10 สิ่งมหัสจรรย์ในสมองของเรา มีสาระครับ
10 สิ่งมหัสจรรย์ในสมองของเราเกือบ 365 วัน หรือเกือบ 1 รอบปีที่ผ่านมา มีเรื่องราวผ่านลอยเข้ามามากมายในห้วงคำนึง และในสมองของเรา บ้างโชคดีหลุดลอยออกไปได้จากความคิด บ้างไหลผ่านตกค้างมาอยู่ที่จิตใจ ตกตะกอนเป็นความทรงจำที่ดีบ้าง ร้ายบ้าง คละเคล้าปะปนกันไป “ทายใจ ไขคำตอบ” ส่งท้ายปี ประมวล 10 อันดับเรื่องราวที่เป็นปริศนาคาใจที่เกิดขึ้นกับมนุษย์แทบทุกคน
ไม่ว่าจะเป็นความรัก ความฝัน รวมทั้งอื่น ๆ อีกมากมายที่เกิดขึ้นและเราทุกคนล้วนพานพบประสบมา หลายอย่างวิทยาศาสตร์ตอบได้ หลายอย่างเป็นปริศนาค้างคาใจ ก่อนปีนี้จะร้างลาไป ทาย (หัว) ใจและไขคำตอบให้รู้กันดีกว่า
อันดับ 10 : ความฝัน
เคยสงสัยไหม เหตุใดเราจึงเห็นภาพฝันยามหลับใหล ถามคน 10 คน ก็ได้คำตอบ 10 อย่างแตกต่างกัน ปริศนาข้อนี้ ถึงวันนี้นักวิทยาศาสตร์ก็ยังไขกันอยู่ ทว่าอย่างหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริงคือ การฝันของคนเราเป็นการบริหารสมองอย่างหนึ่ง เหมือนกับออกกำลังกายเพื่อบริหารร่างกายนั่นแหละ เพราะการฝันเป็นการกระตุ้นเซลล์สมองที่มาบรรจบกันที่ ปลายประสาทอีกทีหนึ่ง และเป็นความจริงอีกอย่างหนึ่งที่ว่า คนเรามักเก็บอารมณ์และเรื่องราวต่าง ๆ ที่คุณพยายามลืม หรือบางทีก็ไม่ได้ใส่ใจเลยว่าในวันทั้งวันที่ผ่านมา เคยมีอารมณ์นี้เกิดขึ้น เรื่องราวเหล่านี้ล่ะ ที่ก่อรวมเป็นความฝันของเรายามหลับใหล กระบวนการทั้งหมดทั้งมวลเหล่านี้เป็นขั้นตอนตอกย้ำความคิดและความทรงจำที่เกิดขึ้นกับคุณ เพราะฉะนั้นจะฝันดี หรือฝันร้าย นอกจากเทวดาจะดลใจ นั่นก็เป็นเพราะความคิดของคุณเองด้วย
อันดับ 9 : การนอนหลับ
เหตุใดคนเราและสิ่งมีชีวิตทั้งหลายจึงต้องหลับต้องนอน แต่แหมมนุษย์เรายังต้องกำหนดอีกว่า นอนหลับเท่าไหร่ถึงจะต้องเพียงพอ เชื่อไหมว่าเราใช้เวลากว่าค่อนชีวิตในการนอนหลับเลยทีเดียว นักวิทยาศาสตร์บอกว่า การนอนหลับเป็นเครื่องมือสำคัญในการมีชีวิตรอดของสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมเลยก็ว่าได้ อย่างที่เราเคยประสบพบเจอกันว่าเวลานอนไม่เต็มอิ่ม แล้วส่งผลถึงอารมณ์และสมรรถภาพของการใช้ชีวิตไปเลยทั้งวัน ทั้งหงุดหงิด หมดแรง เพ้อ หลอน ที่ร้ายแรงที่สุดคือเสียชีวิตเพราะอดนอนก็มี จำแนกแยกประเภทของการนอนตามหลักการมี 2 ประเภท นอนหลับแบบปิดเปลือกตาสนิทและไม่สนิท แบบแรกนั้นบ่งบอกว่าสมองของคุณกำลังทำปฏิกิริยากันอย่างช้า ๆ นั่นหมายความว่าหลับสนิท ส่วนแบบหลังคือสมองของคุณกำลังทำงานอย่างหนัก เลยทำให้หลับไม่สนิท ข้อดีของการหลับแบบนี้คือ มันจะสามารถเรียบเรียงระบบความจำของคุณได้ แต่หากเกิดความฝันในขณะที่หลับไม่สนิทนั้น นักวิทยาศาสตร์บอกว่าไม่สามารถนำไปเชื่อมโยงกับความคิดของคุณได้เสมอไป (ก็ไม่แม่นน่ะสิ…นักทำนายฝันทั้งหลาย)
อันดับ 8 : อาการเพ้อ
ร้อยละ 80 ของผู้พิการขาดอวัยวะมือและเท้า มักมีอาการนี้เกิดขึ้น แม้กรณีนี้จะไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน แต่นักวิทยาศาสตร์ได้ประมวลผลปรากฏการณ์นี้ไว้ในอันดับที่ 6 (รู้ไว้ใช่ว่าใส่บ่าแบกหาม) พวกเขาเหล่านี้จะเกิดปฏิกิริยาทางร่างกายที่ผิดแปลกจากธรรมดา คือจะมีอาการคันตามมือตามเท้า เจ็บปวด เกิดอาการร้อนตามร่างกาย ทำให้มีอาการเพ้อเพราะส่วนหนึ่งของร่างกายขาดหายไป นักวิทยาศาสตร์กล่าวว่าบริเวณปลายอวัยวะที่ขาดหายจะสร้างเส้นประสาทเส้นใหม่ที่ไปเชื่อมต่อกับกระดูกสันหลัง ทำให้เกิดความรู้สึกเหล่านี้ขึ้นมา
อันดับ 7 : ระบบอัตโนมัติในร่างกาย
เคยสงสัยไหม? เหตุใดคุณจึงตื่นได้ตรงเวลา เพราะในร่างกายของเรามีนาฬิกาชีวภาพตั้งอยู่ ที่จะคอยกำกับเวลา 24 ชั่วโมงที่เกิดขึ้นในร่างกายของคนเรา ที่ 8 โมงต้องตื่น 10 โมงต้องถ่าย เที่ยงคืนง่วง 3 ทุ่มหิว เหล่านี้เกิดจากกลไกของนาฬิกาชีวภาพในร่างกายที่อยู่บริเวณต่อมไฮโปธาลามัธที่สมองอีกที นอกจากควบคุมร่างกายแล้ว นาฬิกาชีวภาพยังควบคุมความดันเลือด, อุณหภูมิในร่างกาย และการผลิตฮอร์โมนอีกด้วย และมันจะแปรปรวนทันที เมื่อคุณต้องเปลี่ยนช่วงเวลาไปอยู่อีกเขตเวลาหนึ่ง เช่นการบินข้ามทวีปส่งผลให้มีอาการเจ๊ตแลก หรืออาการเหนื่อยล้าจากการขึ้นเครื่องบิน อย่างที่เรียก ๆ กัน…. คราวนี้ก็ต้องเริ่มนับหนึ่งกันใหม่อีกครั้ง
อันดับ 6 : เส้นสายแห่งความทรงจำ
เรื่องราวต่าง ๆ ย่อมมีที่มา เราต่างคนต่างมีเรื่องราวทั้งที่อยากลืมและอยากจดจำ แม้มนุษย์จะสร้างอุปกรณ์ช่วยขึ้นมา ทั้งกล้องถ่ายรูปเอย สมุดไดอารี่เอย คอมพิวเตอร์เอย เพื่อช่วยรักษาความทรงจำ (ไม่นับรวมเรื่องเลวร้ายในชีวิตที่อยากลืมใจจะขาด) บางเรื่องราวเป็นเรื่องลืมยาก แต่บางเรื่องราวก็เป็นเรื่องอยากลืม อย่างรักครั้งแรก (แล้วแต่ประสบการณ์แต่ละคน) บางคนจำเรื่องราวชีวิตทั้งชีวิตได้ดุจภาพยนตร์ คือตัดต่อเสร็จสรรพ เรื่องนี้มีวิทยาศาสตร์มาอ้างอิง สมองคนเราแต่ละคนมีเทคนิคในการจดจำและจินตนาการแตกต่างกัน นักวิทยาศาสตร์ก็พยายามที่จะศึกษาถึง X เจ้าเครื่องมือนั้น ๆ ที่ทำหน้าที่ทั้งสร้างและเก็บกักความทรงจำของคนเรา้ไว้ ที่พบคือมีเจ้ากล่องหนึ่งในหัวสมองของเราชื่อว่า “ฮิปโปแคมปัส” ทำหน้าที่เสมือน X ห่อแห่งความทรงจำ เก็บเรื่องราวนั่น โน่น นี่ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของเราไว้ แต่บางทีเจ้ากล่องนี้ก็ทำหน้าที่ได้ไม่เวิร์กเท่าไหร่ เพราะมักจะตอบความทรงจำที่เราทวงถามมาแบบผิด ๆ ถูก ๆ เราเลยมีอาการเบลอ ๆ ขี้หลง ขี้ลืมกันอยู่ร่ำไป แต่ก็น่าสงสัยที่บางเรื่องเราจำแม่นไม่มีพลาดได้เช่นกัน
อันดับ 5 : ชวนหัว…กวนสมอง
ทำไมคนเราถึงมีอารมณ์ขัน นักวิทยาศาสตร์บอกว่าการหัวเราะของมนุษย์เป็นหนึ่งในพฤติกรรมที่เข้าใจยากที่สุด ถ้าว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ก็บอกว่าการหัวเราะที่ดี (หัวเราะอร่อย) จริง ๆ นั้น เกิดขึ้นจากสามส่วนของสมองถูกจุดประกายขึ้นพร้อม ๆ กัน กล้ามเนื้อส่วนหนึ่งจะเคลื่อนไหว เมื่อคุณได้ยินเรื่องตลก (ต่อมขำเป็นอย่างนี้นี่เอง) แต่สงสัยไหม ที่คนสองคนฟังเรื่องเดียวกัน อีกคนขำกลิ้งน้ำตาเล็ด อีกคนนั่งหน้านิ่งเหมือนฟังเรื่องหมาตาย วิทยาศาสตร์มีคำตอบบอกว่า ก็เพราะต่อมขำที่ว่า ทำงานไม่ประสานกัน หรือที่เรียกว่าเส้นอยู่ลึกไปหน่อยนั่นเอง อย่างไรก็ตามเรื่องราวที่สามารถทำให้ผู้อื่นหัวเราะออกมาได้ อย่างไรเสียก็เป็นเรื่องดี ทั้งนี้มักจะเกิดจากความไม่คาดหวังว่ามันจะต้องขำนั่นเอง ฉะนั้นรู้เคล็ดลับแล้วใช่ไหมว่าจะทำอย่างไรให้ขำ!
อันดับ 4 : ธรรมชาติ เหนือธรรมชาติ
คุณเคยรู้สึกขัดแย้งในตัวเองบ้างไหม? เป็นคำถามให้คุณคิด มันเป็นความรู้สึกที่บอกใครไม่ได้ พูดไม่ออก บอกไม่ถูก เหมือนในตัวเองต้องต่อสู้กัน ความดีกับความร้ายกาจในตัวที่ซ่อนอยู่ต้องห้ำหั่นกัน ยามที่ตกอยู่ในสถานการณ์ที่ต้องคิดและตัดสินใจ ไม่ว่าจะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่หรือเรื่องอะไรก็ตามที อยากบอกว่าคุณไม่ได้แปลกแยกแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องที่หลายต่อหลายคนพบเจอ เราต่างถูกหล่อหลอมมาจากต่างสภาวะแวดล้อม และเมื่อถึงช่วงชีวิตหนึ่งที่วัยเหมาะเจาะจะต้องดำเนินไปตามกรอบสังคม เรียกช่วงเวลานี้ว่า "ช่วงเวลาแห่งการเปลี่ยนแปลงและปรับตัว" บางคนอาจทรมาน บางคนอาจมีความสุข แล้วแต่สถานการณ์แวดล้อม ทั้งนี้เกิดจากบุคลิกลักษณะของคนแต่ละคน นอกจากจะมีสภาพแวดล้อมเป็นตัวกำหนดแล้ว ยังมี “ยีน” มาเป็นตัวกำหนดอีกด้วย เราต่างมีอารมณ์สุข เศร้า เหงา รัก มากน้อยตามขีดความสามารถและต่อมรับความรู้สึกของแต่ละคน แต่สิ่งเหล่านี้ล่ะคือเครื่องกำหนดความเป็นตัวคุณ สิ่งที่คุณทำหรือตัวตนที่คุณเป็น
อันดับ 3 : ความตาย
ทำไมคนเราถึงต้องตาย เป็นทั้งปริศนาและสัจธรรม บางคนไม่เคยคิดว่ามันอยู่ใกล้ตัวเรามากจนกลมกลืน บางคนเรียนรู้ที่จะรับมือกับมันได้อย่างสงบ ตั้งแต่ยังมีชีวิตอยู่ ว่ากันตามวิทยาศาสตร์และอายุขัย เราทุกคนล้วนเกิดมาพร้อมพรักด้วยอวัยวะที่เป็นประดุจ เครื่องมือที่จะต่อสู้กับโรคร้ายภยันตรายต่าง ๆ แน่นอนทุกอย่างย่อมมีวันหมดอายุ เมื่อถึงวันหนึ่งวันนั้น ร่างกายจะปรับสภาพแปรเปลี่ยนไปตามการใช้งาน หากเรารักษามันได้อย่างดี ก็จะสามารถคงอายุการใช้งานไว้ได้ตามกำหนด ทว่าหากใช้งานหนักเกินรับไหว ก็เสื่อมสภาพอย่างรวดเร็วไปตามการใช้งานเช่นกัน คงคิดไม่ผิดถ้าจะบอกว่าความตายก็คือร่างกายเราหมดอายุแล้วนั่นเอง
อันดับ 2 : ตายแล้วฟื้น… มีจริงหรือ?
นักวิทยาศาสตร์เคยค้นคว้าเรื่องการชุบชีวิตคนตาย ด้วยการแช่แข็งร่างที่ตายแล้ว ให้กลับฟื้นคืนชีพ ด้วยการแช่แข็งศพไว้ที่อุณหภูมิ -320 องศาเซลเซียส กับไนโตรเจน เพราะเชื่อว่าศพที่ถูกแช่น้ำแข็ง เมื่อละลายแล้วจะสามารถฟื้นคืนชีวิตขึ้นมาได้ ทว่าการทดลองนี้เป็นอันต้องตกไป เพราะถ้าเมื่อศพไม่ละลายตามอุณหภูมิที่เหมาะสม เซลล์จะกลายเป็นน้ำแข็ง และแตกละเอียดไม่มีเหลือ ฉะนั้นไม่มีใครอยู่ค้ำฟ้า ต่อให้มีเงินมากมายมหาศาลขนาดไหน ก็ต่อยอดลมหายใจใหม่อีกครั้งไม่ได้
อันดับ 1 : จิตสำนึก
เป็นเรื่องปริศนาค้างคาใจที่ถูกจัดให้เป็นอันดับที่หนึ่ง คนทุกคนมีจิตสำนึกอยู่ในใจ ตราบใดที่คุณตื่นในยามเช้า แล้วคุณรับรู้ถึงแสงทองของดวงอาทิตย์ ได้ยินเสียงจุ๊บจิ๊บของนกคุยกัน อากาศสดชื่นมาปะทะใบหน้า และรับรู้ถึงความรู้สึกสุขสดชื่นในยามเช้า ตราบนั้นแปลว่าคุณยังมีสติสัมปชัญญะ ความรู้สึกนึกคิดอยู่กับตัว นักวิทยาศาสตร์ได้ไขข้อข้องใจเกี่ยวกับกระบวนการของเจ้าความรู้สึกนึกคิดนี้ที่อยู่ในคนทุกคน พบว่าสมองและเส้นประสาทเป็นตัวสำคัญที่ทำให้เกิดความรู้สึกนี้ขึ้นมา
ธรรมชาติสรรค์สร้างเราขึ้นมา เมื่อมาจากธรรมชาติ ไฉนเลยที่วันหนึ่งเราก็ต้องกลับไป ไม่มีใครเข้าใจเราได้ดีไปกว่าตัวเราเอง เรียบเรียงและเริ่มต้นชีวิตใหม่ในหัวใจและร่างกายเดิม รับปีใหม่นี้เพื่อเตรียมพร้อมรับเรื่องราวที่ตั้งหน้ารอคุณอยู่ในปีหน้าประดา มีเรียนรู้ ยอมรับ และกล้าเปลี่ยนแปลง คืออาวุธและของขวัญปีใหม่ที่จะทำให้คุณเผชิญกับเรื่องราวต่าง ๆ ได้ ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
หน้า:
[1]