คนโง่ที่รักเธอ (18) ตอนจบ
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย tanya เมื่อ 2012-1-16 11:42ถ้าหากว่าซ้ำต้องขออภัยนะครับเพราะว่าคัดลอกมาอีกที
เรื่องนี้ยาวหน่อยนะครับ ผมอัพเป็นครั้งสุดท้ยแล้ว
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย Metamon เมื่อ 2012-8-23 23:01
เศร้ามากเลย TT^TT ขอบคุณมากครับ ยังมีคนมีชีวิตคล้ายๆ ผมอีกเหรอ {:5_139:}{:5_139:}{:5_139:} “เออ เมิงนั่งเฉยๆๆ เดี๋ยวกรูสั่งให้”
ระหว่างนั้นผมก็สั่งไปเรื่อยครับ เอานู้น เอานี้เน้นเนื้อสัตว์ครับ ไม่ค่อยสั่งผัก เพราะไม่ค่อยชอบกิน
“แค่นี้พอก่อนครับ”
“เมิงนัดเพื่อนไว้ด้วยหรอ” อยู่ๆๆมันก็พูดขึ้นมาครับ
“ปล่าว ทำไมเหรอ”“อ้าว ก็เห็นสั่งมาเหมือนมาเลี้ยงทีมฟุตบอล” อ้าวไอ้นี่ แดกกรู
“55555555 ก็กรูกลัวเมิงไม่อิ่มไง หรือว่าเมิงมีเงินไม่พอจ่าย เดี๋ยวกรูช่วยออกก็ได้”
“ป่าว แต่กลัวกินไม่หมด เสียดาย”
“เออ หน่า กรูแดกจุ แค่นี้ไม่ระคายท้องหรอก”
“แล้วเมิงเอาไปไว้ไหนหมดวะ กินแล้วไม่เห็นอ้วนกับเขาเลย”
“ไอ้บ้า” 555555555555 ระหว่างที่รออาหารมาครับเราก็คุยกันหลาย ๆ เรื่อง ผมเพิ่งสังเกตุนะครับว่ามันดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นมาก อาจจะเป็นเพราะว่ามันมีเรื่องหลายเรื่องให้รับผิดชอบก็ได้นะครับ แต่ผมรู้สึกว่าผมยังเป็นเด็ก ยังง๊องแง็งอยู่เลย ต่างกับมันลิบลับ มันจะคอยเตือน คอยสอนไอ้นั้น ไอ้นี่ผมตลอดเวลาที่ผมซน คือผมนิสัยไม่ดีอย่างหนึ่งก็คือ ผมเป็นคนพูดตรง ๆ อะครับ เวลาไม่พอใจหรือไม่เข้าใจอะไรพนักงานเสริฟก็จะพูดออกมาตรง ๆ แบบว่าอาจจะทำให้เขาหน้าเสียนิดหนึ่ง
"พี่คะ รับติ่มซำทานรองท้องก่อนไหมคะ"พนักงานขายพูดขึ้น แต่ไม่เห็นรถเข็นนิหว่า
"ไม่เอา เคยสั่งไปแล้วมาทีหลังอาหารหลักอีก" อ้าว ปากหมาอีกกรู แต่ผมก็พูดสุภาพนะครับ แต่น้ำเสียงผมเป็นคนแข็งๆๆมั้ง
"................"พนักงานก็หน้าเสียนิดหนึ่ง
"ขอโทษครับ" ไอ้กั๊กครับขอโทษพนักงานแทนผม
"แบงก์" มันเรียกชื่อผมแล้วทำหน้าดุๆๆ นิดหนึ่ง
"ไร"
"เมิงพูดแรงไปป่าววะ"
"อ้าวหรอแต่กรูก็พูดจริงอะ"คือผมไม่รู้ตัวครับว่าผมพูดแรงไปปล่าว แต่ผมว่าไม่นะ ไอ้กั๊กอะมันบอกว่าแรงไป
"เออ โทษที"
"ทีหลังอย่าทำอีกนะเว้ย มันไม่ดี" น่าน ด่ากรูอีก
"ค้าบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ" ผมแกล้งลากเสียงยาว
“กี่ปีแล้ววะ” อยู่ๆๆมันก็พูดขึ้นมา
“อะไร” ผมงงครับ
“ก็ที่เราไม่ได้เจอกันไง”
“7ปี” ใช่ 7 ปีแล้วสินะ หลังจากจบ ม. 6 เราก็ไม่ได้เจอกันเลย แต่เมิงจะรู้ไหมว่าใจกรูไม่เคยเปลี่ยน
“เหรอ นานเนอะ”
“อืม นาน นานมาก”พูดปนความในนิดๆๆ
“แบงก์เปลี่ยนไปเยอะนะ”
“ยังไง” กรูก็ยังเหมือนเดิม มีแต่เมิงนั่นแหละที่เปลี่ยน
“ดูแบงก์กล้าขึ้น ดูทันสมัยขึ้น แต่ก่อนแบงก์จืดจะตายไป”
“เหรอ อาจจะเป็นเพราะสังคมในมหาลัยมั้ง” คือผมบอกเพื่อน ๆ ก่อนนะครับว่าผมเลือกเรียนเข้าคณะนิเทศศาตร์ในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ สาเหตุเป็นเพราะว่า ผมมีปมตรงที่ว่าเป็นคนไม่ค่อยกล้าแสดงออกเอามากๆๆจะอายมาก ๆ ถ้าต้องทำอะไรท่ามกลางคนเยอะ ๆ เลยอยากที่จะเปลี่ยนตัวเอง ตอนนั้นเฮิร์ทจากไอ้กั๊กด้วยก็เลยเรียนนิเทศฯ ซึ่งมันก็ได้ผลมาก ๆ ครับ
“กั๊กชอบแบบไหนอะ”ลองถามมันครับ
“เป็นแบบเดิมได้ไหม”
“...”
“กั๊กชอบแบบไหนอะ”ลองถามมันครับ
“เป็นแบบเดิมได้ไหม”
“...”
หมายความว่าไง” ลุ้นๆๆๆ
“ก็เราชอบแบงก์แบบที่แบงก์เคยเป็นตอน ม. ปลายอะ ดูเด็กๆๆ ใสๆๆ ไร้พิษภัย ดูน่าหยิก น่ากัด น่ากอด หมันเขี้ยว แต่งตัวไม่เป็น เรียบร้อย ผมสั้นถูกระเบียบ “
“........................................แล้วตอนนี้แบงก์เป็นยังไง”
แหม อาหารมาเสริฟพอดีเราก็เลยหยุดพูดไปเพื่อให้พนักงานวางอาหารครับ พอพนักงานไป ผมกับมันก็สลับกันเทพวกเครื่องต่าง ๆ ลงหม้อ
“กั๊ก”
“หืม”มันก็กำลังสาละวนกับการตีไข่ไก่ลงหม้อ
“แล้วตอนนี้แบงก์เป็นยังไง” มือมันค้างไปนิดหนึ่งครับ ก่อนจะพูดขึ้นมาว่า
“ก็ดูต่างกับกั๊กตั้งเยอะ” มันพูดพร้อมกับก้มหน้าลงต่ำนิดหน่อย
“แต่กรูก็เหมือนเดิมนะเว้ย” ผมพูดเบาๆๆ
“เออ ก็ไม่ได้ว่าอะไร เราหมายความว่า ดูแบงก์เป็นคนกรุงเทพไปเลย”อ๊ะ ไอ้นี่ คนกรุงเทพกับ ตจว. มันต่างกันยังไงวะ
“......................................” ตอนนี้หน้าผมเป็นตูดแล้วครับ
“อ๊ะๆๆๆ กินดีกว่า ล้นหม้อแล้ว”
“แต่กรูเหมือนเดิมจริงๆๆ นะเว้ย”ต้องย้ำมันครับ กลัวมันไม่เชื่อ แล้วทำไมเมิงต้องเอาเมิงกับกรูไปเปรียบเทียบกันด้วยก็ไม่รู้
“เออ กรูเชื่อแล้ว” มันพูดพร้อมกับคีบเป็ดย่างมาให้ผม
“ไม่กินหนังอะ”เริ่มง๊องแง๊งแล้วครับผม
มันส่ายหัวทีหนึ่งพร้อมกับดึงหนังออก
“อ๊ะ ทีนี้กินได้ยัง จะต้องป้อนไหม”อ๊ะ ได้ก็ดีอันนี้คิดในใจครับ
ระหว่างที่กินอยู่ เราก็พูดคุยกันเรื่องจิปาถะระหว่างที่มันนั่งตักลูกชิ้นอยู่ครับ ผมคิดอะไรขึ้นมาได้
“กั๊ก” ผมเรียกมันครับ
“มีไรหรอ” มันหยุดกินและเงยหน้าขึ้นมามองครับ
“ขอคำดิ”
“ลูกชิ้นเหรอ อะเอาไปดิ เรายกให้”
“เปล่า”
“แล้วอะไรหละสาหร่าย หรอ” มันพูดพร้อมก้มลงมองในถ้วยมัน เห็นมีลูกชิ้นสาหร่ายลูกหนึ่ง มันก็เลยหยิบคีบมาให้ผม
“คำว่ารักอะ”
วิววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววววว หุหุหุ
ผมจำได้ว่ามุขนี้ผมเคยเล่นกับมันไปแล้วครั้งหนึ่งตอน ม. 6 (เดี๋ยวจะมาเล่าให้ฟัง ตลกมากๆๆ) แต่มันคงจำไม่ได้
ลูกชิ้นสาหร่ายหลุดจากตะเกียบมันทันที
“2 ครั้งแล้วนะ”
“อะไรเมิง”
“ก็เมิงเล่นมุขนี้มา 2 ครั้งแล้วนะ”
“อ๊ะ ก็กรูนึกว่าเมิงจำไม่ได้อะ”
“อยากได้หรอ งั้นมานี่ มานั่งตรงนี้”มันพูดพร้อมกับตบลงที่นั่งข้าง ๆ มันครับ (คือตอนนี้ผมกับมันนั่งตรงข้ามกันอะครับ”
“ไม่เอาหรอก เดี๋ยวเมิงก็แกล้งกรู”
“ไม่แกล้งหรอก”
“กรูจะเชื่อเมิงได้ไง”
“สาบาน”อะ มันลงทุนสาบานขนาดนี้ ผมก็เลยเชื่อมันครับก็เลยลุกขึ้นไปนั่งข้าง ๆ มัน แต่ทิ้งระยะไว้นิดหนึ่ง
“กรูไม่แกล้งเมิงหรอกแต่กรูจะ.....”
“จ๊ากกกกกกกกกก”เสียงผมร้องดันลั่นร้านเอ็มเคเลยครับ จนมันต้องเอามือปิดปากผมไว้ คงอายด้วยหละ ที่ผมร้องก็เพราะว่ามันอะ ก้มลงมากัดผมเต็มคอเลยอะครับ
“เมิงอะ ไหนบอกว่าจะไม่แกล้งกรูไง”ผมพูดพร้อมกับเอามือถูๆๆ ที่คอ ยี้ น้ำลายทั้งนั้นนะเมิง
“แต่กรูไม่ได้บอกนิหว่าว่ากรูจะไม่กัดเมิง 555555555” มันพูดเสร็จก็หัวเราะใส่ผมครับ
ผมก็เลยเดินหน้าเป็นตูดกลับไปที่นั่งเดิมอยู่ เชอะ งอนคับงอน ตอนนั้นลืมไปว่ามันไม่ได้เป็นแฟนตรูนิหว่า
“เออ แบงก์”มันเรียกผมครับ
“มีไร”ชิ กรูยังโกรธเมิงอยู่
“วันนี้วันพ่อนิหว่า”
“ก็เออะดิ ไม่งั้นกรูจะได้มานั่งแดกเอ็มเคกับเมิงหรอ”ฟายจิงๆๆ
“แหม พูดซะเพราะเชี่ยว “นั่นโดนมากัด
“คร้าบบบบบบบ คุณพี่คร้าบบบบบบบบบ มีอะไรให้คุณน้องรับใช้หรอคร้าบบบบบบบบบบ”ผมกระแหนะกระแหนมันบ้าง
“เมื่อกี้ซื้อการ์ดวันพ่อมาอะ ช่วยเขียนอวยพรเป็นภาษาอังกฤษให้หน่อยดิ”ลืมไปมันโง่นิหว่า 555555
“ไอ้ฟาย” แล้วมันไปซื้อการ์ดมาตอนไหนวะ
“อะ เมิงมาด่ากรูทำไม” มันพูดเสร็จก็เอาตะเกียบจิ้มหน้าผากผมทีหนึ่ง
“ไอ้เชี่ย แล้วพ่อเมิงจะอ่านออกไหมหละ กระแดะเขียนภาษาอังกฤษอะ ห๊า”
“เออหวะ 555555”ผมละเชื่อมันจริงๆๆ
“งันเขียนว่าไรดีหวะ” มันพูดเสร็จก็ควักเอาการ์ดขึ้นขึ้นมาวางบนโต๊ะ เพื่อที่จะเขียน แต่เนื่องจากว่า
โต๊ะเปียกน้ำจากก้นแก้วอยู่ มันก็เลยเอาชายเชื่อขึ้นมาเช็ดน้ำบนโต๊ะ
“ไอ้เชี่ยเอ้ย กระดาษทิชชู่ก็มี”
“เออหวะ ลืม”นี่เมิงยังไม่แก่เลยนะเนี่ยแถมซกมกอีกต่างหาก
“แล้วจะเขียนว่าอะไรดีวะ”มันถามพร้อมกับทำท่าคิด คิ้วขมวดเข้าหากันแล้วครับนั่น
“เมิงเครียดยังกะเตรียมเอ็นท์” ผมพูดพร้อมกับส่ายหัวให้มันทีหนึ่ง
“เมิงก็เขียนไปว่า สุขสันวันวาเลนไทน์ก็ได้”
“เออ เนอะ” มันตอบพร้อมกับ เอื้อมมือมาตบกกระโหลกผมทีหนึ่ง
“กรูเกือบเขียนไปแล้วนะเนี่ย”
มันนั่งนึกอะไรอยู่ไม่รู้สักพักมันก็เขียนลงไปครับ
“แกเขียนไรลงไปวะ” ผมพูดพร้อมชะเง้อไปดูครับ
“มันเงยหน้ามาพร้อมแลบลิ้นให้ทีหนึ่ง” น่ารักโคตร
“บอกหน่อยน๊า นะๆๆๆๆ ที่รักนะๆๆๆๆ”น้าน เผลอเรียกมันที่รัก แต่ท่าทางมันยังไม่รู้ตัว
“อ๊ะ ก็ได้”
“สุขสันต์วันพ่อครับ”........................................................... พออ่านเสร็จน้ำตาแทบไหล เพราะว่ามันเป็นคำพูดที่ช่างถูกคัดสรรมาอย่างดีด้วยสมองทึบๆๆอย่างมัน พร้อมด้วยลายมือไก่เขี่ยของมัน ช่างน่าประทับใจแทนพ่อมันจริงๆ
มันเห็นผมส่ายหัวนิด ๆ มันก็งง
“เป็นไร”
“กรูสงสารพ่อเมิงจริงๆๆ”
“อ๊ะ ออกมาจากใจเลยนะเว้ย”
“จ้า กรูเชื่อแล้ว”
55555555555555555555 มันหัวเราะครับ
“เออแบงก์”
“ วันนี้ที่อำเภอเขามีจุดเทียนให้ในหลวงอะ ไปกันมะ”
“เออดีๆๆๆๆ แล้วเดี๋ยวกรูจะพาไปเลี้ยงจิ้มจุ่มด้วย เอาป่าววววว”ต้องเขาของกินเข้าล่อครับ ของโปรดมัน
“แต่เดี๋ยวกรูขอกลับบ้านก่อนนะ แล้วเย็นๆๆไปรับ”
“ไม่เอา กรูไปรับเมิงดีกว่า”
“รถไร” ผมถามมันครับ”
“มอ’ไซด์ อะดิ”
“อืมก็ได้ งั้นเดี๋ยวไปซื้ออาหารปลาของเมิงก่อน ปะ”
“พี่ครับ เก็บเงินด้วยครับ” ไอ้กั๊กครับมันเรียกเก็บเงิน
พอเก็บเงินเสร็จแล้วก็เดินหาซื้ออาหารปลา เดินขึ้นเดินลงอยู่หลายเที่ยวก็หาไม่เจอซักที ผมก็เลยแนะนำให้มันไปวื้อที่ตลาดในเมืองดีกว่าตอนแรกผมกะว่าจะขับรถไป แต่ไอ้กั๊กมันแย้งว่า ตลาดอยู่ใกล้แค่นี่เอง เดินไปก็ได้
“ไอ้บร้า ไหนเมิงบอกว่าไกล้ไง” ผมเริ่มบ่นแล้วครับ แหมก็แดดกำลังแรงได้ที่ แถมเดินเท่าไหร่ก็ยังไม่ถึงซักที
“เออหน่า ใกล้ถึงแล้ว”เมิงพูดแบบนี้มาหลายเที่ยวแล้วนะเนี่ย
พอเราเดินไปถึง มันก็บอกให้ผมหยุดอยู่ปากทางเข้าแล้วมันก็วิ่งหายเข้าไปท่ามกลางฝูงชน จะถามว่าไปไหนก็ยังไม่ทัน
5 นาทีผ่านไป 10 นาทีผ่านไป ไอ้เชี่ย เมิงจะทิ้งกรูเหรอ
สักพักหนึ่งผมก็เห็นมันวิ่งมาพร้อมถือถุงอะไรมาด้วยก็ไม่รู้ พอมันเดินมาถึงมันก็ยื่นให้
“อะน้ำ เหนื่อยไม่ใช่หรอ”โอ้โห กรูซึ่งใจเมิงจิงๆๆ
“ขอบใจ” ระหว่างที่เราเดินไปหาอาหารปลาให้มัน ก็บังเอิญไปเจอนังเชต (ยังจำกันได้ไหม)มันไว้ผมยาวแล้วครับ แต่งหน้าแต่งตาเป็นผู้หญิงแล้ว แต่น่ากลัวมากกว่าน่ารักนะ เราคุยกันสักพักก็เลยขอตัวมันกลับ พอได้อาหารปลาแล้วก็เดินกลับห้างเพื่อมาขึ้นรถที่จอดไว้ ระหว่างทางกลับบ้านนั้น ไอ้กั๊กมันก็หลับตลอดทางเลยครับ สงสัยจะเหนื่อย ผมก็เลยไม่กล้ารบกวนมัน กะว่าพอถึงบ้านมันแล้วค่อยปลุก
ระหว่างนั้นโทรศัพท์ของมันที่วางไว้ตรงคอนโซลรถ ก็สั่น มันตั้งปิดเสียงไว้อะครับ ตอนแรกก็กะว่าจะไม่รับ แต่มันสั่นหลายครั้งก็เลยหยิบขึ้นมาดู
“สา”
ผมไม่รู้หรอกครับว่าคนชื่อสาที่โทรเข้ามานั้นเป็นใคร ก็เลยไม่ได้สนใจ จนถึงบ้านมันจึงปลุกมันครับ
“กั๊ก” ผมเรียกพร้อมเขย่าตัวมันไปด้วย
“หืม” ดูท่าทางมันงัวเงียตื่นขึ้นมาครับ
“ถึงบ้านแล้ว”
“อ้าว ถึงแล้วเหรอ ขอบใจนะที่มาส่ง แล้วเย็นนี้เจอกันทีอำเภอเลยนะ”
“อืม ได้ เออแล้วไม่ต้องมารับเราหลอกนะ บ้านเรากับอำเภออยู่ใกล้กันนิดเดียว เดี๋ยวแบงก์เดินไปดีกว่า ไปเจอกันที่นู้นเลย แล้วจะโทรหานะ”
“อืม เอางั้นก็ได้ แล้วเจอกัน6 โมงครึ่งนะ”
“อืมได้เออ อีกเรื่องหนึ่ง เมื่อกี้มีคนโทรเข้ามานะ หลายเที่ยวแล้ว แต่ไม่ได้รับนะ”
“อืม ขอบใจ ขับรถดีๆๆหละ”
“อืม บาย”
ผมรอให้มันเข้าบ้านไปก่อนแล้วจึงค่อย ๆ เคลื่อนรถกลับบ้านครับ รู้สึกดีใจ สุขใจยังไงไม่รู้เหมือนกัน
พอตกตอนเย็น ผมก็เดินไปอำเภอตามนัดครับ สักพักใหญ่ๆๆ มันก็ขี่มอเตอร์ไซด์มาจอดที่จอดรถมอเตอร์ไซด์ที่เขาจัดไว้ให้ แต่มันไม่ได้มาคนเดียวนะสิครับ มีใครก็ไม่รู้มาด้วย เป็นผู้หญิง แต่พอผมเห็นหน้าผมก็จำได้ครับว่ามันก็เป็นเพื่อนรุ่นเดียวกันกับผม ชื่อว่าสาครับ แต่มันย้ายออกไปก่อนจะจบ ม. 6จึงไม่ค่อยสนิทกันมากครับ แต่เจอก็จำกันได้
“อ้าว แบงก์ มาถึงนานยัง” ไอ้กั๊กครับ พอมันเห็นผมมันก็เลยทัก
“อืม สักพักแล้วหละ”
“แล้วนี่ สา จำได้หรือป่าว” มันแนะนำสาให้ผมครับผมจำได้แล้วครับ ว่าคนชื่อสาที่โทรเข้ามาหามันเมื่อตอนบ่ายเป็นใคร
“อืม จำได้ดิ ว่าไง สบายดีป่าว” ผมยิ้มทักมันครับ
“อืม สบายดี แล้วแบงก์อะ เป็นไงบ้าง”
“อืม ก็สบายดี”จะไม่สบายก็ตอนเห็นเมิงมากับไอ้กั๊กเนี่ยแหละ แล้วผมก็เงียบไปอึดใจหนึ่ง ก็ไม่รู้จะพูดอะไรนิหว่า
“ปะ งั้นเดี๋ยวไปให้อาหารปลากันก่อนดีกว่า นี่ยังไม่ถึงเวลาเลย”
แล้วมันก็พา สา และผมเดินไปยังท่าน้ำครับ ไอ้กั๊กเดินนำหน้า มีสาเดินข้าง ๆ ส่วนผมก็เดินตามหลังครับ เหมือนกรูเป็นส่วนเกินยังไงก็ไม่รู้
ระหว่างทีเดินก็กะว่าจะไม่คิดอะไรมากนะครับ แต่เห็นมันทั้งคู่คุยกันแล้ว ชัวร์ป๊าบ ว่ามันกำลังคบกันอยู่แน่ๆๆ ไอ้กั๊กมันก็ผู้ชาย ไอ้สามันก็ผู้หญิง ผู้ชายก็ต้องคู่กับผู้หญิงใช่ไหมครับ ช่วงนั้นผมก็เลยส่ง message หาเพื่อนคนหนึ่งครับ โดยข้อความที่ผมส่งไปมีว่า
“SAD Movies,it’s impossible”
“แบงก์ เร็ว ๆ เข้า อะ กรูซื้อขนมปังให้แล้ว” ไอ้กั๊กครับ มันเรียกให้ผมตื่นจากผวัง และมันก็ยัดถุงขนมปังมาถึงไว้ในมือ ส่วนมันกับไอ้สาก็โยนขนมปังให้ปลากันสนุกสนาน ผมเลยสะท้อนใจขึ้นมา นี่กรูมาทำไรที่นี่วะเนี่ย
ผมก็เลยแบ่งขนมปังออกเป็นสองชิ้น เพื่อน ๆ คงพอจะเคยเห็นนะครับ ขนมปังที่เป็นแถวยาว ๆๆ พอผมแบ่งออก ผมก้ปาก้อนหนึ่งออกไปให้
ไกล ๆๆที่สุดเท่าที่จะทำได้
“โห ไอ้แบงก์ ทำไมแกไม่บิให้เป็นชิ้นเล็ก ๆ วะ และโยนออกไปทำไมตั้งไกล จะมีปลากินของเมิงหรอ”
“น่าจะมีนะ แต่คนเราก็แปลกเนอะ ไม่ค่อยสนใจหรอก เขาก็มองแต่ปลาที่อยู่ใกล้ ๆ ท่านั่นแหละ กรูสงสารพวกปลาที่ไม่มีโอกาสเข้ามาใกล้ๆๆ ริมตลิ่ง ๆ วะ สงสัยคนคงลืมไปมั้งว่า พวกปลาที่อยู่ใกล ๆๆ ก็หิวเป็นเหมือนกาน”น่านนนนนนน ไม่รู้ว่าผมพูดออกไปได้อย่างไร
ตอนนี้ผมรู้สึกได้ว่าไอ้กั๊กมันมองผมมาเหมือนกาน แต่ผมก็ไม่สนใจครับ สายตายังคงจับจ้องไปที่ขนมปังที่ลอยอยู่ใกลๆๆเพราะมันชิ้นใหญ่มากไงครับ ก็เลยมองเห็น สักพัก ขนมปังผมก็ค่อย ๆ ขยับเขยื้อน
“นั่นไง กั๊ก เห็นมะ กรูว่าแล้วว่าตรงนั้นต้องมีปลา แต่ไม่ค่อยมีใครสนใจเท่าไหร่” ผมพูดเสร็จก็หันไปยิ้มให้มันครับ มันก็ยิ้มตอบกลับมาหน้าเจื่อน ๆ
แล้วเมื่อปลากินขนมปังของผมหมดลง ผมก้จะโยนชิ้นที่สองลงไป แต่ไอ้กั๊กมันดันพูดแทรกขึ้นมาเสียก่อน
“มะ เดี๋ยวเราโยนให้กรูโยนได้ไกลกว่าตั้งเยอะ”
มันพูดเสร็จ ก็เอาขนมปังจากมือผม และออกแรงปาลงไปในคลอง ก็จริงของมันครับ มันปาออกไปได้ไกลกว่าผมเยอะ
“นี่ถ้ากรูไม่บอก เมิงจะปาออกไปไหม”
“กรูจะรู้ได้ไงว่าแถวนั้นมันมีปลาด้วย” มันแย้งกลับมา ส่วนไอ้สานะหรอ ก็นั่งหัวเราะคิกคักไปตามเรื่อง มันไม่รู้อะไรครับ
“เอ๊ะ ได้ข่าวว่าวันนี้แบงก์จะเลี้ยงจิ้มจุ่มช่ายป่าว” ไอ้สาครับ มันถามผมพร้อมทำหน้าล้อเลียน แบบขำๆๆนะ
“อืม เอาป่าว เดียวเราเลี้ยงเอง”ตายห่า รับปากไอ้กั๊กไปแล้วด้วย ก็เลยต้องตามน้ำครับ
“ไม่เป็นไรหรอก ช่วยกันจ่ายก็ได้” ไอ้กั๊กครับ แย้งขึ้น
“อืม ไม่เป็นไร บอกว่าจะเลี้ยงก็เลี้ยงหน่า”
“ปะ ไปเอาเทียนกันดีกว่า เดี่ยวหมดพอดี”แล้วมันก็พาผมกับสาเดินไปรับเทียนที่เขาแจกกันนะครับ ตอนนี้ก็ใกล้เวลาแล้ว คนก็เริ่มเยอะแล้วด้วยก็เลยต้องเบียดกันเข้าไปในงาน ไอ้สาเดินนำหน้า ไอ้กั๊กเดินตาม ส่วนผมเดินประกบท้ายเหมือนเดิมครับ
ระหว่างรอเขาก็มีกิจกรรมอะไรก็ไม่รู้บนเวที ก็จะมีพวกคนใหญ่คนโตในพื้นที่ขึ้นกล่าวบนเวทีอะครับ ระหว่างนั้นเราก็เริ่มที่จะจุดเทียนกันแล้ว แสงไฟถูกส่งต่อออกมาเป็นทอด ๆๆ จากสา มากั๊ก และก็ส่งมาผม ตอนต่อเทียนกันนั้น ผมเหลือบตามองหน้ามันนิดหนึ่ง มันก็หันมายิ้มให้
ก็อย่างที่เพื่อนในบอร์ดนี้บอกละครับ 7 ปีแล้ว อะไรๆๆ มันก็คงเปลี่ยนไปแล้ว แต่ทำไมผมยังไม่เปลี่ยนก็ไม่รู้ ผมว่าผมเคยบอกว่ารักมันแล้วนะ มันยังจำได้หรือเปล่าน๊า
นี่มันลืมเรื่องที่ผมพูดไปได้ง่ายขนาดนี้เลยเหรอ หรือว่ามันไม่เคยสนใจเลยเมิงกับกรูคงไม่สามารถก้าวข้ามเส้นบาง ๆ ที่กั้นไว้ได้เลยหรอ
ยิ่งเห็นทั้งคู่มันพูดคุยกันแล้วก็ยิ่งสะท้อนใจ มันพูดอะไรกัน เรื่องอะไร ทำไมกรูไม่เห็นรู้เรื่องเลย คนที่มันกำลังเอ่ยถึงเป็นใคร ทำไมกรูไม่เห็นรู้จักเลย
ดูๆๆ ไปแล้ว ทำไมมันทั้งคู่มีประสบการณ์ในเรื่องต่าง ๆ ร่วมกันมากมายนัก แล้วทำไมกรูไม่เห็นรู้เรื่องอะไรเลยพอคิดได้เท่านี้ น้ำตาแห่งความน้อยใจก็ปริ่มๆๆจะล้นออกมา
“แบงก์”เสียงเรียกไอ้กั๊กทำให้ผมตื่นจากพวังทันทีครับ
“หือ”
“เป็นไรป่าว ตาแดงๆๆ”
“อ้อ ปล่าว ใส่คอนแท็คเลนแล้วเคืองตานิดหน่อยอะ”
“อ้อ นึกว่าจะร้องไห้ซะอีก”
“เปล่า กรูจะร้องเรื่องไรหวะ”
ระหว่างที่เราร้องเพลงสดุดีมหาราชากัน ผมก็คิดเรื่องระหว่างผมกับมัน ซึ่งก็ดูเหมือนว่ามันจะเหมือนเดิม แต่จริง ๆ แล้วมันมีอยู่เท่าเดิมต่างหาก ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่ลดน้อยลง แต่ก็ไม่เพิ่มมากขึ้น มีแต่ผมที่คิดไปคนเดียว
ตอนนั้นผมเหม่อมองน้ำตาเทียนที่ค่อย ๆ ไหลลงมาอย่างช้าๆๆ มาบนมือผม แต่ผมไม่รู้สึกอะไรแล้วตอนนั้น มันชาไปหมด ชาเหมือนหัวใจของผมตอนนี้........
“กั๊ก เดี่ยวกรูมานะ”ผมทนไม่ไหวแล้วก็เลยขอตัวมันเดินเลี่ยงออกมา ตอนนี้ผมตกเป็นเป้าสายตาคนอื่น เพราะเขายืนกันนิ่งหมด มีผมคนเดียวที่เดินฝ่าวงออกมา ออกมานั่งอยู่ตรงม้าหินด้านข้างระหว่างที่นั่งคิดอะไรไปเรื่อย ๆ ก็เลยลองกดมือถือหาเพื่อน
ตื่ดด ตื่ดดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
“ทำไมไม่รับสายวะเนี่ย” ผมบ่นกับตัวเอง สักพัก ก็เห็นไอ้กั๊กกับไอ้สาเดินออกมา
“ปะ ไปกินจิ้มจุ่มกัน สาไปด้วยนะ”ผมพูดกับไอ้กั๊ก และหันไปชวนไอ้สา ตามมารยาทครับ
“แบงก์กับกั๊กไปเหอะ สาจะรีบกลับบ้านอะ”เออดี เมิงกลับไปเลย
“เอางั้นหรอ”
“อืม”
“งั้นแบงก์รอตรงนี้นะ เดี๋ยวเราไปส่งสาที่บ้านก่อน” ไอ้กั๊กพูดขึ้นมาครับ แม่ง บ้านมันไกลนะเว้ย
“อืม” แต่ผมจำใจรับปากมันครับ
และมัน 2 ตัว เอ้ย 2 คนก็พากันเดินไปขึ้นรถมอเตอร์ไซด์และก็ขับพาหายกันออกไป
15 นาทีผ่านไป..................30 นาที ผ่านไป.................45 นาที ผ่านไป.................1 ชัวโมงผ่านไป................
ตอนนั้นผมเริ่มกระสับกระส่ายเล็กน้อยแล้วครับ เพราะคนกลับกันไปหมดแล้ว มืดก็มืด ยุงก็เยอะตอนนั้นใจหนึ่งก็กะว่าจะกลับบ้าน แต่อีกใจก็กลัวว่ามันมาแล้วจะไม่เจอ จะโทรไปก็ไม่กล้า เดี๋ยวหาว่าไปเร่งมันอีก จะเอาไงดีวะเนี่ย
1 ชั่วโมง 15 นาทีผ่านไป ก็ได้ยินเสียงมอเตอร์ไซด์ไอ้กั๊กขับเข้ามา
“เป็นไง รอนานไหม” ไอ้สาดดดดดดด เมิงมานั่งรอบ้างไหมละ
“อืม ไม่นาน แป็บเดียว” ปากไม่ตรงกับใจอีกแล้ว
“ยุงกัดเหรอ”มันถามผมครับ เมื่อเห็นว่าผมเกาแขน เกาขาอยู่
“อืม นิดหน่อย”
“โทษทีนะ ที่มาช้า ปะ ไปกันดีกว่า” มันพูดพร้อมกับจับแขนผมดึงไปขึ้นรถครับ
“จับแน่นๆๆ นะน้อง 5555”
“อืม” ตอนนั้นขำไม่ออกครับ ไม่รู้ว่าทำไมเหมือนกันระหว่างที่นั่งบนรถมัน มันเกาะเอวมันแน่นเลยครับ กลัวตก แหะๆๆๆ
“กั๊ก” ผมเรียกมันครับ
“หือ” มันหันมาหาผมครับ
“กั๊กกับสาเป็นแฟนกันหรอ”
“หา ว่าอะไรนะ ไม่ได้ยิน”มันตะโกนกลับมา
“กรูถามว่า กั๊กกับสาเป็นแฟนกันหรอ”ผมก็ตะโกนกลับไป
“แล้วแบงก์ว่าไงบ้างหละ”มันตะโกนถามผมกลับมาครับ
“................................” เงียบคือคำตอบ จะให้กรูว่าอะไรหละ ถ้าเมิงเลือกแล้วกรูมีสิทธิ์อะไรไปว่าเมิงหรอแล้วผมก็ไม่ได้ถามอะไรมันอีกเลย จนไปถึงร้านจิ้มจุ่ม วันนี้คนเยอะพอสมควรครับ แต่ก็ยังพอมีที่นั่งเหลืออยู่พอนั่งเสร็จ ไอ้กั๊กก็โชว์แมนทันที
“เดี๋ยวแบงก์นั่งนี่แหละ เดี๋ยวไปหยิบของมาให้” คือมันจะเป็นแบบบุฟเฟ่ต์อะครับ ต้องบริการตัวเอง มันก็หายไปนานมาก ระหว่างนั่งรอมันก็มองตามมันไปด้วย ใจก็คิดตามไปด้วยว่าจะเอายังไงดีวะเนี่ย มันเป็นสีเทามานานแล้ว คลุมเคลืออยู่อย่างนี้มาตลอด 7 ปี อยากรู้ชัดๆๆไปเลย ว่าจะเป็นสีขาว หรือสีดำดี
“อ้า มาแล้ว แบงก์”สักพักมันถืออะไรมาก็ไม่รู้เลยครับ เยอะแยะไปหมดเลย นี่จะกินกันหมดไหมเนี่ย
“อู้หู ทำไมเอามาเยอะจัง แล้วจะกินกันหมดไหมเนี่ย”
“หมดอยู่แล้ว 5555555”
“น่าจะชวนสามาด้วยเนอะ”น้าน ปากตรู ไปเอ่ยชื่อมันทำไมก็ไม่รู้
“อยากให้มาจริง ๆ หรอ” มันพูดพร้อมทำหน้าล้อเลียนครับ
“ทำไมหรอ”ผมงงอะดิครับ
“ปล๊าว”เมิงนี่ แปลกๆๆระหว่างนั้น เราก็นั่งกินจิ้มจุ่มไปเรื่อย ๆ โดยไม่ได้พูดอะไรกัน จนมันเริ่มพูดขึ้นก่อน
“แบงก์”
“หือ”
“ตอนนี้แบงก์ทำงานอะไรอะ”
“อ้อ ตอนนี้แบงก์ทำงานที่xxxxxxxxx นะ แต่ตอนนี้แบงก์เรียนโทอยู่ด้วยอะ แม่งโคตรเหนื่อยเลยวะ”
“โห เก่งจัง”
“ไม่เก่งหรอก ฟลุ๊กมั้ง 55555+” แหม ชมกรูอย่างนี้กรูก็เขินหมดอะดิ”
หลังจากนั้น เราทั้งคู่ก็เงียบกันไปสักพักหนึ่ง ตอนนั้นผมกำลังตัดสินใจอยู่ว่าจะลองตัดสินใจลองบอกมันอีกสักครั้ง แม้ว่าผมคาดว่าคำตอบคงจะไม่ได้เป็นอย่างที่ผมคิด
ผมเงยหน้ามองมันนิดหนึ่ง ก็เห็นมันกำลังนั่งซดน้ำซุปอยู่ ผมคิดว่าอย่างไรซะ ผมคงต้องบอกมันอีกสักครั้งเพื่อให้มันรู้ว่าผมยังรู้สึกกับมันเหมือนเดิมนะ
“กั๊ก”
“หือ” มันเงยหน้าขึ้นมามองหน้าผมตาแป๋วเลยครับ
“กั๊กจำสวนสนได้ไหม”
“อือ จำได้ดิ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าเขาจะสร้างอาคารเรียนเพิ่มนะตรงนั้นอะ
“อือ หรอ น่าเสียดายเนอะ อย่างน้อยกรูก็เคยบอกชอบเมิงที่นั่น” หลุดไปจนได้ครับ ตอนนี้ก็เพียงแค่รอแต่ปฏิกิริยาตอบรับจากมัน
“แบงก์ยังจำได้อีกหรอ” มันถามผมครับ
“อือ จำได้ดิ” กรูจำได้ดีทีเดียวแหละ
“และที่กรูจำได้อีกอย่างนะ คือว่าเมิงยังไม่ได้ตอบกรูเลยนะ”
“ทำไมแบงก์ชอบเราหละ”อ้าวทำไมเมิงถามยังงั้นหละ
“อืม..............................................ไม่รู้ดิ แบงก์ไม่รู้หรอก”
“ทำไมแบงก์ไม่รู้หละ”เมิงจะซักกรูทำไมเนี่ย
“ก็คงเหมือนกับที่กั๊กชอบสานั่นแหละ แต่มันต่างกันตรงที่ไอ้สาเขาก็ชอบแกด้วยเหมือนกัน”
“แล้วแบงก์รู้ได้ไงว่าเราชอบสา”โอ้โห เมิงไม่แสดงออกเลยเนอะ
“กรูไม่ได้โง่ถึงขนาดที่ดูไม่ออกหรอนะ ว่าแกสองคนเป็นแฟนกันอะ”
“โห ดูง่ายขนาดนั้นเชี่ยะ”
“นานยัง”รู้สึกว่าคำถามนี้คุ้นๆๆ ยังไงไม่รู้
“อืม นานแล้ว” มันก้มหน้าตอบไม่เต็มเสียงเท่าไหร่ นี่เราช้าไปอีกแล้วใช่ไหม ไม่ใช่ช้าสิไม่มีโอกาสเลยต่างหาก ระหว่างนั้นเราทั้งคู่ต่างนั่งกันเงียบกริบ ไม่มีใครแตะต้องอาหารกันอีกเลย
“เอ้ย โทษทีนะ ทำเสียบรรยากาศหมด” ผมบอกมันไปหลังจากดูมันนิ่ง ๆๆ
“กินต่อดิ หิวไม่ใช่หรอ”ผมบอกกับมัน พร้อมกับคีบลูกชิ้นใส่ลงไปในถ้วยมันครับ
“แบงก์” อยู่ดีๆๆ มันก็เรียกชื่อผมขึ้นมาครับ
“อย่าเลยนะ” อย่าอะไรของเมิง
“อย่าอะไร” ตอนนั้นงงมากครับ
“................................อย่าพยายามเลยนะ กั๊กรู้ว่าแบงก์คิดกับกั๊กยังไง แต่กั๊กคงไม่ได้เป็นยังแบงก์ กั๊กคงรู้สึกอย่างแบงก์ไม่ได้”
“...................................................................เออกรูเข้าใจ............แต่.......” ตอนนั้นรู้สึกว่าตัวเองไม่มีแรงยังไงไม่รู้เหมือนกัน ขอบตาร้อนผ่าวๆๆ
“แต่ไร” มันเงยหน้าขึ้นมามองผม
“ขอแค่ชอบไม่ได้หรอ”น่าน หน้าด้านอีกกรู
“อย่าเลย”
“ทำไมอะกั๊กก็ทำตัวของกั๊กให้เป็นปกติ ไม่ต้องมาสนใจกรูก็ได้ เมิงก็เป็นของเมิงยังงี้ต่อไป เพราะยังไงกรูก็คงทำอะไรไปไม่ได้มากไปกว่านี้หรอกนะ”
“สาเขาถามกั๊กอะ ว่าแบงก์ชอบกั๊กหรอ”
“แล้วกั๊กตอบไปว่าไงหละ”อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะตอบไปว่าอะไร
“กั๊กก็ ไม่ได้ตอบไรไป”
“ทำไมกั๊กไม่บอกสาไปหละ ว่าไม่ได้เป็นอะไรกัน”
“แต่สามันรู้ว่าเมิงชอบกรูอะ”อ้าว นี่กรูดูง่ายขนาดนี้เลยหรอว่ะ
“แบงก์”
“หือ”
“กั๊กกับสาจะแต่งงานกันแล้วนะ”
“เมิงคงไม่อยากให้สาเขาลำบากใจใช่ปะ”ผมถามมันครับ ฮือๆๆๆ แล้วกรูหละ
“.....................................”
“ไม่ได้เลยใช่ไหม” ผมขอโอกาสต่อ
“........................................”
“อือกรูเข้าใจหละ
จบจริง ๆ แล้วสินะ นี่ใช่ไหมที่เราต้องการ คำตอบที่ต้องการ แม้ว่าจะคาดการณ์ไว้ล่วงหน้าแล้วว่ามันต้องออกมาเป็นแบบนี้ เมิงมันเป็นผู้ชายนิ ไม่ใช่เกย์เหมือนกรู
กรูคงไม่มีสิทธิ์อะไร........แม้แค่จะขอรักเมิง กรูก็ไม่มีสิทธิ์
“อืม กรูจะพยายามนะเว้ย แต่เป็นเพื่อนกันได้ใช่ไหม"
“อืม”
“ขอบใจนะ” ผมพูดกับมันครับ
“เรื่องไรเหรอ” มันถามผมพร้อมทำหน้างง ๆ
“ขอบใจนะที่เมิงยังเป็นเพื่อนกรู” ตอนนั้นผมรู้สึกน้อยใจตัวเองมาก ๆๆๆ
“อย่าพูดยังงั้นดิ”เอ้า แล้วเมิงจะให้กรูพูดยังไง หน้ามันก็เสียไปนิดนึง
“ยินดีด้วยนะ แล้วแต่งเมื่อไหร่หละ อย่าลืมชวนกรูด้วยหละ”ฝืนฉีกยิ้มสุดชีวิต
“คาดว่าคงเป็นปีหน้าอะ”
ผมเห็นมันทั้งคู่รักกัน ผมก็คงต้องอวยพรให้มันหละครับผมคงไม่มีหน้าไปแยกมันทั้งคู่ออกมาแค่ผมเกิดมาเป็นเกย์ก็บาปมากพอแล้ว ไม่อยากสร้างบาปไปมากกว่านี้
“แล้วแบงก์กลับกรุงเทพเมื่อไหร่”
“คืนนี้หละ”
“โห นี่ดึกแล้วนะ จะกลับยังไง” ไม่ต้องห่วงกรูหรอก
“อ้อ เดียวให้น้องขับกลับนะ มันจะขึ้นกรุงเทพพร้อมกันเลย”
“งั้นเก็บตังค์เลยดีกว่านะ เดียวดึก”ไม่อยากกินกับกรูก็บอกมาเหอะ
“อืม ได้ เดียวแบงก์เลี้ยงนะ”
“ขอบใจนะ”มันพูดครับ
หลังจากที่เราจ่ายเงินเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ก็เดินไปที่รถเพื่อที่จะกลับครับ ระหว่างที่ผมนั่งซ้อนถ้ายรถมันกลับบ้านนั้นน้ำตาผมเผลอไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว เผลอแอบซบหลังมันซะด้วยรวมถึงเผลอใช้หลังมันเช็ดน้ำตา รู้สึกตัวอีกที หลังมันก็แฉะไปด้วยน้ำตาผม ผมคิดว่ามันรู้ว่าผมร้องไห้ ผมสังเกตได้ว่ามันขับรถช้ามากๆๆ ไม่รู้ว่าเพราะอะไรแต่สำหรับผมแล้ว ผมพยายามจดจำภาพปัจจุบันของมันให้มากที่สุด เพราะผมคิดว่า อีกนานกว่าผมจะได้เจอมันอีก หรือว่าอาจจะไม่ได้เจออีกเลย เพราะตอนนี้ผมตัดสินใจได้แล้วครับ ว่าหลังจาก จบโท ผมคงจะไปอยู่เมกา หรือไม่ก็ที่ไหนซักแห่ง หลังจากลังเลอยู่นานหลายเดือน
หลังจากลงจากรถมัน มันก็จะหมุนล้อกลับไปเลย
“กั๊ก เดี๋ยว”ผมตัดสินใจเรียกมันไว้
“มีไรเหรอ”
“กรูว่าหลังจากกรูเรียนโทจบแล้วกรูจะไปเมกาวะ”
“อืม................เหรอ”เมิงพูดแค่นี้หรอ
“อีกนานกว่ากรูจะได้เจอเมิงอีกนะหรือว่าอาจจะไม่ได้เจอกันอีกเลยนะ”
“อืม นั่นสินะ”
“ขอกอดทีได้ไหม”
“......................................................”
“แบบเพื่อนนะเมิง”นี่เมิง เมิงลำบากใจมากเลยหรอ
มันไม่ตอบแต่ก็ยื่นมือดึงผมเข้าไปกอดหลวม ๆๆ น้ำตาที่กลั้นมานานก็ไหลออกมายังกะเขื่อนแตก่อีกรอบ ยิ่งวันนี้ไปดูรักแห่งสยามมาด้วย ยิ่งอินหนักเข้าไปใหญ่
ตอนนี้ผมอยากจะบอกรักมัน แต่ผมก็ไม่กล้าครับ กลัวว่ามันจะลำบากใจ จึงทำได้แค่พูดอยู่ในใจ
“อืม พอแล้ว กรูอึดอัด”ผมพูดแบบขำ ๆ ครับ หุหุหุ
“กลับบ้านดี ๆ หละ”
“อืม ขอบใจ”
“ลาก่อนนะโว้ย” ผมพูดกับมันครับ เพราะว่าคงจะเป็นคำบอกลาที่เหมาะสมที่สุดแล้ว
“อืม” แล้วมันก็ขับรถหายไปในความมืดบนท้องถนน
หลังจากมันขับรถออกไปแล้ว ผมก็นั่งสงบสติอารมณ์อยู่หน้าบ้านพักหนึ่ง ก่อนที่จะทำหน้าร่าเริงเข้าบ้าน เพื่อเตรียมตัวกลับกรุงเทพ จำไม่ได้เหมือนกันว่าตอนนั้นกี่โมงแล้ว แต่เข้าบ้านได้ ก็รีบเก็บของพร้อมกับเร่งน้องให้เตรีมตัวกับกรุงเทพกัน ขากลับต้องให้น้องขับกลับครับ เพราะว่าสติสตังไม่ได้อยู่กับเนื้อกับตัวผมแล้ว
สภาพผมตอนนั้นยอมรับว่าแม้ข้างนอกจะดูปกติ แต่ข้างในไม่มีอะไรเหลือแล้วครับ หัวใจที่ให้มันไป ถูกทำลายด้วยคำว่าเพื่อนจากมัน
ความรักของผม ถูกส่งไปไม่ถึงมัน แม้ว่าผมจะพยายามเต็มที่แล้วก็ตาม
ผมไม่มีสิทธิ์แม้แค่จะขอรักมัน ถ้าเพื่อน ๆ จำได้ ผมเคยบอกไปแล้วนะครับว่าผมไม่อยากให้คนที่ผมรักต้องมาอาย หรือต้องมาลำบากใจเพราะผม ดังนั้นผมจึงเลือกที่จะหายไปเอง หายไปจากสารบบของชีวิตมัน ให้มันไปใช้ชีวิตปกติตามแบบฉบับที่มนุษย์เขาควรจะมีกัน
ส่วนผมนะหรอก็คงจะใช้ชีวิตในแบบฉบับของผมเหมือนเดิมอยู่คนเดียว สุขคนเดียว เศร้าคนเดียว เหงาคนเดียว กินข้าวคนเดียว ดูหนังคนเดียว
เพื่อน ๆ เคยรู้สึกไหมครับ ว่าในขณะที่เราไปงานปาร์ตี้ มีเพื่อนล้อมหน้าล้อมหลังเยอะแยะ แต่วูบหนึ่งกลับรู้สึกเหงาอย่างประหลาด สำหรับผมนะเหรอความรู้สึกอย่างนี้เป็นความรู้สึกที่เชี่ยมาก ๆ เลยหละครับ
ก็อย่างว่า ความรักของผม ใครเขาจะมาอยากได้ละครับ ต่อจากนี้คงต้องรักตัวเองให้มากๆๆ เหงาก็กอดตัวเองสุขก็ยิ้มคนเดียว นี่แหละครับชีวิตของแบงก์ละครับ
หลังจากนี้สิ่งที่ผมทำได้ก็คือ เก็บภาพทุกภาพของมันลงลิ้นชักในความทรงจำที่ปิดตายและคงจะไม่มีโอกาสที่จะได้เปิดมันขึ้นมาอีกเพราะลูกกุญแจดันอยู่ที่มันครับ ไอ้กั๊ก ที่ไม่ใช่เป็นไอ้กั๊กของผมอีกต่อไปแล้ว...................................
ผมต้องขอขอบคุณเพื่อน ๆ ทุกคนมากนะครับที่เป็นกำลังใจให้แบงก์นะครับขอบคุณด้วยใจจริง และต้องขอโทษเพื่อน ๆ ทุกคนด้วยที่ต้องทำให้หดหู่ แต่ทำไงได้ละครับ ก็ความรักของผมมันไม่ได้แฮปปี้เอ็นดิ้ง จบแบบสวยงามเหมือนเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ในนี้
หลาย ๆ ครั้งที่ผมอ่านเรื่องของคนอื่น ๆ แล้วผมอิจฉามากเลยครับ ว่าทำไมเขาถึงมีคนที่รักเขาอยู่ข้าง ๆ แต่ผมหละ ไม่มีใครเลยหรอ.............แต่ว่าผมก็รู้ตัวและเจียมตัวมาตลอดนะครับ ว่าผมคงไม่มีใครสนใจหรอก ก็เราเป็นแค่ไอ้แบงก์นิเนอะ 555+
ผมคงไม่มีโอกาสมาเล่าเรื่องราวความรักของผมอีกแล้วหละครับ เพราะมันคงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว แต่ยังไงก็ตาม ผมก็จะพยายามเข้ามาที่บอร์ดนี้ทุกวันนะครับ ก็ทำไงได้ คนมันติดแล้วนิเนอะ 55555555+
ปีใหม่นี้ขอให้เพื่อน ๆทุก ๆ คนมีความสุขมาก ๆ นะครับใครที่มีความรัก ก็เก็บรักษาเอาไว้ให้ดี ดูแล และทะนุถนอามันเอาไว้ เวลามีปัญหากันก็ให้คิดเสียว่า คุณยังโชคดีกว่าแบงก์นะครับที่มีคนที่คุณรักอยู่ข้าง ๆ และที่สำคัญ มอบความรักให้กับคนที่เขารักคุณ เผื่อผมด้วยนะครับ เพราะการวิ่งตามความรัก มันเหนื่อยมากครับ ผมเข้าใจดี
The end
แบงก์ทำถูกแล้ว เพื่อให้คนรักมีความสุขต้องเสียสละ ในเมื่อเขารับไม่ได้ เราก็หายไป เศร้าเน๊อะ แบงก์ทำถูกแล้ว เพื่อให้คนรักมีความสุขต้องเสียสละ ในเมื่อเขารับไม่ได้ เราก็หายไป เศร้าเน๊อะ ขอบคุณครับ โคตรเสียใจเลยอ่ะ{:sm-32:}
หน้า:
[1]