ชาวจีนตีแผ่ ภาพประทับใจ คนไทยยามน้ำท่วม
http://i2.sqi.sh/s_3/bGG/l_1.jpgนายวั่น ชุ่นเสียง เผยกับเว็บไซต์เดอะอีโพช ไทมส์ ซึ่งเป็นเว็บไซต์หลายภาษาของกลุ่มสนับสนุนฝ่าหลุนกงว่า เขาและครอบครัวอาศัยอยู่ในจังหวัดนนทบุรี ทางตอนเหนือของกรุงเทพฯ แถวบ้านเริ่มมีน้ำท่วมระดับเท้าตั้งแต่กลางเดือนตุลาคม
เขาไปตลาดเพื่อซื้ออาหารไว้สำรองเพราะเกรงว่าราคาจะปรับขึ้นพรวดพราดแต่กลับพบว่าราคาเท่าเดิม และเห็นสังเกตเห็นชาวบ้านย่านนั้นซื้ออาหารในปริมาณปกติ พ่อค้าแม่ค้าในตลาดบอกว่า ทุกคนควรช่วยกันในยามวิกฤติ หากคนมาก่อนซื้ออาหารจำนวนมากไปกักตุนไว้ คนมาทีหลังก็จะไม่เหลืออะไรให้ซื้อ
หลายวันต่อมาระดับเพิ่มสูงขึ้นเหนือเข่า เขาส่งครอบครัวย้ายไปยังที่พักปลอดภัยในกรุงเทพฯ แต่ตัวเองยังอยู่ช่วยเหลือแม่ลูกชาวจีนคู่หนึ่งที่สามียังไม่กลับจากต่างจังหวัด เขาเห็นชาวบ้านแถวนั้นพายเรือและแพไปตามตรอกซอกซอยอาสารับส่งเพื่อนบ้านโดยไม่เก็บเงินแม้แต่บาทเดียว
จนกระทั่งน้ำเริ่มสูงระดับเอว เขาและชาวบ้านในย่านนั้นตัดสินใจอพยพ เขายืนแช่น้ำรอรถทหารนานกว่า 2 ชั่วโมง เพราะไม่มีรถอื่นสามารถเข้ามาได้ สตรีคนหนึ่งซึ่งยืนคุยเป็นเพื่อนเขาขอให้ทหารซึ่งลากแพยางผ่านมาช่วยรับเขาไปด้วยทั้งที่บนแพมีหญิงชราวัย 90 กว่าปี 1 คน และชายวัย 60 กว่าปี 2 คน จนแทบไม่เหลือที่ว่างแล้ว
เขาขอแค่วางกระเป๋าเสื้อผ้าบนแพและจะเดินลุยน้ำตามไป แต่ทุกคนคะยั้นคะยอให้ขึ้นไปนั่งบนแพ ระหว่างทางมีชายคนหนึ่งขอให้ชายชราอีกคนอาศัยไปด้วย เขาคิดจะสละที่ให้ แต่ทหาร 2 นายห้ามไว้
พร้อมกับอธิบายว่าจะต้องดูแลความปลอดภัยให้ชาวต่างชาติ ทำให้เขาตื้นตันจนแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ทุกครั้งที่เรือหรือแพผ่านกันผู้คนก็จะโบกไม้โบกมือ ยิ้มให้กำลังใจกัน
นายวั่น เผยด้วยว่า เห็นคนไทยจำนวนมากหอบหิ้วสุนัขและแมวมาด้วย พวกเขายอมทิ้งข้าวของแต่ไม่อาจทิ้งสัตว์เลี้ยงได้ ระหว่างทางยังมีจุดชั่วเหลือชั่วคราวขององค์กรการกุศลคอยแจกจ่ายอาหารและน้ำดื่ม
ขณะที่นายทหารจะลงจากรถทหารคอยวัดความลึกของน้ำเป็นระยะ ๆ ก่อนขับรถผ่านเพื่อความปลอดภัยของทุกชีวิตบนรถ และเมื่อเขาลงจากรถทหาร ทหารทุกนายยังอวยพรให้เขาโชคดีแล้วเริ่มภารกิจช่วยเหลือผู้ประสบภัยต่อไปทันที
เขาประทับใจคนไทยมากที่มีน้ำใจและสุภาพแม้ประสบภัย แตกต่างจากเมื่อครั้งที่เขาเผชิญน้ำท่วมใหญ่ในจีนเมื่อปี 2541 ครั้งนั้นระดับน้ำแค่เท้าแต่ทุกคนแตกตื่นซื้อข้าวของจนหมดเกลี้ยงร้าน
ขอบคุณครับ โดยปกติคนไทยเป็นคนมีน้ำใจยิ้มแย้มแจ่มใสอารมณ์ดี แต่ในรอบสิบปีที่ผ่านมารอยยิ้มของคนไทยเริ่มหายไปเริ่มเครียดกับปัญหาต่างๆ มีคนเคยวิจัยไว้ว่าถ้าเมืองไทยไม่ใช่เมืองพุทธ จะมีคนเป็นบ้ากว่าครึ่งค่อนประเทศ ศาสนาช่วยได้ครับ คนไทยไม่ทิ้งกันอยู่แล้วครับผม ขอบคุณกับสิ่งดีๆ ที่มานำเสนอครับ ขอบคุณครับ
หน้า:
[1]