อทำให้สังคมโลกของเราดีขึ้น

เค โพสต์ 2011-11-13 01:48:01

ขอบคุณครับ มีโปรแกรมปลายปีนี้พอดีครับ

sobeerzaza โพสต์ 2011-11-20 19:55:22

ไปแล้วจะพาเที่ยวรึป่าวละคับ

sobeerzaza โพสต์ 2011-11-21 19:46:54

ต้นฉบับโพสต์โดย sobeerzaza เมื่อ 2011-11-20 19:55 static/image/common/back.gif
ไปแล้วจะพาเที่ยวรึป่าวละคับ

อานะ คิดว่าจะเหมารวมไปด้วยเลย อิอิ

Blue-Roses โพสต์ 2011-11-24 23:10:00

อยากไปอะพาเที่ยวหน่อยจิ

yonee โพสต์ 2012-2-15 16:08:36

มีที่เที่ยวดีๆๆมาฝากเยอะเลยครับ

yonee โพสต์ 2012-2-15 18:53:12

ต้นฉบับโพสต์โดย yonee เมื่อ 2012-2-15 16:08 static/image/common/back.gif
มีที่เที่ยวดีๆๆมาฝากเยอะเลยครับ

มีโอกาศไปแน่นอนครับผม

vera โพสต์ 2012-2-19 19:10:42

ขอบคุณมากๆคับ
หน้า: [1]
ดูในรูปแบบกติ: เชิญชวนมารับลมหนาวกันคับ..